พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ปาปิปผลิ, 29 สิงหาคม 2012.

  1. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า


    ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลายอายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
    วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะเนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
    พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสองย่อมไม่มีในอายตนะนั้น


    คือนิพพาน

    สรุปคือนิพพานไม่เป็นทั้งมีและไม่มี

    แล้วจะเป็นตัวตนหรืออัตตาได้อย่างไร

    ตอบ

    ที่คุณสรุปนั่นคุณคิดเอง เออออเองนะครับ และคุณก็ยังเข้าไม่ถึงธรรม ปัญญาจึงยังไม่เกิดจะไปมั่วแบบนั้นไม่ได้

    นิพพานไม่เป็นทั้งมี และ ไม่มีพูดอย่างนั้นไม่ได้ครับ เพราะทุกอย่างในโลกและจักรวาลที่คุณรับรู้โดยอายตนะทั้ง 5 ของคุณ มันไม่เคยมีอยู่ แต่คุณไปคิดเอาเองว่ามันมี พระพุทธเจ้าจึงเรียกว่าอัตตานุทิฎฐิ อุปทาน และอนัตตา

    ส่วนสิ่งที่มีตัวเดียว อันเดียว คือ นิพพานสิ่งนี้เป็นอัตตา คุณกลับไปบอกว่ามันไม่มี

    ตัวตน(อัตตา) ของพระพุทธเจ้า =สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา

    ธาตุดิน น้ำลม ไฟ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ พวกนี้มันล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีแต่ทุกข์และแปรปรวน เกิดแก่เจ็บตาย มันจะไปอยู่ในนิพพานและอายตนะนิพพานได้อย่างไร

    นอกจากนี้ คุณจะยัดเยียดและบอกว่า นิพพานที่ไม่มีธาตุที่ไม่เป็นอมตะ หรือไม่มีแต่ธาตุแห่งอนัตตาเป็นสิ่งที่ไม่มี มันไม่ถูกนะครับ ธาตุที่เป็นอมตะและเป็นอัตตานั้น "มีอยู่"เราจะรู้เห็นและรับรู้ได้ด้วย...จิตที่บริสุทธิ์ขั้นโสดาบันหรือกว่านั้นขึ้นไปเท่านั้นคุณจึงจะรู้วาสิ่งนั้นมี

    ดิน น้ำ ลม ไฟ = รูปธาตุ
    อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ = อรูปธาตุ
    นิพพานและอายตนะนิพพาน= ทางสายกลางระหว่างรูปและอรูปต่างๆไว้ผมจะนำหลักฐานมาให้ดูวันหลัง

    หลวงปู่ดุลย์กล่าวว่า:

    จิตของเรานั้นถ้าเราทำความสงบเงียบอยู่จริงๆ เว้นขาดจากการคิดนึกซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของจิตแม้แต่น้อยที่สุดเสียให้ได้จริงๆตัวแท้ของมันจะปรากฏออกมาเป็นความว่างแล้วเราจะได้พบว่ามันเป็นสิ่งที่ปราศจากรูป...เพราะเหตุที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ

    นิพพานและอายตนะนิพพาน เป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะจะรู้เห็นและรับรู้ได้ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ขั้นโสดาบันหรือกว่านั้นขึ้นไปเท่านั้นคุณจึงจะรู้วาสิ่งนั้นมี

    ตัวแท้ของมันจะปรากฏออกมาเป็นความว่างนี่แหละคือ นิพพานจิต ซึ่งนิรมิตอายตนะนิพพานภายใน(ธรมกาย) ขึ้นมารองรับเพื่อไปอยู่ในแดนพระนิพพาน(อายตนะภายนอกนิพพาน)

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเล่าว่านิพพานไม่สูญ:

    (นิพพาน)เป็น แดนของวิสุทธิเทพคือผู้เป็นพระอรหันต์ที่ละลายกายทิพย์หมดสิ้นแล้วเหลืออยู่แต่จิตสุขใสเป็นดวงประกายพรึกพระอรหันต์สถิตย์อยู่ในแดนพระนิพพานนั้น.......

