พระพุทธมนต์
อุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง) เพื่อสืบชะตาแผ่นดิน ป้องกันพิบัติภัย สะเดาะเคราะห์-ต่อชาตา-บูชาดาว
“จะต่อแขน ต่อขา รักษาใจ..เพื่อแก้ไขความแตกแยกในแผ่นดิน”
พระครูพิทักษ์ศาสนวงศ์
http://palungjit.org/threads/พระพิท...านตลอด-24-ชั่วโมงและฉันท์เพียงน้ำปานะ.283436/
visudhidham.com | ญาณคุตโต มหาเถโร
หลวงพ่อฝากไว้
การสวดพระพุทธมนต์ บูชาดาว และอุปปาตะสันติ หรือมหาสันติงหลวง
พระพุทธมนต์ เพื่อสืบชาตาแผ่นดิน สวดพลังแผ่นดิน สืบชาตากำลังวัน สืบชาตากำลังเดือน สืบชาตากำลังปี..
ขวานทองเล่มใหญ่ สมบัติอยู่บนขวานทองทั้งเล่ม สมบัติอยู่บนแผ่นดินไทย ไม่มีประมาณ สุวรรณภูมิ..แผ่นดินทองน่ะ
จะสืบชาตากำลังวันก็ได้ สืบชาตากำลังเดือนก็ได้ สืบชาตากำลังปีก็ได้
บางคนตกวัน บางคนตกเดือน บางคนตกปี
บูชาดาว ฝากดวงไว้กับพระ..
สวดแล้วมันรวมแผ่นดิน..
เอ้า..นางพระธรณีรับไป รับไปรักษาไว้นะ..
ไหวที่ไหนก็ไหวได้ แต่อย่าให้แผ่นดินบ้านเราไหวนะ..
เม กะ มะ อุ..
ฝากใจนาง...
การสวดอุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง)
“อุปปาตะสันติ” ทางเมืองเหนือเรียกว่า “มหาสันติงหลวง” อุปปาตะสันติ แยกเป็น ๒ คำ คือ อุปปาตะ คำ ๑ และ สันติ คำ ๑ อุปปาตะ แปลว่า เคราะห์กรรม, เหตุร้าย, อันตราย และแปลว่าสิ่งกระทบกระเทือน
อุปปาตะสันติ แปลว่า บทสวดเพื่อสงบเคราะห์กรรม สวดเพื่อสงบเหตุร้าย และสวดเพื่อสงบสิ่งที่กระทบกระเทือน
ประวัติคัมภีร์อุปปาตะสันติ
คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีของล้านนาไทย จัดเข้าในหนังสือประเภท “เชียงใหม่คันถะ” คือ คัมภีร์เชียงใหม่มีอายุประมาณ ๖๐๐ ปีเศษแล้ว แต่งโดย พระมหามังคละสีลวังสะ พระเถระนักปราชญ์ของชาวเชียงใหม่รูปหนึ่ง ในสมัยของ พระเจ้าสิริธรรมจักกวัตติลกราชาธิราช (พระเจ้าติโลกราช) รัชกาลที่ ๑๑ แห่งราชวงศ์มังรายระหว่าง พ.ศ.๑๙๘๕-๒๐๓๐ เป็นคาถาล้วนจำนวน ๒๗๑ คาถา
คัมภีร์นี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในหมู่ชนชาวล้านนามาแต่โบราณกาล ทั้งพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้าน พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี มีคำเล่าว่า สมัยที่ท่านพระมหามังคละสีลวังสะแต่งอุปปาตะสันตินั้น ที่เชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเทือนอยู่เสมอ
พระมหาเถระสีละวังสะ จึงให้พระสงฆ์สามเณรและประชาชนพากันสวด และฟังอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ต่อมาชาวพม่ามีความเลื่อมใส นำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชน นับถือว่าพระคัมภีร์อุปปาตะสันตินี้มีความศักดิ์สิทธ์มาก
พากันนิยมท่อง นิยมสวด และนิยมฟังกันอย่างกว้างขวาง แพร่หลายไปทั่วประเทศพม่าในสมัย ๕๐๐ ปีที่ล่วงแล้ว ในงานพิธีสืบชะตา งานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กล่าวได้ว่าคัมภีร์อุปปาตะสันติเป็นคัมภีร์ของไทย แต่ต้นฉบับได้จากเมืองไทยไปอยู่เมืองพม่าเสียนาน จนแทบกล่าวได้ว่า คนไทยในสมัยหลังๆ นี้ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของคัมภีร์นี้ แต่บัดนี้เป็นที่โสมนัสยินดียิ่ง ที่ เจ้าคุณธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตปัญโญ) ป.ธ. ๙ วัดมหาโพธาราม ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ท่านได้ชำระคัมภีร์นี้เป็นภาษาบาลีอักษรไทย เพื่อความสะดวกแก่ผู้อ่านที่ไม่สันทัดบาลี โดยได้ต้นฉบับภาษาบาลีอักษรพม่าจากท่าน พระอาจารย์ภัททันตะ ธัมมานันทมหาเถระ อัครมหาบัณฑิตแห่งวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง นับว่าเป็นการนำคัมภีร์ของล้านนาไทยโบราณ กลับคืนมาสู่เมืองไทยให้ชาวไทยในยุคปัจจุบันได้รู้จัก ได้ศึกษา ได้สวด ได้ฟังให้เกิดประโยชน์ทางสันติ เพื่อความสงบระงับจากภัยพิบัติทั้งปวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวล้านนา ชาวไทยตลอดจนชาวโลกทั้งมวล
หลักฐานคัมภีร์ “อุปปาตะสันติ” ฉบับหนึ่งในล้านนาไทย ซึ่งเขียนไว้ในสมุดข่อย หมึกจีน อาบน้ำชาด ที่เรียกว่าประวัติย่อ ดังนี้... ในปีจุลศักราช ๑๒๗๙ ปีดับไก๊ เดือน ๘ เหนือ เพ็ญ วันศุกร์ ปีกุน ปตศก พ.ศ.๒๔๗๘ เจ้าภาพเขียนต้นฉบับนี้ คือ นายน้อยปิง มารวิชัย บ้านประตูท่าแพเป็นประธานพร้อมทั้งภริยาลูกและญาติทุกคน ได้จ้างคนเขียนธรรม ๕ ผูก คือมลชัย ๑ ผูก..อินทนิล ๑ ผูก.. สังยมาปริตตคลสูตร ๑ มังผูก..นัครฐาน ๑ ผูก... อุปปาตสันติ ๑ ผูก รวม ๕ ผูก พร้อมทั้งสร้างบ่อน้ำถวาย พระครูบาศรีวิชัย (ปฏิคาหก) ทานวัดศรีโสดา และถนนขึ้นดอยสุเทพ ขอกุศลบุญเยี่ยงนี้ จงเป็นปัจจัยค้ำชูตัวแห่งผู้ข้า ฯ (นายน้อยปิง) ทั้งหลายทุกคนตราบถึงนิพพานในอนาคตกาลโน้นเทอญ ฯ
เนื้อความในอุปปาตะสันติมหาสันติงหลวง
เนื้อความในอุปปาตะสันติคาถานั้น สรุปได้ว่า.... เป็นธรรมที่กระทำความสงบอันยิ่งใหญ่ เป็นธรรมเครื่องสงบเหตุร้ายทั้งปวง เป็นธรรมเครื่องป้องกันอมนุษย์ และยักษ์ เป็นธรรมเครื่องพ้นจากความตายก่อนกำหนดเวลา เป็นธรรมเครื่องย่ำยีกำลังของข้าศึก เป็นธรรมเครื่องจำเริญชัยชนะแด่พระราชา เป็นธรรมเครื่องนำสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาทั้งปวงออกไป
อุปปาตะสันติคาถา เป็นบทสวดอย่างพิสดาร ท่านจึงกล่าวพระนามของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งที่มีมาในอดีต ในปัจจุบัน และจักมีมาในอนาคต รวมตลอดไปจนถึงท่านที่ทรงคุณ ทรงอำนาจ ทรงฤทธิ์ ในทางที่ดีอื่นๆ เช่น เทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ นาค คนธรรพ์ ครุฑ อสูรเป็นต้น
เพื่อขอความเป็นมงคล ความสงบ ความสวัสดี ความไม่มีโรค ชัยชนะ และอายุ รวมทั้งขอให้ท่านคุ้มครองให้พ้นจากเหตุเภทภัยนานัปการ อันจะบังเกิดขึ้นในกาลทุกเมื่อ
บุคคลและสภาวะที่อ้างถึงในคัมภีร์อุปปาตะสันติมี ๑๓ ประเภท
พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตถึงปัจจุบัน (เน้นที่ ๒๘ พระองค์)
• พระปัจเจกพุทธเจ้า
• พระพุทธเจ้าในอนาคต ๑ พระองค์ คือ พระเมตไตรย
• โลกุตตรธรรม ๙ และพระปริยัติธรรม ๑
• พระสังฆรัตนะ • พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ๑๐๘ รูป
• พระเถรีชั้นผู้ใหญ่ ๑๓ รูป
• พยานาค
• เปรตบางพวก
• อสูร • เทวดา
• พรหม
• บุคคลประเภทรวม เช่น เทวดา ยักษ์ ปีศาจ คือผีที่ทำสิ่งใดๆ อย่างโลดโผน และวิชชาธรหรือพิทยาธร (สันสกฤตเรียกวิทยาธร ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเรียกพวกเซอเร่อคือพ่อมด แม่มด หรือผู้วิเศษ พวกวิชชาธร เป็นพวกรอบรู้เรื่องเครื่องรางและเสน่ห์ต่างๆ สามารถไปทางอากาศได้)
เรื่องราวเย็นอกเย็นใจที่สังคมมุ่งหวังและเสาะแสวงหา ที่กล่าวถึงในคัมภีร์อุปปาตะสันติที่สำคัญ ๓ ประการ
๑. สันติหรือมหาสันติ ความสงบ ความราบรื่น ความเยือกเย็น ความไม่มีคลื่น
๒. โสตถิ ความสวัสดี ความปลอดภัย ความเป็นอยู่เรียบร้อย หรือตู้นิรภัย
๓. อาโรคยะ ความไม่มีสิ่งเป็นเชื้อโรค ความไม่มีโรคหรือความมีสุขภาพสมบูรณ์
คัมภีร์อุปปาตะสันติ มีข้อความขอความช่วยเหลือ ขอให้พระรัตนตรัยและบุคคล พร้อมทั้งสิ่งทรงอิทธิพลในจักรวาลรวม ๑๓ ประเภท ดังกล่าวมาแล้วช่วยสร้างสันติ หรือมหาสันติ ช่วยสร้างโสตถิและอาโรคยะ ช่วยปรุงแต่งสันติและอาโรคยะ ขอให้ช่วยรวมสันติ รวมโสตถิและรวมอาโรคยะ และขอให้ช่วยเป็นตู้นิรภัยคุ้มครอง และกำจัดเหตุร้ายอันตรายหรือสิ่งกระทบกระเทือนต่างๆ อย่าให้เกิดมีในตน ในครอบครัว ในหมู่คณะ หรือในวงงานของตน และในวงงานของคนอื่นทั่วไป
อานิสงส์การสวดและการฟังอุปปาตะสันติ มีคุณประโยชน์ตามที่กล่าวไว้ ในท้ายคัมภีร์ มีดังนี้
ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมชนะเหตุร้ายทั้งปวงได้ และมีวุฒิภาวะคือ ความเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาณ
ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติย่อมได้ประโยชน์ที่ตนต้องการ คือ ผู้ประสงค์ความปลอดภัยย่อมได้ความปลอดภัย คนอยากสบายย่อมได้ความสุข คนอยากมีอายุยืน ย่อมได้อายุยืน คนอยากมีลูก ย่อมได้ลูกสมประสงค์ ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมไม่มีโรคลมเป็นต้นมาเบียดเบียน ไม่มีอกาละมรณะคือตายก่อนอายุขัย ทุนนิมิตคือลางร้ายต่างๆ มลายหายไป ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ เมื่อเข้าสนามรบย่อมชนะข้าศึก ทั้งปวงและแคล้วคลาดจากอาวุธทั้งปวง
เดชของอุปปาตะสันติ การสวดอุปปาตะสันติเป็นประจำ ย่อมมีเดชดังนี้
• อุปปาตะ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน อันเกิดจากแผ่นดินไหวเป็นต้น ย่อมพินาศไป (ปะถะพะยาปาทิสัญชาตา)
• อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน อันเกิดจากลูกไฟที่ตกจากอากาศหรือสะเก็ดดาว ย่อมพินาศไป (อุปปาตะจันตะลิกขะชา)
• อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน อันเกิดจากการเกิดจันทรุปราคาหรือสุริยุปราคา เป็นต้น ย่อมพินาศไป (อินทาทิชะนิตุปปาตา)
คาถาอุปปาตะสันติ (บทสวดสงบเหตุร้าย)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ.
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ.
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
ก.
สุทุททะโส อะยัง ธัมโม
โลกัตถัง ชินะเทสิโต
มะหาสันติกะโร โลเก
สัพพะสัมปัตติทายะโก.
ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลกเป็นธรรมที่เห็นได้ยากยิ่ง สำหรับธรรมที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นธรรมที่สามารถกระทำความสงบอันประเสริฐ และสามารถประทานซึ่งสมบัติทั้งปวง
ข.
สัพพุปปาตูปะสะมะโณ
ภูตะยักขะ นิวาระโณ
อะกาละมัจจุสะมะโณ
โสกะโรคะวินาสะโน.
เป็นเครื่องสงบเหตุร้ายทั้งปวง เป็นเครื่องป้องกันอมนุษย์และยักษ์ เป็นเครื่องระงับความตายก่อนกำหนดเวลา เป็นเครื่องขจัดความเศร้าโศกและโรค
ค.
ปะระจักกะปะมัททะโน
รัญโญ วิชะยะวัฑฒะโน
สัพพานิฏฐะหะโร สันโต
ธัมมัง วักขามิ ภูตะโต.
เป็นเครื่องย่ำยีกำลังของข้าศึก เป็นเครื่องจำเริญชัยชนะแด่พระราชา เป็นเครื่องนำสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาทั้งปวงออกไป เป็นธรรมอันประเสริฐ ข้าพเจ้า (พระสีละวังสะมหาเถระ)จักแสดงคุณธรรมเช่นนั้นตามสภาพที่เป็นจริง
ง.
วัตถุตตฺยัสสะ โย ยัตถะ
สังวัณเณติ คุณุตตะเม
ตัสสะ ตัตถะ สุขาโรคฺยะ-
โสตถิโย โหนติ สัพพะทา.
ณ ที่ใด มีผู้กล่าววาจาสรรเสริญพระคุณอันประเสริฐของพระรัตนตรัย ด้วยจิตที่เลื่อมใส ณ ที่นั้น ความสุข ความสบาย และความสวัสดี ย่อมมีแก่ผู้นั้นตลอดกาลทุกเมื่อ
พระพุทธเจ้าในอดีต ๒๘ พระองค์
ในสารมัณฑกัป ๔ พระองค์
๑.
ตัณหังกะโร มะหาวีโร
สัพพะโลกานุกัมปะโก
วันตะสังสาระคะมะโน
สัพพะกามะทะโท สะทา.
พระตัณหังกร สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แกล้วกล้ามาก ผู้อนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง ผู้คลายตัณหาอันเป็นเหตุท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏได้แล้ว ผู้ประทานสิ่งที่น่าปรารถนาทั้งปวงให้ ในกาลทุกเมื่อ
๒.
สัพพาภิภู สัพพะวิทู
สัพพะเทวะคะรุตตะโม
สัพพาสะวะปะริกขีโณ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ผู้ทรงครอบงำธรรมทั้งปวง ทรงรู้แจ้งธรรมทั้งปวง ทรงเป็นครูผู้ยอดเยี่ยมของมนุษย์และเทวดาทั้งปวง ทรงสิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว โปรดประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพระองค์ในกาลทุกเมื่อเถิด
๓.
วะระลักขะณะสัมปันโน
เมธังกะโร มะหามุนิ
ชุตินธะโร มะหาสิรี
สุวัณณะคิริสันนิโภ. พระจอมมุนีพระนามว่าเมธังกร ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยพระลักษณะอันเลิศผู้ทรงไว้ซึ่ง พระรัศมี ผู้ทรงมีพระสิริยิ่งใหญ่ รุ่งเรืองดุจสุวรรณคีรี
๔.
ทิพพะรูโป มหากาโย
มะหานาโถ มะหัพพะโล
มะหาการุณิโก สัตถา
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
ผู้ทรงมีพระรูปเพียงดังท้าวมหาพรหม มีพระวรกายอันประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐมีพระกำลังมาก ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงเป็นพระศาสดาโปรดประทานความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพระองค์เถิด
๕.
มะหาโมหะตะมัง หันตฺวา
โย นา โถ สะระณังกะโร
เทวาเทวะมะนุสสานัง
โลกานัญจะ หิตังกะโร.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสรณังกร ทรงเป็นที่พึ่ง ทรงกำจัดความมืดมนคืออวิชชาได้แล้ว ทรงกระทำประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก กล่าวคือเหล่าทวยเทพ อสูร และมนุษย์ทั้งหลาย
๖.
พฺยามัปปะภาภิรุจิโต
นิโคฺรธะปะริมัณฑะโล
นิโคฺรธะปักกะพิมโพฏโฐ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าสรณังกร พระองค์นั้น ผู้ทรงรุ่งเรืองด้วยพระรัศมีแผ่ออกไปหนึ่งวาโดยรอบ ผู้ทรงมีพระวรกายเป็นปริมณฑลดุจต้นนิโครธ(ความ สูงของกายเท่ากับความยาวของวา) ผู้ทรงมีพระโอษฐ์แดงเรื่อดุจผลตำลึงสุก ที่ต้นนิโครธ (นิสสยะฉบับพม่า แปลว่า ดุจผลนิโครธสุก) โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๗.
