หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
เมื่อกล่าวถึงหลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่ที่ท่านมีจิตน้อมปฎิบัติตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อันมีจิตสนองเร้าต่อเหล่าสาธุชนผู้ศรัทธาร่วมทั้งหลายที่มากราบมนัสการแด่ท่านโดยให้ความระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นหลักคิดและแนวปฎิบัติคำสอนของพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมามุ่งหวังเพื่อคติธรรมทางใจกันอย่างตั้งมั่น
ครั้นเมื่อการสร้างพระเครื่องเพื่อให้เป็นแบบเอกลักษณ์ที่คุ้มครองใจคนนั้น หลวงปู่ท่านดำหริตามแบบรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นตัวแทนความหมายอนุสรณ์เตือนใจตนที่คงหยั่งยืนตลอดกาล แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปด้วยจิตศรัทธาน้อมรำลึกหลวงปู่ที่ท่านถือข้อปฎิบัติอย่างแน่วแน่และสิ่งที่กระทำอันเป็นผลดีตอบสนองต่อผู้คนจนมีชื่อเสียงกันล้นหลาม นายสาย แก้วสว่างซึ่งเป็นไวยาวัจกรของวัดและศิษย์ใกล้ชิดซึ่งพึงเห็นวัตรปฏิบัติอันกระทำอย่างแน่วแน่และด้วยความนับถือจากทุกผองชนที่เข้ามายังวัดละหารไร่ ด้วยเหตุจิตความศรัทธานั้นเองการกำหนดแบบสร้างจึงได้กำเนิดเป็นแม่พิมพ์ผงรูปเหมือนหลวงปู่ขึ้นมา ตามเจตนารมณ์การสร้างความน้อมรำลึกร่วมกัน
ในยุคที่ทางวัดสร้างเป็นพระผงพิมพ์รูปเหมือนครั้งแรกนั้นคือในช่วงก่อนปีพ.ศ.2514 สมัยนั้นนายสายท่านแกะทำบล็อกแม่พิมพ์จากไม้และดิน โดยกำหนดตามแบบองค์หลวงปู่ท่าน ซึ่งก็ยังมีหลักฐานปรากฏอยู่ การกดสร้างในยุคแรกๆนั้นยังคงใช้สูตรเนื้อหาแบบดั้งเดิมที่ใช้กัน แต่ด้วยรายละเอียดของเนื้อพระยังไม่ค่อยมีความแน่นหนาหรือความกระชับในตัว เกิดความเปราะหรือแตกรานง่ายเมื่อเวลาแห้งตัว ประกอบกับพิมพ์ทรงแลดูใหญ่เกินความสะดวกในการแขวนใช้ จึงต้องยกเลิกพิมพ์นี้ไปหลังจากสร้างกันไปได้ในจำนวนหนึ่งที่ไม่มากพอ ในยุคต่อมาประมาณช่วงปลายปีพ.ศ.2515 นายสายท่านก็ได้แกะพิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่ท่านขึ้นมาอีกครั้งตามแบบแนวพิสัยการคิดและจิตศรัทธาที่พ้องต้องกันอยู่
แบบทรงรูปเหมือนพิมพ์ที่ชื่อว่า”พระเศียรโต”นี้นายสายท่านแกะตามองค์รูปเหมือนจริงในรูปลักษณ์ทรงสี่เหลี่ยมนั่งปางสมาธิมีซุ้มครอบองค์หลวงปู่ท่านอีกที โดยซุ้มครอบในความหมายจริงนั้นคือการกำหนดตามแบบซุ้มประตูวัดหรือซุ้มประตูโบสถ์ ดั่งมีความหมายการถือปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดสมกับเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่ได้ดำเนินสืบทอดต่อกันมา แบบทรงที่แกะตามรูปแบบศิลป์นั้น