น่าน วาจาออกจากจิตธรรมภูต
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเพียงสมมุติบัญญัติที่ไม่มีอยู่จริงหรือ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 20 มกราคม 2012.
หน้า 14 ของ 16
-
^
อ้าวหลงโทษที เจ๋ง พระพุทธพจน็ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว
ปุถุชนคนหนาด้วยกิเลส สารพัดยึดหมด กายก็ยึด จิตก็ยังชอบยึด
แน่นอน ยึดกายย่อมดีกว่ายึดจิต เพราะกายมองเห็นชัดๆใช่หรือไม่?
ส่วนจิตเป็นต้นนั้น ล้วนเป็นจิตสังขาร ก็ยึดอยู่แล้วในขณะนั้นใช่หรือไม่?
เจริญในธรรมทุกๆท่าน ไม่ต้องหน้าเข้ามาเล่นก็ได้นะ -
-
^
หลงเอ๋ย
ไม่มีจิตดวงไหน ที่จิตหลุดพ้นดีแล้วจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายได้
จิตนั้นจะโง่พอกลับยึดตนเองอีกทำไมใช่หรือไม่?
ถ้ากลับมายึดมั่นถือมั่นตนอีก จะเรียกว่าหลุดพ้นด้วยดีจากกิเลสได้หรือ?
กลัวจริงๆเลยนะคำว่า"เรา" ผู้ที่มีจิตหลุดพ้นด้วยดีแล้ว ใช่เรามั้ย?
พระพุทธพจน์"จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง" ใช่จิตของพระพุทธเจ้าหรือไม่?
อย่าเพิ่งกลัวสิ่งที่เรายังไม่เคยสัมผัส ยังต้องมีเราสัมผัส
ถ้าไม่ใช่เราสัมผัสแล้ว แล้วใครที่ไหนเอามาบอกล่ะ?
เจริญในธรรมทุกๆท่าน -
-
^
อ้าวภาษาไทยชัดๆ ธรรมภูตคุยตรงไหน พระพุทธพจน์คุยต่างหาก
บอกว่าสรุปให้เข้าใจได้ก็พอ ไม่ต้องตีความใดๆเลย
คนที่โง่พอเข้าไปยึดจิตเป็นตนนั้น ก็เพราะไม่รู้จักจิตที่แท้จริง
จิตของใครของมันใช่หรือไม่? ให้กันไม่ได้เสียด้วยใช่หรือไม่?
จะยึดหรือไม่ยึด จิตก็ยังของใครของมัน รับกรรมแทนกันไม่ได้ใช่หรือไม่?
ตอบๆบ้างก็ดีนะ ใช่เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะอะไร?
เจริญในธรรมทุกๆท่าน
-
หลวงปูหลุย จนฺทสาโร
พระอริยเจ้าจิตของท่านแนบสังขารในอวัยวะสังขารของท่านแปรอยู่เสมอ
รู้ทั้งเกิดและดับ ทุกวาระจิตไม่มีเผลอ และท่านรู้เท่าสังขารทุกส่วน จึงเรียกท่านมีสติอันไพบูลย์
คือมีสติเต็มที่ ฉะนั้นภายในจิตท่านไม่มีนึกคิดในทางที่ผิด และท่านไม่ทำบาปในที่ลับและที่แจ้ง
เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ทั้งหลายท่านไม่มีโทษ ท่านรู้แจ้งอริยสัจอยู่ทุกเมื่อทุกขณะ
วิธีแก้บ้า คือให้ชำนิชำนาญ อนุโลมปฏิโลมของจิต ทวนกระแสเข้าจิตเดิม
วางอุเบกขาต่ออารมณ์ทั้งหลาย ๑
สำคัญว่านิมิตทั้งหลายเป็นอาการของจิตนั้น ๑
เป็นของไม่เที่ยง ๑
ให้ยกเป็นธรรมาธิษฐานในนิมิตนั้นสอนจิต ๑
อย่าสำคัญนิมิตทั้งหลายเป็นของดี ๑
อาการเหล่านี้แต่ละอย่างๆ ล้วนแต่แก้นิมิตบ้าทั้งนั้น
หลักสำคัญแก้ได้ด้วยไตรลักษณ์ลบล้างนิมิตทั้งหลายได้
เจริญในธรรมทุกๆท่าน -
-
^
เจ๋งเอ๋ย ถามตรงๆเถอะนะ โง่จริงๆหรือแกล้งโง่ไปอย่างนั้นเอง
ไม่มีใครไม่เคยโง่มาก่อน แต่พอรู้ตามความเป็นจริง(fact)แล้ว
ต้องยอมรับในเหตุผลตามความเป็นจริงซิ
ดวงเดียวเที่ยวไป จิตใครบ้างที่มีอยู่ในตัวมากกว่าดวงเดียว
มีจิตปุถุชนที่ไหนบ้าง ที่ไม่ชอบท่องเที่ยวออกไปหาอารมณ์กิเลสต่างๆ
จิตเป็นต้นนั้นล้วน เป็นจิตสังขารที่ติดอยู่ในอารมณ์ทั้งสิ้นใช่หรือไม่?