อะสีติระตะนุพเพโธ
ทีปังกะโร มะหามุนิ
ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ
ฐาเน ทฺวาทะสะ โยชะเน.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ทีปังกร มีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นพระมหามุนี พระรัศมีของพระองค์ แผ่ออกไปในที่สิบสองโยชน์
๘.
วัสสัสสะตะสะหัสสานิ
ฐัตฺวา โลเก วินายะโก
โลกาโลกะกะโร สัตถา
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ในโลกหนึ่งแสนปีทรงนำเวไนยสัตว์สู่พระนิพพาน ทรงเป็นพระศาสดาผู้ประทานแสงสว่างแก่โลกโปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
ในสารกัป ๑ พระองค์
๙.
อัฏฐาสีติหัตถุพเพโธ
โกณฑัญโญ นามะ นายะโก
สัพพะธัมเมหิ อะสะโม
สัพพะปาริมิตาคะโม.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โกณฑัญญะ มีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอกทรงเป็นผู้นำทรงเป็น ผู้ไม่มีบุคคลเสมอด้วยธรรมทั้งปวง ทรงถึงความเป็นผู้มีบารมีทั้งปวง
๑๐.
วัสสัสสะตะสะหัสสานิ
อายุ ตัสสะ มะเหสิโน
โมเจตุ โส สัพพะภะยา
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ทรงเป็นพระผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ มีพระชนมายุหนึ่งแสนปี ขอพระองค์โปรดเปลื้องพวกข้าพระองค์ให้พ้นจากภัยทั้งปวง โปรดประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
ในสารมัณฑกัป ๔ พระองค์
๑๑.
อัฏฐาสีติระตะนานิ
อัจจุคคะโต ชุตินธะโร
มังคะโล นามะ สัมพุทโธ
นะวุติสะหัสสายุโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า มังคละ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงไว้ซึ่งพระรัศมี ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี
๑๒.
ฉัพพัณณะรังสิโย ทะสะ-
สะหัสสะโลกะธาตุยา
ผะรันตา ตัสสะ ฉาเทนติ
เอสะ โสตถิง กะโรตุ โน.
พระฉัพพรรณรังสีของพระองค์ แผ่ปกคลุมโลกธาตุหนึ่งหมื่น ขอพระองค์โปรดประทาน ความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
๑๓.
นะวุติระตะนุพเพโธ
สุมะโน นามะ นายะโก
กัญจะนาจะละสังกาโส
นะวุติสะหัสสายุโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ ทรงมีพระวรกายสูงเก้าสิบศอก ทรงเป็นผู้นำ ทรงเป็นผู้เปรียบประดุจสุวรรณคีรี ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี
๑๔.
อุเปโต พุทธะคุเณหิ
สัพพะสัตตะหิเตสะโก
กะโรตุ โน มหาสันติง
อาโรคฺยัญจะ สุขัง สะทา.
ทรงประกอบด้วยพระพุทธคุณทั้งหลาย ทรงแสวงหาความเกื้อกูลแก่เหล่าสัตว์โลกทั้งปวง โปรดประทานความสงบร่มเย็น ความไม่มีโรคและความสุขแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๕.
อะสีติระตะนุพเพโธ
สัฏฐีสะหัสสะอายุโก
เรวะโต นามะ สัมพุทโธ
สัพพะโลกุตตะโร มุนิ.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เรวตะ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงมีพระชนมายุหกหมื่นปี ทรงประเสริฐกว่าสัตว์โลกทั้งปวง ทรงรู้แจ้งโลกทั้งปวง
๑๖.
ตัสสะ สะรีเร นิพพัตตา
ปะภามาลา อะนุตตะรา
ผะรันตา โยชะเน นิจจัง
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แสงแห่งพระรัศมีอันไม่มีที่เปรียบ อันเกิดแต่พระวรกายของพระองค์ แผ่ไปตลอดแนวหนึ่งโยชน์เป็นนิจ โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗.
โสภิโต นามะ สัมพุทโธ
นะวุติสะหัสสายุโก
สังสาระสาคะเร สัตเต
พะหู โมเจติ ทุกขะโต.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โสภิตะ ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี ทรงเปลื้องสัตว์โลกเป็นจำนวนมาก จากทุกข์ในห้วงมหาสมุทร คือ สังสารวัฏ
๑๘.
อัฏฐะปัญญาสะระตะนัง
อัจจุคคะโต มะหามุนิ
โอภาเสติ ทิสา สัพพา
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระองค์ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงเป็นพระมหามุนีผู้ประเสริฐ ทรงยังทิศทั้งปวงให้สว่างไสว โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด.
ในวรกัป ๓ พระองค์
๑๙.
อะโนมะทัสสี สัมพุทโธ
เตชัสสี ทุระติกกะโม
อัฏฐะปัณณาสะระตะโน
โอภาเสนโต สะเทวะเก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ผู้อันศัตรูไม่สามารถกล้ำกรายได้ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงกระทำมนุษย์โลกพร้อมทั้งเทวโลกให้สว่างไสวอยู่
๒๐.
นิพพานะปาปะโก โลเก
วัสสัสสะตะสะหัสสายุ
กะโรตุ โน มะหาสันติง
สุขิตา จะ มะยัง สะทา.
พระองค์ทรงยังสัตว์โลกให้ถึงพระนิพพาน ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี โปรดประทานความสงบร่มเย็น แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด อนึ่งขอให้พวกข้าพระองค์ จงเป็นผู้มีความสุขในกาลทุกเมื่อเถิด.
๒๑.
ปะทุโม นามะ สัมพุทโธ
โลกะเชฏโฐ นะราสะโภ
อัฏฐะปัญญาสะระตะโน
อาทิจโจวะ วิโรจะติ.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมะ
ทรงเป็นผู้ประเสริฐกว่าเหล่าสัตว์โลก ทั้งปวง ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงรุ่งโรจน์ประดุจพระอาทิตย์
๒๒.
วัสสัสสะตะสะหัสสานิ
อายุ ตัสสะ มเหสิโน
โสปิ พุทโธ การุณิโก
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระมหากรุณา ขอทรงโปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๓.
อัฏฐาสีติระตะนุพเพโธ
นาระโท สัพพะกามะโท
นิรันตะรัง ทิวารัตติง
โยชะนัง ผะระเต ปะภา.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า นารทะ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงประทานสิ่งที่น่าชอบใจทั้งปวง พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปสู่ที่หนึ่งโยชน์ ตลอดวันและคืนเป็นนิจ
๒๔.
นะวุติวัสสะสะหัสสานิ
ฐัตฺวา โลเก วินายะโก
โมเจติ ทุกขะโต สัตเต
โสปิ โสตถิง กะโรตุ โน.
พระองค์ทรงแนะนำสั่งสอนสัตว์โลก ให้หลุดพ้นจากวัฏฏทุกข์ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
ในสารกัป ๑ พระองค์
๒๕.
อัฏฐะปัณณาสะระตะโน
ปะทุมุตตะโร มะหามุนิ
ตัสสะ ปากะติกา รังสี
ผะรันติ ทฺวาทะสะ โยชะเน.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก พระรัศมีอันมีอยู่โดยธรรมชาติของพระองค์ แผ่ไปถึงสิบสองโยชน์
๒๖.
วัสสัสสะตะสะหัสสานิ
ฐัตฺวา โลเก มะตันทะโท
โมเจติ พันธะนา สัตเต
โสปิ ปาเลตุ โน สะทา.
พระองค์ทรงประทานอมฤตธรรม คือ พระนิพพาน ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ่งแสนปี ทรงเปลื้องหมู่สัตว์โลก ให้พ้นจากกิเลสเครื่องผูกมัด ขอพระองค์โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
ในมัณฑกัป ๒ พระองค์
๒๗.
อัฏฐาสีติระตะนานิ
อัจจุคคะโต มหามุนิ
สุเมโธ นามะ สัมพุทโธ
นะวุติสะหัสสายุโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงเป็นพระมหามุนีผู้ประเสริฐ ทรงมีพระ ชนมายุเก้าหมื่นปี
๒๘.
ตัสสะ ปากะติกา รังสี
ผะรันติ โยชะนัง สะทา
ปาเลตุ โน สะทา พุทโธ
ภะเยหิ วิวิเธหิ จะ.
พระรัศมีอันมีอยู่โดยปกติของพระองค์ แผ่ไปตลอดหนึ่งโยชน์ในกาลทุกเมื่อ ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะนั้น โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ ให้พ้นจากภัยต่างๆ
๒๙.
ปัญญาสะระตะนุพเพโธ
สุชาโต นามะ นายะโก
เหมะวัณโณ มะหาวีโร
มะหาตะมะวิโนทะโน.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุชาตะ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบศอก ทรงเป็นผู้นำ ทรงมีพระฉวีประดุจทอง ทรงเป็นผู้แกล้วกล้ายิ่ง ทรงบรรเทาความมืด คือ โมหะ
๓๐.
นะวุติวัสสะสะหัสสานิ
อายุ ตัสสะ มะเหสิโน
โสปิ พุทโธ การุณิโก
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุชาตะ แม้นั้นผู้ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี ทรงมีพระมหากรุณา โปรดประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
ในวรกัป ๓ พระองค์
๓๑.
อะสีติระตะนุพเพโธ
ปิยะทัสสี มะหามุนิ
นะวุติวัสสะสะหัสสานิ
ฐัตฺวา โลกัคคะนายะโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปิยทัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกสู่พระนิพพาน ทรงดำรงพระชนม์อยู่ตลอดเก้าหมื่นปี
๓๒.
โสปิ สัพพะคุณูเปโต
สัพพะโลกะสุขัปปะโท
สัพพะโทสัง วินาเสนโต
สะพัง โสตถิง กะโรตุ โน.
ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่าปิยทัสสี แม้นั้น ผู้ทรงประกอบด้วยคุณทั้งปวง ทรงให้ความสุขแก่โลกทั้งปวง ทรงกำจัดโทษทั้งปวง โปรดประทานความสวัสดีทั้งปวง แก่พวกข้าพระองค์เถิด
๓๓.
อะสีติระตะนุพเพโธ
อัตถะทัสสี นะราสะโภ
วัสสะสะตะสะหัสสานิ
โลเก อัฏฐาสิ นายะโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นนระผู้ประเสริฐ ทรงเป็นผู้นำ ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ่งแสนปี
๓๔.
ตัสสะ ปากะติกา รังสี
ผะรันติ โยชะนัง สะทา
นิรันตะรัง ทิวารัตติง
นาโถ โสตถิง กะโรตุ โน.
พระรัศมีอันมีอยู่โดยปกติของพระองค์ แผ่ไปได้หนึ่งโยชน์ตลอดกลางวันและกลางคืนในกาลทุกเมื่อเป็นนิจ พระองค์ ผู้เป็นที่พึ่ง โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
๓๕.
ธัมมะทัสสี จะ สัมพุทโธ
อะสีติหัตถะมุคคะโต
อะติโรจะติ เตเชนะ
สะเทวาสุระมานุเส.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ธัมมทัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงรุ่งโรจน์ด้วยพระเดชานุภาพยิ่งกว่าโลก ซึ่งประกอบด้วยเหล่าทวยเทพ อสูร และมนุษย์ทั้งหลาย
๓๖.
วัสสัสสะตะสะหัสสานิ
ฐัตฺวา โลเก มะหายะโส
สัพพะสัตเต ปะโมเจติ
ภะยา รักขะตุ โน สะทา.
พระองค์ผู้ทรงมีชื่อเสียงและบริวารอันยิ่งใหญ่ ดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ่งแสนปี ทรงเปลื้องสัตว์ทั้งปวงจากภัย โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ให้พ้นจากภัยในกาลทั้งปวงเถิด
ในสารกัป ๑ พระองค์
๓๗.
สิทธัตโถ นามะ สัมพุทโธ
สัฏฐิระตะนะมุคคะโต
ติภะเว โสตถิชะนะโก
สะตัสสะหัสสะ อายุโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สิทธัตถะ ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก ทรงยังความสวัสดีให้เกิดขึ้นในภพทั้งสาม ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี
๓๘.
สังสาระสาคะรา โลเก
สันตาเรตฺวา สะเทวะเก
นิพพาเปติ จะ โส สัตถา
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ขอพระศาสดาพระนามว่าสิทธัตถะ นั้น ผู้ทรงยังหมู่มนุษย์พร้อมทั้งเหล่าทวยเทพ ให้ข้ามพ้นจากห้วงมหา สมุทร คือสังสารวัฏ และให้ถึงพระนิพพาน โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
ในมัณฑกัป ๒ พระองค์
๓๙.
สัฏฐิระตะนะมุพเพโธ
ติสโส โลกัคคะนายะโก
อะนูปะโม อะสะทิโส
อะตุโล อุตตะโม ชิโน.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ติสสะ ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก ทรงเป็นบุคคลผู้นำชั้นเลิศของโลก ไม่มีบุคคลเทียบเท่า ไม่มีบุคคลเสมอเหมือน ไม่มีบุคคลเปรียบปาน ทรงเป็นผู้สูงสุด ทรงเป็นผู้ชนะมารทั้งปวง
๔๐.
วัสสัสสะตะสะหัสสานิ
อายุ ตัสสะมะเหสิโน
อาโรคฺยัญจะ มหาสุขัง
โหตุ โน ตัสสะ เตชะสา.
ด้วยพระเดชานุภาพของพระพุทธเจ้า พระนามว่าติสสะ พระองค์นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี ขอความไม่มีโรคและความสุขอันประเสริฐ จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
๔๑.
อัฏฐะปัญญาสะระตะโน
ผุสโส โลกัคคะนายะโก
ชะนัมพุชัง วิโพเธนโต
นิพพาเปนโต สะเทวะเก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ผุสสะ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงเป็นบุคคลผู้นำชั้นเลิศของโลก ทรงยังดอกบัวคือหมู่ชนให้เบิกบาน ทรงยังหมู่มนุษย์ พร้อมทั้งเหล่าทวยเทพ ให้ถึงพระนิพพาน
๔๒.
นะวุติวัสสะสะหัสสานิ
ฐัตฺวา โลเก มะหายะโส
อุทธะรันโต พะหู สัตเต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระองค์ทรงมีชื่อเสียงและบริวารอันยิ่งใหญ่ ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดเก้าหมื่นปี ผู้ทรงนำสัตว์โลกจำนวนมากออกจากสังสารวัฏ โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
ในสารกัป ๑ พระองค์
๔๓.
อะสีติระตะนุพเพโธ
วิปัสสี โลกะนายะโก
ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ
สะมันตา สัตตะ โยชะเน.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นผู้นำของสัตว์โลก พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปตลอดเจ็ดโยชน์โดยรอบ
๔๔.
โสปิ เทวะมะนุสสานัง
พันธะนา ปะริโมจะยิ
อะสีติสะหัสสายุโก
นาโถ โสตถิง กะโรตุ โน.
ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุแปดหมื่นปี ทรงเป็นที่พึ่ง ทรงเปลื้องเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจากเครื่องผูกคือกิเลส โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
ในมัณฑกัป ๒ พระองค์
๔๕.
สัตตะตีหัตถะมุพเพโธ
สิขี นาเมสะ นายะโก
ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ
สะมันตา โยชะนัตตะเย.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ทรงมีพระวรกายสูงเจ็ดสิบศอก พระสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นพระนามว่า สิขี ทรงเป็นผู้นำพระรัศมีของพระองค์ แผ่ไปตลอดสามโยชน์โดยรอบ
๔๖.
โสปิ อะตุลฺโย สัมพุทโธ
สัตตะตีสะหัสสายุโก
กะโรตุ โน มะหาสันติง
สุขิตา จะ มะยัง สะทา.
ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี แม้นั้น ผู้ทรงไม่มีผู้เปรียบ ทรงมีพระชนมายุเจ็ดหมื่นปี โปรดประทานความสงบอันประเสริฐแก่พวกข้าพระองค์ อนึ่ง ขอ พวกข้าพระองค์ จงเป็นผู้ถึงความสุขใน กาลทุกเมื่อเถิด
๔๗.
เวสสะภู นามะ สัมพุทโธ
เหมะรูปะสะมูปะโม
สัฏฐีระตะนะมุพเพโธ
สัฏฐี จะ สะหัสสายุโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เวสสภู ผู้มีพระฉวีประดุจทอง ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก ทรงมีพระชนมายุหกหมื่นปี
๔๘.
พฺรัหฺมะเทวะมะนุสเสหิ
นาคาสุระทิเชหิ วา
ปูชิโตปิ สะทา นาโถ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า เวสสภู แม้นั้น ผู้อันหมู่พรหม เทวดา มนุษย์ นาค อสูร และครุฑ พากันบูชาแล้ว ทรงเป็นที่พึ่ง โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
ในภัทรกัปนี้ ๕ พระองค์
(พระพุทธเจ้าในกัปปัจจุบัน ผ่านไปแล้ว 3 พระองค์)
๔๙.
ตาฬีสะระตะนุพเพโธ
กะกุสันโธ มหามุนิ
ตัสสะ กายา นิจฉะรันติ
ปะภา ทฺวาทะสะ โยชะนา.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ ทรงมีพระวรกายสูงสี่สิบศอก ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ พระรัศมีจากพระวรกายของพระองค์ แผ่ซ่านไปสิบสองโยชน์
๕๐.
จัตตาลฬีสะสะหัสสานิ
ตัสสะ อายุ อะนุตตะโร
กะโรตุ โส สะทา นาโถ
อายุ สุขัง พะลัญจะ โน.
ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุสี่หมื่นปี ทรงเป็นผู้ไม่มีใครเปรียบ ทรงเป็นที่พึ่ง โปรดประทานอายุ ความสุขและกำลังแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๕๑.
