{{{พระเครื่องวัตถุมงคลหลวงพ่อวัดท่าซุง}}} สวยและแท้ แบ่งพี่น้องร่วมบุญบูชา ◕‿◕

สงสัยเป็นเพราะผมยังไม่นอนแน่ๆ

ฮ่าๆๆ

 

เมนูนี้สามารถทำทานได้เองเลยครับคุณพัณณ์ ^__^ baimin

​

สำหรับส่วนผสมมีดังนี้

กุ้งกุลาดำ (แกะเปลือกเหลือส่วนหาง และผ่าหลัง) 10 ตัว
สตรอเบอรี่สด (ผ่า 4 ชิ้น / ลูก) 14 ลูก
ก้านคะน้า (ลอกเปลือก หั่นความยาวประมาณ 1 ซม.) 2 ขีด
กระเทียม (ซอยบาง) 2 ช้อนโต๊ะ
หัวหอมแดง (ซอยบาง) ¾ ถ้วย
ใบคึ่นช่าย 30 กรัม
น้ำปลา ½ ถ้วย
น้ำมะนาว ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ½ ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสวน (ตำหยาบ) 5 เม็ด

วิธีทำ

เมื่อเครื่องปรุงพร้อมก็ลงมือบรรเลงเพลงยำกันได้ โดยเริ่มจาก ขั้นแรกลวกก้านคะน้าให้พอสุกในน้ำเดือดจัด จากนั้นนำไปแช่ไว้ในน้ำเย็นทันทีแล้วจึงตักขึ้นพักไว้

ส่วนกุ้งกุลาดำลวกพอสุกในน้ำเดือดจัด แล้วทำเช่นเดียวกับก้านคะน้าคือนำไปแช่ในน้ำเย็นทันทีก่อนตักขึ้นพักไว้

จากนั้นทำน้ำยำด้วยการนำกระเทียม น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย พริกขี้หนู ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามใจชอบ ก่อนที่จะนำกุ้ง ก้านคะน้า สตรอเบอรี่ หัวหอมแดง และใบคึ่นช่าย ใส่ลงไปแล้วคลุกเคล้ากับน้ำยำให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้ง เท่านี้ก็ได้แล้วยำสตรอเบอรี่กุ้งสด รสเด็ดที่จะกินเป็นกับข้าวหรือกับแกล้มก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

ที่มาข้อมูล: "ยำสตรอเบอรี่กุ้งสด" ครัวกุ๊กเล็ก...คลิกเลย

 

อ่า..อิอิ อิอิ อิอิ ^-^

ได้เลยค่า..เดี๋ยวรอสตอเบอรี่สดๆออกมา..จะยำทานเองค่ะ แง่มๆ

 

ภาพงานกฐินวัดสุขุมาราม จ.พิจิตร เมื่อวันเสาร์ที่ ๖ พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ขอรูปเขามาเพื่อให้พี่น้อง ณ ที่นี้ ได้ร่วมโมทนาบุญกันนะคะ

พัณณ์เองได้ฝากร่วมบุญไป ๕๐๐ บาท

ยอดเงินกฐินที่ได้ทั้งสิ้นประมาณ ๙๐๐,๐๐๐ บาทค่ะ

ขอโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ _/\_​

 

ภาพก่อนเตรียมงานกฐินที่วัดพระธรรมยาน จ.เพชรบูรณ์ ​

ทราบว่าวัดมีความก้าวหน้าทางการก่อสร้างไปมากเลยนะคะ​

 

ภาพวันงานกฐินเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ พฤศจิกายนค่ะ​

ด้วยที่ทางวัดได้เลื่อนกำหนดการขึ้นมา ก็อาจทำให้ญาติโยมบางส่วนยังไม่ทราบกันนะคะ​

ยอดเงินที่ได้ประกาศ ณ วันงานว่า ๓ ล้านบาทนั้น​

พัณณ์ได้ยิน ดร.ปริญญา ท่านกล่าวในงานกฐินที่ป่าละอูว่า​

เป็นเงินที่มอบสร้างพระชำระหนี้สงฆ์อยู่เกือบล้านกว่าบาท​

เงินที่ได้เข้าวัดจริงๆนั้น ก็ได้เพียง 1 ล้านกว่าบาท วัดเองก็ยังคงเป็นหนี้อยู่อีกมาก​

