พระพุทธเจ้า เป็นผู้สั่งให้พระอานนท์ เป็นผู้ทำน้ำมนต์ แล้วจะเป็นเดรัจฉานวิชาได้อย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 6 พฤษภาคม 2014.

  1. zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    โอ้ยน้อ เบิดคำสิเว้า หลับหูหลับตามาคุยกันแบบนี้ยังไง ๆ ก็ไม่รู้เรื่องกันล่ะคับ ถึงหลับหูหลับตาฟังผมก็ไปลืมหูลืมตาอ่านพระธรรมวินัยบ้างก็ได้ เข้าวัดหลาย ๆ ที่ ฟังพระเทศน์หลาย ๆ แบบ อย่างที่ท่านบอกว่าเปิดใจรับฟัง

    ขอให้ท่านรู้ไว้ครับ ว่า ผมก็เคยถือของมาก่อน และตอนนี้ผมหยุดถือแล้ว แล้วท่านล่ะหยุดถือหรือยัง
     
  2. Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ใช่ครับ

    ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างสมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา


    แล้วการที่ พระไม่ได้เลี้ยงชีพ แต่เป็นการ สงเคราะห์ ญาติโยม ผิดไหมครับ

    ไหนคุณลองบอกหน่อยสิครับ


    .

    พิธีพุทธาภิเษก น้ำมนต์ วัตถุมงคล เป็น ติรัจฉานวิชา ไหมครับ

    ไหนคุณลองบอกหน่อยสิครับ

    .
     
  3. zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ความดีมันก็มี แต่ ความไม่ดีมันมีเยอะกว่า และที่สำคัญ ผิด ตามพระวินัยแน่นอน เพราะพระวินัยบัญญัติไว้ว่า ทำดิรัจฉานวิชาเป็นเรื่องที่ภิกษุไม่พึงกระทำมันผิดมันก็ต้องผิด ถึงจะดีหรือทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ มันก็ผิด เพราะ
    ถึงไม่ได้เลี้ยงชีพโดยการทำดิรัจฉานวิชา แต่มีคนศรัทธาท่านเพราะดิรัจฉานวิชาแล้วเอาข้าวปลามาถวาย มันก็เข้าข่ายเลี้ยงชีพโดยดิรัจฉานวิชาอยู่เหมือนเดิม มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยไม่ใช่หรือ

    คนจะพาลเข้าใจว่า ศาสนาพุทธพาให้มีลาภ ความบริบูรณ์ทางโภคทรัพย์ อำนาจวาสนาบารมี แคล้วคลาดปลอดไปไปโน่น

    ความสุขจากศาสนาพุทธไม่ได้มาจากการมีอะไรให้ถือ
    แต่มาจากการปล่อยวางต่างหาก

    ผมก็เคยบอกแล้วว่า มีมันก็ดีอยู่
    แต่ไม่มีเสียเลยมันจะดีเสียกว่า
     
  4. Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    พิธีพุทธาภิเษก น้ำมนต์ วัตถุมงคล
    เป็น ติรัจฉานวิชา ไหมครับ

    ไหนคุณลองบอกหน่อยสิครับ
     
  5. Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    วัตถุมงคล

    ประกอบด้วยยันต์ ๔ ชั้น
    ๑.ยันต์เทพาวุธ สำหรับขับไล่ภูตผีปิศาจ ทำลายไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ทุกชนิด

    คาถากำกับยันต์เทพาวุธ
    สักกัสสะ วะชิราวุธัง ยะมัสสะ นะยะนาวุธัง อาฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง
    เวสสุวัณณัสสะ คะทาวุธัง จัตตาโร เต อาวุธา สัพพะศัตรู วินาสสันติ


    ๒.ยันต์โสฬส ป้องกันอุปัทวันตรายทั้งปวง กันฟ้า กันไฟ กันโจรภัย กันภูตผีปิศาจ กันคุณผีคุณคนทุกชนิด

    คาถากำกับยันต์โสฬส
    โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมา จัตตาโร จะ มะหาทีปา ปัญจะพุทธามะหามุนี
    ตรีปิฏะกะธัมมักขันธา ฉะกามาวะจะราตะถา ปัญจะทะสะภะเวสัจจัง ทะสะมังสีละเมวะจะ
    เตระสะธุตังคาจะ ปาฏิหารัญจะทะวาทะสะ เอกะเมรุ จะ สุราอัฏฐะ ทะเวจันทังสุริยังสัคคา
    สัตตะสัมโพชฌังคาเจวะ จุททะสะจักกะวัตติจะ เอกาทะสะวิษะณุราชา สัพเพเทวาสะมาคะตา
    เอเตนะมังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถีภะวันตุเม


    ๓. ยันต์ตรีนิสิงเห กันโรคภัยไข้เจ็บ กันโรคระบาด กันภูตผีรบกวน ทำน้ำมนต์คลอดบุตรง่าย กันคุณไสยลมเพลมพัด บ้านหรือที่ใดร้ายอยู่ยาก ให้อธิษฐานฝังดินแก้ไขกลับร้ายเป็นดี

    คาถากำกับยันต์ตรีนิสิงเห
    มะอะอุ ตรีนิสิงเห สะธะวิปีปะสะอุ สัตตะนาเค อาปามะจุปะ ปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะ
    นะมะพะทะ จะตุเทวา อิสวาสุ สุสวาอิ ฉะวัจฉะราชา ฑีมะสังอังขุ ปัญจะอินทรานะเมวะจะ
    มิ เอกะยักขา อะสังวิสุโลปุสะพุภะ นะวะเทวา สะหะชะฏะตรี ปัญจะพรัหมาสะหัมปะติ
    พุทโธ ทะเวราชา เสพุเสวะเสตะอะเส อัฏฐะอะระหันตา นะโมพุทธายะ ปัญจะพุทธานะมามิหัง


    ๔. ยันต์จตุโรบังเกิดทรัพย์ เรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี รักษาทรัพย์สมบัติให้เยือกเย็นทรงตัว ร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    คาถากำกับยันต์จตุโรบังเกิดทรัพย์
    จะตุโร นะวะโม ทะเวโช
    ตรีนิ ปัญจะ สัตตะ
    อัฏฐะ เอโก ฉะวัจฉะราชา

    เวลาเสก ให้ว่าคาถาทั้งหมด ๑๐๘ จบ เมื่อจะอาราธนาติดตัวให้ใช้คาถา “อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด”



    วัตถุมงคล

    การภาวนา คาถา เป็น ติรัจฉานวิชา ไหมครับ

    ไหนคุณลองบอกหน่อยสิครับ

    ว่าการบริกรรม เป็น บุญกุศล ได้บุญกุศล หรือเป็น
    ติรัจฉานวิชา ได้บาป อกุศลกรรมครับ

    คนบริกรรม นี่ ได้บาป ลงนรกไหมครับ
    .
     
  6. zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219

    ผมได้ยินมาว่า พิธีพุทธาภิเษก ไม่ได้มีอยู่ในช่วงสมัยที่พระศาสดาทรงดำรงพระขันธ์อยู่นะ น่าจะถูกทำขึ้นมาในภาพหลัง เพราะคิดว่าทำเพื่อศิริมงคลมากกว่า แต่บางทีการทำเพื่อศิริมงคลก็เป็นดิรัจฉานวิขา


    เป็น ก็ดูเอาจากพระสูตรที่ผมยกมา
    อะไรที่เข้าข่าย หรือมีแม้แต่หนึ่งส่วนที่บัญญัติไว้ในนี้ก็เป็นอวิชชาหมด

    อย่างเช่นทำวัตถุมงคล ในวัตถุมลคลต้องทำอะไรบ้างท่านก็แยก ๆ ดูแล้วกัน

    อย่างเช่นฟันไม่เข้าฟันไม่ออกก็เข้าขายกับเป็นหมอเสกกันลูกศรเป็นต้น

    [๑๒๐] ๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตาปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

    [๑๑๔] ๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างสมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่า บูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.


    ว่าด้วยเรื่องพุทธาภิเษก

    “พิธีพุทธาภิเษกพระ” คืออะไร
    เพื่ออะไร เป็นพุทธพิธีหรือไม่ เริ่มมีสมัยใด ต่างกับปลุกเสกอย่างไร.?

    ask1 ถาม : สมัยนี้มีการทำพุทธาภิเษกกันมาก การทำพิธีนี้มีมาแต่สมัยใด ท่านผู้ใดทำก่อน ชื่ออะไร วันเดือนปีเท่าใด กระผมสงสัยว่าเป็นพราหมณ์ หรือพทธ พระท่านสวด ๔ รูป เรียกว่าสวดอะไร พระท่านบริกรรมอะไร การกระทำพุทธาภิเษก กับปลุกเสก ต่างกันอย่างไร เพื่ออะไร ?

