พบหลวงพ่อฤาษีฯ ครั้งแรก

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย pong-sit, 5 ตุลาคม 2006.

  1. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    พบหลวงพ่อฤๅษีๆ ครั้งแรก


    --------------------------------------------------------------------------------


    คัดลอกตัดตอนดัดแปลงบางส่วนจาก หนังสือเสียงจากถ้ำ(นารายณ์) ฉบับพิเศษ บนเส้นทาง พระโยคาวจร โดย สายฟ้า

    เรื่องที่คัดลอกมานี้ ผมอ่านทีไรซึ้งทุกที อย่างให้เพื่อนทุกคนได้อ่านกัน เลยเอาเวลามานั่งพิมพ์ ให้อ่านกัน




    [​IMG]




    พบหลวงพ่อฤๅษีๆ ครั้งแรก


    เย็นวันนั้นจำวันที่ไม่ได้ มันตั้ง 29 ปีที่แล้ว(ประมาณปี 2519) แต่ที่ไม่มีวันลืมก็คือ ผู้เขียนนั่งคอยพ่อ (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) อยู่แถวหน้า ติดตั่งที่พ่อนั่ง เมื่อพ่อลงมาจากที่พักชั้นบนของบ้านก็จะมานั่งตรงนั้น เราก็เลยว่าพอจะคุกเข่ากราบก็ถึงหลังเท้าพ่อพอดีเลยละ

    สักครู่ได้ยินเสียงพี่อ๋อย (คุณ เฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา) เจ้าของบ้านพูดว่า "หลวงพ่อ มาแล้ว"

    ท่านผู้อ่านเอย..... เมื่อผู้เขียนเหลียวไปมองด้านหลังตรงประตูจากชั้นบน ผู้เขียนเห็นพระสงฆ์ องค์หนึ่ง รูปร่างค่อนข้างผอม (ขณะนั้นนะ) ผิวพรรณคล้ำแต่ประกายผ่องใส เดินหลังตรงมาที่ตั่ง แต่เท้าของท่านซี ท่านเอย........ เท้าท่านดูลอยจากพื้นสักคืบหนึ่ง เดินแบบเหิร ตาจ้องมองผู้เขียนเขม็ง พ่อเอย.....

    แม้ดวงตาพ่อจะดุ แต่สายตาและวงหน้านั้นมีแต่ความเมตตาอารี ผู้เขียนไม่ใช่คนงมงายเด็ดขาดเคลิบเคลิ้มเด็ดขาด แต่ก็ต้องยอมรับว่า พระองค์นี้ไม่ใช่พระธรรมดา กระแสจิตที่มองเพ่งมามันแรงกล้า พาให้ขนเรานี่ลุกชูชันสั่นไปหมด

    เสียงบรรดาศิษย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีมีอายุมากกว่าผู้เขียน อุทานขานเรียกกันเซ็งแซ่ว่า "หลวงพ่อเจ้าขา...หลวงพ่อเจ้าขา..." ท่านก็ยิ้มรับ "เอ๊อ..ดี..ดี..ลูก.."

    แล้วก็นั่งลงบนตั่งตั้งกายตรงสง่างามหนักหนา ลูกศิษย์ลูกหาก็ประนมกราบไหว้ดูน่าตื่นตาซึ่งใจ ภาพและเสียงศิษย์รักเทิดทูนอาจารย์นั่นจับใจผู้เขียนนัก ต่างคนต่างก็รายงานอารมณ์ถามธรรมตามลักษณะ วาสนาของตน ใบหน้าน้ำเสียงก็ชื่นบานเป็นสุข องค์หลวงพ่อก็เมตตานุ่มนวล แต่หนักแน่นให้ลูกศิษย์ศรัทธา ดูแล้วไม่มีอะไรจะเคลือบแคลงสงสัยในน้ำใจท่านได้ เป็นไปอย่างนี้สักครึ่งชั่วโมง ก็ซาสร่างว่างโอกาส ผู้เขียนซึ่งนั่งเซ่อโด่เด่ขวางทางเขาอยู่นานแล้วก็ฉวยโอกาสนั้น

    คุกเข่าพนมมือ.. กะให้สวยสมใจเชียว กราบลงไปที่หลังเท้าหลวงพ่อฤาษีฯ พร้องกับพูดเสียงมั่นมาด ปรารถนาว่า

    "กระผมขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อขอรับ....."

