ขอร่วมบุญตระกรุดชิณบัญชร 4 ดอกครับอาจารย์
**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Lo_olLo, 12 พฤษภาคม 2016.
หน้า 186 ของ 278
-
ร่วมทำบุญ 4 ดอกครับ อาจารย์
-
ขอร่วมบุญ 4 ดอก ครับอาจารย์
-
ขออนุญาตปิดยอดตามนี้ครับ- shaj 4
(ต้องขออภัยท่านที่จองไม่ทันด้วยนะครับ ยอดเหลือเท่าที่สรุปยอดนี้ครับ เนื่องจากเต็มแล้วครับเพราะยอดนอก"ที่เปิดบูชาที่สำนักงานอาจารย์ท่าน ยอดเต็มเร็วมากครับ 315 ดอกจองเต็มภายใน 30นาที")
ปิดยอดผู้ร่วมบูชาตะกรุด "ชินบัญชร"
7/2/2564 ดังนี้ครับ
- Cajun 10
- SIR2010 8
- ddon7650 3
- อาทิตย์03 10
- sumobaimon 10
- sunmk 10 โอนปัจจัยแล้ว
- j999 5
- สักการะ 10
- pcharn 10
- chu2563 5
- ktv 4
- yaboyobo 4
- songsakth 4
ช่วงนี้เว็ปพลังจิตค่อนข้างมีปัญหานะครับ
อาจจะติดๆขัดด้านรูปภาพและเนื้อหาบ้างเล็กน้อยครับ
อนุโมทนาครับ -
โอนเงินแล้ว 450.-บาท วันที่7/2/2564เวลา 22.05 น.
-
แจ้งโอนเงินแล้ว รายละเอียดตาม pm ครับ
-
ขออนุญาตปิดยอดตามนี้ครับ- shaj 4 โอนปัจจัยแล้ว
(ต้องขออภัยท่านที่จองไม่ทันด้วยนะครับ ยอดเหลือเท่าที่สรุปยอดนี้ครับ เนื่องจากเต็มแล้วครับเพราะยอดนอก"ที่เปิดบูชาที่สำนักงานอาจารย์ท่าน ยอดเต็มเร็วมากครับ 315 ดอกจองเต็มภายใน 30นาที")
ปิดยอดผู้ร่วมบูชาตะกรุด "ชินบัญชร"
8/2/2564 ดังนี้ครับ
- Cajun 10 โอนปัจจัยแล้ว
- SIR2010 8 โอนปัจจัยแล้ว
- ddon7650 3 โอนปัจจัยแล้ว
- อาทิตย์03 10 โอนปัจจัยแล้ว
- sumobaimon 10 โอนปัจจัยแล้ว
- sunmk 10 โอนปัจจัยแล้ว
- j999 5 โอนปัจจัยแล้ว
- สักการะ 10 โอนปัจจัยแล้ว
- pcharn 10 โอนปัจจัยแล้ว
- chu2563 5
- ktv 4 โอนปัจจัยแล้ว
- yaboyobo 4 โอนปัจจัยแล้ว
- songsakth 4 โอนปัจจัยแล้ว
ช่วงนี้เว็ปพลังจิตค่อนข้างมีปัญหานะครับ
อาจจะติดๆขัดด้านรูปภาพและเนื้อหาบ้างเล็กน้อยครับ
อนุโมทนาครับ -
