พบพระพุทธเจ้า ถามเฉพาะ คนที่ได้พบนะครับ คนที่เข้ามาแนะนำอะไรไม่ต้องเข้ามานะครับ

ครับ ได้รับทราบไว้ ตรงนี้สำคัญมาก
แสดงเข้าตรงกันแล้ว

ผ่าน..

 

แป่ว

ที่เขียนไปหนะ ระบุไปที่ อริยสัจจ4 ก็เป็น สิ่งเกิดดับ ยกขึ้นสู่การพิจารณา

แล้วที่ ร่ายมานั่นหนะ นั่นมัน ตื้นๆ หมดเลย

อย่า งง นะ


อริยสัจจ4 ก็เป็น ธรรม เป็นปฏิปทา ยกพิจารณา เกิด ดับ ได้นะฮับ

ถ้ายกไม่ได้ ขุด มหาสิปัฏฐานสูตร ทิ้ง ขอเจอนางแก้วก่อง

อย่ามาทำ นิมิตขวางทางจงกรมนะ เดี๋ยว เอา น้องชาย ฟาดหน้า เลย !!


ปล. แบ่งแยก วรรค ของธรรม เอาเองนะ อย่า ขนเข้าตัวหมด ฮิวววววววส์

 

การ พิจารณากลับไปกลับมา จะต่างกับ การเห็นเกิดดับ เยอะมาก

การพิจารณากลับไปกลับมา จัดเป็น ปฏิปทาการภาวนาของ พระปัจเจกฯ

ถึงแม้นจะ พิจารณากลับไปกลับมา ก็ ไม่สามารถสอนธรรมให้
คนบรรลุตามได้

ดังนั้น

ตามเห็นความเกิด ความดับ จะทำให้ ศรัทธาในปฏิปทา
ที่มาจาก "ตม" ได้มากกว่า



ปล. ปัญญานิรุตติ สัทธรรมที่สอนให้ให้บรรลุได้ เป็นของ พระผู้มีพระภาคเท่านั้น
ไม่มี มหาบุรุษไหนมาเกิดแทรกกลางโลกธาตุของพระพุทธองค์ได้ องค์ปฐมรหัสฯรหัสฯ !!!

 

นั้น กลับ ไปหัวข้อกระทู้

เขาถามว่าท่านใดมีพระสบการณ์ พบ พระพุทธเจ้า

สำหรับผม บอกจากประการณ์อันเล็กน้อย
ตามความรู้อันนิดหน่อย

พระพุทธองค์ท่าน ทำลาย กามาสวะ ภวสวะ อวิชชาสวะ ขาดสะบั้น จากจิตของท่าน

เมื่ร่างกายหมดอายุชัยลง ย่อมเข้านิพพาน
นิพพานที่พระองค์ กล่าวไว้ว่า

นิพพานัง ปรมัง สุขัง
(นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง)

ส่วนที่ผมพบ พระพุทธรูป พูดได้
ในขณะเดินจงกรม แล้วยืนพิจารณา

พวกมด ที่มันขนเศษอาหาร จากกองอุจจาระ

ผมยืนพิจารณา พวกหมู่มด พวกนั้น

มันไม่รู้ว่ามันกำลังกินขี้อยู่...

ด้วยอำนาจแห่งบุญบารมี ที่เราสั่งสมมา
มันแสดงตัวของมันออกมาจากจิตเจ้าของ
เป็นทั้งภาพ และเสียง อย่างที่เขียนบอกไว้ว่า..

"เราตถาคต เห็น กิเลสตัณหา เหมือนกับกองขี้
ที่คนทั้งหลาย สำคัญว่าเป็นอาหาร"

ภาษานักภาวนาเรียกว่า ธรรมมันพุดขึ้นมา
จากจิตเจ้าของ สื่อผ่านออกมาทั้งภาพ เเละเสียง

เราก็น้อมเอาธรรมที่พุดที่มา มาพิจารณาต่อ

แต่จะพิจารณาในแง่ไหน อุบายสอนเจ้าของอย่างไร
ขึ้นอยู่กับเจ้าของเอง..

