วันเสาร์ที่ผ่านมา ผลการตรวจ ความดัน และ เบาหวาน ของคุณแม่ สามารถคุมได้ดีทั้งสองตัว ซึ่งตัวล่างของความดันคุมได้ดีกว่าเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เป็นกำลังใจให้เราแอบรักษาทุกวัน มีโรคท้องผูกที่ไม่ได้ดูให้แล้วคุณแม่ขอยาถ่ายมาเพิ่ม เมื่อวันอาทิตย์ พี่ๆ เช่น พี่ดาวทะเลทราย แนะนำให้รักษาจักระที่ 3 จะคอยดูว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า ผลจะเป็นอย่างไร
หมั่นแตะจักระที่ 7 (พอระดับ 5 ก็ใช้ระยะไกลแทน แต่ก็หลายเดือนอยู่) ของเด็กสาวที่บ้าน (ม.5) ดูๆ แล้วพฤติกรรมเขาจะเปลี่ยนในทางที่ดี ให้ความใกล้ชิดกับเรามากขึ้น รู้สึกสนใจอ่านหนังสือมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะการที่เราหมั่นแตะที่ 7 ทำให้ความใกล้ชิดมากขึ้น หรือ ??? --> ใครมีประสบการณ์เล่าให้ฟังด้วยครับ เดี๋ยวเหมาคิดเองไปคนเดียว
ทั้งนั้นทั้งนี้ ขอรอดู เรื่องราวต่างๆ ต่อไป
วันอาทิตย์ต้องขอบคุณพี่ดาวทะเลทรายที่พา รุ่น 5 ไปหาของกิน ไปกินข้าวอย่างเดียวเพราะติดธุระ เพราะถึงเวลา 13.00 เราก็แว๊ปไปทำธุระทันที
พลังเอกภพยูเรอัส
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anumota, 17 มิถุนายน 2009.
หน้า 35 ของ 140
-
เรื่องนี้มีคนพิสูจน์มาหลายคนแล้ว ของขจรวรรณตอนที่หลานชายยังเล็กๆ
แอบแตะจักระ 7+6 ให้นะ เด๋วนี้เรียนหนังสือเก่งมั่กๆ สอบได้ที่ 1,2 รึ 3 ไม่เกินนี้ หุหุ
ถ้าจะให้ดีนะแตะตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์เดือนละครั้ง 3 เดือนก่อนคลอด
เด็กคลอดออกมาจะฉลาดผิดมนุษย์เรยค่ะ เสียอย่างเดียวซนมหาศาล อิอิ..
(deejai)(deejai)(deejai) -
ความสุข ความทุกข์
วันก่อนมีพี่คนหนึ่งมาคุยด้วย พี่เค้าพูดขึ้นมาว่าผมอายุร่วม 50 ปีมานี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าความสุขที่แท้จริงของคนเราอยู่ตรงไหน? ก็เลยบอกไปว่าความสุขของพวกเรานั้นไม่ได้อยู่ตรงไหนหรอก มันอยู่ที่ใจของเราข้างใน ณ ปัจจุบันนี้, เดี๋ยวนี้, วินาทีนี้ ถ้าปัจจุบันเราไม่มีความสุข อนาคตของเราก็ไม่มีความสุขแน่นอน เอามาฝากจากอาจารย์ด๋างจ้า..:cool:
..............................
เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อทุกๆคน ทุกประเทศ ทุกเชื้อชาติ ทุกสังคมชนชั้น รวยหรือจน ทุกยุค แต่ไม่มีใครสักคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ จริงๆ เคยมีคนตอบคำถามนี้มาแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าใจและปฏิบัติตามได้
โดยข้อเท็จจริงแล้ว ความสุขเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะรับรู้ได้ ความสุขของคนๆหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเสียแล้ว ความสุขของคนทั้งชายและหญิง สามีและภรรยาก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ยากมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเวลานานสัก 1 เดือน 1 ปี สำหรับเรื่องความสุขแล้วไม่ง่ายนักที่จะรับรู้และเข้าใจได้ ความสุขร้อยปีก็เป็นแค่ความปราณรถนา ที่ไม่เคยมีใครได้ประสบเลยสักคนเดียว หนึ่งร้อยปีแห่งความสุขก็เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งที่ฝันว่าจะได้มีความสุขเท่านั้น ความสุขต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานและภายนอก เช่น ร่างกาย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม การประพฤติปฎิบัติ ประเทศ เชื้อชาติ และภาษา เป็นต้น และองค์ประกอบภายใน เช่น ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะมองว่าเป็นปัจจัยด้าน จิตวิญญาณ
คนส่วนใหญ่เมื่อพูดเรื่องความสุข เช่น ในกรณีของการแต่งงาน ความสุข ระหว่างสามีและภรรยา คู่สมรส เพื่อทำให้ทั้งคู่ได้มีความสุข พวกเขาจะต้องรู้จักผสมกลมกลืนทั้งทางด้านร่างกาย คุณลักษณะ ความรัก ความรู้สึก ความชอบ ทัศนคติ ขนบธรรมเนียม ประเพณี นิสัย ความต้องการ ความปรารถนา ฯลฯ ยิ่งมีความสามารถในการผสาน ภายในครอบครัวของคุณอาจเปราะบางไม่แข็งแรงนัก เริ่มจากสิ่งที่รำคาญบางอย่าง เรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่เราไม่เคยเฉลียวใจ ซึ่งอาจเป็นเรื่อง ก้อนอิฐ ประตู รั่วบ้าน สามีภรรยาอาจมีปากเสียงกัน พ่อและลูกอาจไม่ลงรอยกัน ถ้าเราให้ความรักแก่ลูกมากขึ้น ดูแลเอาใจใส่พวกเขาดีขึ้น แสดงความรักต่อพวกเราด้วยความจริงใจแล้ว พวกเราจะรู้สึกว่ามีความสุขมากขึ้น
เมื่อพูดถึงการรักตนเอง คนเรานึกว่าเป็นเรื่องง่ายๆ บางคนคิดว่าการรักตนเองเป็นการเห็นแก่ตัว แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น การรักตนเองไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้อย่างง่ายๆ แต่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมากๆ เอาแค่เรื่องรักร่างกายของตนเองก็เป็นเรื่องที่ทำยากเสียแล้ว จงหันมามองเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของนักร้องยอดนิยม ไมเคิล แจ็คสัน เขาเป็นคนที่ไม่รักตัวเขาเอง เขาไม่ต้องการมีรูปลักษณ์อย่างใบหน้าของเขา เขาไม่รักสีผิวของเขา เขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่กว่ามาแล้ว ผลก็คือใบหน้าของเขาเสียโฉม ร่างกายและผิวหนังของเขาได้รับอันตรายเสียหาย เราคงจะไม่ต้องทำอย่างไม่เคิล แจ็คสัน หรือจะทำก็ได้ แต่ให้ระวังความคิดของพวกคุณก็แล้วกันว่า อย่าให้เหมือนกับความคิดของไมเคิล แจ็คสัน พวกเราอาจไม่ค่อยชอบใบหน้าของตนเอง รูปทรงเรือนร่างของตนเอง สีผิวของตนเอง ชาติกำเนิด ภาษา พ่อแม่ ฯลฯ นั่นหมายความว่า พวกเราไม่ได้รักตนเอง และที่สุดพวกเราก็จะเป็นทุกข์
ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่ไม่รักตนเองอีกมากมายนับจำนวนไม่ถ้วน พวกเราอาจไม่รักสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น ของสามีภรรยา ของลูกๆ พี่ชายและน้องสาวของเรา เพื่อนของเรา ชื่อของเรา ยศตำแหน่งของเรา เงินทองของเรา รถของเรา ประเทศของเรา ศาสนาของเรา วัฒนธรรมของเรา เป็นต้น ผลที่สุดเราก็อาจเป็นทุกข์ ไม่มีความสุข ถ้าเราอยากจะมีความสุขเราต้องทำในสิ่งที่กลับกัน เราต้องให้ความรัก และรักทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเราจะต้องทำตัวอยู่ในสภาวะที่ปลอดโปร่ง สดใส พวกเราต้องไม่ตาบอด โง่ รักอย่างบ้าคลั่ง แต่รักด้วยปัญญา
ทำไมในเมื่อเรารักตนเองแล้ว เราต้องไม่รักเฉพาะผู้อื่นเท่านั้น หากแต่ยังต้องรักทุกสิ่งทุกอย่างด้วย ก็เพราะว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มใหญ่ ไม่ใช่คนๆเดียว โดดเดี่ยวต่างหาก เช่น สิงโต พวกมันไม่สามารถแยกกันอยู่ตามลำพัง ถือสันโดษและยิ่งไปกว่านั้นสิงโตยังต้องต่อสู้กับมนุษย์ หรือรังเกียจสัตว์อื่น มนุษย์ต้องการแลกเปลี่ยน ให้ความร่วมมือกันและมนุษย์จะต้องสู้กับความว้าเหว่ เงียบเหงา คนเราจะมีทุกข์เพราะความเหงา โดยลำพังตนเองแล้ว มนุษย์ไม่สามารถที่จะพัฒนาขีดความสามารถใดๆได้ เพราะเหตุนี้พวกเราจึงต้องขอบคุณสังคมที่เราอยู่อาศัย ยิ่งมีผู้คนมากเท่าไร พวกเราก็ยิ่งต้องมีการติดต่อกัน เพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าตามที่พวกเราต้องการ
ความสุขของพวกเราจะเพิ่มพูนมากขึ้นเป็นหลายเท่า ไม่เพียงแต่พวกเราจะรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น แต่พวกเรายังรัก ต้นไม้ พืช ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสัตว์โลกทุกสายพันธุ์ด้วย ถ้าพวกเรามีความรุ้สึก เป็นสุขที่ได้เห็นดวงอาทิตย์ส่องแสงในยามเช้า และยามบ่าย ได้ยินเสียงนกร้อง ได้เห็นปุยเมฆลอยอยู่ในท้องฟ้า ได้ทอดสายตามองไปยังภูเขาสูงหรือมหาสมุทรกว้างใหญ่ ได้เห็นความงามของบุปผชาติ ผีเสื้อสีสวยงาม เมื่อพวกเรารู้สึกประทับใจในภาพวาดศิลปะ บทประพันธ์ภาพยนต์ เมื่อพวกเรารู้สึกร่าเริงชื่นชมในเสียงกระแสน้ำไหลริน เสียงน้ำกระฉอก เมื่อพวกเราชื่นท้องฟ้า ดวงจันทร์และดวงดาว รักและสนุกกับเสียงดนตรี พวกเราก็ระลึกได้ว่าโลกนี้แท้จริงก็คือ สวรรค์นั่นเอง เป็นของขวัญที่พิเศษสุดที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ได้มอบให้แก่มนุษยชาติ สวรรค์ก็มิใช่ที่อื่นใดที่พวกเราฝันถึงหรือเสาะแสวงหากัน..
ชมรมศิษย์พลังจักรวาล • แสดงกระทู้ - ความสุข และ ความทุกข์
:VO:VO:VO<O:p</O:p -
ผมเอง พอฟังจบ ก็รีบกลับ
เพราะ มีนัด .....
พอดี ประมูล เหรียญ หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย พ.ศ.2459 ได้
นัด ไป รับพระ ตอนเย็น ต้องรีบไป ให้ทัน
เอารูป มาให้ ชม กันด้วย
เหรียญ นี้ เคย ประกวดติดรางวัล ที่ 1 งาน ที่ พันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน
หลวงพ่ออยู่ ท่าน เป็น พระเกจิอาจารย์ ในยุคเก่า เป็นอาจารย์ ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม อีกด้วย
ที่รู้ ว่าท่าน เป็นอาจารย์ ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ก็ เพราะว่า มีคุณปู่ท่านหนึ่ง ท่านมีศักดิ์ เป็นหลาน ของ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
นายปรีดา ( เจ้าต่าย ) เพื่อนสนิทของผม เอง เคย ได้ คุยกับ คุณปู่ท่านนี้
จน คุย กัน ว่า แก มีเหรียญหลวงพ่อคง อยู่ เหรียญหนึ่ง
หยิบ ออกมา อวด แถม เล่าให้ฟัง ว่า เหรียญ นี้ อยู่ ในย่ามของหลวงพ่อคง ตลอดเวลา
พอ หยิบมาดู ได้ มี ฮา กันบ้าง แหละ.... .........55
ก็ เหรียญ ที่ คุณปู่ ยืนยันว่า ได้มาจากย่าม ของ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม นั้น
เป็น เหรียญ หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย ซึ่งเป็น อาจารย์ ของ หลวงพ่อคง อีกทีหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่ง ที่ยืนยัน เรื่องราวนี้
หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ท่าน เคารพ หลวงพ่ออยู่ มาก
ในสมัยที่ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ท่าน ยังมีชีวิตอยุ่
ตอนนั้น มีนายสถานีรถไฟ คนใหม่ ย้ายมา
ก็ มีการ ทาสี ตกแต่ง ห้องทำงาน ใหม่ ให้ นายสถานี คนใหม่ เป็น ธรรมดา
ทำเสร็จ พอ ท่านเข้ารับตำแหน่ง
มีการทำบุญเลี้ยงพระ
นายสถานี ท่านก็ นิมนต์ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม มา เจิม หน้าห้อง
หลวงพ่อคง ท่าน ก็ นั่ง นิ่ง ทำสมาธิ แล้ว ยกมือ ไหว้ หน้าห้อง ไม่ เจิมให้
จน นายสถานี้ คนใหม่ ต้อง กล่าว บอก หลวงพ่อคง อีกครั้ง ของให้ท่าน ช่วย เจิม หน้าห้อง ให้ เป็น ศิริมงคล สักหน่อย เถิด ครับ
หลวงพ่อคง ท่าน จึง ตอบ ว่า.......... อาตมา ไม่อาจเจิมให้ ท่านได้ หรอก
เพราะ ของเก่า ดีอยุ่ แล้ว.....
