*พระคาถาออกศึกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช*

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย มหา, 13 ธันวาคม 2008.

  1. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    พระคาถาออกศึกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช


    ขอนำวีระกรรมของวีระมหากษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่ง ซึ่งคนไทยเราทุกวันนี้กราบไหว้และบูชา จนขนานนามพระองค์ท่านว่าเป็น “มหาราช” พระผู้ทรงกู้ชาติไทย วีระกษัตริย์พระองค์นั้นเราชาวไทยทุกคนรู้จักกันในนาม “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” พระผ็ทรงกู้เอกราชของชาติไทย ให้เป็นอิสระจากพม่า โดยได้หลั่งน้ำสิโณทกรดลงเหนือแผ่นดินพม่าที่เมืองแครง ประกาศก้องด้วยสุรเสียงอันหนักแน่นว่า

    “ ณ บัดนี้ เราขอประกาศอิสรภาพความเป็นไทย ให้แก่ประเทศ จักมิยอมตกอยู่ใต้ อำนาจของพม่าต่อไป”

    สิ้นพระสุรเสียงอันดังก้อง ของพระองค์ท่าน เสียงไชโยโห่ร้องของทหารหาญไทย ก็ดังกระหึ่มเหนือเมืองแครง หัวใจทหารหาญทุกผู้ยอมสู้ตายร่มกับองค์นเรศวร ผู้มีสมญานามว่า “องค์ดำ”


    เกือบ 400 ปีมาแล้ว วันนั้นเป็นวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 (บางตำราว่า ปี พ.ศ. 2136) เป็นวันที่ ประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้จารึกไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะต่อพระมหาอุปราช ณ ตำบลดอนเจดีย์ แขวงเมืองสุพรรณบุรี โดยทรงพระแสงของ้าวฟันพระมหาอุปราช ขาดสะพายแล่งบนหลังช้าง ทรง สิ้นพระชนม์ ท่ามกลางทหารพม่าข้าศึกนับหมื่นนับแสน ซึ่งทำให้ไพร่พลข้าศึกตลึงพรึงเพริดเสียขวัญอันเป็นเหตุให้กองทัพพม่าข้าศึก ต้องกรีฑาทัพกลับไปหงสาวดี ทันที
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่ง ในช่วงตลอดเวลาแห่งพระชนม์ชีพของพระองค์ เป็นระยะเวลาที่บ้านเมืองกำลังรุกรานจากข้าศึก อย่างหนัก ด้วยพระปรีชาสามารถอันยิ่งใหญ่ ของพระองค์ ได้ทรงกอบกู้สถานการณ์ และปกป้องบ้านเมืองให้มั่นคงปลอดภัยมาได้โดยตลอดจนเป็นที่ครั่นคร้ามขามเกรงแก่บรรดาข้าศึกยิ่งนัก เรามาพิจารณากันในแง่ของการเป็นนักรบของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว เราจะเห็นได้ว่า ทรงเป็นยอดทั้งด้านการเป็นผู้นำทั้งในด้านยุทธศาสตร์ยุทธวิธี และในด้านจิตวิทยา


    ในด้านยุทธวิธีนั้น นักประวัติศาสตร์ การสงคราม และนักการทหารต่างถวายพระเกียรติแก่พระองค์ในฐานะผ็ทรงให้กำเนิด หรือทรงเป็นมิตรแห่งยุทธวิธีการรบแบบหนึ่ง ซึ่ง ในเวลาต่อมาเรียกการรบแบบพระองค์ท่านว่าการรบแบบกองโจร อันเป็นยุทธวิธีของการรบที่ใช้กำลังน้อยเอาชนะฝ่ายที่มีกำลังมากกว่า


