ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนพลังเอกภพยูเรอัส
ข้าพเจ้าวีณา อมรประภากรณ์ (Joypor) ขอเล่าถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนพลังเอกภพยูเรอัส ดังนี้<O:p</O:p
ด้านร่างกาย
ข้าพเจ้าคิดว่าในการเรียนพลังเอกภพยูเรอัส มีประโยชน์ในด้านร่างกายต่อผู้อื่นมากกว่าในส่วนของตนเอง เพราะว่าข้าพเจ้าได้นำวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาไปช่วยในการรักษาผู้ป่วยทั้งคนและสัตว์ โดยเฉพาะการรักษาโรคที่เกี่ยวกับอาการปวดขาจากเส้นพลิก อาการเขียวช้ำ บวมนั้น จะเห็นผลได้ชัดมาก กล่าวคือเพียงแค่ส่งพลังรักษาเพียง 1 ครั้งก็จะเห็นผลว่าอาการเขียวช้ำบวมลดลง อากรปวดจากเส้นพลิกดีขึ้น รักษาเพียง 3 วันก็หาย คนที่มาให้รักษารู้สึกประทับใจ สำหรับโรคอื่นๆที่ได้รักษา เช่น อาการหวัด ภูมิแพ้ ไซนัส ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นโดยต้องใช้เวลาหลายวัน เคสที่ตนเองรู้สึกประทับใจ คือกรณีการรักษาอาการปวดหลังของแม่ แล้ว พบว่าอาการปวดเคลื่อนจุดไล่ลงมาที่เท้า แล้วหลุดหายไป ซึ่งเป็นเคสที่นำไปเล่าในห้องเรียน เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าตนเองจะทำได้ แม้เพิ่งเรียนในระดับเริ่มต้นเท่านั้น<O:p</O:p
สำหรับการรักษาสัตว์ได้นำเอาวิชาที่เรียนไปช่วยปลารักแร้ ที่มีอาการซึม และว่ายหงายท้อง ส่งพลังให้เขาไปตามรูปแบบ เขาก็อาการดีขึ้น ร่าเริง ในช่วงหลังก็เปลี่ยนวิธีใช้วิธีพูดคุยกับเขาด้วย ใช้แรงปรารถนาให้เขาหายป่วย คุยกับเขาขณะให้อาหาร ไม่น่าเชื่อว่าเขาร่าเริงขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้ว่าจะมีอาการหงายท้องบางในบางครั้ง แต่ก็ไม่ซึม ทุกครั้งที่เขาเห็นเราเขาก็จะว่ายเข้ามาหา และร่าเริงกว่าปลาตัวอื่นๆ เหมือนกับว่าสามารถสื่อสารกับเราได้<O:p</O:p
ที่กล่าวมาทั้งหมดแสดงถึงผลที่ได้รับทางร่างกายของคนอื่นที่ดีขึ้น แต่ในส่วนตัวเองนั้นผลทางด้านร่างกายที่ได้รับนั้นก็ไม่ค่อยเห็นผลชัดเจน อาการปวดหัวที่เคยเป็นประจำ หากมีอาการแล้วใช้พลังรักษาก็ยังไม่ช่วยบรรเทาเท่าใด แต่คงช่วยในเรื่องความถี่ที่เป็นน้อยลงมากกว่า <O:p</O:p
ด้านจิตใจ<O:p</O:p
ส่วนตัวคิดว่าการเรียนวิชาพลังเอกภพยูเรอัสมีผลสำคัญกับจิตใจของตนเองมากกว่าด้านร่างกาย ก่อนมาเรียนตนเองเป็นชอบการศึกษาในเรื่องสิ่งลึกลับ อยากรู้เรื่องพลัง เคยไปร่วมงานมินิพลังจิตที่อาจารย์สามตาจัดขึ้น ในตอนนั้นเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องพลัง ได้รับการเปิดจักระ 100 %ในครั้งนั้น แต่ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ ประกอบกับตนเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะ ชอบศึกษาค้นคว้าเรื่องสมาธิ แต่ก็มิได้ปฏิบัติเท่าไร เหตุที่มาศึกษาเรื่องธรรมะก็เพราะว่าอยากตัดความทุกข์ให้น้อยลง และรู้สึกว่าเมื่อเรามาอยู่กับเรื่องธรรมะแล้วมีความสุข แต่ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติตนให้มีความสุขได้ ยังมีเรื่องน้อยใจ ไม่พอใจ หงุดหงิด อยู่เหมือนเดิม<O:p</O:p