หลวงพ่ออยู่ ท่าน เคยมาเจิม ไว้ให้ แล้ว นี่ นา
อาตมา เป็นศิษย์ มิอาจ เทียบ อาจารย์ ได้ หรอก...
แล้ว ยังบอกอีกว่า แม้น ต่อให้ รถไฟ ตกราง วิ่งมาชน สถานี นั่งในห้องนี้ ก็ ไม่ เป็นอันตราย หรอก ............................
เรื่อง นี้ นายสถานี จดจำ ไว้ อย่างประทับใจ ...
พอทำงาน ไป นานๆ ก็ สืบถาม คนเก่า คนแก่ ในที่นั้น ...
จน ทราบว่า เคยนิมนต์ หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย มาเจิม ห้อง นายสถานี้ นี้ จริงๆ...
แต่ ก็ นามมากแล้ว ไม่มี ร่องรอย เหลือให้เห็น แล้ว
ตอนที่ นายสถานี้ คนใหม่ ท่าน ย้ายเข้ามา ก็ มีการ ตกแต่งทาสี ให้ ใหม่ อีก ด้วย
จึง ไม่ มี ร่องรอย อะไร เหลือ ให้ เห็น
ความประทับใจ นี้
ทำให้ นายสถานี ท่านนี้ พอ มีการ ก่อสร้าง สถานี้ใหม่
รื้อ ห้อง เก่าออก ท่านยัง ได้ เก็บ ปูน ก้อนเบอเร่อ ตรงทีหลวงพ่ออยุ่ ท่านเจิมไว้ กลับมาด้วย
ปัจจุบัน ปูนก้อนนี้ ท่าน ก็ ยังเก็บรักษาไว้ ที่บ้าน ของท่าน เอง แหละ
เป็น เรื่องราว ความศักดิ์สิทธิ์ ของ หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย และ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
และ ความ เคารพ อาจารย์ ของท่าน เป็นอย่างยิ่ง...
อีกมุนหนึ่ง ที่ สืบค้น โดย นายปรีดา พานิชอำนวย ( นายต่าย)
เพราะ ตัวเค้า เอง เคย รอดตาย เพราะบารมี ของหลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย ท่านคุ้มครอง ให้ปลอดภัย
ดัง ที่ ผม เคยเล่า ไปแล้ว ในกระทู้
ตอน ก่อน ที่ จะไป ทัวร์ แม่ กลองกันไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขอบคุณคุณขจรวรรณครับ ที่แนะนำเรื่องเด็กให้เรียนหนังสือให้เก่งๆ ที่ 7+6 ช่วงนี้เด็กกำลังสอบ mid term ด้วยกำลังอ่านหนังสือเครียดกันใหญ่
เสียดายเล่นเหรียญเก่าๆ ไม่เป็น เหมือนพี่ดาวทะเลทราย อย่างมากถ้าชอบใจ ก็จะจอง เหรียญรุ่นใหม่ๆกัน อีกทั้งผู้ใหญ่ที่บ้านก็เตือนให้แขวนพระพุทธเจ้า ต้องเชื่อคำทัก แขวนหลวงพ่อโสธรเลย สบายใจ ....
(ping)
-
อีกไม่นานพวกเราคงจะได้มีโอกาสเจอเด็กที่มีสมองก้อนเดียว ไม่แบ่งออกเป็นสามส่วนอย่างมนุษย์ยุคปัจจุบันอีกต่อไปแว้ว เด็กเหล่านี้แหล่ะค่ะที่จะเป็นกำลังสำคัญของมนุษย์ในยุคต่อไป ยุคที่ปราศจากการแบ่งแยก หุหุ..
เล่ามากไม่ล่ายเด๋วถูกวิพากวิจารณ์. เอิ๊ก..:cool: -
ตั้งแต่เมื่อวานครุ่นคิดถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่เพื่อนชาวคริสต์คนหนึ่งเล่าให้ฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า มีเมืองๆ หนึ่งเกิดอุทกภัยน้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหลังคา
<O:p</O:p
บาทหลวงท่านหนึ่งก็หนีน้ำขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาโบสถ์ และเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งท่าน จะต้องมาช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน เวลาผ่านไปมีชาวบ้านละแวกนั้นพายเรือหนีน้ำมาเห็นบาทหลวงก็ชวนขึ้นเรือไปด้วยกัน แต่ท่านก็ปฏิเสธคนแล้วคนเล่าท่านก็ยังไม่ลงเรือไปกับเค้าเหล่านั้น ด้วยความเชื่อว่าพระเจ้าจะต้องมาช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน
<O:p</O:p
น้ำเริ่มท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ และท่วมจุดที่ท่านยืนอยู่จนท่วมศรีษะแล้วท่านก็เลยเสียชีวิตลงไปกับสายน้ำ หลังจากเสียชีวิตบาทหลวงท่านนี้ก็ได้เข้าไปพบพระเจ้า จึงต่อว่าพระองค์ด้วยความน้อยอกน้อยใจว่าทำไมพระองค์ถึงไม่ช่วยเหลือท่าน พระองค์ก็เลยตอบว่า “ เราก็ได้ส่งเรือไปรับท่านแล้วตั้งหลายลำ แล้วทำไมท่านไม่ก้าวลงมาในเรือเหล่านั้นล่ะ? ”
<O:p</O:p
แล้วก็มีความคิดหนึ่งแว๊ปเข้ามาในหัวตัวเองขึ้นมาว่า แล้วถ้าหากพระศรีอารยเมตไตยที่พวกเราชาวพุทธต่างรอคอยกันมานานแสนนานมาปรากฏพระวรกายแล้ว พวกเราจะรู้มั้ยว่านั่นคือพระองค์??? ( อันนี้คิดเองเล่นๆ เด้อค่ะเด้อ.. เอิ๊ก )
(f)(f)(f) -
ถ้าหากพระศรีอารยเมตไตยที่พวกเราชาวพุทธต่างรอคอยกันมานานแสนนานมาปรากฏพระวรกายแล้ว พวกเราจะรู้มั้ยว่านั่นคือพระองค์??? ( อันนี้คิดเองเล่นๆ เด้อค่ะเด้อ.. เอิ๊ก )
ชอบใจ คำพูดนี้ จริงๆ
เพราะ ได้ยิน แต่ คนพูด ว่า ยุคนี้ เป็นยุค ของ พระศรีอริยเมตไตร ท่านจะ มาโปรด
แล้ว คนที่ พูด นะ รู้ ไหม ว่า ท่านเป็นใคร
หากท่าน เสด็จ มา จะ รู้ ไหม......................