โกนาคะมะนะ สัมพุทโธ
ติงสะหัตถะสะมุคคะโต
ติงสะวัสสะสะหัสสานิ
อายุ ตัสสะ มะเหสิโน.
พระโกนาคมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระวรกายสูงสามสิบศอก ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงมีพระชนมายุสามหมื่นปี
๕๒.
ธัมมามะเตนะ ตัปเปตา
เทวะสังฆัง สุราละเย
มะหีตะเล จะ ชะนะตัง
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ทรงยังหมู่ทวยเทพบนสวรรค์ และหมู่มนุษย์บนพื้นโลก ให้อิ่มเอิบด้วยอมตธรรมคือพระนิพพาน โปรด ประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๕๓.
กัสสะโป นามะ สัมพุทโธ
ธัมมะราชา ปะภังกะโร
วีสะตีหัตถะมุพเพโธ
วีสัสสะหัสสะอายุโก.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ผู้ทรงเป็นพระธรรมราชาทรงมีพระรัศมี ทรงมีพระวรกายสูงยี่สิบศอก ทรงมีพระชนมายุสองหมื่นปี
๕๔.
อะนูปะโม สะมะสะโม
เทวะสัตถา อะนุตตะโร
กะโรตุ โน มะหาสันติง
อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
พระองค์ไม่มีผู้เปรียบปานเสมอเหมือน ทรงเป็นศาสดาของเหล่าทวยเทพ ทรงเป็นผู้ยอดเยี่ยม โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
พระพุทธเจ้าในปัจจุบัน ๑ พระองค์
๕๕.
อัฏฐาระสะหัตถะถุพเพโธ
โคตะโม สักกะยะวัฑฒะโน
สัพพัญญู สัพพะติละโก
สัพพะโลกะสุขัปปะโท.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ ทรงมีพระวรกายสูงสิบแปดศอก ทรงเป็นผู้เชิดชูศากยวงศ์ ทรงตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ทรงเป็นผู้โดดเด่นกว่าชนทั้งปวง ทรงประทานความสุขให้แก่สัตว์โลก (ในคัมภีร์พุทธวงศ์แสดงไว้ว่า ทรงมีพระวรกายสูง ๑๖ ศอก)
๕๖.
สัมพุทโธ สัพพะธัมมานัง
ภะเคหิ ภาคฺยะวา ยุโก
วิชชาจะระณะสัมปันโน
โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุโน.
ขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ ผู้ตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ทรงประกอบด้วยบุญ ทรงมีพระบารมีอันสูงสุด ทรงเพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ โปรดประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพระองค์เถิด
๕๗.
อัพภะตีตา จะ สัมพุทธา
อะเนกะสะตะโกฏิโย
สัพพะโลกะมะภิญญายะ
สัพพะสัตตานุกัมปิโน.
อนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย หลายร้อยโกฏิซึ่งเสด็จล่วงลับไปแล้ว ทรงประจักษ์โลกทั้งปวงด้วยพระญาณแล้ว จึงทรงอนุเคราะห์เหล่าสรรพสัตว์
๕๘.
สัพพะเวระภะยาตีตา
สัพพะโลกะสุขัปปะทา
สัพพะโทสัง วินาเสนตา
สัพพะโสตถิง กะโรนตุโน.
ทรงล่วงพ้นเวรและภัยทั้งปวง ทรงประทานความสุขแก่สรรพสัตว์ ทรงกำจัดโทษทั้งปวง ขอทรงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด
พระพุทธเจ้าในอนาคต ๑ พระองค์
๕๙.
อะนาคะเต จะ สัมพุทโธ
เมตเตยโย เทวะปูชิโต
มะหิทธิโก มะหาเทโว
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
ก็ในอนาคต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เมตเตยยะ ทรงเป็นผู้ที่หมู่ทวยเทพบูชาแล้ว ทรงมีฤทธิ์มาก ทรงเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาทั้งปวง โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพระองค์เถิด
พระปัจเจกพุทธเจ้า
๖๐.
สัพเพ ปัจเจกะสัมพุทธา
นิโรธะฌานะโกวิทา
นิราละยา นิราสังกา
อัปปะเมยยา มะเหสะโย.
พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งปวง ทรงปรีชาญาณในนิโรธสมาบัติและฌานสมาบัติ ทรงปราศจากความกำหนัดยินดี หมดความรังเกียจ ทรงคุณอันหาประมาณมิได้ ทรงแสวงหาคุณอันประเสริฐ
๖๑.
ทูเรปิ วิเนยเย ทิสฺวา
สัมปัตตา ตังขะเณนะ เต
สันทิฏฐิกะผะเล กัตฺวา
สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านี้ เห็นหมู่เวไนยสัตว์แม้ในที่ไกลก็ทรงเสด็จไปช่วยเหลือสัตว์เหล่านั้น ให้ได้รับประโยชน์โดยพลัน โปรดประทานความสงบแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
นวโลกุตตรธรรม ๙ และปริยัติธรรม ๑
พระธัมมรัตนะ
๖๒.
สฺวากขาตะตาทิสัมปันโน
ธัมโม สะปะริยัตติโก
สังสาระสาคะรา โลเก
ตาเรติ ชินะโคจะโร.
พระธรรม พร้อมทั้งปริยัติที่สมบูรณ์ ด้วยคุณ มีความเป็นธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเป็นต้น เป็นอารมณ์ของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุยังสัตว์โลกให้ข้ามพ้นสาครคือ สังสารวัฏ
๖๓.
กิเลสะชาละวิทธังสี
วิสุทโธ พุทธะเสวิโต
นิพพานะคะมะโน สันโต
สะทา โสตถิง กะโรตุโน.
ขอพระธรรมอันบริสุทธิ์ยิ่ง อันมีปกติทำลายข่ายคือกิเลส เป็นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเจริญแล้ว เป็นธรรมอันประเสริฐอันยังสัตว์ให้ถึงพระนิพพาน โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ในกาลทุกเมื่อเถิด
พระสังฆรัตนะ
๖๔.
สีลาทิคุณะสัมปันโน
สังโฆ มัคคะผะเล ฐิโต
ชิตินทฺริโย ชิตะปาโป
ทักขิเณยโย อะนุตตะโร.
พระสงฆ์ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณมีศีล เป็นต้น ดำรงอยู่ในมรรค และผล ชนะอินทรีย์แล้ว ชนะบาปแล้ว เป็นทักขิเณยยบุคคลผู้ยอดเยี่ยม
๖๕.
อะนาสะโว ปะริสุทโธ
นิราสาโส ภะวาภะเว
นิพพานะโคจะโร สันโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ขอพระอริยสงฆ์ผู้ไม่มีอาสวะผู้บริสุทธิ์ ผู้หมดความปรารถนาในภพน้อยภพใหญ่ ผู้มีจิตจดจ่อในพระนิพพาน เป็นสัตบุรุษ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ๑๐๘ องค์
๖๖.
อัญญาตะโกณฑัญญัตเถโร
รัตตัญญูนัง อัคโค อะหุ
ธัมมะจักกาภิสะมะโย
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอัญญาโกณฑัญญะเถระ เป็น ผู้เลิศกว่าเหล่าภิกษุผู้รู้ราตรี ผู้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๖๗.
วัปปัตเถโร มะหาปัญโญ
มะหาตะมะวิโนทะโน
มะหาสันติกะโร โลเก
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระวัปปะเถระ ผู้มีปัญญามากผู้กำจัดความมืดคือโมหะผู้กระทำความสงบอัน ประเสริฐในโลก ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐแก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๖๘.
ภัททิโย ภัททะสีโล จะ
ทักขิเณยโย อะนุตตะโร
โลกัตถะจะริโต เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระภัททิยเถระ ผู้มีศีลงาม ผู้เป็น ทักขิเณยยบุคคลผู้ยอดเยี่ยม ผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่โลก ขอจงประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด
๖๙.
มะหานาโม มะหาปัญโญ
มะหาธัมมะวิทู สุโต
มะหาขีณาสะโว เถโร
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระมหานามะเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ ผู้มีชื่อเสียง เป็นพระขีณาสพผู้ประเสริฐ ขอจงประทานความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๗๐.
อัสสะชิตเถโร มะหาปัญโญ
ชิตะมาโร ชิตินทฺริโย
ชิตะปัจจัตถิโก โลเก
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอัสสชิเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้ชนะมาร ผู้ชนะอินทรีย์ ผู้ชนะศัตรูในโลก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๗๑.
อะนุปุพพิกะถัง สุตฺวา
ยะโส เอกัคคะมานะโส
อัคคะธัมมะมะนุปปัตโต
โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
พระยสะเถระ ผู้ฟังอนุปุพพิกถาแล้ว มีจิตตั้งมั่นบรรลุพระอรหัตผล อันเป็นธรรมอันเลิศ ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๗๒.
จัตฺวาธิกา จะ ปัญญาสะ
เถรา คิหิสะหายะกา
ปัตฺวานะ ปะระมัง สันติง
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
และพระเถระผู้เป็นพระอรหันต์ ๕๔ รูป ผู้เคยเป็นสหายของพระยสะ เมื่อครั้งยังเป็นผู้ครองเรือน บรรลุแล้วซึ่งพระนิพพานอันประเสริฐ ขอจงประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด
๗๓.
เย ติงสะ ภัททะวัคคิยา
รูเปนาตุละวัณณิโน
ขีณาสะวา วะสีภูตา
เต กะโรนตุ อะนามะยัง.
พระภัททวัคคีย์ผู้เป็นเถระสามสิบองค์
ผู้มีรูปทรงและผิวพรรณอันหาใครเปรียบปานมิได้ สิ้นอาสวะแล้ว เป็นผู้ชนะตน มีความชำนาญในการเข้าฌาน ขอจงประทานความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๗๔.
อุรุเวละกัสสะโปปิ
มะหาปะริสานะมุตตะโม
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้พระอุรุเวลกัสสปะ ผู้เป็นเลิศในตำแหน่งแห่งภิกษุผู้มีบริษัทมาก ขอจงประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๗๕.
โย นะทีกัสสะปัตเถโร
ปุญญักเขตโต อะนุตตะโร
สะสังโฆ สีละสัมปันโน
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้พระเถระนามว่า นทีกัสสปะ ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ ผู้มีภิกษุเป็นศิษย์ ๓๐๐ เป็นบริวาร ผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๗๖.
ธัมมะปัชชะลิโต สันโต
โย เถโร คะยากัสสะโป
สังยุตโต ภะวะนิสฺเนเห
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า คยากัสสปะ ผู้รุ่งเรืองด้วยธรรม ผู้สงบ ผู้เข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นที่ปราศจากภวตัณหา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าในกาลทุก เมื่อเถิด
๗๗.
โลกะนาถัง ฐะเปตฺวานะ
ปัญญะวันตานะ ปาณินัง
ปัญญายะ สาริปุตตัสสะ
กะลัง นาคฆะติ โสฬะสิง.
ในบรรดาสรรพสัตว์ผู้มีปัญญาทั้งหลาย เว้นพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของโลกแล้ว สัตว์ใดๆ ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่สิบหกแห่งปัญญาของพระสารีบุตร
๗๘.
สาริปุตโต มะหาปัญโญ
ปะฐะโม อัคคะสาวะโก
ธัมมะเสนาปะตี เสฏโฐ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ขอพระสาริปุตตะ ผู้มีปัญญามาก ผู้เป็นอัครสาวกองค์ที่หนึ่ง ผู้เป็นธรรมเสนาบดี ผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เลิศทางปัญญา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๗๙.
ปาทังคุลิกะมัตเตนะ
เวชะยันตะปะกัมปะโน
ปะฐะวิง มะหะติง สัพพัง
สะมัตโถ ปะริวัตติตุง.
พระมหาเถระใด ผู้สามารถยังเวชยันต์ปราสาท (ปราสาทของพระอินทร์) ให้หวั่นไหวแม้ด้วยเพียงหัวแม่เท้านั้น สามารถพลิกแผ่นดินผืนใหญ่ทั้งหมดได้
๘๐.
โมคคัลลาโน มะหาเถโร
ทุติโย อัคคะสาวะโก
อิทธิมันตานัง โส อัคโค
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระมหาเถระนั้นนามว่าโมคคัลลานะ ผู้เป็นพระอัครสาวกองค์ที่สอง เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
๘๑.
มะหากัสสะปัตเถโรปิ
อุตตัตตะกะนะกันนิโภ
ธุตะคุณัคคะนิกขิตโต
ตะติโย สัตถุสาวะโก.
พระมหาเถระนามว่า กัสสปะ ผู้มีผิวพรรณอันงดงามดุจเนื้อทองคำอันบริสุทธิ์ ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นผู้เลิศ ในทางธุดงค์คุณ เป็นพระอัครสาวกองค์ที่สามของพระศาสดา
๘๒.
อะรัญญะวาสาภิระโต
ปังสุกูละธะโร มุนิ
สุคะตัสสาสะนะธะโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
เป็นผู้ยินดียิ่งในการอยู่ป่า ผู้ทรงผ้าบังสุกุล เป็นมุนีผู้รู้โลกทั้งภายในและภายนอก ผู้ทรงไว้ซึ่งคำสอนของพระสุคต ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๘๓.
อาปัตติอะนาปัตติยา
สะเตกิจฉายะ โกวิโท
วินะเย อัคคะนิกขิตโต
อุปาลิ สัตถุวัณณิโต.
พระอุบาลีเถระ ผู้ฉลาดในอาบัติและมิใช่อาบัติ และในอาบัติที่เยียวยาได้และเยียวยาไม่ได้ ผู้อันพระศาสดาทรงแต่งตั้งให้ เป็นผู้เลิศในทางทรงพระวินัย
๘๔.
วินะเย ปาระมิปปัตโต
วินะยัคโคจะโร มุนิ
กะโรตุ โน มะหาสันติง
โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
ผู้อันพระศาสดาทรงยกย่อง ให้เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นผู้เลิศในทางทรงจำพระวินัย ผู้สำรวมกาย วาจา และใจ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้า และขอให้ความสวัสดี ความไม่มีโรค จงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๘๕.
อะนุรุทธะมะหาเถโร
ทิพพะจักขูนะมุตตะโม
ญาติเสฏโฐ ภะคะวะโต
โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
พระอนุรุทธมหาเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีตาทิพย์ เป็นพระประยูรญาติผู้ประเสริฐของพระผู้มีพระภาค ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๘๖.
อุจจากุลิกานัง อัคโค
ภัททิโย สุสะมาหิโต
กาฬิโคธายะ ปุตโต จะ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระภัททิยะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุ ผู้มีตระกูลสูง เป็นผู้มีจิตอันตั้งมั่น เป็นบุตรของนางกาฬิโคธา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๘๗.
อานันโท พุทธุปัฏฐาโก
สังคีติสาธุสัมมะโต
พะหุสสุโต ธัมมะธะโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอานันทะเถระ (ผู้อุปัฏฐากพระ พุทธเจ้า) ผู้ยังการทำสังคายนาให้สำเร็จ ผู้เป็นพหูสูต ผู้ทรงธรรม ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๘๘.
กิมิโล สิริสัมปันโน
มะหาสุขะสะมัปปิโต
มะหาขีณาสะโว ชาโต
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระกิมพิละเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ เพียบพร้อมด้วยบรมสุข เป็นพระขีณาสพผู้ประเสริฐ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๘๙.
คะรุวาสัง วะสิตฺวานะ
ปะสันโน พุทธะสาสะเน
ภะคุ จาระหะตัง ปัตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระภคุเถระ ผู้เลื่อมใส และอยู่ด้วยความเคารพในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๙๐.
กุลัปปะสาทะชะนะโก
กาฬุทายี มะหิทธิโก
เอตะทัคคัฏฐิโต เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระกาฬุทายีเถระ ผู้มีฤทธิ์มาก เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ทำให้คนเลื่อมใส
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๙๑.
เสฏโฐ ธัมมะกะถิกานัง
ติณณัง เวทานะ ปาระคู
ปุณโณ มันตานิยา ปุตโต
เถโร โสตถิง กะโรตุ โน.
พระปุณณะเถระ ผู้เป็นบุตรของนางมันตานี เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้เป็นธรรมกถึก ผู้จบไตรเพท ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๙๒.
ภาระทฺวาโช มะหาเถโร
สีหะนาทานะมุตตะโม
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระ (ปิณโฑล) ภารทวาชะมหาเถระ ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้บันลือ สีหนาทขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๙๓.
สังขิตตะภาสิตะมัตถัง
วิตถาเรนะ วิชานะโก
กัจจาโน ภะวะนิสฺเนโห
เถโร โสตถิง กะโรตุ โน.
พระกัจจายนะเถระ ผู้สามารถอธิบายเนื้อความ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยสังเขปให้พิสดารผู้ปราศจากความสิเนหาในภพ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๙๔.
ละกุณฏะภัททิโย เถโร
มัญชุสสะรานะมุตตะโม
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระลกุณฏกภัททิยะเถระ ผู้อันพระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีเสียงไพเราะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๙๕.
อะระณะวิหารินัง อัคโค
ทักขิเณยโย อะนุตตะโร
สุภูติ ภูตะทะมะโน
เถโร โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสุภูติเถระ เป็นผู้แสดงธรรมแก่สัตว์ตามพุทธดำรัส เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้อยู่ด้วยธรรมอันปราศจากข้าศึก และเลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ควรรับทักษิณาทาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๙๖.
อะรัญญะวาสินัง อัคโค
เรวะโต ขะทิระวะนิโย
วิเวกาภิระโต เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเรวตะ ผู้อาศัยอยู่ในป่าไม้สีเสียด ผู้ยินดีในความวิเวก เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีปกติอยู่ในป่า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๙๗.
ฌายีนัง อุตตะโม เถโร
กังขาเรวะตะนามะโก
สะมาธิฌานะกุสะโล
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า กังขาเรวตะ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีปกติยินดีในการเข้าฌาน เป็นผู้ฉลาดในสมาธิและฌาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๙๘.