แต่เมื่อเริ่มมาเรียนวิชานี้ เหมือนได้รับแรงกระตุ้นให้ได้เริ่มลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อเราจะได้นำความสามารถของเราไปช่วยเหลือคนอื่น เมื่อได้ช่วยเหลือคนก็มีความรู้สึกสุขใจ ในครั้งแรกๆก็ไม่มั่นใจ กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเราบ้า งมงาย ตอนแรกใช้ความพยายามมากที่จะบอกคนอื่นว่าเราช่วยส่งพลังหรือรักษาให้ไหม แต่ตนโชคดีที่แม่เป็นคนเชื่อเรื่องนี้อยู่บ้าง ทำให้เรามีกำลังใจ และค่อยๆสร้างความเชื่อมั่นโดยรักษาเพื่อนร่วมงาน และเมื่อนำมาปฏิบัติ แม้ว่าจะไม่ทุกวันก็พบว่าวิชานี้เป็นแรงผลักดันอันสำคัญมากๆให้กับจิตใจในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการทำสมาธิ ทำให้ตนเข้าถึงความสงบได้อย่างรวดเร็ว และมีสติมากขึ้น สามารถระงับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว จิตใจไม่จมอยู่ในกองทุกข์นาน เหมือนมีใครบางคนมาบอกตน หรือให้สติตน อย่างเช่น ครั้งหนึ่งมีเรื่องไม่เข้าใจกับคนใกล้ชิด ตัวเราเองก็เสียใจ ร้องห่มร้องไห้อยู่สักพักหนึ่ง อยู่ๆก็เหมือนมีเสียงมาพูดบอกตนว่า ร้องไห้อย่างนี้เสียเวลาจริงๆ ไม่เห็นได้อะไร เวลามีเหลืออยู่ไม่มากทำไม มัวมาเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ เชื่อไหมว่าหยุดร้องไห้เลย
อารมณ์เยือกเย็นลง เห็นเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญของโลกมากขึ้น พร้อมจะมองเรื่องๆต่างๆในมุมของคนอื่นมากขึ้น รู้สึกสดชื่น ไม่ทุกข์นานเหมือนแต่ก่อน และมีความพยายามปฏิบัติธรรมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน รู้สึกอยากกลับบ้าน ไม่อยากวนเวียนในสังสารวัฏอีก ทุกครั้งที่มีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นก็จะพยายามบอกเขาในทำแต่ความดี สวดมนต์ไหว้พระ ใครมีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจ็บป่วยหรือทุกข์ใจ ก็อยากช่วยเขาให้คลายทุกข์ มันเป็นความสุขที่สร้างความอิ่มเอิบใจให้กับตนอย่างมาก <O:p
ในส่วนของตนเองคิดว่าวิชานี้ให้ประโยชน์ในด้านจิตใจมากกว่าด้านร่างกาย และเห็นว่าหากจิตใจเรายกระดับขึ้นในเรื่องร่างกายก็จะดีตาม อย่างเช่นแต่ก่อนปวดหัวด้วยความเครียด ความร้อน แต่หากจิตใจเราไม่เครียด ไม่ร้อนตาม เราก็ไม่ปวดหัว ในช่วงหลังอาการปวดหัวเป็นน้อยลง และไม่รุนแรง<O:p
ขอขอบคุณอาจารย์กิตติชัย และอาจารย์จิตรา ที่นำวิชานี้มาสอนให้กับพวกเรา ให้เราได้เรียนรู้ และคอยกระตุ้นให้พวกเราได้ทำความดี สร้างสมบารมีของตน ข้าพเจ้าจะนำวิชาที่ได้เรียนรู้ไปช่วยผู้อื่นทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ<O:p
พลังเอกภพยูเรอัส
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anumota, 17 มิถุนายน 2009.
หน้า 42 ของ 140
-
ได้อ่าน บทความของคุณวีณา ... แล้ว รู้สึก ได้ว่า ....
หมอมือเปล่า ..อย่างพวกเรา ไม่ได้ เดียว ดาย..
เรา ยังมี พี่ มีน้อง ร่วมอุดมการ..
ที่จะ หยิบยื่น ความปรารถนา ดี สงเคราะห์ เพื่อนร่วมโลก เพื่อนมนุษย์
แม้นแต่ น้องหมา น้องแมว ก็ ยังได้รับ อานิสงฆ์ นี้ ด้วย..... สาธุ สาธุ สาธุ.. 55 -
ตอนนั้นฝันว่า ถูกเรียกให้ไปเรียนระดับมหาลัย ก็ขึ้นลิฟท์ไปกับเพื่อนๆ
แต่ยังไม่ทันเข้าเรียนก็ตื่นขึ้นมาซะก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าต้องไปเรียนเรื่องอะรัย..
หลังจากนั้น 2 - 3 วัน อาจารย์ก็มา post บอกให้พวกเราไปเรียนนี่แหล่ะค่ะ
สงสัยคุณดาวจะแอบไปดูอะรัยมาก่อนล่วงหน้ารึเป่าคะ? อิอิ..
ไม่แน่ว่าหลังจากส่งการบ้านแว้ว อาจารย์อาจจะเรียกพวกเราไปเรียนต่อให้จบก็เป็นได้นะคะ เอิ๊ก..