    ans1 ตอบ : พุทธาภิเษก ในแง่ของเจตนารมณ์ เราจะพบว่า คือ การประชุมกันเพื่อตกลงยอมรับวัตถุที่นำเข้าสู่พิธี ให้เป็นวัตถุที่เคารพสักการะ เป็นเครื่องหมายแห่ง ขวัญ กำลังใจ และเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความเลือมใส ของคนที่ยอมรับถือสมมุติสัจจะเหล่านั้น ทำนองเดียวกับเงื่อนไขต่างๆ เช่น เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ประธานาธิบดี เป็นต้น ตำแหน่งของท่านเหล่านั้นจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมือ ได้ผ่านกรรมวิธี ขั้นตอนตามหลักการที่กำหนดไว้ ท่านจะเป็นอะไรมาก่อนไม่สำคัญ แต่เมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆที่กำหนดขึ้นกันโดยถูกต้องแล้ว ทุกคนจะต้องยอมรับนับถือ ฐานะที่สมมุติแต่งตั้งกันนั้น

    พุทธาภิเษกก็มีลักษณะอย่างนั้น เดิมที่เดียววัตถุนั้นเป็นเพียงทองเหลือง ทองแดง นาค เงิน ทราย เหล็กเป็นต้น นายช่างที่ดีจะทำการหล่อ แกะ สลัก ปั้น จึงถือว่าตอนนั้นไม่เป็นพระพุทธรูป เขาจึงสามารถทำหน้านี้ในการตบแต่งได้ เมื่อผ่านพิธีแล้ว คืออภิเษกวัตถุนั้นเป็นพระพุทธปฏิมา กำหนดหมายว่ารูปแทนพระพุทธเจ้าถูกต้องตามกรรมวิธีที่กำหนด ศาสนิกชนที่ดีต้องยอมรับสมมุติสัจจะเหล่านี้




    ประวัติของการทำพิธีพุทธาภิเษก

    การทำพิธีพุทธาภิเษกเริ่มต้นเมื่อใด ไม่มีใครทราบ แต่คงเริ่มทำกันมานานแล้ว พิธีพุทธาภิเษกจะเป็นประเพณี พิธีกรรมของใครมาก่อนก็ตาม แต่ปัจจุบันนั้น เป็นของพุทธไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะมีพื้นฐานอะไรเป็นพราหมณ์บ้างก็ไม่ควรไปถือว่าเป็นเรื่องเสียหายอะไร แต่การใดก็ตามเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่คนที่รู้จักใช้อยู่ จะเป็นของใครมาก่อนไม่เห็นสำคัญอะไร




    พิธีพุทธาภิเษก

    การที่พระ 4 รูปมาสวดนั้นท่านเรียกว่า พุทธาภิเษก อันเป็นการแสดงถึงความรู้สึกศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ของผู้ร่วมพิธี พร้อมกับพรรณาพุทธประวัติ อานุภาพของพระพุทธเจ้า จากนั้นจะเป็นการสวดภาณวาร ก็คือ สูตรที่มีประวัติความเป็นมา ในทางขลัง ศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพในการช่วยเหลือคนให้หลุดพ้น จากทุกข์ ภัย โรค

    ท่านที่นั่งบริกรรมนั้น ท่านจะว่าอะไรก็เป็นเรื่องของแต่ละท่าน
    สรุปแล้วคือ ท่านนั่งทำความสงบด้วยการบริกรรม สมาธิเพื่อแผ่พลังจิต คาถา มนตร์ ที่ท่านสาธยาย ให้เป็นอานุภาพแก่วัตถุมงคลที่นำมาทำพิธี
    ท่านที่บริกรรมอาจเรียกว่า ปลุกเสก ก็ได้ แต่ปลุกเสก ส่วนมากเน้นไปที่ปลุกเสกผลงาน ที่ผ่านการทำพิธีพุทธาภิเษกมาแล้ว สรุปว่า ปลุกเสกบางอย่างมีอยู่ในพุทธาภิเษก แต่พุทธาภิเษกบางอย่างไม่ใช่การปลุกเสก

    ที่มา : หนังสือข้อข้องใจผู้ใผ่ธรรม โดยพระโสภณคณาภรณ์ (ระแบบ ฐิตญาโน) วัดบวรนิเวศวิหาร โพสต์โดย คุณน้อมเศียรเกล้า
    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tilltomorrow&date=24-05-2012&group=2&gblog=52
    ขอบคุณภาพจาก
    http://www.posttoday.com/
    http://www.amuletat7.com/
    http://www.oknation.net/