โสโณ จะ โกฬิวีโสปิ
อารัทธะวีริยานะมุตตะโมปะหิตัตโต สะทา เถโร
โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
แม้ พระโสณโกฬิวีสะเถระ เป็นผู้มีจิตดิ่งไปในนิพพาน เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ปรารภความเพียรขอจงประทาน ความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๙๙.
กัลยาณะวากกะระณานัง
โสโณ กุฏิกัณโณปิ จะ
อัคโคติ วัณณิโต เถโร
โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
แม้พระโสณกุฏิกัณณะเถระ ผู้อันพระศาสดาทรงสรรเสริญว่า เป็นผู้เลิศกว่าบรรดา ภิกษุผู้กล่าววาจาไพเราะ (สาธยายธรรมด้วยเสียงอันไพเราะ) ขอจงประทานความสวัสดีและความผาสุกแก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๐๐.
ลาภีนะมุตตะโม เถโร
สีวะลิ อิติ วิสสุโต
โส ระโต ปัจจะยาทิมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า พระสีวลิ ผู้มีความสันโดษในปัจจัยสี่ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีลาภ ขอจงประทานความสวัสดีแก่ข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๐๑.
สัทธาธิมุตตานัง อัคโค
วักกะลิ อิติ นามะโก
ปาโมชชะพะหุโล เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า พระวักกลิ เป็นผู้มากด้วยความปราโมทย์ เป็นเลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีศรัทธา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๐๒.
ราหุโล พุทธะปุตโตปิ
สิกขากามานะมุตตะโม
ทายาโท สัพพะธัมเมสุ
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
แม้พระเถระนามว่า ราหุละ ผู้เป็นพุทธบุตร ผู้เป็นทายาทในธรรมทั้งปวง
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มุ่งต่อการศึกษา ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๐๓.
สัทธายะ ปัพพะชิตฺวานะ
รัฏฐะปาโล ปะรักกะมี
เอตะทัคเค ฐิโตเยวะ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า รัฏฐะปาละ ผู้มีความเพียรยิ่ง เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้บวชด้วยศรัทธา ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๐๔.
กุณฑะธาโน มะหาเถโร
สะลากัง ปะฐะมัง คะโต
ฐะปิโตเยวะ ฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระกุณฑธานะมหาเถระ ผู้ถึงซึ่งความเป็นที่หนึ่งในการจับสลาก จึงดำรงอยู่ในตำแหน่งที่เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ร่วมจับสลาก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๐๕.
ปะฏิภาณะวันตานัมปิ
อัคโคติ พุทธะวัณณิโต
วังคีโส อะระหา เสฏโฐ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอรหันต์นามว่า วังคีสะเถระ ผู้ประเสริฐ เป็นผู้ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีปฏิภาณกวี ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๐๖.
สะมันตะปาสาทิกานัง
อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต
อุปะเสโน วังคันตะปุตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอุปเสนวังคันตบุตรเถระ พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีบริษัทอันน่าเลื่อมใส ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
๑๐๗.
ทัพโพ มัลละปุตโต เถโร
เสนาสะนะปัญญาปะโก
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระทัพพมัลละบุตรเถระ พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่ง ที่เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้จัดแจงเสนาสนะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
๑๐๘.
ปิลินทะวัจฉะสะมะโณ
เทวะตานัง ปิโย อะหุ
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ
โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
พระปิลินทวัจฉะเถระ พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าบรรดาภิกษุทั้งหลาย ที่เป็นที่รักของเหล่าเทวดา
ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าด้วยเถิด
๑๐๙.
พาหิโย ทารุจีริโย
ขิปปาภิญญานะมุตตะโม
กะโรตุ โน มะหาสันติง
อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
พระพาหิยทารุจีริยะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ตรัสรู้เร็ว ขอจงประทาน ความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๑๐.
กุมาระกัสสะปัตเถโร
จิตตะกะถีนะมุตตะโม
มิจฉาวิตักกุปัจเฉโท
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระกุมารกัสสปะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้แสดงธรรมได้อย่างวิจิตร
ผู้สามารถละมิจฉาวิตกได้ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๑๑.
ปะฏิสัมภิทาปัตตานัง
อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต
โกฏฐิโต อะระหา เสฏโฐ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอรหันต์นามว่า โกฏฐิตะเถระ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ได้ปฏิสัมภิทา ๔ ขอจงประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๑๒.
อัปปาพาโธ มะหาเถโร
อัปปาพาธานะมุตตะโม
พากุโล อะระหาชาโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระพากุละเถระ ผู้เป็นพระอรหันต์ เพราะเหตุที่เป็นผู้มีอาพาธน้อย จึงเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีอาพาธ น้อย ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
๑๑๓.
ปุพเพนิวาสะเวทีนัง
อัคโคติ พุทธะวัณณิโต
โสภิโต นามะ โส เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า โสภิตะ ผู้อันพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า เป็นผู้เลิศ กว่าบรรดาภิกษุผู้ระลึกชาติในปางก่อนได้ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๑๔.
มะหากัปปินัตเถโรปิ
ภิกขุโอวาทะโก อะหุ
กุสะโล โอวาทะทาเน
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้พระมหากัปปินะเถระ เป็นผู้ให้โอวาทภิกษุ เป็นผู้เลิศในการให้โอวาท
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๑๕.
ภิกขุโนวาทะกานัคโค
นันทะโก อิติ วิสสุโต
ปาเลตุ โน สะทา เถโร
โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า นันทกะ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ให้โอวาทแก่นางภิกษุณี โปรดรักษาพวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุกแก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๑๖.
อินทฺริเยสุ คุตตะทฺวาโร
อัคคัฏฐาเน ฐิโต อะหุ
นันทัตเถโร วะสิปปัตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระนันทะเถระ ผู้ได้วสี (ความชำนาญในการเข้า-ออกฌานสมาบัติ) เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้สำรวมอินทรีย์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
๑๑๗.
เตโชธาตุกุสะลานัง
อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต
สาคะโต นามะ โส เถโร
โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า สาคตะ ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ฉลาดในเตโชธาตุ (เตโชกสิณ คือ กรรมฐานที่เพ่งไฟเป็นอารมณ์) ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๑๘.
สัญญาวิวัฏฏะกุสะโล
ปะธาโน ภาวะนาระโต
พุทธะสิสโส มะหาปันโถ
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระมหาปันถกะเถระ ผู้ชำนาญในสัญญาวิวัฏฏะ (ได้แก่ วิปัสสนา) เป็นผู้มีความเพียร มีความยินดีในภาวนา เป็นศิษย์ของพระศาสดา ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าด้วยเถิด
๑๑๙.
จูฬปันถะกัตเถโรปิ
มะโนมะยาภินิมมิโต
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้ พระจูฬปันถกะเถระ ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้นิรมิตกายได้มาก และในตำแหน่งผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ฉลาดในเจโตวิวัฏฏะ (คือฉลาดในฌานสมาบัติ) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๒๐.
ปะฏิภาเณยยะกานัง ตุ
อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต
ราโธ เถโร มะหาโสตถิง
กะโรตุ โน อะนามะยัง
พระราธะเถระ ผู้อันพระพุทธเจ้าตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้มีปฏิภาณในคำสอนขอจงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๒๑.
ลูขะจีวะระธะรานัง
ภิกขูนัง อุตตะโม อะหุ
โมฆะราชะมะหาเถโร
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระโมฆราชะมหาเถระ เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ทรงจีวรที่เศร้าหมอง
(คือผ้าเก่า ผ้าเนื้อหยาบ สีเศร้าหมอง) ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๒๒.
วิมะโล วิมะลัปปัญโญ
สุรูโป สุสะมาหิโต
ระโช นะ ลิมปะติ ขันเธ
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระวิมละเถระ ผู้มีปัญญาปราศจากมลทิน ผู้มีรูปงาม ผู้มีจิตตั้งมั่น กิเลสเพียงดังธุลีไม่ฉาบทาขันธ์ห้าของท่าน ขอจงประทานซึ่งความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๒๓.
ธัมมะปาโล มะหาปาโล
มะหาธัมมะธะโร ยะติ
มะหาขีณาสะโว โลเก
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า ธัมมปาละ ผู้รักษาธรรมอันประเสริฐ ผู้ทรงไว้ซึ่งธรรมอันประเสริฐ ผู้เป็นพระมหาขีณาสพในโลก ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๒๔.
จักขุปาโล มะหาเถโร
ปะธาโน สีละสังวุโต
ปะหิตัตโต มะหากาโย
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระจักขุปาละมหาเถระ ผู้มีความเพียร ผู้สำรวมแล้วในศีล ผู้มีจิตดิ่งไปในนิพพาน ผู้มีรูปกายอันประเสริฐ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๒๕.
สัพพะเวระภะยาตีโต
นาระโท อาสะวักขะโย
มะหาสันติกะโร โลเก
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระนารทะเถระ ผู้ก้าวล่วงเวรและภัยทั้งปวงแล้ว สิ้นอาสวะแล้ว กระทำความสงบอันประเสริฐในโลก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
๑๒๖.
พุทธะปูชายะ นิระโต
ชินะภัตติปะรายะโน
สัทธัมมะสะวะโน เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสัทธัมมสวนะเถระ ผู้ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้า มีความภักดีในพระพุทธ เจ้าเป็นอย่างยิ่ง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๒๗.
ปัจฉิมะภะวะสัมปัตโต
โคตะโม ภาวะนาระโต
ราคักขะยะมะนุปปัตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระโคตมะเถระ ผู้เข้าถึงภพสุดท้ายแล้ว ยินดีในภาวนาถึงความสิ้นไปแห่งราคะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๒๘.
เสนาสะเนสุ สัปปายัง
ลัทธา ฌานัง สะมาระภิ
โคธิโก พุทธะฌายันโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระโคธิกะเถระ เมื่อเพ่งความตรัสรู้ ได้เสนาสนะที่สัปปายะแล้ว จึงได้บำเพ็ญฌาน ท่านเป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงทำฌาปนกิจให้ในเวลาปรินิพพาน ขอจงประทาน ความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๒๙.
พุทเธ ปะสันนะมานะโส
สุพาหุ อัญชะลีกะโต
ขีณาสะโว วะสีภูโต
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระสุพาหุผู้มีใจเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เคยกระทำอัญชลีมาแล้ว ๙๔ กัป เป็นพระอรหันต์ผู้มีความชำนาญในฌานสมาบัติ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐแก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๓๐.
วิปัสสะนายะ ปะสุโต
วัลลิโย สุสะมาหิโต
สะโต ฌายี วะเนวาสี
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระวัลลิยะเถระ ผู้ขวนขวายในวิปัสสนากรรมฐาน มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว มีสติ ได้ฌาน มีปกติอยู่ป่าขอจงประทาน ความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๓๑.
อุตติโย วินะยะธะโร
อะติกกันโต นะรามะเร
ธาเรนโต อันติมัง เทหัง
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอุตติยะเถระ ผู้ทรงพระวินัย ผู้เป็นจอมแห่งหมู่มนุษย์และทวยเทพ ผู้ทรงร่างกายอันมีในที่สุด (คือสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีการเกิดต่อไปอีก) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๓๒.
วิมะโล วิระโชชัลโล
ชาโต ปัณฑะระเกตุนา
พิมพิสารัทธะโช เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระวิมลโกณฑัญญะเถระ ผู้บังเกิดเป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ผู้มีวัตรปฏิบัติอันขาวสะอาด ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๓๓.
รัมมารัญเญ วะสิตฺวานะ
ภาเวนโต กุสะลัง พะหุง
โยคักเขมะมะนุปปัตโต
สะภิโย สันติง กะโรตุ โน.
พระสภิยะเถระ ผู้อยู่ในป่าอันน่ารื่นรมย์ เจริญกุศลเป็นอเนกบรรลุพระนิพพานอันเป็นที่สิ้นไปแห่งโยคะ (คือกิเลสอันเป็นเครื่องผูกสัตว์ไว้ในสังสารวัฏ)ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๓๔.
ปุพเพนิวาสัง ชานันโต
ทิพพะจักขุวิโสธะโน
นาคิโตระหะตัง ปัตโต
โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
พระนาคิตะเถระ ผู้ระลึกชาติในปางก่อนได้ ผู้มีทิพจักษุอันบริสุทธิ์ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๓๕.
ปาติโมกขะมะนุปปัตโต
วิชะโยรัญญะโคจะโร
ลาภาลาภี ตะถาสังสี
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระวิชยะมหาเถระ ผู้เข้าถึงปาติโมกข์สังวรศีล ผู้มีป่าเป็นที่โคจร ผู้มีปกติกล่าวสรรเสริญ ตามที่ตนได้ปัจจัยมา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๓๖.
ตัณหาชะฏัง วิชะเฏตฺวา
วัฑเฒตฺวานะ วิปัสสะนัง
สังฆะรักขิโต มะหาเถโร
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระสังฆรักขิตะมหาเถระ ผู้ถางรกชัฏคือตัณหา ยังวิปัสสนาให้เจริญ
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๓๗.
อรัญญะวาสาภิระโต
ภะวะเนตติสะมูหะโต
ธัมมานัง ปาระมิปปัตโต
อุตตะโร ปาตุ โน ภะยา.
พระอุตตระเถระ ผู้ยินดียิ่งในการอยู่ป่า ผู้ถอนตัณหา อันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว บรรลุถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งหลายคือ มรรค ผล นิพพาน ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยเถิด
๑๓๘.
ปุพเพ ปุญญานิ กัตฺวานะ
ปุพพะโยคัง สะมาระภิ
อุสะโภระหะตัง ปัตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอุสภะเถระ ผู้กระทำบุญทั้งหลายไว้ในกาลก่อน แล้วปรารภกรรมฐาน อันเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งอริยมรรค บรรลุความเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๓๙.
สะมาปัตติสะมาปันโน
ฉะฬะภิญโญ มะหิทธิโก
สิวะโก พุทธะฌายันโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสิวกะเถระ ผู้ถึงพร้อมด้วยสมาบัติ มีอภิญญาหกมีฤทธิ์มากเป็นผู้พิจารณาตัณหา ดังที่พระพุทธองค์ทรงพิจารณาขอจงประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๔๐.
สัตตาริยะธะโน เถโร
ธะนิโย ธัมมะสาคะโร
วันตะสังสาระคะมะโน
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระธนิยะเถระ ผู้มีอริยทรัพย์เจ็ดประการ ผู้เป็นดุจทะเลแห่งธรรมผู้สำรอกกิเลส อันเป็นเหตุท่องเที่ยวในสังสารวัฏได้แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๔๑.
ปัญจักขันเธ ปะริญญายะ
ภาวะยิตฺวานะ นิพพุติง
ปัตตฺวานะ ปะระมัง สันติง
โปสิโย ปาตุ โน ภะยา.
พระโปสิยะเถระ ผู้กำหนดรู้เบญจขันธ์แล้ว เสวยอรหัตผลสมาบัติ เข้าถึงพระนิพพานอันประเสริฐ ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยเถิด
๑๔๒.
อุปะนิสสะยะสัมปันโน
อุชชะโย พุทธะมามะโก
โลกัตถะปะสุโต เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอุชชยะเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยธรรมอันเป็นเหตุออกจากวัฏฏะ ผู้นับถือพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ผู้ขวนขวายประโยชน์เพื่อชาวโลก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๔๓.
พุทธัปปะสาทะสัมปันโน
ปัพพะชี ชินะสาสะเน
สัญชะโย นามะ โส เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า สัญชยะ ผู้ถึงพร้อมด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า บวชแล้วในศาสนาของพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด.
๑๔๔.
มารัญชะโย มะหาเถโร
รามะเณยโย มะหิทธิโก
นิพพานะนินนะจิตโต โส
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระมหาเถระนามว่า มารัญชยะ ผู้มีฤทธิ์มาก และพระมหาเถระนามว่า รามะเณยยะ เป็นผู้มีจิตดิ่งสู่พระนิพพาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
๑๔๕.
อุโภ ปาปัญจะ ปุญญัญจะ
วีติวัตโต อะนาสะโว
วีรัตเถโรระหัปปัตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระวีระเถระ ผู้ข้ามพ้นบาปและบุญทั้งสองประการแล้ว ผู้ไม่มีอาสวะ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๔๖.
ปุณณะมาสะมะหาเถโร
ปังสุกูละธะโร ยะติ
ปุพพะกิจจะวิธิง กัตฺวา
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระปุณณมาสะมหาเถระ เป็นผู้ทรงผ้าบังสุกุล กระทำบุพพกิจเบื้องต้นแล้ว ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๔๗.
ปัญจะฉินโน ปัญจะชะโห
ปัญจะจุตตะริภาวะโน
ปัญจะสังคาติโค เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระปัญจสังคาติคเถระ ผู้ข้ามพ้นกิเลสเป็นเครื่องข้อง (นิวรณ์) ๕ อย่าง ผู้ตัดโอรัมภาคิยะสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องต่ำ)๕อย่างได้แล้ว ผู้ละอุทธัมภาคิยะสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องสูง) ๕ อย่างได้แล้ว ผู้เจริญอินทรีย์ ๕ (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ให้ยิ่งๆขึ้นไป ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๔๘.
ปุพเพ ราคัง วิจาเรนโต
ชินะภัตติปะรายะโน
เพลัฏฐะสีโส วังสะธะโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเพลัฏฐสีสะเถระ ผู้เคยจัดแจงการบูชายัญในกาลที่ตนเป็นฤษี ผู้ถวายความภักดีต่อพระพุทธเจ้า ผู้ทรงไว้ซึ่งวงศ์แห่งอริยะ (วงศ์แห่งอริยะคือสันโดษในจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยินดีในการภาวนา) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๔๙.