    เพื่อให้ผู้อ่านได้มองเห็นภาพ ของการรบแบบกองโจรตามแบบฉบับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กระผม จึงขอนำท่านกลับไปสู่อดีตเมื่อประมาณ เกือบ 400 ปีก่อน โน้น ดังปรากฏในพงศาวดาร ครวรบพระยาพลิมที่เมืองสุพรรณ เมื่อปีวอก พุทธศักราช 2126 ซึ่งในคร้งนั้นพระเจ้าหงสาวดีให้พระยาพลิมคุมพล 3 หมื่นคน และให้พระเจ้าเชียงใหม่คุมพล 1 แสนคน ลงมาสมทบกันตีกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎความในพงศาวดารต่อไปนี้


    “ฝ่ายกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทรงทราบว่า กองทัพพระเจ้าเชียงใหม่ยกลงมา ก็เสด็จยกกองทัพไทยไปกับสมเด็จพระเอกาทศรถ ตั้งทัพหลวงที่บ้านชะไร แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ แล้วให้พระราชมนูเป็นทัพหน้า ขุนรามเดชะเป็นยกบัตร คุมกองทัพหน้าซึ่งเป็นทหารม้า 200 คน พลราบ 300 คน ยกขึ้นไปตีกองทัพหน้าข้าศึกที่บ้านปากน้ำบางพุทรา พระราชมนูกับขุนรามเดชะยกขึ้นไปถึง เห็นว่า จำนวนพลกองทัพไทยน้อยกว่าข้าศึกมากนัก จึงคิดเป็นอุบายซุ่มกำลังไว้ในป่าแล้วแต่งกองโจรคอยฆ่าฟันข้าศึกที่เที่ยวลาดตระเวรหาเสบียงอาหาร และคอยแย่งม้าพาหนะมิให้เอาไปเลี้ยงห่างค่ยใหญ่ได้ ให้ข้าศึกตามมาจับเห็นมาก ก็ให้หลบเลี่ยงไปเสีย ด้วยความชำนาญท้องที่กว่าข้าศึก ครั้นข้าศึกเผลอก็ยกปล้นทรัพย์ มิให้ข้าศึกอยู่เป็นปกติได้ แม่ทัพหน้าข้าศึกตั้งอยู่ไม่ได้ก็ต้องถอยทัพกลับไป”
    ท่านที่สนใจกิจการทหาร ได้ฟังเรื่องราวการรบแบบกองโจร อันเป็นต้นฉบับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว ก็คงจะมองเห็นแล้วว่า วิชาการรบแบบกองโจร หรือที่ฝรั่งมังค่าเขาเรียกว่า “กอลลิลล่าร์ วอร์แฟร์” และตื่นเต้นกันมาก ตลอดเวลา 30ปีที่ผ่านมา แท้จริงแล้วไม่ใช่ของใหม่ อะไรเลย กองทัพไทยเราใช้วิธีการรบแบบกองโจรนี้มาเกือบ 400 ปีมาแล้ว ถ้าจะพูดอย่างภาษาไทยปัจจุบันที่นิยมพูดกันเกร่อในหมู่คนหนุ่มคนสาว เด็กไทยสมัยนี้ก็พอที่จะพูดได้ว่า “ช้าไปแล้วต๋อย”



    ในด้านจิตวิทยานั้น ก็นับว่าเป็นยอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงปลุกปลอบน้ำใจทหารหาญของพระองค์มิให้ครั่นคร้ามขามเกรงต่อข้าศึก โดยเสด็จออกนำหน้าทหารทุกครั้ง ในฐานะที่พระองค์เป็นศิษย์ต้นของสมเด็จพระพนรัตน์ มหาเถระวัดป่าแก้ว ปรากฎว่าพระองค์ทรงเชื่อมั่นในอำนาจคุณพระอย่างยิ่ง นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า ที่พระมาลาเบี่ยง ของพระองค์นั้น มีพระเครื่องตระกูลลพบุรี ประดิษฐานไว้โดยรอบด้านนอก ส่วนด้านใน พระมาลามีพระหูยานลพบุรีกลัดติดไว้ 2 องค์ พร้อมด้วยผ้ายันต์จากวัดป่าแก้ว พระองค์จึงทรงไว้ซึ่งอำนาจพุทธาคมเป็นอัศจรรย์ ในการรบกับพม่าครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงคาบพระแสงดาบด้วยพระโอษฐ์ สองพระหัตถ์ปีนขึ้นค่ายพม่า ถูกทหารพม่าใช้หอกแทงพระองค์ตกลงมาจากค่ายถึง 2 ครั้ง แต่คมหอกหาได้ระบายเคืองผิวหนังของพระองค์ไม่ แม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้ามพระองค์ กลับทรงประหารนายทหารเอกของฝ่ายพม่าตายไป 2 คน คือ ลักไวทำมู กับเพื่อน