เล่าเรื่องสู่กันฟังเกี่ยวกับตะกรุดครับ.....ถ้าจะเล่าเรื่องการทำตะกรุด อาจารย์บุญเลิศ เชื่อปุนมี หรือ อ.เลิศ เป็นผู้หนึ่งที่ผู้เคารพนับถือจะทราบกันดีว่า ท่านจะพิถีพิถันในการจัดสร้างมาก ตั้งแต่การเลือกแผ่นจาร ฤกษ์ยามที่จาร ไปจนถึงฤกษ์ยามในการบวงสรวงบูชาครูบูชาเทพ ไม่ว่าท่านจะทำมากทำน้อยต้องมีจัดพิธีบวงสรวง และต้องมีการตั้งบานศรีด้วยทุกครั้ง อย่างน้อยๆต้องตั้งบายศรีปากชมเล็กๆก็ยังดี ท่านบอกว่า "บูชาพระคุณครู ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมาถึงท่านผู้รจนาคาถาต่างๆ" ที่นำมาลงในตะกรุดให้ท่านรับรู้ ตลอดจนเทพพรหมทั้งหลาย ให้ท่านรับทราบรับรู้ ท่านจะได้ประสิทธิ์ความมงคลลงสู่ตะกรุดให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ตามที่ปรารถนา
ในภาพไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องเล่านะครับ เป็นเพียงภาพประกอบสมัยอาจารย์ท่านสรับราชการ
.....อ.เลิศท่านเล่าว่าเดิมท่านก็ชอบเกี่ยวกับเรื่องคาถาอาคมมนต์วิเศษอยู่แล้ว พอมาสมัยท่านรับราชการใหม่ๆ ท่านก็ได้มีโอกาสไปร่ำเรียนวิชาสายวัดประดู่ทรงธรรม กับพระอาจารย์ทางสายจังหวัดอยุธยา(ซึ่งตรงนี้ท่านไม่ได้เล่าว่าไปเรียนกับอาจารย์ท่านใด) จากนั้นท่านก็มารับราชการเป็นเจ้าพิธีกรรมของจังหวัดเรื่อยมา และในพิธีกรรมของวัดต่างๆด้วย
ยันต์พระมหาจักรพรรดิ
....ท่านเริ่มทำตะกรุดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2545 เป็นการทำเพื่อหาปัจจัยสร้างพระอุโบสถ วัดเขาจิต(ชื่อทางการจำไม่ได้แต่ในพื้นที่เรียกกันเขาจิก) ที่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยใช้งบประมาณการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด ประมาณ 2,200,000 ในปีนั้นท่านเล่าว่าท่านทำตะกรุด "พระมหาจักรพรรดิ" ตามตำราของวัดประดู่โรงธรรมที่ท่านร่ำเรียนมา ท่านกล่าวว่า "ท่านอธิษฐานบอกกล่าวครูบาอาจารย์ว่าจะหาเงินปัจจัยที่ไหนมาสร้างอุโบสถวัดเขาจิกนี้ให้แล้วเสร็จได้ภายใน 3 เดือนนี้เพราะเป็นวัดของย่าท่านถวายที่ดินให้สร้างวัด จะได้ตอบแทนพระคุณบูชาแก่พระพุทธศาสนา พลันท่านหลับตาก็มีสำนึกบางอย่างเข้ามาในหัวท่านว่า "ก็ทำตะกรุดจักพรรดิสิ"....."