ปัญจุปปันนานิ อะภะโย
นิกันติ นัตถิ ชีวิเต
อะชิโต โส มะหาเถโร
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระมหาเถระนามว่า อชิตะ ผู้ไม่มีความกลัวภัย ๕ อย่าง (ราชภัย โจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย) ที่กำลังเกิดขึ้น ผู้ไม่มีความเยื่อใยในชีวิต ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๕๐.
วิวัฏฏะนิสสะเย ปุญเญ
กัตฺวา สัมพุทธะภัตติมากุลลัตเถโรระหัปปัตโต
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระกุลละเถระ ผู้มีความภักดีในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ได้กระทำบุญบารมี อันมีนิพพานเป็นที่รองรับ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๕๑.
วิปัสสี ธัมมะทายาโท
เถโร นิโคฺรธะนามะโก
นิพพานาคะมะสันทิฏโฐ
สะทา สันติง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า นิโครธะ ผู้มีปกติเจริญวิปัสสนา ผู้เป็นธรรมทายาทเป็นผู้ได้ประจักษ์แจ้งธรรมที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพาน ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๕๒.
ติสโส วิชชา อะนุปปัตโต
สุคันโธ นามะ โสระหา
สัพพะปาปะปะริกขีโณ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอรหันต์นามว่า สุคันธะ ได้บรรลุวิชชาสาม เป็นผู้หมดสิ้นจากบาปทั้งปวงขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๕๓.
นันทิโย สัทธาสัมปันโน
ชิตะเกฺลโส มะหาโถโร
อะภิญญาปาระมิปปัตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระนันทิยะมหาเถระ ผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ผู้ชนะกิเลสทั้งปวง ผู้ถึงที่สุดแห่งอภิญญา ขอจงประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๕๔.
กิเลสา ฌาปิตา เยนะ
ชิตะธัมมะระเตนะ โส
กัมมาระปุตตะวิมะโล
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระรูปใด เป็นบุตรของนายช่างทอง เป็นผู้ยินดีในธรรมอันเป็นเครื่องพิชิตมาร ชนะกิเลสด้วยมรรคญาณแล้ว พระเถระนั้นนามว่า วิมละ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
๑๕๕.
เทวะโลกะมะนุสเสสุ
อะนุภุตฺวา วิภูติโย
ติสสัตเถโร มะหาภูโต
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระติสสะเถระ เสวยสมบัติในเทวโลกและมนุษย์โลกแล้ว สำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๕๖.
สุวิมุตโต มะหานาโค
ตีหิ วังเกหิ มุตตะโก
สุมังคะโล มะหาเถโร
มะหาสันติง กะโรตุ โน.
พระสุมังคละมหาเถระ ผู้หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ พ้นแล้วจากความคดกาย วาจา ใจทั้งสาม ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๕๗.
นิรัคคะโฬ นิราสาโส
มะละขีละวิโสธะโน
วิเวกาภิระโต คุตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระมหาเถระนามว่าคุตตะ ผู้ปราศจาก ลิ่มคือ อวิชชา ผู้ปราศจากกิเลสคือความอยาก ผู้ชำระมลทินได้ทั้งหมด ผู้ยินดีในความวิเวก โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๕๘.
ปะวิเวกะมะนุปปัตโต
คิริมานันทะนามะโก
ภาเวนโต กุสะเล ธัมเม
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระนามว่า คิริมานันทะ เจริญกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ได้บรรลุวิเวก ๓ แล้ว (กายวิเวก จิตวิเวก อุปธิวิเวก) ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๕๙.
พุทธะสาสะนะมารัทโธ
สะมิทธิ ภาวะนาระโต
สะมิทธิคุณะสัมปันโน
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสมิทธิเถระ ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ยินดีในภาวนา ผู้สมบูรณ์ ด้วยคุณ อันเป็นเหตุแห่งความสำเร็จ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๐.
อาราธิตะชิโน สันโต
โชติตเถโร มะหาระหา
วิมุตโต สัพพะสังสารา
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระโชติตเถระ ผู้ชนะตัณหา อันเป็นเหตุให้ยินดีได้แล้ว เป็นผู้สงบ เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ หลุดพ้นแล้วจากสังสาระทั้งปวง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๑.
เสนาสะนานิ ปันตานิ
เสวันโต ฌานะมาระภิ
ฉะฬะภิญโญ มะหาจุนโท
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระมหาจุนทะเถระ อาศัยเสนาสนะอันสงัดอยู่ เข้าฌาน ได้อภิญญา ๖ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๒.
ฉันนัตเถโร สะหะชาโต
สุณันโต ชินะสาสะนัง
โยคักเขมะมะนุปปัตโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระฉันนะเถระ ผู้เป็นสหชาตกับพระพุทธเจ้า เมื่อเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ได้บรรลุ ธรรมอันเป็นแดนเกษมจากโยคะ (คือพระ นิพพาน) แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๓.
เมฆิโย พุทธุปปัฏฐาโก
ชินะภัตติปะรายะโน
มิจฉาวิตักกุปัจเฉโท
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเมฆิยะเถระ ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ผู้มีความภักดี ในพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ตัดมิจฉาวิตกคือความดำริผิดได้แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๔.
อุปะวาโณ มะหาเถโร
มะหากาโย มะหาระหา
มะหิทธิโก มะหาเตโช
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอุปวาณะ ผู้เป็นมหาเถระ มีร่างกายใหญ่ เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
๑๖๕.
สังกิจโจ โจระทะมะโน
สัพพะสังโยชะนักขะโย
ปาเลตุ โน สัพพะภะยา
โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน.
พระสังกิจจะเถระ ผู้ฝึกโจรห้าร้อย สิ้นสังโยชน์คือกิเลส เครื่องผูกสัตว์ไว้ในสังสารวัฏแล้ว ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๑๖๖.
ปัญหะพฺยากะระเณ เฉโก
เมตตาฌานะระโต ยะติ
โสปาโกปายะสัมปันโน
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระโสปากะเถระ เป็นภิกษุผู้ฉลาดในการทูลตอบปัญหาของพระพุทธเจ้าผู้ยินดีในฌานอันประกอบด้วยเมตตา ผู้ถึงพร้อมด้วยอุบาย เพื่อให้ได้มรรคผล ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๗.
เขตตะสัมปัตติสัมปัตโต
วัฑฒะมาโนวะ โสตถินา
สุมะโน อะระหา ชาโต
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสุมนะเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยกาลเวลา อันสมควรที่จะบรรลุธรรม ผู้เจริญเติบโตด้วยความสุข เป็นพระอรหันต์แล้ว ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๘.
ปิโย เทวะมะนุสสานัง
สานุตเถโร พะหุสสุโต
เมตตาฌายี ตะโมฆาตี
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสานุเถระ ผู้เป็นที่รักของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ผู้เป็นพหูสูต ผู้มีปกติเข้าฌานประกอบด้วยเมตตา ผู้ทำลายความมืดคือโมหะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๖๙.
โย จะ ปุพเพ กะตัง ปาปัง
กุสะเลนะ ปิธียะติ
อังคุลิมาโล โส เถโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถระใด ได้เคยทำบาปมาก่อน เป็นผู้ตัดบาปอกุศลได้ด้วยอริยมรรค
พระเถระนั้นนามว่า องคุลีมาละ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗๐.
วิปัสสะนาธุรา เยปิ
เถรา สะมะถะยานิกา
ขีณาสะวา มะหาเตชา
มะหาตะมะวิโนทะนา.
พระเถระแม้เหล่าใด ผู้สิ้นอาสวะ ผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ผู้ขจัดความมืดมิดคือโมหะ ผู้เจริญวิปัสสนาเป็นธุระก็ดี พระเถระเหล่าใด ผู้เป็นสมถยานิกะก็ดี
๑๗๑.
ฌานิกาฌานิกา เยปิ
ธัมมาภิสะมะยาทะโย
สัพเพ โสตถิง สะทา เทนตุ
ชะยามาโรคฺยะมายุ โน.
และพระเถระเหล่าใด ผู้ได้ฌานและไม่ได้ฌานก็ดี พระเถระเหล่าใด ผู้ถูกกำหนดด้วยการบรรลุอริยสัจธรรมก็ดี ขอพระเถระทั้งปวง ที่กล่าวมาแล้วนี้ จงประทานความสวัสดี ชัยชนะ ความไม่มีโรค และอายุ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
(พระเถรีชั้นผู้ใหญ่ ๑๓ รูป)
๑๗๒.
รัตตัญญูนัง ภิกขุนีนัง
โคตะมี ชินะมาตุจฉา
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระโคตมีเถรี ผู้เป็นพระน้านางของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีผู้รู้ราตรี ขอพระเถรีได้โปรดประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗๓.
มะหาปัญญานะมัคคัฏฐา
เขมาเถรีติ ปากะฏา
สาวิกา พุทธะเสฏฐัสสะ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
พระพุทธสาวิกาผู้ประเสริฐสุด ปรากฎนามว่า พระเขมาเถรี ผู้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีปัญญามาก ขอพระเถรีจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗๔.
เถรี อุปปะละวัณณา จะ
อิทธิมันตีนะมุตตะมา
สาวิกา พุทธะเสฏฐัสสะ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระอุบลวรรณาเถรี เป็นพุทธสาวิกาผู้ประเสริฐสุด เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีฤทธิ์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗๕.
วินะยัทธะรีนัง อัคคา
ปะฏาจาราติ วิสสุตา
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถรีผู้ปรากฏชื่อว่า พระปฏาจารา พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ทรงพระวินัย ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗๖.
ธัมมะกะถิกะปะวะรา
ธัมมะทินนาติ นามิกา
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถรีผู้มีนามว่า ธัมมทินนาพระพุทธเจ้า ทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้เป็นธรรมกถึก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗๗.
ฌายิกานัง ภิกขุนีนัง
นันทาเถรีติ นาเมสา
อัคคัฏฐาเน ฐิตา อะหุ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระสาวิกานามว่า นันทาเถรี เป็นผู้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีฌาน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๗๘.
อารัทธะวีริยานัง อัคคา
โสณาเถรีติ นามิกา
ฐะปิตา ตัตถะ ฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถรีนามว่า โสณา พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษุณี ผู้ปรารภความเพียร ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
๑๗๙.
ทิพพะจักขุกานัง อัคคา
พะกุลา อิติ วิสสุตา
วิสุทธะนะยะนา สาปิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระเถรีผู้ปรากฏชื่อว่า พกุลา เป็นผู้มีจักษุอันบริสุทธิ์ เป็นผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีตาทิพย์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๘๐.
กุณฑะละเกสี ภิกขุนี
ขิปปาภิญญานะมุตตะมา
ฐะปิตาเยวะ ฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
ภิกษุณีชื่อว่า กุณฑละเกสี พระพุทธเจ้า ทรงตั้งไว้แล้วในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ตรัสรู้เร็ว ขอจงประทาน ความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๘๑.
เถรี ภัททะกาปิลานี
ปุพพะชาติมะนุสสะรี
ตาสังเยวะ ภิกขุนีนัง
อัคคา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระภัททกาปิลานีเถรี ผู้ระลึกถึงชาติในปางก่อนได้ เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ระลึกชาติปางก่อนได้ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด.
๑๘๒.
เถรี ตุ ภัททะกัจจานา
มะหาภิญญานะมุตตะมา
ชิเนนะ สุขะทุกขัง สา
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
พระภัททกัจจานาเถรี (พระนางยโสธรา) ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเป็นคู่บารมีกับพระชินเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระนางไว้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีอภิญญาอันพิเศษ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๘๓.
ลูขะจีวะระธารีนัง
อัคคา กิสาปิ โคตะมี
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้ พระกิสาโคตมี พระศาสดาตั้งไว้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๘๔.
สิงคาละมาตา ภิกขุนี
สัทธาธิมุตตานะมุตตะมา
กะโรตุ โน มะหาสันติง
อาโรคฺยัญจะ สุขัง สะทา.
พระสิงคาลมาตาภิกษุณี เป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งเหล่าภิกษุณีผู้มากด้วยศรัทธา ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และความสุข แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๘๕.
อัญญา ภิกขุนิโย สัพพา
นานาคุณะธะรา พะหู
ปาเลนตุ โน สัพพะภะยา
โสกะโรคาทิสัมภะวา.
พระภิกษุณีเหล่าอื่นทั้งปวงเป็นจำนวน มาก ผู้ทรงคุณธรรมต่าง ๆ กัน ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง อันเกิดจากความเศร้าโศก และโรคเป็นต้น
๑๘๖.
โสตาปันนาทะโย เสกขา
สัทธาปัญญาสีลาทิกา
ภาคะโส เกฺลสะทะหะนา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
พระภิกษุณีทั้งหลาย ผู้เป็นพระเสขบุคคลมีพระโสดาบันเป็นต้น เป็นผู้ยิ่งยวดด้วยศรัทธา ปัญญา และศีล เป็นผู้เผากิเลสได้เป็นบางส่วน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิดคาถาครอบไตรภพ
( พญานาค)
๑๘๗.
สุมะโน สุมะนะจะโล
อะระวาเฬระปัตตะโก
จัมเปยโย มุจะลินโท
จะ กัมพะโล ภุชะคิสสะโร.
สุมนะนาคราช สุมนจละนาคราช อรวาฬะนาคราช เอฬปัตตกะนาคราช จัมเปยยะนาคราช มุจลินทะนาคราช กัมพละนาคราช ผู้เป็นใหญ่แห่งนาคราช
๑๘๘.
กาละนาโค มะหากาโฬ
สังขะปาโล มะโหทะโร
มะณิกัณโฐ มะณิอักขิ
นันทะนาโคปะนันทะโก.
กาละนาคราช มหากาฬะนาคราช สังขปาละนาคราช มโหทระนาคราช มณิกัณฐะนาคราช มณิอักขินาคราช นันทะนาคราช อุปนันทะนาคราช
๑๘๙.
วะรุโณ ธะตะรัฏโฐ จะ
กุงคุวิโลปะลาละโก
จิตฺระนาโค มะหาวีโร
ฉัพฺยาปุตโต จะ วาสุ.
วรุณะนาคราช ธตรัฏฐะนาคราช กุงคุวิละนาคราช อปลาลกะนาคราช จิตระนาคราช มหาวีระนาคราช ฉัพยาปุตตะนาคราช วาสุกีนาคราช
๑๙๐.
กัณหาโคตะโม ภุชะคินโท
อัคคิธูมะสิโข ตะถา
จูโฬทะโร อะหิจฉัตโต
นาคา เอราปะถาทะโย.
กัณหาโคตมะนาคราช นาคผู้เป็นจอมนาค อัคคิสิขะนาคราช ธูมะสิขะนาคราช อหิจฉัตตะนาคราช จูโฬทระนาคราช พญานาคทั้งหลาย มีเอราปะถะนาคราชเป็นต้น
๑๙๑.
อาสีวิสา โฆระวิสา
เย สัพเพ นะยะนาวุธา
ชะลัฏฐา วา ถะลัฏฐา
วา ปัพพะเตยยา นะทีจะรา
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง
อายุมาโรคฺยัง สะทา.
หมู่นาคราชทั้งปวงเหล่าใด เป็นนาคราชมีพิษร้ายแรง (คือพิษแล่นไปเร็ว) มีพิษน่า สะพรึงกล้ว มีนัยน์ตาเป็นอาวุธ ดำรงอยู่ในน้ำ ดำรงอยู่บนบก ดำรงอยู่ที่ภูเขา หรือว่าเที่ยวไปในนที ขอนาคราชทั้งปวงเหล่านั้น จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ ความมีอายุ และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
(เปรต)
๑๙๒.
นิชฌามะตัณหิกา เปตา
อุสุสัตติ จะ โลมะกา
มังสะปิณฑาทะโย เปตา
เปตา เวมานิกาทะโย
ปาเลนตุ โน สัพพะภะยา
สะทา เต สุขิโน สะทา.
นิชฌามตัณหิกะเปรต อุสุโลมกะเปรต สัตติโลมกะเปรต มังสปิณฑะเปรตเป็นต้น เวมานิกะเปรตเป็นต้น ขอเปรตทั้งหลายเหล่านั้นจงมีความสุขในกาลทุกเมื่อ จงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง ในกาลทุกเมื่อเถิด
(อสูร)
๑๙๓.
เย ปะหาราทะสัมพะระ-
พะลฺยาสุระคะณา จะ เย
เวปะจิตตาสุระคะณา
จันทาสุระคะณาทะโย.
หมู่อสูรเหล่าใด คือ หมู่ปหาราทะอสูร หมู่สัมพระอสูร หมู่พลิอสูร หมู่เวปจิตตะอสูร หมู่จันทะอสูรเป็นต้น
๑๙๔.
สัพเพ เตปิ มะหาเตชา
ภูตะยักขะนิวาระณา
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง
อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
แม้หมู่อสูรเหล่านั้นทั้งปวง มีเดชมาก ผู้สามารถป้องกันภูตและยักษ์ ขอจงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
(เทวดา)
๑๙๕.
เย ยักขา สัตตะสะหัสสา
ภุมมา กาปิละวัตถุกา
อิทธิมันโต ชุติมันโต
วัณณะวันโต ยะสัสสิโน.
ยักษ์ผู้เป็นภุมมเทวดาเจ็ดพันตนเหล่าใด อยู่ในเมืองกบิลพัสดุ์ มีฤทธิ์ มีความเจริญรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวารมาก
๑๙๖.
สัพเพ ติสะระณา ยักขา
มะเหสักขา ชุตินธะรา
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง
อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา.
ยักษ์(เทวดา)ทั้งปวง ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีศักดิ์ใหญ่ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง ขอยักษ์เหล่านั้น จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๑๙๗.
