พบวัดพิลึก ห้ามไหว้พุทธรูป

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 26 กรกฎาคม 2008.

  1. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ต่อข้อที่ว่า ท่านเลือกสอนนั้น ท่านก็ไม่เชิงว่าเลือกหรอกค่ะ ท่านสอนคนที่พร้อมต่อแนวทางนี้แล้วเท่านั้น ที่เป็นข่าวอยู่นี้ท่านก็ไม่ได้ ออกมาประกาศตัวเอง คนที่เข้าหาท่านเเละพร้อมจะรับ ท่านก็สอนให้ อย่างที่ท่านบอกเสมอว่าใครที่ยังไม่เชื่อ ก็ไปหาพระไตรปิฏกมาอ่านให้แตก ตีให้ได้ก่อน หลังจากนั้นจะไม่เชื่อ ก็ไมว่า ก็ตามใจตามกรรม ไอ้ที่ไม่เชื่อเลยและประกาศว่าไม่รับไม่ฟังก็ไม่ต้องมาถามปํญหากันก็แค่นั้น ถึงเวลาของเขาที่พร้อม เขาก็ได้ของเขาเอง มันก็กรรมใครกรรมมัน ท่านก็ไม่ได้ไปบังคับใครนี่นา หนังสือพิมก็ลงข่าวเอง พวกคุณรับไม่ได้ก็ไม่ต้องมาว่ากล่าวไม่ต้องเข้าหาก็แค่นั้น ส่วนใครติดใจสงสัย ก็ไปหาศึกษาเอาซิ
     
  2. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ส่วนตัวดิฉันเอง เห็นว่า ไอ้เรื่องการสร้างรูปเคารพามาบูชานั้น มันก็เป็นเรื่องที่ทำกันมาน้านนาน จนกลายเป็นวัฒนธรรม ประเพณี ไปเสียเเล้ว จนคนรุ่นๆเรา ก็ไปถือเอาว่ามันเป็นวิถีเเห่งพุ?ธเสียเเล้ว คุณมองย้อนไปให้ดีๆ คุณกำลังติดอยู่ในกรอบที่สังคมสร้างขึ้นเองใช่หรือเปล่า มันยากนะ ที่จะเเก้ไข ให้เข้าที่เข้าทางอย่างที่มันเป็นจริงๆ เพราะมัมีเรืองของความเชื่อและกาลเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ไหนจะผลประโยชน์อีกมหาศาลที่ใครหลายๆคนต้องเสียไป ผลประโยชน์จากการทำมาหากินบนความเชื่อขอคนอื่นน่ะ พวกเขาคงไม่ยอมง่ายๆหรอก แลละหลวงพ่อเกษมท่านก็ไม่ได้ปรามาสพระพุทธเจ้านะคะ ท่านว่าให้รูปหล่อทองเหลืองนั่นต่างหาก ใส่ใจโดยเเยบคายกันสักหน่อยสิคุณ
     
  3. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    แล้วคุณคนที่ถามว่าเวลาไปวัดนะ เรากราบท่านหลวงพ่อเกษมทำไม เอ็ก็คุณไม่เข้าใจหรือว่า ชาวพุทธน่ะ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆื เป็นที่พึง เราจึงกราบสงฆืได้ไงเล่า แต่จะไม่กราบท่าน ท่านก็ไม่ว่านะ เพราะก็บอกเเล้วว่าให้ระลึกเอา เข้าใจใหม ที่สำคัญอย่าไปเอาพุทธรูปปังเป็นที่พึ่งที่ระลึกก็เเล้วกัน พราะมันก็เป็นสิ่งที่เริ่มมาจากศิลปะ ก็เเค่นั้น ต่อมา พวกคหบดี มีเงินมาก ไม่รู้จะไปซื้ออะไรมาเสริมบารมีอีก ก็อยากจะยกจะย่อโสถ์ วิหารมาไว้ในบ้าน ก็ไปหาซื้อมา มีการจัดห้องพระ ไอ้พวกหัวการค้า ก็เล็งเห็นทางทำเงิน ก็กลายเป็นการปั่นพองทางความเชื่อ ก็เลยกลายเป็นธุรกิจขึ้นมา พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ของเราก็เป็นเหยื่อเขา มาจนถ฿งมัยนี้ เราก็เป็นผู้รับผลพวงของโรคเรื้อนร้ายต่อไปอีก แค่นั้นเอง สมมุติง่ายๆนะ ถ้าพวกเราไม่เคยได้รู้จักศาสนาพุธเลยเนี่ย แล้วบ้านเราก็นับถือผีอยู่ อะไรๆก็พึ่งก็ขอเอาจากผี วันหนึ่งเรารู้ธรรมขึ้นมาอย่างหนึ่ง เราจึงไม่รับเอาผีเหล่านั้นมาเลี้ยงต่อ โยนกรวยดอกไม้นั้นทิ้งคุณว่าคุณเนรคุณบรรพบุรุษงั้นหรือ
     
