พบวัดพิลึก ห้ามไหว้พุทธรูป

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 26 กรกฎาคม 2008.

  1. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามการยังจิตให้เลื่อมใสอันเนื่องมาจากวัตถุ
    เช่น คนสามารถเลื่อมใสในสถูปของถาปารหบุคคล
    ไม่ได้ตรัสว่าสถูปต้องบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนะครับ
    คือสถูปใดๆก็ได้
    ..................................................................
    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันต-
    *สัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมาก ยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้
    เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้
    เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลก
    สวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    จึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ
    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า
    จึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของ
    พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้า
    แต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์
    ข้อนี้แล พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ
    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สาวกของพระตถาคต
    จึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของสาวก
    ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใส
    ในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
    เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล สาวกของพระตถาคตจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ
    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระเจ้าจักรพรรดิจึงเป็น
    ถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระธรรมราชา
    ผู้ทรงธรรมนั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะ
    กายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล
    พระเจ้าจักรพรรดิจึงเป็นถูปารหบุคคล ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวกนี้แล ฯ
    ...............................................................................
    .
    .
    .
    แม้การเคารพในถ้วยตวงหรือทะนานตวง(ตุมพะ)ก็มีมาแล้ว
    ก็ไม่เห็นพระอรหันต์(ท่านพระมหากัสสัปปะ)ท่านคัดค้านแต่ประการใด
    ..............................................................................
    โทณพราหมณ์รับคำของหมู่คณะเหล่านั้นแล้ว แบ่งพระสรีระพระผู้มีพระภาค
    ออกเป็น ๘ ส่วนเท่ากันเรียบร้อย จึงกล่าวกะหมู่คณะเหล่านั้นว่า ดูกรท่านผู้เจริญ
    ทั้งหลาย ขอพวกท่านจงให้ตุมพะนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจักกระทำพระสถูป
    และกระทำการฉลองตุมพะบ้าง ทูตเหล่านั้นได้ให้ตุมพะแก่โทณพราหมณ์ ฯ
    ..................................................................................
    .
    .
    .
    ในอดีตการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในสถูปนั้นกษัตริย์ต่างๆทำกันเอง
    ก็ไม่ต่างกับที่เราๆท่านๆบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระพุทธรูปทุกวันนี้
    ทุกสิ่งที่จะน้อมนำคนไปสู่พระรัตนตรัยเป็นสิ่งถูกต้องครับ
    ขอใช้คำเดิมๆเหมือนข้างบนก็คือยังจิตให้เลื่อมใส


     
  2. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    พุทโธอัปปะมาโน คุณพระพุทธสุดจะประมาณได้
    หากมองในอีกแง่ในไตรโลกธาตุนี้ไม่มีสื่งใดเทียบเสมอหรือแทนพระพุทธคุณแลพุทธบารมีได้เลย
    ต่อใหสร้างพระพุทธรูปอืกโกฏิล้านสูงเสียดฟ้าก็ยังไม่อาจเทียบได้กับหยดหนึ่งแห่งน้ำพระทัยแห่งพระพุทธเจ้าและกำลังใจอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธโพธิญาณ
    ต่อให้ตัดคอถวายทุกภพที่เกิดสร้างพระตลอดเวลาก็ไม่เทียบเสมอหยดหนิ่งแห่งน้ำพระทัย
    ฉะนั้นพระพุทธรูปจริงไม่สามารถเป็นเสมือน"องค์แทน" แต่ เป็น" สัญลักษณ์แห่งพุทธบูชา"
    การที่จะสร้างพระผู้สร้างย่อมมีกำลังใจสูงมากและซาบซึ้งในพุทธบารมีอย่างยิ่ง กำลังใจแห่งพุทธานุสตินี้สารถนำสู่ทางพระนิพพานเลยทีเดียว
    เราจึงควรโมทนากับกำลังใจนี้
    การบูชาใดๆที่เป็นความดีเป็นมงคลย่อมให้ผลเป็นกุศลจิตกุศลวิบากแน่ๆ
    แต่พระพุทธรูปไม่ใช่เป็น"องค์แทน"แน่ พระธรรม ต่างหากเป็น ตัวแทนแห่งพระพุทธเจ้า และการดำรงจิตแห่งพุทธานุสติก็เป็นธรรมบทบทหนื่งที่ทรงตรัสไว้สมดัง
    พุทธพจน์ "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต"
     
