พระเดชพระคุณ หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร วัดส้มเกลี้ยง จ.จตาก(เสกเหรียญท้าวเวสสุวรรณ)

บังเอิญผมไปเอยปากอยากได้วัตถุมงคลของหลวงปู่(ซึ่งในใจจริงๆแล้วมีก็ได้ไม่มีก็ได้ เมื่อมีได้แล้วก็ยิ่งดีใหญ่อันนี้ก็ต้องขอบพระคุณพี่เด็กด่านเป็นอย่างยิ่งที่ได้อนุเคราห์เมตตากับผม) สาระความตั้งใจจริงๆของผมก็คือการได้ร่วมถวายปัจจัยทำบุญกับพระอริยะสงฆ์เจ้าและการได้สะพานบุญที่ไว้ใจได้

ผมก็อยากจะมีสะพานบุญอย่างพี่เด็กด่านและอีกหลายท่านที่ไม่ได้เอยนามในกระทู้นี้ ผมขอให้เป็นสะพานบุญให้กับผมอีกต่อไปในโอกาสหน้านะครับ ส่วนเรื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่ผมจะไม่ถามอยากได้อีกแล้วครับ แค่ที่พี่เด็กด่านให้ผมก็สุดยอดเหลือเกินพอแล้วครับ

กราบอนุโมทนาด้วยครับ

 

ครับพี่...ผมเข้าไปกราบหลวงปู่ แล้วจะเรียนถามท่านครับ

 

อยู่ไกล...และต้องการ บอกได้เลยครับ ถือเป็นการเผยแผ่เกียรติคุณครูบาอาจารย์ครับ ไม่มีปัญหาครับ (ถ้ามีนะครับ) อย่างพี่เด็กด่าน ใครจะคิดว่า ท่านจะกล้าให้เหรียญรุ่นแรกเนื้อเงินของพระมห่สุรศักดิ์แด่ผม ซึ่งในทางโลกแล้ว ราคาขึ้นไปจากเดิม๓-๔เท่าตัว แต่ด้วยความมีน้ำใจ และบอกกับผมว่า "ไม่เป็นไรปื๊ด เรากันเอง เราต้องมีกันไว้คนละเหรียญ" นี้แหละครับความมีน้ำใจของพี่ท่าน ไม่ใช่ว่าผมได้ของจากใครแล้ว ผมจะกล่าวสรรเสริญเยินยอนะครับ แต่ใครก็ตามที่ได้รู้จักสนิทสนมพี่เด็กด่านจะทราบดีในเรื่องน้ำใจ ผมปราถนาจะสร้างล๊อกเก็ตถวายหลวงปู่ดี ในวันเสาร์๕ ข่าวทราบถึงพี่เด็กด่านฯ แจ้งความประสงค์ก่อนเลยว่าจะทำบุญหนึ่งก้อน เรื่องวัตถุมงคลไม่หวังจะต้องได้ตอบแทน อะไรก็ได้ ซึ่งแน่ๆตอนนั้นพี่ท่านไม่รู้จักหลวงปู่ รู้แต่ว่าผมจะทำ หาปัจจัยคืนให้หลวงปู่เท่านั้น หรือแม้แต่กับผม ก็ยังไม่ได้สนิทสนมกันมากมายนัก เพียงแต่คุยกันผ่านๆเท่านั้น นี้คือพี่เด็กด่านฯครับ :cool:

 