  4. krisdasri

    krisdasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +759
    ????????????????????????????????????
     
  5. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ส่วนคุณที่สงสัยว่าเบิกบุญเเล้วกลัวบุญหมดเนี่ย ม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งทำตัวเป็นบ่างกันเเน่ บุญน่ะ เบิกเท่าไรก็ไม่หมดหรอก เบิกมาใช้แล้ว มันก็คืนสภาพมีอยู่ต่อไป ความดีที่ได้ทำ มันก็เกิดเเล้ว ถามว่าลบมันออกมั้ยล่ะ สิ่งที่คุณทำไปแล้ว ไปเเก้ให้มันกลายเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยเนี่ย ได้มั้ยล่ะ? ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผลของมันก็อยู่คู่กันไปตลอดนั่นแหละ ยิ่งถ้าการเบิกบั้นเป็นการเบิกเพื่อโอนไปเเก่ผู้อื่นด้วยล่ะก็ บุญนั้นก็สะท้อนกลับมาเป็นมหาศาล อย่างน้อยๆก็คือมีบุญเพิ่มกว่าเดิม เนื่องจากผลของการให้ เเละผลของการอนุโมทนา อย่ามาถามเเกล้งถามถึงธนาคารอะไรเลย กระเเนะกระเเหนกระทั่งกับพระ
     
  6. krisdasri

    krisdasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +759
    พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว
    ยังไงก็ขอ พระพุทธรูป ไม่ก็ ภาพพระพุทธ หรือไม่ก็ พระเครื่องไว้เพื่อ
    ง่ายในการ นึกถึงพระพุทธเจ้า หละกันนะครับ
     
  7. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอย้ำว่าพุทธรูป ไม่ใช่ที่ระลึกของพระพุทธเจ้า แม้ใครๆจะค้านว่าอย่างน้อยก็เป็นเครื่องช่วย หรือตัวช่วย อะไรก็แล้วเเต่จะเรียกเถอะค่ะ เเต่ขอให้รู้ไว้ด้วยว่าการสร้างหรือการมีไว้ครอบครองมีโทษอย่างเเน่นอน คุณๆทั้งหลายเคยเข้าใจมาตลอดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่จะทำนุบำรุงสืบต่อศรัทธาในพุทธศาสนา แต่ตรงกันข้ามสิ่งเหล่านี้นั่นเเหละที่จะทำลาย และทำให้คำสอนที่เเท้ของพระพุทธองค์บิดเบือนไป ส่วนที่เจ้าคณะออกมาบอกว่าเรื่องการโอนบุญให้เชื้อโรค เป็นเรื่องที่ไม่มีในพระไตรปิฏกนั่นน่ะ คาดว่าเจ้าคณะท่านนั่นเเหละที่ไม่เคยสละเวลานั่งศึกษาพระไตรอย่างแท้จริงสักที เรื่องการโอนบุญให้เชื้อโรคนั้นมีจริงๆ แต่ในพระไตรนั้น อ่านเเล้วท่านก็ต้องแปลด้วย ในพระไตร เรียกตัวเชื้อโรคว่า กิมิชาติ ไปหาดู ก่อนจะกล่าวปรามาสใคร
     