  3. Falcon_Se

    Falcon_Se เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +223
    ใคร่ขอเรียนถามศิษย์ของหลวงพ่อเกษมดังนี้ครับ ถือว่าเป็นการสนทนาธรรมแล้วกันนะ

    ถาม #1: เคยได้อ่านกระทู้ที่วัดสามแยก มีผู้ถามว่าการสร้างพระพุทธรูปได้บุญหรือบาป หลวงพ่อเกษมท่านได้ตอบว่าเป็นบาป ..ผมเคยอ่านเจอเมื่อนานมาแล้ว จึงสงสัยและอยากใคร่ถามศิษย์ของหลวงพ่อว่า ในเมื่อการสร้างพระพุทธรูปเป็นบาป การระลึกถึงพระพุทธรูปเป็นบาป การยังจิตให้เลื่อมใสด้วยการนำเอาพระพุทธรูปเป็นเครื่องหมายในการเจริญพุทธานุสติก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราควรทำลายพระพุทธรูปที่มีอยู่ทั่วโลกใช่หรือไม่ ต้องทำลายตั้งแต่พระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร พระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืององค์อื่นๆ และสิ่งอันเนื่องด้วยพระพุทธเจ้าทั้งหลายใช่หรือไม่ และเมื่อทำลายทิ้งทั้งหมดแล้ว เมื่อต้องการเจริญพุทธานุสติ เราจะใช้อะไรเป็นสัญลักษณ์

    ถาม #2: ผมเคยทราบมาก่อนว่า ผู้ที่มีภูมิจิตระดับเดียวกันหรือเหนือกว่าจึงจะทราบได้ว่าท่านอื่นบรรลุธรรมขั้นใดแล้ว เช่นพระอนาคามีก็จะรู้ว่าใครที่เป็นอนาคามีเหมือนตน หรือรู้ได้ว่าใครมีภูมิธรรมต่ำกว่า หรือพระอรหันต์ก็จะรู้ได้ว่าใครเป็นอรหันต์และพระอริยระดับอื่นเช่นกัน เมื่อได้อ่านที่คุณ พลัjจิต โพสไว้ ได้บอกว่าทราบว่าหลวงพ่อเกษมเป็นพระอนาคามีแล้ว ผมจึงเข้าใจว่าคุณ พลัjจิต บรรลุอนาคามีแล้วเช่นกัน ผมขออนุโมทนาในจุดนี้ครับ และอยากทราบว่าคุณ พลัjจิต มีแนวทางในการฝึกฝนอย่างไรบ้าง ทั้งสมถและวิปัสสนา ผมอยากทราบจริงๆ ครับว่าสายของหลวงพ่อมีอุบายและวิธีการในการฝึกเช่นไรบ้าง เหมือนเคยได้ฟังมาว่า หลวงพ่อให้ภาวนา พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆ ถี่ยิบในการฝึก ซึ่งผมก็ไม่เคยลองทำตามวิธีนี้ดูเหมือนกัน อยากทราบว่าคุณ พลัjจิต ฝึกสมถตามแนวทางนี้หรือไม่ และมีวิธีเจริญวิปัสสนาอย่างไรครับจึงได้บรรลุเป็นอริยบุคคล อยากให้ช่วยแนะนำด้วยเพราะคงเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างมาก

    ขออนุโมทนาครับ
     
  4. พอเพียง

    พอเพียง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +70
    http://www.samyaek.com/board2/
    เปิดให้ถามได้ โดยตรงค่ะ ถามตรงนั้น มีผู้ที่ตอบได้ มากว่า
     
  5. thaiput

    thaiput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    9,528
    ค่าพลัง:
    +27,656
    *-* วิปลาศไปแล้วนะครับอย่างนี้ ไม่เห็นด้วยเลยครับ เห็นแล้วเศร้าใจจริงๆครับ *-* thaiput007@hotmail.com
     
  6. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    เช่นกันค่ะ
     
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สมัยพุทธกาล
    พุทธองค์ทรงติเตียนผู้ทำการกราบไหว้รูปบูชา
    ต้องเข้าใจก่อนว่า ในสมัยนั้น มีการกราบไหว้
    เพื่อร้องขอ หวังบันดาลโชคลาภ
    หรือ พลีกรรม บูชายัน ล้วนเป็นความงมงาย
    ไม่สามารถปลดเปลื้องทุกข์ได้จริง และไม่เป็นไปเพื่อความรู้แจ้ง