....ท่านเล่าว่าตะกรุดนี้มีเคล็ดหลายอย่าง ตั้งแต่เริ่มจารต้องเป็นผู้ที่สามารถสวด "อิติปิโสรัตนมาลาได้" และสามารถลงอักขระทั้งหมด 108 ตัวลงตารางค่ายกลแบบหมากรุก และต้องจัดพิธีบวชสรวงชุดใหญ่ มีหัวหมูของคาวหวาน เครื่องบัตรพลี บายศรีชั้นต่างๆ และต้องจัดพิธีเลี้ยงพระ 9 รูป พิธีบวงสรวงต้องใช้ฤกษ์วันพฤหัสบดีขึ้น 7 ค่ำ หรือ 9 ค่ำเท่านั้น
....และที่สำคัญผู้ลง ต้องเป็นผู้มีศีลธรรม ไม่เป็นคนมีอัตภาพลำบากหาเช้ากินค่ำ(ตรงนี้ท่านอาจารย์เลิศบอกว่า ตัวท่านเองเกิดมาก็เกิดในตระกูลขุนนางปู่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บรรดาศักดิ์เป็นพระยา เกิดมาก็ไม่ลำบากมากพอมีพอกิน ได้มีโอกาสร่ำเรียนจนเข้ารับราชการอัตภาพจึงไม่ลำบากมากนัก)
....ท่านเลยเริ่มจารตะกรุดจักรพรรดิครั้งแรกในปีนี้ ใช้เวลาเดือนกว่าๆก็สามารถจารได้ถึง 180 ดอกลงบนแผ่นตะกั่วน้ำนม(ตะกรุดชินเก่านำมาหลอมและรีดเป็นแผ่น) ขนาด 5x5 นิ้ว โดยท่านเอาวันฝั่งเสาร์พระอุโบสถเป็นวันจัดพิธีบรวงสรวงไปด้วย หลังผ่านพิธีบวงสรวงแล้ว คนที่รู้จักท่านและนับถือท่านในสมัยนั้นก็มีหลายผู้คนหลากหลายอาชีพ แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นคนมีเงินทองร่ำรวยทั้งเป็นเจ้าของโรงสี ที่เมืองหนองบัว ทั้งเป็นเจ้าของฟาร์มขนาดใหญ่แถวโคราช หรือนายตำรวจ ข้าราชการกระทรวงเหล่านี้ เป็นต้น พอทราบข่าวในวันฝังเสาร์อุโบสถว่า อาจารย์เลิศท่านทำตะกรุดจักพรรดิมาให้ร่วมทำบุญสร้างอุโบสถ ชุดหนึ่งจำนวน 180 ดอก ท่านใดสนใจจะร่วมบุญ สามารถนำปัจจัยมาว่างได้หรือจองไว้แล้วรับตะกรุดไป ดอกละ 10,000 บาท
....ในปี 2545 เงิน 10,000 ถือว่าแพงมากนะครับสำหรับแผ่นตะกั่ว เพราะเทียบกับทองคำบาทละ 6500 เท่านั้น แต่ก็นั้นละครับ พอเปิดให้จองบูชาเพียง 25 นาที ได้เงินที่มีผู้จะประสงค์บูชาครบ ได้เงินกว่า 2,600,000 บาท เพราะบางท่านให้ 20000บ้างบางท่านให้แสนก็มีครับ แต่เอาแค่ 1-2 ดอกเท่านั้น จนสามารถสร้างอุโบสถจนแล้วเสร็จ และยังเหลือเงินบำรุงวัดอีกกว่า 3 แสนบาท ปัจจุบันไม่ต้องไปถามหาครับ ตะกรุดชุดนี้ล้วนแล้วแต่อยู่กับคนผู้มีเงินทองเจ้าของธุระกิจใหญ่โตทั้งสิ้น หลายท่านมีก็เก็บเงียบเก็บไว้ใช้ส่วนตัว เพราะยันต์มหาจักพรรดิ ตำหรับวัดประดู่ทรงธรรมนี้ "มีพุทธานุภาพเกื้อหนุนโดยตรงและเสริมให้ผู้ครอบครองสูงขึ้นทั้งศักดิและเงินทอง"
....ปัจจุบัน อ.เลิศ ท่านไม่ได้ทำตะกรุดจักพรรดิแล้วนะครับ เพราะทำยากและสุขภาพร่างกายท่านก็อายุ 74 แล้ว โรยลาเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา จะมานั่งเขียนยันต์ทีละ 108 คราบก็ไม่สู้จะไหวหูตาก็ไม่ค่อยดีครับ ตะกรุดจักรพรรดิท่านจึงไม่มีให้บูชามาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งท่านทำครั้งสุดท้าย
