ผืนนี้มีผู้บูชาไปแล้วครับ ท่าน
พระสิวลีลป.โต๊ะเสกขุนแผนยอดขุนพล ลพ สวาทวัดโป่งจันทร์ล๊อคเก็ตและขุนแผนรุ่นแรกลพ.สม โพธิ์ทอง
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.
หน้า 16 ของ 102
-
-
-
หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป วัดคำแคนเหนือ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
ประวัติพระเกจิ
หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป วัดคำแคนเหนือ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
หลวงปู่มหาโส ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๘ (เวลาตีสอง) ณ บ้านก่อ ต.หนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี (บ้านเดียวกับพระอาจารย์บุญ ปัญญาวุโธ, พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม, และ หลวงปู่พระมหาสีทน กาญจโน) นามสกุลเดิมของท่านคือ ดีเลิศ
โยมบิดาชื่อ เคน โยมมารดาชื่อ ค้ำ มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๙ คน คือ
๑. นางพิมพา
๒. นางทุมมา
๓. นางสีทา
๔. นางสีดา
๕. นางทองสา
๖. หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป
๗. นายพรหมมา อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านก่อ
๘. นางวรรณา
๙. นายสง่า ดีเลิส อดีตสหกรณ์อำเภอม่วงสามสิบ
บรรพชา
ในปี พ.ศ.๒๔๗๗ หลวงปู่มหาโส เมื่อมีอายุ ๑๙ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรกับหลวงปู่อุปัฌชาย์อ่อน ที่วัดบ้านก่อ (บ้านเกิดท่าน) เป็นการบวชหน้าไฟให้โยมมารดาซึ่งถึงแก่กรรมลง ตั้งใจจะบวชเพียง ๓ พรรษา แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ครบกำหนดแล้ว ก็ธรรมทำความรู้ในพระธรรมวินัยด้านปริยัติแตกฉาก จนสอบได้ นักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก ติดต่อกันมาทุกปี จนทำให้มีศรัทธาบวชต่อ
ลุถึงปี พ.ศ.๒๔๗๘ อายุครบ ๒๐ ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา โดยมีพระอุปัชฌาย์อ่อน เป็นพระอุปัฌชาย์ที่วัดบ้านเกิดนั่นเอง และได้จำพรรษาอยู่ที่นั่น
หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป วัดป่าคำแคนเหนือ อ. มัญจาคีรี. จ ขอนแก่น
หลวงปู่มหาโส กัสสโป ท่านไม่เคยพบกับหลวงปู่มั่นโดยตรง แต่ก็มีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูมพันธุโล) วัดป่าโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐาน และเป็นพระอุปัฌชาย์ผู้ญัตติเป็นธรรมยุติให้หลวงปู่ด้วย และท่านก็ยังมีท่านพระอาจารย์มหาสีทน กาญจโน พระวิปัสสนากรรมฐานผู้เป็นเสาหลักใหญ่ของจังหวัดขอนแก่นในขณะนั้น คอยสอนกรรมฐานให้หลวงปู่มหาโส เมื่อครั้งพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม พาหมู่คณะพระกรรมฐานมาจำพรรษาเพื่อเผยแผ่ธรรมะในจังหวัดขอนแก่น ระยะประมาณ พ.ศ.๒๔๗๒ – ๒๔๗๕ พระอาจารย์มหาสีทน ก็ได้ฝากหลวงปู่มหาโส และ หลวงปู่สิงห์ สุขปัญโญ (พระวิจิตรธรรมภาณี) อดีตเจ้าคณะ จ.อุบลราชธานี เป็นศิษย์พระอาจารย์สิงห์ด้วย
ล่วงเข้าปี พ.ศ.๒๔๘๐ ท่านได้กราบลาพระอุปัฌชาย์อ่อน ออกเดินทางติดตามพระอาจารย์มหาสีทน กาญจโน (ซึ่งเป็นญาติกันด้วย) โดยมีจุดหมายปลายทางที่ จ.อุดรธานี เมื่อเดินทางถึง จ.อุดรธานี
หลวงปู่พระมหาสีทน ได้นำท่านไปเปลี่ยนยัตติเป็นพระธรรมยุต ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๐ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี ท่านเจ้าคุณพระเทพกวี (จูม พันฺธุโล) ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระธรรมเจดีย์ เป็นพระอุปัฌชาย์ มีพระครูสาสนูปกรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อญัตติแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์
หลวงปู่พระมหาโส เป็นพระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยปฏิบัติตามคำสอนขององค์ศาสดามาโดยตลอด ท่านแสวงธรรมทั้งในด้าน ปฏิยัติ (แสวงหาความรู้) ปฏิบัติ (แสวงธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า) ปฏิเวธ (แสวงหาธรรมด้วยปัญญาของตนเองเพื่อแสวงหาวิโมกติสุข)
ถึงเวลาต่อมาในพรรษาที่ ๑๒ ท่านก็ได้แตกฉากบาลี จนสอบเปรียญธรรมสนามหลวงเป็น “พระมหา” ได้สำเร็จ และในปีเดียวกันก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดศรีหมากหญ้า อ.เมือง จ.อุดรธานี ด้วย แต่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้เพียง ๔ ปี หลวงปู่มหาโส ก็สละตำแหน่งเจ้าอาวาส และออกธุดงค์ต่อเพื่อแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “พ้นจากวัฏสงสาร” อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาต่อไป
หลวงปู่มหาโส กัสสโป แห่งวัดป่าคำแคนเหนือ ตำบลคำแคน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ท่านละสังขารลงเมื่อวันอังคารที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๙ เมื่อเวลา ๑๒.๒๐ น.
