พุทธพยากรณ์ และภัยพิบัติโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 8 เมษายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ข้าพเจ้าเพิ่งได้รับเอกสารชุดนี้ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549
    พยายามสืบหาที่ไปที่มาของเอกสารชุดนี้อยู่นานเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าจะให้
    ทุกคนไดรับรู้และตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าทั้งในเรื่อง
    ของภัยธรรมชาติเอง และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเราชาวไทยที่รักแผ่นดินยิ่ง
    นั่นคือ เรื่องราวบางส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงของเรา
    ทำให้พวกเราได้เห็นในอีกมุมมองหนึ่งของพระราชกรณียกิจของท่าน พระ
    ปรีชาสามารถทั้งทางด้านการเมืองการปกครอง และทางธรรม สมควรยิ่ง
    ที่พวกเราควรเจริญรอบตามพระยุคคลบาทด้วยการศึกษาและปฏิบัติ
    สมาธิกันอย่างจริงจัง และนำสมาธิมาประยุกต์ในการดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เพราะเมื่อถึงเวลาที่ภัยพิบัติมาถึงตัวเรา
    จะสามารถดำรงตนอยู่ได้อย่างมีสติ
    สารบัญ
    1.พุทธพยากรณ์
    2.การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
    3.ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    4.การเตรียมตัว
    5.การดูแลตัวเองในช่วงวิกฤติ
    6.การเตรียมจิตวิญญาณ
    7.การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย
    8.ลางบอกเหตุก่อนเกดภัยธรรมชาติ
    9.รายละเอียดของมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น
    10.คัมภีร์ใบลานอักขระธรรม
    11.พระเจ้าอยู่หัวในหลวงเพื่อปวงชนชาวไทย
    คำพยากรณ์
    ขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า
    ‘‘ อานันทะ ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงพุทธกาล 15 ปี จะเกิดการณ์
    ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลง
    มาจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกัน
    เป็นอันมาก แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงพุทธกาล 15ปี จะถือว่าเป็นการณ์
    ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว
    อานันทะ ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาล
    มาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกัน
    ฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา
    กัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก ’’
    พระพุทธเจ้าบอกว่า ค.ศ.2000 โลกจะไม่สลาย... พระพุทธศาสนา
    จะทรงอยู่ได้ตลอด 5,000 ปี
    ทรงตรัสชี้ว่า เขตประเทศต่อไปนี้ จะเป็นประเทศที่มีความ
    เจริญรุ่งเรืองมากจะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ 5,000 ปี นี่หมายถึง
    ประเทศไทย..
    ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทย จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามาก
    ขึ้น ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่ม
    เป็นกุศล เวลานั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามาก
    ขึ้น เพราะกลัวตาย...
    สำหรับท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิตก็จะเร่งรัดตัวเองกำลังใจก็จะมี
    สมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิดก็จะใช้ผลของอภิญญาและ
    ญาณต่างๆที่ได้จากสมาธิและวิปัสสนาญาณเอามาช่วยบรรดาพุทธบริษัท
    ทั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย ขอให้ทุกท่านยอมรับนับถือความดีของ
    พระพุทธเจ้าที่ให้ไว้ คือ
    1.สังคหวัตถุ 4ได้แก่
    1.1 ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน สร้างความ
    รักเข้าไว้ อย่างสร้างศัตรู
    1.2 ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุขเขาจะรักเรา เราก็
    มีความสุข
    1.3 อัตถจริยา ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน
    1.4 สมานัตตตา ไม่ถือตัวไม่ถือตน
    2.พรหมวิหาร 4 ได้แก่
    2.1 เมตตา ความรัก
    2.2 กรุณา ความสงสาร
    2.3 มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใคร ได้ก็ยินดีด้วย
    2.4 อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่ดิ้นรนยอมรับตาม
    ความเป็นจริง
    จงอย่าประมาทในชีวิต จงทรงจิตของท่านให้มีความมั่นคงในคุณพระ
    รัตรตรับ 3 ประการ คือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาอย่งยิ่ง
    ให้มีจิตยึด พระพุทธคุณ ให้ภาวนาว่า ‘‘ พุทธโธ ’’
    ก่อนจะหลับให้กำหนดการเข้าออกของลมหายใจ หายใจเข้านึกว่า
    ‘‘ พุทธ ’’ หายใจออกนึกว่า ‘‘ โธ ’’ และเวลาตื่นนอนใหม่ๆทำแบบนี้เป็นปกติ
    เวลาที่ยังตื่นอยู่ ถ้าคิดขึ้นมาได้เมื่อไหร่ก็ทำใจให่นึกถึงความดีขององค์พระ
    สัมมาสัมพุทธเจ้า ภาวนาว่า ‘‘ พุทโธ ’’ เป็นปกติอย่างนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงไตร

    สรณคมน์ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ จิตของท่าน
    จะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้าจะทำจิตใจของท่านให้เยือกเย็นมี
    ความสุข อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็จะพ้นภัยด้วย อำนาจของ
    พุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ
    ถ้าจิตของเราไม่นิยมในขันธ์ 5 หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
    วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์พระสัมมาพุทธเจ้าว่า
    พระองค์อยู่ที่ไหนเราจะไปที่นั่น ท่านจะพนจากกิเลส จะเข้าถึงพระนิพพาน
    ได้...
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3จบ)
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งระลึก
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือพระธรรมเป็นที่พึ่งระลึก
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือพระสงฆ์เป็นที่พึ่งระลึก
    การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
    1.ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้
    ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลายจะนำไปสู่
    คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว )
    2.เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วันในระหว่างเดือน ตุลาคม
    พฤศจิกายน
    3.ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก ( ระยะชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน )
    *ระยะเวลาเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงของโลกรวมแล้วมีระยะเวลา
    ทั้งสิ้น 56 วัน
    *ใน 3 วันแรก จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่ทวิปเอเชีย ในประเทศที่เป็น
    อริต่อกัน
    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหม่
    2. พายุถล่ม
    3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว
    4. ภูเขาไฟระเบิด ( จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง
    3 ลูก อีกทั้งที่จังหวัดราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้อยกวาง
    5.คลื่นยักษ์จากทะเล
    6.โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ VIRUSTERIA,อหิวาตกโรคสาย
    พันธ์ใหม่ ผู้ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันทีภายใน 6 วัน
    7.คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดัง
    ขนาดนั้นมาก่อน
    8.อดยากขาดแคลนอาหาร
    การเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว
    1.เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3-6 เดือน
    2.เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำ
    ร้อน ผ้าห่มฯลฯเพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
    3.เครื่องใช้ที่จำเป็น
    4.ที่อยู่อาศัย
    5.ยารักษาโรค
    6.ด่างทับทิมและคาราไมล์ (จำเป็นมาก)ห้ามกินอาหารที่ไม่ได้ล้าง
    ด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนคาราไมล์จะมีไว้
    รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะ
    หายได้อย่างอัศจรรย์
    7.ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
    8.เครื่องช่วยชีวิต
    9.แสงสว่าง เช่น เทียน ตะเกียงพายุ(เวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน
    เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
    10.เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
    การดูแลตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติ
    1.ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็จขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้าเปิดไม่
    ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม
    2.ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้าง
    ขึ้น
    3.ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้าง
    ทุกครั้ง
    4.ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้ง
    สามจะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คน
    ที่มาเยือนอาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็
    เป็นได้และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็จขาด
    5.ห้ามกินเนื้อ!ทุกชนิด
    6.ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
    7.ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
    8.ระวังอากาศที่หนาวเย็น
    9.ระวัง!ร้าย !มีพิษ เช่น งูพิษ จระเข้
    10.ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบ
    เป็นหน้ากลอง
    การเตรียมจิตวิญญาณ
    1.ชำระกรรมให้บางเบาโดย หยุดโลภ โกรธหลง ทำจิตใจให้สงบเบิก
    บานเพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

    เพราะเสียงที่ดังกึกก้องไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้นต้องปล่อย
    วาง ทำจิตให้เป็นบอก จะช่วยได้มาก
    2.สำนึกทางจิตวิญญาณ
    3.ฝึกการละวาง
    4.มีสติรู้ตัวตลอดเวลา
    5.ฝึกการทำโฆษกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวร หรือผู้ที่เราล่วง
    ละเมิด
    การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย
    1.ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้อง
    ไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลัง
    จะตาย หรือ ได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัวต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป หากละ
    วางไม่ได้จะเกิดอาการ ‘‘ ตายก่อนตาย ’’ (ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการ
    ตายทั้งเป็น)
    2.ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
    3.อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้กลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำเช่น
    อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวกเกิดการอิ่มเอิบ
    4.สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น
    ลางบอกเหตุก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่(ระยะ2)
    ท้องฟ้ามืดผิดปกติ ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงาย แลดูหดหู่ !
    ทั้งหลายจะไม่ปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามี!เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเห็นมันวิ่ง
    ลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม
    เรื่องเวลาที่แน่นอนนั้น ขอบอกตามตรงว่าไม่ทราบ เพราะจริงๆแล้ว
    น่าจะเกิดตั้งแต่ ค.ศ.1999 ตามที่นอสตราดามุสทำนายเอาไว้ แต่เมื่อดู
    จากเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างไม่เคยพบเห็นมา
    ก่อนในชีวิตนี้ และจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ต่างๆคิดว่าจะเกิดภายใน
    1-3 ปีนี้...
    เป็นกรรมของ!โลกนะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบ
    จะเริ่มล้างมนุษย์ปลายปี 47 (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบเผลอ
    แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทาง
    ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและอุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆจนพระ
    จักรพรรดิ์ลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ
    ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆก็คือ ใต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เคย
    ถามครูบาอาจารย์ว่าไม่เคยมีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า ‘‘ ไม่ได้ ’’ ท่าน
    ว่า ‘‘ ปูยีเว้าก็ปานพระเจ้าเว้านั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เพราะ
    กรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น ’’
    สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯ ก็มิใช่จะปลอดภัยเพราะฝ่ายรักษา
    ภายในของ กทม.เริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และ ต่อไป
    ภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะ เป็นแก่งทั้งหมด เราเข้าใจว่าภัย
    พิบัติในภาคใต้เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมี
    สัญญาณอย่างอื่นด้วยแต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เช่น เรื่อง ธาตุแก้วเจ็ด
    ประการที่เริ่มเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆอีกหลายอย่างที่กระจัด
    กระจายกันอยู่ในหลายประเทศเป็นต้น
    ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้
    ถ้าใครมีจิตที่เอ็กซเรย์ธาตุได้ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกรและ
    แก้ววิเศษของเทวดาก็อาจเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์เพราะความไม่รู้
    ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมามนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว
    ต่อไปบางทีก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาค
    แถวลพบุรีที่ในไม่ช้า (ช่วงท้ายๆของภัยพิบัติ) จะลุกขึ้นมา (ภายใน) เพื่อ
    ไปรอรับพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพล ที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ที่
    อื่น ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนาคตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัวพิษของยักษ์ก็
    จะทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงได้ มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลก็ไม่
    เป็นไร
    เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็น
    มหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียวกัน)ท่านไหน
    ขยันหมั่นเพียร รักษาศีลภาวนาก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วน
    ท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง
    ศาสนาอื่นนั้นไม่เหลือ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายมาพึ่งศาสนาพุทธ
    กันหมด เท่าที่ทราบต่อไป มหาอำนาจอย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้อง
    มาพึ่งไทย ศูนย์กลางโลก ศูนย์กลางศาสนา อยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อไป ที่
    แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนา
    ในยุคจักรพรรดิ์ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดย 3 ร่มโพธิ์ศรีอัญญาสิทธิ์
    และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิ์จะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่
    พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้นไปไม่ถึงดวงดาวหรอกเพราะวิทยาศาสตร์
    ถึงทางตันแล้ว
    เหตุที่เกิดในภาคใต้ซึ่งเป็นเขตพระพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้
    ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้นจะรุนแรงกว่านี้มาก และความหายนะที่
    จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย
    ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่าอย่าง
    อิสลามและคริสต์นั้นเชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญญาณของพวกนี้
    เป็นพวกยักษ์ ตระผมลต่างๆ ดังนั้น ที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนา
    เขาตีกันนั้นก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหาและพวกยักษ์เหล่านี้ก็มาเกิด
    มากในยุคนี้ส่วนใหญ่ในเขตประเทศไทยและประเทศไกล้เคียงจะเป็น

    เชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับ
    การเกิดเป็นเชื้อต่างๆเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆว่าเคยทำบารมีใน
    ภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้นและเมื่อถึงเวลาก็
    จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ และบางครั้งการทำงานจากภายนอกก็
    จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผล
    ที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์
    ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คลายๆกับวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายเหตุผล
    แจ้งในเรื่องนั้นๆก็เลยเกิดความ ‘‘ ประมาท ’’ ต่อไปจะมีจักรพรรดิเป็น
    ผู้ปกครองโลก พระยาธรรมมิกราชจะคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิ!
    ที่ลงมาทำหน้าที่ ดูแลพระพุทธศาสตร์นานั้นเอง และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์
    อาจยังไม่รู้ตัวเอง ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบาง
    ท่านจะมีชื่อเสียงในหมู่เทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤาษี มุนี ดาบส ฯลฯ
    พวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมิกราช แต่พวกมนุษยืไม่รู้จัก เพราะท่าน
    เหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆและลี้ลับ ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆให้ฟังว่า สำหรับ
    ผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น ‘‘ ดังบ่ดี ดีบ่ดัง ’’
    จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    อันใกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรม เป็นตัวกำหนด
    และยุคพระยาธรรมิกราช ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน
    กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์อย่างในยุคพระ
    เวสสันดร (ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์
    หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดร ได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว
    หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดยุคพระยาธรรมิกราชหรือยุคพระจักรพรรดิ์ขึ้น ถ้า
    จำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิ์ในสมัยนั้นในยุค
    ร่วม สมัยในปัจจุบันนี้ มีบุคคลผู้หนึ่ง ทำทานบารมีจนได้พรแปดประการจาก
    พระอินทร์แล้วเช่นกัน ก็พอจะอนุมานได้ว่า ยุคพระยาธรรมิกราชนั้น เข้ามา
    ใกล้ถึงปลายจมูกแล้ว
    ใครที่คิดทำบุญกุศลอะไร ก็ให้รีบเร่งทำ หากเมื่อใดผู้ที่เข้าได้พร
    พระอินทร์เข้าทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา ( ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
    การปรารถนาพุทธภูมิ ) ระบบที่เขาทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงานตามลำดับ
    เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรม ของศีลห้า ศีลแปดของบุญบารมีที่
    แต่ละท่านบำเพ็ญเพียร สั่งสมมา
    ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่ทำ
    ให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะ
    สามารถทำให้เกาะประเทศไต้หวันหายวับไปได้ในพริบตา เมื่อไหร่ก็ตามที่
    นาคใหญ่ทำงาน จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่
    ผ่านมาเป็นแค่นาคใหญ่โก่งหลังหรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่า
    หากพวกนาคบางพวกมีหน้าที่ทำฤทธิ์เพื่อล้างพวกผู้มีศีลธรรมไม่เพียงพอ
    สำหรับอยู่ในยุคพระธรรมบนโลกนี้ก็จะเหลือคนไม่มากอย่างที่พระสูตรบอก
    ไว้
    รายละเอียดของมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น
    สถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่จะได้เผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้
    โลกจะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรกในภาคอีสานตาม
    รอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาวเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของ
    แผ่นดินคนเคี้ยวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธารโลหะร้อนจะไหลลามแผ่
    ออกไปเป็นบริเวณกว้างข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน จากนั้นพายุที่รุนแรงจะนำน้ำ
    มาดับไฟก่อให้เกิดน้ำท่วมและโรคร้ายแรงที่จะระบาดอย่างรุนแรงจนสุดที่จะ
    เยียวยาได้โดยเฉพาะอหิวาตกโรคสายพันธ์ใหม่ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดจนหมด
    ไปจากโลกนี้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัวและจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าเดิม ซึ่ง
    สามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อไดในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น
    ท้องฟ้ามืดมิด ฝนจะตกหนักทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำจะเอ่อขึ้น
    เรื่อยๆจนเข้าท่วมแผ่นดินในหลายๆพื้นที่ พายุไซโคลน จะพัดกระหน่ำและ
    จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 160 กม/ชั่วโมง พัดผ่านกรุงเทพผ่าน
    แม่น้ำเจ้าพระยา ตึกแห่งหนึ่งริมน้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้กับสะพานกลางเก่า
    กลางใหม่ย่านฝั่งธนบุรีจะพังทลายลงมาจากการโหมกระหน่ำและความบ้า
    คลั่งของลมพายุ มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 600 คน ในเวลาหลัง
    จากนั้นไม่นานนัก ตึกสีขาวที่อยู่ริมน้ำฝั่งตรงข้ามจะพังทลายตามลงมา
    ยอดตึกที่พังทลายจะแลเห็นโผล่เหนือน้ำให้เห็นเป็นอนุสรณ์ของคราบน้ำตา
    หลังคาบ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงจะปลิวว่อนเสาไฟฟ้าจะล้มระเนระนาด
    ด้วยความรนแรงของลมพายุผนังตึกส่วนหนึ่งจะรูดลงมากองกับพื้น ลมพายุ
    ที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในบริเวณ
    ใกล้เคียงอย่างเหลือคณานับ
    เทือกเข้าตะนาวศรีในจังหวัดราชบุรี จะพังทลายลงมาเนื่องจาก
    แผ่นดินไหวที่รุนแรงซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นถึงภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่ หลังจาก
    นั้นไม่นานภูเขาไฟลูกแรกในประเทศไทยจะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงเสียงดัง
    กึกก้องกัมปนาทดังมาถึงกรุงเทพ ธารลาวาจะไหลลงไปยังฝั่งพม่า ไม่นาน
    นัก ระเบิดลูกที่สองและลูกที่สามก็ตามมา ลูกที่สี่จะมีความรุนแรงอย่างถึง
    ที่สุด ซึ่งจะสร้างความอำมหิตให้กับภาคเหนือและภาคอีสานต่อไป
    ทุกจังหวัดในประเทศไทยต่างก็ได้รับความบอบช้ำด้วยกันทั้งสิ้นจะ
    มากน้อยต่างกันไป บริเวณใดที่มีผู้คนที่มีศีลธรรมอาศัยอยู่อาจได้รับการ
    ปกป้อง บรรเทาภัยพิบัติให้เบาบางลงไปได้บ้าง...
    ข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระดับความรุนแรง
    จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังเช่นภูเขาไฟที่กล่าวว่าจะเกิดในสถานที่หลาย

