-
ขณะมีชีวิตไม่เคยทำบุญให้ทานตายจากคนไปเกิดเป็นเปรต
จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
"..คืนวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๓๑ อ่านพระไตรปิฎกเรื่อง พระสารีบุตรถวายทาน ว่า คืนหนึ่งพระสารีบุตรไปแดนเปรต ได้พบเปรตหญิงคนหนึ่งซูบผอม หิวโหยมาก ท่านจึงถามว่า "เมื่อเป็นมนุษย์เธอทำความชั่วทางกาย วาจา ใจ อย่างไรหรือ จึงอดอยากหิวโหยอย่างนี้" เปรตกราบเรียนว่า "เมื่อเป็นมนุษย์ไม่เคยให้ทานเลย จึงเกิดมาเป็นเปรตอดอยากอย่างนี้ ถ้าพระคุณเจ้าจะสงเคราะห์ โปรดถวายทานแด่พระสงฆ์แล้วอุทิศให้ฉัน ฉันจะมีความสุข มิฉะนั้นฉันจะต้องทุกข์อย่างนี้ไป ๕๐๐ ปี"
พระสารีบุตรรับจะสงเคราะห์เธอ รุ่งขึ้นจึงถวายข้าวหน่อยหนึ่งประมาณเท่าฝ่ามือ นํ้าหนึ่งขัน ถวายแด่พระรูปหนึ่งแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เธอ เมื่อท่านอุทิศแล้ว รูปกายเธอสวยทันทีเป็นนางฟ้าที่สวยงามพร้อมเครื่องประดับแพรวพราว มีวิมานสวย เธอเข้ามาหาพระสารีบุตร ท่านถามเธอว่า "เธอมาจากไหน วิมานสวย รูปสวยมีเครื่องประดับสวย เธอทำบุญอะไรไว้ในสมัยที่เป็นมนุษย์" เธอตอบว่า "ฉันเป็นหญิงเปรตที่พระคุณเจ้าไปพบที่แดนเปรตเมื่อคืนวานนี้ และเมื่อเช้านี้พระคุณเจ้าได้ถวายทานแด่พระสงฆ์รูปหนึ่งด้วยข้าวฝ่ามือหนึ่ง นํ้าขันหนึ่ง อุทิศส่วนกุศลให้ฉัน ด้วยบุญเพียงเท่านี้เป็นเหตุให้ฉันมีรูปเป็นทิพย์ มีเครื่องประดับอันเป็นทิพย์ มีวิมานทิพย์ที่สวยงาม" เมื่อกราบเรียนแล้วเธอก็ลากลับไป
เรื่องนี้แสดงว่า การให้ทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ถ้าผู้ให้บริสุทธิ์คือ มีศีล
สมาธิ ปัญญาดี วัตถุทานบริสุทธิ์คือของที่หามาได้โดยชอบธรรม ผู้รับบริสุทธิ์เป็นพระอรหันต์ มีผลสมบูรณ์แบบนี้ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งย่อหย่อน ผลที่จะพึงได้ก็บรรเทาเบาบางลงไปบ้าง แต่คิดว่าไม่ไร้ผลเสียเลย แต่ถ้าให้แก่คนไร้ศีล จะอยู่ในเพศไหนก็ตามไม่ให้เลยดีกว่า เพราะไม่มีอานิสงส์ให้ผู้รับ
การถวายทานกับพระ ไม่จำกัดว่ามีของมากหรือของน้อย มีอานิสงส์ทั้งหมด เว้นไว้แต่พระที่รับไม่มีศีล ถ้าเป็นอย่างนั้นท่านไม่มีผลแน่นอน (จากพระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ หน้า ๑๕๙).."
-