สิริอายุ ๑๐๐ ปี ๓ เดือน ๘ วัน พรรษา ๗๙ (นับจากญัตติธรรมยุต)
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ล็อกเก็ตรุ่นเลข ๑ หลวงปู่มหาโสวัดป่าคำแคนเหนือ ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือj&tหรือเคอรี่
-
พระผงรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยวัดพระธาตุสบฝาง หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกและพิธีใหญ่ปี 2518
ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
-
-
-
พระผงสมเด็จรุ่นนี้ เป็นพระผงที่รวบรวมมวลสาร ต่างๆ อย่างมากมาย เช่น ผงเก่าๆ ชานหมากอันศักดิ์สิทธิ์ ผงธูป เกษา น้ำมนต์ และ ผงพุทธคุณต่างๆ...หลวงพ่อโอดอธิษฐานจิตเดี่ยว ทุกเช้าค่ำ ในกุฏิ ให้อย่างเต็มที่ 1 ไตรมาส . องค์ที่๒ ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry(ปิดรายการ)
-
บัตรพระพุทธมหามงคลบพิตรและเหรียญ ลป.คำพันธ์ หลังยันต์สมปราถนา ลป.คำพันธ์ ปลุกเสกให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่ ส่งด่วนครับ
-
พระสมเด็จรุ่นแรก (รุ่นเมตตามหาลาภ) หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ วัดใหม่ จ.นครสวรรค์
ผู้มีตาดีได้ขอเมตตาหลวงปู่แทงจิตเพื่อจับพลังพุทธคุณในพระสมเด็จรุ่นนี้และขอให้หลวงปู่ท่านเมตตาเปิดไม่ให้ปิด ปรากฎว่าหลวงปู่ท่านเมตตาเปิดเต็มที่เลยทีเดียว
ผู้สัมผัสท่านนี้บอกว่าในพระสมเด็จรุ่นนี้ พลังแรงดีมาก กระแสพลังแผ่กระจายเหมือนพลังระเบิดนิวเคลียร์ ม่านพลังหนามาก มีพุทธคุณทางมหาโภคทรัพย์มหาลาภ มหาโชคมหาลาภ
ดึงดูดโชคลาภ เสี่ยงโชคเสี่ยงลาภ ค้าขาย เมตตามหานิยม ป้องกันภัยอันตราย แคล้วคลาดจากภัยอันตราย หนุนดวงชะตา เสริมบารมี เป็นสง่าราศี เข้าหาผู้ใหญ่เมตตา
อธิษฐานขอพรทำน้ำมนต์ ป้องกันคุณไสย แก้อาถรรย์ ล้างคุณไสย เตือนภัย นะจังงัง ป้องกันโรคภัย ส่งเสริมการปฏิบัติธรม ป้องกันภัยทางธรรมชาติกันลมกันฟ้า รัศมี 35 เมตร
กำกับด้วยญานบารมีพระเบื้องบนพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ เทพเทวดา วัตถุมงคลหลวงปู่บุญศรี มีเทวดารักษาในองค์พระ
วัตถุมงคลหลวงปู่บุญศรี เปรียบเสมือนพลังงานมีชีวิต สามารถหลบได้ เปิดปิดได้เหมือนสวิทช์ไฟ หากใครที่นึกอยากจะจับโดยไม่มีความเคารพนอบน้อม
ก็จะไม่สามารถสัมผัสหรือจับพลังในวัตถุมงคลนั้นได้ ของจริงต้องแบบนี้ พระที่จะเสกวัตถุมงคลให้ได้แบบนี้นั้นหายากมากๆๆๆๆ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จรุ่นแรกหลวงปู่บุญศรีเมตตามหาลาภให้บูชา 800 บาทครับค่าจัดส่ง 30 บาทระบบflashหรือ j&t หรือ kerry
-
เหรียญพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) หลังหนุมาน ปี 2537 สื่อสารทหารอากาศ จ.เชียงใหม่ จัดสร้าง
ปลุกเสก พิธี 60 ปี ธรรมศาสตร์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
พิธีพุทธาภิเษก โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุหร่าย สมเด็จพระสังฆราช ทรงจุดเทียนชัย
และพระคณาจารย์สายกรรมฐานวัดป่าและพระเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศนั่งปรกปลุกเสก และหลวงพ่ออุตตมะดับเทียนชัย
พระคณาจารย์ทุกสายจากทั่วประเทศ
-พระเทพวัชรธรรมาภร (หลวงพ่อสุรพงษ์) วัดตรีทศเทพ
-พระปริยัติมุนี (หลวงพ่อชูศักดิ์) วัดหงส์รัตนาราม
-พระญาณสมโพธิ (หลวงพ่อขวัญ) วัดอรุณฯ
-พระครูปริยัติคุณาธาร (หลวงพ่ออัมพร) วัดชนะสงคราม
-พระราชวัฒนาพระ (หลวงพ่อฟู) วัดเวฬุราชิณ
-พระราชปริยัติวิธาน (หลวงปู่บุศย์) วัดดาวดึงษาราม
-พระครูพิศาลพัฒนาพิธาน (หลวงพ่อสมชาย) วัดปริวาศ
-พระสมุห์วีระ วัดอัปสรสวรรค์ ชลบุรี
-หลวงปู่เหล็ง วัดโคกเพาะ
-หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา อยุธยา
-หลวงปู่สาย วัดขนอนใต้
-หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย
-หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
-หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
-หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรย์
-หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
-หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม สิงห์บุรี
-พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ) วัดอัมพวัน อ่างทอง
-หลวงปู่มหาทองใบ วัดอบทม ชัยนาท
-หลวงพ่อผล วัดดักคะนน สมุทรสงคราม
-หลวงพ่อหยด วัดแก้วเจริญ
-หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ ประจวบคีรีขันธ์
-หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก ปทุมธานี
-หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม นนทบุรี
-หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย ฉะเชิงเทรา
-หลวงพ่อจาง วัดนครเนื่องเขต
-พระอธิการสมชาย วัดโพรงอากาศ นครปฐม
-หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
-พระครูสมุห์อวยพร วัดดอนยายหอม ราชบุรี
-หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ สุพรรณบุรี
-หลวงพ่อดี วัดพระรูป
-หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง
-หลวงปู่สวิง วัดเสาธงทอง กาญจนบุรี
หลวงพ่ออุตมะ วัดวังก์วิเวการาม
-หลวงปู่ผล สำนักสงฆ์เขารักษ์ นครพนม
-หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย ร้อยเอ็ด
-หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง อุบลราชธานี
-หลวงปู่พรหมา สำนักสงฆ์สวนหินผานางลอย นครศรีธรรมราช
-หลวงปู่แก้ว วัดเขาปูน
-หลวงปู่เนื่อง เลย
-หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน หนองคาย
-หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญญบรรพต
-พระอาจารย์อุทัย วัดถ้ำพระภูวัว อุดรธานี
-หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด
-หลวงปู่จันโสม วัดป่าจันทรังสี
-หลวงปู่ลี วัดภูผาแดง
-หลวงปู่คำพอง วัดถ้ำกกดู่
-หลวงปู่เพียร วัดป่าหนองกอง
-พระอาจารย์บุญมี วัดป่านากูล