    เท่านั้นแหละท่านผู้อ่านเอ๋ย..เท่าที่ผู้เขียนไผ่ฝันจะกราบแนบหน้าคารวะก็รีบชักเท้าหนี พร้อมกับพูดว่าอย่างนี้

    "โอ้ย!...ฉันไม่รับหรอก ฉันไม่รับสัตว์นรกเป็นลูกศิษย์หรอก..."

    มันยังไง....มันอื้ออึ้ง... มันร้อนผ่าวใจนักหนาท่านผู้อ่านเอย ผู้เขียนในระยะนั้นตระเวนหาอาจารย์ ยังไม่ได้ดื่มด่ำในรสพระธรรมให้ใจเย็นลงแม้แต่น้อย ปากผู้เขียนสวนออกไปเลย! .. ทุกวันนี้ก็ยังแปลกใจว่าพูดออกไปได้ยังไงว่า

    "ต้องยังไง..ถึงจะรับเป็นศิษย์ได้!"

    "อ๊าว..ก็ต้องเป็นผู้เป็นคนพอจะรับรู้รสพระธรรมได้... อย่างคุณนี้.. ยังเป็นสัตว์นรกเต็มตัวนี่ เป็นคนยังเป็นไม่ได้ แล้วจะมาเป็นศิษย์ฉันยังไง"

    "ทำไม?" ตอนนั้นโกรธหรือ รู้แค่ว่าหน้าตาร้อนผ่าว มือที่ยกไหว้นี้ลดลงมาท้าวพื้นแล้ว

    "ทำไม.. ก็คือยังไม่มีทุนคุณสมบัติเลยไงล่ะ อย่างคุณนี่ศีล 5 ทำได้สักข้อไหม เอาที่มั่นใจจริงๆ ซักข้อเดียวเข้าใจไหม?"

    เงียบคอแข็ง

    "จำได้ทุกข้อ...แล้วผิดเต็มตีนทุกข้อไช่ไหมล่ะ?"

    เงียบ...อึดอัด

    "เงียบทำไมล่ะ เข้าใจกับเขาบ้างไหมว่าศีล 5 เป็นยังไงเขารักษากันยังไง?"

    เงียบชักอายคนรอบข้าง

    "ไป..ไป ถอยไปห่างตีนฉันหน่อย.. จะบอกให้เอาบุญสักข้อเดียว ถ้าเข้าใจก็ยังพอรอดขุมนรกขุมลึกได้บ้าง ฉันขอถามแกตรงๆ รู้สึกอย่างไรตอบอย่างนั้น..ตกลงไหม?"

    "ครับ" เสียงคงอ๋อยแล้วล่ะ ท่านผู้อ่านอย่านึกว่าหลวงพ่อตีเบาลง อย่าเข้าใจเข้าข้างผู้เขียนมากเกินไปบอกได้เพียงว่าหนัก

    เท่านั้นแหละ! พ่อ(หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง) ก็หันหน้ามองหน้าผู้เขียน

    "เรื่องข้อสามก่อนนะ นี่...ฉันจะถามเรื่องจริง แกก็ตอบจากใจจริงๆ แบบลูกผู้ชาย ไม่ต้องโกรธกันนะ"

    "ครับ"

    "สมมุติว่าแกเดินไปกับเมียแก..."

    เดี๋ยว!...ผู้เขียนต้องจำเป็นต้องใช้ภาษาจริงๆ ที่พ่อพูด พ่อคงจะทราบสันดานผู้เขียนดีว่า ของหยาบต้องเอาคำหยาบมาขัดถู

    "...เกิดมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเขามาจับก้นเมียแก บีบเล่นต่อหน้าต่อตานี่...แกว่าดีใหม?"

    "ไม่ดีครับ!"

    "เอ้า...ตอบดีๆ หูแดงหน้าแดงทำไม เอาอีกที.. ถ้าไอ้คนนั้นมันพาพวกมาจับเมียแกลงไปข่มขืนข้างถนน ต่อหน้าต่อตาแกนี้ มัน..."

    "ไม่ดี.. ไม่ได้ มันจะมากไป..."

    "เอ๊..นี่เราจะตกลงกันแล้วนาว่าจะไม่โกรธกัน.."