    แห่งนั้น อาจเกิดระเบิดกึกก้อง
    กัมปนาทรวมกัน ในสถานที่แห่งเดียวกันแต่จะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ
    กล่าวคือ อาจมีลาวาจะพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงเป็นพิเศษถึง 6 กิโลเมตร เป็นต้น
    เหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมานั้นจะมีอยู่วันหนึ่งที่เหตุการณ์รุนแรงที่สุด
    คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลกเป็นพลังงานที่เกิดจาก
    ลมพายุสุริยะอันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่11 มนุษย์ทุกคนบน
    โลก จะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆจะรู้สึกหด
    หู่เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกลหลังจากนั้นไม่นานนัก ลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น
    เสียงฟ้าเสียงลมจะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ดัง
    ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เป็นเสียงของพญามัจจุราชที่พิพากษาโลกในด้าน
    ความเป็นมนุษย์คนชั่วทุกคนจะถูกประหารชีวิตและจะตายอย่างทรมาน ไม่
    เว้นแม้แต่ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ ส่วนคนดีจะได้รับการ
    ยกเว้นเอาไว้ให้ได้ทำความดีโดยไม่มีอุปสรรคต่อไป
    ปลายปีพ.ศ.2548 นี้ จะเริ่มเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งจะ
    ส่งผลให้มีคนตายมหาศาล ส่วนผู้ที่รักษาศีล5ขึ้นไปจะรอดและอีก
    5ปีต่อไปนี้น้ำจะท่วมภาคใต้ และจะร้ายแรงกว่าสึนามิหลายเท่า ผู้คนที่รอด
    ชีวิตจำต้องเดินทางขึ้นเหนือเพื่อให้พ้นภัยโดยระหว่างทางจะพบกับคนนอน
    ตายเกลื่อนกลาดจำนวนมาก
    คนที่ไม่เคยเข้าวัดก็รีบเข้าวัดซะ ตอนนี้ก็ยังทัน รีบหาของดี วัตถุมงคล
    ติดตัวไว้ แต่ถ้าเป็นคนดีมีศีลอยู่แล้วก็ยิ่งดีและสุดท้ายก็ให้นั่งสมาธิ เพราะไม่
    มีสิ่งใดจะช่วยเราได้นอกจากสมาธิ และผู้ปฏิบัติสมาธิที่ได้อภิญญา เรียกว่า
    ให้อยู่ใกล้คนดีเข้าไว้ และปีหน้า (พ.ศ.2549)พระศรีอาจารย์ ซึ่งเป็นพระ
    โพธิ!อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตในตอนนี้ จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ (ท่านลงมาเกิด
    ในคราวนี้ไม่ใช่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า แต่เพื่อช่วยให้ผู้คนรอดพ้นจาก
    เหตุการณ์อันเหลือที่มนุษย์จะรับมือได้ไหวครั้งนี้ เพื่อช่วยให้พ้นจากภัย
    สงครามครั้งมหึมาที่จะทำให้มีคนตายมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ท่านอาจจะ
    เกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ได้แต่ยังไม่แสดงตัวเท่านั้น)
    หากท่านไม่แน่ใจว่าตัวท่านมีความดีพอที่จะรอดพ้นจากมหาภัยพิบัติ
    ครั้งนี้ล่ะก็ ขอให้หาของติดตัวไว้เป็นอย่างดี หรือถ้าหาของดีไม่ได้จริงๆก็
    จงทำตัวของท่านให้เป็นคนดีเพื่อความดีจะรักษาตัวของท่านเอง หากท่านไม่
    เชื่อก็จงอย่างพึ่งปฏิเสธ เช่น เชื่อโรคที่ตาเปล่าของเรามองไม่เห็น แต่เราก็ไม่
    อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่มี เพราะเรามีเครื่องมือคือกล้องจุลทรรศน์ที่จะส่อง
    เห็นแล้ว ส่วนเรื่องอย่างอื่นเช่นที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้า เครื่องมือที่จะเห็นก็มี
    แล้วคือการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ แต่อยู่ที่ท่านจะใช้เครื่องมือ หรือรู้วิธีใช้
    เครื่องมือนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง
    ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเขียนไว้ว่า อีกไม่กี่ร้อยปี
    จะมีพระมหากษัตริย์ท่านหนึ่งเดินทางจากทางเหนือมาบูรณะวัดท่าซุง ขณะนี้
    วัดท่าซุงก็ยังคงเป็นปกติดี แสดงว่าหลังจากนี้ไม่นานนักคงต้องมีเหตุการณ์ที่
    ทำให้วัดท่าซุงร้าง ซึ่งปัจจุบันวัดท่าซุงยังมีคนไปทำบุญถือศีล ปฏิบัติธรรม
    อย่างไม่ขาดสาย แต่จะมีเหตุใดเล่าที่ทำให้วัดร้างได้นอกจาก...( อาจเกิด
    สงครามนิวเคลียร์ระหว่างชาติอาหรับและอเมริกา ซึ่งเป็นชนวนให้เกิด อภิ
    มหาสงครามครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยก็เป็นได้ )
    ไม่เชื่อย่าลบหลู่ จงหมั่นทำดีเพื่อรักษาชีวิตรอดเทอญ
    ประเทศไทยเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะได้รับการปกป้อง คุ้มครอง
    รักษาไว้ ซึ่งจะได้รับความบอบช้ำจากมหันตภัยธรรมชาติน้อยที่สุดในโลกและ
    จะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำซึ่งมีความเจริญเป็นศูนย์กลางของโลกต่อไป
    วิกฤตการณ์เลวรายหน้าหวาดหวั่นจะบังเกิดขึ้นทั่วโลกความ
    หวาดกลัวไม่จำเป็นต้องรับรู้ผ่านหน้าจอทีวี เพราะมนุษย์ทุกคนบนโลก จะ
    ได้รับรู้รสชาติแห่งความกลัวตายกันทุกคน
    มนุษย์ที่รอดชีวิตไปได้ จะเข้าสู่ยุคใหม่ จะมีจิตใจที่ดีงามและมีอายุขัย
    ที่ยาวจนหน้าประหลาดใจ มีอารบธรรมเจริญก้าวหน้า โดยที่ไม่ได้สร้างเทค
    โนโลยีที่ก่อปัญหาให้กับโลกมากมาย เช่นปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถ
    ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์ต่างดาวได้ ซึ่งแม้ปัจจุบันบางคนก็ไม่เชื่อว่า
    สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริงก็ตาม ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของโลกและเป็น
    ประเทศแรกที่มีผู้สร้างยานอวกาศไปท่องจักรวาล ได้เป็นแห่งเดียวของโลก
    โดยใช้พลังจิตในการขับเคลื่อนโดยไม่ใช้เชื้อเพลงในการเผาไหม้ให้เกิด
    พลังงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติของโลกให้เสียหาย
    เหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน
    นอกจากนี้ต่อมไพนิลหรือตาที่ 3 ของมนุษย์ จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาให้มี
    ประสิทธิภพมากยิ่งขึ้น จนสามารถเข้าถึงสภาวะนิพพานได้ง่ายขึ้นกว่าใน
    อดีตในระยะเวลาไม่นานนัก (ภายใน6ปี )
    พระศรีอริยะเมตไตร จะเปิดเผยพระองค์ เพื่อปลอบประโลมสร้าง
    ขวัญกำลังใจให้กับมวลมนุษย์ชาติ ที่มีความบอบช้ำทางจิตใจซึ่งในขณะนี้
    พระองค์ท่านได้เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์แล้ว กำลังเป็นสามเณีในพุทธ
    ศาสนา และพระองค์ได้มาปรากฏที่ประเทศไทยนี่เอง
    ดังเช่นหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่า ใครบ้ามาลองภูมิท่าน ท่านก็
    แกล้งทำตัวเป็นคนบ้าตอบเสียเลย เพราะหากมาลองของกับหลวงพ่อพวกนี้
    พอพูดความจริงไม่ค่อยเชื่อ แต่พอโกหกคิดว่าเป็นเรื่องจริง
    ขอตัดตอนบางส่วนจาก คัมภีร์ใบลานอักขระธรรมซึ่งได้
    ทำนายภัยพิบัติโลกไว้ดังนี้
    พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดรู้แล้ว จงรีบร้อน
    บอกเล่าสู้กันฟัง หรือพิมพ์แจกจ่ายตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วย

    ท่านให้หลุดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง ถ้าบุคคลใดไม่เชื่อมั่นตามคำ
    สอนของพระพุทธเจ้าจะเดือดร้อนในปีจอนี้ ขึ้น 4 ค่ำ ผู้มีบุญจะลงมาเกิด
    พร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าไม่มีอยู่ในบ้านเรือนบ้านช่องของผู้ใด จะมี
    พวกผีปีศาจร้ายเข้าทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอต่อปีกุลยามเดือนหงาย จะเกิด
    มีงูพิษอยู่บนหัวกัดฉกให้ตาย และฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลาย
    ประการ เช่น
    - ทุกข์ยากเดือดร้อน เพราะศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากร้อน เพราะมีคนตาย
    ตามทุ่งไร่ ทุ่งนา
    - ทุกข์ยากร้อน เพราะน้ำและไฟ ทุกข์ยากร้อนเพราะไม่มีผู้เฒ่า
    - ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีใครจะดูใคร ทุกข์ยากร้อน เพราะไป
    ต่างประเทศไม่สะดวก
    - ทุกข์ยากร้อน เพราะอดข้างปลาอาหาร
    - ทุกข์ยากร้อนเพราะนอนไม่หลับ
    - ทุกข์ยากร้อน เพราะผัวเมียไม่เห็นหน้ากัน
    ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทร์ จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมา
    เป็นพ่อค้า ในปีจอ ขึ้น 8ค่ำ ห้ามไม่ให้ใครตักน้ำ อาบน้ำ กินน้ำ ตามห้วย
    หนองคลองบึง หลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนมืดค่ำ)พญายมราชจะนำเอายา
    พิษมาพ่นมาใส่โลกมนุษย์
    ในปีจอ เมืองกรุงเทพฯ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้ว
    มรกตหัวเมืองเชียงใหม่เม็ดข้าวใหญ่ จะได้กลับคืนสู่เมืองเวียงจันทร์
    นี่คือพระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน
    จงรักษาเก็บไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์
    มหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้ดังนี้
    ‘‘ ปะโต เมตัง ปะละชิมินัง สุขะโต จุติ
    เมตตะ นินะนัง สุขะโต จุติ ’’
    พระคาถาข้อนี้จะเขียนลงใส่ใบลานแผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้
    บนประตูห้องเรียนหนือรถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ในยามเกิดเหตุการณ์จะ
    ช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย ในกาละเวลานี้เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้ที่คุ้มครอง
    รักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผล
    บุญ (ความดี) เพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรม (ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วน
    เมื่อเป็นเช่นนี้พระอินทร์จะได้ลงโทษกับมนุษย์โลกถึง 9 ข้อ นับตั้งแต่ปีจอ
    ถึงปีกุน คือ
    - จะให้เกิดพายุลงแรง
    - จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (อากาศ – อาหารเป็นพิษ)
    - จะให้เกิดไฟไหม้ (อัคคีภัย)
    - จะให้เกิดกาฬโรคต่างๆ (พยาธิร้าย)
    - จะให้เกิดน้ำท่วม (อุทกภัย)
    - จะให้เกิดอดข้าว ปลา อาหาร
    - จะให้เกิดฟ้าผ่า
    - จะให้เกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเอง สำหรับคนใจบาป
    - จะให้เกิดร้อนมากหนาวมาก
    มหันตภัยทั้ง 9 อย่างนี้ จะรอดพ้นเฉพาะคนใจบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำ
    พร้อมสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจกบอกต่อกันไปให้รีบเร่งทำแต่
    ความดีมากกว่าทำบาปกรรมชั่วร้าย ถ้าผ่านปีจอ ปีกุลไปแล้ว ทุกคน
    ลูกหลาน เหลน จะได้รับความสุขสบายกันทั่วหน้า (เวลาเหลือน้อย) ให้
    ทุกคนเคร่งครัดถือศีล 5 ข้อ ให้ขยันไหว้พระ ภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศล
    อย่างต่อเนื่อง ศีล 5 ข้อ ได้แก่
    1.ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต(ทุกชีวิตใครก็รัก)
    2.ห้ามลักหรือขโมยเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตน
    3.ห้ามล่วงเกิน เป็นชู้ผู้อื่น เมีย ผัว คนที่มีเจ้าของ
    4.ห้ามพูดปดหลอกลวงคนอื่นในทางที่ไม่ดีซึ่งเป็นเหตุให้เกิด
    ความแตกแยกสามัคคีหรือสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง
    5.ห้ามดื่มหรือเสพของมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง
    นอกจากหนังสืออินทร์ตกที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีพระผู้ทรงศีลองค์
    หนึ่ง ได้เห็นเนื้อในอักษรธรรม เขียนจารึกไว้บนก้อนหินศิลาที่พึ่งพ้น
    จากพื้นดิน ในภูผาดงแห่งหนึ่งที่พระรูปนี้ได้เดินธุดงค์ วิปัสนากรรมฐาน
    ผ่านไป ไม่ขอบอกนามพระและกำหนดสถานที่อย่างแจ้งได้ เพราะได้สอบ
    หาข้อมูลละเอียดแล้ว พระผู้ทรงศีลกล่าวว่า ‘‘ โยมเอ๋ย...ถ้าไม่เชื่อก็สุด
    แล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าโยมเชื่อก็เป็น
    กุศล ถ้าไม่เชื่อก็เป็นอกุศล ’’ รู้เพียงเท่านั้น จึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำ
    กล่าวของ พระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่าในปีระกา– ปีจอและกุล
    เดือน 7-8 จะเกิดเหตุร้ายแรงตามถนนหนทาง
    เดือน 9-10 คนใจบาปหยาบช้าจะถูกล้างผลาญให้หมด
    - มีบ้านก็ไม่มีคนอยู่
    - มีข้าวก็ไม่มีคนกิน
    - มีทาง ก็ไม่มีคนเดิน
    สุดท้ายพระผู้ทรงศีลยังได้กล่าวเน้นมาถึงความศักดิ์สิทธิ์ดังหนังสือ
    ‘‘ อินทร์ตก ’’ ‘‘ อินทร์ตื่น ’’
    ถ้าท่านผู้ใดเชื่อ ศรัทธา บูชา เคารพกราบไหว้หรือบนบานว่าจะ
    บอกเล่าถึงผู้อื่นหรือลงพิมพ์แจกให้สาธุชน คนทั้งหลายรับรู้ด้วยแล้ว ท่าน
    จะปราถนาสิ่งใดจะได้ดังใจนึก พยาธิที่เบียดเบียนก็จะหายขาด...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------
    http://bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=r1287562
     