  8. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ต่อข้อที่ว่าเรื่องลีลาการพูดของท่านเกษม ที่ท่านนึกตำหนิในใจนี้ ดิฉันก็เข้าใจท่านทั้งหลายดีอยู่ เพราะส่วนตัวก็เคยนึกสงสัยท่านเหมือนกัน แต่ดิฉันไมเคยหนีในสิ่งที่สงสัย ไม่เคยปลงใจว่าเชื่อหรื่อไม่เพียงเพราะการวิเคราะห์ภายนอก ยิ่งสงสัยยิ่งแคลงใจ ก็ยิ่งต้องค้น เคยเห็นพระสันดานกาพูดหวานๆ กิริยาดั่งเทพ มาก็เยอะค่ะ ก็เข้าไปศึกษามาแล้วเต็มที่เหมือนกัน แต่คำตอบสุดท้ายจากการศึกษาพระเหล่านั้นเเล้วเนี่ย ก็ได้คำตอบค่ะ ขอย้ำค่ะว่าศึกษาพระเหล่านั้นมาเต็มที่เเล้วเช่นกัน อันที่จริงท่านเกษมเนี่ยท่านทำลายสมมุติได้ดีนะคะ แม้แต่สมมุตฺของความเป็นสงฆ์ที่ท่านมี ท่านก็ทำลายจนเหลือแต่ความเป็นสงฆ์แท้ตามที่วินัยบัญญัติเท่านั้น บุคลิกแบบฮาร์ดคอร์นั่นมันก็เเค่บุคคลิกอ่ะนะ แต่ท่านไม่ทำอะไรผิดวินัยก็ละกัน
     
  9. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ที่อยากบอกอีกอย่างคือ ใครบางคนในเว็บนี้ ที่ขี้โม้ บ้ายอ อวดตัวว่าเคยเห็นพระพุทธเจ้าเนี่ย ฉันคิดว่าคุณนั่นเเหละควรที่จะสงสัยตัวคุณเองให้มากๆว่าคุณเห็นมารจำแลงเสียแล้วหรือเปล่า เฮ้อ และก็เห็นพวกขายพระทั้งหลายเดือดร้อนกันใหญ่นะ เฮ้อ อีกที
     
  10. มนต์ชัยIM

    มนต์ชัยIM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +473
    สิ่งทีพระอาจารย์ท่านสอนคือการไม่ยึดติดกับสิ่งใดนั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกครับ แต่มันสำหรับคนที่บรรลุธรรมขั้นสูงแล้วถึงจะเข้าใจ คนเราพูดกันคนละภาษาจะเข้าใจได้อย่างไร
    และการกระทำของท่านนั้นอาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับคนที่มีศรัทธาอย่างลึกซึ้ง คนเราผูกพันธ์กับพระพุทธศาสนามาช้านานครับ การกราบไหว้เคารพบูชานั้นก็เป็นเรื่องปกติ พระพุทธรูปก็เหมือนเป็นตัวแทนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเรานั่นเอง...
     
  11. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    "ขอย้ำว่าพุทธรูป ไม่ใช่ที่ระลึกของพระพุทธเจ้า แม้ใครๆจะค้านว่าอย่างน้อยก็เป็นเครื่องช่วย หรือตัวช่วย อะไรก็แล้วเเต่จะเรียกเถอะค่ะ เเต่ขอให้รู้ไว้ด้วยว่าการสร้างหรือการมีไว้ครอบครองมีโทษอย่างเเน่นอน คุณๆทั้งหลายเคยเข้าใจมาตลอดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่จะทำนุบำรุงสืบต่อศรัทธาในพุทธศาสนา แต่ตรงกันข้ามสิ่งเหล่านี้นั่นเเหละที่จะทำลาย และทำให้คำสอนที่เเท้ของพระพุทธองค์บิดเบือนไป ส่วนที่เจ้าคณะออกมาบอกว่าเรื่องการโอนบุญให้เชื้อโรค เป็นเรื่องที่ไม่มีในพระไตรปิฏกนั่นน่ะ คาดว่าเจ้าคณะท่านนั่นเเหละที่ไม่เคยสละเวลานั่งศึกษาพระไตรอย่างแท้จริงสักที เรื่องการโอนบุญให้เชื้อโรคนั้นมีจริงๆ แต่ในพระไตรนั้น อ่านเเล้วท่านก็ต้องแปลด้วย ในพระไตร เรียกตัวเชื้อโรคว่า กิมิชาติ ไปหาดู ก่อนจะกล่าวปรามาสใคร"

    พระพุทธเจ้าเรียกสัตว์พวกนี้ว่ากิมิชาติจริง อรรถกถามุ่งกล่าวถึงตัวหนอน เป็นเชื้อโรคน่ะใช่ ท่านมุ่งว่ากายเราสกปรกให้พิจารณากายว่าเป็นของไม่ควรยึดติด