เพราะได้ข่าวแว่วๆ ว่าช่วงปีนี้อาจารย์จะต้องเดินทางยาววเรยย..^_^
;aa43;aa43;aa43 -
ความฝันเกี่ยวกับโรงเรียน
ความฝันที่เกี่ยวพันกับโรงเรียน เป็นความฝันที่เราฝันถึงกันทุกคนทั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะว่าเราแต่ละคนเคยใช้ชีวิตในโรงเรียนมาแล้วไม่มากก็น้อยด้วยกันทุกคน แต่เป็นเพราะว่าความฝันเกี่ยวกับโรงเรียน เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้ที่เป็นที่ยอมรับของเราทั้งหลาย ทั้งยามตื่นและยามฝัน
ความฝันเกี่ยวกับโรงเรียนมักดำเนินไปในนัยที่ว่า :
เรารู้เห็นการเรียน-การสอน
เราเผชิญกับปัญหาบางอย่างในโรงเรียนที่ทำให้เราต้องเลือก เช่นเผชิญกับปัญหารองเท้าหาย
หารองเท้าที่เข้าคู่กันไม่ได้เผชิญกับปัญหาเครื่องแต่งกาย อาจเป็นชุดเครื่องแบบนักเรียนหรือเสื้อผ้าอื่นๆที่สวมใส่ไม่พอดีตัว เผชิญกับปัญหาไม่ได้เตรียมตัวดูหนังสือแต่จะต้องเข้าสอบ เผชิญกับปัญหาเตรียมตัวไม่พร้อม-แต่ต้องส่งการบ้านเผชิญกับปัญหา-หาห้องเรียนไม่พบ เผชิญกับครูที่เราไม่เคยรู้จักแต่ก็ดูเสมือนจะรู้จักมายาวนานตลอดชีวิต กลัวครูหรือท้าทายครูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฯลฯ
เราสอบตก
เราสอบได้
เราได้เลื่อนชั้น
เราเผชิญกับบทเรียน หรือการเรียนในทิศทางที่แปลกประหลาดไปจากที่เราเคยรู้เห็น
เราทำหน้าที่บางอย่างในโรงเรียนเช่น ทำหน้าที่ครูผู้สอน หรือช่วยสอน ทำหน้าที่นักเรียนหรือมากกว่าเป็นเพียงนักเรียน ่เช่น เป็นพี่เลี้ยง เป็นโค้ชฯลฯ
แต่เราเคยตั้งคำถามกับบ้างไหมว่าความฝันเกี่ยวกับโรงเรียนที่แท้จริงแล้วคืออะไร?
ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวถึงภาวะของชีวิตหลังความตายไว้ในหนังสืออมตะแห่งจิตวิญญาณ(ภาคต้นและภาคปลาย)และได้กล่าวไว้ว่าอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน
เราเคยถามตนเองไหมว่าถ้าหากอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบันเราจะสามารถรู้เห็นการเกิด-การตาย-ชีวิตหลังความตายของเราพร้อมกันกับที่เรารู้เห็นชีวิตที่เรากำลังมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในปัจจุบันนี้ได้หรือไม่?
ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวถึงภาวะหลังความตายหรือชีวิตหลังความตายว่า เป็นภาวะจิตที่เราจะต้องเรียนรู้ และทบทวนตนเองหากเราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการเรียนรู้ใดๆได้สำเร็จในชีวิตชาติภพหนึ่งๆช่วงชีวิตหลังความตายจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ทบทวนถึงความล้มเหลวหรือความผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไข หรือเรียนรู้ใหม่ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวก็ไม่ใช่เวลาอันไกลโพ้น หากเรากำลังมีชีวิตอยู่ ณ วันนี้แต่เป็นช่วงเวลาที่เรารู้เห็นได้ในความฝันเพื่อที่เราจะสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ได้เป็นปัจุบันทันด่วนไม่ต้องคอยนำไปใช้ในชาติภพหน้า เพราะทุกชาติภพกำลังดำเนินไป-พร้อมกันหมด-ในปัจจุบันนี้