น่าน ซิ นะ .....
ท่านจะมา ใน รูปลักษณะ ใด .. น่าคิด เหมือนกัน -
ใกล้ปีใหม่ แล้ว
หลาย คน คง ได้หยุด ยาวๆ กัน
แต่ ปี นี้ บริษัท ผม หยุด แค่ วันที่ 1 วันเดียว
งาน เร่ง
จึงไม่ ได้ไป เชียงใหม่ เหมือน ที่ เคยทำ ทุกปี ๆ ในปีใหม่
ใจ จริง รู้สึก ว่า อยาก จะ ไป เที่ยว ประสาทหิน โบราณ ที่ ไหน สักแห่ง หนึ่ง
นึก ไม่ ออก
เพิ่ง มา ร้อง อ๋อ เมื่อวานนี้ เอง
ประสาทเก่า เมืองสิงห์ ที่ จ.กาญจนบุรี นี่ เอง
เป็นประสาท เก่า ศิลปในยุคขอม โบราณ คล้ายๆ ประสาทหินพิมาย ประมาณ นั้นแหละนะ
ผม เคย ได้ พระร่วงยืน องค์ ใหญ่ ที่ ขุดพบ ในประสาทเก่าเมืองสิงห์ มา ครึ่งองค์
ตอนที่ ได้มา ก็ ไม่ รู้ หรอก รู้ เพียงว่า เป็น พระร่วงยืน ศิลปขอม คล้าย (ศิลปลพบุรี)
องค์ ใหญ่มาก พอควร เพราะ ได้มา แค่ ครึ่งองค์ ท่อนบน ยัง สูง สัก 1.5 นิ้ว เลย
เป็นเนื้อชินเงิน เก่ามาก ชนิดที่ ภาษา นักสะสม เค้า เรียกกันว่า แท้ ตาเปล่า
คือ แค่ เห็น ก็ รู้ ว่า เก่าแก่ แท้ จริง
มารู้ เอาทีหลังว่า เป็นพระ ที่ ขุดพบ ที่ประสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี
ขอ เล่า เกร็ดประวัติศาสตร์ + ข้อมูลทางธรณีวิทยา ซะหน่อย
เมืองไทย เรา มี เหมือง ตะกั่ว เพียงเห่งเดียว อยู่ ที่ กาญจนบุรี เป็นเหล่งตะกั่ว เก่าแก่ มาตั้งแต่ยุคโบราณ
ในยุค ก่อนสุโขทัย เป็นยุค ที่ พวกขอม เรื่องอำนาจ คลอบคลุม พื้นที่สุวรรณภูมิ แห่งนี้
พวกขอม เดินทาง มา เอาแร่ตะกั่ว จาก เมืองกาญจนบุรี นี่ แหละ นำกลับไป ใช้ที่ เขมร
จึง มี หลักฐาน โบราณวัตถุ ปรากฏ ให้ เรา เห็น ร่องรอย ตลอบเส้นทาง ลำเลียง
ตั้งแต่ กาญจนบุรี ขึ้นไป ถึงตอนกลาง เลี้ยวขวา ออกอีสาน ไป จน ถึง เขมร
จาก การที่ผม เอง ชอบสะสมพระเครือง เนื้อชิน
คำว่า เนื้อชิน หรือ ชินเงิน
ที่แท้ จริงแล้ว คือ โลหะตะกั่ว ที่มีส่วนผสม ดีบุก เมื่อหล่อ เท ออกมา ผิวดีบุก ซึ่งเบากว่า จะ ลอย มาฉาบหน้าไว้ เห็น เป็นสีเงิน แวววาว จึงเรียกว่า ชินเงิน
พระที่ แก่ ตะกั่ว หรือ มี ดีบุกน้อย ถึงน้อยมาก ก็ จะเรียก ชินตะกั่ว
ส่วน พระ ที่ ทำจาก ชินเขียว
เป็น ของปลอม ทั้งน้าน .... แต่ นักสะสม รุ่นใหม่ ๆ โดนหลอก
( เรื่องจริงนะ จะบอกให้ ) จน มีปรกวด พระเนื้อชินเขียว กัน แล้ว ในงานประกวด ทุกวันนี้ เรา ก็ ไม่รุ้ จะ ไป ถกเถียง เค้า ได้ อย่างไง
มันเป็นการค้า ไปแล้ว
ก็ เปิดกรุ หริอ กรุแตก ออกมา ได้ พระ เนื้อดินเผา เนื้อชินงิน ชินตะกั่ว ไม่เคยเห็น พระแตกกรุ ออกมา เป็น ชินเขียว สักที
หมายถึง กรุ เก่าๆ โบราณ จริงๆ นะ
จะเล่า เรื่อง พระสาทเก่าเมืองสิงห์ กลาย เป็น คัมภีร์ พระกรุ ไป ได้ ไง นี่ ...... 55 -
ตะกี้ กำลัง ยืนดู เครื่องผลิตไฮโดรเจน อยู่ ตรง โต๊ะทดลอง รกๆ ของผม นั่นแหละ
กำลัง จะ จัด โต๊ะ สักหน่อย เพาเวอร์ ซัพพลาย ที่ พังไป ก็ ซ่อม เสร็จแล้ว ยกกลับเข้าที่
เสียง อะไร หล่น ลงมา บนโต๊ะ ดัง ตุ๊บ
อาไร นะ....... พอเปิดไฟ บนโต๊ะ ให้ สว่าง ๆ
นก กระจอก นี่ นา..