    การแผ่เมตตานะดี แต่เชื้อโรคมันไม่รับหรอก เพราะเป็นสัตว์ที่ไม่มีจิตวิญญานครอง ประดุจดังต้นไม้ไม่มีแก่นไม่มีเทวดารักษาไม่มีวิญญาน เช่นหญ้าแต่ว่าเติบโตเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยธรรมชาติอันมีธาตุ 4 มาประชุมกัน แผ่เมตตาให้นะดี แต่เชื้อโรคไม่รับ ไอ้ตัวที่รับคือคนที่ส่งมา คือพวก เจ้ากรรมนายเวร กับพวกอสุรกาย ที่คอยคุมมันอยู่ เท่านั้น
     
  12. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    พระพุทธรูปเค้ารำลึกถึงพระพุทธเจ้าจริง ๆ เพราะคุณเห็นรูปท่านคุณนึกถึงพระได้ การมีไว้ไม่มีโทษ แต่มีโทษสำหรับผู้ที่ปรามาส คำสอนของหลวงพ่อเกษมมีทั้งดี และชั่ว เห็นผิดก็มากพึงเอาพระไตรปิฏกมาเทียบไว้เอาใจเป็นกลาง พิจารณาตามความเป็นจริง ไม่ใช่ฟังเค้ามาพูด ฟังพระท่านมาพูดแล้ว เถียงฉอดๆ ไม่ได้ศึกษษอย่ามัวแต่เอาทิฏฐิตนมาใส่

    มา สมโณ ครูติ อย่าเชื่อเเม้ว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา
     
  13. เวลา

    เวลา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    เราจะไม่ปรามาสในคุณธรรมใคร แต่เจตนาในความคิดของพระอาจารย์จะทำให้ผู้ไม่เห็นด้วยเกิดทิฐิต่อกัน เรือที่จะข้ามห้วงน้ำมีหลายลำขึ้นอยู่กับใครจะข้ามลำไหน ถ้าลำไหนโครงสร้างแข็งแรงสวยงามคนหมู่มากก็ศรัธา ธรรมเนียมการปฏิบัติมีในพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เราเกิดมาไม่ทันพระองค์จึงเพียงแต่สร้างพระพุทธรูปเพื่อรำลึกพระคุณความดีของ พระองค์ที่ได้ตรัสแสดงธรรมเพื่อให้ผู้ที่อยู่ข้างหลัง(รวมทั้งท่าน)ที่เกิดไม่ทันพระองค์ได้มีโอกาสบรรลุธรรมนั้นคือคุณประโยชน์อันหาประมาณไม่ได้ที่พระศาสดาได้ประทานไว้ให้ ดังนั้นพระสงฆืซึ่งเป็นสาวกจึงสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะกราบไห้วรำลึกบูชาท่านที่ประสิทธิ์ประสาทวิชชาให้ทั้งต่อหน้าแลลับหลังทั้งอดีตปัจจุบันอนาคตก็ดี อิฐ หิน ปูนทรายทองเหลืองเมื่ออภิวาทให้เป็นพระพุทธรูปแล้วจงรำลึกพระคุณความดีเถิด เพราะพระที่สร้างขึ้นก็แทนองค์ครูบาอาจารย์ท่านนั้นเอง ท่านทำลายพระพุทธรูปก็เหมือนกับทำลายครูบาอาจารย์ ของตนทำลายคุณความดีของพระพุทธเจ้านั้นเองทำลายคุณความดีของตนนั้นเอง (ตาลีบันทำลายพระพุทธรูป ชาติก็ล่ม) เจตนาท่านคงไม่อยากให้ยึดมั่นในวัตถุมากเกินไป จึงมองข้ามพระคุณความดีของ พระพุทธเจ้า พระ ธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า (หรือแอบกราบไห้วฃอขมาลาโทษอยู่ทุกคืนทุกวัน)แต่ข้าพเจ้า...มีแต่จะซ่อมจะแซมบูรณะพระที่แตกหักหากมีโอกาสจะสร้างพระเพื่อสืบศาสนาเพื่อรำลึกพระคูณความดีของพระพุทธเจ้า สาธุ
     
  14. ta_sepia

    ta_sepia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +179
    ซวยเลย

    เคยแจกหนังสือให้เพื่อนคับ

    ทำไงดีคับ??? ถือเป็นการทำบาปหนักมั้ยคับ???