....ที่มาเล่าสู่ท่านสมาชิกฟังในโอกาสนี้ เพราะกำลังจะสื่อว่า "อาจารย์เลิศ เวลาท่านลงตะกรุดหรือวัตถุมงคลทุกอย่างที่ผ่านมือท่าน ท่านไม่ได้ทำแบบสุกเอาเผากิน ท่านทำเป็นจริงเป็นจังถูกต้องตามตำราฤกษ์ยามนาที ให้มีคุณสูงสุดแก่ผู้บูชาแน่นอนครับ" ขนาดช่วงหลังลูกศิษย์ลูกหาและผู้นับถือท่าน ขอให้ท่านทำตะกรุด"มหาจักพรรดิ" อีกครั้งแต่ให้ทำแบบปั้มหรือยิงเลเซอร์เอา ท่านจะได้ไม่ต้องจารให้เมื่อยแล้วให้ท่านเรียกสูตรให้ ท่านปฏิเสธแล้วบอกว่า "ทำมักง่ายแบบนั้นอย่าทำเลย"
....ฉะนั้นตะกรุดที่ท่านทำจึงจารมือทุกดอก ไล่สูตรทุกครั้งแม้ว่าจะให้ครูบาอาจารย์ท่านไหนอธิษฐานจิตต่อก็ตาม พลังานพุทธคุณก็มีแต่เพิ่มไม่มีลดลงเลยแม้แต่น้อย
***เล่าสู่กันฟังครับ*** -
โอนแล้วครับ รายละเอียด PM ครับ
-
โอนเงินร่วมทำบุญเรียบร้อยครับ รายละเอียด PM ครับ
-
โอนแล้วครับ 08/02/64 เวลา 23.03 น.จำนวน 300 บ.จัดส่งของที่เดิมครับ
-
โอนแล้วครับในpm
-
.....วันที่ 10และ11 ก.พ.2564 ได้ทยอยจัดส่ง "ตะกรุดชินบัญชร" ให้ทุกท่านแล้วนะครับส่วนท่านใดอยากได้รหัสไปรษณีย์สามารถแจ้งขอรับทาง PM ได้เลยครับ(เริ่มทยอยส่งไปนะครับยังไม่ครบทุกทาน แต่จะส่งไปครบทุกท่านในวันพรุ่งนี้ครับ)
....ต้องขออภัยที่ส่งล่าช้าไปครับ พอดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผู้เขียนทราบข่าวมาว่า "วัดถ้ำคูหาวารี" จะนำเหรียญ 7 รอบหลวงปู่สำลี ออกให้ท่านที่ร่วมบุญได้บูชาแล้ว ผู้เขียนก็เลยรอพระออก กะจะได้ส่งให้ท่านสมาชิกฟรีๆพร้อมกัน จากที่ได้ประกาศแจกไว้เมื่อปีก่อน แต่เมื่อผ่านไป 2-3 วัน กรรมการวัดก็เงียบไป ผู้เขียนจึงเลยเพิ่งได้ส่งครับ กลัวเสียเวลารอจึงต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ
....และผมได้ส่ง "ลูกแก้วผงมณีนพรัตน์" ผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ให้พร้อมไปกับตะกรุด และเฉพาะท่านที่ขอมาแล้วนะครับ ได้พร้อมๆกันไปครับ
อาจจะได้เร็ว ได้ช้าต่างกัน แต่ได้ทุกท่านแน่นอนครับ
ขอขอบคุณและอนุโมทนากับครับ
-
วันนี้ผมได้รับลูกแก้วผงมณีนพรัตน์" เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
กราบขอบพระคุณมากครับ -
ไม่ทราบ "ลูกแก้วผงมณีนพรัตน์ ผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่" ทันหรือป่าวครับอาจารย์ ถ้าไม่ทันก็ไว้โอกาสหน้าครับ ขอบคุณครับ
-
-
ผมได้รับ ลูกแก้วผงมณีนพรัตน์ อ้างอิงจากในโพสต์ #3625 แล้วครับ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ … ผมขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ครับ... สาธุ ครับ (^_^)