ท่านอาจารย์อนาลัยได้อธิบายว่าความฝันที่ปรากฏเกี่ยวพันกับโรงเรียนเป็นภาวะที่เป็นสัญลักษณ์ของช่วงชีวิตหลังความตายหรือชีวิตระหว่างชาติภพที่เราต้องเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่เราพลาดที่จะเรียนรู้หรือยังไม่ได้เรียนรู้เมื่อเราดำเนินชีวิตในโลกทางกายภาพ เราอาจพบว่าเราเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หรือหาเสื้อผ้าให้พอดียังไม่ได้ และพยายามหาเสื้อผ้าให้พอดีเสื้อผ้าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงบุคลิกภาพของเราความฝันที่เกี่ยวพันกับการเลือกเสื้อผ้าในโรงเรียนจึงเป็นภาวะของการปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพของเรา เพื่อเผชิญกับปัญหาที่เรายังแก้ไม่ตกหรือเผชิญกับความท้าทายที่เรายังไม่บรรลุเป้าหมาย
รองเท้าเป็นสัญลักษณ์ของวิถีทางที่เราเลือกเดินการเปลี่ยนรองเท้า การหารองเท้าไม่พบ รองเท้าหาย หรือการหารองเท้าเข้าคู่กันไม่ได้ล้วนเกี่ยวพันกับปัญหาในการเลือกวิถีชีวิตหรือเลือกเส้นทางที่จะแสวงหาความรู้
หากเราตระหนักได้ว่า ความฝันเกี่ยวกับโรงเรียนเป็นความฝันสำคัญที่ไม่ได้เป็นเพียงการระลึกความหลังในวัยเด็กที่ไร้สาระเราจะพบว่าความฝันเกี่ยวกับโรงเรียนเปิดเผยเงื่อนงำเกี่ยวกับเป้าหมายชีวิตในชาติภพนี้ที่เราเลือกมาเผชิญ ตลอดจนเป้าหมายที่เราเคยเลือกเผชิญในชาติภพในอดีตเป้าหมายต่อไปที่เราจะเลือกเผชิญต่อไปในชาติภพหน้า
และเป้าหมายอื่นๆที่เราเลือกเผชิญในชาติภพอื่นๆบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น
ความฝันเกี่ยวกับโรงเรียนจึงเป็นความฝันที่เกี่ยวพันกับภาวะหลังความตาย ที่เราได้ทบทวนบทเรียนเลือกเรียนบทเรียนบทใหม่ หรือเลือกการเรียนรู้ในทิศทางใหม่ที่เรายังไม่ได้เรียนรู้เงื่อนงำทั้งหลายที่ปรากฏในความฝันล้วนมีความหมาย บุคคลทั้งหลายที่ปรากฏในความฝันมีความหมายหลายนัยด้วยกัน
นัยที่หนึ่งบุคคลหนึ่งๆเป็นสัญลักษณ์ของบุคลิกภาพส่วนหนึ่งของตัวเราหรือภาวะจิตส่วนหนึ่งของเรา
นัยที่สองบุคคลหนึ่งๆเป็นบุคลิกภาพที่เกี่ยวพันกับเราในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
นัยที่สามบุคคลหนึ่งๆเป็นบุคลิกภาพที่เป็นตัวอย่าง เป็นบทเรียนหรือเป็นครูทางจิตวิญญาณให้กับเราทั้งในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
หากเรานำความฝันเกี่ยวกับโรงเรียนมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาบางอย่างได้สำเร็จเราอาจพบว่า ชีวิตชาติภพนี้ของเรา เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เป็นชาติภพใหม่ดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่าชีวิตและความตายปราศจากรอยต่อเราอาจตื่นขึ้นในชาติภพใหม่โดยที่เราไม่รู้เห็นรอยต่อของการตายแล้วเกิดใหม่เลย..
rabbit_sleepyrabbit_sleepyrabbit_sleepy -
(good);ปรบมืภขอปรบมือดังๆครับ พี่ดาว และคุณวีณา
ขอบคุณคุณขจรวรรณมากครับ ข้อความที่นำมาโพส โดยเฉพาะข้อความ
ที่เน้นสีแดง เข้าใจเลยครับ
-
จารย์ขา
วันนี้ส่งไม้แข็งมาเชียวนะ...
เอ้า พวกเรา .เร่งปั่นต้นฉบับกันหน่อย เร้ววววววว
.
.
แฮ่ เป็นตัวหนับหนุนจารย์ อีกแรง
(แต่ยังไม่ได้เขียนเหมือนกัน... พ ยา ยาม อยู่ ค่ะ ) -
จารย์ขา
วันนี้ส่งไม้แข็งมาเชียวนะ...
เอ้า พวกเรา .เร่งปั่นต้นฉบับกันหน่อย เร้ววววววว
.
.
แฮ่ เป็นตัวหนับหนุนจารย์ อีกแรง
(แต่ยังไม่ได้เขียนเหมือนกัน... พ ยา ยาม อยู่ ค่ะ ) -
ไม่รู้ว่าพวกเราได้ดูบทสัมภาษณ์เจาะใจ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ กันรึเป่าก็ม่ายรู้ค่ะ..
แนวคิดของท่านน่าสนใจดี แต่เอามาลงไม่เป็น ต้องไปขอพี่เค้ามาให้ฟังค่ะ..