ผมต้องขออภัยที่อาจเขียนไม่ชัดเจน ผมเต็มใจให้กับท่านที่อยากได้วัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลัง คนที่ได้รับจากผมย่อมดีใจและภูมิใจครับ ส่วนคนที่กล่าวหาผมคือคนที่ทำอย่างผมไม่ได้ แล้วแอบอิจฉา หรือหมั่นใส้ผมครับ เหตุการณ์นี้เกิดกับอีกสำนักหนึ่งครับ คุณ puedpunon ทราบดีว่าที่ไหน สุดท้ายผมกระอักเลือดครับ ถล่มผมยับเยิน จนผมไม่เข้าไปยุ่งหรือเกี่ยวข้องด้วย ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ไปเอาประโยชน์อันใดเลย แต่กับหลวงปู่ดี ผมคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะดูแล้วลูกศิษย์ของหลวงปู่จะเน้นเรื่องการทำบุญและการได้รับฟังธรรมจากหลวงปู่มากกว่า เป็นความสุขใจมากกว่าวัตถุมงคล และลูกศิษย์หลวงปู่ประเภทเป็นคนใจกว้าง มีน้ำใจ ไม่เหมือนกับที่ผมได้พบมาคือจะเอาหลวงพ่อไว้เป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว ใครเด่นกว่าหรือกลัวหลวงพ่อจะรักและเมตตามากกว่าต้องเขี่ยให้พ้นทางครับ แต่ที่นี่ไม่ใช่ครับ ยิ่งหลวงปู่มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ บารมีหลวงปู่ได้แผ่ไพศาลยิ่งๆ ขึ้นไปครับ วัตถุมงคลของหลวงปู่ดี อย่างน้อยคนที่ทำงานผมก็มีคนละชิ้น สองชิ้นแล้วครับ เพราะแต่ก่อนอาจารย์เต๋าได้ส่งพระสมเด็จให้ผมน่าจะยี่สิบกว่าองค์ ผมก็เก็บไว้สำหรับครอบครัวสี่องค์ นอกนั้นแจกหมดครับ เป็นทานบารมีของหลวงปู่ เวลาผมแจก เห็นผู้ที่รับดีใจ ผมก็สุขใจ ปลื้มใจ ผมว่านี่แหละเป็น "บุญกุศล" ที่เห็นผลทันใด คือ "ความสุขใจที่ได้ให้" ครับ

 

เครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ ผมคิดว่ามีของที่สุดยอดสักอย่าง สองอย่างก็พอแล้ว เช่น อย่างหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ ท่านเก่งในเรื่องตะกรุดมหาระงับ หรือตะกรุดโลกธาตุ เราก็หาอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ติดตัวและเหรียญท่านสักรุ่นก็พอแล้ว อย่างหลวงปู่ดี ผมมีล๊อคเก็ตฉากดำกับตะกรุดเงินที่ลงไว้ให้เป็นดอกแรกของวัดราษฏร์ประคองธรรมก็เพียงพอแล้ว วันที่แสดงมุทิตาจิตได้รับแจกเบี้ยแก้ ผมก็ให้เค้าไปแล้ว พอแล้ว แค่นี้ก็แขวนไม่หวาดไม่ไหว ถ้าไปกราบครูบาอาจารย์เยอะๆ เหมือนพี่ท่านอื่นๆ หลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงตา อย่างละองค์ก็คงจะไม่มีที่แขวนหรือคล้องแล้ว ก็ไม่รู้จะสะสมไปทำไม ก็เลยแบ่งๆ กันสำหรับท่านที่ยังไม่มี พวกเราเป็นพวกที่นิยมเรื่องขลังๆ เวลาอยากได้ ถ้าได้รับมา แหม๋.....มันดีใจ ภูมิใจ และรู้สึกขอบคุณในน้ำใจอย่างบอกไม่ถูก ท่าน puedpunon ว่าจริ๊งมั๊ย????...

 

ถูกต้องครับพี่...ได้มาก็แสนจะภูมิใจ :cool:

 

ยิ่งได้อ่าน ยิ่งได้เห็น ความมีน้ำใจของท่านเด็กด่านฯ อย่าไปใส่ใจกับเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลยครับ
ดีใจครับ ที่ได้มาเจอกระทู้หลวงปู่ดี...อยากฟังเรื่องหลวงปู่มาก ๆ ครับ

 

อนุโมทนาด้วยครับ สู้ ๆๆ ครับ

 

สวัสดีครับ

ในวันงานนั้นโชคดีได้เบี้ยมา 1 ตัวจากคุณพี่เด็กด่านฯที่รับเบี้ยจากหลวงปู่ดีเพื่อมาแจกลูกศิษย์ในกุฏิหลวงปู่ดีท่าน พร้อมกับหลวงปู่ดีท่านช่วยจาร ถุงผ้าที่ทำมาจากผ้าอังสะให้ พอกลับมาถึงที่ วัดสิงห์ จ.นครปฐม ก็เลยเอาเข้าไปฝากไว้ที่กุฏิหลวงพ่อสืบท่าน ให้ท่านช่วยปลุกเสกเพิ่มให้อีกจนถึงออกพรรษาหรืออาจจะนานกว่านั้นค่อยไปรับ เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพลายมือหลวงปู่ดีท่านจารที่ถุงผ้าอังสะมาให้ชม สวยมากๆ

ขอบคุณครับ

 