    พ่อชี้หน้ารุกคืบต่อ..

    "ขอถามอีกทีเถอะวะ ไอ้หนู ..ถ้าเมียแกไม่ซื่อ แอบสนุกไปสนุกกับคนอื่นสวมเขาให้แกนี้ ลูกผู้ชายอย่างเราทนได้ไหมวะ?"

    "ไม่ได้ครับ"

    "แล้ว ไอ้.. อี.. คนที่นอกใจละเมิดสิทธิ์อันชอบธรรมหยามน้ำใจคนอื่นเขานี่ มันเป็นคนเลวหรือคนดี"

    "เลวครับ!"

    "ใช่เลวมาก.. เลวจนถ้ายังมีชีวิตอยู่ ควรจะจับเอาไปขังรวมกันไว้ ไม่ให้มาทำร้ายใจ ทำลายของรักของคนอื่นได้อีกเลยใช่ไหม?"

    "ใช่ครับ"

    ชักเต็มใจตอบเต็มสียง นี่.... ท่านถามเข้าข้างเรานี่ ท่านถามถูกต้องนี่พระองค์นี่

    "เออ..แล้วคนประเภทนี้ ตายไปควรที่จะไปตกนรกคุมขังทรมานไว้ กันไม่ให้เกิดมาทำเลวอีก ควรที่จะโดนทรมาน อบรมตามหลักสูตรสัตว์นรก จนรู้สึกรู้สาเข็ดหลาบ จึงจะปล่อยขึ้นมาเป็นมนุษย์ใหม่ จริงไหม?"

    "จริงครับหลวงพ่อ ..มัน ต้องอบรมกันนานนานด้วย!"

    "เออ.. แล้วแกว่า ถ้าคนเราในโลกนี้ ควรจะเคารพสิทธิ์ผู้อื่น ต่างถนอมน้ำใจกันนี่ มันจะมีความสุข มันดีไหม?"

    "ควรครับ.. ดีครับ.. " เมใจตอบเลนทีนี้

    "อ๊าว.. แกก็พอมีปัญญาอยู่บ้างแล้วนี่ พอจะมีเชื้อความเป็นคนอยู่ในใจพอสมควรแล้วนี่ แกกลับไปคิดต่อ คิดให้คอบศีลห้าข้อ คิดคล้ายๆ อย่างนี้แหละ เดือนหน้ามาเจอกันที่นี่ ข้าจะพิจารณาอีกทีว่าจะรับแกเป็นศิษย์ได้ไหม.."

    ท่านผู้อ่านเอย ผู้เขียนนั่งมองหน้าหลวงพ่อ หลีกหลบออกมาไตร่ตรอง พระอะไรดีอย่างนี้หนอ.. ไม่เคยพบไม่เคยเห็น ช่างถามตรงประเด็น เหมือนกับรู้ว่าผู้เขียนเป็นคนที่รักและหวงแหนครอบครัวเป็นที่สุด ท่านช่างกล้าถามไม่กลัวเราช้ำใจเลยหนอ

    "แล้วตัวแกเองนี่.. ควรจะมองตัวเองและสอนลูกแกให้เป็นคนดีมีศีล มันดีใช่ไหม?"

    "ใช่ครับ.. หลวงพ่อ" ""

    หลังจากนั้นหลวงพ่อก็นำศิษย์ทั้งหมดในห้อง สมาทานศีลห้า สมาทานพระกรรมฐาน พ่ออบรมอย่างไร สอนอะไรบ้างวันนั้น..ผู้เขียนฟังไม่เข้าไปในใจเลย.. ในใจของผู้เขียนเต็มแน่นไปด้วยความหมายของศีลข้อสาม รับรู้ได้ถึงความเจ็บช้ำน้ำใจของเจ้าของสิทธิ์ที่ถูกละเมิด รับทราบน้ำใจของพ่อที่ราดรดบาดลึกเข้ามาในใจของผู้เขียน มันยิ่งกว่าน้ำกรด ว่าเข้าไปนั่น..