หลวงพ่ออนันต์ท่านก็กล่าวติดตลกว่า คนเป็นหนี้ คือคนที่มีเครดิต ​

ผู้มีโอกาสก็สามารถร่วมบุญกับทางวัดพระธรรมยานกันต่อไป​

ให้การก่อสร้างสำเร็จลงได้โดยเร็วนะคะ​

พัณณ์ก็ได้ฝากร่วมทำบุญกฐินที่นี่ไป ๕๐๐ บาทเช่นกัน​

ขอโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ _/\_


​

 

ภาพการเดินทางและการเตรียมงานกฐินของสำนักสงฆ์ป่าละอู อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ ค่ะ

เมื่อถึง อ.ชะอำ วิ่งตรงเข้าเส้นบายพาสต์ จนถึงแยกที่จะเลี้ยวเข้าไปวัดห้วยมงคล ก็เลี้ยวขวาเข้าไป ๔๐ กม.

เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง จะมีป้ายบอกทางไปสำนักสงฆ์อยู่ค่ะ ขับไป ๑๓ กม. ก็ถึงสำนักสงฆ์แล้วค่ะ

ประมาณ ๑๘.๐๐ น. หลวงพ่อก็ขึ้นรับสังฆทานในโบสถ์ มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ

คณะพยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎ และชมรมชาวพุทธ เข้ามากราบและฟังธรรมจากท่าน

หลังจากนั้น คณะกลองยาวและน้องๆ ชาวบ้านแถวนั้น ก็แสดงดนตรีและรำถวายท่านค่ะ

​

 

ตื่นเช้ามาบรรยากาศสดชื่นแจ่มใส วิวสวยมากค่ะ ต้นไม้ร่มรื่น มีหมอกจางๆด้วย​

ช่วงเช้าก็มีบวงสรวง หลวงพ่อประพรมน้ำมนต์ แล้วก็เข้ารับสังฆทานในโบสถ์​

ดร.ปริญญาท่านก็เล่าถึงความเป็นมาของสำนักสงฆ์ป่าละอู​

และบอกบุญเกี่ยวกับการสร้างหลังคาให้สมเด็จพระนเรศวรที่จะประดิษฐานในเร็วๆ วันนี้​

ก่อนหน้านี้ มีพี่เจ้าหน้าที่ดูแลท่านหนึ่งได้เห็นองค์สมเด็จพระนเรศวร ​

ตอนกลางวันแสกๆ ท่านมาเป็นกายเนื้อ ยืนอยู่รูปร่างสูงใหญ่เท่าต้นไม้​

ก็แปลกใจและกราบเรียนเล่าให้หลวงพี่บัญญัติฟัง ​

พออีกสองสามวัน หลวงพี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับการค่ายพระนเรศวร​

ว่าอยากจะนำพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมาไว้ที่สำนักสงฆ์จะขัดข้องมั๊ย หลวงพี่จึงบอกว่าไม่ขัดข้อง​

( พัณณ์มาสืบทีหลังว่า ผู้กำกับการท่านนี้ต้องการจะสร้างไว้ที่ค่ายพระนเรศวร ​

แต่สมเด็จพระนเรศวรท่านมานิมิตว่า จะไม่อยู่ที่ค่าย จะไปอยู่ที่สำนักสงฆ์ป่าละอู )
​

ดร.ปริญญาจึงบอกบุญว่า พวกเราควรสร้างหลังคาให้องค์ท่านด้วย ทุกคนก็ควักกันใหญ่เลยค่ะ ​

เพราะได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านจริงๆ พัณณ์ก็ร่วมบุญไปด้วย ๓๐๐ บาทค่ะ ^-^​