โดยลักษณะทรงศีรษะของหลวงปู่ท่านจะแลดูใหญ่กว่าองค์รูปร่าง ต่างจึงเรียกกันเป็นพระหัวโตหรือพระพิมพ์เศียรโตตั้งแต่บัดนั้นกัน และถือเป็นแบบเอกลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่ทรงคุณค่าไว้ แต่ลักษณะการสร้างทำนั้นมีการพัฒนาตกแต่งแม่พิมพ์กันไปอีกชั้นโดยใช้ปลายเหล็กแหลมเซาะแต่งให้มีรายละเอียดความชัดเจนตามรูปร่าง จากนั้นก็ได้กดสร้างทำตามแบบทรงและเนื้อหาที่เตรียมกัน ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ตามมุมมองของแต่ละคนที่เห็นไปตามลักษณะขององค์พระกับข้อแตกต่าง จึงต้องตกแต่งแม่พิมพ์กันไปเรื่อยเพื่อให้มีรายละเอียดความชัดเจนขึ้นตามมุมมองที่เห็น ซึ่งลักษณะการทำก็จะเหมือนแบบการสร้างพระขุนแผนพลายกุมารเช่นกัน
เนื้อหาที่สร้างพระเนื้อผงพิมพ์เศียรโตนั้น ส่วนใหญ่แล้วเนื้อหาหลักที่ทางวัดสร้างทำในแต่ละครั้งจะออกเป็นโซนเนื้อขาวทั้งสิ้น แต่จะออกไปทางวรรณะใดนั้นขึ้นอยู่กับส่วนผสมการทำของผงที่นำมาใช้ในแต่ละครั้งมากน้อย และการนำว่านต่างๆมาผสมลงไปเพื่อให้มีพลังอานุภาพตามความเชื่อถือ โดยว่านต่างๆที่นำมาผสมนั้นมีมากมายหลายอย่างที่เราคงเพียงแต่ทราบกันอย่างคร่าวๆเท่านั้นเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์ ว่านสาวหลง ว่านขัดตามอญ ขมิ้น หัวไพรฯลฯ ซึ่งเป็นแค่ตัวอย่างคำบอกเล่าจากบุคคลในวัดที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยเหตุแท้จริงของการจัดหาว่านต่างๆนั้นหลวงปู่ทิมท่านจะเอ่ยกล่าวบอกสรรพคุณและอานุภาพวิเศษขึ้นมา เพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาเอามาตำและผสมสร้างพระตามแต่ละชนิดที่นำมาใช้ ฉะนั้นการสร้างพระเครื่องเนื้อผงที่สร้างทำในวัดเนื้อหาจึงมีมากมายหลายอย่างกัน
ในครั้งนี้ผมได้นำพระเนื้อผงพิมพ์เศียรโตยุคแรก ( พิมพ์ซุ้มหนา ) มาลงให้ชมกัน โดยถือว่าเป็นพิมพ์แรกในการสร้างทำอย่างเป็นเอกลักษณ์ของวัดก่อนที่จะมีการตกแต่งแม่พิมพ์ขึ้นไปอีกชั้นตามลักษณะรูปแบบทรงเพื่อความคล้ายเหมือนอย่างที่สุด ซึ่งรูปแบบหน้าตาของพระผงเศียรโตชุดนี้อาจจะไม่ค่อยพบเห็นในวงการมาก่อนเพราะทางวัดไม่ได้ออกนำมาให้บูชากันเป็นที่แพร่หลาย อาจจะเห็นหรือเคยได้รับกันแค่ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาที่ใกล้ชิดกันเท่านั้น จึงน้อยมากที่วงการจะรับรู้เรื่องราวอันแท้จริง ซึ่งมันแน่นอนเหตุการณ์การสร้างพระเครื่องของวัดละหารไร่นั้นเป็นเรื่องราวที่ควรค่าแก่การศึกษาและติดตามกันอย่างแพร่หลายต่อไป
พระเนื้อขาว กระทู้เปิดตำนานหลวงปู่ทิม ฯ
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย น้าต๋อย เซมเบ้, 26 กุมภาพันธ์ 2013.