    พุทธาภิเษก ความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน
    น. ชื่อพิธีในการปลุกเสกพระพุทธรูปหรือวัตถุมงคล โดยมีพระเถระผู้เชี่ยวชาญในการทำสมาธิจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า คณะปรก นั่งภาวนาส่งกระแสจิตเพ่งคุณพระรัตนตรัยเข้าไปสู่องค์พระหรือวัตถุมงคลนั้น ๆ.
    น. ชื่อพิธีในการปลุกเสกพระพุทธรูปหรือวัตถุมงคล โดยมีพระเถระผู้เชี่ยวชาญในการทำสมาธิจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า คณะปรก นั่งภาวนาส่งกระแสจิตเพ่งคุณพระรัตนตรัยเข้าไปสู่องค์พระหรือวัตถุมงคลนั้น ๆ.

    เครดิต : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=12785.0


    เช่นเคย ใครจะถือพิธีพุทธาภิเษกก็ถือไป ผมไม่ถือแล้ว
     
  7. Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819


    ที่ห้าม ห้าม ทำมาหาเลี้ยงชีพ ไงครับ

    ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ


    ผมว่าคุณแยกออกไหม ว่า เลี้ยงชีพ กับ การสงเคราะห์ ช่วยเหลือญาติโยม นั้น แตกต่างกัน

    มีภูมิธรรมแบ่งแยกออกไหม

    .


    พระพุทธเจ้าห้าม ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ ครับ

    ถ้าไม่ได้เลี้ยงชีพ แต่เป็นการ สงเคราะห์ ช่วยเหลือญาติโยม มีศีลข้อไหนที่ห้ามไหม ครับ


    ผมว่า ลองพิจารณาดู ก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องแยกให้ออก ครับ

    .
     
  8. zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงทำกี่ครั้งครับ ตามบันทึกนะ พระองค์ได้ทำพร่ำเพรื่อเหมือนพระในสมัยปัจจุบันหรือเปล่า

    แล้วถ้าการทำน้ำมนต์ไม่ใช่ดิรัจฉานวิชา พระพุทธเจ้าท่านจะบัญญัติไว้ในพระวินัยว่าการทำน้ำมนต์เป็นดิรัจฉานวิชาทำไม และการที่จะพูดว่า คนด่าคนทำน้ำมนต์เท่ากับด่าพระพุทธเจ้าเอาง่าย ๆ อย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องอีกแหละ

    พระองค์ทรงบัญญัติเพื่อให้รู้และห้ามปราม
    ธรรมบางอย่าง พระองค์ก็ไม่ได้ทำให้เราเห็น เพื่อที่จะเปิดช่องให้เราวิ่งเข้าไปหาดิรัจฉานวิชา
    แต่เป็นการทำให้เราเห็นว่าถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ก็อาจต้องใช้

    ถ้าเจตนาช่วยคนจริง ๆ ไม่ได้เป็นการเลี้ยงชีพก็ไม่ผิด และถึงไม่ได้ทำเพื่อเลี้ยงชีพก็ไม่ควรทำบ่อย ๆ มันจะทำให้คนศรัทธาพระพุทธศาสนาในทางที่ไม่ถูกต้อง
    ถึงพระพุทธองค์จะไม่ทรงห้ามทำ แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทรงสนับสนุนให้ทำ แถมยังปรามไม่ให้สาวกแสดงฤทธิ์บ่อย ๆ เสียด้วย ฤทธิ์กับ ดิรัจฉานวิชามันก็มาแนวเดียวกันไปแนวเดียวกันนั่นแหละ (ยกตัวอย่าง เหาะให้คนดูเพื่อให้คนศรัทธาในพระพุทธศาสนา คนที่เข้าศาสนาจะหวังแค่เหาะได้อย่างเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็แนว ๆ เดี๋ยวกันกับ ทำวัตถุมงคลเพื่อเรียกความศรัทธา คนที่มาเข้าศาสนามาเข้าเพราะหวังให้วัตถุอะไรบันดาลสิ่งต่าง ๆ ให้หรือเปล่าก็ไม่รู้)
    เมื่อพระองค์ทรงปราม ก็ควรศึกษาให้เข้าใจว่าทำไมพระองค์จึงปรามไว้ การสักแต่ว่าจะทำ ๆ เพราะอยากช่วยคน โดยไม่คำนึงถึงเหตุและผลที่พระพุทธองค์ทรงปรามเอาไว้ก็จะทำให้ส่งผลเสียร้ายแรงกว่าที่คิดครับ ผมคิดแบบนี้ ผมเลยเลือกอยู่ในสายต่อต้านเดรัจฉานวิชา