ฉะสะหัสสา เหมะวะตา
ยักขา นานัตตะวัณณิโน
พุทธะปูชายะ นิระตา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ยักษ์ (เทวดา) หกพันตน อยู่ที่เขาเหมวตา มีผิวพรรณวรรณะต่าง ๆ กัน ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
๑๙๘.
สาตาคิรา ติสะหัสสา
ยักขา นีลาทิวัณณิโน
นานาปะภายะ สัมปันนา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ยักษ์ (เทวดา)สามพันตน อยู่ที่เขาสาตาคีรี มีผิวพรรณ วรรณะสีเขียวเป็นต้น ผู้สมบูรณ์ด้วยรัศมีต่างๆ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
๑๙๙.
เวสสามิตตา ปัญจะสะตา
ยักขา นานัตตะวัณณิโน
อิทธิมันโต ชุติมันโต
วัณณะวันโต ยะสัสสิโน
โมทะมานา อะภิกกามุง
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ยักษ์ (เทวดา)ห้าร้อยตน อยู่ที่เขา เวสสามิตตะมีผิวพรรณวรรณะต่าง ๆ กัน
มีฤทธิ์ มีความรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวาร บันเทิงอยู่ มาชุมนุมกัน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๐๐.
กุมภีโร ราชะคะหิโก
เวปุลลัสสะ นิเวสะนัง
ภิยโย นัง สะตะสะหัสสัง
ยักขานัง ปะยิรุปาสะติ
โส ยักเขหิ ปะริวาโร
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
เทวดาชื่อว่า กุมภีระ อยู่ในพระนคร ราชคฤห์ วิมานของท้าวเธอนั้น ได้แก่ยอดเขาเวปุลละ ท้าวเธอนั้น เป็นผู้อันหมู่ยักษ์หลายแสนตนเข้ามาปรนนิบัติรับใช้ ขอท้าวกุมภีระผู้มียักษ์เป็นบริวารนั้น จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
พระคาถาอุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง) คาถาล้านนาเก่าแก่ อายุกว่า 600 ปี
ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย MayBuddhaBlessYou, 20 มิถุนายน 2011.
-
-
๒๐๑.
ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา
ธะตะรัฏโฐ ปะสาสะติ
คันธัพพานัง อะธิปะติ
มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
ท้าวมหาราชนามว่า ธตรัฏฐะ ปกครองอยู่ในทิศบูรพา เป็นอธิบดีของพวกคนธรรพ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
๒๐๒.
ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว
โส ราชา สะหะ ปุตเตหิ
อินทะนามา มะหัพพะลา
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมาก ขอท้าวธตรัฏฐะกับบุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๐๓.
ทักขิณัญจะ ทิสัง ราชา
วิรุฬโห ตัง ปะสาสะติ
กุมภัณฑานัง อะธิปะติ
มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
ท้าวมหาราชนามว่า วิรุฬหกะ ปกครองอยู่ในทิศทักษิณ เป็นอธิบดีของพวกกุมภัณฑ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
๒๐๔.
ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว
อินทะนามา มะหัพพะลา
วิรุฬโห สะหะ ปุตเตหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมาก ขอท้าววิรุฬหกะกับบุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๐๕.
ปัจฉิมัญจะ ทิสัง ราชา
วิรูปักโข ปะสาสะติ
นาคานัญจะ อะธิปะติ
มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
ท้าวมหาราชนามว่า วิรูปักขะ ปกครองอยู่ในทิศปัจฉิม เป็นอธิบดีของพวกนาค ท้าวเธอมีบริวารมาก
๒๐๖.
ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว
อินทะนามา มะหัพพะลา
วิรูปักโข สะปุตเตหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมากขอท้าววิรูปักขะกับบุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๐๗.
อุตตะรัญจะ ทิสัง ราชา
กุเวโร ตัง ปะสาสะติ
ยักขานัญจะ อะธิปะติ
มะหาราชา ยะสัสสิ โส.
ท้าวมหาราชนามว่า กุเวระ ปกครองอยู่ในทิศอุดร เป็นอธิบดีของพวกยักษ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
๒๐๘.
ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว
อินทะนามา มะหัพพะลา
กุเวโร สะหะ ปุตเตหิ
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมากนามว่า อินทะ มีกำลังมาก ขอท้าวกุเวระกับบุตรทั้งหลาย จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๐๙.
ปุริมัง ทิสัง ธะตะรัฏโฐ
ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก
ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข
กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง.
ท้าวธตรัฏฐะ ประจำอยู่ในทิศบูรพา ท้าววิรุฬหกะ ประจำอยู่ในทิศทักษิณ ท้าววิรูปักขะ ประจำอยู่ในทิศปัจฉิม ท้าวกุเวระ ประจำอยู่ในทิศอุดร
๒๑๐.
จัตตาโร เต มะหาราชา
สะมันตา จะตุโร ทิสา
ทัททัฬหะมานา อัฏฐังสุ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ท้าวมหาราชทั้งสี่ ผู้รุ่งเรืองดุจประทีป ประจำอยู่ในทิศทั้งสี่โดยรอบ ขอท้าวเธอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๑๑.
เตสัง มายาวิโน ทาสา
อาคุง วัญจะนิกา สะฐา
มายา กุเฏณฑุ วิเฏณฑุ
วิตุจจะ วิตุโฏ สะหะ.
พวกบ่าวของท้าวมหาราชทั้งสี่เหล่านั้น ล้วนเป็นผู้มีมายาหลอกลวงเจ้าเล่ห์ ได้แก่บ่าว ชื่อกุเฏณฑุก็ดี ชื่อวิเฏณฑุก็ดี ชื่อวิตุจจะก็ดี ชื่อวิตุฏะก็ดี
๒๑๒.
จันทะโน กามะเสฏโฐ จะ
กินนุฆัณฑุ นิฆัณฑุ จะ
ปะนาโท โอปะมัญโญ จะ
เทวะสูโต จะ มาตะลิ.
ชื่อจันทนะก็ดี ชื่อกามเสฏฐะก็ดี ชื่อกินนุฆัณฑุก็ดี ชื่อนิฆัณฑุและปนาทะเทวดาก็ดี ชื่อโอปมัญญะเทวดาก็ดี เทพสารถีชื่อว่ามาตลิก็ดี ต่างก็มาแล้วสู่ที่ชุมนุม
๒๑๓.
จิตตะเสโน จะ คันธัพโพ
นะโฬราชา ชะเนสะโภ
วะโร ปัญจะสิโข เจวะ
ติมพะรู สูริยะวัจฉะสา.
เทพคนธรรพ์ชื่อว่าจิตตะเสนะ ชื่อว่านโฬราชะ ชื่อว่าชเนสภะ ชื่อว่าปัญจสิขะ (ผู้ปรารถนาให้ได้นางสุริยวัจฉสาเทพธิดา) ชื่อว่าติมพรู ชื่อว่าสุริยวัจฉสาเทพธิดา (ผู้เป็นบุตรีของท้าวติมพรู)
๒๑๔.
เอเต จัญเญ จะ ราชาโน
คันธัพพา จะ มะหัพพะลา
โมทะมานา สะทา โสตถิง
โน กะโรนตุ อะนามะยัง.
ขอพระราชาทั้งหลาย เทพคนธรรพ์เหล่านี้ และเทพเหล่าอื่น ผู้มีกองกำลังมหาศาล บันเทิงอยู่ จงประทานความสวัสดีและความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๑๕.
มะหันตา นาคะสา นาคา
เวสาลา สะหะ ตัจฉะกา
กัมพะลัสสะตะรา จาปิ
เมรุปาทะสิตา พะลา.
เหล่านาคผู้อาศัยอยู่ในสระน้ำชื่อว่า นาคสะ จำนวนมาก พร้อมกับบริวารของท้าวตัจฉกะ และนาคผู้อาศัยอยู่ในนครเวสาลี และกัมพละนาคราช อัสสตระนาคราช ผู้มีพละกำลังผู้อาศัยอยู่ที่เชิงเขาสุเมรุ
๒๑๖.
ยามุนา ธะตะรัฏฐา จะ
สัพเพ นาคา ยะสัสสิโน
เอราวะโณ มะหานาโค
โน กะโรนตุ อะนามะยัง.
นาคผู้อยู่ในแม่น้ำยมุนา และนาคชื่อว่าธตรัฏฐะ และนาคทั้งหลายทั้งปวง ผู้มีบริวารเป็นจำนวนมาก และท้าวเอราวัณผู้มีชื่อว่ามหานาค จงประทานความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๒๑๗.
มะหิทธิกา สุปัณณา เย
นาคะราเช มะหัพพะเล
คะเหตฺวา ชินะเขตเตวะ
ปักขันทิงสุ นะเภ พะลา
เต พุทธะสะระณา สัพเพ
โสตถิง กะโรนตุ โน สะทา.
ครุฑเหล่าใด เป็นผู้มีฤทธิ์เดช ผู้ทรงพลัง จับนาคราชผู้ทรงพลังในแดนที่ตนชนะนั่นเทียว แล้วบินไปในท้องฟ้า
ครุฑทั้งปวงเหล่านั้น เป็นผู้นับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุก เมื่อเถิด
๒๑๘.
ปะฐัพฺยาโป จะ เตโช จะ
วาโย เทวา มะหิทธิกา
อุปะจาเรนะ นิพพัตตา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
เทวดาชื่อว่า ปฐวี อาโป เตโช และวาโย ผู้มีฤทธิ์มาก บังเกิดด้วยอุปจารฌานของตนๆ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๑๙.
วะรุณา วาระณา เทวา
โสโม จะ ยะสะสา สะหะ
เมตตาการุณิกา สัพเพ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
วรุณะเทพ วารณาเทพ โสมะเทพ พร้อมทั้งยะสะเทพ เมตตาเทพ กรุณาเทพ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๒๐.
ปัณณาสะโยชะนายาเม
วิมาเน ระตะนามะเย
ฐิโต ตะเม วิหันตฺวานะ
สุริโย โสตถิง กะโรตุ โน.
สุริยะเทพบุตร ผู้อาศัยอยู่ในสุริยะวิมาน ที่สำเร็จด้วยรัตนะซึ่งมีความยาวห้าสิบโยชน์ ขอจงทำลายความมืด แล้วประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๒๒๑.
จันโท สีตะกะโร โลเก
ปะภายุชชะลิโตทะโย
มะหันธะการะวิทธังสี
สะทา โสตถิง กะโรตุ โน.
จันทะเทพบุตร ผู้ประทานความร่มเย็นแก่ชาวโลก ส่องสว่างปรากฏขึ้น ด้วยรัศมี มีปกติทำลายความมืดมน ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๒๒.
เวณฑุ จะ สะหะสี เทวา
อะสะมา จะ ทุเว ยะมา
จันทัสสูปะนิสา เทวา
เทวา สูริยะนิสสิตา
พุทธัสสะ มามะกา สัพเพ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
เวณฑุเทพ สหสีเทพ อสมะเทพ ยมะเทพทั้งสอง เทพผู้อาศัยจันทะเทพบุตร เทพผู้อาศัยสุริยะเทพบุตร และเทพทั้งหลายทั้งปวง ผู้นับถือพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๒๓.
นักขัตตานิ ปุรักขัตฺวา
เทวา มันทะวะลาหะกา
สักโก ปุรินทะโท เสฏโฐ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
เทพทั้งหลาย ผู้พึ่งพาอาศัยนักษัตร(ดวงดาว) วลาหกะเทพทั้งหลายผู้ยังให้บังเกิดลม ท้าวสักกะผู้เคยให้ทานมาก่อน ผู้ได้รับการยกย่อง ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๒๔.
มะหันตา สะหะภู เทวา
ชะละมัคคิสิขาริวะ
อะริฏฐะกา จะ โรชา จะ
อุมมาปุปผะนิภาสิโน.
สหภูเทพผู้ประเสริฐ ผู้รุ่งเรืองดุจเปลวไฟ (หรือชลมัคคิเทพ สิขาริจเทพ) อริฏฐะเทพ โรชะเทพ ผู้มีรัศมีเช่นกับดอกอุมมา คือ ดอกผักตบ
๒๒๕.
วะรุณา สะหะธัมมา จะ
อัจจุตา จะ อะเนชะกา
สูเลยยะรุจิรา เทวา
เทวา วาสะวะเนสิโน
ทะเสเต ทะสะธา กายา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
วรุณะเทพ สหธัมมะเทพ อัจจุตะเทพ อเนชกะเทพ สูเลยยะเทพ รุจิราเทพ วาสวเนสีเทพ ขอเหล่าทวยเทพสิบจำพวกเหล่านี้ จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๒๖.
สะมานา มะหาสะมานา
มานุสา มานุสุตตะมา
ขิฑฑาปะโทสิกา เทวา
เทวา มะโนปะโทสิกา.
สมานะเทพ มหาสมานะเทพ มานุสะเทพ
มานุสุตตมะเทพ ขิฑฑาปโทสิกะเทพ มโนปโทสิกะเทพ
๒๒๗.
อะถาปิ หะระโย เทวา
เทวา โลหิตะวาสิโน
ปาระคา มะหาปาระคา
สัพเพ เทวา ยะสัสสิโน
ทะเสเต ทะสะธา กายา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
อนึ่ง หริเทพ โลหิตวาสีเทพ ปารคะเทพ มหาปารคะเทพ เทพทั้งปวงล้วนมีบริวาร ขอเหล่าทวยเทพทั้งสิบจำพวกเหล่านี้ จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๒๘.
สุกกา กะรัมภา อะรุณา
อาคุง เวฆะนะสา สะหะ
โอทาตะคัยหา ปาโมกขา
อาคุง เทวา วิจักขะณา.
สุกกะเทพ กรัมภะเทพ อรุณะเทพ
มาแล้วพร้อมกับเวฆนสะเทพ โอทาตคัยหะ เทพผู้เป็นใหญ่ และวิจักขณะเทพก็มา
๒๒๙.
สะทามัตตา หาระคะชา
มิสสะกา จะ ยะสัสสิโน
ถะนะยัง อาคะปัชชุนโน
โย ทิสาสวะภิวัสสะติ.
สทามัตตะเทพ หาระคะชะเทพ มิสสะกะ เทพ ผู้มีบริวารก็มา ปัชชุนะเทพ ผู้ทำให้ฝนตกทั่วทิศก็มา
๒๓๐.
ทะเสเต ทะสะธา กายา
สัพเพ นานัตตะวัณณิโน
อิทธิมันโต ชุติมันโต
วัณณะวันโต ยะสัสสิโน
โมทะมานา ชินะทานา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
เหล่าเทวดาสิบจำพวกเหล่านี้ทั้งปวง ล้วนมีรัศมีต่างๆ กัน มีฤทธิ์ มีความรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวาร บันเทิงอยู่ ผู้ประทานชัยชนะ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๓๑.
โลกะธาตุสะหัสเสสุ
ทะสะเสฺววะ สะมันตะโต
เทวาทะโย ปาณะคะณา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ในหมื่นโลกธาตุโดยรอบนั่นเทียว ขอหมู่สัตว์มีเทวาเป็นต้น จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
๒๓๒.
เขมิยา กัฏฐะกายา จะ
โชตินามา มะหิทธิกา
ลัมพีตะกา ลามะเสฏฐา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ขอเขมิยะเทพ กัฏฐกายะเทพ โชติเทพ ผู้มีฤทธิ์มาก ลัมพีตกะเทพ ลามเสฏฐะเทพ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๓๓.
ชะลัฏฐา จะ ถะลัฏฐัญเญ
เทวากาสัฏฐะกาทะโย
ยักขะคันธัพพะกุมภัณฑา
ปิสาจา เย มะโหระคา
เมตตะจิตตา จะ สัพเพ เต
โสตถิง ผาสุง กะโรนตุ โน.
เทพเหล่าอื่นอันมี เทพที่อยู่ในน้ำ เทพที่อยู่บนบก เทพที่อยู่ในอากาศเป็นต้นและยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ปีศาจแลนาคราชทั้งปวง ขอจงมีจิตเมตตา ประทานความสวัสดีและความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๒๓๔.
ตาวติงสา จะ เย เทวา
ยามา เทวา มะหิทธิกา
ตุสิตา จะ มะหาเทวา
นิมมานะระติโนมะรา.
ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามาผู้ทรงฤทธิ์ ทวยเทพชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี.
๒๓๕.
วะสะวัตตีสุ ระติโน
สัพเพ เทวา สะวาสะวา
พุทธะปูชายะ นิระตา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ทวยเทพชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี ขอทวยเทพทั้งปวงดังที่กล่าวมานี้ พร้อมทั้งท้าววาสวะ (พระอินทร์) ผู้มีความยินดี ในการบูชาพระพุทธเจ้า ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
(พรหม)
๒๓๖.
พฺรัหฺมาโน ปาริสัชชา จะ
เย จะ พฺรัหฺมะปุโรหิตา
มะหาพฺรัหฺมา จะ สัพเพ เต ปะฐะมัชฌานะสัณฐิโน.
พรหมผู้ดำรงอยู่ในปฐมฌานเหล่านี้คือ
ปาริสัชชาพรหม ปุโรหิตาพรหม และ มหาพรหมาพรหม.
๒๓๗.
เมตตาวิหาริโน สันตา
สัมพุทธัสสะ ปะรายะนา
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง
เสกขาเสกขะปุถุชชะนา.
ขอพรหมทั้งปวงเหล่านั้น ผู้มีปกติอยู่ด้วยเมตตา ผู้สงบ ผู้มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ผู้เป็นทั้งเสกขะ พระอรหันต์ และปุถุชน จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๒๓๘.
ปะริตตาภัปปะมาณาภา
พฺรัหฺมา จาภัสสะรา ตะถา
พุทธะปูชายะ นิระตา
ทุติยัชฌานะสัณฐิโน.
พรหมผู้ดำรงอยู่ในทุติยฌาน ผู้ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้าเหล่านี้คือ ปริตตาภาพรหม อัปปมาณาภาพรหม และ อาภัสสราพรหม
๒๓๙.