  2. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    อนุโมทนา......สาธุ

    ฟังแล้ว....ให้

    - มีสติ
    - พิจารณา
    - อย่าประมาท

    พุทธังปกป้อง ธัมมังคุ้มครอง สังฆังห้อมล้อม ครอบด้วย นะ โม พุท ธา ยะ
     
  3. eve1

    eve1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +682
    (verygood)
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พิบัติทำนายฉบับลาว
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td> <!-- กรอบด้านบน --> <table 100="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> <td style="background-image: url(themes/default/box/box/bottom.gif); background-repeat: repeat-x;" width="100%"> [​IMG]</td> <td align="right">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <!-- กรอบด้านบน --> </td> </tr> <tr><td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr valign="top"> <!-- กรอบด้านซ้าย --> <td style="background-image: url(themes/default/box/box/left.gif); background-repeat: repeat-y;"> [​IMG]</td> <td width="100%"> <!-- รายละเอียดเริ่มที่นี่ --> [​IMG] คงจำกันได้ ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาข่าวภัยพิบัติธรรมชาติจากอุตรดิตถ์ ไปจนถึงยอร์คจาร์การ์ตา อินโดนีเซีย ทำลายทรัพย์สินและคร่าชีวิตผู้คนมากมาย

    ก่อนนั้นบ่ายวันหนึ่งต้นเดือนพฤษภาคมผมนั่งหลบร้อนอยู่ใต้ถุน จู่ๆก็มีเพื่อนบ้านเดินมาแจกเอกสาร2 เล่ม ลักษณะเป็นกระดาษเอ4 ซีรอกซ์ เย็บง่ายๆ ปกใช้กระดาษปอนด์สีฟ้าตัวพิมพ์คอมพิวเตอร์ ข้อความบนปกบอกว่าเป็นคัมภีร์ใบลานอักขระธรรมจากภูค้อของสามเณรคำ อีกเล่มเป็นกระดาษเอ4 พับครึ่งปกสีเดียวกันเป็นบทสวดใช้คู่กับเล่มแรก

    เพื่อนบ้านคนนั้นระบุว่าต้องการฝากเอกสารฉบับดังกล่าวให้พ่อ(ของผม) ผมก็รับนำไปให้ท่าน ส่วนเขารีบเดินจากไปคงไปแจกต่อ

    ครั้นพ่อรู้ว่าใครมาแจกก็ยิ้มๆอยู่ พูดงึมงำอะไรอยู่ในคอไม่ทันฟัง อ่านครู่หนึ่งก็วางแล้วกลับไปดูมวยช่วงเจ็ดสีต่อ ผมว่างมากวันนั้นก็ถือโอกาสนั่งพลิกๆอ่านเล่น พบเรื่องตื่นเต้นจริงบ้างเล่นบ้าง คล้ายเรื่องในอินเตอร์เนท ข่าวลือ จริง ลวง เท็จอย่างไร เผยแพร่ด้วยวัตถุประสงค์อันใด ไม่รู้ไม่มีที่มาชัดแจ้งนัก ที่ผมสนใจนี่เป็นการเผยแพร่แบบดั้งเดิมแบบชาวบ้านจริงๆ นี่แหละ (เดินแจก) ไม่ต้องพึ่งความเร็วของสื่อยุคใหม่ มาไกลเหมือนกัน และคงสร้างความเชื่อและแตกตื่นระดับหนึ่ง

    ที่มาที่ไป ต้องการอะไร ใครได้ประโยชน์ เชื่อหรือไม่เชื่อไม่ใช่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้

    หนังสือใบลานนี้ระบุว่าตกลงมาสู่วัดแห่งหนึ่งในแขวงอัตะปือ(น่าจะเป็นประเทศลาว)

    ข้อความเริ่มที่ ....ข้าพเจ้า(คนเขียนเผยแพร่) บอกว่าได้รับรู้จากพระอาจารย์ ผู้ทรงศีลองค์หนึ่ง เผยแพร่ให้ทราบจึงเกิดศรัทธ่เสียสละทรัพย์ส่วนตัวพิมพ์แจกจ่ายมายังชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นการกุศล และพิจารณาด้วยตนเอง ถึงมหันตภัยของโลกาภิวัตน์ซึ่งจะเกิดขึ้นตามพุทธทำนาย

    ผม พลิกดูข้อความก็พบว่าเป็นการทำนายหายนะต่างๆที่จะเกิดขึ้น คัดมาเพียงบางตอนดังนี้

    ..ในปีระกา ปีจอนี้ มีเรือนแล้วจะไม่มีคนอยู่ มีนาไม่มีคนทำ เดือนเจ็ดจะมีงูเต็มไปทั่ว
    ถึงเดือนสิบเอ็ด คนบาปจะตายเพราะไม่ซื่อสัตย์ จะมีภัยต่างดังนี้1.จะมีสงครามเกิดขึ้นทางน้ำ ,ท่าน้ำจะมีอันตราย
    2.จะเกิดนอนไม่หลับ
    3.ผัวเมียจะไม่เห็นหน้ากัน
    4.ทั้งลูกทั้งหลานจะไม่เห็นหน้ากัน
    5.คนจะตายทั่วทั้งทวีป

    แต่ว่าการตาย จะไม่มีคนฝัง คนเผา ไม่มีผ้านุ่งผ้าถุง มีข้าวไม่มีคนกิน เพราะการกระ
    ทำบาปทั้งหลายในจำนวนคนหนึ่งหมื่นคนจะตายเหลือแค่หนึ่งพันคนเท่านั้น จะ
    เกิดโจรผู้ร้ายเรียกค่าคุ้มครอง เสือร้ายต่างๆ จะเกิดขึ้นสี่ห้า หกปี ไปจนถึงปีชวดก็จะหมดกั
    นแล้ว บ้านเมืองไม่สบายในห้าปีนี้ มันร้อนเต็มที่แลฯ .....

    ยังมีภัยอีกอย่างว่า ถ้ามีคนมาเรียกอย่าขาน กลัวผีมัมาเห็นเดือนหกออกใหม่ค่ำหนึ่งกับเดือนแรมเก้าไม่ให้ตักน้ำ ให้ตักไว้ก่อน กลัวผีมันเอายาใส่กินแล้วตาย ........

    น้ำอุบาทว์จะท่วมโลกโดยบังเอิญทั่วทั้งทวีป คิดกลัวจะไม่ถึงปีระกาและปีชวด ถ้าไม่เชื่อเดือนสิบสองจะบันดลให้คนไออกเลือดแล้วตาย .......

    ในปีจอต่อปีกุน ยามเดือนแจ้งจะเกิดมีงูพิษออกมาฉกกัดให้ตาย ฝูงชนทั้งหลายจะได้รับความเดือดร้อนหลายประการ เช่น ทุกข์ยากร้อนเพราะศึกสงครามไม่เสร็จสิ้น ทุกข์ยากร้อนเพราะไม่มีน้ำมีไฟ ทุกข์ยากร้อนเพราะไม่มีใครดูแลใคร ทุกข์ยากร้อนเพราะไม่มีใครอยู่ทุ่งไร่นา ทุกข์ยากร้อนเพราะไม่มีผู้เฒ่าผู้แก่ ทุกข์ยากร้อนเพราะไปต่างประเทศสะดวก ทุกข์ยากร้อนนอนไม่หลับ

    ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทร์จะมีองค์ฤาษีทองคำ ลาสิกขาบวชมาเป็นพ่อค้า ในปีจอออกใหม่ 8 ค่ำ ห้ามไม่ให้ต้กน้ำอาบน้ำกิน ตามห้วยหนอง คลองบึง หลังพระอาทิตย์ตกดิน หรือก่อนมืดค่ำ พระยายมราชจะนำเอายาพิษพ่นลงมายังโลกมนุษย์
    ในปีจอนี้เมืองกรุงเทพมหานครจะพังทลาย ในเวลาไก่ขัน......
    พระอินทร์จะลงโทษกับมนุษย์ใจบาป 9 ข้อนับแต่ปีจอถึงปีกุนคือ
    1.จะทำให้เกิดภัย ลมแรง แผ่นดินไหว
    2.จะเกิดไฟไหม้
    3.จะเกิดน้ำท่วม
    4.จะเกิดฟ้าผ่า
    5.จะทำให้เกิดเดือดร้อน ร้อนหลาย หนาวหลาย
    6.จะเกิดสารพิษต่างๆ อากาศ อาหารเป็นพิษ
    7.จะเกิดสารโรค พยาธิร้าย
    8.จะเกิดอดอยาก
    9.จะเกิดอาฆาต ฆ่าฟันกันเอง สำหรับคนบาป

    มหันตภัย 9 อย่างนี้ จะหลุดพ้นแต่บุคคลผ็มีใจบุญใจกุศล ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น...

    จะเกิดภัยพิบัติในระยะไม่กี่ปีนี้ และมีภัยอีกอย่างหนึ่ง คนบาปมากในที่ต่างๆ มาทำให้เกิดพิษแก่ข้าว ถั่ว งา ให้เป็นพิษ ทำนาไม่ได้ข้าว ปลูกถั่ว งา ไม่มีผล ไม่มีหน่วย เงินสามสิบบาทซื้อข้าวไม่พออิ่ม คนจะอดอยากจะตายเพราะอดข้าว อีกอย่างหนึ่งจะตายทางน้ำมาก เช่นฝนตกลงมาเป็นพิษ ถูกเนื้อตัวเป็นผื่นคัน เป็นเม็ด เกิดน้ำเหลืองหรือเปื่อยเน่ารักษาไม่หาย อีกอย่างหนึ่งจะมีโจรผู้ร้ายใจบาปมาก ฆ่าพ่อ ตีแม่ตนเองเหยียบย่ำศาสนา ใจบาปทำความเดือดร้อนเรียกค่าคุ้มครองทั่วๆไปจนเกิดความหวาดกลัวและยังมีภัยเกิดจากสงคราม ทำให้คนทั่วทวีปล้มตายกันมากแท้ จะหนีไปอยู่ในป่า ในแนว ในหลุมก็ตายไม่เหลือ แล้วจะเกิดอุบาทว์ ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เป็ดไก่ วัว ควาย จะตายมาก แม้คนก็จะตายตาม แล้วห้าทวีปจะหนีในการบริหารประชุมกัน ก็จะเกิดสงคราม เพราะคนใจบาปมาก จะไม่เกิน 2548 ต่อ 2549 ต่อ 2550 ต่อ 2551 จะมีคนเหลือน้อยใน 5 ทวีป ขอให้ท่านทั้งหลายจงพากันทำบุญรักษาศีลทุกท่านเทอญ

    ภัยพิบัติโลก เมื่อพ.ศ. 2547 ต่อ 2548 ต่อ 2549 ต่อ 2550 ต่อ 2551 ครั้งที่ 1 คือ 2547ต่อ 2548 ไม่หนักเท่าใด ครั้งที่ 2 2548 ต่อ 2549 หนักกว่าครั้งแรก 3 เท่า ครั้งที่ 3 2549 ต่อ2550 หนักมากที่สุด จะมีเมฆก้อนสีดำก้อนใหญ่มาปกคลุมโลก ฝนที่ตกลงมาจะเป็นพิษตกถูกผู้ใดจะเน่าเปื่อยรักษาไม่หาย แล้วทางทะเลจะระเบิดน้ำจะท่วมสูงประมาณ 100 เมตร แล้วจะมีภูติพื้นพิภพออกมากินมนุษย์ เกาะต่างๆ ในน้ำทะเลจะไม่มี ทางบก ทางอากาศจะระเบิดพร้อมกัน ในปี 2548 ต่อ 2549 จะมีงูน้อยใหญ่ออกมาทั่วพื้นพิภพในราวเดือน 11-12 งูนั้นเป็นบริวารของพญานาคราช ถ้าผู้ใดทำอันตรายเขาผู้นั้นจะตายทันที

    มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย ขอจงอย่าประมาทถ้าอยากพ้นภัยพิบัตินั้นให้พากันถือศีลกินทาน และพากันท่องคาถาป้องกันภัยพิบัติโลก.....

    ผมหาอยากนำเรื่องนี้มาเล่าตั้งแต่วันแรกที่เห็นเอกสารเผยแพร่ฉบับชาวบ้านดังกล่าวแล้วครับแต่ไม่มีโอกาส หลังเหตุการณ์ภัยพิบัติใหม่ๆ ก็คิดอยู่ แต่มาคิดอีกมุมหนึ่ง หากนำเสนอหลังภัยพิบัติเพิ่งพ้นผ่านประเดี๋ยวจะเป็นการหาโอกาสสร้างความขลังให้กับคำทำทาย ประเภทว่ารู้มาก่อนล่วงหน้า (แต่ดันมาพูดตามหลังเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว แบบหมอเดา ...ช่วงนี้ยังมีเรื่องพระโลงศพ ออกมาใบ้หวยผิด คิดแล้วมองเห็นการออกนอกลู่นอกทางทางคำสอนแท้ๆ ของพระพุทธเจ้าไปถึงไหนแล้ว )

    เอาเป็นว่าที่คัดมาเล่าให้ฟังเพื่อให้เห็นการกระจายข่าวประสาชาวบ้านอย่างหนึ่ง อีกประการหนึ่งเพื่อเตือนสติกันอยู่เสมอๆว่าอย่าตั้งตนในความไม่ประมาทตามคำสอนของพระพุทธองค์




    http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view(id=7981)

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พุทธทำนาย ถอดความจากศิลาจารึก เขตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย----------------------------

    สาธุอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและอนาคต ทรงทีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้น เมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า

    ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้นจะพบความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ

    คนในสมัยนั้น ( คือปัจจุบัน ) จะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฏธรรมชาติไม่พ้น

    เริ่มแต่พระพุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกลามทางทิศตะวันออก(เอเชีย) ไหม้วัดวาอารามสมณะชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ(ไหม้จริงที่ภาคใต้พระไปบิณทบาตรยังไม่ได้เลยแล้วจะกินอะไรละโยม) ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ (เรือดำน้ำ)มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว(เครื่องบินงัย) มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ(ลูกระเบิด) ยักษ์หินที่ถูกสาบ(ภูเขาไฟ)มาเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

    ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จไม่เคารพหลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบกลับไม่มีใครเคารพยำเกรง

    พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมีธรรมิราชโพธิญาณบังเกิดขึ้นอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ(ชนบท) จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5.000 พระวรรษา

    ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน

    ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติให้รักษาศีลห้าประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคงจึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาล

    ข้อมูลจาก http://www.mthai.com/webboard/7/144769.html
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ยุคกึ่งพุทธกาลตามพุทธทำนาย

    วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้ครองกรุงสาวัตถี ได้เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล ครั้นล่วงปัจฉิมยามใกล้รุ่งได้ทอดพระเนตรเห็นพระสุบินนิมิตอันใหญ่หลวงถึง ๑๖ ประการ อันเป็นพระสุบินที่แปลกประหลาด จึงทรงตกพระทัยตื่นบรรทม และครั้นรุ่งเช้าก็ได้ให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักทำนาย พวกพราหมณ์ปุโรหิตก็พากันทำนายว่าเป็นพระสุบินที่ร้าย และว่าพระองค์จะต้องประสบภัยอันตราย ๓ ประการ ไม่เสียราชทรัพย์ ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน หรือไม่ก็ต้องสวรรคต อย่างใดอย่างหนึ่ง และแนะให้พระองค์ทำพิธีบูชายัญสัตว์ เพื่อสะเดาะห์เคราะห์ เมื่อพระนางมัลลิกา พระมเหสีทราบเรื่องเข้า จึงทูลให้ไปขอคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ทรงทำนายว่า เหตุร้ายนั้นจะมีแน่นอน เพียงแต่มิใช่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล หรือแว่นแคว้นของพระองค์ แต่เหตุร้ายเหล่านี้จะเกิดแก่สัตว์โลกทั่วๆไป และแก่พระศาสนาของพระพุทธองค์ในภายภาคหน้า เมื่อล่วงเลยพุทธกาลไปแล้ว ๒,๕๐๐ ปี เมื่อศาสนาเสื่อมลง

    ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศลและคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๖ ประการ ประกอบด้วย

    ๑.ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ ๔ ตัว ต่างคิดจะชนกัน ก็พากันวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวงจาก ๔ ทิศ ฝูงชนต่างรอดู โคทั้งสี่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป ไม่ชนกัน

    พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายว่า ในอนาคตในชั่วศาสนาของพระองค์ เมื่อโลกหมุนไปถึงจุดที่เสื่อมลง มนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ฝนฟ้าจักแล้ง ทุพภิกขภัยจักเกิดขึ้น คล้ายเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มีเสียงคำรามกระหึ่ม แต่แล้วก็ไม่ตก กลับเลยหายไป เหมือนโคตั้งท่าจะชนกัน แต่ไม่ชนกันฉะนั้น