อย่างผมเขียนบอก เวลาเข้าห้องน้ำ
นั้นมันห้องกรรมฐานส่วนตัวผม

มันพิจารณาได้หลายแง่หลายมุม ขึ้นกับเจ้าเอง

เพื่อสอนเจ้าของเอง...
(ผมเข้าใจอย่างนี้นะ)
มันถึงสื่อ ออกมาอย่างนั้น

ส่วนท่านอื่นจะพบในลักษณะใดบ้าง
เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ตามความสามารถเจ้าของ
ผมไม่ไปเถียงกับใครแหละ!!

 

ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้

งั้น ฟังของ ป๋ม มั่งนะ

ป๋ม ก็เห็น " พระพุทธองค์ทรงมาพระสรวล แล้วก็ดำเนินเข้าหลังดวงแสงสว่างจ้า "

ป๋ม ก็กำหนดเห็นว่า นั่นเป็น " สิ่งลวงแน่นอน " จึง เพิกถอนไม่ตีความ
เอาอุบายใดๆ จากการเห็น นั้น ทั้งหมด ฆ่าทิ้งโลด !!!

แล้วได้อะไร

ฮะเอ่อ


คุง มารเดินดิน ลอง โยนทิ้งจิฮับ แล้วจะเห็นเลย " กลัวบรรลุ " มันมี
เหตุมาจาก อะไร

แล้ว ทำไมตอนนี้ ขอเจอ นางแก้ว พาไป เจ็ด ก่อน ค่อยปฏิบัติธรรม

ค่อยรู้รสอันประเสริฐของการปฏิบัติ ตอนนี้ไม่ขอรู้รสแห่งการปฏิบัติใดๆทั้ง
นั้นหากยังไม่ได้ แต่งมอสระเอีย เฮีย เอย

 

ทีนี้ น้องๆหนูๆ เฉพาะที่ ยกประเด็น " ธรรมเกิด " หรือ " ธรรมเตือน " แบบ พระป่า

พระป่า จะชอบพูดกันมาก เวลาติดขัด พอปฏิบัติไปๆ จะเกิด จิตรวม แล้ว ธรรมเกิด
ธรรมมาเตือน เป็น โศลก เป็น บริบทบอกการแก้จิต

แล้ว คนฟังธรรม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไป กระเดียด เอาอย่าง เอาเยี่ยง ลอก ก๊อปปี้
ธรรมเกิดบ้าง ซึ่ง ไม่เหมือนหลอก


ไม่เหมือนตรงไหน


ไม่เหมือนตรงที่ พระป่าท่านเล่า " ธรรมเกิด ธรรมเตือน " นั้นคือ นิมิตลวง
ให้ปฏิบัติอีกชนิดหนึ่ง .....

บทเล่าการปฏิบัติ ลองกลับไปฟังใหม่เลย จะคนละเรื่องกับ " ธรรมเกิด "

ยกตัวอย่าง " เห็นจุดและต่อม " แล้วไงต่อ หากไปอ่านให้ดีๆ ไม่ใช่
ไปนั่งเพิกจุดและต่อม ....แต่ ปฏิบัติอย่างเดิม ย้อนกลับไป ตอนเริ่มต้น
ทำกลับไป กลับมา จะเกิดจุด เกิดต่อม ก็ช่าง ไม่เกิดก็ช่าง ....แล้วจึง " ฉึ๊บ "

ซึ่งตรง ฉึ๊บ เนี่ยะ หากฟังธรรมเป็น จะรู้ว่า ท่านไม่ได้อธิบายว่า มันเป็นยังไง
หมดบัญญัติ

ทราบแต่ว่า "ตม" ที่อาศัย มันก็พอให้เจริญได้ ถ้า .................



ซึ่ง จะคนละเรื่องกับ พวกอ้าง ธรรมเกิด แต่ทว่า หลังจาก ธรรมเกิด โน้นนนนน
ไปโน้นนนนนนน ขอเจอนางแก้ว พาไป กิโล6บวก1 ก่อน

 

แล้วจะรีบไปไหน?