    ซื่งต่างกับการนอบน้อบบูชา ของชาวพุทธ
    คือ เป็นไปเพื่อเตือนสติ
    เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส
    เป็นไปเพื่อกุศลจิต
     
  8. ศุภผลธนภัทร

    ศุภผลธนภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +548
    [FONT=Tahoma,Bold]
    ทุกท่านลองอ่านและพิจารณาดูจากพระไตรปิฎกกันก่อนจะฟันธงว่าผิดหรือถูกดีกว่าไหม
    คัดลอกจาก
    พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล
    ชุด 91 เล่ม
    (มหามกุฎราชวิทยาลัย)​
    [/FONT]
    - 1 -​
    [FONT=Tahoma,Bold]
     
  9. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    แม้แต่พระโสดาบันยังมีความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างมั่นคง แล้วที่สูงจากพระโสดาบันขึ้นไปก็ไม่ต้องพูดถึงครับ คุณธรรมข้อนี้ทรงได้สบายอยู่แล้วแม้แต่จะลบหลู่เล่นๆก็ไม่มีเด็ดขาดแน่ แต่นี่ท่านทำถึงขนาดนี้ คิดเอาเองนะครับ.....ขอให้ท่านปรับสายพิณของท่านได้ก่อนที่สายจะขาดนะครับ กรรมใครก็กรรมมันครับ ทุกท่านอย่าเอาทุกข์ภายนอกมาหน่วงใจเลยนะครับแค่ทุกข์ภายในก็หนักมากแล้ว
     
  10. Leopud

    Leopud สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +24
    ดูก่อน..ท่านทั้งหลาย
    การปรามาส..ภิกษุ..นั้นเป็นสิ่งไม่ควรกระทำ
    สิ่งที่ท่านเห็นเป็นสิ่งที่สื่อนำเอา..บทวลีสั้นๆ ที่คนทั่วไปถ้าไม่พิจารณาด้วยปัญญา<มองโลกแง่ร้าย> มองก็ตีความไปโดยไม่ใช้ปัญญามองถึงเจตนาของผู้เขียนวลี
    ผมมองว่า
    ประโยคนี้ท่านเขียนนี้เพื่อแสดงในที่ไม่เป็นสาธารณะ <มิใช่ออกข่าวเพื่อสร้างกระแส>
    แต่ท่านเขียนอยู่จำเพาะอยู่หน้าพระพุทธรูป ซึ่งจำเพาะให้ผู้ที่จะกราบบูชาได้เห็น
    ผมจึงมองด้วยปัญญาว่า ท่านสื่อว่า "ให้ระลึกถึงพระพุทธ มิใช่สักแต่ว่ากราบพระอิฐพระปูนไปโดยไม่ระลึกถึง พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ."
    ***นี่เป็นขณะจิตแรกที่ผมเห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์..
    ถ้าผมจะกล่าวตำหนิ
    ผมจะขอกล่าวตำหนิผู้ที่นำมาลงข่าวโดยมิได้พิจารณาเสียก่อนว่าถ้าออกข่าวไปจะมีผู้เข้าใจผิดมากมากมายหรือไม่..และเกิดการล่วงเกินผ้าเหลืองหรือปล่าว <ยังมิต้องพูดถึงพระอริยบุคคล.. นะครับผมกล่าวถึงผ้ากาสาวพัตร>

    ยกตัวอย่าง
    จากคำสอนขององค์สมเด็จพระจอมไตร ที่กลาวถึง
    "พระปิลินทวัจฉะ" ท่านเป็นพระอรหันต์ กิเลสท่านละสิ้นหมดแล้วแต่วาสนายังละไม่ได้
    เวลาเจอคนทั่วไป หรือแม้กระทั่งพระภิกษุด้วยกันท่านมักติดพูดคำว่า "วสลิ" หรือ ไอ้ถ่อย"

    อันนี้เพียงคำคำเดียวมิสามารถสื่อความหมายอื่นใดได้เลย
    ยังมิสามารถสื่อถึงจิตที่แท้จริงของผู้ที่พูดได้เลย
    แต่ในกรณีนี้เป็นทั้งประโยค..จงใช้ปัญญามองเถอะครับ
    ****จงวางเฉยต่อสิ่งที่สื่อนำมาลงเสียเถอะครับ***
    ผิดพลาดประการใดโปรดอภัยด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2008
  11. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +2,392