ตอนช่วงก่อนเพล หลวงพ่อประกาศยอดที่ได้ปัจจัยขณะนั้นประมาณ ๕๙๐,๐๐๐ บาท ​

ดร.ปริญญาท่านก็ลุ้นขอให้ได้ ๙๐๐,๐๐ บาท พัณณ์ได้ร่วมบุญไป ๕๕๐ บาท​

และปัจจัยของพี่ๆทุกท่านที่ฝากไป พัณณ์ก็ได้ทำโดยครบถ้วนแล้วนะคะ​

พี่ทศ ๑๐๐ บาท พี่สาธิต ๕๐๐ บาท พี่มนัส ๒๕๐ บาท คุณหมี ๑๑๐ บาท​

พอถึงเวลาทอดกฐินประมาณ ๑๓.๓๐ น.​

หลวงพ่อประกาศยอดทั้งหมดอีกครั้งประมาณ ๑,๑๕๐,๐๐ บาท ​

และคุณชญาภาขอปิดยอดเป็น ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท​

โอ้โห..พวกเราทุกคนต่างดีใจ..ยอดได้เกินเป้าหมายไปอีกเยอะเลย ​

เมื่อเสร็จพิธี หลวงพี่บัญญัติก็ได้กล่าวกับทุกคนว่า​

" ตอนนี้ทางสำนักสงฆ์เองมีหนี้สินเกี่ยวกับการก่อสร้างอยู่ ๓๐๐,๐๐๐ บาท​

ก็จะนำปัจจัยที่เหลือไปปรับปรุงระบบน้ำเพิ่มอีก เพราะยังไม่เรียบร้อย​

และจะขอมอบปัจจัย ๓๐๐,๐๐๐ บาท ถวายต่อให้กับหลวงพ่ออนันต์ ​

ร่วมบุญในงานกฐินของวัดท่าซุง เพื่อเป็นการต่อบุญให้กับญาติโยมจะได้บุญสองต่อ ​

หลวงพ่ออนันต์ท่านก็เคยกล่าวไว้ว่า ไม่รับ เพราะเงินทองมันหายาก​

แต่อยากจะบอกให้ทุกคนได้รับรู้ว่า วัดท่าซุงเป็นวัดพ่อวัดแม่ ​

และท่านไม่เคยมาเบียดเบียน ท่านมีแต่ความเมตตา มีแต่ให้ "​

พัณณ์เองฟังแล้วน้ำตาคลอ เห็นถึงความกตัญญูของหลวงพี่บัญญัติ ​

ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ทุกคนจริงๆ ค่ะ​

เสร็จงานแล้ว ก็มาช่วยกันขนผลไม้ที่ชาวบ้านนำมาร่วมบุญขึ้นรถ ​

หลวงพี่บัญญัติมอบให้วัดท่าซุงต่อในงานกฐิน​

เยอะมากๆๆๆค่ะ แต่พี่คนดูแลเก่าๆบอกว่า ปีนี้แล้ง นี่น้อยแล้วนะ ปกติมากกว่านี้ ​

กว่าจะกลับออกจากวัดก็สี่โมงเย็นเลยค่ะ ตั้งใจว่าปีหน้าจะมาร่วมบุญอีกแน่นอน ^__^​

ขอโมทนา สาธุ กับผู้ร่วมบุญ ณ โอกาสนี้ทุกท่านค่ะ _/\_​

 

พบกันที่งานกฐินของวัดท่าซุง

ในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤศจิกายนนี้นะคะ พี่น้องทุกท่าน

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^___^​

 

ได้เงินกฐินประมาณ 2 ล้านเศษ แต่ปัจจุบันทางวัดยังมีหนี้อีกประมาณ 4-5 ล้านบาท เนื่องจากทางวัดต้องจ่ายเงินที่เกิดจากการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ และอาคารที่พัก(ทาวเฮ้า)เช่น พระชำระหนี้สงฆ์ทางวัดบอกองค์ละ150,000 บาทแต่ต้องจ่ายจริง 200,000บาท และทาวเฮ้าบอก350,000บาท แต่จ่ายจริง 400,000-500,000 บาท แต่เรื่องทั้งหมดนี้ท่านอาจารย์วิรัชไม่ค่อยบอกให้ญาติโยมทราบครับ แต่ท่านก็เป็นห่วงเรื่องนี้มากเพราะท่านบอกว่าสุขภาพท่านไม่ค่อยดี