เมตตาการุณิกา สัพเพ
สัพพะสัตตะหิเตสิโน
กะโรนตุ โน มะหาสันติง
โสตถิมาโรคฺยะมายุวัง.
ขอพรหมทั้งปวง ผู้มีปกติเมตตา กรุณา แสวงหาความเกื้อกูล ให้แก่สัตว์ทั้งปวง จงประทานความสงบอันประเสริฐ ความสวัสดี ความไม่มีโรค และความมีอายุ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๒๔๐.
ปะริตตะสุภาพฺรัหฺมาโน
อัปปะมาณะสุภา จะ เย
สุภะกิณหา จะ พฺรัหฺมาโน
ตะติยัชฌานะสัณฐิโน.
พรหมผู้ดำรงอยู่ในตติยฌาน เหล่านี้คือ
ปริตตสุภาพรหม อัปปมาณสุภาพรหม และ สุภกิณหาพรหม
๒๔๑.
ปะภายะ ผะระณา โลเก
พุทธะฌานะระตา สะทา
อะหิงสา สัพพะสัตเตสุ
สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
ขอพรหมทั้งหลายเหล่านั้น ผู้แผ่รัศมีไปในโลก ผู้ยินดีในพุทธฌาน ผู้ไม่เบียด เบียนสรรพสัตว์ทั้งปวง จงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๔๒.
เวหัปผะลาปิ พฺรัหฺมาโน
จะตุตถัชฌานะสัณฐิโน
เสกขะปุถุชชะนาเสกขา
สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
พรหมผู้ดำรงอยู่ในจตุตถฌาน ผู้เป็นเสกขะ ปุถุชน และอเสกขะคือ เวหัปผลาพรหม ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๔๓.
สัมปัตติยา นะ หายันติ
พฺรัหฺมาโน ชินะสาวะกา
อะวิหานามะกา สัพเพ
สะทา สันติง กะโรนตุ โน.
พรหมทั้งหลายผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ย่อมไม่เสื่อมจากฌานสมาบัติ เพราะเหตุนั้นจึงได้ชื่อว่า อวิหาพรหม ขออวิหาพรหมทั้งปวงเหล่านั้น จงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๔๔.
อะตัปปา นามะ พฺรัหฺมาโน
จะตุตถัชฌานะสัณฐิโน
พฺรัหฺมะวิหาริกา สัพเพ
โสตถิง ผาสุง กะโรนตุ โน.
ขออตัปปาพรหม ทั้งปวง ผู้มีพรหมวิหาร ดำรงอยู่ในจตุตถฌาน จงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๒๔๕.
สุทัสสา นามะ พฺรัหฺมาโน-
ภิรูปา ฌานะโภคิโน
อะปุนาคะมะนา กาเม
สันติง ผาสุง กะโรนตุ โน.
ขอเหล่าพรหมชื่อว่า สุทัสสา ผู้มีรูปงาม ผู้เสวยฌาน ผู้ไม่กลับมาในกามภูมิอีก
จงประทานความสงบ และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
๒๔๖.
พฺรัหฺมะวิหาระสัมปันนา
ชินะภัตติปะรายะนา
พฺรัหฺมาโน สุทัสสี นามะ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ขอเหล่าพรหมชื่อว่า สุทัสสี ผู้สมบูรณ์ด้วยพรหมวิหาร ผู้มีความนับถือพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๔๗.
อะกะนิฏฐา จะ พฺรัหฺมาโน
เชฏฐา สัพพะคุเณหิ จะ
ปะหีนะภะวะนิสฺเนหา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ขอเหล่าพรหมผู้เจริญที่สุดด้วยคุณทั้งปวง ชื่อว่า อกนิฏฐา ผู้ละความสิเน่หาในภพได้แล้ว จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๔๘.
ปะฐะมารูปะพฺรัหฺมาโน
สัพพะรูปะวิราคิโน
ชินะภัตติระตา สัพเพ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๑ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความกำหนัดในรูป ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๔๙.
ทุติยารูปะพฺรัหฺมาโน
เหฏฐาฌานะวิราคิโน
ชินะภัตติระตา สัพเพ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ขอเหล่าอรูปพรหม ชั้นที่ ๒ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต่ำ
ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๕๐.
ตะติยารูปะพฺรัหฺมาโน
เหฏฐาฌานะวิราคิโน
ชินะภัตติระตา สัพเพ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๓ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต่ำ
ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๕๑.
จะตุตถารูปะพฺรัหฺมาโน
เหฏฐาฌานะวิราคิโน
ชินะภัตติระตา สัพเพ
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๔ ทั้งปวง ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต่ำ
ยินดีในการภักดีในพระชินเจ้า จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
คาถาครอบจักรวาล
๒๕๒.
เวเทเหปะระโคยาเน
ชัมพูทีเป กุรุมหิ จะ
เทวะยักขะปิสาเจหิ
สัทธิง วิชชาธะราทะโย.
ขอเหล่าวิทยาธร กับเทวดา ยักษ์ และปีศาจ ในวิเทหะทวีป อปรโคยานะทวีป ชมพูทวีป และอุตตรกุรุทวีป
๒๕๓.
อากาสัฏฐา จะ พฺรัหฺมาโน
ชะลัฏฐา จันตะลิกขะชา
ทวิปะทาทะโย เย สัตตา
สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
อากาสัฏฐเทวดา และพรหม สัตว์ทั้ง หลายมีสัตว์ ๒ เท้า เป็นต้น ผู้ดำรงอยู่ในน้ำ ผู้เกิดในอากาศ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
อานุภาพแห่งพระรัตนตรัย
๒๕๔.
มาระเสนะวิฆาตัสสะ
ชินัสสะ สุขะฌายิโน
เตโชพะเลนะ มะหะตา
สะทา มังคะละมัตถุ โน.
ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ ของพระชินเจ้า ผู้ทรงขจัดมาร และเสนามาร
ผู้เสวยสุขในฌาน ด้วยพลังเดชอันยิ่งใหญ่ ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๕๕.
นานาคุณะวิจิตตัสสะ
รูปะกายัสสะ สัตถุโน
สัพพะเทวะมะนุสสานัง
มาระพันธะวิโมจิโน
เมตตาพะเลนะ มะหะตา
สะทา มังคะละมัตถุ โน.
ด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ ของพระศาสดาผู้ทรงมีพระวรกายอันงามวิจิตรด้วยคุณต่าง ๆ ผู้ทรงปลดเปลื้องเหล่าทวยเทพ และมนุษย์ทั้งปวง ให้หลุดพ้นจากบ่วงแห่งมาร ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๕๖.
สัพพัญญุตาทิกายัสสะ
ธัมมะกายัสสะ สัตถุโน
จักขาทยะโคจะรัสสาปิ
โคจะรัสเสวะ ภูริยา
เตโชพะเลนะ มะหะตา
สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ แห่งพระธรรมกาย คือ หมู่ธรรม มีพระสัพพัญญุตญาณเป็นต้น ของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย อันไม่ใช่อารมณ์ของจักษุเป็นต้น แต่เป็นอารมณ์ของปัญญาเท่านั้น ขอสรรพ มงคล จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
๒๕๗.
รูปะกายะสะทิสัสสะ
นิมมิตัสสะ มะเหสิโน
ธัมมัสสะ วัตตุโน สัคเค
เทวานัง สุคะตา ปะติ
เตโชพะเลนะ มะหะตา
สะทา มังคะละมัตถุ โน.
ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธปฏิมาที่ทรงเนรมิตขึ้น ให้เหมือนรูปจริง แทนพระพุทธองค์ ผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เมื่อทรงแสดงอภิธรรมแก่เหล่าทวยเทพในชั้นดาวดึงส์ ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
๒๕๘.
สิกขิตฺวา มานุเส เทเว
โมจะยิตฺวา สะเทวะเก
สังขาเร ปะชะหันตัสสะ
นิพพุตัสสะ มะเหสิโน
มะหันเตนานุภาเวนะ
สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
ด้วยพระอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงฝึกเหล่ามนุษย์และเทวดา ให้หลุดพ้นจากบ่วงมาร ผู้ทรงละสังขารดับขันธ์ปรินิพพาน ขอสรรพมงคล จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
๒๕๙.
จะตุราสีติสะหัสสะ-
ธัมมักขันธัสสะ เตชะสา
นะวังคะสาสะนัสสาปิ
นะวะโลกุตตะรัสสะ จะ
สัพพะปาปะปะวาเหนะ
สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
ด้วยพระเดชานุภาพของพระธรรม แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ด้วยพระ เดชานุภาพแห่งนวังคสัตถุศาสน์ และด้วยพระเดชานุภาพแห่งนวโลกุตตรธรรม
อันนำบาปทั้งปวงออกไป ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
๒๖๐.
มะหะโตริยะสังฆัสสะ
ปุญญักเขตตัสสะ ตาทิโน
ปะหีนะสัพพะปาปัสสะ
สีลาทิกขันธะธาริโน
มะหาเตชานุภาเวนะ
สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ ของพระอริยสงฆ์ผู้ประเสริฐ ผู้เป็นเนื้อนาบุญ ผู้ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม ผู้ละบาปทั้งปวง ผู้ทรงไว้ซึ่งคุณมีศีลเป็นต้น ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถิด
อานุภาพของเทวดาต่างๆ
๒๖๑.
ปาตาเล ภูตะลากาเส
เทวะยักขะปิสาจะกา
วิชชาธะรา จะ คันธัพพา
นาคะกุมภัณฑะรักขะสา
สัพเพสะมานุภาเวนะ
สัพพะมังคะละมัตถุ โน.
ด้วยอานุภาพแห่งหมู่เทวดา ยักษ์ ปีศาจ และวิทยาธร คนธรรพ์ นาค กุมภัณฑ์ และรากษส ผู้อาศัยอยู่ในบาดาลก็ดี บนพื้นดินก็ดี ในอากาศก็ดี ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถิด
อานุภาพของอุปปาตะสันติ
๒๖๒.
อิจเจวะมุปปาตะสันติง
โย วะเทยยะ สุเณยยะ วา
วิเชยยะ สัพพะปาปานิ
วุฑฒัตตัญจะ ภะวิสสะติ.
ผู้ใดสวด หรือฟังคัมภีร์ อุปปาตะสันติ อันกล่าวแล้วด้วยประการฉะนี้ จะพึงชนะบาปทั้งปวง และจักเจริญด้วยคุณ ๕ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ
๒๖๓.
โสตถิกาโม ละเภ โสตถิง
สุขะกาโม สุขัง ละเภ
อายุกาโม ละเภยยายุง
ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง.
ผู้ใดปรารถนาความสวัสดี พึงได้ความสวัสดี ผู้ปรารถนาความสุข พึงได้ความสุข
ผู้ปรารถนาอายุ พึงได้อายุ ผู้ประสงค์บุตร พึงได้บุตร
๒๖๔.
นะ ตัสสะ โรคา พาเธนติ
วาตะปิตตาทิสัมภะวา
อะกาละมะระณัง นัตถิ
นะ เทโว วิสะโมสะเร.
โรคที่เกิดจากลม จากดีเป็นต้น ย่อมไม่เบียดเบียนบุคคลนั้น ความตายในกาลอันไม่สมควร ย่อมไม่มีแก่บุคคลนั้น มิจฉาเทวดาย่อมไม่รังแกต่างๆ นาๆ
๒๖๕.
นะ จุปปาตะภะยัง ตัสสะ
โนปิ ปัตตะภะยัง ตะถา
นัสสันติ ทุนนิมิตตานิ
ปาปะกัมมัฏฐิตานิ จะ
ทีฆะมายุ มะหาโสตถิง
อาโรคฺยัญจะ สะทา ภะเว.
เคราะห์ร้ายและภัยย่อมไม่มีแก่เขา นิมิตร้ายและสิ่งที่ตั้งขึ้นเพราะบาปกรรมย่อมพินาศไป ความมีอายุยืน ความสวัสดี อันประเสริฐ และความไม่มีโรคจะพึงมีแก่เขา ในกาลทุกเมื่อ
๒๖๖.
โย สุตฺวาปิ มะหาสันติง
สังคามัง ปะวิเส นะโร
วิชะเย เวริโน สัพเพ
นะ สัตเถหฺยะภิภูยะเต.
ผู้ใดฟังคัมภีร์อุปปาตะสันติอันประเสริฐแล้ว พึงเข้าไปสู่สมรภูมิ บุคคลนั้นอันศาสตราไม่กล้ำกราย ย่อมชนะข้าศึกทั้งมวล
๒๖๗.
สัพพะทา ละภะเต ปีติง
วิปัตติง นาวะคาหะติ
โรเคหิ นาภิภูยะเต
สะวัตถูหิ วิวัฑฒะเต.
เขาย่อมได้ซึ่งความอิ่มใจในกาลทุกเมื่อ ความวิบัติ ย่อมไม่มากล้ำกราย ย่อมไร้โรคา ย่อมเจริญด้วยทรัพย์ศฤงคาร
๒๖๘.
ยัตฺระ เทเส วะโกวะกา
พาฬฺหะกา รักขะสาทะโย
อุปปาตะสันติโฆเสนะ
สัพเพ ตัตถะ สะมันติ เต.
สัตว์ร้ายน้อยใหญ่ และรากษสเป็นต้น ผู้อยู่ในป่าเขาลำเนาไพรทั้งหลายทั้งปวง
ย่อมสงบด้วยเสียงแห่งการสวดคาถาอุปปาตะสันติ
๒๖๙.
ยะมุททิสสะ วะเท สันติง
สะชีวัญจาปยะชีวิตัง
โส มุจจะเต มะหาทุกขา
ปัปโปติ สุคะติง สะทา.
บุคคลสวดคัมภีร์อุปปาตะสันติ อุทิศให้ผู้ใดที่มีชีวิตอยู่หรือไม่มีชีวิตอยู่ บุคคลนั้นย่อมพ้นจากมหันตทุกข์ ย่อมเข้าถึงสุคติภพ ในกาลทุกเมื่อ
๒๗๐.
เทวัฏฐาเน นะคะเร วา
นิจจะมุปปาตะสันติยา
ปาละกา เทวะราชาโน
เตชะสิรีวิวัฑฒะนา.
ท้าวเทวราชทั้งหลายผู้ปกปักรักษาเนืองนิจ ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ หรือในพระนคร เป็นผู้เจริญด้วยเดชและสิริมงคลด้วยคัมภีร์อุปปาตะสันตินี้
๒๗๑.
ปะฐัพฺยาปาทิสัญชาตา
อุปปาตา จันตะลิกขะชา
อินทาทิชะนิตุปปาตา
ปาปะกัมมะสะมุฏฐิตา
สัพพุปปาตา วินัสสันติ
เตชะสุปปาตะสันติยาติ.
เหตุร้ายอันเกิดจากแผ่นดินไหว และน้ำท่วมเป็นต้น เหตุร้ายที่เกิดจากฟากฟ้า เหตุร้ายอันเกิดจากจันทรุปราคาเป็นต้น เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจากบาปกรรม เหตุร้ายทั้งปวงเหล่านั้นจักพินาศไป ด้วยเดชแห่ง อุปปาตะสันติ
อุปปาตะสันติ นิฏฐิตา.