การพลิกลิ้นก็คือการปริ้นป้อน กะล่อน หลอกลวงนั้น ก็เห็นๆนะว่าใครกันแน่
ขอให้อยู่ในหลักเหตุผลเถอะ มีหรือจะไม่ยอมรับฟัง
ชนะหรือแพ้ก็ไม่ได้อะไร ใกล้มรรคนิพพานก็ไม่ใช่
เจ๋งเอ๋ย ก็อย่าหัดพลิกลิ้นอีกเลยนะ
เจริญในธรรมทุกๆท่าน
-
ถามอย่างนี้มันไม่เข้าชีวิตซะแว้ว
เมื่อไม่เข้าใจว่าตนโง่อย่างไร กล้าถาม ก็กล้าตอบ
ตอบว่า โง่จริงครับ -
เอ่อ...เอาไงดี แบ่งปัน.........
1.ทาน การให้ การแบ่งปัน
2.ศีล คือศีล 5 รักษาด้วยความศรัทธาธรรม
3.ภาวนา คือสมาธิ หรือกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน หลวงปู่มั่นท่านเคยกล่าวกับหลวงตาบัวว่า ความสุขในสมาธิเปรียบเสมือนเนื้อติดฟัน หลวงตาท่านก็สวนเปรี้ยง! ออกมาว่า "แล้วสัมมาสมาธิจะให้เดินตรงไหน" ผมก็ภาวนาก็ทำสมาธิ ทีนี้เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม มันจะตัน ที่ภาคปัญญาน่ะ เพราะเราก็ติดสมาธิ พอนึกถึงคำของหลวงปู่มั่น จึงได้ถอยสมาธิมาที่ขั้นอัปนาสมาธิ แล้วออกภาคปัญา มันก็รู้ว่า เราก็มีกายและใจ กายคือรูปร่างกาย เป็นอนัตตา ใจคือใจเรานี้แหละ ก็เป็นอนัตตาเช่นกัน เล่าสู่กันฟังนะครับ หลายเดือนมานี้ผมภาวนาหรือปฏิบัติธรรมอย่างหนัก จนร่่างกายอ่อนเพลีย หน้ามืดจะเป็นลม กินอะไรก็ไม่อยากกิน เพราะภาวนาคือการทำงานของสมอง ทีนี้ก็เลยจะพักการปฏิบัติธรรมไว้สัก 1 เดือน กลางเดือนหน้าผมจะกลับมาใหม่ มาเล่าอะไรแบ่งปันกัน เพราะตอนนี้เหนื่อยครับ ขอมีความสุขกับการเล่นอินเตอร์เน็ท กิน และเดินห้าง คิดว่าน่าจะมีธรรมะดีๆมาฝากกันบ้างครับ...ฟางว่าน EGMU... -
-
-
-
อ่านๆ ดูพวกที่ไม่ยึดติดตำรานี่ ก็ยังยึดติดกับความคิดตัวเองอยู่นะ จริงไหม
พวกติดตำราวางซะก็หมด แต่พวกยึดติดความคิดตัวเองจะวางยังไงกัน -
^
เจ๋ง(หลง)เอ๋ย จะมั่วอะไร จงเอาหลักฐานมายันให้ชัดๆหน่อยนะ
ได้พูดที่ไหนว่าอัตตาไปทำให้เกิด คิดเองเออเองก็ได้คนอะไร?55+
เจริญในธรรมทุกๆท่าน -
^
เจ๋งเอ๋ย เพราะอคติประจำใจจึงอ่านแบบสุขเอาเผากิน ระวังลวกปากเอานะ
จิตเป็นต้นนั้น
จิตเป็นต้นนั้น
จิตเป็นต้นนั้น เวรกรรมมีจริง
เจริญในธรรมทุกๆท่าน -
^
เจ๋งเอ๋ย ดีแล้วที่ยอมรับ
โง่ยอมรับว่าโง่ ย่อมฉลาดเข้าได้ซักวัน
โง่ไม่รู้ว่าโง่ อันนี้พอรับได้ อาจหายได้เมื่อถึงเวลามาถึง
โง่ไม่ยอมรับว่าโง่ แบบนี้เรียกแบบชา่วบ้านว่า โง่เขลา โง่ดักดาน โง่ซ้ำซ้อนฯลฯ
แบบนี้ทำไงดี.....ช่วยพิจารณาด้วย ยืมคำพูดมาจากที่อื่น
เจริญในธรรมทุกๆท่าน -
-
จะเน้นจิตเป็น " ต้น " ทำม๊าย
ก็ที่คุยอยู่ ท่านชี้ไปที่ ปุถุชนเห็นกายเป็นตน ยังดีกว่าเห็นจิตเป็นตน
กลับไประลึกช่ติอีกรอบ ไป!
หน้า 14 ของ 16