หน้า 1213 ของ 1219
-
-
-
รบกวนช่วยดูให้หน่อยครับ ว่าใช่เนื้อขาวของหลวงปู่ทิมมั้ยครับ
พอดีผมมี 1 องค์ อยากจะรบกวนให้ช่วยพิจารณาดูให้หน่อยครับ ว่าแท้หรือเก๊ จะได้ส่งประกวดกับเขาด้วย
ขอบคุณครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
" การละวางสิ่งที่เป็นทุกข์ ก็จะทำให้ชีวิตเราเป็นสุขได้ ขอแค่หยุดคิด หยุดทบทวนดูเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง สิ่งไหนที่ดี เราก็ควรเก็บมาเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ สิ่งไหนที่ไม่ดีเราก็ควรหยุด ไม่ควรนำมันมาใช้อีก รู้จักคิดก่อนพูด รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พยายามทำแต่สิ่งที่ดีๆ ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราและคนรอบข้าง สิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียงแค่เราคิดที่จะเปลี่ยนแปลง"
-
ขอน้อมกราบหลวงปู่ทิม ไหว้คุณตาสาย แก้วสว่าง...สวัสดีครับ อ.แก้วสว่าง และสมาชิกทุกท่านครับ
-
กราบหลวงปู่ทิม และขอบคุณข้อมูลต่างๆได้อ่านเพื่อมีสติ
ขอบคุณชาวเวปและอนุโมทนา สาธุด้วยครับ . -
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
เรื่องราวการบันทึกประวัติของหลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่นั้นเป็นเรื่องราวที่เล่าขานกันมานาน ผมได้พยายามศึกษาค้นคว้าจากโยมผู้เฒ่าผู้
แก่ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่ได้เคยไปมาหาสู่ที่วัดกันซึ่งปัจจุบันที่ยังมีชีวิตนั้นก็ยังมีกันอยู่ โดยคำบอกเล่าที่สืบทอดกันหรือการบันทึกความทรงจำต่างๆที่เคยได้ยินได้ฟังกันมาหรือการเห็นประจักษ์กับตาสามารถเป็นประสบการณ์เรื่องเล่าที่ได้ถ่ายทอดสู่กันฟังเพื่อจะได้ทราบถึงครูบาอาจารย์ที่เรานับถือกันโดยการน้อมนำเอาคำสอนสั่งที่ดีที่เป็นประโยชน์หรือบทความบันทึกการถ่ายทอดบทเรียนจากครูบาอาจารย์ที่สามารถนำมาสื่อใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้เพื่อให้เป็นหนทางแห่งความเจริญก้าวหน้าของชีวิตที่ดีอย่างเป็นรูปแบบ ซึ่งหลวงปู่ทิม อิสริโกนั้นท่านถือเป็นหนึ่งในเกจิอาจารย์ทั้งหลายที่ถือเป็นแม่บทที่ดีที่สาธุชนผู้นับถือทั้งหลายสามารถยึดถือและเป็นแนวปฏิบัติตามหลักวิธีของพระพุทธศาสนา เราจะเห็นว่าความสุขนั้นอาจจะเป็นหนทางของการเกิดกิเลสได้คือเกิดความลุ่มหลงได้ถ้าไม่เข้าใจตามหลักของวิถีแห่งชีวิตได้ และบางครั้งความทุกข์หรือความลำบากนั้นก็อาจจะสามารถเป็นหนทางให้เกิดความเข้าใจหรือรู้จักความหมายอย่างลึกซึ้งของชีวิตนั้นได้ ฉะนั้นสิ่งสำคัญๆต่างๆที่ก้าวเข้ามาในสังคมชีวิตนั้นถือเป็นบทเรียนที่จะพัฒนาตนเองให้มีความเข้าใจหรือมีทัศนคติตามหลักปฏิบัติแห่งทิศทางของชีวิตให้ดำเนินต่อไปอย่างถูกต้องได้ "