ประเภทครูพักลักจำประมาณนั้น เฮอเฮอ..:boo:
การบ้านนู๋ส่งแล้วนะคะคุณครู^_^
http://palungjit.org/posts/2916100 -
ขอความเมตตาจากเพื่อนๆที่ได้ศึกษาวิชาพลังยูเรอัส ระดับ 5 ขึ้นไปค่ะ
ขอความกรุณาอ่านเรื่อง แด่...กำลังใจและลมหายใจของน้องขิม ดังบทความข้างล่าง
[FONT=times new roman,times,serif]
[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] วันเสาร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๓ วันนี้ผมมีภารกิจ ที่ต้องไปหาน้องคนหนึ่ง แถว ๆ พระราม ๙ ผมขับรถออกจากบ้านในเวลาสายพอควร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นัดหมายกับ แม่ของน้องคนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] “ขิม” หรือ ด.ญ. พิริยกร แสนชัย อายุ ๒ ขวบ เป็นลูกสาวคนเดียวของนายศิลป์ชัย และ นางพัชรากร แสนชัย ข้อมูลที่ได้รับจากสกู๊ปชีวิตของช่อง ๗ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] ก่อนหน้านี้ บ่ายวันหนึ่ง ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณไซมอน กัลยาณมิตรของผมเอง บอกว่าอยากจะช่วยน้องขิม จึงได้ปรึกษากัน ผมจึงรับปากว่าจะเป็นไปหาน้องขิมเอง[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] วันนี้ผมจึงเดินทางไปตามคำบอกของ แม่ของเธอ เมื่อไปถึง จึงได้พบว่า น้องขิมและครอบครัว อาศัยอยู่ในบ้านพักคนงาน ซึ่งเป็นอาคารชั่วคราวที่สร้างขึ้นไว้สำหรับ “นอน” ไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเลย เพราะพ่อของเธอเป็นคนงานรับจ้างในโครงการของ รฟม. และจะย้ายไปแถววงศ์สว่างภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] แรกที่เห็นน้องขิม รอบดวงตาทั้งสองข้าง และร่องจมูก มีรอยเลือดแดง ที่ขาเพิ่งจะมีตุ่มพอง ด้านหลังมีแผลที่ยังไม่แห้ง แม่ของเธอทำแผลให้ และปิดสำลีไว้ แต่น้องขิมเป็นเด็กร่าเริง และไม่มีวี่แววว่าเธอจะยอมแพ้ต่อโรคที่เธอเป็น แม้ร่างกายจะเจ็บปวดไปด้วยแผล แต่เธอก็ยังมีชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] ๑๑ น. แล้ว ผมจึงพาน้องขิมไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามคำแหง เพื่อยากจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับโรคนี้ ตามที่ได้นัดหมายกับพ่อและแม่ของเธอ [/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] เราได้พบกับนายแพทย์สิริวัฒน์ ภัทรากาญจน์ หลังจากที่ท่านได้เห็นอาการแล้วเบื้องต้น คุณหมอบอกว่า น้องขิมป่วยเป็นโรค EB ตามศัพท์แพทย์ ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร จึงมาทำความเข้าใจภายหลัง มันคือ Epidermolysis Bullosa (E.B.) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดตุ่มน้ำใต้ผิวหนัง เมื่อถูกกระทบ แค่เพียงเสียดสี ก็จะบวมเป็นถุงน้ำ เหมือนที่เราถูกไฟไหม้ รอบดวงตาของเธอเป็นแผลก็เพราะตอนนอนน้องขิมอาจจะเอามืดสีตา [/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] การรักษา ต้องตัดชิ้นเนื้อตรวจ เพื่อจะทราบว่า เป็น EB ชนิดไหน แล้วแต่ละชนิดนั้นจะรักษาได้หรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ แต่จะไม่มีทางหาย ๑๐๐ เปอร์เซนต์ คุณหมอจึงแนะนำให้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ พร้อมทั้งยังเขียนจดหมายแนะนำคุณหมอไปด้วย เราใช้เวลาคุยกับคุณหมออยู่นานพอสมควร จึงได้ลาคุณหมอ แต่พอเดินออกมา เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยคุณหมอบอกว่า วันนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย คุณหมอไม่คิดเงิน ผมรู้สึกว่า น้องขิม โชคดีมากที่ได้เจอคนดี ๆ เช่นคุณหมอคนนี้[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] สรุปแล้ววันนี้เราจึงได้คำแนะนำที่จะต้องตรวจรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ผมมาส่งน้องขิมและครอบครัวที่เดิม เพราะพ่อของเธอต้องรีบไปทำงาน ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคนี้ คงจะมีอีกเยอะ ลำพังค่าดำรงชีวิตไปวัน ๆ ก็มีแค่ค่าจ้างรายวันเท่านั้น [/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] แม่น้องขิมเป็นห่วงอย่างหนึ่งว่า อยากให้แผลตามใบหน้าหายหรือทุเลาลงบ้าง เพราะไม่อยากให้ลูกมีปมด้อย เมื่อโตขึ้น ต้องไปโรงเรียน กลัวจะถูกเพื่อนล้อ หรือเห็นว่าเป็นโรคที่น่ารังเกียจ ดังนั้น นับแต่นี้ไป หากน้องขิมโตขึ้น จะต้องมีกำลังใจ มีความเข้าใจในชีวิต เพื่อต่อสู้ต่อไป[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] ผมจากลา