ผมประเภทเต่า ค่อยๆเดินไป...

 

เคยไดยินเรื่อง พระโพธิสัตว์สำเร็จอภิญญา5 เหาะไปในอากาส
แล้วไปเจอ นางแก้ว อาบน้ำร้องเพลง อยู่เบื้องล่างเป่า

ถ้าจำไม่ผิด อันนี้ นางแก้ว ตัวจริง

แต่...

แล้วเคยได้ยินเรื่อง พระโพธิสัตว์สำเร็จอภิญญา เหาะมาในอากาส
แล้วพระราชาเชิญให้มารับบิณฑบาตร แต่ทว่า วันหนึ่ง เหาะเข้า
หน้าต่างมา มเหสีของพระราชาลุกเร็วไปหน่อย แล้วไปละเมิด
นางแก้วของพระอานนท์(พระราชาในชาตินั้น) อะเป่า

กำลังบอกอะไร

ฝึกไปเถอะ ถ้า เวลามันจะให้ผล ให้เกิดนางแก้ว มันไม่ถามเจ้าของ หน้าไหน หลอก


กลัวอดเจ็ดไปได้ เชยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 

ขอบคุณ คุณ นิวรณ์ ครับ ที่ตบกลับเข้าทาง 555

เรื่องธรรมเตือนนี่ ก็เคยเกิดนะ แล้วก็นำมาสู่การปฏิบัติในทุกวันนี้ และเป็นที่มาของลายเซ็น

แต่จริงแล้ว เป็นเพราะลืมดูยินดียินร้าย โดนวิตก 3
ลากมาปฏิบัติ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ธรรมฉันทะก็ต้องกำหนดรู้ ทำให้มาก เจริญให้มาก แต่ไม่ยึดมั่นถือมั่นใช่ไหม

ขอบคุณครับ

 

เต่ามีแวะเยอะ ดอกไม้ริมทาง
(ไม่เอาแล้ว เด๋วของกระทู้ มาเผ่นกระบาน)
ไปละลูกพี่ ไว้คุยกระทู้อื่นบ้าง ผมยังมีชีวิตอีกยาว..

 

คุง มางเดิงดิน ฟังข้างบนแล้ว อย่า ดำริ นะฮับ

ถ้า ดำริ ใดๆ เกิดในจิต จะไปโน้นนน งั้นเอา มากกว่า เหาะได้
เพิก รูปขันธ์ไปให้หมด จะได้ ห่างจาก สภาวะ "สาทะแห่งรูป"
ก็เลยไปโน้น หายวับไปจากโลก ไปจุมปุ๊กใน หิมพานต์ ด้วยอำนาจ
แห่ง ไม่มีรูป

ไม่รอดนะฮับ เพราะ กวางในพิมพานต์ นั้นก็ ใช่ ย่อย ไม่ได้ทำอะไร
เลย นั่งจุมปุ๊ก แต่ สภาวะแห่ง ผัว-เมีย ก็เกิดได้อีก


ดังนั้น ภวตัณหา วิภวตัณหา นี่ อย่าไปเผลอ ดำริ ขึ้นมาให้มัน สบช่อง


พระพุทธองค์ ตรัสบอกว่า กายคตาสติ ทำให้มากๆ เดี๋ยวจะเห็น
ความอึดอัดระอาใน " สาทะ " รสอร่อยๆ ปรากฏให้มาพิจารณา
เกิดดับๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ เอง

 

ก็ต้อง สรุปไปประมาณนั้นแหละ เพราะ ส่วนที่เป็น จริงๆ ยังไงก็ บรรยาย ไม่ได้ ถ้า บรรยายได้ ก็ให้นึกถึงคำหลวงตา " มะอึงทำกับku ขนาดนี้เชียวหรือ ?"

 

จะเป็น นักรบ รบเพื่อ ธรรมของ พระผู้มีพระภาค

หรือ จะ วิ่งหนีหางจุกตูด ด้วยกลัว .......


ระวัง ชาติหน้า ผลิกกลายเป็น นางแก้ว นะเว้ยเฮ้ย !!!