 

กราบอนุโมทนาบุญครับ หากเราไม่สิ้นลมหายใจเรายังคงสร้างทางแห่งบุญกันต่อไป

 

โมทนา สาธุ ค่ะพี่ พัณณ์จึงอยากแจ้งให้ทุกคนทราบเช่นกันค่ะ

เพราะอาจคิดว่า ปีนี้ทอดกฐินได้เยอะ แต่จริงๆแล้วหนี้ในการก่อสร้างยังมีอีกมาก

มีโอกาสก็ช่วยกันทำบุญที่วัดพระธรรมยานกันนะคะทุกท่าน

 

โมทนา ค่ะพี่สาธิต ทางเดินแห่งการหลุดพ้น จะขาดซึ่งทานไม่ได้เลย

ทาน เป็นพื้นฐานที่สำคัญ อันจะทำให้กำลังใจเราเต็มขึ้น สูงขึ้นเร็วขึ้น

แล้วก็มาดูที่ศีลกันต่อ ว่าเราได้ทำยิ่งๆขึ้นไปหรือยัง

เพื่อเกิดสติ สัมปชัญญะ ศีลสูงแค่ไหน สมาธิก็สูงตามเท่านั้น

และท้ายสุดคือการเจริญภาวนา เพื่อเกิดเป็นวิปัสสนาญาณ

ตัดกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม ปัจจัยแห่งการเกิดให้พ้นไป

สมาธิมีทั้งแบบนิ่ง และแบบเคลื่อนไหว จึงไม่จำเป็นต้องมีเวลานั่งหลับตานิ่งๆเสมอไป

อยู่ที่เราสามารถนำสิ่งรอบตัวภายนอก ภายใน มาปรับพิจารณาได้ทั้งหมดเลยค่ะ

สำรวจใจตนเองอยู่สม่ำเสมอ ว่าตอนนี้เราอยู่ในจุดใด

อยู่ในทางแห่งอริยมรรคหรือไม่ เจอตัวอย่างที่ดีก็นำมาปรับใช้

เจอตัวอย่างที่ไม่ดี ก็เตือนตัวเองอย่าทำตาม

ขอให้ทุกคนสนุกและมีความสุขกับการปฏิบัติอยู่ทุกลมหายใจค่ะ

โมทนา สาธุ ค่ะ _/\_

 

สวัสดีครับคุณพัณณ์
วันนี้ทานหวานเย็นสตรอเบอรี่นะครับ
^__^
baimin




​

 

จริงๆแล้วพัณณ์เกือบไม่ได้ไปงานบุญนี้ ด้วยความที่ติดเสาร์อาทิตย์ที่ร้านจะยุ่งมาก​

พัณณ์ก็ถามแม่ว่าไหวมั๊ย พัณณ์ตั้งใจจะฝากแค่เงินไปทำบุญก็พอ​

แม่บอกให้พัณณ์ตัดสินใจเอง พัณณ์ก็ตัดสินใจว่าต้องไป..​

เมื่อพัณณ์ได้ไปงานในครั้งนี้ก็คิดว่า ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว ​

พัณณ์สามารถไปเก็บเรื่องราวต่างๆ มาบอกพี่น้องกันต่อได้ละเอียดและลึกซึ้งกว่า ​

รวมทั้งได้หยิบธรรมภายนอกหลากหลาย น้อมนำเข้าสู่ธรรมภายใน คือมาสอนจิตตัวเองได้มากมาย​