    ๒.ทรงฝันว่า ต้นไม้เล็กๆและกอไผ่ที่โตเพียงคืบบ้าง ศอกบ้าง ก็ออกดอกออกผลแล้ว

    พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปเมื่อโลกเสื่อม มนุษย์แม้จะมีอายุเยาว์ มีวัยยังไม่สมบูรณ์ก็จะมีราคะกล้า และสมสู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย และจะมีลูกแต่เด็กๆเหมือนต้นไม้เล็กๆ แต่ก็มีผลแล้ว

    ๓.ทรงฝันว่า ทรงเห็นแม่โคใหญ่ๆพากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิด

    ทรงทำนายว่า ต่อไปในอนาคตการเคารพนบนอบผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์จะเสื่อมถอย คนเฒ่าคนแก่พ่อแม่เมื่อหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ต้องประจบเด็กๆดังที่แม่โคที่ต้องกินนมลูกโคฉะนั้น

    ๔.ทรงฝันว่าผู้คนไม่ใช้วัวตัวใหญ่ที่สมบูรณ์แข็งแรงเทียมแอกลากเกวียน กลับไปใช้โครุ่นๆที่ยังปราศจากกำลังมาลาก เมื่อมันลากเกวียนให้แล่นไม่ด้ มันก็สลัดแอกนั้นเสีย

    ทรงทำนายว่า ในภายหน้าเมื่อผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม แทนที่จะยกย่องและมอบหมายหน้าที่ให้กับผู้มีสติปัญญา ความรู้ กลับไปมอบยศศักดิ์ให้กับคนหนุ่มที่อ่อนหัด ด้อยประสบการณ์ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี กิจการต่างๆก็ไม่สำเร็จ ก็เหมือนใช้โครุ่นมาเทียมแอก เกวียนก็แล่นไม่ได้ฉันใด ก็ฉันนั้น

    ๕.ทรงฝันว่าเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนก็เอาหญ้าไปป้อนที่ปากทั้งสองข้าง มันก็กินทั้งสองข้าง

    ทรงทำนายว่า ในอนาคตเมื่อผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจไม่ดำรงอยู่ในธรรม ตั้งคนพาล หรือ คนไม่มีศีลธรรมไว้ในตำแหน่งอันมีผลต่อผู้อื่น คนเหล่านั้นก็จะไม่นึกถึงบาปบุญคุณโทษ แต่จะตัดสินคดีต่างๆตามแต่ใจชอบ โดยเอาสินบนจากทั้งสองฝ่ายเป็นประมาณ ดังม้าที่กินหญ้าทั้งสองปาก

    ๖.ทรงฝันว่าฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง พร้อมเชื้อเชิญให้หมาจิ้งจอกตัวนั้นถ่ายปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น

    ทรงทำนายว่า ต่อไปคนดีมีสกุลทั้งหลายจะสิ้นอำนาจวาสนา คนตระกูลต่ำหรือคนพาลจะได้เป็นใหญ่เป็นโต และคนมีตระกูลก็จะต้องยกลูกสาวให้แก่ผู้ไร้ตระกูลเหล่านั้น เหมือนเอาถาดทองไปให้หมาปัสสาวะรด

    ๗.ทรงฝันว่า มีชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปในที่ใกล้เท้า แม่หมาจิ้งจอกโซตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่งอยู่ แล้วก็กัดกินเชือกนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว

    ทรงทำนายว่า ในกาลข้างหน้า ผู้หญิงจะเหลาะแหละ โลเล ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว เที่ยวเตร่ ประพฤติทุศีล แล้วก็จะเอาทรัพย์ที่สามีหาได้ด้วยความลำบากไปใช้ หรือให้ชายชู้ เหมือนนางหมาโซที่นอนใต้ตั่งคอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นและหย่อนลงไว้ใกล้เท้า

    ๘.ทรงฝันว่ามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆเป็นอันมาก แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆนั้นเลย

    ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจจะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้วก็จะมีคนจนหารายได้ ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มที่ว่างอยู่กลับไม่ไปใส่น้ำ

    ๙.ทรงฝันเห็นสระแห่งหนึ่งมีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ สัตว์ต่างๆก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น กลับใสสะอาด ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระที่สัตว์ไม่ไปดื่มหรือ เหยียบย่ำแทนที่จะใส กลับขุ่นข้น

    ทรงทำนายว่า ต่อไป เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำนาจ รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมืองก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่นๆ ทำให้ที่นั้นๆที่คนพากันไปอยู่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เหมือนน้ำรอบๆสระที่ใส ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า เหมือนกลางสระที่ขุ่น

    ๑๐.ทรงฝันว่า เห็นข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน สุกไม่เท่ากัน โดยแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนคือ ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี

    ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อคนทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรมกันมากขึ้น ก็จะทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกไม่ทั่วถึง ทำให้การเพาะปลูกบางแห่งได้ผล บางแห่งก็ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับข้าวที่มีสุกบ้าง ดิบบ้าง และแฉะบ้าง

    ๑๑.ทรงฝันว่าคนนำแก่นจันทน์ที่มีราคาแพง ไปแลกกับเปรียงเน่า (อ่านว่า เปฺรียง มี ๓ ความหมาย คือ ๑. นมส้มผสมน้ำแล้วเจียวให้แตกมัน ๒.น้ำมันจากไขข้อวัว และ ๓.เถาวัลย์เปรียง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงเถาวัลย์เปรียง เทียบกับแก่นจันทน์ที่เป็นไม้เหมือนกันมากกว่า ๒ ความหมายแรก)

    ทรงทำนายว่า กาลภายหน้า พระภิกษุอลัชชีเห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนที่จะนำธรรมะที่พระพุทธองค์สอนไปสอนสั่งให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ และละความโลภ กลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหากิน หาปัจจัยบริจาคเข้าตัวเอง เหมือนเอาแก่นจันทน์ (ธรรมะคำสอนที่ดี) ไปแลกเอาเถาวัลย์เน่า (ลาภอามิสที่ได้รับมา ซึ่งไม่จีรังและไม่ช่วยให้พ้นทุกข์จริงๆได้)

    ๑๒.ทรงฝันเห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้

    ทรงทำนายว่า ต่อไปคำพูดของคนที่ไม่ควรจะได้รับความเชื่อถือ กลับจะได้รับความเชื่อถือ โดยเปรียบถ้อยคำของคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีน้ำหนักเบาเหมือนกับผลน้ำเต้า ซึ่งปกติจะลอยน้ำ แต่เมื่อคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก หรือหนักแน่น จึงเปรียบคำพูดนั้นว่ามีน้ำหน้กราวกับน้ำเต้าที่จมน้ำได้

    ๑๓.ทรงฝันว่าศิลาแท่งทึบขนาดเรือน ลอยน้ำได้เหมือนเรือ

    ทรงทำนายว่า ถ้อยคำของคนที่ควรได้รับการเชื่อถือ ซึ่งหนักแน่น มีน้ำหนักเปรียบประดุจแท่งศิลา กลับไม่ได้รับความเชื่อถือ หรือกลายเป็นถ้อยคำที่ไม่มีน้ำหนักเหมือนเรือที่ลอยได้ ข้อนี้ตรงกันข้ามกับข้อที่แล้ว คือ คนหันไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่ควรเชื่อ เหมือนสิ่งที่ควรลอยกลับจม สิ่งที่ควรจมกลับลอย

    ๑๔.ทรงฝันว่า ทรงเห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ และกัดเนื้องูเห่าขาดเหมือนกัดก้านบัว แล้วกลืนกินเข้าไป

    ทรงทำนายว่า เมื่อมนุษย์ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส ราคะ สามีจะตกอยู่ในอำนาจของเมียเด็ก และจะถูกดุด่าว่ากล่าวเช่นเดียวกับคนรับใช้ เหมือนเขียดตัวเล็กๆแต่กลับกินงูได้

    ๑๕.ทรงฝันว่า ฝูงพญาหงส์ทอง ที่มีขนเป็นทอง ถูกแวดล้อมด้วยกา

    ทรงทำนายว่า ในอนาคตผู้มีตระกูลต้องไปเที่ยวประจบ และสวามิภักดิ์ต่อผู้ไม่มีตระกูลเหมือนหงส์ทองแวดล้อมด้วยกา

    ๑๖.ทรงฝันว่า ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง และกัดกิน ทำให้เสืออื่นๆสะดุ้งกลัว จนต้องหนีไปแอบซ่อนตัวจากฝูงแกะ

    ทรงทำนายว่าต่อไปภายหน้า คนชั่ว หรือคนที่ไม่ดีจะเรืองอำนาจ และใช้อำนาจเป็นธรรม ทำให้คนดีถูกทำร้าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องหลบหนี ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้เหมือนเสือซ่อนตัวจากแกะ

    http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=721

     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พุทธทำนายเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

    ปัญหา ความเจริญหรือเสื่อมแห่งพระพุทธศาสนาท่านว่า ย่อมขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติของพุทธบริษัททั้ง ๔ เฉพาะอย่างยิ่งภิกษุบริษัทซึ่งเป็นผู้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ภิกษุประพฤติปฏิบัติอย่างไรจะชื่อว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ?

    พุทธดำรัสตอบ “......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอนาคตภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ชอบจีวรดีงาม เมื่อชอบจีวรดีงาม ก็จักละความเป็นผู้ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร จักละเสนาสนะอันสงัดคือป่า และป่าชัฏ จะประชุมกันอยู่ที่บ้าน นิคมและราชธานี และจักถึงการแสวงหาไม่สมควร อันไม่เหมาะสมต่าง ๆ เพราะเหตุจีวร....
    “อีกประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ชอบบิณฑบาตที่ดีงาม..... จักละความเป็นผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร..... จักประชุมกันอยู่ที่บ้าน นิคมและราชธานี แสวงหาบิณฑบาตที่มีรสเลิศด้วยปลายลิ้น แลจักถึงการแสวงหาอันไม่สมควร ไม่เหมาะสมต่าง ๆ เพราะเหตุแห่งบิณฑบาต....
    “อีกประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ชอบเสนาสนะที่ดีงาม..... จักละความเป็นผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร..... จักประชุมกันอยู่ที่บ้าน นิคมและราชธานี แลจักถึงการแสวงหาอันไม่สมควร ไม่เหมาะสมต่าง ๆ เพราะเหตุแห่งเสนาสนะ....
    “อีกประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้คลุกคลีด้วยภิกษุณีนางสิกขมานา แลสมณุทเทส เมื่อมีการคลุกคลี... พึงหวังข้อนี้ได้ว่า เธอเหล่านั้นจักเป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ จักต้องอาบัติเศร้าหมองบางอย่าง หรือจักบอกคืนสิกขา เวียนมาเพื่อเป็นคฤหัสถ์
    “อีกประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้คลุกคลีด้วยอารามิกบุรุษ แลสมณุทเทส เมื่อมีการคลุกคลี... พึงหวังข้อนี้ได้ว่า เธอเหล่านั้นจักเป็นผู้ประกอบการบริโภคของที่สะสมไว้มีประการต่าง ๆ จักกระทำนิมิตแม้อย่างหยาบที่แผ่นดินบ้าง ที่ปลายของเขียวบ้าง
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคต ๕ ประการนี้แล.... อันเธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้วพึงพยายามเพื่อละภัยเหล่านั้นฯ”

    อนาคตสูตร ที่ ๔ ป. อํ. (๘๐)
    ตบ. ๒๒ : ๑๒๔-๑๒๕ ตท. ๒๒ : ๑๐๗-๑๐๘
    ตอ. G.S. III : ๘๖-๘๗
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พุทธทำนายล้านนาประเทศ

    จากคัมภีร์ใบลานเรื่อง "หมากน้ำเต้าจมหมากหินฟู" ของวัดป่าสักน้อย ตำบลแม่ปูคา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้จารชื่อ "อภิชัย ยาตันคหัสถ์" ผู้สร้างชื่อ "นายน้อยตัน" จารไว้เมื่อ พ.ศ.2492


    มีใจความว่า ครั้งที่พระพุทธเจ้าประทับที่เชตวันวนาราม ทรงปรารภถึงการดำรงอยู่นานหรือไม่นานของพระศาสนา โดยทรงปรารภเหตุที่เทวดาทั้งหลายได้กราบทูลถาม ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเทศนาตอบ โดยที่ในมัชฌิมยามคืนหนึ่ง เหล่าเทพเข้าไปสู่ธัมมสภาคศาลาเป็นจำนวนมากเพื่อฟังธัมมกถาในสำนักของพระพุทธองค์ยามเที่ยงคืนทั้งนี้ มีเทวดาชื่อ "ปัณณเทพ" เป็นหัวหน้าได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า การที่บางคนเกิดมาได้รับความลำบากยากแค้น แต่บางคนมีทรัพย์มั่งคั่ง บางคนรูปร้ายทุพพลภาพ บางคนอายุสั้น และบางคนอายุยืนยาวนั้นเป็นเพราะเหตุใด

    พระพุทธองค์ตรัสว่า การที่คนเกิดมาและอยู่ดีมีสุขนั้น เป็นเพราะในชาติก่อน ได้ทำบุญให้ทานถือศีลฟังธรรม ส่วนคนที่เกิดมาลำบากเข็ญใจนั้น เป็นเพราะในชาติก่อนมิได้ทำบุญให้ทาน ไม่สงเคราะห์แก่ผู้ใด มีแต่กระทำบาป เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดในนรก พ้นจากนรกก็เกิดเป็นเปรต หากยังมีกรรมหนาแน่นอยู่หรือเคยฆ่าสัตว์มาก่อน ก็ต้องเกิดเป็นสัตว์ที่ตนเคยฆ่าอีกห้าร้อยชาติ แล้วจึงเกิดมาเป็นคนอนาถายากไร้

    คนที่มีรูปงามและมีอายุยืนนั้น ก็เนื่องมาจากอดีตชาติเคยทำบุญให้ทาน รักษาศีล ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่อิจฉาริษยาขึ้งโกรธต่อผู้ใด คนที่มีแต่ความอิจฉาริษยาอยู่ในใจนั้น มักเป็นผู้ผูกโกรธและไม่ทำบุญรักษาศีล พอเกิดมาจึงมีรูปร่างไม่งดงาม หรืออวัยวะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือมีอายุสั้น

    คนที่เกิดมามีสติปัญญาและความจำดี มีศิลปวิทยาเป็นประโยชน์ต่อตนและครอบครัว ทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง หรือเป็นครูผู้สอนศิลปวิทยาแก่ผู้อื่นมาก่อน เมื่อเกิดมาอีกจึงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดส่วนคนที่เกิดมาแล้วโง่ทึบหรือเป็นบ้าเป็นใบ้นั้น เป็นเพราะในชาติก่อนมิได้ศึกษาเล่าเรียน ไม่ได้ฟังคำสอน หรือมีผู้สอนแล้วไม่เชื่อฟัง ก็ทำให้เกิดมาเป็นคนโง่ทึบและเป็นบ้าใบ้

    พระพุทธเจ้าตรัสต่อไปว่า พระองค์จะมีพระชนมายุเพียง 80 ชันษา ก็จะนิพพาน และได้กำหนดให้พระพุทธศาสนายืนอยู่ได้ 5,000 ปี เมื่อพระองค์นิพพานไปครบ1,000 ปีแล้ว ก็จะเกิดความยุ่งเหยิงเป็นครั้งคราว จะมีพระอริยสงฆ์และพระราชาช่วยกันกอบกู้เป็นระยะๆ เพื่อให้พระพุทธศาสนาสืบเนื่องต่อไปได้ครั้นพระองค์นิพพานไปแล้ว 2,500ปี พระศาสนาจะเริ่มถอยลง คนจะขาดความเคารพในพระธรรม พระภิกษุบางเหล่าจะแตกแยกกัน บางหมู่จะไปตั้งนิกายใหม่ บางหมู่จะนำเอาคำสอนของพระองค์ไปทำให้ไขว้เขว พระสงฆ์บางกลุ่มจะตั้งตนเป็นผู้วิเศษ ประพฤติตนเป็นมิจฉาทิฐิอลัชชี จะมีการหากินด้วยเดียรัจฉานวิชาต่างๆ คนทั้งหลายทำไร่นาลำบาก ท้าวพญาจะข่มเหงชาวบ้านชาวเมือง ความยุติธรรมจะบกพร่อง และเมื่อศาสนาของพระองค์มีอายุ 3,000 ปีแล้ว ท้าวพญาจะขัดแย้งกัน บ้านเมืองจะวุ่นวายฆ่าฟันกันไปทุกหย่อมหญ้า เกิดความแห้งแล้งและพืชผลจะตกต่ำ คนจะพากันล้มตายด้วยเหตุต่างๆ เป็นอันมาก และเมื่อโดยเฉพาะศาสนาของพระองค์พ้น 2,500 ปีไปแล้ว คนหลายๆ ครอบครัวจะได้ร่วมอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน หญิงชายอายุถึงสิบปีก็จะมีผัวมีเมียกันแล้ว