เห็น พระพุทธองค์มาปรากฏ ก็ต้อง ยืนยัน จิฮับว่า มาปรากฏ
สัจจ หนะ มีไหม เคารพ สัจจ นั้นไหม !!

 

เอางี้ ถ้า กลัวเจ้าของกระทู้ ต่อว่า งั้น ผม อธิบาย เจตนาดี ของ
คุณ มารเดินดิน ที่ แสดง ธรรม ให้เห็นดังนี้

คุณ มารเดินดิน ภาวนาเดินจงกรม จิตรวมเป็น ฌาณ...ติต่างว่าเป็น ฌาณ4
ละกัน จะได้ สนิทเป็นหนึ่งกับ เจ้าของกระทู้

พอจิตรวมเป็น ฌาณแล้ว ก็เห็น พระพุทธองค์ มาปรากฏ .....[ จัดเป็น พวกเห็น ตถาคต ]

หลังจากนั้น ก็ ปฏิบัติแบบไม่เอาจริงเอาจัง เพราะ กลัวบรรลุไปมากกว่า
ที่เป็นอยู่ เพราะ ผู้ใดเห็น ตถาคต ย่อมเห็น ธรรม

คุณมารเดินดิน ก็เลยแสดง อุบายธรรมบอกว่า ไม่ปฏิบัติละ ขอให้ได้
แต่งเมียก่อน แล้วค่อยว่ากันต่อ


จริงๆ

คือ คุณมารเดินดิน เขากำลังบอกว่า ทำฌาณ4 ได้ แม้นว่าจะเห็น
ตถาคต แต่ทว่า รสอร่อยแห่งรูปเนี่ยะ คือ " สิ่งที่ปรากฏเป็นอิตถียอินทรีย
ในวัย14 [ ตามพยัญชนะในพระไตรปิฏก สมัยพุทธกาล สมัยนี้ สงสัยวัย7-11ขวบ แล้ว ]"

ดังนั้น คุณมารเดินดิน ก็กำลังเตือนให้ระวัง สาทะแห่งรูป ซึ่ง รูปฌาณ4
ก็ดี อรูปฌาณ4ก็ดี ย่อมไม่พ้น สาทะแห่งรูป ที่ อร่อยที่สุด นั่นคือ รูป
ของเป็นอิตถียอินทรียในวัย14 หรือนางแก้ว เป็น สมมติอนุพยัญชนะ [ บางโพสของเขา เรียก นางแก้ว ว่า ขี้ ]

โสดาบัน บรรลุ ก็ยังไม่พ้น รูปที่อร่อยที่สุด
สกิทาคามี บรรลุ ก็ยังไม่พ้น รูปที่อร่อยที่สุด

อนาคามี บรรลุ ก็ยังแค่ ยกพิจารณาได้ อนุโลมเรียกว่า พ้น แต่ ยังไม่พ้นจริงๆ

สรุป คุณมารเดินดิน เข้ามาในกระทู้ ก็เพื่อ แสดงธรรมเหล่านี้ ยกเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

 

ก็จริงคับไม่มีอะไรเถียงมันเป็นเรื่องจริง...ผมไม่มีภูมิอะไรทั้งนั้นและผมแน่ใจว่าไม่จำเป็นมากนักสำหรับกรณีของผมเพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไรอย่างนั้นมาแต่แรกจึงถูกที่สุดที่ผมไม่มีภูมธรรมใดใดและไม่ต้องกลัวว่าผมจะยกตยไปเสมอใครหรือเพื่อแสดงว่าผมมีธรรมที่พระศาสดาสอนมาจริงอีกคือเพราะธรรมที่เอามาพูดมันธรรมที่พระศาสดาสอนไม่ใช่ของผมและผมไม่ใช่อาจารย์ทางด้านนี้ผมก็อาศัยเมื่อถึงจุดที่ต้องอาศัยธรรมมาช่วยก็เอามาแต่ที่มีอยู่น่าสติแบบบ้านๆคือพอแค่ทำให้ไม่ตกตำ่ลงไปมากเกินกว่าที่จะยอมรับเท่านั้นคุณพี่กว่ามมานั้นถูกต้องและสมควรเป็นอย่างยิ่งคับแค่มีลมหายใจระลึกรู้เป็นบางเวลาบ้างนึก.ถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์บ้างสำหรับผมเท่านี้ก็ดีนักหนาแล้วคับ...บอกกล่าวกับทุกท่านในที่นี้เอาไว้เลยคับจะได้ไม่ต้องคิดมากผมไม่มีภูมิธรรมฤทธิ์เดชอานุภาพใดใดผมก็ไม่มีไม่เคยมีและไม่ควรมีแน่นอนครับอย่ามาคิดว่าผมพูดไปเพราะผมมีภูมิธรรมขอให้เชื่อศรัทธาในสิ่งที่ควรเชื่อ...ข้อความหรือคำพูดมันเป็นสิ่งเลื่อนลอยโดยปกติ...ดังนั้นจงศรัทธาต่อสิ่งที่เห็นสมควรเถอะคับ