(จบอุปปาตะสันติ)
เทวะตาอุยโยชะนะคาถา
ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา
โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุสัพเพปิ ปาณิโน
เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง
สัพเพ เทวานุโมทันตุ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา
ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา
ภาวะนาภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ
สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง
อะระหันตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโสฯ
-
บทสวดถวายพรพระ
(พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน, สุคะโต, โลกะวิทู, อนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ, ภะคะวา ติ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง, จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย, ปาหุเนยโย, ทักขิเณยโย, อัญชะลีกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (กราบ)
อิติปิโส นพเคราะห์
(อาทิตย์)
อิติปิโสภะคะวา พระอาทิตย์เทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ โมระปริตรตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (อะ วิช สุ นุต สา นุต ติ 6 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 6 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(จันทร์)
อิติปิโสภะคะวา พระจันทร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ อภัยยะปะริตตัง รักขันตุ สัพพะทา (อิ ระ ชา ตะ ระ สา 15 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 15 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(อังคาร)
อิติปิโสภะคะวา พระอังคารเทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ กะระณียะเมตตาสุตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง 8 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 8 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(พุธ)
อิติปิโสภะคะวา พระพุธเทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ โพชฌังคะปะริตตังมังรักขันตุ สัพพะทา (ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท 17 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 17 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(ราหู)
อิติปิโสภะคะวา พระราหูเทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ สุริยะจันทะ พุทธะ ปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ 12 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 12 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณสัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(พฤหัส)
อิติปิโสภะคะวา พระพฤหัสบดีเทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ รัตตะนะสุตตัง อะระหังพุทโธ นะโม พุทธายะ วัฏฏะกะปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ 19 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 19 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(ศุกร์)
อิติปิโสภะคะวา พระศุกร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ ธะชัคคะ สุตตัง อะระหังสุคะโต ภะคะวะตา อาฏานาติยะปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (วา โธ โน อะ มะ มะ วา 21 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 21 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(เสาร์)
อิติปิโสภะคะวา พระเสาร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะ อังคุลิมาละปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (โส มา ณะ กะ ริ ถา โร 10 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 10 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
(พระเกตุ)
อิติปิโสภะคะวา พระเกตุเทวา วิญญาณะสัมปันโน โสธายะชะยะปะริตตังมัง รักขันตุ สัพพะทา (อะระหัง สุคะโต ภะคะวา 9 จบ) เสด็จลงมาเสวยอายุแห่งข้าพเจ้าได้ 9 ปี เวียนในรอบราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฏ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พฤศจิก ธนู มังกร กุมภ์ มีน ต้องลัคน์ ต้องจันทร์ ต้องพระเคราะห์ตัวนอก พระเคราะห์ตัวกลาง พระเคราะห์ตัวใน ต้องพระเคราะห์ตัวใดๆ ขอให้คุ้มโทษ คุ้มภัย คุ้มเสนียดจัญไร ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษโทสา ปารมีคุณ สัมฺปนฺโน อิติปิโส ภควา
วิธีการสวดบูชาดาวเพื่อสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา
การสวดบทอิติปิโสนพเคราะห์ ใครเจริญภาวนาได้ตลอดชีวิต เป็นมหามงคล เพราะรวมกำลังพุทธคุณ บุญญานุภาพ พุทธปริตร บารมีเทพนพเคราะห์ และวิชาศักดิ์สิทธิ์เข้าด้วยกันเป็นการสะเดาะเคราะห์ เสริมดวงชะตา สิริมงคลชีวิตได้ดีมาก เคราะห์ร้ายกลายเป็นดี เคราะห์ดีก็ดียิ่งขึ้นไป สวดแล้วภาวนาคาถาในวงเล็บ ตามกำลังวันจนครบ 9 องค์
สำหรับการสวดนพเคราะห์บูชาดาวแบ่งเป็น 3 ตอนคือ เริ่มต้นจาก พระเคราะห์เสวยอายุ พระเคราะห์แทรกอายุ และ พระวันสวด (พระวันสวดคือ สวดวันไหนก็บูชาเทพนพเคราะห์-บูชาดาว องค์นั้น เช่นวันที่กำลังสวดอยู่เป็นวันพุธ ก็สวดตามกำลังพระพุธ สวดเพื่อบูชาดาวและเทพนพพระเคราะห์ พระพุธในดวงชะตา วันแรกหนักหน่อย คุณต้องสวดบูชาพระประจำวันเกิด พระเคราะห์เสวยอายุ พระเคราะห์แทรกอายุ พระวันสวด)
ข้อปฏิบัติในการจุดเทียนบูชา
1. ให้ท่านเลือกวันและเวลาที่เหมาะสมในการจุดเทียนบูชา โดยท่านใช้อาศัยฤกษ์ยามยามดีตามปฏิทินที่ท่านใช้อยู่หรือฤกษ์ที่ท่านเห็นสมควรว่าดีก็ได้
2. ท่านควรอาบน้ำ สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย เทพพรหมที่ท่านกราบไหว้ รวมถึงพระภูมิเจ้าที่เพื่อให้ท่านได้รับรู้ แลอนุโมทนาส่งพลังมาเสริมให้ท่าน และท่านโปรด แผ่เมตตาแก่สัพพะชีวิต ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้วิบากกรรมต่างๆ คลี่คลายลง เบาบางลง ให้เขาเหล่านั้นเปิดทางให้ท่านทำพิธีบูชาเทียนให้เกิดความสำเร็จ
3. เทียนบูชา ควรจุดบูชาหน้าพระพุทธรูป พระธาตุเจดีย์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
4. ให้ท่านหาดอกไม้สีขาว มาบูชาร่วมกับเทียน เพื่อความเป็นสิริมงคล เทพเทวารักชอบ จะช่วยเหลือให้การจุดบูชาเทียนบังเกิดผลสำเร็จขึ้น เมื่อท่านจุดเทียนและปักเทียนลงในเชิงเทียนเรียบร้อยแล้วให้ท่านสวดคาถาพลิกดวงชะตา แก้วิบากกรรมตามตำราของล้านนา ดังนี้
คาถาบูชาเทียนแบบล้านนา
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ๓ จบ
โยสันนิสินโน วะระโพธิมูเล มารังสะเสนัง มะหัตติวิชะโย สัมโพธิมาคัจฉิ อะนันตัญญาโณ โลกุตตะโม ตัง ปะณะมามิ พุทธัง ตัง ปะณะมามิ ธัมมัง ตังปะณะมามิ สังฆัง สาธุ โอกาสะ ข้าแต่พระมหายันต์เจ้า ทุกบททุกบาท ทุกตัวอักขระพยัญชนะ
บัดนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อผู้บูชาเทียน………………………..) ได้มาบูชายังพระแก้วเจ้าทั้งสามประการเป็นต้นเป็นประธาน ทั้งพระพิษณุครูบาอาจารย์เจ้าทุกตนทุกพระองค์ ทั้งเทวบุตรเทวดา พระยาอินทร์ พระยาพรหม เทวดา อันรักษายังราชสัณฐาน บ้าน เมืองวัดวาอาราม เคหะสถานบ้านเรือน ทั้งมวล บัดนี้ข้าพเจ้ามาสักการะบูชามีทั้งข้าวตอกดอกไม้ ยันต์เทียนคาถา เยี่ยงนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้หายยัง อุปัทธะวะ กังวลอันตรายทั้งหลายนาๆ ต่างๆ
ขอให้ข้าพเจ้าผู้มีชื่อว่า... (ชื่อผู้บูชาเทียน……………….) จงพ้นเสียจากเคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน เคราะห์ยาม เคราะห์เมื่อหลับเมื่อตื่น เคราะห์เมื่อย่างเมื่อเดิน สัพพะเคราะห์ สัพพะภัย สัพพะจัญไร อุบาทว์ทั้งหลายทั้งมวลที่บังเกิด ก็จงระงับดับหายไปพลันอย่าได้มาบังเกิด และจงอย่าสามารถมาบังเกิดอีกได้ ด้วยเตชะอานุภาพ อันข้าพเจ้าได้บูชาเทียนนี้คาถานี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้ถวายกุศลส่วนนี้ไปถึงเทวบุตรเทวดา พระยาอินทร์ พระยาพรหม พระยายมราช ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ นางนาฏไท้ธรณี ศรีคุตตะอำมาตย์ ครุฑ นาคน้ำ ปรมัยไอศวร พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ เทวดาอันรักษาดาวนักขัตฤกษ์ ๒๗ พระองค์
นายหนังสือ นักปราชญ์ ตนจำบุญ ตนจำบาป ตนจำน้ำหยาดหมายทาน เทพเทวดาอันรักษาวัดวาอาราม สัณฐานบ้านเมือง เคหะบ้านช่องจงมา อนุโมทนา ด้วยกุศลส่วนบุญ อันข้าพเจ้าได้บูชายันต์เทียน ในกาละบัดนี้ แล้วข้อให้ข้าพเจ้าจงได้มายัง ลาภสักการะ แก้วแหวนเงินทอง อำนาจวาสนา บารมี ชื่อเสียง อายุยืนนาน ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ลูกหลายรักไคร่ แก่ข้าพเจ้า แด่เทอญ”
คาถาสะเดาะเคราะห์ บูชาดาว (ตำราหลวงพ่อเขียน)
นะโม เม สัพพะพุทธานัง สัพพัคคะหา จะเทวะตา สุริโย จันโท ภุมโม วุโธ คะรุ สุกโก ปะมุญจะสิ โสโร ราหู จะเกตุ จะ สัพพะลาภา ภะวันตุเม
พุทโธ ธัมโม สังโฆ จาติเฏเฐตัง ระตะนะตะยัง เอตัสสะ อานุภาเวนะ สัพพะลาภา ภะวันตุเม
สัพพะทุกขา วินัสสันตุ สัพพะภะยา วินัสสันตุ สัพพะโรคา วินัสสันตุ สัพพะโสตถี ภะวันตุเม
(แล้วกล่าวคำบูชาพระประจำวันเกิดของตน ยกวันอาทิตย์)
พระอาทิตย์
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า ...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคม บรมเทพผู้เริงฤทธิ์ คือองค์พระอาทิตย์เทวา เสด็จมาเสวยชนมายุ ข้าพเจ้าได้ 6 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษแลโทษา วิญาณะสัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
พระจันทร์
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคม บรมเทพเทวัญ พระจันทรเทวา เสด็จมาเสวยอายุได้ 15 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษแลโทษาวิญาณะสัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ
พระอังคาร
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคม บรมเทพผู้เริงฌาน พระอังคารเทวา เสด็จมาเสวยอายุได้ 8 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษแลโทษาวิญาณะสัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
พระพุธกลางวัน
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า ...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคม บรมเทพผู้เอิบอุตม์ คือองค์พระพุธเทวา เสด็จมาเสวยอายุได้ 17 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษแลโทษา วิญาณะสัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
พระพุธกลางคืน (พระราหู)
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคม บรมเทพพระราหูเทวา เสด็จมาเสวยอายุได้ 12 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษแลโทษา วิญาณะ สัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
พระพฤหัส
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า ...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคมบรมเทวราช ครูพระพฤหัสบดีเทวา เสด็จมาเสวยอายุได้ 19 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษแลโทษา วิญาณะสัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมัง สรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
พระศุกร์
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคม บรมเทพ ผู้ทำนุก องค์พระศุกร์เทวา เสด็จมาเสวยอายุได้ 21 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคล คุ้มโทษแลโทษาวิญาณะสัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ
พระเสาร์
อิติปิโส ภควา ข้าพเจ้า ...(ชื่อเรา)... ขอถวายบังคม บรมเทพผู้เริงตบะ คือองค์พระโสระเทวา เสด็จมาเสวยอายุได้ 10 ปี เวียนรอบในทวาทศจักรราศี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน ต้องพระเคราะห์องค์ใดๆ ขอให้มีชัยมงคลคุ้มโทษแลโทษาวิญาณะสัมปันโน อิติปิโสภควา สารพัดทุกข์ สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย สารพัดเสนียดจัญไรออกไปให้พ้น วินัสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
คาถาบูชา 12 ราศี
อิติปิ โส ภะคะวา มือข้าทั้งสิบนิ้ว ยกขึ้นหว่างคิ้ว ขอถวายต่างธูปเทียนทอง จักษุข้าพเจ้าทั้งสองอันวาวแวว ขอถวายต่างดวงประทีปแก้วดอกประทุมชาติ มาบูชาฝ่าพระบาทองค์พระ พุทธเจ้าอันงามยิ่งนัก มีวงศ์กงจักรทั้งร้อยแปดประการพระองค์ได้ตรัสรู้ ทรงเสด็จไปแล้ว พระทูลกระหม่อมแก้ว เข้าสู่พระนิพพาน พระองค์ทรงญาณ เห็นไปทั่วแดนไกล
พระองค์ทรงรับสั่งไว้แก่หมู่เวไนย ให้เร่งปฏิบัติไป ในการภาวนา มะอะอุทุกขัง มะอะอุอนิจจัง มะอะอุอนัตตา พระอะระหัง พุทโธ อิติปิโส ภะคะวา ทุกข์ภัยมีมา แก้ได้ทุกประการ
พระทรงพรหมวิหาร ตั้งมั่นในอุเบกขา โปรดสัตว์ทั่วทิศ พระองค์ทรงฤทธิ์แกล้วกล้า ทรงพระกรุณา ดับทุกข์ดับเข็ญ พระทรงเล็งเห็นทุกทั่วตัวสัตว์ จงมาช่วยกำจัดคุ้มโพยกันภัย ขอให้ได้รับความสุขไปทุกทิวาราตรี เดชะบารมีดี ทั้งสามสิบทัศ พุทโธกำจัด ธัมโมกำจาย สังโฆสูญหาย ศัตรูทั้งหลาย สูญหาย ณ บัดนี้
ด้วยอำนาจบารมีทั้งสี่อสงไขย กำไรแสนกัป ด้วยพระมากกัณฑ์ มาช่วยคุ้มครอง ช่วยป้องช่วยกัน เทวดาบนสวรรค์มาช่วยกันรักษา พระเสื้อเมืองทรงเมือง อันเรืองฤทธา ทั่วโลกโลกามาช่วยข้า ณ บัดนี้
ทั้งอารักษ์เทวา บรรดาเทพาทั้งสิบหกราศี ขออย่าให้มีมาร อย่าเป็นกาลกิณี คนชั่วไม่ดี อย่าเข้ามาปะปน คนใจร้ายอกุศล ขอให้พ้นไปไกล
พระอาทิตย์หกองค์ ลงมาประชุม คุ้มเสนียดจัญไร พระจันโทสิบห้า มารักษาภายใน พระอังคารแปดพระองค์ส่งศีลมาให้ พระพุทธสิบเจ็ดเสด็จมาปกป้อง พระเสาร์เข้าครอง กำลังสิบทัศมาช่วยกำจัด มหาอุบาทว์ ที่เป็นยมราช ร้ายกาจนักหนา ศัตรูมีมา มอดม้วยบรรลัย ศัตรูที่ไหนบรรลัยที่นั่น พระพฤหัสสิบเก้า เข้ามาโดยพลัน เป็นครูช่วยกัน จัดสรรให้งาม พระราหูสิบสอง ช่วยป้องมองตามปัดเป่าให้งามอย่าได้เดียดฉันท์ พระศุกร์เทวัน มาช่วยกันรักษา ยี่สิบเอ็ดโดยมี พระเกตุมาลี รักษาเก้าพระองค์
พระคาถานี้มีใจจำนงค์ กำหนดโดยตรง สิบสองราศี เทวดาทั้งนี้มาช่วยขัดสีเสนียดจัญไร มรรคญาณ ผลคะญาณ พระประทานมาให้ เทวดาองค์ใด ที่รักษ์ที่จำมาช่วยคุ้มครอง ช่วยป้องช่วยกัน เทวดาบนสวรรค์ ทั้งสิบสองราศี ปฏิสนธิบันดาล มรณะบันดาล เข้าสู่นิพพาน นับล้านโกฏิปี
พระองค์ทรงโปรด ทั่วทั้งธรณี ได้บวชได้เรียน ได้เขียนบาลี โพยภัยอย่ามีจงกำจัดไปไกล พระธรรมแปดหมื่น ชื่นอกชื่นใจ พระธรรมมาเป็นมิตร สุจริตพิสมัย คุณมนต์คุณทน ทนอยู่ไม่ได้ ศัตรูภายนอก ขอให้ออกไปไกล ศัตรูภายในบรรลัยสิ้นสุด
เดชะพระพุทธ มาหยุดอยู่เบื้องหน้า พระธรรมมาสถิตเบื้องหลัง พระสังฆังรักษา พระอิศวรเจ้าฟ้า เสด็จมารักษาทั่วกาย องค์พระนารายณ์มาอยู่เบื้องซ้ายขวา พระพรหมเทวา อยู่เบื้องสวรรค์เสด็จมารักษาข้าทุกวัน เทวดาบนสวรรค์ มาช่วยกันรักษา พระกาฬตัวกล้า มาช่วยผลาญศัตรู ทั่วทั้งชมภู ขออย่ามีอันตราย
พุทโธแคล้วคลาด ธัมโมกันอุบาทว์ เสนียดจัญไร สังโฆพระสงฆ์ มาดำรงฉัตรชัย อยู่ ณ แห่งใด ให้ได้รับความสุข พ้นทุกข์พ้นโศก หมดโรคหมดภัย หมดอุบาทว์จัญไร ใจสร้างกุศล ที่ตกที่หล่น ขอให้ได้เพิ่มพูน ขออย่าให้สูญ เพิ่มพูนบารมี แก่ข้าพเจ้านี้ จนถึงพระนิพพาน ไปภายภาคหน้า
พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา อะหังวันทามิทุระโต อะหังวันทามิธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส สะลิเมนาโถ อิติปิโสภะคะวา
พุทโธมีกำลัง สะลิเมนาโถ อิติปิโสภะคะวา ธัมโมมีกำลัง สะลิเมนาโถ อิติปิโสภะคะวา สังโฆมีกำลัง อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะภันเต
การภาวนาบทบูชา 12 ราศี คนในสมัยโบราณจะสวดภาวนาอยู่เป็นประจำ ครูบาอาจารย์คนเก่าได้กล่าวแนะนำไว้ หากผู้ใดภาวนาอยู่เป็นประจำ จะเป็นศิริมงคลแก่ตนและครอบครัว
จากหนังสือสวดมนต์ : จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาส งานฉลองครบรอบ 90 ปีหลวงปู่พระครูพรหมเสนาสน์นิมมาน และทอดผ้าป่าสามัคคี บ้านฉางระยอง-ร้อยเอ็ด
บทสวดชุมนุมเทวดา
สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง
ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ
ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา
อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ
สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุฯ
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตาฯ
-
อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านที่อ่านเจอและอ่านจบ ขออนุภาพของพระคาถาอุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง) จงบัเกิดกับทุกท่านเทอญ
มีที่พิมพ์ไว้เป็นรูปเล้ม หากท่านใดต้องการ ให้แจ้ง email address มานะค่ะ จะได้จัดส่งไปให้ค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ -
ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ขอบคุณที่นำมาเผยแพร่ ขอคุณพระคุ้มครองบุญรักษาคุณและครอบครัวจงมีความสุขทั้งทางโลกทางธรรมนะคะ บุญรักษาค่ะ
-
บอกบุญนะครับ ของวัด หลวงพ่อไก่ นี่หละครับ
ในวันที่ 14-17 กรกฎาคม 2554 รายละเอียดดังนี้นะครับ
จะมีการ หล่อพระ และในวันที่ 15 จะมีการตักบาตรหลวงพ่อครับ
รายละเอียดดูตามภาพนะครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะคุณ supatorn ดาวน์โหลดเก็บไว้แล้ว ค่ะ สาธุค่ะ
-
คัมภีร์ อุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง) แปลไทย
ขนาด 14.5*21 cm จำนวน 80 หน้า
ขนาด A5 (ครึ่งนึงของ A4)
กระดาษ ปอนด์สีขาว ไสกาว เคลือบ เงา อย่างดี
โทร.สอบถามการจัดส่งทั่วประเทศ // 086-461-8505, 02-482-7358, 087-696-7771
LINE สอบถามการสั่งพิมพ์ และ จัดส่งทั่วไทย ที่ : @trilakbooks
หรือกดที่ ลิงค์ add Line ด้านล่างได้เลยครับ
https://line.me/R/ti/p/@trilakbooks
--- --- --- --- --- --- ---
แผนที่สำหรับเดินทาง มาด้วยตนเอง ที่
https://goo.gl/maps/Bym61zuguLE2