    อ่านต่อไปอีก.. เรื่องสำคัญมันต่อเนื่องกัน กลับถึงบ้านคืนนั้น ก็นอนคิดต่อ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเข้าใจและยอมรับว่า "ไม่ควร..ที่ใครๆเลยจะผิดศีลข้อกาเม"

    ทีนี้.. เรื่องสะเทือนใจของผู้เขียนเกิดขึ้นในตอนเย็น หลังจากกลับจากทำงานแล้ว ผู้เขียนไปนั่งอยู่ใต้ต้นมะม่วงเขียวเสวยหลังบ้าน ที่จริงไม่ใช่นั่งใต้ต้น แต่เป็นนั่งใต้กิ่งมะม่วง เพราะต้นมันอยู่ในรั่วบ้านติดกัน มันเป็นมะม่วงของคนอื่นเขามะม่วงเจ้ากรรมนี้.. มันดกมาก โดยเฉพาะกิ่งใหญ่ที่ทอดข้ามรั้วสังกะสี เข้ามาในเขตหลังบ้านผู้เขียนนี่ มันดกเป็นพิเศษ ท่านผู้อ่านเดาใจถูกไหมว่า.. ผู้เขียนจะทำอย่างไรกับมะม่วงต้นนั้น

    ขโมยซีจ๊ะ

    ตลอดเวลาที่เช่าบ้านนั้นอยู่สามปี ก่อนจะถึงวันที่พบพ่อ ผู้เขียนมีความตื่นเต้น สมใจทุกฤดูมะม่วงผลิตดอกออกผล นั่งรอเวลาที่มะม่วงจะแก่พอกินลิ้มรสมะม่วงเขียวเสวย ผู้เขียนไม่เข้าใจว่าทำไมมะม่วงที่ขโมยเขากินจึงอร่อยกว่าซื้อจากตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เจ้าของละสายตาที่จ้องจากหน้าต่างบ้านไป.. เราก็ยื่นมือไปเด็ดทันใดหน้าด้านๆซ่อนไว้ข้างหลัง ไอ้ลูกนั้นแหละ ทำไมจึงอร่อยเป็นพิเศษไม่ทราบได้

    แต่วันนั้น.. ท่านผู้อ่านเอย.. วันนั้นอารมณ์ใจของผู้เขียนมันไม่เหมือนกับวันก่อนๆ ที่เคยอร่อยอารมณ์กับการขโมยมะม่วงเขากิน.. ในใจเรานี้ มันนึกถึงแต่หน้าหลวงพ่อ มันกังวาลเสียงสีหนาทที่หลวงพ่อบรรลือข่มมิจฉาทิฏฐิ ในใจผู้เขียน ..ท่านได้ฉีกขยี้ทำลายความคะนองฤทธิ์บาป ของเราจนอ่อนแรงไปแล้ว ..มันกลายเป็นความเศร้าหมองใจ ที่เราได้ล่วงละเมิดสิทธิมะม่วงของเจ้าของมาโดยตลอด ขณะที่นั่งคิดอยู่ใต้ต้นกิ่งมะม่วงคู่เวรนั้นแหละ

    ก็ได้ยินเสียงเปิดหน้าต่าง .. เสียงพี่ชายเจ้าของกระแอมแบบ ไม่ใช่อาการป่วยกาย ..มันเป็นเสียงกระแอมที่บอกเจตนาจะบอกว่า "ฉันมาแล้วนะ เจ้าขโมยหน้าด้าน" ชำเลืองมองไปก็เห็น พี่แกหวีผมถ่วงเวลาไว้ท่า ชำเลืองมองผู้เขียนแบบคนที่มีความหงุดหงิดหวาดระแวง ..นี่ถ้าเป็นวันก่อนหน้านี้ก่อนจะพบพ่อ (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง) ผู้เขียนจะต้องยิ้มเฮอะ ..ยิ้มมีเลศนัยของความหยิ่งทะนงคงมั่นในความเลวเฉพาะตัว ..คนอย่างเรา.. ถ้าตัดสินใจว่าจะขโมยให้ได้ มันต้องได้ เอาเหอะ ..แกเผลอเมื่อไหร่ เป็นได้รู้ฤทธิ์สัตว์นรกกัน! ขโมยตอนแกยังไม่กลับบ้านจะไปเก่งอะไร.. นี่นะ.. เดี๋ยวจะเอามันเฉพาะหน้า มันถึงอร่อยถึงใจ

    แต่วันนี้..ใจมันไม่อร่อย มันกร่อย.. มันไม่กระตือรือร้น วันนี้เห็นหน้าพี่เจ้าของต้นมะม่วงมัน แล้วรู้สึกได้ทันทีว่า พี่เขา มีทุกข์ เขามีความหวาดระแวง เขามีความรังเกียจเหยียดหยาม ตัวอะไรตัวหนึ่งที่นั่งใต้กิ่งมะม่วงคอยจังหวะละเมิดน้ำใจเขา...