-พระอาจารย์อินทร์ สกลนคร
-หลวงปู่อุ่นหล้า วัดป่าแก้วชุมพล หนองบัวลำพู
-หลวงพ่อบุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล นครราชสีมา
-หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน พิจิตร
-หลวงปู่จันทรา วัดป่าเขาน้อย ลำปาง
-หลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส เชียงใหม่
-พระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก
และได้ให้ลพ.เกษม เขมโก ปลุกเสกให้อีกวาระหนึ่ง
ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระบูชา 500 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t
-
หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
◎ ถือกำเนิด
หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๘ ปีกุน ในตระกูลชาวนา เป็นบุตรของ นายพรหม และ นางพันธ์ ตามภานนท์ ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖ ณ ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยบิดาของท่านเป็นพระภิกษุถึง ๒๐ พรรษา เป็นพระนักเทศน์ที่ได้รับความเคารพนับถือจากภิกษุอื่น นอกจากนั้นยังเป็นสมภารปกครองหลายวัด ถึงแม้ว่าโยมบิดาจะสึกมามีครอบครัวแล้วก็ตาม พระภิกษุอื่นก็ยังเคารพโยมบิดาในฐานะของอาจารย์เสมอมา โยมบิดาท่านปฏิบัติตัวอยู่ในศีลในธรรมเสมอๆ ประกอบทั้งได้อบรมลูกๆ ให้มีความเคารพต่อพระบรมศาสดา สอนให้ละการเบียดเบียนบุคคลอื่นด้วยกาย วาจา และใจ และชี้แนะแนวทางในการช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยพรหมวิหาร ๔
◎ ในช่วงสงครามโลก
ในราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๘ ขณะที่ท่านอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียนนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น หลังจากสงครามสงบลงใหม่ๆ ภายในหมู่บ้านได้เกิดอาการไข้แพร่เชื้อติดต่อกัน ในจำนวนผู้เป็นไข้นั้นมีตัวท่านเอง น้องชายของท่าน เพื่อนเล่นของท่านและเด็กคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มียามารักษา เพราะว่าหลังสงครามขณะนั้นยาหายากมาก อาการไข้ของน้องชายและเพื่อนของท่านทวีขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ และถึงแก่ความตายในที่สุด ความตายนี้มาพรากน้องชายและเพื่อนของท่าน ทำให้ท่านเสียใจอย่างสุดซึ้ง ได้บังเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งเข้ามาในจิตใจของท่าน
◎ สิ่งอัศจรรย์เกิด
ในขณะที่ใคร่ครวญพิจารณาศพเพื่อนและน้องชายด้วยใจจดใจจ่อ ได้บังเกิดเป็นฝ้าขาวบางแผ่กระจายไปทั่วบริเวณและได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเดินผ่านหน้าท่านไปอย่างช้าๆ ทำให้ท่านหวนคิดไปว่า ผู้หญิงคนนั้นเขามีสิ่งใด เขาจึงเดินได้ เคลื่อนไหวได้ แล้วเพื่อนของเราขาดสิ่งใด จึงเคลื่อนไหวไม่ได้ ในขณะที่คิดพิจารณาอยู่กับการตายของน้องและเพื่อนนั้น จิตเริ่มค่อยๆ ลงสู่ความสงบพร้อมกับฝ้าขาวค่อยๆ หนาขึ้น หนาขึ้น จนกระทั่งเห็นสีขาวเต็มไปหมด นานเท่าไรไม่ทราบได้ จิตจึงเริ่มถอนออกมา รับรู้สภาพภายนอก ทบทวนย้อนหลังกลับไปถึงสาเหตุของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความคิดที่พิจารณาถึงความตาย หลังจากนั้นเป็นต้นมาในดวงใจของท่านเหมือนมีสิ่งมาดลใจไปให้ท่านอยากบวชเสมอมา
กุศลดลใจ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอีกสิ่งคือ เสียงเด็กร้องไห้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าท่านได้ยินเมื่อไร จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยมีดคม ต้องหลีกให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ จนไม่ได้ยินเสียง มูลเหตุนี้ทำให้ท่านคิดว่า สมมติว่าเราแต่งงานมีลูก ถ้าลูกร้องแล้วเราเจ็บปวดอย่างนี้ เราจะเข้าไปหาลูก หรือเราจะหนีลูก ได้รับคำตอบมาทันทีว่า เราต้องหนี และถ้าเราหนีขณะที่ลูกร้องจะตาย ใคร ๆ เขาจะว่าเราบ้า เพราะมันไม่ใช่พ่อคนแล้ว พ่อสัตว์แน่ๆ
◎ เข้าพิธีอุปสมบท
เมื่อท่านพิจารณาเช่นนั้น ท่านจึงตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ขอแต่งงานเด็ดขาด ยิ่งเป็นการสนับสนุนความคิดเดิมที่จะบวชให้ทวียิ่งขึ้นไปอีก หลังจากนั้นมา ท่านก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์ของพระครูประภาส ภูมิสถิต วัดคงคาสวัสดิ์ ที่ท่านเล่าเรียนหนังสืออยู่ ได้ติดสอยห้อยตามพระครูไปในสถานที่ต่างๆ ในกรณีที่ท่านมีกิจนิมนต์เทศน์ และปรนนิบัติท่านพระครูด้วยดี ในยามว่างจากการปรนนิบัติแล้ว ท่านพระครูมักจะไล่ให้ท่านลงไปพิจารณากรรมฐาน โดยให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทุกๆ คืน นอกจากนี้ ท่านยังได้ศึกษาด้านปริยัติและได้นำบทเรียนที่เกี่ยวกับการทำกสิณมาปฏิบัติจนกระทั่งท่านมีความชำนาญในฝ่ายสมถะมากพอสมควร
ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดคงคาสวัสดิ์ ต.คงคาสวัสดิ์ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี ท่านพระครูประภาส ภูมิสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เจิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระปลัดเกตุ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้อยู่ศึกษาด้านพระปริยัติธรรม ๑ ปี แล้วย้ายไปอยู่วัดวิชิตสังฆาราม ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อศึกษาทางด้านภาษาบาลี แต่เรียนไม่จบ เนื่องจากท่านเป็นเนื้องอกในจมูก จึงได้กลับมาศึกษานักธรรมเอกที่วัดคงคาสวัสดิ์ดังเดิม และออกธุดงค์ในเวลาต่อมา
◎ วาตภัย ที่แหลมตะลุมพุก
ราวปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ หลังจากที่ท่านและสหายได้เดินทางกลับจากธุดงค์ เพื่อจะสอบนักธรรมและสอบได้ในคราวนั้นแล้ว ปีนั้นได้เกิดวาตภัยครั้งใหญ่ที่แหลมตะลุมพุก ที่ อ.ปากพนัง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตคนสัตว์อย่างมากมาย มีการทยอยนำศพมาตั้งไว้ที่วัดคงคาสวัสดิ์นั้นมากมายเต็มศาลา ทำให้ท่านรำพึงว่า..