    ผมจะมีกรรมอย่างไร หนังสือเล่ม "การอุทิศส่วนกุศลที่ได้ผล" อ่านแล้วมันน่าเชื่อถือดีอะคับ ไม่เพี้ยนเหมือนอย่างนี้ (แต่ตอนนี้รับไม่ได้เลย)

    วานผู้รู้ช่วยตอบด่วนคับ
     
  15. จิรโรจน์

    จิรโรจน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +13
    น่ากลัวจะลงนรกกันจริงๆหละครับครานี้ สำหรับคนที่ไม่ศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วไปตำหนิท่านถ้าไม่เห็นด้วยก็นิ่งไว้ก่อนเถอะครับ ไม่นานหรอกครับความจริงจะปรากฏ ถึงเวลานั้นถ้าหลวงพ่อท่านผิดจริงพวกที่ตำหนิท่านก็สบายใจได้ แต่ถ้าท่านสอนถูกล่ะครับคราวนี้หละนรกถามหากันให้ยุ่งแน่ครับ สำหรับผมได้ศึกษาคำสั่งสอนของท่านมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วครับ ตอนแรกก็เห็นขัดแย้งไม่ต่างจากพวกท่านทั้งหลายหรอกครับ แต่มาติดอยู่ที่คำพูดคำนึงของท่านที่ว่า "ศาสนานี้เป็นศาสนาของพระพุทธเจ้า หรือเป็นศาสนาของหลวงพ่อหลวงพี่ต่างๆกันแน่" ทำให้ผมต้องไปเปิดดูพระไตรปิฏกว่าเป็นยังไงกันแน่ สำหรับคำสั่งสอนของท่านผมยอมรับครับว่าค่อนข้างแรงมาก แต่ถ้าท่านเข้าใจในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จะรู้ว่าไม่แรงเลยครับเพราะสิ่งที่เราทำต่อเนื่องกันมาจนอาจจะเรียกว่าเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีแล้วนั้น ค่อนข้างจะขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก(ย้ำนะครับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่คำสั่งสอนของพระภิกษุสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง)
    สำหรับคำสั่งสอนของหลวงพ่อ ตามสมองอันน้อยนิดของผมจะเรียบเรียงได้ ขอแจงเป็นข้อๆดังต่อไปนี้นะครับ เพื่อให้พวกท่านไปลองพิจารณาดูอาจไม่มีถ้อยคำที่สละสลวยนะครับ แต่ก็เป็นถ้อยคำที่น่าจะเข้าใจง่ายแบบชาวบ้านๆ
    1. การไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูป (ซึ่งอาจจะแรงไปหน่อย) เจตนาของท่านคือไม่อยากให้ยึดติดในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมา มากกว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าท่านใดที่มีเจตนาจะกราบไหว้เพื่อเป็นพุทธบูชาหรือกราบไหว้เพื่อระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าก็อาจจะไม่ผิดหรอกครับ แต่ส่วนมากที่เราเห็นทั่วไปจะเป็นการกราบไหว้เพื่อหวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยมากกว่า โดยไม่ได้นึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะนำพาไปสู่ความหลงไหลในอิทธิฤทธิได้
    2. การโอนบุญ ท่านใดไม่เชื่อบ้างครับว่าชาวทิพย์ที่อยู่อีกคนละมิติกับเราไม่มีจริง คงมีไม่หรอกใช่มั๊ยครับ สำหรับหลวงพ่อนั้นท่านเห็นและก็ไม่ได้เห็นแตกต่างจากพระภิกษุสงฆ์หลายๆรูปที่มีอภิญญาสูงๆหรอกครับ แต่ท่านมองเห็นถึงความน่าสังเวชและทุกข์เวทนาของชาวทิพย์ที่ไม่มีบุญทั้งหลาย ว่าเป็นอยู่อย่างเดือดร้อนทุกข์เข็ญเพียงใด ท่านเห็นว่ามนุษย์จะช่วยเหลือพวกทิพย์เหล่านี้ให้พ้นทุกข์ได้ ก็เลยบอกให้ช่วยโดยมีวิธีการที่เทียบเคียงมาจากพระไตรปิฎก ส่วนเรื่องการจ้างเทวดามาช่วยงานผมว่าเป็นผลพลอยได้มากกว่า เหมือนกับเราเลี้ยงดูแลคนให้อิ่มหมีพลีมัน เค้าก็ไม่อยากจะไปไหนใช่มั๊ยครับมีอะไรช่วยงานเราได้เค้าก็ช่วย ฉันใดก็ฉันนั้นครับ
    3. การห้ามสวดมนต์ ท่านไม่ได้ห้ามนะครับแต่ท่านบอกว่าอยากสวดก็สวดได้ แต่ท่านให้บอกชาวทิพย์ทั้งหลายที่อยู่ในชั้นต่ำๆก่อนว่า เราจะสวดมนต์นะท่านใดรับได้ก็อยู่โมทนาบุญกับเรา ท่านใดรับไม่ได้บทสวดบางบทอาจไปทำร้ายท่าน ก็ให้หนีไปที่อื่นก่อนนะแล้วค่อยกลับมาเวลาเราสวดเสร็จแล้ว
    เอาแค่สามข้อนี้ก่อนคร่าวๆนะครับ อาจยังไม่ครบถ้วนเท่าใดนัก แต่ก็อาจจะทำให้หลายท่านเข้าใจไว้พอสังเขป ก่อนที่จะปรามาสหลวงพ่อท่านศึกษาสักนิดก่อนก็ดีครับ ถ้าท่านถูกขึ้นมาจะได้ไม่ต้องไปขอขมาท่านให้วุ่นวาย แต่ถ้าท่านผิดก็ไม่เป็นไร สำหรับท่านผู้รู้ทั้งหลายที่เห็นขัดแย้งไม่ต้องตั้งกระทู้แย้งผมหรอกนะครับ สติปัญญาผมคงไม่พอจะไปโต้แย้งกับท่านได้ ที่โพสต์ลงมานี่แค่แสดงความคิดเห็นและความเป็นห่วงแค่นั้นครับ
    ด้วยความปราถนาดี ;aa46
     