    ขออนุญาตอ้างอิงคำพูดนี้ของคุณ Brava นะ

    -สื่อนำมาออกเอง เพราะเห็นว่าตีไข่ใส่สีได้ขายข่าวได้ดีแน่นอน
    -ถวายเงินพระ บาปแน่นอน
    -สวดมนต์ ถ้าอยากสวดให้บอกกล่าวก่อน เผื่อมีใครในโลกทิพย์ที่ไม่ชอบ ก็ให้เขาไปที่อื่นก่อน ไม่เสียหาย
    -มัน ในที่นี้คือ พระพุทธรูปและสิ่งที่หล่อหลอมรวมเป็นพระพุทธรูป ซึ่งย่อมไม่ใช่พระพุทธเจ้าอยู่แล้ว เพราะท่านดับขันธ์ปรินิพพาน คืนสมมุติให้ธรรมชาติหมดแล้ว
    -ปกติท่านไม่สอนให้กับผู้ที่ยังยึดติดในรูปเคารพ เพราะฉะนั้นคำสอนของท่านจึงไม่แพร่หลายมากเท่าไหร่


    เหลืออยู่แต่ธรรมเท่านั้น ธมมก็ยังคงเป็นของมันอยู่เช่นนั้น ไม่มีใครจะเอ่ยนามมันได้ เป็นอย่างนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรมันได้ โลกจะอยู่หรือดับ มันก็ยังคงเป็นอยู่เช่นนั้นของมัน

    โอ๊ย พูดยากแท้น่อ
     
  12. ซุปเปอร์แมน

    ซุปเปอร์แมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +195
    ซุปเปอร์แมนจะยึดติดหรืออะไรก็ช่างเหอะ ซุปก็จะไหว้พระพุทธรูปต่อไป..[​IMG]
     
  13. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    เมื่อไม่มีพระพุทธรูป คุณจะสอนเด็กๆที่บ้านให้กราบพระได้อย่างไร
    เด็กๆจะเข้าใจไหม จะรู้จักพระพุทธเจ้าไหม เพราะพระพุทธรูปคือตัวแทนพระพุทธเจ้า
    ลองนึกย้อนตอนตัวเองเด็กๆดูสิ เรากราบพระพทธรูป เรานับถือศาสนาพุทธได้อันเนื่องจากมีพระพุทธรูปนะคะ ถ้ารุ่นเราทำลายพระพุทธรูปหมด แล้วยังสามารถสืบทอดศาสนาพุทธได้อีกหรือ
     
  14. พระมหากุลวัฒน์ธนะ

    พระมหากุลวัฒน์ธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +3,589
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD class=cd16 width=687>อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป



    </TD><TD class=cd16 width=47 rowSpan=2></TD></TR><TR><TD class=cd16 width=687><TABLE cellSpacing=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=cd16 vAlign=top width="13%">ผู้ถาม :</TD><TD class=cd16 vAlign=top width="87%">หลวงพ่อคะ การสร้างพระพุทธรูป กับการถวายปัจจัย อย่างไหนมีอานิสงส์ดีกว่าคะ
     
  15. chocolatus

    chocolatus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +58
    ทุกสิ่งอาจเป็นกุศโลบายที่เป็นอุบายอันแยบคายในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    แต่เจตนาเดียวกันคือให้ทุกคนได้ระลึกถึง รู้ และฝึกตน

    ล้วนต้องศึกษาให้เข้าใจลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ยิ่งศึกษา ยิ่งยากขึ้น

    ขอให้ทุกคนเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น


    ทุกวันนี้คนไทยแตกแยกมากพอแล้ว ไม่อยากให้พระพุทธศาสนาต้องมาแตกแยกกันอีก

    คำพูดเป็นฟืนไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งจริง ๆ ค่ะ

    อย่าทำจิตใจให้เศร้าหมองเลยนะค่ะ
     
  16. พิม

    พิม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +95
    โปรดกรุณา อ่านช้าๆ และ อ่านให้หมด
    และ คิดพิจารณาไตร่ตรองตามด้วย