“มนุษย์เราไม่ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โต ร่ำรวยมหาศาล สวยหรืองาม ทุกข์ยากลำเข็ญเพียงใด ก็หนีความตายไม่พ้น เมื่อตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ เกิดตายเช่นนี้ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชาติ ศีล สมาธิ และปัญญาเป็นทางไปแห่งความไม่ตายที่นิจนิรันดร์”
เสียงหนึ่งผุดกังวานขึ้นในใจ เป็นเหตุให้ท่านเบื่อหน่ายต่อความเกิด มุ่งที่จะปฏิบัติอย่างเต็มกำลัง
เมื่อดำริเช่นนั้นแล้วจึงได้จัดเตรียมบริขาร และชักชวนพระสหายออกเดินธุดงค์แถบป่าเขา จ.นครศรีธรรมราช อีกครั้ง ท่านได้ไปลาโยมพ่อ โยมพ่อแสดงความห่วงใยและแนะนำให้ไปนมัสการพระบรมธาตุ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนออกเดินทาง ท่านก็ได้รับปาก จังหวะเดียวกันนั้นท่านได้รับนิมนต์ให้ไปฉันที่วัดทับโคก และได้พบกับท่านพระอาจารย์อุดม สมถกิจ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ท่านได้บอกความตั้งใจที่จะธุดงค์ พระอาจารย์อุดมก็เห็นดีด้วย เพราะคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากการธุดงค์ พร้อมกันนั้นพระอาจารย์อุดมได้แนะนำให้ท่านเดินทางไปกราบนมัสการพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่วัดชายนา หาแนวทางในการปฏิบัติไว้เป็นพื้นฐานเสียก่อนจะไปธุดงค์ พระอาจารย์สุทัศน์ก็เห็นด้วยกับคำแนะนำนั้น ได้เป็นศิษย์รุ่นแรกของพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร พระครูภาวนานุศาสก์
◎ ให้สัจจะ ปฏิบัติสู่ความรู้แจ้งในขันธ์ ๕
ในวันมาฆบูชานั่นเอง เป็นวันที่หลวงพ่อสุทัศน์ และพระอาจารย์บัญญัติ ได้เดินทางไปทำการนมัสการพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ด้วยการเวียนเทียนและเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอีกที่หนึ่งคือวัดชายนา ครั้งแรกที่ท่านพบพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ขณะนั้นท่านกำลังทำการสอบอารมณ์แม่ชีอยู่และได้มีการการไต่ถามข้อที่กล่าวด้วยมรรคมีองค์ ๘ โดยพระอาจารย์ใหญ่เป็นผู้ถามและแม่ชีน้อยเป็นผู้ตอบ
หลวงพ่อสุทัศน์ ท่านยืนฟังและพิจารณาตามจนจิตเกิดความสงบนึกนิยมชมชอบในตัวพระคุณอาจารย์ใหญ่และคำตอบของแม่ชีน้อยที่โต้ตอบไป พลางรำพึงในใจว่า เราเรียนนักธรรมมายังตอบไม่ได้ลึกซึ้งอย่างนี้เลย เมื่อได้โอกาสแล้ว พระอาจารย์สุทัศน์จึงเข้ากราบเรียนจุดประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้ ซึ่งพระคุณอาจารย์ใหญ่ก็รับด้วยความยินดี พร้อมกับแจงการปฏิบัติของท่านว่า
การปฏิบัติให้จับอิริยาบถทั้ง ๔ คนเรามี การยืน การเดิน การนั่ง การนอน ทุกคน แต่ไม่มีใครเลยที่ตามจับความรู้สึกในอิริยาบถทั้ง ๔ ให้ใช้ความเพียรพยายามในการติดตาม อย่าย่อท้อ”
อุบายการสอนของพระคุณอาจารย์ใหญ่สอนเพียงสั้นๆ แต่กินใจของหลวงพ่อสุทัศน์อย่างลึกซึ้ง เหมือนหนึ่งส่องไฟที่มีดให้สว่าง หงายของคว่ำให้แจ้ง บังเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ได้ให้สัจจะต่อหน้าพระคุณอาจารย์ใหญ่ว่า
“ตราบใดที่ผมได้ปฏิบัติอยู่ในสำนักนี้ ถ้าไม่แจ้งในขันธ์ ๕ นี้จะไม่ขอพูดกับใคร”
ท่านได้ตั้งใจปฎิบัติโดยมีพระคุณอาจารย์ใหญ่คอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด จนท่านพิจารณาเห็นว่าท่านพอจะมีสติและปัญญาเป็นเครื่องคุ้มครองตัวได้ พร้อมกับมีศรัทธาเชื่อมั่นในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสูงยิ่ง ท่านจึงปรารถนาที่จะไปนมัสการพระเจดีย์ชเวดากองที่ประเทศพม่า ที่เชื่อว่ามีพระเกศาของพระพุทธองค์ประดิษฐานอยู่ จึงได้ออกธุดงค์พร้อมพระสหายในปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ นั่นเอง
◎ รับหน้าที่ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระโจมทอง
ปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ ท่านกลับจากธุดงค์ในประเทศพม่า โดยได้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ. พระเจดีย์ชเวดากองแล้ว ท่านก็ได้เข้ากราบนมัสการพระครูประภาส ภูมิสถิต และเดินทางเข้ากราบพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร แล้วได้รับมอบหมายจากท่านพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ให้ช่วยอบรมพระภิกษุและฆราวาสที่วัดอัมพวัน เขตดุสิต กรุงเทพฯ
ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ ท่านอาจารย์สุทัศน์เป็นกำลังสำคัญร่วมกับพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร จัดประชุมสัมมนาพระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศครั้งที่ ๑ โดยสมเด็จพระสังฆราชปุน ปุณณสิริ ขณะดำรงตำแหน่งเป็น พระวันรัตน์ประธานเมตตาเปิดการประชุมครั้งนี้ เป็นไปเพื่อการเผยแพร่และยืนยันการเจริญวิปัสสนากรรมฐานในแนวสติปัฏฐาน ๔ ถือเป็นจุดเริ่มที่น่าภูมิใจ
ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ สมเด็จพระสังฆราชปุน ปุณณสิริ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระวันรัตน์ได้ประทานพื้นที่รกร้าง มีโบราณสถานเป็นลักษณะโบสถ์ มีพระพุทธรูป ๓ องค์ สันนิษฐานว่าเป็นโบราณสถานสมัยอู่ทองยุคต้น ให้แก่พระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร เพื่อพิจารณาพัฒนาให้เป็นสถานที่เพื่อการเผยแพร่การปฏิบัติธรรมและให้เป็นที่พึ่งพิงแก่ชาวบ้าน พระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร จึงมอบหมายให้พระอาจารย์สุทัศน์ โกสโล ศิษย์คนสำคัญเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ซึ่งก็คือ วัดกระโจมทอง ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จนถึงปัจจุบัน
ขอขอบคุณที่มาท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ
พระสมเด็จหลวงพ่อสุทัศน์วัดกระโจมทองให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบแฟลชหรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)
-
เรื่องดี บอกต่อกันไป
เศรษฐี เรือทอง หลวงพ่อแบน จันทสโร
วัดพุน้อย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เรือ โชคลาภ เลือกเจ้าของ อาถรรพ์ แม่ตะเคียนทอง ที่มีคนกล่าวขาน กันมากที่สุด พุทธคุณ ด้านเดียว กับ พญานกถึดทือ ไม่เชื่อลองดู
ศักดิ์สิทธิ มีจริง เชิญ พิสูจน์ ที่วัด
ประวัติ หลวงปู่แบน (จนฺทสโร) วัดพุน้อย
หลวงปู่แบน จนฺทสโร เดิมจำพรรษา วัดตาลเจ็ดชื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เริ่มจำพรรษา อยู่ที่วัดพุน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2513 หลวงปู่แบนมีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยม ด้วยยาแผนโบราณ และเริ่มนำ ชาวบ้านพุน้อย ก่อสร้างเสนาสนะ
หลวงปู่แบน เริ่มจำพรรษาอยู่ ที่วัดพุน้อยเมื่อ พ.ศ. 2513 ขณะนั้นมีพระจำพรรษา อยู่ 3 รูป หลวงปู่แบน มีความรู้เรื่อง ยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยม ที่เจ็บป่วยด้วยยาแผนโบราณ
หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุก เสก สร้าง
“เรือ แม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีต
หลวงปู่แบน ท่านชอบเรียนทาง วิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป็นพระ ท่านจึงได้แตกฉานในวิชา แขนงนี้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2516 หลวงปู่แบน ท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ จากชาวบ้านซึ่ง ได้ขุดพบฝังอยู่ในดิน เป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง
ครั้นเมื่อไปถึงหลวงปู่แบน ท่านก็ได้อัญเชิญวิญญาณของแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเป็นรุกขเทวดา ที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง ให้มาสร้างบารมีอยู่ที่วัดพุน้อยด้วยหลังจากได้นำเอาตะเคียนทองใหญ่ มาไว้ที่ วัดพุน้อย ก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น
เมื่อญาณของแม่ตะเคียนทองได้เข้าไป ในนิมิตของหลวงปู่แบน ว่า
“อยากจะร่วมสร้างบารมีบุญกับหลวงปู่ด้วย !!!”
โดยแม่ตะเคียนทองได้ขอ ให้หลวงปู่แบนเอาต้นตะเคียนทองที่ตนอาศัย อยู่นั้นมาทำ เป็นเรือแม่ตะเคียนทอง เพื่อหลวงปู่จะได้นำเรือนี้ ไปช่วยเหลือผู้คนในด้านทำมาหากิน ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น และด้วยนิมิตดังกล่าว
หลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็ได้นำเอา ตะเคียนทองใหญ่นั้นมาทำเป็นเรือสำปั้น ปลุกเสกด้วย คาถาเมตตาทำมาหากินคล่อง และอัญเชิญ ญาณบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย (ซึ่งเป็นรุกขเทวดา) ได้สถิตอยู่ในเรือทุกลำ
ครั้นเมื่อ ญาติโยม
ผู้ใดอยากจะได้ไปบูชาก็ต้องทำพิธีรับเรือ
ด้วยตนเอง และ อัญเชิญบารมี แม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย เพื่อจะได้ช่วยดลบันดาลให้ กิจการงาน ทำมาหาหากิน ค้าขาย เจริญรุ่งเรืองประสบผล สำเร็จ
ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮา อัศจรรย์จริงๆ เพราะ ถ้าหาก ว่า ใครสามารถ ที่จะยกเรือขึ้นได้ ทางวัดจึง
จะให้บูชาไปได้ ถ้าหากใครยกไม่ขึ้น วันหลังถึงค่อยมายกใหม่
หรือจนกว่า จะยกขึ้น ทางวัดจึงจะ ให้บูชาไป ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า แม่ตะเคียนทองเค้ายังไม่ยอม ให้กับเรา หลวงปู่แบน ท่านว่าอย่างนั้น ปัจจุบันแม้ท่านหลวงปู่แบน จนฺทสโร ท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังมีศิษย์ก้นกุฏิ ที่ยังสืบสาน วิชาการ ทำเรือตะเคียนทองขึ้นมาจนโด่งดัง ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ
ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อย รูปปัจจุบัน และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะ ตำบลหนองเมือง ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด หลวงปู่แบนมาก ในสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ ด้วยเหตุที่ท่าน เป็นพระปฏิบัติดี นักพัฒนา และมีเมตตา หลวงปู่แบน ท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาการ ทำเรือแม่ตะเคียนทอง อันเป็นต้นตำรับ ที่ท่านมีอยู่จนหมดสิ้น และที่กล่าวมา ทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของ
ประวัติหลวงปู่แบน จนฺทสโร และรวมถึงอภินิหารของ เรือแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเจ้าอาวาสวัดพุน้อย องค์ปัจจุบันคือ ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน ซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาการปลุกเสกทำเรือแม่ตะเคียนทองแบบต้นตำรับ อาถรรพณ์ จากหลวงปู่แบน ได้ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง สามารถพิสูจน์ได้
ถ้าใครไปเข้าพิธีรับเรือ แล้วยกเรือไม่ขึ้น ทางวัดจะไม่ให้บูชาไป
แต่ถ้าใครสามารถยกเรือขึ้นได้ ทางวัดก็จะให้บูชากลับบ้านไป ซึ่งนั่นก็หมายถึง บุคคลผู้นั้นมีวาสนาบุญบารมี
รุกขเทวดาที่อาศัย ในต้นตะเคียนทอง อยากที่จะไปทำให้ท่านมีโชคลาภ ทำมาค้าขาย เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง
เรือแม่ตะเคียนทอง หลวงปู่แบน จนังทสโร อดีตเจ้าอาวาส วัดพุน้อย
สวยสมบรูณ์ ความยาวเรือ 35 เซนติเมตร พร้อมธง 2 สีของแรง
ด้านโชคลาภ และค้าขายสุดยอด มาก ใครได้เป็นเจ้าของแล้ว จะไม่ยอมขาย แม่ หรือ ใครให้ราคาแพงก็ตาม ตอนนี้ของใหม่ เช่าจากวัด ลำขนาด นี้ต้องมี 6-7พัน ถึง หมื่น สอง หมื่น
ประวัติ วัดพุน้อย 3 หมุ่ที่ 1 ต.ชอนม่วง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี แต่เดิม พุน้อย เป็นชื่อของ น้ำที่ผุด ขึ้นมาคล้ายน้ำพุ ตลอดทั้งปี ไม่มีวันแห้ง จึงเป็นชื่อเรียกขานหมู่บ้านแห่งนี้ วันที่25 เมษายน พศ 2515 หมอเคลือบ และนาง บุญมา เหมือนเอี่ยม ได้มอบถวายที่ดิน จำนวน 6 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา เพื่อสร้างวัดพุน้อย หลวงพ่อชื้น บุญยกาโม นำชาวบ้านพุน้อย
ร่วมก่อสร้าง ได้ 4 พรรษา ท่านจึงมรณภาพ ต่อมาปี พศ.2519
หลวงปู่แบน จนฺทสโร มาอยู่จำพรรษา และ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 15 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา จนกระทั้งท่านได้มรณภาพลงเมื่อ
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2543 ในขณะที่ หลวงปู่แบน จันทสโร
ท่านเป็นเจ้าอาวาส นั้น ได้ร่วมกับชาวบ้าน พุน้อยพัฒนาวัดจน เจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว ทำให้วัดที่ไม่มีคนรู้จัก กลายเป็นวัดที่มีคนเชื่อถือ เลื่อมใสศรัทธาเดินทางมา กราบไหว้กันอย่างไม่ ขาดสาย เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่ปี วัดพุน้อย ก็มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุแทบ จะครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และอื่นๆอีกจำนวนมาก จากวัดเล็กๆที่ห่างไกลความเจริญ กลายเป็นวัดที่มีประชาชนรู้จัก กันเกือบทั้งประเทศ
มีการนำกฐินและผ้าป่าสามัคคี มาทอดกันอย่างล้นหลาม ตลอดจนการปฏิบัติธรรม เพื่อการกุศล ในวันมรณะภาพ
ของหลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็มีประชาชนให้ความนับถือมาร่วมงานอย่างเนืองแน่น เป็นประจำทุกปี ทำให้ปัจจุบัน การเดินทางไปยังวัดพุน้อย
มีถนน ลาดยาง ถึงวัด สะดวกสบาย ตลอดการเดินทาง ปัจจุบัน พระครูสมุห์สุทิน สุทินโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ท่านยังคง สืบสานวิชาอาคม ที่รับ จากหลวงปู่แบน จนฺทสโร
ในเรื่องเมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการค้าขาย ที่หลวงปู่แบนได้สร้างเรือ พุทธคุณขึ้นมา ซึ่งใครได้ไปบูชาจะประสบผลสำเร็จ กันแทบทุกคน จึงมีพุทธศาสนิกชน เดินทางมาที่วัดพุน้อยกัน อย่างเนืองแน่น ในแต่ละวัน
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จหลังรูปถ่ายหลวงปู่แบนวัดพุน้อย มุมฐานด้านล่างมีบิ่นแตกนะครับ
ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry
-
-
ประวัติ หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ
หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ
เดิม
ชื่อตั๋ง เต้่าสุวรรณ เกิดวันพุธที่11 ธันวาคม พ.ศ.2455 ปีชวด ที่บ้านโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคุณพ่ออยู่ คุณแม่ใย เต้าสุวรรณ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา7คน
1 นายพรหม เต้าสุวรรณ
2น.ส.ลำยวง เต้าสุวรรณ
3นางชิด อารมย์สุข
4นายบุญช่วย เต้าสุวรรณ
5นายตั๋ง เต้าสุวรรณ
6น.ส.ติ้ง เต้าสุวรรณ
7นายเชื้อ เต้าสุวรรณ(ถึงแก่กรรมทั้งหมด)
อุปสมบท
เมื่ออายุครบ20ปีได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 12พฤาภาคม 2475 มีพระอธิการโป๋ เจ้าอาวาสวัดวังแดงเหนือ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอธิการก๋งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอาจารย์โกยเป็นอนุสาวนาจารย์(พระตั๋งได้รับฉายาปิยคุโณ)