เนื่องในเทศกาลตรุษจีน… ขอให้ท่านอาจารย์อานุภาพและครอบครัว และทุกๆท่านที่เข้ามาร่วมบุญในกระทู้นี้และติดตามอ่านกระทู้นี้สุขสมหวังในทุกสิ่ง สุขภาพแข็งแรง มีความสิริมงคลในทุกเรื่อง มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นทั้งในทางโลกและทางธรรม มีอะไรขอให้เสมอใจทุกประการ… ขอให้ทุกๆท่านได้ฟังธรรมทุกชนิด ได้ทำบุญให้ทาน รักษาศีล ภาวนา ทุกชนิด ขอให้พ้นจากกิเลส บาป ความชั่วร้าย คนพาล อัปมงคลทั้งมวล มีโอกาสได้เข้าสู่กระแสแห่งธรรมของพระพุทธองค์ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ และ มีความโชคดีตลอดปีและตลอดไปเทอญ … บุญรักษาครับ (^__^)
-
-
ผงแก้วมณีกาฬ....เมื่อปี พ.ศ.2556 ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปกับหมู่คณะของท่าน อ.สันติ วรรณภิรมณ์ และ อ.เลิศ เชื่อปุนมี และผู้ร่วมเดินทางกว่า 8 คน ขึ้นไปวัดพระพุทธบาทภูความเงิน อ.เชียงคาน จ.เลย ในช่วงนั้น หลวงปู่เย็น ฐานธัมโม(ลูกศิษย์สายธรรมหลวงพ่อสีทน สีลธโน แห่งวัดถ้ำผาปู่) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่ในขณะนั้น
(ผงล้างอาถรรพ์แห่งวัดพระพุทธบาตรภูควายเงิน)
ผงแก้วมณีกาฬ
....ซึ่งการไปในครั้งนั้นก็เพื่อไปร่วมงานทอดผ้าป่าประจำปีและนำเงินปัจจัยไปร่วมถวาย สำหรับวัดพระพุทธบาทภูความเงินแห่งนี้เหล่าผู้เล่นแร่แปลธาตุจะรู้ดีว่า ภายในถ้ำหรือบริเวณเงื่อมผาที่วัดภูควายเงิน เป็นแหล่งรวมของ ธาตุกายสิทธิ์หรือแร่กายสิทธิ์ต่างๆ ทั้งเหล็กไหล ทั้งเมฆสิทธิ์ และแร่อีกมากมาย แร่กินเหล็กพวกนี้เป็นต้น เป็นเหตุให้หลายสำนักมักจะมาเอาของดีดี จากที่แห่งนี้ไปทำพระ หรือวัตถุมงคลกันหลายสำนัก เพราะมีความเชื่อว่าของธาตุกายสิทธิ์จากสถานที่แห่งนี้ "มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวโดยที่ไม่ต้องอธิษฐานจิตใดๆ" ด้วยเกิดจากพลังงานภายในของแร่กายสิทธิ์นั้นเอง และด้วยเคล็ดพลังงานต่างๆภายในแร่นั้นๆด้วยและพลังงานจากพวก "พิทธยาธร" หรือ นักปฏิบัติต่างๆที่ท่านมาปฏิบัติในที่แห่งนี้และได้แผ่รังสีธรรมพลังงานไปทั่วสถานที่ สะสมมาเป็นระยะเวลาหลายพันปีจนสามารถกร่อนเป็น "ธาตุกายสิทธิ์" ชนิดต่างๆขึ้นมา
หลวงปู่เย็น ฐานธัมโม
ธาตุแก้วมณีกาฬ
....คำที่หลวงปู่เย็นพูดว่าแก้วดำตรงนี้ อ.สันติท่านอธิบายต่อว่า หลวงปู่เย็นท่านหมายถึง "แก้วมณีกาฬ" นั้นแหละเป็นแก้วสีดำโปร่งแสงคล้ายแก้วขนเหล็ก แต่มีสีดำถ้าส่องใส่แสงจะโปร่งแสงสีเหลืองอ่อน ถ้าพูดกันจริงๆแล้วธาตุชนิดนี้ไม่มีในโลก ส่วนมากจะมาจากนอกโลกแล้วมาตกในโลกหรือเรียกอีกอย่างว่า "สเก็ดดาว" นั้นเอง...อ.สันติกล่าว
....หลังจาก อ.สันติพูดเรื่องแก้วมณีกาฬเสร็จ หลวงปู่เย็นท่านก็พูดกับหมู่คณะในวันนั้นต่อว่า "ใช่แล้ว ก็คือสเก็ตดาวนั้นแหละแต่ตกมาโลกนี้หลายพันปีแล้ว ของดีหายาก...ฮ่าๆ(หลวงปู่หัวเราะ...)"