    พ่อเอย.. ทำไมวันนี้ภาพของพ่อจึงได้ติดใจลูกไม่หลุดไปเสียที ทำไมเสียงหลวงพ่อจึงก้องกังวานจับใจลูกไม่เลือนหาย เสียงที่เสียบแทง คาใจ คาหู

    "....ฉันไม่รับสัตว์นรกเป็นลูกศิษย์หรอก"

    "....อย่างคุณนี้.. ยังเป็นสัตว์นรกเต็มตัวนี่ เป็นคนยังเป็นไม่ได้ แล้วจะมาเป็นศิษย์ฉันยังไง"

    "....แล้ว ไอ้.. อี.. คนที่นอกใจละเมิดสิทธิ์อันชอบธรรมหยามน้ำใจคนอื่นเขานี่ มันเป็นคนเลวหรือคนดี"

    พ่อเอย... ช่างดุดันรุกเร้ายิ่งนัก ช่างสมกับเป็นความเลวที่ยังค้างคาใจสุดสาสม ลูกอยู่บ้านนี้ 3ปี ..เพื่อนบ้านทุกข์มาตลอด 3ปี ลูกเลวเองเฉพาะตัว ถูกรังเกียจเฉพาะตัวไม่เป็นไร ..แต่นี่ถ้าลูกได้เป็นศิษย์ของพ่อ จะยอมให้เขาดูถูกครูบาอาจารย์ได้อย่างไร

    ในกาละนั้นเอง ผู้เขียนเต็มใจเงยหน้ามองพี่ผู้ชายที่บานหน้าต่างบ้าน ผู้เขียนกราบลงที่พื้นธรณี ใต้ต้นมะม่วง 1 ครั้ง แล้วประนมมือไหว้เจ้าของ...

    "พี่ครับ..ฟังผมหน่อย.." พี่แกจะทำหน้างงงันอย่างไร ก็ทำไป เราก็เปล่งคำในใจออกมา

    "...ผมสร้างความทุกข์ให้พี่มานานแล้ว ผมขโมยมะม่วงพี่กินมาคงจะร้อยลูก ผมเจตนาละเมิดและหยามน้ำใจพี่ ผมเลวเต็มตัวมาตลอดหลายปี... แต่วันนี้ผมพบคูรบาอาจารย์แล้ว"

    "...พี่ครับ ผมเป็นศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ผมเข้าใจศีลห้า ผมมีศีลห้าแล้วพี่ ผมขอขมาพี่ด้วย ผมจะชดใช้ให้ ..ขออย่างเดียว อย่าให้ครูบาอาจารย์ผมต้องแหนงหน่ายใจ หรือมัวหมองเพราะผมเลย..."

    "เฮ้ย..ไอ้น้อง.." พี่ผู้ชายคนนั้นชี้หวีมาที่ผู้เขียน

    "เฮ้ย..ไอ้น้อง..ถ้าน้องพูดได้อย่างนี้ ไม่ต้องชดใช้ กินต่อไป น้อง..พูดอย่างนี้ได้มาเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันดีกว่า กินตามสบาย..ตลอดไปเลยน้อง!..."

    โอ้หนอ..อัศจรรย์หนอ.. ช่างน่าฟังน่าครอบครอง น่ารักษาไว้จริงหนอ เจ้าประคุณศีลเอย.. เพียงเราเห็นโทษอันมีแก่เรา และจะพึงมีแก่ท่านที่เราละเมิด ก็เกิดพลังอัศจรรย์ให้เกิดความอาจหาญผ่องใสในใจเรา ให้เกิดการให้อภัยปรองดองกับผู้อื่นที่อยู่รอบตัว อย่างนี้เองหนอ นี่เพียงข้อเดียวคือข้อ 2 อทินนา.. เราก็ยืดอกมองฟ้า เดินดิน นั่งนอนยืนไปได้ทุกสถานที่ โดยไม่ระแวงตัวเอง โดยใจประกาศ ก้องไปถึงไหนๆตามลม ทวนลมว่า