    ยามนั้นคนทั้งหลายจะไม่อ่อนน้อมต่อกัน และจะเกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพงไปทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อศาสนาของพระองค์ล่วง 2,500 ปีไปแล้ว จะเกิดปัญหา "หมากน้ำเต้าจักจม หมากหินจักฟู" หมาจิ้งจอกจักไล่กัดเสือ ช้างจะพากันกินถ่านไฟแดง คนใจบุญใจกุศลจะต้องหาบ แต่คนใจบาปจะเดินตัวเปล่า พ่อค้าจะอาสาออกศึก น้ำไม่ลึกจะพากันทำที่ว่ายน้ำเล่น กบเขียดจะไล่กินงู พญาครุฑจะเป็นบริวารของกาดำ หมาจิ้งจอกจะกินอาหารจากถาดทอง และราชสีห์จะเป็นบริวารของหมาจิ้งจอก

    ครั้งนั้นเทวดาถามว่า เมื่อพระองค์นิพพานไปแล้ว พระองค์จะตั้งพระรัตนตรัยไว้อย่างไร ภายหน้าภายหลังไม่เสมอกันจะเป็นเหตุใด สัตว์ไม่เคยเกิดก็จะมี ที่มีแล้วก็จะเกิดมาอีก อันว่า หมากน้ำเต้าไม่เคยจมน้ำก็จักจม หมากหินซึ่งอยู่ใต้น้ำก็จักฟูลอยขึ้น จะเป็นด้วยเหตุใด

    พระพุทธองค์ตอบว่า เมื่อพระพุทธศาสนาล่วงไป 2,500 ปีแล้ว "หมากน้ำเต้าจม" ได้แก่ คนทั้งปวงที่เคยบวชและเรียนพระไตรปิฎกจนถ่องแท้แล้วนั้น ต่อมากลับทำบาปและไม่รักษาศีล อีกทั้งยังแนะให้คนอื่นหลงผิดจนตกนรกหมกไหม้เป็นอันมาก คนเหล่านั้นเมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็จะไปจมอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 อันว่า "หินจะลอยไปตามกระแสน้ำ" นั้น ได้แก่ คนบ้านนอกซึ่งไม่รู้จักพุทธศาสนาจะพากันละเลิกมิจฉาทิฐินั้นแล้วทำบุญรักษาศีล และสร้างคุณงามความดีแก่บ้านเมือง เป็นผู้ค้นคว้าเอาวิชาความรู้มาเผยแพร่แก่กุลบุตรกุลธิดาสืบไปอีก คนเหล่านั้นจักได้ชื่อว่า "หมากหินจักฟู" ต่อมาท้าวพญาจะแย่งชิงอำนาจกันและแตกเป็นพวกเป็นเหล่า เมื่อรบกันแล้วผู้มีกำลังน้อยก็จะจ้างชาวป่าชาวดอยมาเป็นกำลัง โดยบอกว่าหากตนชนะแล้ว จะตั้งให้มีอำนาจและได้ทรัพย์สินของผู้แพ้นั้น พวกท้าวพญาหรือเสนาอำมาตย์ที่อาศัยพวกโจรหรือชาวบ้านชาวป่ามาเป็นนักรบ ซึ่งเมื่อชนะแล้วก็ตั้งให้มีตำแหน่งหน้าที่และได้ลูกเมียของพวกผู้แพ้ไปสมสู่อยู่กินด้วย อันนี้เรียกว่า "ราชสีห์จักได้เป็นบริวารของหมาจิ้งจอก" ส่วนวงศาลูกเมียของพญาผู้เสียอำนาจนั้นก็เท่ากับว่า "พญาครุฑไปเป็นบริวารของกาดำ" และพวกโจรหรือนักเลงชาวป่าชาวดอย เมื่อไม่มีความรู้แต่มีอำนาจหน้าที่แล้ว ก็จะใช้แต่ความหยาบช้าหาศีลธรรมมิได้ คนดีมีความรู้ก็จะพากันหันหนีเข้าป่า คนอธรรมจะได้ครองเมือง และบ้านเมืองก็ระส่ำระสายเกิดกลียุค อันนี้เรียกว่า "กบเขียดไล่กินงู" คือเมื่อศาสนาของพระองค์ผ่าน 2,500 ปีไปแล้ว คนทั้งหลายก็จะเป็นทุกข์และเดือดร้อนฉิบหายกันมากนัก

    เทวดาก็ทูลถามว่า หากเกิดเหตุเช่นนั้นจริง พระองค์จะให้พวกเทวดาทำอย่างไร พระพุทธองค์ตอบว่า หากคนยังเคารพและปฏิบัติตามในพระรัตนตรัยอยู่ ก็จะเป็นบุญของผู้นั้น แต่หากไม่ปฏิบัติตามก็เป็นกรรมของผู้นั้น จึงขอให้เทวดาทั้งหลายทำบุญรักษาศีลเจริญภาวนาฟังธรรมคำสอนของผู้รู้ สร้างกุศลและละเว้นจากบาป ทำจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วตั้งจิตปรารถนาให้ได้พบพระพุทธอาริยเมตไตรย เทวดาทูลถามต่อว่า คนที่อยากพบพระอาริยเมตไตรยนั้นพึงทำอย่างไร พระพุทธองค์ก็ตอบว่าให้มั่นคงในการทำบุญรักษาศีลเจริญภาวนาแล้วตั้งความปรารถนาว่าให้ได้พบกับพระพุทธอาริยเมตไตรย ก็จะได้พบกับพระพุทธอาริยเมตไตรยเป็นแน่แท้ เมื่อเทวดาทั้งหลาย มีปัณณเทพเป็นประธานได้รับฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้าดังกล่าวแล้ว ก็มีความชมชื่นยินดีมากนัก จึงพากันกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้วอำลาคืนสู่วิมานของตน

    บัดนี้...เป็นไปอย่างพุทธทำนายของพระพุทธองค์แล้วหรือยัง?

    http://www.cm108.com/bbb/index.php?showtopic=868&mode=threaded&pid=22054
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ไฟบรรลัยกัลป์
    <table ,="" border="0" bordercolor="#000080" cellpadding="2" width="98%"><tbody><tr> <td style="line-height: 100%;" bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="12%">ผู้ถาม</td> <td style="line-height: 100%;" bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="88%"> "หลวงพ่อคะ ที่ว่ามีไฟบรรลัยกัลป์จะเกิดอย่างไรคะ....?" </td> </tr> <tr> <td style="line-height: 100%;" valign="top" width="12%">
    </td> <td style="line-height: 100%;" valign="top" width="88%">
    "ที่ว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์มา เพราะว่าคนมีจิตบาปมาก ศีล ๕ ทำไม่ค่อยจะครบ เช่นปาณาติบาตเป็นต้น อายุมันจะน้อยลงทุกที จนกระทั่งอายุถึง ๑๐ ปี เป็นอายุขัย ตอนนี้เกิดมิคสัญญี ไม่มีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน จะรบราฆ่าฟันกันมากพระอาทิตย์ท่านรำคาญเต็มที่ โผล่มาทีละ ๒ ดวง ๓ ดวง ๔ ดวง ตายหมด ทีนี้ถึง ๗ ดวง น้ำในมหาสมุทรก็แห้ง ต้นไม้แห้งกรอบจัด ผลที่สุดเป็นไฟลุก ไฟไม่ได้ไหม้มาจากไหน อาศัยน้ำแห้ง ต้นไม้แห้งกรอบเต็มที่ ความร้อนหนัก ก็เกิดไฟลุกขึ้นก็ล้างกันเสียทีหนึ่ง
    ความจริงเรื่องรู้เลยตาย หรือรู้ก่อนเกิดนี้ ฉันเองก็ไม่ใคร่อยากจะพุด และไม่อยากจะเชื่อถือนัก เพราะดูแล้วมันเลยธงไม่น้อยเลย แต่มาอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คนเขียนเขียนเรื่องรู้เลยตายและรู้ก่อนเกิดไว้มากมาย เช่น รู้ว่าเมื่อสิ้นศาสนานี้แล้ว ไฟบรรลัยกัลป์จะไหม้ถึงภควพรหม ดูเรื่องมันมากมายนัก ฉันสงสัยไม่หายว่าไฟอะไรจะดันไปไหม้แต่เทวดาและพรหม ดูมันพิลึกพิลั่นมากมายเกินพอดี
    เมื่ออารมณ์สงสัยเกิดขึ้น ฉันก็อดที่จะอยากรู้ตามความเป็นจริงไม่ได้ ในที่สุดคืนวันหนึ่ง ฉันนั่งคุมกรรมฐานอยู่ความสงสัยเรื่องรู้เลยธงเกิดขึ้นมาขวางจิต จึงถามท่านผู้รู้ที่เป็นสัพพัญญวิสัย ท่านทรงพยากรณ์ให้ทราบดังนี้
    หลังจากกึ่งพุทธกาลไปแล้ว ๔,๐๐๐ ปี จะมีไฟล้างโลกล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา
    ท่านบอกว่ามันเริ่มความเร่าร้อนตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี แล้วจากนั้นไปพวกอธรรมเกิดมาก มีอำนาจวาสนามาก ทำให้ความสงบสุขไม่มี เพราะพวกอธรรม เป็นพวกเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม
    โลกจะร้างไม่มีต้นหญ้ากอไม้ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่มีไปครบ ๑,๐๐๐ ปี
    หลังจากนั้นแล้วจะมีฝนใหญ่ตกลงในมนุษยโลกแม่น้ำและมหาสมุทรจะเต็มไปด้วยน้ำ พื้นโลกจะชุ่มชื่น ต้นหญ้าต้นไม้ จะเริ่มงอกงามขึ้นเป็นลำดับ จนโลกทั้งโลกกลายเป็นป่าไม้
    หลังจากโลกที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นหญ้าใบไม้นั้นทิ้งระยะนาน ๑ หมื่นปี สัตว์โลกเริ่มเกิดสัตว์และคนที่มาเกิดยุคต้นนั้นไม่ได้อาศัยบิดามารดาเป็นแดนเกิด มาเกิดแบบโอปปาติกะ คือ มาเกิดด้วยอำนาจกรรม คือเป็นตัวตนขึ้น
    จะยังไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องแสง มีแสงสว่างเกิดจากอำนาจบุญของแต่ละบุคคล คือมีแสงสว่างออกจากตัวเองเป็นสำคัญ
    เรื่องอาหารนั้น ในระยะแรกยังไม่ต้องการอาหาร มีความอิ่มด้วยธรรมปีติ เพราะแต่ละคนที่มาเกิด ล้วนแล้วแต่มาจากเทวดาหรือพรหมทั้งนั้น ไม่มีสัตว์นรกหรือเปรตเจือปน โลกจึงเต็มไปด้วยความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นอกจากกฎธรรมดา คือความเสื่อมของสังขาร
    เรื่องการทะเลาะยื้อแย่งไม่มี คนทุกคนเป็นคนสวยหมด มีผิวขาวเหลือง เนื้อละเอียดทั้งหญิงและชาย มีแต่คนรวย ไม่มีใคนจน มีแต่คนใจบุญ ไม่มีใครใจบาป
    เมื่อโลกมีมนุษย์และสัตว์บริบูรณ์ มีดวงจันทร์ มีดวงอาทิตย์ ระยะเวลานับแต่มีสัตว์โลก เกิดในโลก เวลาล่วงมาได้ล้านปี
    คนสมัยนั้นมีอายุครองตนเองได้ ๔ หมื่นปี เป็นอายุขัย ท่านว่าตอนนั้น พระศรีอาริย์จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า
    เขตที่ท่านลงมาตรัส สมัยปัจจุบันเรียกว่า เขตเมืองพม่า
    พูดถึงไฟบรรลัยกัลป์แล้วน่ากลัวจริงๆ นะ แต่ถ้าคนชั่วมีมาก ก็ควรล้างกันเสียที"

    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="12%"> </td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="88%"> หลวงพ่อได้เล่าเรื่อง "โลกเกิด" ให้ฟังว่า </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="12%">
    </td> <td valign="top" width="88%">
    "ในวาระแรกได้ทูลถามถึงประวัติการตั้งโลก ท่านตรัสว่า "เป็นเรื่อง อจินไตย ไม่ควรคิด รู้แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ ไร้เหตุผลในการบรรลุ ฉันบอกได้ แต่บอกแล้วเอาอะไรเป็นส่วนที่จะบรรลุมรรคผลไม่ได้ จะรู้ไปให้หนักสมองทำไม"
    ต่อมาได้ถามถึงมนุษย์ที่เริ่มเกิดเป็นอันดับแรกว่า ใครเป็นคนบันดาลให้มนุษย์เกิด พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์แล้วตรัสว่า
    "นี่เธอจะคลั่งพระเจ้ากับเขาแล้วซิ ใครที่ไหนจะมาสร้างถ้ามีผู้สร้างมนุษย์แล้ว เจ้าคนที่สร้างโลกสร้างมนุษย์นั้นมันเกิดมาจากอะไร จึงมาสร้างโลกสร้างมนุษย์ได้
    มนุษย์ไม่มีใครสร้าง ร่างกายของสัตว์และมนุษย์เกิดจากอณูน้อยๆ ที่รวมตัวกันเข้า
    วิญญาณนั้นเป็นธาตุอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า วิญญาณธาตุ มีการเกิดขึ้นได้และไม่มีการสลายตัว คำว่าวิญญาณในที่นี้ หมายถึง จิต เป็นธาตุเศษ ที่เกิดจากการรวมตัวของ อนูพิเศษ ที่มีความรู้ ความเคลื่อนไหวรวดเร็ว เธออย่ารู้มากกว่านี้เลย ไม่มีอะไรเป็นคุณพูดไปก็ไร้ประโยชน์"

    คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธาน
    </td></tr></tbody></table>
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ศาสนาพุทธ มีอายุครบ ๕,๐๐๐ ปี
    <table ,="" border="0" bordercolor="#000080" cellpadding="2" width="98%"><tbody><tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "มีด็อกเตอร์คนหนึ่งนะคะพูดว่า ศาสนาพุทธนี่มีอายุไม่ถึง ๕,๐๐๐ ปี ตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ เพราะขณะนี้ทางเบื้องบนตกลงไว้ว่าจะมีการชำระล้างกันก่อน เพราะว่าเวลานี้คนบาปมากเพื่อว่าจะได้มีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ทีนี้ขอเรียนถามหลวงพ่อว่า จะทำอย่างไรจึงจะไม่ให้เป็นไปตามนั้นคะ....?" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "ปัญหานี่ดี แต่ฉันว่าไม่มีหรอก พระพุทธศาสนาต้องทรงอยู่ได้ถึง ๕,๐๐๐ ปีแน่นอน ฉันขอยืนยัน ถ้าใครไม่เชื่อจงอย่าตายนะ รอไปถึงเวลานั้น นี่เขาคงเดาเอาน่ะ พระพุทธดำรัสมีอยู่คือว่า
    • พันปีแรก จะมากไปด้วย ปฏิสัมภิทาญาณ
    • พันปีที่ ๒ จะมากไปด้วย ฉฬภิญโญ
    • พันปีที่ ๓ คือระหว่างนี้จะมากไปด้วย เตวิชโช
    • พันปีที่ ๔ จะมากไปด้วยสุกขวิปัสสโก และ
    • พันปีที่ ๕ จะมากไปด้วยอนาคามี
    คำว่ามาก หมายความว่า พวกนี้จะมากกว่าส่วนอื่นที่มีอยู่แต่เวลานี้พวกปฏิสัมภิทาญาณก็มี อภิญญาหกก็มี แต่พวกวิชชาสามมีมากกว่า
    อย่างพันปีที่ ๔ พวกสุกขวิปัสสโกมาก แต่ว่าปฏิสัมภิทาญาณก็ดี อภิญญาหกก็ดี วิชชาสามก็ดี เขาก็ยังมีอยู่
    อย่างพันปีที่ ๕ พระอนาคามีมีมาก แต่ว่าพระอรหันต์ทั้ง ๔ พวกนี้ยังมีอยู่ พระพุทธเจ้าไม่วางพื้นฐานส่งเดช และที่เขาว่าพระพุทธเจ้าองค์ใหม่มาใครล่ะมา พระศรีอาริยเมตตรัย ท่านก็ไม่มา ไม่เชื่อไปถามท่านซิ"