....อ.สันติเล่าว่า ก็เป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มาจากนอกโลก ตกลงมาแถวๆนี้หลายพันปี อืม..เวลามีคนมาปฏิบัติธรรมแถวๆนี้ พวกฤาษี หรือนักบวชพลังงานก็แผ่ออกไป ไปกร่อนแร่พวกนี้แหละ ให้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นธาตุกายสิทธิ์มีพลังในตัว
...มีท่านผู้ร่วมไปด้วยคนหนึ่งถาม อ.สันติในขณะนั้นว่า "แล้วเอาไว้ทำอะไรครับ" อ.สันติอธิบายสั้นๆว่า "ใช้ล้างอาถรรพ์ได้ทุกชนิด" แล้วอ.สันติก็หันไปถามหลวงปู่เย็นว่า "ใช่ไหมครับหลวงปู่"
....หลวงปู่เย็นเมตตาเล่าว่า "ใช่ สมัยก่อนที่อาตมา มาจำพรรษาที่นี้ใหม่ๆไฟฟ้าไม่มีเหมือนทุกวันนี้ เวลากลางค่ำกลางคืน จะมีแสงโผล่ขึ้นมาตามป่า ตามเขานี้ที่นั้นบ้างที่นี้บ้าง เดียวสักหน่อยก็สว่างตรงนั้น เดียวสักหน่อยก็สว่างตรงนี้ ก็เลยพาผู้เฒ่า(ผู้ใหญ่เป็นผู้ใหญ่บ้านที่มาอุปัฏฐากหลวงปู่ช่วงปีแรกๆ) เดินไปดูตรงสว่างใกล้ที่สุดเลยลงไปดูตรงแถวๆตีนภู เลยเห็นเป็นแก้วสีดำๆงอกขึ้นมาจากดินเหมือนๆหน่อไม้นี้ละจะจับก็ไม่กล้าจับก็เลยรอพรุ่งนี้เช้าค่อยมาดู...หลวงปู่เย็นกล่าว
....หลวงปู่บอกว่า พอเช้าไปบิณฑบาตรเดินผ่านบริเวณที่แก้วดำโผล่เมื่อคืน ก็ปรากฏไม่เจอแล้ว แก้วดำเคลื่อนที่หายไปจนวันหนึ่ง หลวงปู่เย็นท่านฝัน ท่านเล่าความฝันให้หมู่คณะฟังว่า "พวกพิทธยาธร(พวกทิพที่มีอาคม) มาหาแล้วบอกว่าให้หลวงปู่เย็น ไปขุดเอาได้เลย ธาตุนี้เป็นของวิเศษนำมาติดตัวล้างอาถรรพ์ความไม่ดีต่างๆได้ ให้หลวงปู่เอามาทำพระ" หลังจากหลวงปู่ท่านตื่นก็มาทบทวนความฝัน พอเวลาดึกๆท่านก็ช่วนผู้ใหญ่ไปตามหาแสงบริเวณโดยรอบวัด ถ้าแสงขึ้นทางไหนไม่ไกลมากท่านก็จะรีบไป และไปขุดเอาแร่นั้นมา ท่านบอกว่าในปีนั้นได้แร่ดำนี้ เกือบ 30 กิโล
....หลวงปู่เย็นท่านบอกว่า ท่านจะเอาแก้วดำทั้งหมดไปบดละเอียด ซึ่งการบดนี้ไม่ใช้เรื่องง่าย เพราะแก้วดำหรือ แก้วมณีกาฬนี้ มีความแข็งมาก ขนาดลองใช้ค้อนปอนทุบยังไม่แตก และเวลาทุบแรงแรง แรงสะท้อนก็ทำให้เกิดประกายไฟขึ้นด้วย นั้นแสดงว่าแก้วมณีกาฬมีความแข็งมาก