    คุณของการสวดมนต์คือ สวดแล้วรู้เรื่อง - รู้ความหมาย -
    ปฏิบัติได้ถูกต้องตามที่สวดนั้น - และสวดด้วยจิตใจอิ่มเย็นโอบอ้อมอารี
    เพราะมนต์ทั้งหมดในพระพุทธศาสนาคือคำสอนแม้จะเป็นคำสรรเสริญก็ืคือคำสอน
    ถ้าจะสวดเป็นบาลีก็ต้องสวดให้ถูกต้องตามอักขระฐานกรณ์ของภาษาบาลีด้วย
    ( แต่ต้องเป็นมนต์ที่พระพุทธเจ้าพาทำมาและสอนไว้)

    โทษของสวดมนต์คือสวดแบบไม่รู้เรื่อง - ไม่รู้ความหมาย - ทำไม่ถูกตามที่สวด -
    สวดเพื่อให้ขลัง - อ้อนวอน - สวดเสก - เป่าให้ผู้อื่นฉิบหาย หรือ
    สวดแล้วรู้เรื่องและเข้าใจอย่างดีแต่ไม่ทำตาม เช่น พระสวดพระวินัยทุุกๆ 15 วันแต่ก็ทำผิดพระวินัยมากมาย
    และโยมสวดประกาศปฏิญาณตนมอบกายถวายชีวิตนับถือ พุทธ - ธรรม - สงฆ์ เป็นที่พึ่ง แต่ไม่กระทำตามนั้น
    ยังไปนับถือสิ่งอื่นเพิ่มอีกเช่น ผี - เทวดา - เครื่องรางของขลัง ฯลฯ

    เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมผิดต่อคำสวดที่ตนเองสวดคำพุทธเจ้าสอนอยู่
    และโทษย่อมเกิดขึ้นกับตนผู้ไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนาให้ดี


    สำหรับผู้ชอบสวดมนต์เป็นภาษาบาลี ถ้าไม่รู้เรื่องคือไม่ได้แปล เมื่อไม่แปลก็ไม่เข้าใจความหมาย
    เมื่อไม่เข้าใจความหมายของบทสวดมนต์ ถึงแม้จะมีสติกำกับอยู่อย่างดี แต่สตินั้นก็เป็น มิจฉาสติ
    แม้กระทั่งมีความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติอยู่ด้วย ก็ยังเป็นความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติที่ผิด

    สตินั้นมีอยู่ของมันทุกเมื่ออยู่แล้ว แต่ถ้าไประลึกผิด ก็เป็นสติที่ผิด
    ทุกอย่างต้องเข้าใจชัดเจนถูกต้อง จึงจะเป็นสัมมาสติ จึงจะเป็นสติที่ถูกในความหมายของพระพุทธศาสนา

    พุทธเจ้าสอนเอาไว้แล้วว่า ผู้ที่จะเรียนธรรม - วินัยของพระองค์ ต้องเรียนด้วยภาษาที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้
    ถ้าหากเรียนธรรม - วินัยด้วยภาษาที่ผู้เรียนไม่เข้าใจ
    พุทธเจ้าตำหนิเอาไว้แล้วว่าเป็นการ " ปฏิบัติผิด "
    การปฏิบัติผิดนี่ต้องได้บาป
    ต้องไปรับโทษในนรก - เปรต - สัตว์เดรัจฉาน
    เมื่อได้หมุนวนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ก็เป็นมนุษย์ที่มีสติ - ปัญญาไม่ดี
    เรียนรู้อะไรก็เข้าใจยากมาก เงอะงะๆ เซ่อๆซึมๆ สาเหตุก็เพราะได้สร้างความงงงวย - งมงาย - ไม่รู้เรื่อง
    เหยียบย่ำตัวเองเอาไว้แล้วเรียบร้อยในคราวนี้ด้วยการสวดมนต์คือคำสอนของพระพุทธเจ้าแบบผิดๆ

    พิจารณาเพิ่มเติมได้ที่>>> ผู้สวดมนต์...ห้ามพลาด!!!
     