มัน คง บิน มา ชนฝาผนัง แล้ว ตกลงมา บนโต๊ะ พอดี
นิ่ง เลย ดูแล้ว ยังไม่ ตาย คง เจ็บน่าดู แขนขา หักบ้างหรือเปล่า ก็ไม่รู้
สงสารนก
จะ จับมารักษา ก็ เกรงว่า มันจะตาย เหมือน ตอนที่ ทดลองปลูกพืช และส่งพลัง
เอาเป็นว่า รักษา แบบ เบา ๆ แล้ว กันนะ เจ้า นกกระจอก
ถอย ห่าง ออกมาหน่อย..................... 55
ส่งพลังรักษา แบบทางไกล ระยะ ใกล้..................
เข้า จักระ 7 ลงไปทั้งตัว
นิดเดียวพอ.... เดียว เป็น นก ย่าง
ก็ นกกระจอก ตัวมัน นิดเดียว ขืน ส่งพลัง ให้มากไป ประวัติศาสตร์ จะซ้ำรอย
สักครู่ เดียว นก มันคง หาย จุก
เริ่ม ดิ้น รน พยายาม กระพือ บีก แต่ ก็ ไปไม่ไหวหรอก
จึง บอกเจ้านกไปว่า พัก ให้หายเจ็บก่อน แล้ว ค่อยกลับบ้าน
มัน ก็ ดือ ดิ้น จน ตกโต๊ะ ลงไป ให้โต๊ะ ... ก็ ตามใจ
เข้าใจ ว่า ปีก หักไป ข้างหนึ่ง กับ ขา เจ็บ อีกข้างหนึ่ง
บอบ ชำ ไม่ น้อยที่ เดียว
ถ้า เป็น มนุษย์ โดน อาการ นี้ คงได้ นอน ไอซียู แล้ว ละมั่ง
อีกสักเดี๋ยว ค่อย แอบไป ดู เจ้านกกระจอกใหม่ ว่า จะ รอด ไหม -
ดีใจ กับ เจ้า นกกระจอก มัน รอดแล้ว
เดินลงไป ที่ โต๊ะทดลอง อีกครั้ง เพื่อดู อาการ เจ้านก กระจอก
มันยืน รอ ผม อยู่ ที่ ขาโต๊ะ
กระโดน ไปมา สองสามที เหมือน เซ ๆ เซไป เซมา
กลับไป ตั้งหลัง ที่ ที่ม้น นอนที่เก่า แล้ว ก็ บินมา เกาะที่ ขา โต๊ะ อีกที
ตั้งหลัง ได้ ก็ บิน ออกไป
บิน ยัง เซ เลย
ก็ ดี ใจ ด้วย นะ เจ้า นกกระจอก หายเจ็บแล้ว กลับบ้านได้ ขอให้ ปลอดภัย นะ -
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ
พอดีช่วงนี้พอมีเวลาเลยพบกระทู้น่าสนใจนำมาแนะนำครับ
มหาวิหารและเครื่องรางอันศักดิ์สิทธิ์แห่งไอยคุปต์
สวัสดีปีใหม่ครับ -
สวัสดีปีใหม่ เพื่อนสมาชิกชาวยูเรอัสทุกท่านครับ
ขอให้ทุกๆท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรงตลอดปี 2010 นี้นะครับ -
สวัสดีปีใหม่ กับเพื่อนๆ ทุกคนครับ มีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีโชคลาภในปี 2553 ที่จะถึงนี้ครับ
-
มค53นี้อาจารย์จะมีสอบรุ่นใหม่อีกใหม่ครับ
-
ในวาระดิถีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๓
ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก
จงบันดาลให้ชาวสมาชิกพลังจิตยูเรอัสทุกท่าน
ประสบความสุข สมหวัง และสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ
มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
สุขสันต์วันปีใหม่ครับ<!-- google_ad_section_end --> -
HAPPY NEW AGE กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวยูเรอัสทุกท่านครับ
Happy New Age สุขสันต์วันปีใหม่ 2010
ขอพลังแห่งความดีงามและแสงสว่างแห่งสากลจักรวาลนี้
ดลบันดาลให้ทุกท่านมีแต่ความสุข สงบ พร้อมจิตใจเบิกบานเจริญงอกงามในทุกๆมิติอยู่เสมอๆ
คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สำเร็จและสมความปรารถนาทุกประการ.....
ขอให้อาจารย์กิติชัย อาจารย์จิตรา มีสุขภาพแข็งแรงสมบบูรณ์ยิ่งๆขึ้นไปด้วยครับ
คิดถึง.... -
สวัสดีปีใหม่ด้วยคนจ้า
วันนี้ท้องฟ้าสดใส ท่านพี่ทั้งสองมากล่าวคำอวยพร ดีจัยจังค่ะ..({)
เช้าวันนี้ขณะลืมตาตื่นขึ้นมาก็มี massage เข้ามาในความคิดของตัวเอง
ลองอ่านกันดูเล่นๆ นะจ๊ะ ไม่ต้องซีเรียส..:cool:
.......................................
พวกเราชาวพุทธ พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้เราส่งจิตออกนอก
แต่สอนให้เราตั้งจิตให้อยู่กับปัจจุบัน อย่าได้มอบความเชื่อความศรัทธาของตนเองให้กับสื่งอื่น
ไม่งั้นเราจะสูญเสียพลังอำนาจในตนเอง แล้วจิตก็จะเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้ตั้งสติไว้และใช้วิชาความรู้ที่ได้เรียนมา
ช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข
มนุษย์เท่านั้นที่จะช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกันได้
พวกเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลง
จงตั้งจิตให้อยู่ในความสงบ อย่าได้ตื่นตะหนกวิตกกังวลกลัวอย่างที่เรากำลังเป็นอยู่เลย..
วันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 3.50 น.<O:p</O:p -
เอามาฝากอีกแร้ะ.. อิอิ
อ้างอิง:<O:p</O:p
<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ebebeb 1pt inset; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ebebeb 1pt inset; mso-border-alt: inset windowtext .75pt">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณkhajornwan<V:p</V:p<O:p</O:p
ขอขอบคุณพี่นักเขียนมาก ๆเลยค่ะที่กรุณาชี้แนะวิธีการค้นหาอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเรามีเรื่องน่าแปลกอยู่อย่างสำหรับตัวเองก็คือถ้าหากเราเกิดข้อสงสัยอะไรในวันนี้หรือมาตั้งคำถามในห้องวิทย์นี้มักจะได้รับคำตอบในคืนนั้นซึ่งอาจจะเป็นไปในรูปของความฝันหรือความรู้สึกนึกคิดเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันหนึ่งและคำตอบก็มักจะสอดคล้องกับคำกล่าวของพี่นักเขียนเสมอ เช้าของวันนี้ก็เหมือนกันค่ะได้รับรู้ความรู้สึกที่เด่นชัดของตัวเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโตและประสบการณ์ของเราก็คล้าย ๆ กับคนในครอบครัวของเราด้วยครอบครัวของเรามักจะได้รับบททดสอบด้าน การอดทน อดกลั้น ให้อภัย และความเสียสละอยู่เสมอ โดยเฉพาะการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนหรือเสียสละความสุขส่วนตัวให้ผู้อื่นบางครั้งต้องสัมผัสกับความเจ็บปวด ความโกรธ ความเหงา ความเศร้า จากการให้และเสียสละบางครั้งก็ออกแนวปกป้องผู้อื่นที่อ่อนแอกว่า หรือช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขส่วนตัวเองจะเป็นอย่างไรไม่ค่อยสนใจเท่าไร ( เหมือนตัวเองเป็นคนดียังงัยชอบกล อิอิ.. )
ก็ไม่ทราบว่าคิดไปเองรึปล่าวนะคะพี่นักเขียนแต่จะลองสังเกตุพฤติกรรมของตัวเองไปเรื่อย ๆจนกว่าจะมั่นใจค่ะ..