นมัสการครับหลวงพี่...เบี้ยแก้ที่พี่เด็กด่านฯถวายไป ลองๆให้ที่วัดสิงห์ตีหุ่ม
ตะกั่วให้สิครับ ช่วยรักษาตัวเบี้ยได้อย่างดี เพราะสังเกตุดูชันโรงเบี้ยชุดนี้
จะไม่ค่อยแข็งน่ะครับ เสร็จแล้วก็นำมาขอให้หลวงปู่ท่านลงจารให้ครับ:cool:

 

เรื่องหลวงปู่ยังมีอีกเยอะครับ ทั้งเรื่องญาติทิพย์ที่หลวงปู่กวักมือเรียกให้มาฟังธรรม ในวันเสกล็อกเก็ตเสาร์๕ครับ รอติดตามนะครับ แหะๆๆ

 

วันนั้นหลวงปู่หยิบเบี้ยแก้มาแจกให้ลูกศิษย์ ท่านหยิบมาครั้งแรกต้องไม่พอแจกแน่นอน เพราะลูกศิษย์อยู่กันเยอะมาก ท่านจึงหยิบให้ครั้งที่สอง ผมก็แจกลูกศิษย์ที่อยู่ในกุฏิทั้งหมด คงเหลือเบี้ยแก้สามตัว จึงถวายคืนหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่าให้เอาไปแจกคนที่นั่งข้างนอกด้วย เหลือเชื่อครับท่าน คนที่นั่งอยู่ข้างนอกมีผู้หญิงหนึ่งคน ผู้ชายสองคน รวมสามคนพอดีเป๊ะเลยครับ:cool:

 

ญาติทิพย์

เมื่อวันที่๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น๕ค่ำ เดือน๕ เป็นวันดีวันแข็ง ในทางไสยศาสตร์ จะปลุกเสกเลขยันต์อะไรก็จะขลังกว่าวันอื่น โบราญท่านว่าไว้แบบนั้น ทางคณะศิษย์สวนขลังจึงขออนูณาตหลวงปู่ปลุกเสกล็อกเก็ตในฤกษ์ดังกล่าว หลวงปู่กลับมาจากเดินสายพุทธภิเศกตามวัดต่างๆก็ค่ำแล้ว คณะศิษย์จึงกราบเรียนให้หลวงปู่นั้งพักผ่อนก่อน ท่านพักได้ประมาณ๒๐นาที ท่านก็ลุกไปนั้งในห้องพระเพื่อทำการปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งท่านก็ปลุกเสกทั้งหมด ไม่ว่าของเก่าของใหม่ อะไรที่ค้างอยู่ในห้องพระ ท่านให้วนสายสิจน์ทั้งหมดเลย ท่านก็เสกไปพร้อมกับเทศไปด้วย สวดปริตฯ เชิญครูบาอาจารย์เทพเทวามาช่วยเสก ท่านกล่าวได้เท่านั้นกระแสรมก็มาแบบเป็นละลอกๆ ลมเย็นเหมือนรมฝน ท่านนั้งเสกเป่า ทั้งนิ่งๆ ทั้งสวดแบบออกเสียง อันเชิญเทพต่าง ประมาณ๕๐นาทีได้ แล้วท่านก็ลุกออกมา พร้อมทั้งให้ผมนำบารตน้ำมนต์ออกมาด้วย ผู้คนก็ล้อมเข้าไปกราบหลวงปู่ ท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ และกล่าวธรรมเล็กน้อยๆ ท่านพรมน้ำมนต์อยู่ดีๆ ท่านก็มองเลยไปด้านหลังกุฏิ แล้วบอกว่า "ผู้หญิงที่นั้งอยู่ตรงโน้นน่ะ มานี้ มานี้ มารับศิลรับพร" ต่างก็มองหน้ากัน เพราะในพิธีปลุกเสกคราวนั้นมีสุภาพสตรีเพียง๓ท่านเท่านั้น และทั้ง๓ท่านก็นั้งรับพรตรงหน้าหลวงปู่นั้นเอง จึงเป็นเรื่องที่วิภาควิจารณ์กันพอสมควร ว่าเธอผู้นั้นคือใครกัน ต่างตั้งสมมุติฐานไปว่าที่ตรงนั้นเป็นป่าช้า ก็อาจจะมีญาติธรรมมาขอส่วนบุญก็เป็นได้ แล้วเรื่องก็ค่อยๆเงียบหายไป จนกระทั้งเมื่อวันก่อนที่หลวงปู่จะย้ายออกมาจากกุฏิเก่าหลังนั้น น่าจะเป็นวันที่กราบนมัสการนิมนต์หลวงปู่ไปวัดราษฏร์ฯ ถ้าผมจำไม่ผิด ก่อนไปก็หาเรื่องคุยกันไป ตามประสา พอดีนึกเรื่องนี้ออก ก็เลยกราบเรียนถามหลวงปู่ ว่าเมื่อวันเสาร์๕ หลังจากเสกแล้ว หลวงปู่ให้ศิลให้พร หลวงปู่เรียกใครที่หน้าห้องนำ ท่านก็ร้อง "อ๋อออ เรียกผู้หญิงโน้นน่ะ อยู่กับหลวงพ่อมานานแล้ว(ท่านนมักจะเรียกตัวท่านเองว่าหลวงพ่อ แต่เราเรียกว่าหลวงปู่) ฝังอยู่ใอ้ตรงถังแดงๆน่ะ ก่อนตายเป็นคนไม่ค่อยดี เค้าเอามาฝังไว้ตรงนั้น ผ่านมานานเค้าจะขุดขึ้นมา แต่หลวงพ่อไม่ให้ขุด ให้อยู่ตรงนั้นแหละดีแล้ว" ได้ยินเท่านั้น ผมก็ขยับไปไกล้เตียงที่หลวงปู่นั้งอยู่ทันที โดยอ้างว่าได้ยินไม่ค่อยถนัด แหะๆๆ...