บางครั้งเราอาจมีภาระทางโลกมาบีบคั้น มาบังคับให้เราต้องเสียโอกาสไป​

ขอลองพยายามดูให้มากขึ้นค่ะ สิ่งที่เราได้จะเป็นความปีติทางใจ ​

เราจะได้ข้อธรรมและกำลังใจต่างๆอีกมากมาย เพื่อมีแรงมาสู้กับภาระทางโลกต่อไปนะคะ​

พัณณ์ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเกิดธรรมปีติของพี่และทุกคนในโอกาสนี้ค่ะ​

ความดีที่มีแม้เพียงเล็กน้อยนี้ ขอมอบแด่หลวงพ่อและครูบาอาจารย์ทุกท่าน​

ขอให้ท่านได้เมตตาสงเคราะห์ตัวลูกและพี่น้องทุกคน ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันถ้วนทั่วทุกคนเลยค่ะ​

ผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาทั้งหมดทั้งสิ้น ณ โอกาสนี้​

พึงจะให้ประโยชน์ ความสุข กับข้าพเจ้าเพียงใด​

ขอให้พี่น้องทุกท่าน จงได้รับประโยชน์และความสุขนั้นเช่นเดียวกับข้าพเจ้าทุกประการเทอญ _/\_​

 

เรื่องแถมท้ายอีกนิดนะคะ แฮ่ ^-^

ด้วยความสงสัยว่าต้นกล้วยที่ตัดออกไปแล้ว จะนำไปใช้ประโยชน์อะไรต่อ เพราะเห็นมีเยอะมาก

จึงได้เรียนถาม พี่สาวท่านหนึ่งท่านเป็นผู้ดูแลกลุ่มอาชีพของสำนักสงฆ์แห่งนี้

คงต้องขออนุญาตเอ่ยนามนะคะ เพราะถือว่าท่านมีความดีและเก่งมาก

และได้ช่วยเหลือชาวบ้านในแถบนั้นมาตลอดด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน
(ท่านผู้นี้นี่แหละค่ะ ที่เห็นพระนเรศวรในกายเนื้อ)

คุณ กัญญา เบญจรัตนพรรณ หรือพี่หมวย

พี่หมวยก็เล่าว่า ต้นกล้วยนี่จะนำไปทำเสื่อต่อ

พัณณ์เริ่มสนใจว่า ทำอย่างไร และทำอะไรบ้าง ขายที่ไหน

ก็คุยกันอยู่นานเลยค่ะ พัณณ์ก็อ๋อ..เสื่อที่พัณณ์เห็นเขาขายตอนงานวัดนั่นเอง

ยังมีเครื่องดื่ม อาหารแห้ง ยาสระผม ยาหม่อง อะไรอีกมากมาย

ดีจังเลย ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มจากการทำสวนทำไร่ เพราะก็รู้กันอยู่ว่าอาชีพนี้ไม่แน่นอน

หากปีไหนแล้ง ก็ขาดทุน แต่พอมีกลุ่มอาชีพนี้มาช่วยเสริมรายได้

ทุกคนก็มีความรู้ มีอาชีพมาเจือจุนครอบครัวกันมากขึ้น

พัณณ์จึงอยากฝากพี่น้องทุกท่านนะคะ หากเห็นกลุ่มอาชีพของศูนย์สำนักสงฆ์แห่งป่าละอูนี้

ตามงานของวัดเราต่างๆ หรือที่บ้านสายลม ช่วยกันสนับสนุนด้วยนะคะ

กว่าจะได้มาแต่ละชิ้น ลำบากและต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก

พี่น้องเราทั้งนั้นเลยนะคะ ช่วยกันๆค่ะ ^___^​

 

โมทนาในบุญทั้งหมดทั้งมวลด้วยครับ __/\__ สาธุ สาธุ สาธุ

 

สวัสดีครับคุณพัณณ์
มื้อนี้ทานข้าวเหนียวสตรอเบอรี่แทนข้าวเหนียวมะม่วงครับ
^__^
baimin


​

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td class="thead"> ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> baimin, พรแม่ศรี+ </td> </tr> </tbody></table>

อุ๊ย จุ๊บๆ จ๊วบๆ จ้า ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