</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:<O:p</O:p
<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ebebeb 1pt inset; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ebebeb 1pt inset; mso-border-alt: inset windowtext .75pt">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณpenpilai <O:p</O:p
สวัสดีค่ะพี่นักเขียนและพี่ๆน้องๆทุกท่านนะคะพอดีตัวเองไม่ค่อยมีเวลาได้เข้ามาโพส แต่ก็จะพยายามเข้ามาติดตามอ่านย้อนหลังค่ะ
ที่ผ่านมาตนเองก็เคยฝึกนั่งสมาธิ(แบบหลับตาตามดูลมหายใจแต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่พอมาฝึกให้มีสติสัมปชัญญะรู้ตัวบ่อยๆก็รู้สึกว่าชอบมากกว่า)แต่พอมาติดตามอ่านหนังสือและฝึกฝนตามที่พี่นักเขียนแนะนำเมื่อหลายวันก่อนเกิดมีความรู้สึกแบบลึกๆแล้วเหมือนมีพลังงานแผ่ออกรอบตัวเป็นเวลานานต่อวันและต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้ก็คิดในใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็หาคำตอบให้กับตังเองไม่ได้วันนี้พอมาอ่านที่พี่นักเขียนพูดถึงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดอันลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้ตนเองรู้สึกว่านี่คือคำตอบที่กำลังหาอยู่ มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆเพราะอ่านหนังสือเล่มนี้มา 2 รอบแล้วแต่ทำไมเหมือนยังไม่ได้อ่านตรงนี้ (สงสัยอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ) ก็กลับไปอ่านหนังสืออีกรอบ ตอนนี้ทำให้เข้าใจมากขึ้นและจะนำบทฝึกฝนที่ 1 ที่พี่นักเขียนแนะนำไปปฎิบัติค่ะ
ขอขอบคุณพี่นักเขียนเป็นอย่างสูงนะคะ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอตอบคุณน้องขจรวรรณ กับ คุณน้อง penpilai ด้วยคำตอบที่ได้มาจากความฝันล่าสุด
พี่นักเขียนมีประสบการณ์เช่นเดียวกับคุณน้องขจรวรรณนับตั้งแต่ได้สื่อสารกับท่่านอาจารย์อนาลัยในความฝันหรือเผชิญกับสถานการณ์คล้ายคุณน้อง penpilai คือได้คำตอบที่ยังหาไม่พบจากประสบการณ์ที่ดูเสมือนว่าเป็นความบังเอิญเสมอๆกล่าวคือพี่นักเขียนมักจะได้คำตอบเสมอๆในความฝันหรือชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นในยามเช้าหรือในบางขณะที่กำลังเพลิดเพลินเช่น นั่งชมนก ชมไม้ หรือเฝ้าดูกระรอกกระต่ายในสวนหลังบ้านเงียบๆตามลำพัง คำตอบจะผุดขึ้นมาหลังจากนั้นมักจะมาพบคำถามในห้องวิทย์ฯที่ตรงกับคำตอบที่ได้มาเสมอเช้ามืดวันนี้พี่นักเขียนได้รับคำตอบสำหรับคำถามของคุณน้องขจรวรรณ คุณน้อง penpilai และเชื่อว่าเป็นคำตอบสำหรับเจ้าของคำถามอีกหลายท่านที่ไม่ได้ log-in เข้ามา post คำถามด้วย คำตอบที่ได้จากความฝันล่าสุดมีดังนี้ :
เมื่อจิตวิญญาณของเธอทั้งหลายเปิดรับฉันอย่างหมดใจจิตวิญญาณของเธอไม่ได้เปิดรับบุคคลตัวตนใดๆหากแต่ได้เปิดรับข้อมูลความรู้หมวดที่ครอบคลุมสาระเกี่ยวกับเส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนาข้อมูลความรู้จากหมวดความรู้นี้จะหลั่งไหลจากจิตวิญญาณ(ของฉัน)มาสู่จิตวิญญาณ(ของเธอ)โดยตรงอย่างเป็นธรรมชาติเสมอหากเธอจะมองหามัน-เธอจะพบคำตอบที่จิตวิญญาณของเธอใฝ่รู้เสมอคำตอบทั้งหลายจะปรากฏในชีวิตประจำวันของเธอเมื่อเธอตระหนักได้ถึงการรับความรู้จากภายในจากจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณโดยตรงด้วยสติสัมปชัญญะเธอจะมองเห็นภาพสะท้อนของความรู้หรือคำตอบทั้งหลายปรากฏเป็นความคิด เสียงภายในวัตถุธาตุ บุคคล ปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันทั้งยามตื่น และยามฝัน
ฉันอยากจะกล่าวว่าข้อมูลความรู้จากหมวดความรู้นี้จะหลั่งไหลจากจิตวิญญาณมาสู่จิตวิญญาณโดยตรงอย่างเป็นธรรมชาติเสมอโดยไม่ต้องกล่าวว่า ของฉัน-ของเธอ เพราะตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้วจิตวิญญาณปราศจากเจ้าของและตัวตนจำเพาะการถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากจิตวิญญาณไปสู่จิตวิญญาณเป็นไปได้ด้วยกลไก 3 ประการคือ :
1. ความใฝ่รู้
2. เจตนา
3. ความเชื่อในทางที่ถูกต้อง
1. ความใฝ่รู้ในที่นี้หมายถึงความใฝ่รู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณหากเธอปราศจากความใฝ่รู้ด้วยสติสัมปชัญญะในระดับตามปกติของเธอแม้ว่าความรู้จะหลั่งไหลจากต้นกำเนิดมาสู่จิตวิญญาณของเธอมากมายเพียงใดเธอก็จะมองหามันไม่พบเสมือนว่าเธอมองข้ามคนใกล้ตัวที่มีความรู้มากมายที่จะให้เธอได้แต่เธอกลับให้คุณค่าหรือตีคุณค่าของเขาเพียงน้อยนิดไม่ต่างไปจากการที่บุคคลมองข้ามครูบาอาจารย์ของตนเองไปและพอใจกับความรู้อันจำกัดของตนเองและไม่แสวงหาความรู้หรือสื่อสารกับครูบาอาจารย์ของเขาด้วยความทะนงแม้ครูบาอาจารย์จะให้ความรู้แก่เขามากมายเพียงใด นอกจากเขาจะไม่เห็นคุณค่าแล้วเขาก็มักจะมีความเชื่อในทางที่ผิดว่าความรู้ที่ครูบาอาจารย์ให้แก่เขาเป็นสิ่งที่เขารู้ได้ด้วยตนเอง