....ท่านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทุบก็แล้วตำก็แล้วก็ไม่มีวิธีทำให้แก้วดำที่เป็นก้อนแตกได้ ท่านจึงนำไปไว้หน้าพระพุทธรูปบนศาลาก่อน ไว้หาวิธีทำให้แก้วดำละเอียดเป็นผงภายหลัง แล้วท่านก็ไปทำศาสนกิจของท่านตามปกติ จนวันนั้นเองท่านได้นั่งภาวนาก่อนนอน ท่านนิมิตเห็น "พิทธยาธร" หรือพวกคนทิพแถวๆนั้นมาบอกหลวงปู่เย็นว่า "พวกเขาได้อธิษฐานช่วยทำให้แก้วมณีกาฬนี้เป็นผงแล้ว ให้ท่านนำไปทำพระได้เลย พวกเขาก็พลอยจะได้อานิสงส์ในการสร้างพระครั้งนี้ด้วย"
....ตอนเช้าหลังจากหลวงปู่ท่านกลับจากบิณฑบาตร ท่านมาดูในถังที่ท่านใส่แก้วมณีกาฬไว้ทั้งหมดเกือบ 30 กิโลกรัม ปรากกฏว่า "แก้วมณีกาฬ" กลายเป็นทรายทั้งหมด ไม่ถึงกับละเอียดเป็นผงแป้ง แต่เป็นเม็ดเม็ด เล็กเล็กคล้ายทรายดังในรูปข้างตน ท่านจึงได้นำผงแก้วมณีกาฬทั้งหมดไปเทเก็บไว้ในโอ่งใบเล็กๆเวลาทำพระรุ่นต่างๆ ท่านก็นำผงนี้มาผสมทุกครั้งในการสร้างพระของท่าน ในการนี้ท่านก็ได้แบ่งผงดังกล่าว"ใส่ขวดเอ็มร้อยให้ อ.สันติด้วย(เพราะอาจารย์สันติท่านขอ)" ท่านบอกว่า "ของดีนะเนี่ย ขนาดเทวดายังลงมาทำให้"......
-
ก้อนแก้วมณีกาฬ(ตอนยังไม่เป็นผง)
หลวงปู่เย็น ฐานธัมโม
.....อ.สันติ วรรณภิรมณ์(อาจารย์สายวัดประดู่) ให้ความเห็นว่าแก้วดำก็คือ "สเก็ตดาวตก" ผ่านชั้นบรรยากาศแต่ละชั้นละชั้น ลงมาถึงพื้นโลกต้องถูกกร่อน ถูกเผ่าหลายหมื่นองศา ถ้าไม่แข็งแกร่งจริงๆจะถูกกร่อนจนหายหมดไปบนชั้นบรรยากาศ แต่ที่หลงเหลืองตกลงมาให้ได้เห็นบนพื้นโลกนั้นแสดงว่าต้องแข็งมาก ที่สามารถผ่านพลังงานสูงสุดลงมาจนถึงพื้นโลกได้ โบราณจึงถึงเป็นเคล็ดล้างอาถรรพ์(ชะล้างสิ่งไม่ดี) และเคล็ดเรื่องแคล้วคราด(เพชรหลีก) คือหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดี ไม่ให้พบเจอนั้นเอง
.....แต่ที่สเก็ตดาวที่ตกลงมายังโลกนี้ ได้ตกลงมาในบริเวณสถานที่ ที่มีพลังงานหมุนเวียน มีการปฏิบัติธรรม มีการสวดมนต์ไหว้พระหรือมีผู้ปฏิบัติมาทำกรรมฐานแล้วบรรลุธรรมในบริเวณแถวๆนี้สะสมติดต่อกันมาหลายร้อย หลายพันปี จนเป็นเหตุให้ธาตุเหล่านั้นซึมซับดึงดูดสะสมพลังงานในตัวจนกลายเป็น "ธาตุกายสิทธิ์" จนเกิดแสงสว่างขึ้นในตัว เหล่าเทวดา คนธรรพ์ พิทยาธร ในบริเวณนั้นมาดูแลรักษา ด้วยเหตุนี้เองที่หลวงปู่เย็นท่านกล่าวว่า "เวลาดึกๆ ธาตุนี้จึงออกแสงสว่างขึ้น เคลื่อนที่ไปมาได้ โผล่ตรงนั้นตรงนี้ได้ ก็ด้วยอำนาจของเหล่าพวกกายทิพย์เขาดูแลอยู่.."