    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "หลวงพ่อคะ ถ้าหากว่าคนไปนิพพานหมด โลกนี้ก็จะร่อยหรอด้วยคนซิคะ.....?" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "ไม่มีทาง พระพุทธเจ้ามาอีกแสนองค์ก็ยังไม่ร่อยหรอเลย เพราะคนที่พยายามคอยเกิดบนโลกนี้มีมากต่อมาก"
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "คือคิดดูในปัจจุบันนี้ว่าคนมีปริมาณน้อยค่ะ " </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "ไอ้ที่ว่าเห็นน้อยก็เพราะว่าเขาไปเสวยทุกข์ในนรกกันมาก ยิ่งต้นกัปคนก็ยิ่งน้อย เพราะต้นกัปพวกที่มีบาปขึ้นมาไม่ได้เลย ลงมาแต่พวกพรหม หลังจากนั้นเลยมาอีกหน่อย ก็มาแต่พวกเทวดา ฉะนั้นในยุคต้นๆ ของกัปเขาจึงมีความสุขกันมากการรบราฆ่าฟันกันไม่มี ความเป็นอยู่เป็นสุข ทรัพย์สมบัติก็สมบูรณ์บริบูรณ์ อายุเขาจึงยืนนาน ต้นกัปคนมีอายุถึง ๘๐,๐๐๐ ปีเพราะเขาไม่มีโทษปาณาติบาต แล้วต่อมาพวกมี่มีบุญน้อยลดตัวลงมาก็หมายถึงพวกเทวดา พวกเทวดาหรือพรหมนี่ เมื่อหมดจากบุญวาสนาบารมีเดิม กรรมที่เป็นอกุศลเริ่มให้ผล อายุมันก็ลดลงบ้าง ๑๐๐ ปี ลง ๑ ปี
    ต่อมาในยุคนี้สัตว์ในอบายภูมิขึ้นมาเกิดมาก โลกจึงมีแต่ความเร่าร้อน เวลานั้นเขาไม่มีสงคราม ต้นกัปจริงๆ เขาไม่มีพระเจ้าแผ่นดิน ไม่มีผู้ปกครองโลก ปกครองประเทศอยู่กันด้วยความสุข"

    คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    </td></tr></tbody></table>
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พุทธพยากรณ์โลก

    พระพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์ไว้กับ พระอานนท์ว่า อานันทะดูกรอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกลงจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชน และบุคคลให้พินาศจะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก แต่ว่า อานันทะ ดูกรอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงนักยังหาไม่ได้
    ทั้งนี้ ก็เพราะว่า หลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว อานันทะ ดูกรอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ยักษ์นอกพุทธศาสนานั่นหมายถึง คนที่ไม่ได้เคารพพระพุทธศาสนา จะรบราฆ่าฟัน ซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตาย ฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก นี่เป็นคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เป็นอันว่า ท่านดามุสคนนี้ ก็พยากรณ์ไว้ตรง แต่เขาบอกว่า ค.ศ.๒๐๐๐ โลกจะสลาย แต่ว่าพระพุทธเจ้าของเราบอกว่า โลก ยังไม่สลาย พระพุทธศาสนา จะทรงอยู่ได้ ตลอด ๕,๐๐๐ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงพยากรณ์ ไว้ที่ พระธาตุดอยกิตติ ครั้งหนึ่งทรงตรัสว่า
    "ชี้ว่าเขตประเทศนี้ ต่อไปจะเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ ๕,๐๐๐ ปี" นี่หมาย ถึงประเทศไทย
    เป็นอันว่า สงครามจะเกิดขึ้นที่ดามุสบอก ก็หมายถึงสงครามซีกตะวันตก หมายถึงอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ กับตะวันออกกลาง สงครามจริงๆ ยังคงไม่ถึงประเทศไทย
    ทีนี้เรามาย้อนรอยถอยหลังกันก่อนว่า ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติตรัสรู้ว่า ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะมี การรบราฆ่าฟัน ซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกลงจากอากาศ ไฟจะลุกจากอากาศ ก็เป็นความจริง ในขณะนั้นปรากฏว่า ลูกปืนกลจากอากาศบ้าง ลูกระเบิดจากอากาศบ้าง ลูกระเบิดเพลิงบ้าง ทิ้งจากอากาศ ประเทศไทยเรา ก็พลอยยับเยิน ไม่น้อยเหมือนกัน เล่นเอาตู้รถไฟ ต้องไปขี่กัน ที่บางกอกน้อย ทั้งๆ ที่ตู้มันหนัก แต่แรงของระเบิด ดันตู้รถไฟจนไปขี่กัน ตึกบ้านเรือนโรงลำบากมาก
    แต่ว่าสงครามนั้น เป็นเหตุบันดาลอย่างหนึ่ง นั่นคือว่า สร้างความทุกข์ บรรดาท่านพุทธบริษัท คำว่า สงคราม นี่ อาตมา ผู้พูดเอง ก็ยังรู้สึกหวาดเสียวอยู่ เพราะว่า เคยอยู่ในระหว่างสงคราม ขณะนั้นอยู่กรุงเทพฯ แสงไฟฟ้าก็ใช้อะไรไม่ได้ ต้องใช้ตะเกียง ตะเกียงน้ำมันก๊าดไม่มีจะใช้ น้ำมันโซล่าก็หาไม่ได้ ต้องใช้น้ำมันหมู หรือน้ำมันมะพร้าวมาทำตะเกียง ของทุก อย่าง ของกินของใช้ต้องปันส่วน เพราะหาไม่ได้ จะได้ก็ของจากญี่ปุ่น เวลานั้นของเรามีน้อย เวลานี้โรงงานมีมาก แต่ก็ไม่ แน่นัก เพราะระเบิดจากอากาศก็ดีจรวดก็ดี หรือว่าระเบิดจากภาคพื้นดินก็ดี อาจจะเกิดกับโรงงานต่างๆ ในประเทศไทยได้ ถ้าสงครามเขา เกิดขึ้น
    หากว่าท่านจะถามว่า ทำไมสงครามเกิดขึ้นที่ตะวันออกกลางแล้วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ทำไมไทยจึงต้องหวาด ระแวง ความจริงไม่ได้พูดให้ระแวง พูดให้ทราบ ตามความจริง หรือ ตามความรู้สึก นึกคิด ถ้าเรื่องนี้ผิด ก็ต้องขออภัยด้วย เพราะว่าเป็นการคาดคะเน มากกว่าอย่างอื่น คิดว่าถ้าสงครามเกิดขึ้น ระหว่างสงครามศาสนา ก็จงอย่าลืมว่า ศาสนาที่อยู่ ระหว่างสงคราม ก็มีอยู่ในประเทศไทยทั้ง ๒ ศาสนา ถ้าเขารบกัน แต่เพียงภายนอกก็ดี แต่บังเอิญ คนที่นับถือศาสนานั้นๆ ทั้ง ๒ ศาสนาเกิดทะเลาะ วิวาท รบราฆ่าฟันกันในเขตของเรา เขตของเราก็ต้องยับเยิบไป เหมือนกับสนามหญ้ากับสุนัข ๒ ฝ่ายกัดกัน สนามหญ้าก็แหลก ถ้าบังเอิญเขารบกัน ก็ไม่เป็นไร ดีไม่ดีเขาจะชวนเรารบ เราจะรบหรือไม่รบ เขาก็จะรบหรือ ว่าเราไม่รบ เขาก็ไม่รบ แต่เขายึด เรายอมให้เขายึดไหม ในส่วนต่างๆ ส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศไทย
    สำหรับความนึกคิด ในเวลานี้ ไม่ใช่หมอดูนะ ไม่ใช่พยากรณ์ ตามหลักวิทยาศาสตร์ หรือหลักอะไรทั้งหมด เป็นแต่การคาดคะเนว่า เหตุการณ์จะต้องเกิดขึ้น อาการต่าง ๆ ที่ปรากฏในปัจจุบันจะฟูขึ้น เพราะรับการสนับสนุนเรื่องการเงิน กำลังอาวุธจากที่อื่น จากนั้นเหล่าทหารตำรวจของเรา ก็ต้องเคลื่อนกำลังเข้าไปรักษาเขต ทีนี้เขตต่อเขต เขตยันเขต เขตที่เขาก่อขึ้นเป็นเขตในประเทศไทย และเขตต่อไปข้างหน้า ก็เป็นเขตที่เขาพวกเดียวกัน อะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง ลองวาดภาพกันดู ถ้ามันเกิดจริงๆ ตามเขาว่านะ อันนี้ไม่ได้รับรองว่า มันจะเกิดจริงหรือไม่
    ถ้าเกิดจริงส่วนประเทศไทย ทุกจุดทุกภาค ก็มีบุคคลที่ถือ ศาสนาตรงกันข้าม กับพระพุทธศาสนา ก็มีกำลังสูงขึ้น ที่เขาโต้กันที่เชียงใหม่ อภิปรายก่อนหน้าที่จะพูดนี้ไม่ถึงเดือน เขาโต้กันถึงหลักสูตรการศึกษาว่า
    หลักสูตรพระพุทธศาสนา ถูกลดลงไป หลักสูตรศาสนาอื่น เข้ามาแทน อย่างนี้ก็ต้องมีอาการ น่าคิดว่า เขาวางแผนล่วงหน้าไว้ไกลมาก หรือว่าเป็นการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อน โดยเฉพาะระยะใกล้ก็ได้
    ก็เป็นอันว่า ในเมื่อสงครามใหญ่เกิดขึ้น ทางด้านตะวันออกกลาง ทีนี้ เศษสงครามมันก็อาจจะเข้ามาถึงประเทศไทย ต่อไปก็เป็นการเดาอีก ขอเดานะ ไม่ได้พูดตรงๆ จะหาว่าดูผิดก็ไม่ได้ เดามันผิดได้ ขอเดาว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้นอย่างนั้นจริงๆ แต่ความจริงเวลานี้ ยังไม่มีใครจะให้เกิด เวลาที่พูดนี่นะ วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ แต่กว่าหนังสือนี่จะออกถึงเดือนมีนาคม ถ้าสงครามเกิดก็เกิดแล้ว ไม่เกิดก็ไม่เกิด ในระหว่างนี้ต่างคนต่างมองต่างคนต่างพูด แสดงเรื่องการเมือง เอาเหตุผลต่างๆ มาหักล้างกัน ก็ไม่แน่นักว่ามันจะเกิด ก็อยากจะบนบานศาลกล่าวว่ามันไม่เกิดนั่นแหละเป็นการดี แต่ทว่าพระดำรัสของ องค์สมเด็จพระชินสีห์ ไม่เคยผิด แต่ว่าท่านไม่ได้บอก พ.ศ.
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เป็นอันว่าประเทศไทยก็จะถูกหาง หรือท้ายฝน ละอองฝนจากสงคราม ก็เป็นอันว่าเราถูกละอองฝน ดินแดนเราก็จะไม่เสีย แต่ว่าชีวิตคนอาจจะเสียไปบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าห่วง ก็คือ ของกินของใช้ ราคามันจะแพงมาก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าเราต้องใช้น้ำมัน โรงงานต่างๆ ต้องใช้น้ำมัน ในเมื่อสงครามเกิดขึ้น ในเขตของบ่อน้ำมัน เราจะมีโอกาสซื้อน้ำมันได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่
    ท่านดามุส ท่านบอกว่า อำนาจของฝ่ายน้ำมัน มีอำนาจมาก สามารถเอาอาวุธ ใส่ในท้องปลา ไปยิงที่ไหนก็ได้ นั่นหมายถึง เรือดำน้ำ ถ้าเราส่งเรือไปซื้อของในเขตใดเขตหนึ่ง ซึ่งเป็นเขตของศัตรูของเขาเรือดำน้ำของเขา ก็อาจจะยิงเรือพาณิชย์ ของเราก็ได้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ คนที่พบระหว่างสงคราม จะมีความรู้สึก หนาวๆ ร้อนๆ แต่ว่า ขอยืนยัน บรรดาท่าน พุทธบริษัทว่า สิ่งที่เราไม่ต้องกลัวอย่างหนึ่งคือ เขาประกาศบอกว่า การสงครามนี้เขาจะใช้อาวุธเคมีบ้าง จะใช้นิวเคลียร์บ้าง จะใช้นิวตรอนบ้าง อาวุธทั้งหลายเหล่านี้ น่ากลัวจริงๆ แต่สำหรับความรูสึกของผู้พูด ไม่มีความรู้สึกกลัวเลย เพราะว่าพระพุทธเจ้ามีความศักดิ์สิทธิ์ ของๆ ท่าน ทุกชิ้นที่ผลิตออกมา ท่านบอกว่า กันรังสีต่างๆ ได้หมด รังสีต่างๆ จะไม่สามารถกระทบกาย หรือทรัพย์สินบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มีของของท่านได้ ที่ท่านทำให้นะ
    ก็เป็นอันว่า ท่านยืนยันมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๑ และท่านทำทุกครั้ง ท่านก็ยืนยันทุกครั้งว่า เกี่ยวกับรังสีต่างๆ ไม่ต้องกลัวเลย รังสีจะไม่เข้าใกล้บุคคลที่มีของที่ท่านทำให้ของนั้นอยู่ไหน ก็หาเอาเองก็แล้วกัน ของนั้นจะขอบอกเป็นนัยๆ เอาตรงๆ เลย ก็ได้คือ พุทธานุสสติ นั่นคือนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ และก็ภาวนาไว้ว่า พุทโธ เวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหาย ใจออกนึกถึง โธ ก่อนจะออกจากบ้าน ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ บูชาพระก่อน ภาวนาว่า พุทโธ ก่อนอธิษฐานขอความปลอดภัยก่อน จะไปก็เสกน้ำลาย ด้วยกำลังของพุทโธสัก ๓ ครั้ง แล้วก็เดินออกจากบ้านไป หรืออยู่บ้านก็ได้ ภัยอันตรายจะไม่มีแก่ท่าน หรือว่าถ้าทำอย่างนั้น ยังไม่เกิดความมั่นใจ ก็เอาของที่องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงทำไว้ติดกับร่างกาย แต่ต้องอาราธนาทุกวัน ว่า นะโม ตัสสะฯ 3 ครั้ง แล้วก็ว่า พุทโธ เหมือนกัน และก็อธิษฐานให้ปลอดภัย อย่างนี้จะปลอดภัยจากรังสีต่างๆ แม้แต่สะเก็ดระเบิด หรือว่ากระสุนปืนของข้าศึก ก็จะไม่มีอันตรายกับท่าน ถ้าท่านทั้งหลายมี พุทธานุสสติ เป็นกำลังใจ
    ทีนี้เรามาคุยกันต่อไปนี่มันเรื่องคุยนะ ถ้าบังเอิญเวลานี้มีอิรักตั้งท่ายัน อิรักปรากฏว่า ประกาศว่ามีคน ๑๘ ล้าน แต่ทว่า อิรัก อิรักอิหร่านนี่รบกันมาประมาณ ๘ ปี พออเมริกาส่งกำลังเข้ามาในอ่าวเปอร์เซีย อิรักอิหร่านดีกันฉิบ พื้นที่ของอิหร่านที่อิรัก ยึดได้ ก็พันตารางไมล์ก็ตาม คืนให้หมดปล่อยเชลยให้หมด เวลานี้ศัตรูกับศัตรู อิรักกับอิหร่านเป็นมิตรกัน อิหร่านก็เข้ากับอิรัก ไม่เห็นด้วยที่อเมริกา จะเอาวัฒนธรรมของเธอ มาใช้ในตะวันออกกลาง เขาถือว่า ผิดกฏของพระศาสนานี่ป็นอันว่า อิรักก็มีเพื่อน เข้าอีกหนึ่งประเทศ คือ อิหร่าน อิหร่านนี่ก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน หนักเหมือนกัน แล้วต่อมาอย่าลืมว่า สายเลือด ที่ร่วมกันมา เขาอาจจะไม่ทิ้งกันนั่นคือศาสนา คนที่นับถือศาสนาร่วมกัน อาจจะร่วมมือกันภายหลัง อย่างนี้สงครามใหญ่จะ เกิดขึ้น ซึ่งตรงกับคำพยากรณ์ของพระท่าน
    ในปีที่ญวนแตกอเมริกาหนีกลับบ้าน ปีนั้นก็ถามพระท่านว่า หลังจากนี้จะมีอะไรบ้าง สงครามใหญ่จะเกิดขึ้นไหม ท่านบอกว่า คำว่าสงครามโลก ยังไม่เกิด คำว่าสงครามโลกนั่นหมายถึงว่า ทั้งโลกแบ่งกันเป็น ๒ พวก ร่วมกันทั้งหมด แล้วก็ตีกันในระหว่างฝ่ายต่อฝ่าย คือตีกันรบกันอย่างนี้เรียกว่า สงครามโลก แต่สงครามครั้งที่จะเกิดทางด้านตะวันออกกลาง ท่านบอกตรงว่า จะเกิดที่ด้านตะวันออกกลาง เขายังไม่เรียกว่าสงครามโลก เขาเรียกว่าสงครามใหญ่ สงครามใหญ่คราวนี้จะ มีความร้ายแรงไม่น้อย ร้ายแรงกว่าสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ว่าท่านก็ไม่ได้บอกอย่างดามุสว่า ถึงแม้อเมริกาอาจจะถูกนิวเคลียร์ ท่านไม่ได้บอกไว้ คือไม่ได้ถาม
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    รวมความว่าคำพยากรณ์ของท่านที่พยากรณ์ว่าจะเกิดที่ตะวันออกกลางก็ตรงแล้ว เวลานี้ตะวันออกกลางจะมีสงคราม อย่างน้อยที่สุดก็เป็นสงครามเศรษฐกิจ เริ่มบีบรัดกันขึ้นมาการถูกบีบนี่ บรรดาท่านผู้ฟังและท่านผู้อ่าน สมัยเยอรมันก็ดี ญี่ปุ่นก็ดี อิตาลีก็ดี ที่ต้องประกาศเป็นสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็เพราะว่า การถูกบีบคั้นจากโลกตะวันตกหรือหลายๆ ประเทศ ที่เรียกกัน ว่า สันนิบาตชาติ ในเวลานั้นทั้ง ๓ ประเทศ ลาออกจากสันนิบาตชาติ สันนิบาตชาติ ต่างคนต่างบีบคั้นต่างๆ หาทางกลั่นแกล้ง ถ้าไม่รบก็อดตายมีความจำเป็นต้องรบ หมายถึงว่า ยอมเสี่ยง ยอมเสี่ยงการเสียอิรภาพ การเสียประเทศจะต้อง เป็นเมืองขึ้นเขากับความตาย ทีนี้การรบความตายมันก็เกิด แต่เกิดเฉพาะบุคคลบางกลุ่มที่เป็นทหาร และบุคคลที่อยู่ใกล้จุดยุทธศาสตร์ที่ถูกระเบิด คนนอกนั้นจะไม่ตาย ถ้าไม่รบ ความอดเกิดขึ้น มันจะตายทั้งประเทศ เขาต้องตัดสินใจรบ เรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีฉันใด เวลานี้อิรักกับอิหร่าน กำลังจับมือกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสนามุสลิมเขาเป็นศาสนาที่มีความรักกันมาก
    อย่างตอนใต้ประเทศไทย คราวนั้นฟังข่าวจากทางโทรทัศน์ จากท่านพันเอกณรงค์ กิตติขจร ท่านบอกว่า ใครล่ะ พันเอกกัดดาฟี มั้ง ถ้าพูดชื่อผิด ขออภัยด้วย ท่านเคยไปเจรจากัน บอกว่า อย่ามายุ่งกับประเทศไทยเลย แต่เขาบอกว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งด้วย แต่ที่ยุ่งนั้นเป็นเรื่องของศาสนา ที่จะให้มีการแบ่งแยกประเทศไทย ออกเป็นของมุสลิมส่วนหนึ่ง ของไทยส่วนหนึ่ง เขาหวัง ๔ จังหวัด แต่ความจริงถ้าเขายึด ๔ จังหวัดได้ เขาจะเอาอีก ๘ จังหวัด ถ้า ๘ จังหวัดได้ เขาจะเอาอีก ๑๖ จังหวัด ผลที่สุดเขาต้องการยึดทั้งหมดทั้งประเทศไทย ความพอใจของคนไม่มีฉันใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าสงครามเกิดขึ้น ถ้าเราจำเป็น ต้องเสียดินแดน เรื่องเสียเฉพาะน่ะ ไม่มีแน่นอน มันต้องเสียกันเรื่อยไป เวลานี้เรา ก็ไม่มีพอที่จะเสียแล้ว แต่ที่พูดนี่ ก็ไม่ได้หมายความว่า สงครามจะเกิดจริง สมมติว่า ถ้ามันจะเกิดทีนี้เรื่องของศาสนา ก็จะเกิดขึ้นที่พูดนี่ไม่ได้ยุให้คน ๒ ศาสนาทะเลาะกันนะ เป็นแต่เพียงว่าท่านณรงค์ท่านบอกว่า ท่านไปพูดกับประธานาธิบดีของเขา ประธานาธิบดีของเขาก็บอกว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งเป็นเรื่องของศาสนา ทีนี้ศาสนาจะเอาเงินมาจากไหน ก็ทราบไม่ได้เหมือนกัน
    รวมความว่า หันมาคุยกันในประเทศไทย ถ้าสงครามเกิดขึ้นจริงๆ เราจะเป็นอย่างไร ประการแรก เรายังพูดถึงศาสนาก่อน ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ เราจะหนักเรื่อง น้ำมัน นิดหน่อย แต่ว่าน้ำมันในประเทศไทย ถ้าเร่งรัดจริงๆ จะเหลือใช้ เพราะอะไร เพราะว่าน้ำมันในประเทศไทยนี่มีมาก การเจาะ บรรดาท่านผู้อ่านและท่านผู้ฟัง ที่พูดนี่ก็ขอเดา คิดว่าท่านที่เจาะเขาคงจะเจาะไม่ถึงเพดานจริงๆ ของน้ำมัน รวมความว่า ถังน้ำมันถังใหญ่จริงๆ น่ะ เราจะพูดตามความเป็นจริงแล้ว ประเทศจีน เขาก็มีน้ำมันเขาอยู่สูงกว่าเรา ประเทศพม่าก็มีน้ำมัน อินโดนีเซียก็มีน้ำมัน แล้วก็ไทยล่ะอยู่กลางทำไมจะไม่มีน้ำมัน
    ทีนี้เวลานี้การเจาะน้ำมัน การดูดน้ำมันเขาว่าได้น้อย แต่ความรู้สึกของผู้พูด หรือตามข่าวหนังสือพิมพ์ เขาบอกว่าความจริงประมาณน้ำมันที่ได้ มันมากกว่าข่าวที่เขาแจ้งมา ข้อนี้จะเท็จจริงประการใดก็ไม่ทราบ สุดแล้วแต่หนังสือพิมพ์ แต่เขาบอกว่าเขาแจ้งได้น้อย ก็ยังมีอีกหลายหลุมที่เขาเจาะพบแล้ว เขาบอกว่าไม่พอกับเชิงพาณิชย์ จึงไม่ยอมดูดขึ้นมา นี่ก็เป็นลีลาของพ่อค้าเป็นของธรรมดา ถ้ากำไรน้อยเขาจะไม่เอา หรือจะมาพูดกันอีกทีหนึ่ง
    เวลานี้ทราบว่า คนไทยศึกษาเรื่องวิชาการเจาะน้ำมันมาได้ดีแล้ว มีความชำนาญพอแล้ว แล้วก็กำลังจะเจาะก่อน หนังสือจะออกคงจะเจาะแล้วละมั้ง เจาะก๊าซที่สงขลาใกล้ๆ กับบ่อเดิม จะเอาก๊าซมารวมกัน เข้ากับท่อเดียวกัน ขึ้นมาใช้จะได้มีปริมาณสูง ถ้าบังเอิญท่าน หรือนายทุนท่านใดท่านหนึ่ง ในพื้นที่ ที่ไม่มีสัญญาประมูลกับบริษัทต่างๆ แต่น้ำมันมีมาก ปริมาณของประเทศไทยนี่ ถ้าจะลองเจาะอย่างต่างประเทศเขา เอาที่ใดที่หนึ่งก็ได้สักที่หนึ่ง ที่พูดนี่เป็นการสมมติกันนะ จะเชื่อหรือไม่สมควรเชื่อ
    เพราะความรู้สึกว่ามีอยู่ว่าการเจาะที่แล้วมา เขาเจาะกันยังไม่ถึงฝาผนังหรือเพดาน ของถังน้ำมัน ซึ่งมันเป็น ถังใหญ่คลุมจักรวาล มันเป็นทะเลอีกชั้นหนึ่งต่างหาก คือเป็นทะเลน้ำมันจริงๆ ประเทศไทยตั้งอยู่เหนือทะเล น้ำมันจีน ก็เช่นเดียวกันแล้วก็พม่าก็เหมือนกัน อินโดนีเซียก็เหมือนกัน มาเลเซียก็เหมือนกัน บรูไนก็เหมือนกัน มันเป็นถังถังเดียวกัน ถ้าบังเอิญ เราจะเจาะอย่างอังกฤษ ที่เขาบอกว่า อังกฤษเจาะที่ทะเลเหนือ เจาะลง ไปลึกลงไปใต้ดินถึง ๖ กิโลเมตร ก็ได้น้ำมันขึ้นมาเพียงพอ
    แต่ประเทศไทยเราสำรวจแล้วว่า ที่ใดที่หนึ่งมีน้ำมันพอที่จะเจาะได้ ก็ลองเจาะสัก ๖ กิโลเมตร จะมีผลเป็นประการใดเรื่อง นี้ก็ลองถามท่านผู้รู้ท่านหนึ่ง ท่านมีความชำนาญในด้านนี้มาก ก็เรียกว่าดร.สรรพศาสตร์ ท่านดร.สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า ถ้าเจาะลงไปถึง ๖ กิโลเมตร ในถังน้ำมันที่มีพื้นแผ่นดินหนา หมายความว่า หลังถังน่ะลึกลงไป เจาะลงไปแค่ ๓ กิโลเมตร จะถึงผิวถังน้ำมัน หรือหลังคาน้ำมัน ถ้าเจาะถึง ๖ กิโลเมตร ไอ้ท่อที่เจาะลงไปนั้น จะจมไปในตัวถังน้ำมัน บ่อน้ำมันจริงๆ ครึ่งกิโลเมตร ถ้าเจาะในที่ตื้น ที่บางจุดอยู่ไม่ไกลกรุงเทพนัก ในที่นี้ถ้าเจาะถึง ๖ กิโลเมตร ท่อจะจมลงไปในเขตของน้ำมัน ประมาณ ๖ กิโลเมตร ถามว่า ดร.สรรพศาสตร์ ถ้าเราจะดูดใช้อย่างปัจจุบันนี่ ถ้าทำอย่างนั้นจะใช้ได้สักกี่ปี ท่านบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เอา ๓๐ เท่าของปัจจุบันใช้ไป ๕,๐๐๐ ปี น้ำมันยังไม่หมด ปริมาณยังไม่ลด
    นี่แหละบรรดาท่านผู้อ่านและท่านผู้ฟัง ถ้าบังเอิญท่านดร.สรรพศาสตร์ ท่านพยากรณ์ตามความรู้ของท่าน ถ้าตรงตามนี้ประเทศไทยเราก็ไม่จน อย่างอื่นจะไม่มีก็ไม่เป็นไร ไฟของเรามีน้ำมันเราก็ถูก อุตสาหกรรมของเราลงทุนถูก เพราะน้ำมันถูก เราจะขายต่างชาติได้ดี ระยะนั้นประเทศไทยเราจะรวย
    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เราคุยกันมาวันนี้ก็ป่วย แต่เกรงว่าเล่มที่ ๑๘ นี่จะไม่ครบ ทำไปแล้ว บ้างตามสมควร แต่ไม่แน่ใจ ว่าจะครบหรือไม่ครบ ก็ลุกขึ้นมาทำหันไปดูเวลาเหลือเวลาประมาณนาทีเศษ ก็ขอเตือนบรรดาญาติโยม พุทธบริษัท ซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ว่า จงอย่าหวั่นไหว ต่อสงคราม ขอยืนยันว่า ถึงแม้ว่าสงครามจะเกิด ก็จริงแหล่แต่ทว่าเราจะไม่ตายเพราะสงครามโลก เราจะไม่อดตายเพราะสงครามโลก และนักเกษตรศาสตร์ก็ดี นักเกษตรศาสตร์นี่จะมีโชคดีมากคือจะรวย ข้าวจะแพง พวกที่เลี้ยงสัตว์ก็ดี ราคาจะแพง จะรวยทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีความประมาท บรรดาท่านพุทธบริษัท ประเทศไทยจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์