 

ท่านทำเหมือนท่านเป็นหลวงตาแก่ๆ ไม่มีอะไร ใครเอาอะไรมาให้เสกก็เป่าให้ แต่ผมว่าท่านแม่นนะครับ เจอมากับตัว ต้องยอมรับครับ ท่านทักพี่ว่าได้ย้ายก็น่าจะได้ครับผม อิอิอิ (เรื่องของผมวันหลังจะเล่าให้ฟังครับ):cool:

 

คุณ magictao เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มานาน มีเรื่องราวเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
ขอบคุณในกำลังใจทุกท่านครับผ๊ม:cool:

 

ขอบคุณครับพี่ แต่ขออยู่เบื้องหลังดีกว่า รักษาเนื้อรักษาตัวครับผม

 

ขออนุญาตเหมือนพี่สอนน้องสักนิดนะครับ
บางครั้งนะครับ อาจารย์เต๋า ถ้าหากเรามีความเชื่อมั่นในตนเองสูงเกินไป ทำให้เราไม่ค่อยจะฟังใคร เพราะเรามั่นใจในตนเองสูง มั่นใจในภูมิรู้ของเรา ทำให้เราขาดความรอบคอบที่จะคิด และฟังคนอื่น พี่ก็เป็นแบบอาจารย์เต๋า ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ยึดความถูกต้องและยุติธรรม แต่ความถูกต้องและยุติธรรมที่เรายึดมันไปกระทบสิทธิคนอื่น ทำให้คนอื่นไม่ชอบ เพราะคนอื่นๆ เค้ายึดความถูกใจของเขา เป็นความถูกต้องและความยุติธรรม ทำให้เราถูกเกลียดชังในหมู่คณะ พี่รับราชการมายี่สิบห้าปี ถึงไม่ก้าวหน้า แต่ก่อนหวังเป็นนายด่านฯ หวังเป็น ผอ. แต่ตอนนี้เลิกหวังแล้ว ตอนนี้ยึดถือคำของหลวงพ่อวาส ให้รู้จัก "ยอม" ท่านบอกว่าจะ "สู้" ไปทำไม ให้ "ยอมแพ้ซะบ้าง รู้จักเอาตัวรอด" ผมก็เลยบอกกับตนเองให้สะกดคำว่า "ยอมแพ้" ให้เป็น ใครจะด่าเรา ถึงเราจะโกรธแสนโกรธ ก็นิ่งเฉย (แต่นานๆ ก็เอาสักที) อาจารย์เต๋ายังเป็นเด็กหนุ่มไฟแรง พยายามลดความร้อนแรงลงอีกนิด พี่ทราบว่าอาจารย์เต๋าก็อยู่ในวงราชการเหมือนกัน ในฐานะที่พี่รับราชการมาก่อน "อาจารย์เต๋าไม่รุ่งแน่ๆ ในระบบราชการ เพราะอาจารย์เต๋าไม่ใช่ข้าราชการยุคนี้ แต่เป็นข้าราชการยุคที่ผู้ใหญ่ยอมรับฟังความคิดเห็นของเด็ก" แต่ยุคนี้รับฟังความคิดเห็นของเด็ก ทั้งๆ ที่ความคิดมันดี ปฏิบัติได้ แต่ถ้าเอาไว้ข้างตัวจะเป็นภัย "ต้องบอนไซ" ไม่ให้มันโต นี่คือระบบราชการที่พี่สัมผัสมาเกือบยี่สิบห้าปีครับ ตอนนี้พี่เลยปลงๆ ไปกราบหาครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพศรัทธาดีกว่าไปไหว้คนพวกนี้ไปวันๆ สบายใจ ได้บุญ สะสมบุญเหมือนกับหลวงปู่ดีท่านบอกว่า "สะสมบุญไว้ในมูลนิธิปรโลก" ยามที่เราลาลับสู่ปรโลกจะได้เก็บเกี่ยวผลบุญเอามาใช้ ผิดพลาดพี่ขออภัยอาจารย์เต๋าด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