  17. tingman

    tingman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +281
    มากไปแล้วครับ พระเกษม การไหว้พระพุทธรูป เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู กตเวธิตา ต่อพระพุทธองค์ เหมือนกับการไหว้สุสานบรรพบุรษของคนจีนนะครับ และก็เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือสืบทอดกันมาแต่โบราณกาล ไปไหว้มันทำไมทองเหลือง แหม! คิดมาได้ ทำนองเดียวกับที่ว่าไปแคร ทำไมคน เป็นแค่เนื้อหนัง เลือด กระดูก เดินได้ เอาดาบฟันมันทิ้งเลย ขออย่าให้ท่านบ้าถึงขั้นนี้เลยนะครับ.....
     
  18. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    เรียนเชิญท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย

    http://palungjit.org//showthread.php?t=137369

    ทำนองเดียวกับกระทู้นี้แหละครับ
     
  19. ณ.วชิรา

    ณ.วชิรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +422
    เก็บมาฝากลองอ่านดู.....
    หลวงปู่เสาร์มรณภาพ
    ในกาลต่อมา พระครูเม้าวัดอำมาตย์ ให้คนถือจดหมายมาบอกให้ทราบว่าหลวงปู่เสาร์ป่วยหนักและท่านกำลังจะเดินทางมาโดยทางเรือ มาถึงนครจำปาศักดิ์ ประมาณ ๕ โมงเย็น ให้เรากับพระเพ็งผู้เป็นหลานของหลวงปู่เสาร์ มารอรับท่านหลวงปู่เสาร์ เรือของท่านหลวงปู่เสาร์จะมาถึงนครจำปาศักดิ์ ประมาณ ๕ โมงเย็น
    <TABLE width=100 border=0><TBODY><TR><TD align=left>[​IMG]</TD><TD align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=left>
    ท่าน้ำทางขึ้นวัดอำมาตย์
    </TD><TD align=left>
    โบสถ์ไม้ (เดิม) วัดอำมาตย์ ซึ่งหลวงปู่เสาร์กราบก่อนมรณภาพ ปัจจุบันรื้อแล้วและก่อสร้างหลังใหม่
    </TD></TR><TR><TD align=left colSpan=2>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=left colSpan=2>
    พระพุทธรูปในโบสถ์ที่หลวงปู่เสาร์กราบก่อนมรณภาพ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    เมื่อเรือของหลวงปู่เสาร์มาถึง เราพร้อมกับพระเพ็งก็ลงไปรับท่านในเรือ พบว่าหลวงปู่เสาร์ท่านมีอาการหนักมาก จึงจัดเปลหามเข้าไปในวัดอำมาตย์ พาท่านเข้าไปในอุโบสถที่ทำด้วยไม้ ท่านก็ทำกิริยาให้ประคองท่านขึ้นกราบพระเราทั้งสองก็ประคองท่านขึ้นเพื่อกราบพระ
    เมื่อกราบลงครั้งที่สาม สังเกตเห็นท่านกราบนานผิดปกติจึงจับชีพจรดูจึงรู้ว่าชีพจรไม่ทำงาน พระทั้งหลายที่อยู่ในพระอุโบสถก็ว่า
     
  20. อาคม ดอกลั่นธม

    อาคม ดอกลั่นธม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +104
    บาปจริงๆ

    พระสมัยใหม่ชอบคิดอะไรแปลกๆนะเราว่า ท่านทั้งหลายลองมองไปดูสิ
    พระอริยสงค์ทั้งหลาย ที่นิพพานไปแล้วในดินแดน ที่ชื่อว่าประเทศไทย
    เช่นหลวงปู่มั่น หลวงปู่เนียม หลวงปู่โหน่ง หลวงปู่ทวด หลวงปู่แหวน
    และหลวงพ่อของผม หลวงพ่อฤษีลิงดำ ท่านต่างนิพพานไปแล้วและทิ้งความจริงเอาไว้คื่อกระดูกที่เป็นพระธาตุหรือสิ่งอื่นๆที่กลายเป็นพระธาตุ แสดงว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านทั้งหลายก็ไหว้พระพุทธรุปที่ขึ้นชื่อว่าทำจากทองเหลืองทั้งนั้น และตอนนี้มีพระหน้าใหนมาบอกว่าอย่าไปกราบมันมันไม่ใช้พระพุทธเจ้า

    จริงไม่ใช้พระพุทธเจ้า แต้เป็นรูปเหมื่อนพระพุทธเจ้าที่เราสักการะ
    หน้าสงสารจังหน้าสงสารพระองค์นั้นที่ต้องตกอเวจีมหานรก
    ตั้งแต่ยังไม่ตาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...