พระธรรมเทศนา..พระราชนิโรธรังสี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

ผลของการภาวนา
ถ้าจิตตั้งมั่นแน่วแน่ ในคำบริกรรมที่ตนภาวนาอยู่นั้นแล้วเป็นใช้ได้ทั้งนั้น
เพราะภาวนาก็เพื่อต้องการทำใจให้แน่วแน่เท่านั้น
ส่อนนอกนั้นมันเป็นตามบุญ . . .วาสนาของแต่ละบุคคล
เมื่อหัดให้ช่ำชอง ชำนิชำนาญอย่างนี้นานๆ เข้า
กิเลส ความยึดมั่นในสิ่งทั้งปวง มันก็จะค่อยๆ หายไปเอง
ไม่ต้องไปชำระกิเลส ตัวนั้น ตัวนี้ว่า
กิเลสตัวนั้น จะต้องชำระด้วยธรรมข้อนั้นๆ ด้วยวิธีอุบายอย่างนั้น ๆ . . .

โลก
โลก . . . สังคมเราที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกันทุกวันนี้
ก็เพราะมัวแต่คอยไปดูคนอื่น ไปจับผิดคนอื่น
ไปคอยยึดเอาการกระทำของคนอื่นมาเป็นธุระ มาเป็นอารมณ์
ถ้ารู้จักมองจิตใจของตนเองอยู่เสมอ
ยอมรับตามความเป็นจริงว่า นี่เราทำดี . . . เราทำชั่ว - คิดชั่ว
แล้วยอมรับและปรับปรุงแก้ไขตนของตนอยู่ทุกๆ คน
โลกนี้ก็จะไม่วุ่นวายสับสนกันเหมือนในทุกวันนี้แน่

โลก กับ ธรรม
ธรรมต้องอาศัยอยู่กับโลก ไม่มีโลก . . . ธรรมก็อยู่ไม่ได้
ผู้เห็นธรรม รู้ธรรมก็คือ ผู้มารู้มาเห็นโลกตามความเป็นจริง
แล้วเบื่อหน่ายคลายจากโลกเอง
ถ้ารู้เท่า รู้เรื่อง มันเป็นธรรมดาทั้งหมด
ผู้ปฏิบัติจะเห็นความดี ความชั่วของตนตรงนั้นแหละ
มันเป็นธรรมดาหรือมันเป็นโลก ก็เห็นมันตรงนั้นแหละ
เมื่อไม่มีโลกแล้ว . . . . .
ธรรมก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปตั้งไว้ตรงไหน และเกิดขึ้นได้อย่างไร
โลกอันใด. . .ธรรมก็อันนั้น
จะเป็นโลก หรือเป็นธรรม. . .อยู่ที่ฝึกอบรมต่างหาก

ความสงบ
จิตเป็นผู้คิดนึก ปรุงแต่งสัญญาอารมณ์สรรพสิ่งทั้งปวง
ใจเป็นผู้นิ่งอยู่เฉยๆ เพียงแต่รู้ว่านิ่งอยู่เฉยๆ
ไม่มีคิดนึกปรุงแต่งอะไรอีกเลย
เปรียบเหมือนทะเล กับ เกลียวคลื่น
เมื่อคลื่นสงบแล้ว . . .จะยังเหลือน้ำอันใสแจ๋วอยู่อย่างเดียว
น้ำใสแสนนิ่ง . . . ถ้าไม่นิ่งจะเห็นตัวปลาและเม็ดทรายอยู่ใต้น้ำได้อย่างไร
ถ้าใจไม่สงบ . . . จะเห็นกิเลส และอารมณ์ภายในของตนได้อย่างไร