....ในอดีตวัตถุมงคลหลายรุ่นก็ถือเอา "แก้วมณีกาฬ" นี้มาเป็นหัวเชื้อในการผสมทำพระ เพื่อเพิ่มอานุภาพในการล้างอาถรรพ์ คำว่า อาถรรพ์ คือ การทำพิธีตามตำราไสยศาสตร์เพื่อให้เกิดสิริมงคล และป้องกันอันตรายต่าง ๆ เช่น พิธีฝังเสาหิน หรือฝังบัตรพลี เรียกว่า ฝังอาถรรพ์ เป็นต้น
.....ซึ่งอาถรรพ์โดยความหมายภาษาไทยก็คือ "เหตุอันความไม่ดีทั้งหลาย" การล้างอาถรรพ์คือทำของไม่ดี ให้ดีขึ้น จะด้วยพุทธานุภาพหรือวัตถุอะไรก็แล้วแต่ที่มีพลังงานบริสุทธิ์ เช่น น้ำที่ชะล้างของสิ่งของที่สกปรก ให้สะอาดแบบนี้ เป็นต้นครับ นอกจากคนสมัยก่อนจะนำผงแก้วมณีกาฬมาทำมวลสารผสมพระแล้ว ถ้าเกิดได้ก้อนใหญ่มาพอสมควรก็จะนำมาเจียรนัยทำหัวแหวนก็มี ทำจี้ก็ได้ มาแขวนเพื่อป้องกันสิ่งไม่ดี ว่ากันว่า "ใครถูกคุณ ถูกของคุณไสย เพียงแค่นำแก้วมณีกาฬมาติดตัว ของเหล่านั้นจะไหลออกทางใดทางหนึ่งทันที ไม่สามารถอยู่ได้ แม้ในสถานที่ก็ตาม ถ้าถูกฝังของในที่ใด ว่ากันว่านำแก้วมณีกาฬเข้าไป ของเหล่านั้นจะหลุดออกทันที.." นี้เป็นความเชื่อของคนโบราณในเรื่อง"การล้างอาถรรพ์ของแก้วมณีกาฬ"
พระผงหลวงปู่ศรีจันทร์รุ่นล้างอาถรรพ์ปี 2544
ก็ได้นำผง "แก้วมณีกาฬ" มาผสมเช่นกัน
พระสมเด็จภูควายเงิน รุ่นแรก
หลวงปู่เย็น ฐานธัมโม
ก็ได้นำผง "แก้วมณีกาฬ" มาผสมเช่นกัน
ผงแก้วมณีกาฬของหลวงปู่เย็น ที่ท่านเก็บไว้
และนิมิตว่า "พวกพิทยาธรณ์" เหล่าคนทิพย์
มาทำให้เป็นผง เพื่อให้หลวงปู่เย็นนำไปทำพระผงรุ่นต่างๆ
หน้า 186 ของ 278