  16. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    "แม้แต่สมมุตฺของความเป็นสงฆ์ที่ท่านมี ท่านก็ทำลายจนเหลือแต่ความเป็นสงฆ์แท้ตามที่วินัยบัญญัติเท่านั้น บุคลิกแบบฮาร์ดคอร์นั่นมันก็เเค่บุคคลิกอ่ะนะ แต่ท่านไม่ทำอะไรผิดวินัยก็ละกัน" สงฆ์แท้ตามวินัยบัญญัติ นี่เลี่ยงได้ดี ทำศีลครบ ตามวินัย โอ ดีครับ แต่ถ้าเป็นผม ผมเป็นพระละก็ ผมปรับโทษท่านแน่ การเอาน้ำกรดรดพระพุทธรูปที่เป็นของสงฆ์ส่วนรวมนี้ ให้ทำลายไป ถือว่าทำลายของสงฆ์ ยังประโยชน์สงฆ์ให้เสียไปปรับอาบัติ ตามแต่ท่านและคณะสงฆ์จะยอมรับ
     
  17. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    พุทธรูปที่ว่านี่ เป็นของสงฆ์อย่างไร ไหนบอกหน่อยว่าเป็นของสงฆ์ได้อย่างไร พุทธรูปนี่นะ เมื่อมีขึ้นมา ก็เรียกว่าเป็นของกลาง เป็นของส่วนรวมที่ไม่ควรมีไว้ครอบครองเป็นส่วนตน หรือภายในบ้านไง ถ้าข่าวที่ออกมามันไม่ได้พยามเบี่ยงเบนสิ่งที่ท่านสอนอยู่มันก็คงไม่มีปัญหา แค่หัวข้อข่าวก็ผิดเเล้ว คุณออกมาตัดสินใครต่อใครโดยที่คุณไมพยามสืบค้นเลว่าข้อมูลที่คุณได้รับมา หรือมีอยู่ มันจริงเท็จมากน้อยประการใด แล้วการทำลายพระพุทธรูปที่คนนำมาถวายเนี่ย คนเขาก็นำมาให้ช่วยทำลายอยู่เเล้ว สงฆ์ที่ไหนเข้าไปยึดเอาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกันทำไม ยังไง เมื่อไร ท่านก็บอกอยู่ตลอดว่าใครไม่ให้ทำลาย ใครไม่ทิ้งไม่ละสิ่งนั้น ท่านก็ไม่ยุ่ง แล้วอย่างนี้ ท่านไปละเมิดของๆใครตั้งเเต่เมื่อไรละคุณ พวกคุณต่างหากที่เข้าไปละเมิดท่านเอง ถ้าธรรมใดไม่ได้กำหนด คุณมีเหตุผลอะไรไปละเมิดท่าน ใครกำหนดไว้รึ ว่าไม่ไหว้ ไม่บูชา แล้วเป็นบาป พระธรรมหรือเปล่า?
     