ครอบครัวนี้ ด้วยความหวังว่า น้องขิม อาจจะได้รับการรักษาที่ดี และหายจากโรคนี้ ชีวิตมนุษย์เราแม้จะไม่มีอะไรพิเศษไปกว่า เกิด เจ็บป่วยไข้ แก่ และก็สิ้นอายุขัย แต่บางคนอาจจะมีโอกาสนี้น้อยเกินไป หรือแม้แต่การดำรงชีวิตของเรา มันก็มีเพียงความสุขกับความทุกข์ปนกันไป จะต่างกันที่ว่ามีสิ่งใดมากน้อยกว่ากันก็เท่านั้น [/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] ความสุขของคนเราก็ใช่ว่าจะมีมากมาย แต่มีเท่าที่มีอยู่ก็ยิ่งต้องแบ่งบันให้กับคนอื่น การที่ได้หยิบยื่นความสุขให้กันและกันนั้น เราอาจจะได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา ซึ่งมันอาจจะเกิดความสุขจากสองฝ่าย เขาเป็นสุข และเราก็เป็นสุขที่ได้ช่วยเหลือกัน ความสุขก็เพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากเรามีแต่ความโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชังกัน ไม่ให้อภัยกัน มันก็มีแต่ความทุกข์ในใจเท่านั้นที่ทวีขึ้น ไม่มีฝ่ายไหนได้ความสุขไปเลย[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] ดังนั้น สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำในแต่ละวัน อาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใหญ่โตอะไรนัก อาจจะไม่มีใครรู้ แต่ความสุขในการที่เราได้ช่วยเหลือกัน ได้ทำความดีนั้น ยิ่งใหญ่นัก มันอิ่มเอมและเบิกบานอยู่ในใจของเราแล้ว [/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] ใครจะเชื่อได้ว่า บนร่างกายอันเต็มไปด้วยแผลผุพองของเด็กหญิงตัวน้อย ๆ คนนี้ อาจจะเจ็บปวด และยังไม่รู้ว่าจะมีวันทุเลาลงหรือไม่ แต่รอยยิ้มและกำลังใจของเธอ ยังมีให้เห็นบนใบหน้าเสมอ เมื่อถามว่า “สู้ไหม” เธอก็จะยกนิ้วอันมีความหมายว่า “สู้ ๆ” อย่างน่าเอ็นดู[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif] มองสะท้อนกลับมาจึงอาจจะได้รับรู้อย่างหนึ่งว่า ชีวิตคนเรามีค่าและมีความหมายอยู่ที่ใจว่าพร้อมจะก้าวเดินหรือไม่ มีกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะสู้ชีวิตต่อไป บางคนมีความปกติของร่างกาย แต่ป่วยทางใจ [/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif]ขอความสุขแต่เพียงเล็กน้อยให้กับน้องขิมจะได้ไหม อย่างน้อย คุณอาจจะได้ความสุขเพิ่มขึ้น ขอบคุณครับ
[/FONT][FONT=times new roman,times,serif] คุณพ่อชื่อ นายศิลป์ชัย แสนไชย อายุ 32 ปี อาชีพคนงานก่อสร้าง เบอร์โทร 085-1407386 (ชัย) คุณแม่ชื่อ นางพัชรากร แสนไชย อายุ 28 ปี เบอร์โทร 086-9978449 (รัน)[/FONT]
เหตุที่ลงบทความนี้จุดประสงค์ต้องการให้ผู้ที่มีจิตเมตตาบริจาคเงินช่วยค่ารักษา แต่พวกเรา ช่วยโดยใช้พลังเอกภพได้ใช่ไหมค่ะ
[FONT=times new roman,times,serif]
จากบทความน้องขิม[/FONT][FONT=times new roman,times,serif]ป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ถึงแม้ว่าพลังเอกภพจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ถ้าสามารถช่วยน้องขิมให้ดีขึ้นบ้าง ทุกข์ทรมาน น้อยลง ก็ยังดีกว่าไม่ช่วยเลย[/FONT]
[FONT=times new roman,times,serif]
[/FONT][FONT=times new roman,times,serif]
ที่มา [/FONT]<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CTEAT%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline; text-underline:single;} a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {color:purple; text-decoration:underline; text-underline:single;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> -
-
เห็นรูปน้องทุกอย่างก็ไปหมดแล้วละครับ
ขอให้น้องแข็งแรงขึ้นเร็วๆนะครับ -
วันนี้คอมฯพัง กว่าจะซ่อมเสร็จใช้เวลาทั้งวันเลย
ทำให้คิดได้ว่าน่าจะรีบส่งการบ้านพรุ่งนี้เลย เผื่อใกล้ๆเส้นตาย
ของอาจารย์เน็ตล่ม เส้นทางหมอมือเปล่าของเราต้องล่มตามไปด้วยแน่เลย -
ส่งการบ้านแล้วจ้า ใครยังไม่ส่งรีบๆเข้านะ(eek)
-
ส่งพลังให้ น้องขิม แล้วต่ะ
-
ดีจังเลย ที่คุณ Sare.ewan ให้เพื่อนๆ มีโอกาสได้ปฎิบัติ
ขอบคุณครับ
-
ร่วมด้วย ช่วยกัน ครับ
ช่วยกัน ส่ง พลัง รักษา ให้ น้องขิม ....
นัดกัน รวม แรง กัน ส่ง พร้อม ๆ กัน เลย ก็ ยิ่ง ดี
เช้านี้ พอ อ่าน เห็นเรื่องน้อง ขิม ก็ รีบ ส่ง ไปช่วย
....................................................... ไม่ ไป ครับ
ขอ อนุญาติ อีก รอบ................................ ก็ ยังไม่ ไป ครับ
ไว้ สายๆ เริ่มให้ อีก ที....
เอ้อ....