    การช่วยคนหลายครั้งหลายครามันไม่จะเป็นต้องใช้ดิรัจฉานวิชาช่วยเลย


    เอางี้ละกัน ถ้าทำการสงเคราะห์ผู้อื่น ทำโดยไม่มีใครรู้จะปลอดภัยกว่า
    ทำแบบแอบ ๆ ไว้ แบบปิดทองหลังพระ รู้แค่ผู้ที่ทำคนเดียว

    อย่าวกไปเรื่องพระพุทธเจ้าท่านยังสั่งพระอานนท์ทำต่อหน้าสาวกอีกล่ะ
    สาวกของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาลล้วนเป็นผู้เจริญแล้ว สติปัญญาของพวกเรากับสาวกเหล่านั้นเทียบกันไม่ได้

    ส่วนพระสมัยนี้ก็เชื่อได้บ้างเชื่อไม่ได้บ้างว่าท่านทำเพราะเลี้ยงชีพหรือสงเคราะห์คน เพราะทำมามากมายเหลือเกิน แล้วคนที่ไปกราบไหว้บูชาของเพราะจะได้รับความช่วยเหลืออย่างบริสุทธิใจก็ดี หรือคนที่รับมาบูชาโดยสนใจแต่ความขลังก็ดี จะเข้าถึงพระธรรมกันกี่คน

    อีกอย่างผมไม่ได้ต่อต้านตัวพระ ผมต่อต้านวัตถุ กับดิรัจฉานวิชา

    ธรรมอะไรของพระบางรูปที่สร้างวัตถุใช้ดิรัจฉานวิชาสร้างขึ้นมาได้เทศนา ถ้าเชื่อถือได้ผมก็ฟัง
    ถ้าเชื่อไม่ได้ผมก็ไม่ฟัง และเป็นแค่การฟังธรรมเฉย ๆ ไม่ใช่การคบหาสมาคมเป็นศิษย์อาจารย์
    ส่วนวัตถุใดที่ท่านสร้างด้วยเจตนาอย่างไร เข้มขลังอย่างไร ผมก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งน่ายึดน่าถือเลยแม้แต่นิดเดียว ก็มันศักดิ์สิทธิ์จริง เข้มขลังจริง มีอานุภาพจริง ไม่ได้ลบหลู่
    เพียงแต่ เมื่อท่านรู้กุศโลบายที่สอดแทรกอยู่ในวัตถุมงคลนั้น ๆ แล้ว ท่านก็ทำสิ่งที่ท่านรู้จากกุศโลบายนั้นเสียสิ แล้วท่านก็จะพบว่าของหรือวัตถุมงคลใด ๆ ที่ท่านถืออยู่มันไม่มีประโยชน์ที่แท้จริงใด ๆ ควรแก่การให้ยึดถือ เพราะท้ายที่สุดแล้ว อยากได้อะไรก็ต้องทำเอาเองอยู่ดี

    ดังนั้นวัตถุมงคลใด ๆ มันก็เลยไม่มีค่าสำหรับผมก็เท่านั้น


    ท่านไม่ควรคิดว่าพระพุทธองค์ทำได้เราก็ทำได้ ควรคิดว่า พระพุทธองค์เคยทรงบัญญัติศีลเอาไว้ไม่ให้ทำ หรือแม้แต่จะทำโดยที่ไม่ได้ทำเพื่อเลี้ยงชีพ ก็ดูพระพุทธองค์เป็นแบบอย่างว่าพระพุทธองค์ได้ใช้ดิรัจฉานวิชาบ่อยหรือเปล่า ทำไมท่านไม่ใช้บ่อย ๆ พวกท่านก็ควรคิดควรตรึกตรองตาม

    ผมแยกแยะอย่างนี้

    มีมันก็ดี แต่ไม่มีมันจะดีเสียกว่า คนจะได้ไม่งมงาย ตัดทางที่ไม่จำเป็น มุ่งตรงเข้าสู่ธรรม เฮ้อ
     
  9. TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    ในพระสูตร ..พระพุทธเจ้าท่านทำน้ำมนตร์ไม่ได้เพื่อแจกคนต่างๆ .. ใช่หรือไม่?
    ในพระสูตร ..ท่านทำน้ำมนตร์ ไม่ได้สงเคราะห์เป็นรายคน .. ใช่หรือไม่?
    ในพระสูตร กล่าวว่าการทำมนตร์ก็มีแต่ พระพุทธเจ้า กับ พระอานนท์ เท่านั้น .. ใช่หรือไม่?
    ในพระสูตร ท่านทำตามเหตุตามผล เมื่อหมดเหตุท่านก็หยุดกัน ไม่ได้กล่าวว่ามีการทำน้ำมนตร์ต่อ .. ใช่หรือไม่?
     