    "คนอย่างเรา จะไปอยุ่ที่ใด จะไม่มีสัตว์ มนุษย์ พรหม เทวดา ต้องเดือดร้อนเพราะตัวเรา ขาดเด็ดสมุจเฉทปหาน

    (แปลว่าอะไร.. มันยั้งมือไม่ได้ เขียนแล้วมันคึกใจดี)

    พ่อเอย..พ่อดุนัก เดือนหน้า ลูกจะไปกราบให้ดุด่าอีก

    ดุเถิด ด่าเถิด เคี่ยวเข็ญรุกรานลูกเถิด

    เอาลูกให้จนตรอก ประจานให้หมดศักดิ์ศรี

    อยากจะรู้เหลือกเกินว่าเมื่อถึงที่สุดแห่งความอับอายแล้ว

    ถึงที่สุดแห่งความแหนงหน่าย...เราจะเป็นอย่างไร

    มันต้องเข้าท่าแน่นอน....

    ว่าจะขยักไว้สักหน่อย ใจมันอยากเขียนต่ออีก ในเดือนถัดไปก็ไปพบพ่อ.. พ่อนั่งบนตั่งตามเดิม งามสง่าดุจพระอาทิตย์ทรงกลด ช่างอาจหาญสูงส่งพ้นพรรณนานัก พ่อเอย...คนอย่างลูก(คนเลวนะพ่อ) นี่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครง่ายนัก แต่ลูกหลั่งน้ำตา เทน้ำใจกราบเท้าพ่อ ..พูดไม่ออก..! แต่พ่อก็พูดเสียเอง

    "เออ..เออ..อย่างนี้พอใช้ได้ เอ้าเข้ามาใกล้ๆ"

    พ่อรู้ไหมว่ามือพ่อที่ตบไหล่ลูกนั้นมีอานุภาพเพียงใด

    "อย่างนี้รับเป็นศิษย์ได้ แต่อย่าทะนงตัวนะ ยังไม่พ้นนรกหรอก หนีมันให้ได้ ลูกผู้ชายเกิดมาพบพระพุทธศาสนา อย่าให้เสียชาติเกิด.."

    พระคุณพ่อเหนือเกล้าเอย..เพียงพอแล้ว พอที่ลูกจะพิสูจน์ตัวเองแล้ว พ่อดูเถิด ลูกจะทำให้พ่อดู..........



    ***********-ขอโมทนาในบุญกุศลของท่านวิทย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2012
  2. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    ผมอ่านบทความนี้ครั้งแรกผมตื้นตันใจมากๆ ดีมากๆ เห็นว่าบทความนี้ดี จึงนำมาให้ทุกท่านได้รับอ่านกันครับ
     
  3. Semi

    Semi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +63
    ชอบมาก
     
  4. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,981
    ขอบคุณคุณ pong-sit นะครับ ที่นำเรื่องราวดีๆ มา
    โมทนา สาธุ ครับ
     
  5. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ผมอ่านครั้งใดก็ซาบซึ้งตรึงใจทุกครั้งไป...... ท่านผู้เขียนท่านใช้นามปากกาว่า "สายฟ้า" นามจริงของท่านคือ "พระครูภาวนาพิลาศ" ฉายา อินทฺวังโส หรือหลวงตาวัชรชัย เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ท่านถ่ายทอดประสบการณ์ของท่านเมื่อครั้งได้พบหลวงพ่อเป็นครั้งแรก และได้เขียนเล่าประสบการณ์ได้พบพระสุปฏิปันโนหลายรูป เนื้อเรื่องแต่ละตอนแฝงถึงเรื่องราวของตัวท่านเองตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นฆราวาสจนกระทั่งได้มาเป็นศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) และได้บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา


    เนื้อเรื่องแต่ละตอนจะสะท้อนให้เห็นถึงพระคุณของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ โดยผ่านการบอกเล่าจากปากของ "พระสุปฏิปันโน" แต่ละรูป ซึ่งหากเป็นสมัยที่หลวงพ่อท่านทรงขันธ์อยู่ท่านมักจะเรียกพระอริยเจ้าเหล่านี้ว่า "พระทองคำ" เป็นเรื่องราวที่น่าอ่าน น่าติดตาม อ่านไปก็มีความรู้สึกร่วมและน้ำตารื้นขึ้นมาทุกครั้งในคุณงามความดี ความมีเมตตาขององค์หลวงพ่อที่มีต่อบรรดาลูกหลานของท่านทุกคน ตลอดจนรู้สึกถึงบารมีอันยิ่งใหญ่ขององค์หลวงพ่อที่สั่งสมมานานถึง 16 อสงไขย กับกำไรแสนกัป...ทำให้อดรู้สึกภาคภูมิใจในตัวหลวงพ่อไม่ได้...และดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกหลานของหลวงพ่อมานานนักหนา....


    หนังสือเล่มนี้ คือ "เสียงจากถ้ำ (นารายณ์) ฉบับพิเศษ บนเส้นทางพระโยคาวจร" เป็นหนังสือที่น่าอ่านน่าเก็บไว้เป็นอย่างยิ่ง ราคาจำหน่ายเล่มละ 100 บาท หาซื้อได้ที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) 62/1 หมู่ 5 ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 18120 โทร. 036 - 334832


    "บนเส้นทางพระโยคาวจร" นี้เป็นความทรงจำส่วนตัวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นับแต่ได้กราบเท้าฝากตัวเป็นลูกคนหนึ่งของพระคุณ "พ่อ" (หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง) และเป็นเรื่องราวของพระสุปฏิปันโนที่มีตัวตนอยู่จริงๆ ในยุคปัจจุบัน ท่านเหล่านี้ได้กล่าวถึงพระคุณพ่อให้ผู้เขียนฟังเป็นส่วนตัวบ้าง ผู้เขียนได้รู้ ได้เห็น ได้ยินด้วยตัวเอง เพราะมีส่วนอยู่ในเหตุการณ์นั้นบ้าง จึงทรงจำไว้ประหนึ่งส่วนสำคัญของชีวิตตัวเองฉะนั้น.....

    "พ่อ".... ลีลาที่ลูกจะบันทึก "พ่อ" ไว้ในใจตัวเอง อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจ หรืออาจจะเป็นที่ถูกใจของใครก็ได้ หากท่านผู้อ่านจะได้เพิ่มความเข้าใจและภูมิใจในตัว "พ่อ" ขึ้นมาสักหน่อยหนึ่ง ผู้เขียนก็พอใจแล้ว"

    ส่วนหนึ่งจาก "อารัมภบท" ของ "สายฟ้า"

    ลิงค์ข้างล่างนี้คือบางส่วนที่คัดลอกมากจากหนังสือดังกล่าว

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=21301

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่คำแสนใหญ่

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=21467

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่คำแสนเล็ก

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=23560


    .
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2006
  6. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    โมทนามากๆเลยครับ พี่ตั้ม ผมก็ไม่รู้ข้อมูลมาก(copyเค้ามา) ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ สาธุ
     
  7. BeerNP

    BeerNP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +338
    โดนผมเลยครับ เรื่องศีลนี้ ผมอ่านแล้วรู้สึกตัวเลย ว่าผมละเลยศีลไป หลังจากที่เคร่งครัดมาระยะเวลาหนึ่ง ผมต้องเริ่มใหม่ครับ เหมือนมีอะไรดลใจให้มาอ่านหน้านี้ โมทนาครับ ที่นำบทความดีๆมาให้อ่าน
     
  8. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    โมทนาครับ คุณ BeerNP เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้รักษาศีล5 สาเร็จดังใจหมายนะครับ สาธุ
     
  9. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    "อ๊าว..ก็ต้องเป็นผู้เป็นคนพอจะรับรู้รสพระธรรมได้... อย่างคุณนี้.. ยังเป็นสัตว์นรกเต็มตัวนี่ เป็นคนยังเป็นไม่ได้ แล้วจะมาเป็นศิษย์ฉันยังไง"

    ผมจะเป็นคนให้ได้ครับ บุญรักษา... โมทนาสาธุ
     
  10. pannarai

    pannarai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +1,922
    อนุโมทนาบุญค่ะ

    ขอบคุณค่ะที่ย้ำเตือนด้วยเรื่องราวดีๆที่เล่าสู่กันฟัง "ศีล 5"
    คำสั้นๆแต่ละเอียดอ่อนเหลือเกิน และจะต้องควบคู่กับกรรมบถ 10ด้วย....
    จำได้ครั้งหนึ่งที่เคยสอบตกกับบทชีวิต ทำสมาธิสำรวจจิต หลวงพ่อเมตตาเตือน คล้องสายสิจญ์ที่คอให้ ส่งสัญญานเตือนเรี่อง รักษาศีล....ศีลรักษา....
    ก็ยังต้องต่อสู้ กับ กิเลส ของตัวเองอยู่ ประมาทไม่ได้เลยค่ะ....
     