    ไม่ใช่กายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลายกายทิพย์ หรือ ธรรมกายของพระอรหันต์ในแดนนิพพานเป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม

    ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณร่างธรรมกายของพระอรหันต์เป็นทิพย์ละเอียดใสสะอาดใสเป็นประกายคล้ายแก้วประกายพรึกมีรัศมีสว่างไสวมากกว่าพระพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลยมีความสุขที่สุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบเพราะความรู้สึกอื่นไม่มีมีแต่จิตสงเคราะห์


    สรุป


    จิตอรหันต์บริสุทธิ์ที่ว่างจากความคิดปรุงแต่งทั้งปวงได้นิรมิตกายธรรม หรือ ธรรมกาย ขึ้นมาอาศัยอยู่ในแดนนิพพาน ซึ่งไม่มี ธาตุดิน น้ำลม ไฟ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะเพราะธาตุพวกนี้ มันล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงจะไปอยู่ในอายตนะนิพพานได้อย่างไร

    อายตนะนิพพาน ทั้งอายตนะภายนอกและภายในอายตนะภายนอก=เมืองนิพพาน, อายตนะภายในนิพพาน=ธรรมกายสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากจิตสงเคราะห์ หรือ จิตนิรมิตให้เกิดขึ้น <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>


    <HR align=center color=black SIZE=1 width="100%" noShade>


    หัวข้อ:Re: อายตนะนิพพาน มีทั้งอายตนะภายนอก=เมืองนิพพานและภายใน=ธรรมกาย
    เริ่มหัวข้อโดย:AVATARที่พฤศจิกายน 09, 2010, 01:27:10 pm <O:p></O:p>


    <HR align=center color=black SIZE=1 width="100%" noShade>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2012
  2. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    มรรคผลนิพพาน เป็นสิ่งปัจจัตตัง คือรู้เห็นได้จำเพาะตนโดยแท้ ผู้ใดปฏิบัติเข้าถึง ผู้นั้นเห็นเอง แจ่มแจ้งเอง
    หมดสงสัยในพระศาสนาได้โดยสิ้นเชิง มิฉะนั้นแล้วจะต้องเดาเอาอยู่ร่ำไปแม้จะมีผู้สามารถอธิบายให้ลึกซึ้งอย่างไร
    ก็รู้ได้แบบเดา สิ่งใดยังเดาอยู่สิ่งนั้นก็ยังไม่แน่นอน

    ยกตัวอย่างเช่น เต่ากับปลา เต่าอยู่ได้สองโลกคือโลกบนบกกับโลกในน้ำ
    ส่วนปลาอยู่ได้โลกเดียวคือ ในน้ำ ขืนมาบนบกก็ตายหมด

    วันหนึ่ง เต่าลงไปในน้ำแล้ว ก็พรรณนาความสุขสบายบนบกให้ปลาฟังว่ามันมีแต่ความสุขสบาย
    แสงสีสวยงาม ไม่ต้องลำบากเหมือนอยู่ในน้ำ

    ปลาพากันฟังด้วยความสนใจ และอยากเห็นบก จึงถามเต่าว่า บนบกนั้นลึกมากไหมเต่า มันจะลึกอะไร ก็มันบก

    เอ บนบกนั้นมีคลื่นมากไหม มันจะคลื่นอะไรก็มันบก

    เอ บนบกนั้นมีเปือกตมมากไหม มันจะมีอะไร ก็มันบก

    ให้สังเกตดูคำที่ปลาถาม เอาแต่ความรู้ที่มีอยู่ในน้ำมาถามเต่าเต่าก็ได้แต่ปฏิเสธ

    จิตปุถุชนที่เดามรรคผลนิพพาน ก็ไม่ต่างอะไรกับปลา

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>

    <HR align=center color=black SIZE=1 width="100%" noShade>

    หัวข้อ:Re: อายตนะนิพพาน มีทั้งอายตนะภายนอก=เมืองนิพพานและภายใน=ธรรมกาย
    เริ่มหัวข้อโดย:the sufferingที่พฤศจิกายน 29, 2010, 01:10:03 pm <O:p></O:p>

    <HR align=center color=black SIZE=1 width="100%" noShade>

    <O:p></O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...