    จากเกร็ดพงศาวดารเก่าแก่ฉบับหนึ่ง พรรณาไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงตระหนักอย่างยิ่งในเรื่องพิธีกรรมบำรุงขวัญทหาร หาญของพระองค์ และทรงนับถือคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ในการยกกองทัพออกศึกสงครามทุกครั้ง พระองค์จะต้อง อาศัยฤกษ์อันเป็นอุดมมงคลทุกครั้งและทรงประกอบพิธีที่วัดป่าแก้ว(วัดใหญ่ชัยมงคล) เป็นประจำ ครั้นได้อุดมมงคลฤกษ์แล้วพระองค์จะทรงพนมหัตถ์ทำพระทัยให้สงบนิ่งแล้วทรงบริกรรมคาถาพระเจ้าห้าพระองค์ ดังนี้



    นะ ผ่านสงคราม
    โม ติดตามศัตรู
    พุทธ ต่อสู้ไพริน
    ธา ปราบสินพลไกร
    ยะ โชคชัยชำนะ



    เมื่อทรงบริกรรมพระคาถาจบแล้ว พระองค์จะทรงกระทืบพระบาทลงบนแผ่นปัฐพี 3 ครั้ง แล้วเสด็จขึ้นหลังพระคชสาร ทรงเปล่งพระสรุสีหนาทให้เคลื่อนพล พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์และลั่นฆ้องชัย บรรดาทหารผู้เกรียงไกร เปล่งเสียงไชโยกึกก้องกัมปนาทคึกคักลำพองใจ ทุกผู้เคลื่อนขบวนผ่านซุ้มประตูชัย ซึ่งสมเด็จพระพนรัตน์มหาเถระคอยถวายน้ำพระพุทธมนต์แด่พระองค์ และประพรมน้ำมนต์แก่บรรดาทหารหาญทั้งหลายโดยทั่วกัน



    และทุกครั้งในขณะที่องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจะทรงเข้าตลุมบอนขับเคี่ยวฆ่าฟันศัตรูนั้น พระองค์จะบริกรรมพระคาถา จตุรธาตุ ดังนี้



    นะ เดชรุกราน
    มะ ห้าวหาญฟันฟาด
    พะ พิฆาตโหมศึก
    ทะ ปราบศึกถดถอย



    เราคนไทยทุกวันนี้ ได้สืบทอดมรดกพิทักษ์รักษาแผ่นดินไทย จากพระองค์ท่านมาจนเราเป็นไททุกวันนี้ หากจะบูชาพระคาถาทั้ง สองบท ตามที่ได้ค้นคว้ามา โดยเฉพาะทหารหาญของชาติ ที่กำลังปกปักษ์รักษาพิทักษ์ไทยตามชายแดน สืบทอดเจตนารมย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จักนำไปใช้ พระวิญญานของพระองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช คงจะทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง แต่การนำของสูงพระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ นี้ไปใช้ เราจักต้องรำลึกถึงคุณพระทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์และรำพึงถึง มหาวีระกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไว้ให้มั่นแล้ว ตั้งสัตยาธิษฐานสาบานตนออกมาว่า


    “ข้าพเจ้าจะรักษามรดกของท่านไว้ด้วยเลือดและชีวิต”



    พระคาถานี้ใช้กับผ้ายันต์ “นารายณ์ทรงทัพปราบไตรโลก”ได้อย่างดีด้วย
    แล้วพระคาถานี้ จักคุ้มครองเรา และประเทศชาติ ของเราให้อยู่รอดปลอดภัย นำชัยชนะมาให้ตลอดกาล