หลวงพ่อตั๋ง มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ พูดน้อยแต่แฝงด้วยความปราณี เป็นศิษย์ร่วมครูอาจารย์กับหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน สระบุรีและหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา มีความขลังทางพุทธาคมคาถาเป็นอมตะ สร้างวัตถุมงคลเพื่อการสร้างพระศาสนาไม่หลายรุ่นนัก ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง หลวงพ่อตั๋ง นับเป็นพระเถราจารย์บริสุทธิ์ด้วยศิลและมีกฤษฏาอภินิหารอีกรูปหนึ่งแห่งลุ่มน้ำป่าสักตอนใต้ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เอนได้ศึกษาพระธรรมวินัยอันเป็นพระปริยัติกับหลวงพ่อก๋ง แต่ไม่ได้เข้าสอบธรรมสนามหลวง ท่านได้หันมาเอาดีทางสมถกรรมฐานและเวทมนต์คาถาโดยมีอาจารย์พ่อก๋งเป็นผู้ประสิทธิ์วิทยาคุณต่างๆ มาถึงตอนนี้ขออ้างอิงสิ่งที่น่าเชื่อถือได้สักนิด ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อก๋ง ว่ามีมากน้อยเพียงไร หลวงพ่อตั๋งเล่าว่า หลวงพ่อก๋งบรรลุฌานกสิณแก่กล้า สามารถลงไปในน้ำจับปลาเป็นๆขึันมาได้ และยังเดินบนผิวน้ำได้อีกด้วย โดยเฉพาะความขลังในการเสกเป่าน้ำ พระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อตั๋งได้รับการถ่ายทอดวิทยาตุณต่างๆ จากหลวงพ่อก๋งอย่างไม่ปิดบังอำพรางโดยเฉพาะทางสมถกรรมฐานท่านกรุณาแนะนำหลักปฏิบัติจนมีความเชี่ยวชาญ ในการเจริญภาวนา มีสมาธิจิตกล้าแข็งและว่องไว สามารถปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ให้เกิดอานุภาพนานาประการทั้งปวง เมตตามหานิยม มหาอำนาจและคงกระพันชาตรี คุณวิเศษที่กล่าวมานี้ คือผลการเจริญกรรมฐาน จนจิตเป็นสมาธิชั้นสูง ซึ่งหลวงพ่อก๋งเป็นผู้บอกพระกรรมฐาน และชี้แนะหลักปฏิบัติแต่เริ่มแรก ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
ช่วงนั้นวัดโพธิ์เอนว่างเจ้าอาวาสคณะสงฆ์จึแต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนสืบต่อมาจนถึง พ.ศ.2538 หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนแล้ว หลวงพ่อได้ปฎิสังขรณ์และก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างเต็มสติกำลัง ตามความสามารรถ ท่านทุ่มเทกำลังกายกำลังความคิดและมีอุตสาหะวิริยะอย่างยอดเยี่ยม
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อุบัติขึ้นเมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 ผู้ประสบการณ์ไม่ประสงค์ออกนาม ปัจจุบันท่านอยู่ในเพศบรรชิต กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 มีอยู่วันหนึ่งท่านโดนยิงด้วยปืนลูกซองระยะประมาณ5วาเศษเรียกว่าระยะเผาขน ลูกปืนถูกบริเวณหน้าอกและลำคอ ความแรงของลูกปืนทำให้หงายหลังลงไปนอนแผ่หลา ด้วยอานุภาพของ........เหรียญรุ่นแรก.......ปีพ.ศ.2522........คุ้มครองแค่ผิวหนังไหม้เกรียมเป็นจุดลูกปืนเท่านั้น ท่านบอกว่าเหรียญรุ่นนี้มีคุณวิเศษในทางอยู่คงกระพัน อย่างยอดเยี่ยม ถ้าวันนั้นเหรียญหลวงพ่อตั๋งไม่คุ้มครอง ร่างคงพรุนเป็นแน่ ท่านใดที่ได้บูชาไปจากรายการช็อคโลก เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ ประวัติและเกียรติคุณของหลวงพ่อตั๋ง ที่ลำดับความมาตั้งแต่ต้นจนถึงบทสุดท้ายนี้ หวังว่าคงสร้างศรัทธาต่อท่านผู้อ่านตามสมควรโดยเฉพาะวัตถุมงคลของหลวงพ่อ เคยก่ออภินิหารทุกรุ่น แต่ไม่มีผู้ใดนำความศักดิ์สิทธิ์มาเผยแพร่ให้เลื่องลือชื่อเสียง ท่านจึงเป็นเสมือนเพชรน้ำหนึ่งที่ซ่อนแสงอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด
#วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีประสบการณ์ทุกรุ่น
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อตั๋งวัดโพธิ์เอนองค์นี้เนื้อจัดมวลสารชัดเจน ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
-
ประวัติ หลวงพ่อลำใย ปิยวัณโณ เกจิดังแห่งวัดทุ่งลาดหญ้า
พระมงคลสิทธิคุณ หรือ หลวงพ่อลำใย ปิยวัณโณ วัดทุ่งลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ท่านเป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา มีกิจวัตรอันประเสริฐยิ่ง ตลอดชีวิตแห่งการดำรงเพศพรหมจรรย์ นับตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณรจวบจนกระทั่งอุปสมบทเป็นพ ระภิกษุในพระพุทธศาสนา ยาวนานกว่า 60 ปี
คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสมไว้แก่พระพุทธศาสนา และสังคมประเทศชาติ มากมาย จนมิอาจจะกล่าวได้หมดในเวลาอันสั้นนับแต่ได้รับภาระเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ และเป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากจะพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง ได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกรมการศาสนาแล้ว
ท่านยังสร้างวัดและร่วมพัฒนาวัดทั้งในเขตปกครองและนอกเขตปกครองอีกกว่า 200 วัด เป็นประธานหาทุนทรัพย์สร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ อีกกว่า 100 วัด สร้างโรงเรียน ทั้งมัธยม-ประถม (รวมที่ดินและอาคารเรียน) กว่า 10 แห่ง (โรงเรียนมัธยมวัดทุ่งลาดหญ้า-หลวงพ่อลำใย อุปถัมภ์ ได้รับการยกระดับเป็นโรงเรียนมัธยมระดับตำบลเป็นแห่ง แรกของประเทศไทย)
หลวงพ่อสร้างสถานีอนามัยมอบให้แก่ทางราชการทั้งอาคาร และที่ดินนับได้ประมาณ 20 แห่ง ครั้งหลังสุดเพิ่งสร้างสถานพยาบาลบ้านพักคนชรา บนเนื้อที่ราว 70 ไร่ สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 100 ล้านบาท มอบให้แก่กรมประชาสงเคราะห์ และห้องสมุดประชาชนกาญจนาภิเษก ต.ลาดหญ้า พร้อมที่ดิน มูลค่ากว่า 20 ล้าน(ที่ดินติดถนนใหญ่)