ในยุคสมัยก่อนนั้นใครที่เก่งกล้าวิชาอาคมหรือเก่งกาจในเรื่องใดๆของอาคมต่างๆ สามารถเรียนรู้วิชาอาคมใดๆได้แตกฉานเร็วคนในสมัยก่อนนั้นเขาจะเรียกยกย่องคนๆนั้นว่า”ไอ้เสือ “หรือ “ อ้ายเสือ “เป็นคำเรียกแทนนามกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาสนั้นก็จะเรียกเปรียบเสมือนกัน อย่างในยุคสมัยก่อนนั้นเมื่อมีฆราวาสที่ห้าวหาญไปออกปล้นตามที่ต่างๆและศาสตราวุธใดๆนั้นไม่สามารถทำอันตรายได้ โดยที่มีอิทธิฤทธิ์ทางอยู่ยงคงกระพันก็จะเรียกผู้นั้นว่าไอ้เสือเหมือนกัน ซึ่งไม่ว่าจะมีคาถาอาคมที่ดีหรือการถือใช้เครื่องรางของขลังและการสักยันต์ที่นิยมกันในยุคนั้นมีอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์สามารถรอดพ้นภยันตรายใดๆได้ก็จะเรียกดั่งเช่นเดียวกัน ซึ่งที่มาของคำว่า ไอ้เสือหรืออ้ายเสือนั้นคงเรียกกันตั้งแต่โบร่ำโบราณกันมาแล้ว ซึ่งคำว่าไอ้เสือนั้นเราอาจจะตีความหมายว่า ผู้เก่งกาจหรือผู้รอบรู้ หรือผู้มีสรรพวิชาดีในตัวก็ได้ เราจะเห็นว่าแม้กระทั่งหลวงปู่หิน ถาวโรแห่งวัดหนองสนมเกจิผู้เรืองนามยังให้การยอมรับกันกับอาคมและอำนาจจิตที่แก่กล้าของหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่เมื่อครั้งตอนที่ได้มาต่อวิชาอาคมสายหลวงปู่สังเฒ่าข์แห่งวัดเก๋งจึนหรือวัดจัทรอุดม(ปัจจุบันคือรพ.ระยอง)และได้มาลองอาคมกันจนประจักษ์แก่ท่ามกลางสายตาความเด่นชัดขึ้นมากับหลวงพ่อหินและลูกศิษย์ของหลวงพ่อหินในยุคเก่าที่เล่าลือต่อกันมา
ซึ่งวิชาอาคมใดๆนั้น การที่เกจิอาจารย์ต่างๆนำเอาตัวยันต์มาสร้าง ซึ่งตัวยันต์แต่ละตัวที่นำมาสร้างเป็นเครื่องรางนั้นจะต้องได้รับการศึกษาและเรียนรู้ถ่ายทอดจากอาจารย์จนมีความมั่นใจในตัวเองได้จึงจะสามารถนำมาสร้างให้มีอานุภาพอย่างเชื่อมั่น ในยุคสมัยก่อนนั้นการกำหนดตัวยันต์หรือการเรียกสูตรอักขระต่างๆนั้นจะพิถีพิถันหรือเคร่งครัดตามขั้นตอนมาก แม้กระทั่งวัสดุที่นำมาสร้างจะต้องกำหนดตามตำราโบราณหรือครูบาอาจารย์ที่ท่านได้กำหนดไว้ เพื่อผลของอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อถือกันได้ ผมจะขอยกตัวอย่างเช่นการสร้างผ้ายันต์พัดโบกโดยเมื่อครั้งที่หลวงปู่ทิมท่านไปเรียนกับหลวงปู่กราดแห่งวัดชากกอไผ่ โดยตามตำราการสร้างของครูบาอาจารย์กำหนดว่าตัวผ้าที่จะนำไปสร้างเป็นผ้ายันต์พัดโบกนั้นจะต้องใช้ผ้าห่อศพหรือผ้ามัดตราสังข์ จากนั้นต้องนำมาพลีหรือมาบังสุกุลอุทิศให้แก่ผู้ตายให้เสร็จเรียบร้อยจึงจะสามารถนำมาสร้างได้ จากนั้นจะต้องหาว่านต่างๆที่กำหนดไว้ในตำราการสร้างให้ครบแล้วนำมาผสมกันเป็นน้ำว่านหรือผสมกับหมึกแล้วนำมาลงอักขระยันต์บนผ้าที่เตรียมไว้ ซึ่งเวลาลงอักขระแต่ละตัวนั้นจะต้องว่าคาถากำกับทุกตัวและต้องกลึงอักขระของแต่ละตัวไว้ หลังจากนั้นต้องนำไปปลุกเสกในโบสถ์จนกว่าผ้ายันต์ที่เสกนั้นลอยหรือกระพือขึ้นมาก็แสดงว่าเป็นอันสำเร็จเรียบร้อย สามารถที่จะนำมาใช้ให้เกิดผลดั่งปรารถนาความต้องการได้ ซึ่งเป็นคำบอกเล่าของนายสาย แก้วสว่างศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ทิมที่เมื่อครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านเคยสร้างมาผืนหนึ่งตามตำราการสร้างตามแบบที่เรียนมากับครูบาอาจารย์ของท่าน โดยมีวันหนึ่งหลวงปู่ท่านใช้ให้นายสายไปหาว่านต่างๆที่กำหนดขึ้นมาและที่สำคัญคือผ้าห่อศพ โดยวัสดุแต่ละอย่างนั้นนายสายตระเตรียมขึ้นมาให้ทั้งสิ้นตามเจตนาการสร้างของหลวงปู่ จากนั้นหลวงปู่ท่านก็นำไปทำพิธีเสกและเขียนยันต์ด้วยน้ำว่านในห้องของท่านเอง จากนั้นก็ต่อด้วยการนำไปเสกในโบสถ์เก่าอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยต้องปิดประตูโบสถ์ไว้ และต้องเสกจนกว่าผ้ายันต์นั้นลอยขึ้นมา ถ้ายังไม่ลอยถือว่าใช้ไม่ได้นายสายท่านเล่าว่าหลวงปู่ทิมท่านเสกในโบสถ์โดยไม่ออกมาเลยเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน และสามารถเสกจนผ้ายันต์นั้นลอยขึ้นมาเป็นที่ประจักษ์ตาแก่นายสายอยู่เพียงชั่วครั้งที่เห็น ซึ่งถือว่าสำเร็จแล้ว และเป็นการสร้างในยุคเก่าเพียงครั้งเดียวในยุค จากนั้นหลวงปู่ท่านก็มอบผ้ายันต์ผืนนั้นให้กับนายสายไป ซึ่งนายสายท่านเคยนำผ้ายันต์ไปให้เพื่อนลองใช้อยู่ครั้งหนึ่ง โดยให้อฐิษฐานตามเคล็ดลับที่หลวงปู่ท่านบอกผลปรากฏว่า ได้ผลอย่างเร็วมากขนาดกำลังไถนาถึงกับตามกันเลยทีเดียว แสดงให้เห็นผลถึงอานุภาพเมตตามหานิยมอย่างสูง ผ้ายันต์พัดโบกผืนดังกล่าวถือเป็นตำนานการสร้างอย่างหาคุณค่ายิ่ง โดยเฉพาะการใช้ผ้าห่อศพมาใช้ตามตำราการสร้างของหลวงปู่ทิมเมื่อครั้งในอดีตยุคเก่าที่ผ่านมา
เราจะเห็นว่าการสร้างเครื่องรางของขลังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างกันให้ถูกต้องตามตำราที่กำหนดขึ้นมา ซึ่งเกจิในยุคนั้นเขาสามารถทำกันได้จริงด้วยอำนาจจิตที่มั่นและการเรียนรู้กันอย่างจริงจัง การที่จะนำไปใช้ให้เกิดผลได้นั้นก็จะต้องมีเคล็ดลับในการใช้หรืออยู่ที่จิตศรัทธาความเชื่อมั่นจึงจะมีผลตอบรับที่แน่นอน และเมื่อเกจิอาจารย์ในยุคเก่าที่เคร่งครัดในอาคมไสยเวทต่างก็ได้สิ้นยุคกันไปตามกาลเวลา เกจิอาจารย์ในยุคต่อมาที่ได้สืบทอดวิชาและสามารถที่จะทำให้เกิดอานุภาพให้เป็นดั่งที่อาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชานั้นได้ ก็คงจะต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากถึงจะสามารถทำให้เกิดผลได้เหมือนกับอาจารย์ที่ได้ถ่ายทอดวิชากันมา ซึ่งในปัจจุบันนี้นั้นอาจจะด้วยความเจริญของโลกมนุษย์ด้วยสรรพสิทธิ์ทั้งหลายที่ย่างก้าวเข้ามา ความสะดวกสบายหรือความกะทัดรัดเพื่อความรวดเร็วของเวลาที่ทุกวินาทีเพื่อความคุ้มค่าและประหยัดเวลา การสร้างวัตถุมงคลทั้งหลายจึงได้นิยมสร้างเครื่องรางของขลังกันในรูปแบบจำนวนที่มากหลายโดยจะใช้หลักการเป็นแบบรวบรัดตามบทคาถาไปหรือแบบพิธีปลุกเสกหมู่จากเกจิอาจารย์ผู้ปลุกเสกนั้นด้วยความสะดวกทันสมัย ทำให้วิธีการสร้างในแบบยุคโบราณนั้นค่อยๆสูญสิ้นกันไปตามกาลสมัย และจึงกลายเป็นตำนานเรื่องราวที่กล่าวขานกันไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขออนุญาติจองบูชาลูกอมเนื้อขาวแบบมีห่วง รายการที่ 634 ครับผม ขอบพระคุณครับ
-
เหรียญผูกพัทธ ถือเป็นอีกเหรียญหนึ่งที่มากด้วยประสบการณ์
และน่าใช้อีกเหรียญหนึ่งของหลวงปู่ทิม ทุกวันนี้ สวยๆ ต้องมี
เงินแสนไปสู่ขอ หลักย่อยลงมา แล้วแต่บล๊อค และความสวย
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สวัสดียามสายครับ สมาชิกทุกท่าน
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ผมไปซื้อแชลคขาวเบอร์9แต่ไม่ตราปลาแบบน้าต่อยทาไปครั้งแรกด้านหลัง
ออกเป็นสีชาอ่อนเลยหยุดทาเลยครับหาซื้อแถวไหนครับ -
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
" ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม 3 อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา 1 ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ 1 หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า".....คติธรรมคำสอน สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
-
ถ้าไม่มีเบอร์ 9 ตราปลาเสือ ให้หายี่ห้ออื่นที่มีลักษณะ
ใส ไม่เคลือบมันเหมือนแลคเกอร์
เมื่อน้ำยาโดนเนื้อพระ จะมีลักษณะชุ่ม ออกสีหม่นบ้าง
เมื่อทิ้งไว้ไม่นาน พอแห้ง ผิวจะเป็นปกติครับ เนื้อพระ
จะมีความตึงมากขึ้น ถ้านำไปเข้ากรอบแล้ว ในภายหลัง
จะไม่มีผงหลุดร่อนเป็นละอองมาเกาะครับ.... -
รายละเอียดความคืบหน้าของงานในปีนี้
ทางพี่รักรังสิต จะมาชี้แจงให้ทราบกันต่อไป
รอประสานงานทุกอย่างให้ลงตัวกันเสียก่อน
บอกได้คำเดียวว่า....ปีนี้ใหญ่กว่าทุกงาน
ที่ทางกลุ่มได้ดำเนินงานมาครับ -
พระเนื้อขาวผมลงแชลคขาวเบอร์ พอแห้งแล้วออกเป็นสีชาอ่อนคล้ายของคุณ นาคเสโน
ขออนุญาตที่เอ่ยชื่อครับ -