  11. sornchai-k

    sornchai-k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +672
    โมทนา สาธุครับ อย่างน้อยแม้ชาตินี้ไม่เคย เห็น หรือสัมผัส องค์หลวงพ่อฤาษี เนื่องจากวาสนาน้อย แต่ก็ได้รับรู้ผ่านกระทู้นี้ ซาบซึ้ง และเป็นรสสัมผัสถึงก้นบึ้งของจิตใจ จริงๆครับ ขอบคุณกับกระทู้ดีๆ ครับ
     
  12. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    โมทนาบุญด้วยค่ะ ท่าน หลวงตาวัชรชัย แวะไปกราบท่านได้ที่นี้นะค่ะ


    http://siangjaagtaum.com/
     
  13. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    อนุโมทนาครับ ..อ่านแล้ว..ก็เข้าตัวเอง...ต้องรักษาให้ดีที่สุด
     
  14. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    โมทนา สาธุ
    อ่านแล้วมันเข้าไปสะกิดข้างในดีเหลือเกินครับ
     
  15. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    โมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่กำลังพยายามขัดเกลาจิตใจ ให้งดงามตามคำแนะนำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ของแต่ละท่านนะค่ะ

    บทความข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ลักยิ้มเคยอ่านทั้งเล่มแล้ว วางไม่ลงเลยค่ะ พร้อมกับน้ำตาอาบแก้มเลย และเพื่อน ๆ อีกหลายท่านก็กล่าวเช่นเดียวกันค่ะ

    ผู้สนใจลองสอบถามไปทางวัดดูนะค่ะ ว่ายังมีอยู่ไหม (แต่คิดว่าหมดไปนานแล้วค่ะ แต่น่าจะมีเล่มอื่นนะ (f)
     
  16. เตอร์

    เตอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,009
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +52,961
    หนังสือนี้คราวนั้นคุณลักยิ้ม คุณวิทย์ คุณtumsak และข้าพเจ้าได้มาจากวัดเขาวง ด้วยกัน

    บทความข้างต้นคุณ pong - sit ก็copy มาจากกระทู้ที่คุณลักยิ้ม copy มาจากคุณวิทย์ แล้วไปโพสต์ที่www.pranippan.com นั่นแหละ (จำได้ไหม) โดยข้าพเจ้าแก้ไขคำผิดให้บ้างเล็กน้อย

    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะครับ
     
  17. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    ใช่ครับ อาเตอร์ ขอบพระคุณครับ
     
  18. alskling

    alskling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +450
    ดีค่ะ

    ดีค่ะ อ่านแล้วดีมากๆเลยนี่นู๋ก็มีท่านแขวนใว้ปกปักรักษานู๋อยู่ (verygood)
     
  19. ท่าข้าม

    ท่าข้าม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +2,513
    โมทนาสาธุด้วยจ้ะ อ่านแล้วดีมากๆ ชื่นใจน้ำตาจะไหลเหมือนกัน ท่าข้ามรักเคารพหลวงพ่อฤาษีที่น้ำใจเมตตาและเด็ดขาด(กับกิเลส)ของท่านมากๆ เสียดายถ้าชาตินี้เป็นผู้ชายอีก จะบวชเข้าศึกษาธรรมมะของหลวงพ่อให้รู้ซึ้งให้จงได้ ดันมาพลาดเป็นผู้หญิง(เพราะศีลข้อ 3แท้ๆเชียวตู) แต่ไม่เป็นไรหรอกถึงยังไง ก็จะปฎิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
     
  20. pechklang

    pechklang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    400
    ค่าพลัง:
    +829
    อ่านแล้วเหมือนได้สัมผัสด้วยตัวเอง !!!!
    ขออนุโมทนาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...