2. เจตนาความรู้อันเป็นสากลโลกของจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจมหาศาลฉันได้กล่าวไว้ใน ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณถึงประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หกซึ่งเป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของจิตวิญญาณไว้ว่า -หากปราศจากการใช้ประสาทสัมผัสภายใน จิตวิญญาณจะไม่อาจพัฒนาก้าวหน้าไปได้แต่เธอจะไม่อาจใช้ประสาทสัมผัสภายในได้จนกว่าเธอจะรู้จักและเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ - การที่เธอทั้งหลายจะเข้าใจถึงประสาทสัมผัสภายในได้อย่างถ่องแท้เป็นไปได้ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ อันเป็นเจตนาที่แท้จริงของตัวตนภายในซึ่งประสานตัวตนภายในอื่นๆและตัวตนภายนอกทั้งหลายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายของจิตวิญญาณเข้าด้วยกันเจตนาอันบริสุทธิ์ของตัวตนภายในเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือบิดเบือนไปจากต้นกำเนิดตามธรรมชาติเพราะมันเป็นปัจจัยที่หลอมรวมจิตวิญญาณทั้งหลายให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ทำให้จิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับความรู้
เจตนาของตัวตนภายนอก-ของบุคคลผู้มีความเชื่อในทางที่ผิดมักเป็นไปด้วยการแบ่งแยกตัวตนเรา-เขาเป็นไปด้วยความปรารถนาที่มุ่งหวังโดยเอาตนเองเป็นที่ตั้งเธอทั้งหลายจะสัมผัสกับเจตนาของตัวตนภายในได้ไม่ยากเพราะมันจะทำให้เธอตระหนักถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สัมผัสกับความรักการช่วยเหลือเกื้อกูลสัมผัสกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า สัมผัสกับความรักอันปราศจากเงื่อนไขปราศจากความอิจฉาริษยา ปราศจากความโกรธ ปราศจากการแตกแยก ปราศจากการกล่าวโทษการให้-การรับเป็นไปด้วยการมีความรักและความปรารถนาที่จะช่่วยเหลือเกื้อกูลกันและเห็นแก่ประโยชน์สุขของส่วนรวมเป็นที่ตั้งมิใช่เป็นไปด้วยความโลภและความปรารถนาที่จะเอาความดีความชอบเพื่อตนเอง
ความสุขใจอันลุ่มลึกที่เกิดจากการให้ด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไขและความปรารถนาที่จะช่วยเหลือเกิ้อกูลผู้อื่นอย่างหมดใจจะทำให้เธอสัมผัสกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอเธอจะรู้สึกได้ถึงความรักและศรัทธาที่เธอมีต่อจิตวิญญาณของตนเองสัมผัสได้ถึงความพึงพอใจที่เธอคือจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังและได้ใช้ความรู้-ความสามารถและทักษะจำเพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองหรือใช้พลังอำนาจของตนเองอย่างดีที่สุดเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น
3. ความเชื่อในทางที่ถูกต้องเป็นกลไกที่ทำให้จิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกันกับความรู้หากบุคคลมีความเชื่อในทางที่ผิด เช่น เชื่อว่าเขาหาความรู้ได้จากภายนอกได้จากบุคคลที่เขาเรียกว่าเป็นผู้วิเศษเหนือมนุษย์ความเชื่อดังกล่าวจะนำพาให้เขาแสวงหาความง่าย แสวงหาสิ่งที่มีพลังอำนาจสำเร็จรูปเช่นวัตถุสิ่งของที่เขาคิดว่าเมื่อได้มาครอบครองแล้วจะทำให้ตนแปลงสภาวะเป็นอื่นที่เหนือชั้นไปกว่าเดิมได้อย่างฉับพลันหรือในระยะเวลาอันสั้นการแสวงหาความรู้จากภายนอกมักจะดำเนินต่อไปยาวนานเพราะไม่ว่าบุคคลหรือวัตถุสิ่งของเหล่านั้นจะดูเสมือนว่ามีพลังอำนาจมากมายเหนือชั้นเพียงใดพลังอำนาจเหล่านั้นไม่อาจถ่ายทอดมาสู่สติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกของเขาได้ทำให้เขาต้องแสวงหาต่อไปอีก
พลังอำนาจที่แท้จริงของจิตวิญญาณ คือปัญญาอันเกิดจากการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้จะถ่ายทอดจากภายใน-มาสู่ภายในเสมอหากเธอทั้งหลายมองหามันจากภายนอก เธอจะไม่มีวันหามันพบสิ่งที่เธอพบในบุคคลหรือวัตถุสิ่งของเป็นเพียงเงาหรือภาพสะท้อนที่ฉายจากจิตวิญญาณออกมาสู่โลกภายนอกเท่านั้นเมื่อเธอรับเอาวัตถุธาตุต่างๆมามันไม่ต่างจากการเก็บเอาเพียงเงาของพลังอำนาจที่แท้จริงของจิตวิญญาณมาและเชื่อว่าเธอได้ต้นฉบับของมันมาด้วย
ในทางตรงกันข้าม-หากเธอมีความเชื่อในทางที่ถูกต้องและได้รับความรู้ภายในได้อย่างแท้จริงพลังอำนาจของจิตวิญญาณจะหลั่งไหลไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่าง ปรากฏเป็นความคิด วัตถุธาตุบุคคล ปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันทั้งยามตื่นและยามฝันซึ่งทำให้เธอมองเห็นและตระหนักได้ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นจินตภาพและกายภาพเหล่านั้นเป็นภาพสะท้อนของความรู้ที่แท้จริงที่เธอได้รับจากภายในและสิ่งที่ปรากฏในโลกทางกายภาพนั้นๆ ทุกสิ่งมีความหมายแม้แต่คำพูดที่เอ่ยเอื้อนออกมาจากปากของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาคำกล่าวที่ออกมาจากปากของบุคคลที่สังคมวินิจฉัยว่าโง่เขลาหรือด้อยปัญญาคำกล่าวที่ออกมาจากปากของบุคคลที่ศาสนาตัดสินว่าไม่ใช่คนดี ไม่มีบุญไม่อยู่ในศีลในธรรม ไกลพระเจ้าปรากฏการณ์ที่ดูเสมือนจะไร้ความหมายกลับมีความหมายและให้ข้อมูลความรู้และคำตอบมากมายแก่เธอ