    http://www.banfun.com/buddha/b_focast.html
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ทรัพยากรในประเทศ
    <table ,="" border="0" bordercolor="#000080" cellpadding="2" width="98%"><tbody><tr> <td valign="top" width="9%">ผู้ถาม</td> <td valign="top" width="91%"> "น้ำมันในประเทศไทยมีเยอะจริงๆ หรือคะ...?" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="9%">
    หลวงพ่อ</td> <td valign="top" width="91%">
    "มันไม่เฉพาะน้ำมันอย่างเดียวนะ ทรัพยากรที่มีค่ามากที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นมหาเศรษฐีของโลก มันมีอยู่เยอะ โดยเฉพาะแร่ยูเนียมของเรามีหลายจุด
    และจะมีแร่สำคัญที่มีรังสีร้ายแรง ใช้ได้ทั้งทางทำลายและทางสันติภาพมากมาย ที่เรียกกันว่า แร่ใส แต่แร่นี้ ถ้าจะค้นได้ก็ต้องหลังจากค้นหาน้ำมันได้ก่อน เพราะว่าทางนี้ยังไม่มีใครสนใจ การใช้แร่นี้และวิธีที่จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ ก็ใช้กรรมวิธีคล้ายคลึงกันกับแร่ยูเรเนียน แต่ว่าวิธีต่างกันเล็กน้อย แร่นี้มีมูลค่าจะเป็นทรัพยากรของประเทศ
    ส่วนทรัพยากรที่เป็นทองคำ ทรัพยากรส่วนนี้มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ส่วนที่คนโบราณรวบรวมเป็นแท่งไว้แล้วก็มีและจะหาจุดให้ใหม่ตามแผนที่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเวลา
    สรุปแล้วทรัพยากรส่วนที่เป็น แร่ใส ก็ดี ทั้งสามนี้ น้ำมันเป็นตัวชูโรง และเป็นทรัพยากรที่หาได้ก่อน ทั้งนี้เพราะว่าคนต้องการน้ำมันก่อน ทรัพยากรที่จะปรากฏขึ้นที่หลังคือ ทองคำ
    ทองคำนี้มีจุดตั้งแต่เหนือถึงใต้ แต่ก็เป็นส่วนที่มีความลึกมากคนที่สนใจมีน้อยเพราะนึกว่าทองคำไม่มี แต่เมื่อได้น้ำมันแล้วก็ไม่เป็นไร ทรัพยากรส่วนที่เป็นทองคำต้องใช้แรงงานสูง เพราะว่าบางจุดเดินเข้าไปอยู่ใต้ภูเขา
    ถ้าจะบุกเบิกตามวิธีการที่เราใช้กันในสมัยปัจจุบัน คือ ใช้น้ำฉีดหรือขุดด้วยเรือ ก็รู้สึกว่าจะได้ผลไม่มากนักทองคำบางส่วนก็ปนอยู่กับแหล่งวูลแฟรม แต่อยู่ลึกกว่า
    ถ้าอาศัยการค้นคว้าด้วยดาวเทียมก็รู้สึกว่า มีจุดที่จะแสดงให้เห็นได้ง่าย เวลานี้ฝรั่งมีความรู้ในการค้นคว้าด้านนี้ใกล้ความจริงมาก
    สำหรับแร่ใส เท่าที่เห็นเวลานี้ก็มีความลึกสักหน่อย ต่อไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร แร่นี้จะมีความอ้วนขึ้น หนาตัวขึ้น อีกอย่างหนึ่งจะพูดว่าเป็นเพราะการดูดน้ำมันมากๆ หรือจะพูดว่าแผ่นดินยุบลงไป หรือจะพูดว่าแร่ลอยขึ้นมาก็ไม่ถูก ส่วนที่ถูกควรจะพูดว่าแร่เลื่อนขึ้นมา เนื่องจากการเคลื่อนไหวของแผ่นดิน
    ระยะ ๑๐ ปี ถึง ๒๐ ปี ข้างหน้าผิวของแร่จะอยู่บนพื้นดินจะได้มาในเวลาควบคู่กับทองคำ ตอนนั้นเมื่อทองคำปรากฏ แร่ใสปรากฏ
    คนเลวน้อยลงแล้ว คนเลวภายในก็น้อยลง คนไทยที่เขาว่าเป็นไทย แต่พูดไทยไม่ชัดมีเกลื่อนกลาดอยู่ในประเทศไทย ก็หมดกำลังที่ปรารถนาจะยึดประเทศไทยเป็นของเขา ก็จะมีใจเป็นไทยขึ้น คือ หวังว่าการเข้าเป็นหุ้นส่วนจะดีกว่าคิดประทุษร้าย ในตอนนั้นไทยจะเป็นอิสระเต็มที่
    แต่ที่ทรัพยากรทั้งหลายกำลังจะปรากฏขึ้น ก็เพราะอาศัยบุญญาธิการของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันมีมากพอสมควร เพียงพอที่จะเป็นผู้วางรากฐานให้ปรากฏพบแหล่งน้ำมันขึ้นในประเทศเป็นอันดับแรก
    สำหรับในการต่อไปก็อาศัยพื้นฐานความดีของพระองค์และข้าราชการบางส่วนที่มีความดี ก็จะเป็นเหตุให้ได้น้ำมันขึ้นมาใช้สอย และได้แร่ธาตุบางอย่างที่มีคุณค่าสูงมาบ้างตามสมควร พระราชาองค์นี้จะเป็นที่พึ่งของคนไทยต่อไป
    ความราบเรียบ สงบเงียบจากอันธพาล จากคนที่ขายชาติ จะค่อยๆ มีขึ้นทีละน้อย จิตใจของคนจะเป็นไทขึ้นมาทีละหน่อยๆ ในเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม และข้าราชบริพารรู้จักความเป็นไท ไทยเก่าๆ จะเข้าสิงใจไทยปัจจุบัน ให้ทำการให้ประเทศไทย เพื่อไทย
    การคิดล้มล้างชาติไม่มีผลสำหรับคนทั้งหลายที่คิด พวกเขาจะต้องสลายตัวตามกาลสมัย
    พระพุทธศาสนาก็จะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะมีพระอริยะเจ้ามา คล้ายกับสมัยที่พระพุทธองค์ยังทรงมีชีวิตอยู่"