เวลา เจอ คนป่วย ที่ ผม ส่งพลัง ให้ เขา แล้ว ส่งไม่ ออก
ค่อน ข้าง เซงๆ .... แต่ อาศัย ว่า เรา มี พลัง ตื้อ ... แบบ ไม่ ลดละ เช้า ไม่ได้ เดี๋ยวสายๆ จะ ลอง ใหม่
หาก สาย ยัง ส่งไม่ ได้ อีก ก็ จะ ขอ อนุญาติ ทำอีก รอบ อีกรอบๆ
ไป เรื่อยๆ
อาการ ที่ส่งพลัง แล้ว ไม่ ไป เช่นนี้ ผม เคย พบ อยู่ หลายราย แต่ ให้ ทำซ้ำๆ สัก ที สอง ที เดี๋ยว เจ้ากรรม นายเวร ท่าน ใจ อ่อน ก็ ยอม ผ่อน ผัน ให้
เพื่อน ๆ ลองดู ครับ
เพราะ การ ที่ ผม ส่งไม่ ไป แต่ ท่าน อื่น ๆ อาจ ส่งได้ ... เพราะมี บุญสัมพันธ์ ต่อกัน
อย่าง สองวัน มี เพื่อนโทรมา บอกว่า คุณภรรยา ของเพื่อนอีกคน อาการหนัก
เค้า ก็ รวมพลัง รักษา กัน... หลายคน ส่งพลัง ไปให้ไม่ได้ ติด ๆ ขัดๆ
พอรู้ ถึง ผม ....
ผม เอง ก็ ช่วงส่งพลังไปให้ ทำการ ขออนุญาติ แล้วส่งไป
ได้ ผล ครับ...
หลังจากนั้น ก็ โทร บอก นายแชมป์ ให้ ช่วยส่ง พลังรักษา ไปให้ บ้าง
รอบนี้ ทั้งผม และ นายแชมป์ ส่งพร้อมๆ กัน โทรศัพท์ ก็ ยัง อยู่ ทีหู นัดส่งไป พร้อมกัน
งานนี้ พลัง ส่งออกไป ได้ อย่าง ฉลุย............... ยัง กะ เติมน้ำ ใส่ ตุ๋ม อย่างนั้นเลย
หลัง จากนั้น ก็ โทร กลับ ไปหา เพื่อน ที่เป็น เจ้า ของ ไข้
ได้ ความว่า ตอนนี้ เค้า กับ เพื่อนๆ ที่ ทีแรก ส่งไป ไม่ได้ ก็ ส่งได้ แล้ว...... 55
เรื่องนี้ พอสรุปได้ว่า
แม้น บางคน จะ ส่งไม่ ไป ..... ก็ มิใช่ว่า คนอื่นๆ ที่ เหลือ จะ ส่งไม่ไป
พอ เค้า อนุญาติ ให้ ส่งพลังได้ เท่านั้น ทีนี้ ใครๆ ก็ ส่ง ออก ได้หมด
การ รวมพลัง ร่วมแรง ร่วมใจ กัน หลายๆ คน
เป็นผลดี
เหมือน น้ำ ฝน แต่ละหยด รวมกัน เป็นสายน้ำ
สายน้ำ เล็กๆ หลายสาย รวมกัน เป็นแม่น้ำ................ น้ำในแม่น้ำ มีพลังมหาศาล -
วันนี้ มาอ่านพบ เรื่อง น้อง ขิม
จนลืม เล่า เรื่อง อาการ เจ็บ ของ ตัวเอง ไปเลย
ที ผม เคย บอกว่า ผม เอง ไม่ ค่อย จะเจ็บป่วย
จึง ไม่ค่อย มีประสบการ ได้ รักษา ตนเอง...............
เมื่อคืนนี้ เจ็บ จน นอนร้องไห้ น้ำตา นอง หน้า อยู่ หลาย ชั่วโมง.............
ไม่ ได้ เป็นอะไร มากหรอก ครับ.... แต่ มัน เจ็บ เหมือน มี ทราย ร้อน หรือ เข็ม สักร้อยเล่ม อยู่ ใน ลูกตา
มัน เจ็บ แสบๆ ในตา จน ลืมตา ไม่ ขึ้น น้ำตา ไหล พราก ยัง กะ เปิดน้ำ ก๊อก
น้ำตา ไหล มากๆ ก็ แน่นจมูก จน หายใจ ไม่ ออก
จน ต้อง ตื่น ขึ้นมา ตอน ห้าทุ่ม
ลุกขึ้นมา คนอื่นเค้าหลับ กันหมดแล้ว
เกรงใจ เค้า จึง เดินลงมา ชั้นล่าง ที่ โต๊ะทำงาน
ลืมตา ไม่ ขึ้น ครับ
ต้อง เดิตหลับ ตา ลงมา ให้ มือ คลำๆ เอา บ้านเราเอง พอจำได้
ตรงนี้ ก็ ได้ ความรู้ ว่า คนตาบอด เค้า เดินได้ อย่างไง......
ที่จริง แล้ว ก็ ไม่ ได้ เป็นอะไร ร้ายแรง หรอก
คือ เมื่อวาน ผม
สั่ง ซื้อ เครื่อง เชื่อมอาร์กอน มาใหม่ 1 เครื่อง
กับ เครื่อง ตัด พลาสม่า มา อีก 1 เครื่อง
รับของ เสร็จ ก็ต้อง ลอง เครื่อง กัน หน่อย
แสง มัน แรง มากๆ แรง กว่า เครื่อง เชื่อมไฟฟ้า ที่ เราเคยใช้ กันอยู่ มาก จน เจ็บตา
อาการนี้ พวกช่างเชื่อม คง เคย เจอกัน ทุกคน และ
ผม เอง ก็ ไม่ ได้ เป็นช่างเชื่อม มืออาชีพ เสียด้วย......