ความเชื่อที่ผิดหนึ่งๆมักนำไปสู่กลุ่มความเชื่ออื่นๆที่ผิดซึ่งสนับสนุนกันมันมักทำให้เธอมองเห็นได้ยากว่า มันเป็นเพียงความเชื่อซึ่งไม่ใช่ความรู้ศาสนาและสังคมของเธอสร้างคำนิยามมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่อยูุ่สุดคนละปลายขั้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความดี-ความชั่ว บุญ-บาป สูง-ต่ำ เทวดา-ปิศาจ
เมื่อเธอมีความเชื่อว่าเธอใฝ่หาธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณและเธอเชื่อว่าหามันพบเพราะเธอสัมผัสกับสิ่งต่างๆที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัสที่ห้าของเธอได้เธอมักนำความคิดเหล่านี้มาสร้างฐานให้กับตนเอง เช่นพิจารณาว่าเธอได้นำพาจิตวิญญาณของเธอไปสู่หนทางที่เป็นความดี เป็นบุญสู่ภาวะที่สูงขึ้น ใกล้ชิดเทวดามากขึ้นในขณะเดียวกันความเชื่อของเธอก็มักจะทำให้เธอพิจารณาต่อไปว่าผู้ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ คือผู้ที่ยังต่ำกว่า ยังมีกรรมหรือไกลเทวดา
เมื่อใดก็ตามที่ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากการใฝ่หาความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณทำให้เธอมองเห็นความแตกแยกหรือความแตกต่างของตนเองไปจากผู้คนรอบตัวเธอมากขึ้นไปอีก เธอกลับไม่ได้ตระหนักว่าความรู้ที่เธอได้รับนอกเหนือไปจากประสาทสัมผัสที่ห้าหรือเชื่อว่ารับได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือ ประสาทสัมผัสภายในนั้นแม้เธอจะรับได้จริงด้วยสติสัมปชัญญะของตัวตนภายในแต่เมื่อมันมาสู่สติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกของเธอ-มันก็ยังไม่ใช่ความรู้ที่แท้จริงเพราะสิ่งที่เธอรับได้กลับถูกบิดเบือนไปด้วยความเชื่อที่ผิด
มันอาจจะเป็นสิ่งแปลกประหลาดหากฉันจะบอกเธอว่าหากประสาทสัมผัสที่หกของเธอทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างชัดแจ้งและข้อมูลความรู้ที่เธอได้รับมาสู่สติสัมปชัญญะภายนอกของเธอโดยไม่ได้ถูกบิดเบือนไปด้วยความเชื่อที่ผิดเธอกลับจะพบว่า การเป็นบุคคลตัวตนของเธอนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งทั้งหลายความแปลกแยกแตกต่างจากผู้อื่นหรือการแบ่งแยกเรา-เขา จะจางหายไป คำว่าความดี-ความชั่ว บุญ-บาป สูง-ต่ำ เทวดา-ปิศาจ แทบจะปราศจากความหมาย เพราะเมื่อเธอพบกับความเป็นหนึ่งเดียวอันเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณการแบ่งแยกทั้งหลายจะไร้ความเป็นจริง
จากนิทานเรื่องน้ำค้างกับเมล็ดข้าว ฉันได้เล่าว่า
ต้นข้าวมากมายออกรวงสีทองและเต็มไปด้วยต้นข้าวที่บ้างก็มีรวงข้าวที่แน่นจนยอดของมันโน้มลงสู่ดินบ้างก็ชูยอดสูงสู่ฟ้า บ้างก็มีเมล็ดที่สมบูรณ์เป็นพิเศษพวกมันมีความสุขและงอกงามร่วมกันอย่างร่าเริง พวกมันขอบใจก้อนหิน เมฆน้อย เมฆใหญ่น้ำค้างหยดแรก น้ำค้างหยดที่สอง น้ำค้างหยดที่สาม น้ำค้างหยดที่สี่น้ำค้างหยดที่ห้า น้ำค้างหยดที่หก น้ำค้างหยดที่เจ็ด และน้ำค้างหยดที่แปด......<O:p></O:p>
.........ไม่ว่าเมล็ดข้าวสีดำจะงอกงามได้เร็วช้าเพียงใดมันก็เต็มไปด้วยแนวโน้ม ความเป็นไปได้อันหลากหลายเป็นอนันต์และมันก็จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ในทิศทางของมันได้ในที่สุดไม่ว่าในช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเมล็ดข้าวเหล่านั้นจะเรียกการเจริญงอกงามของของมันว่าเร็ว-ช้า ก่อน-หลังก้าวหน้า-ล้างหลัง ล้มเหลวหรือประสพความสำเร็จ
ในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-นาข้าว ท้องถิ่นกันดาร ฝน น้ำค้างและความแห้งแล้งล้วนเป็นมิติจำเพาะที่ทำให้เมล็ดข้าวเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของมันได้อย่างเป็นเอกลักษณ์จากมมุมมองจำเพาะ และ จากความเชื่อจำเพาะ
ความเชื่อที่ว่าความก้าวหน้าของจิตวิญญาณซึ่งพัฒนาไปได้ด้วยการขยายการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายในจะทำให้เธอกลายเป็นรวงข้าวที่ชูช่อเหนือรวงข้าวอื่นๆจึงเป็นความเชื่อที่ไม่ใช่ความรู้หรือความเป็นจริงเพราะข้าวเต็มรวงย่อมน้อมลงสู่ดินเสมอ
(ping-love(ping-love(ping-love -
ในวาระ วันปีใหม่ นี้
ขอ ส่งความปรารถนาดี มายัง
ท่านอาจารย์
และ พี่ น้อง ชาวยูเรอัส ทุกๆท่าน
ขอให้ทุกๆ ท่าน มีสุขภาพแข็งแรง พลานามัย ที่สมบูรณ์
มีความสุข ทั้งกายใจ
ปลอดภัยจากโรคภัยทั้งหลาย ปลอดภัยจาก อันตรายทั้งปวง
ไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 35 ของ 140