  18. พระมหากุลวัฒน์ธนะ

    พระมหากุลวัฒน์ธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +3,589
    ประเภทแห่งสัมมาสัมพุทธเจดีย์

    1.ธาตุเจดีย์ หมายถึง พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มีพระบรมสารีริกธาตุที่กษัตริย์และพราหมณ์นำไปสร้างสถูปประดิษฐานไว้ในเมืองของตน 8 แห่ง คือ
    1.เมืองราชคฤห์ 2.เมืองไพศาลี
    3.เมืองกบิลพัสดุ์ 4.เมืองอัลลกัปปะ
    5.เมืองรามคาม 6.เมืองเวฏฐทีปกะ
    7.เมืองปาวา 8.เมืองกุสินารา

    2.บริโภคเจดีย์ หมายถึง สิ่งของหรือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเคยใช้สอย มีสังเวชนียสถาน 4 แห่ง บาตร จีวร กุฏิ วิหาร เป็นต้น

    3.ธรรมเจดีย์ หมายถึง สิ่งที่จารึกคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น คัมภีร์ พระไตรปิฎก ใบลาน แผ่นศิลา หนังสือ เป็นต้น

    4.อุทเทสิกเจดีย์ หมายถึง สิ่งที่สร้างขึ้นเป็นรูปเหมือนของพระพุทธเจ้าโดยตรง ซึ่งก็ได้แก่ พระพุทธรูป

    ไม่ขอออกความเห็น แต่ลองนำไปพิจารณากันดูว่า สัมมาสัมพุทธเจดีย์ ทั้ง 4 นี้ เป็นสิ่งที่ควร กราบไหว้ บูชา สักการะ เคารพ ได้หรือไม่
     
  19. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    อีกอย่างนะ คุณ นายเม คุณเองก็ตัดสินเอาเองเสียเเล้วว่าดิฉันไม่ได้ศึกษาถ่องเเท้เเล้วมาเถียงฉอดๆ คุณน่าจะมองตัวเองมากกว่า ว่าคุณเชื่อในสิ่งคุณเองก็เคยเเต่ได้ยินเขาว่ามา ครูบาอาจารย์สอนมา หรือไม่ก็จากหนังสือธรรมมะ ตามร้านหนังสือ ดอกหญ้า นายอินทร์ พวกนั้น คุณอ่านเสียจนฝังหัวไปเสียเเล้วนิ เคยนั่งพิจรณาความเชื่อของตัวเองดูบ้างหรือไม่ ว่าหนังสือเหล่านั้น มันก็เเค่คำสอนของเจ้าสำนักนั้นสำนักนี้เอามาเผยเเพร่ ในเมื่อเขาเชื่อในสิ่งที่เขารู้เขาเห็นมา เขาก็เอามาพิมพ์ ก็เรื่องของเขาละ แต่คนหามาอ่านเนี่ยสิ อ่านแบบไหนกัน
     
  20. tsilawanno

    tsilawanno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +69
    อ่านเสร็จแล้วไม่สบายใจเลย ถ้าไม่อยากกราบไหว้บูชาก็น่าจะนำไปถวายวัดอื่นซ่ะ ให้คนที่เขามีความเคารพได้กราบไหว้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็เก็บเอาไว้ในห้องก็ได้ ไม่น่านำท่านมาประดิษฐานไว้ในโบถส์แล้วมาเขียนข้อความอย่างนี้ ทำให้รู้สึกว่าศาสนาพุทธจะเสื่อมลงก็เพราะชาวพุทธด้วยกันนี่แหล่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...