 

กว่าจะแพลม ออกมาว่า มีไรเปนวิหารธรรม เล่นเอา หอกแหลกปากป๋มมาหลายปี

ทีนี้ ก้รับแซปและว่า หายใจสู้คู่นุสติ

แล้วเอา ตรรกปรัชญาอุปการะ วิหารพาเทนอน

ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้

 

ผมไม่มีวิหารธรรมใดผมอาศัยแก้ไขเปลี่ยนแปรไปตามสถานะการณ์ยึดเอาอันใดไว้มากก็ไม่ได้เลยเอาเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ในทุกๆตอนแต่บางทีก็เกิดเองโดยไม่ตั้งใจแต่ที่ระลึกเสมอแม้ไม่ใช่เวลาที่เขาเรียกว่าปฏิบัติคือพุธโธแต่ก็รู้ว่ามันมีหลายช่วงหลายตอนที่ไม่มีส่วนตรรกะปรัชญานั้นถ้าให้คิดตามมันคงทำได้ไม่ยากแต่ต้องรู้ว่าแล้วเราจะคิดตามใครและบังเอิญผมพอทราบว่าจะคิดตามใครเท่านั้นเองทุกอย่างมันเลยดูเหมือนเดิมมานานปีก็เท่านั้นเองคับ

 

ผมก็กำลังหาคำตอบอยู่ว่าทำไมต้องคิดให้มันยากด้วยถ้าทำตามเขาบอกมันไม่น่ายากแต่ก็ไม่เป็นแบบนั้นเพราะความคิดอยากรู้จึงพบเจออะไรหลายอย่างทั้งนี้มีทั้งพระอาจารย์และอาจารย์หลายท่านก็พูดเสมอว่าให้ตั้งใจเดี้ยวก็รู้มันก็จริงแต่หลายเรื่องก็้ยังไม่รู้อยู่ดีเวลาไปพบพระอริยะเจ้าท่านก็ถามว่าปฏิบัติไหมก็ตอบว่าทำแต่ไม่มากท่านเลยบอกว่านั่นไงเลยไม่รู้ตอนนี้ทำใจได้ที่ไม่รู้เพราะบางทีต้องเรียยรู้ไปเรื่อยๆคับ

 

เท่าทีติดตามอ่านกระทู้ของทุกท่านก็ทราบว่าที่เห็นอยู่นี้คือการแสดงความเชื่อและการแสดงเหตุที่มาของความเชื่อดังนั้นผมและทุกท่านก็ได้ทำและแสดงออกมาบางครั้งแาจน่ากังวลบางครั้งอาจปกติแต่สุดท้ายมันจะย้อนลงมาที่ทำสิ่งใดมาก็ได้สิ่งนั้นเรื่องอะไรที่เหนือกว่าปกตินั้นเชื่อว่ามีแต่ก็ขึ้นอยู่กับเราว่าอะไรในความเชื่อและเหตุผลมีพอจะหักล้างหรือยอมรับหรือไม่ก็เท่านั้น

 

ท่านกล่าวได้ดีฯล......