มอบให้แก่กรมการศึกษานอกโรงเรียนหลวงพ่อสร้างระบบประปา มอบให้แก่หมู่บ้านต่างๆหลายสิบแห่ง และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตรงด้านหน้าวัดทุ่งลาดหญ้า มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และอีกแห่งตรงช่วงที่ผ่านตำบลหนองบัว มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท มอบให้เป็นสาธารณะประโยชน์ ในส่วนของการสงเคราะห์ผู้ยากไร้
หลวงพ่อได้กระทำอย่างต่อเนื่องนับเป็นเวลาหลายสิบปี ท่านเป็นธุระจัดหาข้าวสารอาหารแห้งให้แก่สถานสงเคราะ ห์คนชราที่ท่านสร้างขึ้น และทุกวันที่ 14 เมษายน หลวงพ่อจะจัดงานเทกระจาด แจกข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นแก่ผู้ยากไร้ เป็นงานประจำปีที่วัดทุ่งลาดหญ้าในเขตปกครองของท่าน คืออำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นอำเภอติดชายแดน มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้ง มอญ กระเหรี่ยง และกระหร่าง เป็นอำเภอที่ทุระกันดานมาก ในช่วงเข้าพรรษา ท่านก็จะนำข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงสิ่งของจำเป็น ไปแจกจ่ายแก่พระสงฆ์ตามวัดต่างๆอย่างทั่วถึงนับเป็นร ัอยวัด ทำให้เขตปกครองของท่านมีความสงบเรียบร้อยมาก ซึ่งเป็นผลดีต่อบ้านเมืองจากผลงานและจริยาวัตรอันประ เสริฐของท่าน ทำให้ท่านได้การยกย่องเชิดชูจากสถาบันต่างๆมากมาย รวมถึงได้รับพระราชทาน เสมาธรรมจักรในฐานะคนดีศรีสังคม จากสมเด็จพระเทพฯ
โครงการที่ท่านกำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ คือการสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ภายในบริเวณวัดทุ่งลาดหญ้า ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน น่าเสียดายที่ท่านด่วนจากไป ด้วยความดีอันมากล้นของหลวงพ่อ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระมงคลสิทธิคุณ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2539 คนๆหนึ่ง พระสงฆ์รูปหนึ่ง เกิดมามีชีวิตที่ไม่สูญเปล่า สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมประเทศชาติมากมาย
ตลอดชีวิตของท่านมีแต่การให้และการเสียสละโดยไม่เห็น แก่ความเหนื่อยยากลำบากกายใดๆ ท่านได้ทำหน้าที่ "พระสงฆ์" ที่สมควรกราบไหว้จนถึงนาทีสุดท้ายแห่งชีวิต สมควรที่เราทั้งหลายจะยกย่องเชิดชูให้เป็นปูชนียบุคคลอันประเสริฐยิ่ง
หลวงพ่อลำใย ขึ้นชื่อลือนามในเรื่องวัตถุมงคลของขลัง สิ่งที่ท่านสร้างขึ้นแต่ละอย่าง ล้วนเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์ให้เป็นที่เลื่องลือทุกร่นทุกพิมพ์ จนผู้ที่มีไว้บูชาต่างเชื่อมั่นในอานุภาพสรรพคุณอย่างสนิทใจ และท่านก็เป็นพระเกจิอาจารย์ที่สร้างกุมารทอง ท่านคือเกจิกุมารทองที่ทรงไว้ ด้วยวิชามหามนต์อันเปี่ยมล้นด้วยความเข้มขลังอีกท่านหนึ่ง
พระมงคลสิทธิคุณ (หลวงพ่อลำใย ปิยวณฺโณ) อายุ ๗๘ ปี พรรษา ๕๖ เจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ และเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้ถึงแก่ มรณภาพที่โรงพยาบาลมิชชั่น กทม.เมื่อเวลา ๒๑.๓๐ น.คืนวันที่ ๒๗ ก.พ.๒๕๔๖ ด้วยอาการระบบหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน
หลวงพ่อลำใย ชื่อเดิม นายลำใย เกษมโสตร์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ มี.ค.๒๔๖๘ ณ บ้านเลขที่ ๑๘๔ หมู่ ๑ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี การพระราชเพลิงศพจะมีขึ้นภายหลัง ที่พิพิธภัณฑ์จะเสร็จสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อลำใย
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญ 5 รอบหลวงพ่อลำใยวัดทุ่งลาดหญ้าปี 2529 ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
-
เหรียญหลวงพ่อขุนวัดบ้านไร่หลังหลวงพ่อจำปารุ่น 1 มีรอยจารอักขระ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry , ลองหาประวัติท่านอ่านดูก่อนครับวัดท่านอยู่อุทัยธานีอำเภอบ้านไร่
-
-
-
หลวงพ่ออำภา จนฺทภาโร หรือ พระครูจันทคุณวัฒน์ แห่งวัดน้ำวน จ.ปทุมธานี ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เชื้อสายมอญ ท่านผู้สืบทอดวิชาอาคมสายมอญมาจากท่านเจ้าคุณมะลิ วัดบางหลวง และหลวงพ่ออรรถ อดีตเจ้าอาวาสวัดน้ำวนองค์ก่อนหลวงพ่ออำภา
หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเชื้อสายรามัญผู้สืบทอดพุทธาคมมาจากท่านเจ้าคุณมะลิ วัดบางหลวง และพระสมุห์อรรถ อดีตเจ้าอาวาสวัดน้ำวน ผู้โด่งดังในอดีต อีกทั้งหลวงพ่ออำภา ท่านยังมีชื่อเสียงในด้านรักษาและต่อกระดูก ซึ่งในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่บรรดาผู้ป่วยต่างก็มาขอให้ท่านช่วยรักษาจนเต็มศาลาวัดไปหมด
เหรียญหลวงพ่ออำภาวัดน้ำวนปทุมธานีให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
-
https://palungjit.org/threads/มรณะภาพ-หลวงพ่อง้อ-อายุ-92-ปี-วัดดาวดึงษ์-ศิษย์หลวงพ่อคง-วัดบางกระพ้อม.124994/ / ลองเข้าไปอ่านคร่าว,ๆครับ ศิษย์ทัันตัวลป.คง บางคะพร้อม
เหรียญหลวงพ่อวัดดาวดึงษ์ปี 2521 ให้บูชา 200 บาทถ้าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือj&t หรือเคอรี่
หน้า 16 ของ 102