 

"สะสมบุญไว้ในมูลนิธิปรโลก" หลวงปู่ท่านเข้าใจสอนนะครับ สะสมเอาไว้เถอะครับ ตายไปเค้ากรวดน้ำให้ ไม่รู้จะได้รับหรือไม่ ทำเองซะดีกว่า ยังไงก็ติดตัวเราไปตลอด ถึงยามเคราะห์หามยามร้าย บุญที่เราสะสมเอาไว้จะได้ส่งผลให้หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย หรือล่วงลับไปก็ยังเก็บเกี่ยวผลบุญมาใช้อย่างหลวงปู่ท่านว่า...

 

หายสงสัยกับชื่อแล้วครับ ตอนแรกนึกว่าเป็นคนบ้านด่าน หรือด่านขุนทด...

คิดจะเออร์ลีฯ ก่อนกำหนดไหมครับ เห็นทุกหน่วยงานกำลังสำรวจและสมัครเข้าร่วมโครงการ...

 

"สะสมบุญไว้ในมูลนิธิปรโลก" ชอบใจคำนี้เช่นเดียวกันครับ

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กด่านฯ
พี่รับราชการมายี่สิบห้าปี ถึงไม่ก้าวหน้า แต่ก่อนหวังเป็นนายด่านฯ หวังเป็น ผอ. แต่ตอนนี้เลิกหวังแล้ว

เหมือนกันเลยครับพี่เด็กด่าน ผมก็ไม่ก้าวหน้าหรอกครับในระบบราชการ เจ้านายไม่ชอบอะไรที่มันตรงๆจริงๆหรือไม่ลื่นหูหรอกครับ รอบๆข้างท่านเลยมีแต่ไอ้พวกใช่แล้วครับถูกต้องครับนายเหมาะสมแล้วครับท่าน ยาดีๆที่ขมๆเขาไม่ชอบครับเขาชอบแต่ยาหวานๆหารู้ไม่ว่าเป็นพิษแก่ตัวเอง ค่าของคนอยู่ที่คนของใครไม่ใช่ผลของงาน สัจจะธรรมอย่างหนึ่งที่รับราชการมา 18 ปีได้บอกตัวเองว่าอย่าหวังเรียกร้องหาความยุติธรรมจากระบบราชการไทยเลยครับหายาก(มีมันก็มีอยู่นะ) ผู้หลักผู้ใหญ่ในที่ทำงานมีตั้งมากมายผมนับหัวได้ไม่กี่คนที่เจอกันที่ยังยกมือไหว้อยู่ จะให้ไหว้ได้งัยครับบางคนครบเครื่องเลยศีล5แถบไม่เหลือสักข้อไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่ามันมีมากในข้าราชการที่เป็นผู้ให้ความรู้ให้การศึกษาคน ทุกวันนี้ก็ได้แต่ปลง พี่เด็กด่านคิดถูกเหมือนผมเลยครับเก็บมือมากราบไหว้ครูบาอาจารย์พระอริยะเจ้าที่เราเคารพบูชาดีกว่าครับ ถึงแม้ชีวิตเราไม่ก้าวหน้าทางอาชีพการงาน แต่ความก้าวหน้าทางธรรมเราไม่ขอยอมด้อยกว่าครับ

ขอเป็นกำลังใจให้พี่เด็กด่านฯ และทุกๆท่านครับ