    “หนานคำ”



    ที่มา :หนังสือ เชิญร่วมเป็นกรรมการ จัดสร้างผ้ายันต์ นารายณ์ทรงทัพปราบไตรโลก รุ่น “ปราบญวนโอหัง “



    ป.ล. ข้าพเจ้า นายเม ได้ทำการแก้ไข บางส่วน คือ วันที่ประกาศอิสรภาพ จากวันที่ 25 มกราคมในต้นฉบับเดิม มาเป็นวันที่ 18 มกราคม เพื่อให้ถูกต้อง พิมพ์ตามฉบับเดิมทุกประการ หากผิดพลาดประการใด ขอสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ทรงโปรดเมตตาประทานอโหสิกรรมแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2008
  2. nop_2550

    nop_2550 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +341
    ครอบครัว พชรโพธิ์เจริญ ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +498
    จ้กขอน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมรักษาไว้ด้วยเลือดแลชีวิตพระพุทธเจ้าข้า
     
  4. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175
    คาถาที่พระองค์ทรงใช้บริกรรมเป็นปรกติ คือ บทมงกุฎพระพุทธเจ้า กับ หัวใจพาหุง (พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ)


    ทรงเจริญบทถวายพรพระเป็นประจำทุกค่ำเช้า ครั้งละ 9 จบ โดยท่องบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และ พระสังฆคุณ ก่อน แล้วจึงตามด้วย บทถวายพรพระ (พาหุงฯ มหากาฯ)



    และ พระคาถาอีกมากมายหลายบท ล้วนได้รับถ่ายทอดมาจาก พระมหาเถรคันฉ่อง (พระมหาเถระชาวมอญ) กับ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอโยธยา



    นอกจาก พระหูยาน แล้ว ทรงมี พระร่วงยืน สุโขทัย พระกรุกำแพงเพชร พระกรุลพบุรี สายประคำ 108 ทองคำ ยอดผงยาจินดามณี พระกริ่งจักรพรรดิตราธิราช ผ้ายันต์จักรเพชร พระแสงลงอาคม พระมาลาลงอาคม สังวาลย์มณีนพเก้าปลุกเสก เบี้ยแก้ ตะกรุดสามกษัตริย์ ตะกรุดดำ (เนื้อตะกั่วลงถม) ตะกรุดทองคำ ประคำแขน ผ้าประเจียดมงคล และ พระปิดตามหาอุด



    ทรงสักยันต์ทั่วพระวรกาย ทรงบูชาพระประจำดวงพระชาตา ที่แกะจากไม้โพธิ์ เป็นปรกติ ทรงเชี่ยวชาญตำราพิชัยสงครามเป็นที่ยิ่ง ทรงโปรดปรานกีฬาไก่ชนเป็นที่สุด


    ทรงรักประเทศชาติ และ ประชาชน เหนือสิ่งอื่นใด



    ท่านใดต้องการกราบไหว้พระพุทธรูปที่พระองค์ทรงจัดสร้าง ขอเรียนเชิญไปกราบได้ที่ วัดบุพพาราม แถว ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่
     
  5. noonei789

    noonei789 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +6,958
    ดีจัง ประดับความรู้ ขอบคุณ
     
  6. SALEEN

    SALEEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +130
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
    ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ
     
  7. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    รักสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า พระองค์ผู้มีพระมหากรุณาธิคุณแก่ประเทศชาติอย่างล้นพ้น ลูกขอกราบพระบาท
     
  8. Cutie Kung

    Cutie Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +1,283
    กราบพระบาท องค์พระนเรศวร
    ด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และ ปรีชาสามารถ
     
  9. iamgaruda

    iamgaruda สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +20
    "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" อีกหนึ่งพระองค์ที่เป็นที่สุดของพระมหากษัตริย์ไทย


    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
     
  10. Ratree0424

    Ratree0424 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2014
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +158

แชร์หน้านี้

Loading...