เรียนน้าต่อยครับผมกลับไปดูแชลคเบอร์9 เป็นตราปลาเสือ มีเบ็ดแบบเดียวกันกับที่น้าบอกใช่หรือไม่ครับถ้าใช่ก็ไปทาด้านหน้าต่อครับขอบคุณครับ
-
ไม่งั้นจะชุ่มน้ำยา จนสีของพระเปลี่ยนไป -
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
“เมื่อกล่าวถึงเรื่องขุนแผนพลายกุมารกับรูปลักษณ์ของไม่สวยเขามีไว้ใช้ ของสวยเขาทำไว้ขาย เป็นเรื่องจริงที่เซียนพระรุ่นเก่าในเมืองระยองเขาทราบดีตามคำร่ำลือที่สนองกันมาช้านานกับความจริงที่เกิดขึ้น”
รูปลักษณ์ของจริงกับวัดและรูปลักษณ์ของจริงที่ทำขึ้นมาใหม่นั้น มันแตกต่างกันอย่างไร! เป็นปัญหาคำตอบที่ยังต้องถกเถียงกันต่อไปมิมีวันที่จะจบสิ้นในสถานะการณ์ที่พระขุนแผนนั้นมีราคาพุ่งปริ๊ดกันในตอนนี้ จริงๆถ้าจะมองในเรื่องราวของการสร้างขุนแผนนั้นยังมีอีกมากมายถ้าจะว่ากันไปในลักษณะการทำที่เป็นจริง
ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่การเข้าใจถ้าเราจะมองในตามแบบอัตลักษณ์กันระหว่างบล็อกทองเหลืองกับบล็อกหินมีดโกนตามรูปแบบความจริง ซึ่งในวงการหลายคนคงจะไม่เคยมีความคิดที่แยกแยะจำเพาะกันระหว่างแม่พิมพ์ทองเหลืองกับแม่พิมพ์หินมีดโกน ว่าควรจะมีลักษณะตามแบบสมควรเป็นอย่างเช่นไรกันกับรูปลักษณ์ทรงที่เห็น
ขุนแผนพลายกุมารบล็อกแม่พิมพ์หินมีดโกนคือแบบสร้างที่นายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรวัดละหารไร่ได้กำเนิดแกะขึ้นมาก่อนแรกเริ่ม กับแม่พิมพ์ทองเหลืองที่ อ.ดุษฎี ศิริโวหารสั่งทำมาจากช่างแกะในกรุงเทพฯ โดยรูปทรงที่มองเห็นนั้นต้องมีความต่างกันแน่นอนในลักษณะศิลป์ฝีมือและรายละเอียดเนื้อหาการแกะทำแม่พิมพ์....?
มีปัญหาข้อสงสัยที่ถามกันว่า ขุนแผนที่เล่นหากันทุกวันนี้นั้นทางวัดเขาสร้างและออกจำหน่ายบูชากันนั้น มาจากแม่พิมพ์ตัวใดกันแน่! ถ้าเรามองตามแบบรูปทรงที่เห็นกัน ทุกคนจะต้องตอบว่าเป็นฝีมือช่างแกะแน่นอนเพราะรูปทรงลวดลายดังปรากฏที่เห็นอย่างชัดเจน และโดยตามรูปแบบนั้นจะเป็นบล็อกแม่พิมพ์หินมีดโกนนั้นไม่ได้แน่นอน เมื่อมันเป็นคำตอบที่สามารถแบ่งแยกและเปรียบเทียบได้ ความจริงที่วิเคราะห์ก็คงไม่ยากเกิน..... -
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
[FONT="]การ สร้างทำพระเครื่องของวัดละหารไร่คือการสร้างแบบพัฒนากันไปตามความคิดและการ กระเกณฑ์หรือการลองพิมพ์เพื่อหาเนื้อหลักสำคัญที่นำไปสู่วัตถุประสงค์การ บูชาได้ จะเห็นว่าเนื้อหาที่เราเห็นกันทุกวันนี้มีหลายแบบที่ไม่ตายตัว เพราะการผสมเนื้อหามวลสารและตัวประสานนั้นยังไม่มีความแน่นอน จึงหามาตราฐานเนื้อหาและพิมพ์ที่เป็นตำหนิกฎเกณฑ์ไม่ได้ ............[/FONT] -
อยากได้บูชาครับ มีแบ่งราคาเบาๆมั้ยครับ
หน้า 1213 ของ 1219