  10. zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    1.ใช่
    2.ใช่
    3.เท่าที่ผมอ่านจากบันทึกมา ใช่
    4.เท่าที่ผมอ่านจากบันทึกมา ใช่

    ก็พูด ๆ อยู่ว่ามันเทียบกันไม่ได้กับที่พระยุคนี้สมัยนี้ทำ เฮ้อ ขอบคุณท่าน วิชั่นไมนด์ครับ
     
  11. TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    อย่าว่ายังงี้ยังงั้นเลย .. แม้พระเกจิดังๆ เก่งๆ ที่ท่านไม่ได้ทำวัตถุมงคลของขลังแจก
    ผมก็เห็นว่ามีลูกศิษย์ประชาชน เอาอะไรต่อมิอะไรไปให้ท่านปลุกเสก อยู่ดี ^^

    ถ้าเป็นแบบนี้จะได้ไม่ต้องมีประเด็นมาโทษพระ ดีไหมครับ .. มาโทษที่ประชาชนแทนกันดีกว่า ^^
     
  12. zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    เห็นด้วยครับ บางทีประชาชนก็ใช้พระมากเกินไป ปุถุชนเอาความสุขของตัวเองเป็นประธาน คิดว่าอะไรดีเอาหมด ไม่ว่าจะถูกทางหรือผิดทาง บางทีพระท่านไม่ได้รู้พระวินัยหมดทุกข้อก็คล้อยตามโยมไป ดังนั้นมันก็ไม่แปลกที่สังคมเราจะเป็นอยู่ในแบบนี้

    หรือมันจะมีใครที่คิดว่าพระบ้านเราบวชเข้าไปแล้วจะรู้วินัยทุกข้อครับ
    แม้แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ ท่านก็ไม่ได้ทำตามพระวินัยก็มี ด้วยเหตุผลที่ว่า
    1.ก็บ้านเมืองเรามันเป็นอย่างนี้ เลยปล่อยเลยตามเลย
    2.ครูบาอาจารย์พาทำ โดยไม่คำนึงว่าครูใหญ่ของเราคือพระพุทธเจ้า
    3. 4. 5. 6. ใครนึกออกช่วยคิดเผื่อด้วยนะครับ

    ใช้ปัญญาของท่านเข้าหาพระพุทธเจ้า อย่าใช้ปัญญาของท่านตีตนออกห่างจากพระพุทธเจ้า
     
  13. TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    ถ้าพระท่านไม่รู้พระวินัยทุกข้อ .. ไม่ต้องไปขอให้ท่านปลุกเสกหรอกครับ
    เพราะว่าสมาธิขั้นสูงจะต้องมีจิตที่ละเอียดรอบคอบไม่หลุดเผลอ

    ดังนั้นพระเก่งๆ ท่านจะทำก็มีด้วยเรื่องสงเคราะห์ญาติโยมมากกว่าครับ
     
  14. misterj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2015
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +83
    ถ้างั้นก็ไม่ต่างอะไรจากพวกที่บูชาไฟสิครับ เพราะว่าเราก็คิดว่าน้ำมีคุณต่อเราเหมือนกันพวกบูชาไฟ
     
  15. Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แยกไม่ออกระหว่าง พุทธคุณ กับการบูชาไฟ ก็ปล่อยไปตามกรรม ถ้าคิดได้แค่นี้ ^^
     
  16. misterj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2015
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +83
    เราไปเติมเอาเองหรือเปล่าคำว่าน้ำพุทธคุณ กรรมคือตัวกำหนด ไม่มีน้ำวิเศษที่ไหนช่วยให้ชีวิตเราดีได้หรอก นอกจากกรรมที่เราทำ ตอนคุณเม้นบอกคุณก็บอกเองว่าปล่อยให้เป็นไปตามกรรม แล้วน้ำมนต์มันจะมาช่วยอะไร ^^
     
  17. Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คิดได้แค่นี้ก็ปล่อยไปตามกรรม :cool:
     
  18. misterj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2015
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +83
    ถูกต้องแล้วครับ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม:cool:
     

แชร์หน้านี้