พึ่งตัวเอง ...ด้วยการทำความดี

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 30 กรกฎาคม 2016.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    คำว่า "ทำความดี" หรือ "ทำดี" เราอาจตีความได้หลายชั้น ทำดีธรรมดาๆ ก็ได้ เช่น เด็กๆ ตั้งใจเรียนหนังสือ ทำการบ้านที่ครูให้มาทุกครั้งไม่บิดพลิ้ว ไปโรงเรียนทุกวัน ไม่ขาด อย่างนี้ก็เรียกว่านักเรียนทำดี หรือเป็นคนขี้ประจบ คอยเอาอกเอาใจผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะพูดอะไรก็ไม่ขัดคอ ผู้ใหญ่ก็อาจออกปากว่า ไอ้นี่มัน (ทำ) ดี

    ในความหมายที่ลึกก็คือ ทำคุณงามความดี หรือทำกุศลกรรม เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา หรือทำ "บุญกิริยา" อย่างอื่น เช่น ฟังธรรม หรือขวนขวายช่วยเหลือสาธารณประโยชน์อื่นๆ ก็เรียกว่าทำดีทั้งนั้น

    ความดีอย่างหนึ่งที่มีคนทำกันมากก็คือ การสวดมนต์ไหว้พระ บางคนก็สวดหลายๆ บท สวดเป็นชั่วโมงๆ สวดทุกวัน วันละสองเวลา คือเวลาเช้าและเวลาก่อนนอน บางคนก็สวดเพียงบทใดบทหนึ่ง แล้วแต่สะดวก

    บทสวดมนต์ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันคือ คาถาชินบัญชร คาถานี้เนื้อหาสาระกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัย และพระปริตร (พุทธมนต์สำหรับป้องกันภัย) ต่างๆ อัญเชิญให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาประดิษฐานอยู่ทั่วตัวเรา

    ว่ากันว่าเป็น "คาถา" (บทกวี) ที่นักปราชญ์ไทยโบราณแต่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) นำมาดัดแปลงให้กะทัดรัดเดิมชื่อ "คาถารัตนบัญชร" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "คาถาชินบัญชร"

    เมื่อสามสี่วันที่ผ่านมา ผมได้ข่าวว่าเพื่อนผมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่ง ถูกรถเมล์ปรับอากาศทับขานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เห็นเพื่อนนอนคุยอยู่กับแขกที่มาเยี่ยมก่อนหน้าผม ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขาทั้งสองคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนา นึกชมในใจว่า ขาขาดยังยิ้มระรื่น ถ้าเป็นเราคงทำใจไม่ได้แน่

    ผมแข็งอกแข็งใจเปิดผ้าห่มออก จะดูว่าขาเพื่อนขาดขาเดียวหรือสองขา ก็ต้องร้อง "อ้าว" ด้วยความประหลาดใจ ขาเพื่อนมิได้ขาด เพียงแต่บวมเป่งทั้งสองข้างเท่านั้น

    "ไหนคนโทร.บอกผมเขาว่า รถปอ.ทับขาคุณไง" ผมถามด้วยความสงสัย

    "ทับจริงๆ เพื่อน ล้อหลังทับเหนือหัวเข่าผมจริงๆ" เพื่อนบอก

    "เฮ่ย ถ้ามันทับจริงๆ ก็แหลกทั้งสองขาแล้ว" ผมแย้ง

    "นั่นสิใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น ผมเองก็ยังงงอยู่เลย" เพื่อนกล่าวแล้วก็เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เช้าวันที่เกิดเหตุพาลูกสาวขึ้นรถเมล์ปรับอากาศจะไปส่งโรงเรียน รอให้เด็กๆ ขึ้นรถจนหมดก่อน แล้วตัวเองจึงขึ้นตาม ขณะที่เด็กคนหนึ่งก้าวขาที่สองยังไม่ทันพ้นพื้นดิน คนขับรถก็กระตุกเกียร์ พุ่งทะยานออกจากป้าย เด็กจะตกรถ เพื่อนผมจึงผลักเด็กน้อยให้เข้าไปในรถ ตัวเองเสียหลักจะหล่น พอดีมือคว้าราวเหนือประตูรถด้วยสัญชาตญาณ รถก็ไม่ยอมหยุด เพื่อนก็โหนต่องแต่งอยู่อย่างนั้น เป็นที่หวาดเสียวแก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง

    ไปได้สักระยะหนึ่งก็ร่วงลงสู่พื้น เท้าทั้งสองเข้าไปใต้ท้องรถพอดี รถเมล์ก็ทับบนขาได้ยินเสียงดัง "อึ๊ด" คนขับรถรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็จอดรถลงมาดู ท่ามกลางไทยมุงมากมาย

    เสียงคนร้องว่า "รถทับขาคน พาไปส่งโรงพยาบาลเร็ว" คนขับบอกว่า "เป็นไปไม่ได้ รถผมหนัก 7 ตันนะครับ ถ้ามันทับขาจริงๆ คุณเละแล้ว ไม่เป็นอย่างนี้หรอก" เพื่อนผมสติยังดีอยู่พูดว่า "คุณดูรอยล้อรถสิมันอยู่บนขาผม นี่ไง"

    เออ...จริงเสียด้วย รอยล้อยังปรากฏเห็นเป็นทางบนกางเกง แต่มหัศจรรย์พันลึกอะไรเช่นนั้น ขาทั้งสองของเพื่อนผมยังเหลืออยู่ครบ ไม่ขาดหายไปแต่อย่างใด

    เพื่อนผมบอกว่า ไม่แขวนพระอะไรเลย ตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็ทำแต่คุณงามความดี ยึดมั่นในพระรัตนตรัย สวดมนต์ไหว้พระประจำ และคาถาที่ท่องเสมอก็คือ "คาถาชินบัญชร"มีเวลาว่างเมื่อใดก็ท่องทันที วันละไม่รู้กี่เที่ยว วันที่เกิดอุบัติเหตุขณะห้อยโหนอยู่บนรถเมล์ก็ท่องคาถาชินบัญชรอย่างย่อ เสียงดังลั่นแข่งกับเสียงรถ

    "มีเท่านี้จริงๆ ไม่ได้แขวนพระอะไรเลย แต่ใจผมอยู่กับพระตลอดเวลา" เพื่อนสรุป

    ครับ คนที่มีพระอยู่ในใจตลอดเวลา ทำแต่ความดี พระย่อมคุ้มครองให้รอดปลอดภัยแน่นอน


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    ข่าวสด

    ที่มา
    ฆ่าตัวตาย ทำ้ร้ายตัวเอง เลิกคิดดีกว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...