แค่ สาธิต ไป นิดหน่อย ... ที่เหลือ ก็ ให้ ลูกน้อง ที่ เป็น ช่างเชื่อม ลองให้ งานต่อ
ผม ยัง เจ็บ ตา ขนาดนี้
ทนเจ็บ จน ลำคาญ ขอพลัง รักษา ตัวเอง ไป ทำสมาธิ ไป ....
ก็ ดี นะ ตอน เจ็บๆ
จิต มัน นิ่งดี วิ่งไป ที่ ตา รู้ สึกได้ ทีละ จุด เล็กๆ เลยละ ที่ เรา เจ็บ นี่ พอจิด ไปจับมัน
ทำให้ เรารู้ โดย ละเอียด ว่า ที่ เจ็บ เหมือนมี เม็ดทราย อยู เต็มตา
แต่ ละ เม็ด มัน เป็น อย่างไร มัน ทิ่ม มัน ตำ เรา อย่างไร
โฟกัส เข้าใน ในจุด ละเอียด ได้ ที่ ละจุด
รักษา ตัว เอง อยู่ พักใหญ่ ก็ยังไม่ หาย แต่ ก็ พอ ทุเลาลงบ้าง
ทำสมาธิ จนหลับไป
ตื่นเช้า ก็ โอเค แค่ เคืองตา นิดหน่อย
ทำให้ ต้อง รีบ โทรสั่งหน้ากาก กันแสง แบบ ออโต คือ ตัดแสง เอง อัตโนมัต
เอามาให้ พวก ช่างเชื่อมไว้ ใช้
ปกติ เค้า ก็มี แว่น กันแสง หรือ หน้ากาก กันแสง ใช้กันอยู่แล้ว แต่ ตอนจะเริ่มเชื่อม ต้องมอง ต้วยตาเปล่าก่อน เมื่อเริ่มเชื่อมแล้ว จึง ยกหน้ากาก มาบังไว้
ทำให้ ตา ต้อง โดนแสง จ้า ใน แวป แรก ทุกครั้ง ที่ เชื่อม
ใช้ หน้ากาก แบบอันโนมัต ใน ใสๆ แต่ พอ เจอแสง ก็ ตัดเข้า แว่นดำมืด ให้เอง
ที่ เล่ามาเสียยาว ก็ เพียง จะ บอกว่า
ที่ ผมเอง และ เพื่อนๆ อีกหลายคน พบ ว่า การใช้พลังยูเรอัส รักษาโรค ให้ คนอื่น
ได้ผลดี
แต่ พอรักษา ตัวเอง มักจะ ได้ผล ช้า หรือ น้อยกว่า
ตรงนี้ ผม เริ่ม เข้าใจ เหตผล แล้ว
รักษา คนอื่น ก็ รักษา ไป ตามปกติ ได้ ผล ตามปกติ...
รักษา ตนเอง ยิ่ง มี อาการเจ็บ ทนทุกข์เวทนา กับ อาการ ของตนเอง
จิต มันตก ไป ไม่มาก ก็น้อย
ตรง นี้ หรือเปล่า ที่ ทำให้ เรา รักษา ตัวเอง ได้ ผล ช้า....
ความเจ็บปวด ที่ ตนเอง ได้รับ
ความกลัว
ความรังเร กังวล กับอาการเจ็บปวด
สิ่ง เหล่านี้ แหละ ที่ ทำให้ จิต เรา ต้องแบ่ง การทำงาน ออกเป็นหลายส่วน
แทนที จะ รวม ไป อยู่ ที่ การรักษา แต่ เพียง อย่างเดียว.................. -
บ่ายโมง กว่าๆ ลองส่งพลัง ให้ น้องขิม อีกรอบ
ขอ แล้ว นะ แต่ ก็ ยังส่งไม่ได้
พอเขอเอนุญาติ เสร็จ ก็ ส่งไป ได้ นิดเดียว.. หยุด แล้วก็เงียบ
ไม่เป็นไร... ยังไม่ ย่อท้อ
อีกเดี๋ยว ทำใหม่........................... 55 -
นายแชมป์ เข้ามา อ่านกระทู้พอดี ช่วย รักษาน้อง ขิม หน่อย
ผม ยังส่งไป ไม่ ได้ แชมป์ ลอง เปิดทาง .. ให้ ก่อน
ถ้าได้ ผม จะได้ ตามไป
หรือ หากไม่ ได้ ก็ สองแรง แข็ง ขัน พร้อมกันอีกที -
ส่งพลังให้น้องขิมแล้ว รู้สึกแปลกกว่ารายอื่นๆ เพราะพลังออกจากช่องท้อง
แล้วแผ่ออกไปทั่วทั้งตัว เข้าใจว่าเป็นการรักษาในระดับเซลล์ค่ะ คุณดาว
เซลล์ภายในร่างกายของน้องเค้าคงผิดปกติค่ะ.. จะช่วยส่งพลังให้ต่อไป
คงต้องขอให้คุณ sare.ewan ติดตามผลให้ทราบด้วยนะคะ ^_^
qsquqsquqsqu
หน้า 42 ของ 140