    อ้างอิง
    คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    </td></tr></tbody></table>
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ศาสนาพระศรีอาริยเมตตรัย
    <table ,="" border="0" bordercolor="#000080" cellpadding="2" width="98%"><tbody><tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "กระผมได้ยินมาว่าเมื่อครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้ว ก็จะมีศาสนาของพระศรีอาริยเมตตรัย สืบต่อจากศาสนานี้ใช่ไหมครับ" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "หมายความว่า เมื่อสิ้นศาสนา ๕,๐๐๐ ปีแล้วใช่ไหม แล้วพระศรีอาริยเมตตรัยจึงมาตรัส"
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "ใช่ครับ" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณ ถ้าศาสนานี้ครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัยยังไม่มาตรัส จะต้องว่างจากพระพุทธศาสนาไปหนึ่งพุทธันดรก่อน แต่ว่าในช่วงที่ว่างพระพุทธเจ้านี่ก็จะมี พระปัจเจกพุทธเจ้า ขึ้นมาแทน สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ต่ำกว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    คือว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้วก็ทรงสอนคนตั้งแต่อันดับต้นให้รู้จักการให้ทาน ให้รู้จักการรักศีล ให้รู้จักการเจริญภาวนาให้รู้จักการครองเรือนให้อยู่เป็นสุข และให้รู้จักการปฏิบัติตนให้เข้าถึงกามาวจรสวรรค์ ให้เข้าพรหมโลก ให้เข้าถึงพระนิพพาน
    สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่เช่นนั้น ท่านตรัสแล้วท่านก็เฉยๆ หากว่าจะสงเคราะห์กันก็สงเคราะห์ในขั้นต้น คือ ทานกับศีล ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า
    ทีนี้เมื่อเวลากาลล่วงไปหนึ่งพุทธันดร อาตมาตอบไม่ได้นะว่ากี่ปี ถ้าจะให้รู้กันจริงๆ คุณก็จงอย่าตายนะ อยู่ไปจนกว่าพระศรีอาริย์จะมา อยู่ไหวไหมล่ะ...?

    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> (หัวเราะ) "ไม่ไหวครับ" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "เป็นอันว่าเมื่อครบหนึ่งพุทธันดรแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในกัปนี้ แต่ว่าสำหรับกัปนี้ไม่ได้มีพระพุทธเจ้าเพียง ๕ พระองค์ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า หลังจากพระศรีอริยเมตตรัยมาตรัสแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าต่อไปอีก ๕ พระองค์ คือ ในกัปนี้ทรงพระพุทธเจ้าได้ ๑๐ พระองค์
    ศาสนาพระศรีอาริย์ ท่านว่าศาสนาของท่านนั้นมีผลดังนี้
    ๑. คนสวยทุกคน มีผิวเหลือง เนื้อละเอียด คนแก่ที่สุดมีทรวดทรงเท่ากับคนอายุประมาณ ๒๐ ปีเศษ ของสมัยนี้เท่านั้นเอง อายุคนสมัยนั้นท่านว่า มีอายุถึง ๔ หมื่นปีเป็นอายุขัย
    ๒. สมัยของท่าน ไม่มีคนจน มีแต่คนรวย มีต้นไม้สารพัดนึกอยู่ในที่ทุกสถาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ที่มีจิตใจชั่วร้ายยังไม่มีโอกาสเกิดในสมัยของพระองค์ ท่านที่จะไปเกิดนั้น ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมเท่านั้น โลกจึงมีแต่ความสุข ไม่มีตำรวจทหารมีแต่พ่อบ้านแม่เรือน
    ๓. การสัญจรไปมาก็สะดวกสบาย ไปทางไหนก็พายตามน้ำ
    ๔. คนเข้าถึงธรรมทุกคน ท่านว่าคนที่เจริญสมถะพอมีญาณ หรือมีวิปัสสนาญาณบ้าง พอสมควร จะเข้าถึงธรรมาพิสมัยได้โดยฉับพลัน คือเป็นพระอริยะเจ้า คนที่ได้อริยะต้นแล้ว จะเข้าถึงอรหัตผลได้โดยฉับพลัน คนที่ทำบุญไว้น้อย คือฟังคาถาพัน และปฏิบัติตามแต่ไม่สมบูรณ์ อย่างต่ำก็เข้าถึงไตรสรณคมน์ อย่างสูงก็ได้อริยะ
    ที่เป็นอย่างนี้ เป็นเพราะว่าท่านบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ท่านบำเพ็ญบารมีมาก คนเลวจึงเข้าแทรกแซงในศาสนาของพระองค์ไม่ได้ น่าเกิดจริงนะ

    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม : </td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "ผมอยากจะถามว่า พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่าอะไรครับ...? " </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "พระกกุสันโธ เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกสำหรับกัปนี้ แต่องค์แรกจริงๆ ไม่ใช่องค์นี้ ที่เราเรียกว่า องค์ปฐม องค์ปฐมน่ะท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก เคยถามท่านว่าใช้เวลาถอยหลังไปเท่าไร ท่านบอกว่า ให้ตั้งเลข ๕ ขึ้นมา แล้วเอาศูนย์ใส่ไป ๕๐ ตัว ได้เท่าไรบอกฉันด้วย นับเป็นอสงไขยกัปนะ ไม่ใช่นับเป็นกัปเฉยๆ อสงไขยของกัป
    ถ้าจะถามว่ามากเกินไปไหม ก็ต้องตอบว่าไม่มากหรอก เราต้องดูซิว่า
    • พระพุทธเจ้าขั้นปัญญาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขยกับแสนกัป
    • ถ้าศรัทธาธิกะ ต้องใช้เวลา บำเพ็ญบารมีถึง ๘ อสงไขยแสนกัป
    • ถ้าวิริยาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ไม่เท่ากัน
    ทีนี้กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้ากี่องค์
    สำหรับสูญญากัป อันตรายกัปนี่ไม่มีพระพุทธเจ้า มีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า อันตรายกัปนี่เป็นกัปที่มีอันตรายมาก รบราฆ่าฟันกันเป็นประจำ มันมีแต่พวกมาจากอบายภูมิมาเกิด อันนี้เป็นเรื่องจริง บางกัปก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว บางกัปมี ๒ องค์ ๕ องค์ ยังไม่เคยเจอ แต่กัปนี้มีถึง ๑๐ องค์นะ ฉะนั้นคนที่เกิดในกัปนี้เฮงที่สุด แล้วก็ซวยที่สุด"

    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "เป็นยังไงครับ....?" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "เฮงที่สุดก็คือ เกิดมาแล้วตั้งใจทำความดี ตายไปเป็นเทวดาหรือพรหม เมื่อเป็นเทวดาหรือพรหมแล้วพระพุทธเจ้าไปเทศน์ครั้งเดียวก็เป็นพระโสดาบัน ไอ้ซวยที่สุดก็คือ เกิดมาชาตินี้ไม่ทำความดี ตายไปก็ลงนรกลงนรกแล้วพระพุทธเจ้าอีก ๖ องค์มาตรัส นึกว่าจะเกิดมาได้พบ ไม่มีทาง อีก ๓๐ องค์ก็ยังไม่ได้พบ"

    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="11%">ผู้ถาม</td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="89%"> "โอโฮ้....ทีนี้ผลต่างกันไหมครับ ที่ใช้เวลาบำเพ็ญบารมีไม่เท่ากัน....?" </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="11%">
    </td> <td valign="top" width="89%">
    "ผลมันต่างกันแน่ อย่างพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้บำเพ็ญมีขั้นปัญญาธิกะ จะเห็นว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ละ มีการรบราฆ่าฟันกัน มีคนจน มีคนรวย ถ้าศรัทธาธิกะละก็คนจนไม่มี มีแต่คนรวย เพราะพระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมาก
    ส่วนวิริยาธิกะละก็เพียบพร้อมไปทุกอย่าง สมัยโน้นจะหาคำว่าลำบากสักนิดไม่มี ความป่วยไข้ไม่สบายเกือบหาไม่ได้ ที่ท่านต้องบำเพ็ญบารมีมาก ก็เพื่อสั่งสมความดีให้มาก แล้วก็คนที่ไปเกิดในสมัยนั้นก็ต้องเป็นคนที่ต้องบำเพ็ญบารมีตามกันไป พระพุทธเจ้าแต่ละองค์มิใช่จะโปรดคนได้หมด ต้องโปรดคนได้เฉพาะคนที่บำเพ็ญบารมีร่วมกันมาแต่ละชาติที่เกิดร่วมกันมา เป็นพวกเป็นพ้อง ทำอะไรก็ทำด้วยกัน เวลาทำบาปก็ทำด้วยกัน ไปสวรรค์ก็ไปด้วยกัน ไปนรกก็ไปด้วยกัน
    หลวงพ่อลาพุทธภูมิแล้วจะไปนิพพาน ลูกหลานจะอยู่หรือจะไปด้วยล่ะ?

    อ้างอิง
    คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    </td></tr></tbody></table>
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ

    ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ” ซึ่งท่านผู้ใช้
    นามปากกาว่า “ศุภนิมิต” ได้เรียบเรียงจากต้นฉบับที่เป็นภาษาจีนอีกทีหนึ่ง สาระของเรื่องได้ถ่ายทอดจากการรับรู้ของเด็กหญิง
    ผู้วิเศษชื่อ “เทียนไฉ” ที่ประเทศมาเลเซียโดยการประทับทรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจากการถอดจิตขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไปรู้ไปเห็นมา
    หลายครั้งหลายหนของเธอดังนี้

    เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า : วันที่ฟ้าดินมืดมิด

    1. ก่อนหน้า “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า” วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่
    ความเงียบสงัดก่อนพายุฝนจะกระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดง
    ฉานและกลายเป็นสีเทาขาว จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลายสิ่งปลูกสร้าง คน และ สัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหา
    จุณในพริบตา

    2. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความืดมิด จนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือ
    วิทยาศาสตร์ทุกอย่างใช้การไม่ได้ผล ต่อจากนั้นก็เกิดพายุและลมฝน เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดง
    จะเทลงมาจากฟากฟ้า โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึงสี่สิบเก้าวัน

    3. มีเพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว
    เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญโดยแท้จริง และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก็จะได้รับการดลใจ ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธ
    สถาน ในที่นั้น หากมีธรรมอธิการผู้อาวุโส (เฉียนเหยิน) หรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น
    คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันที และนั่นอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาลยุคขาวก็ว่าได้ คนที่ไม่
    เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถี
    อนุตตรธรรมก็สิ้นสุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว

    4. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี เพื่อให้
    ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธ สมดังพุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง “วันสุดท้ายฯ” พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้
    มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน “เมืองในม่านเมฆ” สำหรับผู้ใฝ่ธรรม

    5. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถาน คือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึง
    หกหมื่นปีมาแล้ว จะลุกฮือกันออกมาเอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรม
    นายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค เสียงร่ำไห้กู่ร้องครวญคราง เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่า
    เวทนายิ่งนัก

    6. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์ เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์
    สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง หรือพระอริยเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ด
    ถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพาผู้คนให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้อง
    บนได้ สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้น ให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาจิตอย่าง
    เช่นเดิมอย่าได้โลภหลงตามไปเป็นอันขาด พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป ดัง
    คำที่ว่า “ใกล้จะบรรลุธรรมยามเที่ยง แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย” จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ ที่แอบ
    อ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเพียงมารเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่น่าแปลก ต่อเมื่อวันที่มหันต
    ภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน ช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะ
    มาแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบไหว้ได้เช่นนั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ” พระอาจารย์จี้กง
    ก็กล่าวว่า “พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์แกร่งกล้ากว่า พระอาจารย์จริงเสียอีก หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกัน
    บำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม คนที่บำเพ็ญด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบใจพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่า
    เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม” จะเห็นใบหน้าสีเขียวเขี้ยวโง้งของปีศาจในร่างของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบเคียง

    7. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ
    ช่วงที่หนึ่ง วันที่ 24, 25, 26, ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” เพราะช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อ
    ความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 50 ถึง 70 เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะ
    ถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสีซากศพเกลื่อนกลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมี
    กำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นาน
    มาแล้วว่า “หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์” เป็นคำ
    เตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว

    8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่ มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่ นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณ
    สัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ จะเป็นที่เทิดทูน
    ศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน จะเป็นปฎิญญาที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน

    9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้ จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระ
    อรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาวนี้ จะทรงประทานอริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า
    “เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดนี้
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ภาพเมื่อโลกถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลาย

    ในหนังสือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาส” ศุภนิมิตถอดความไว้ว่า:-

    เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 เวลา 17.10 น.
    เด็กหญิง “เทียนไฉ” ถอดจิตออกจากร่างติดตามพระอรหันต์จี้กงขึ้นไปเหนือเมฆ มองดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าสภาพ
    อันน่าเวทนาเมื่อเวลาระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดขึ้น มีดังนี้
    ระเบิดนิวเคลียร์ลูกหนึ่ง ได้ยิงไปตกลงยังเมือง ๆ หนึ่ง หัวระเบิดได้ระเบิดขึ้นกลางอากาศเกิดเปลวไฟและแสงสว่างอันแรงกล้า
    แล้วทันใดนั้นมันก็ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ทั้งหมดชั่วพริบตา พร้อมกับเสียงดังกัมปนาทและแรงสะเทือนอย่างรุนแรงจาก
    ระเบิด ความกดอากาศเปลี่ยนแปลงทันที คนและสัตว์ทั้งหลายบาดเจ็บและล้มตายลงนับจำนวนไม่ถ้วน ทุกหนทุกแห่งเห็นแต่
    ภาพน่าอนาถ กลุ่มควันที่เหมือนเมฆสีดำรูปดอกเห็ด ขยายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำมืด และมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ อากาศใน
    ขณะนั้นให้ความรู้สึกอึดอัด เหมือนกำลังจะขาดใจตาย บริเวณที่ได้รับความเสียหายกว้างไกลออกไปถึงร้อยกว่ากิโลเมตร ส่วน
    กัมมันตภาพรังสีนั้น ครอบคลุมไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร คนที่ไม่ตายด้วยไฟและแสงหรือจากแรงระเบิด ก็วิ่งพล่าน
    กระเจิดกระเจิงไป เสียงเรียกพ่อ เรียกแม่ กรีดร้องก้องฟ้า เป็นที่น่าเวทนา หาที่เปรียบไม่ได้เลย ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็
    เคลื่อนไหวม้วนตัวอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีแดงเรื่อ ๆ เป็นสีแดงคล้ำแล้วกลับกลายเป็นสีเทาขาว แล้วในทันใดก็
    เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ และดำมืด
    ถึงตอนนั้นแม้จะชูมือขึ้นตรงหน้า ก็มองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าได้ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากัน ก็มองไม่เห็นกัน พระอาจารย์จี้กงตรัสไว้ว่า
    นั่นคือ “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” อันยาวนานที่รัตติกาลมาสู่โลก เวลาอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มแล้ว ณ บัดนี้

    วันที่ 30 มกราคม เวลาเช้า 9.00 น. อันเป็นเวลาฝึกสมาธิ ดรุณีน้อยเอี้ยนอี๋ (เทียนไฉ) ก็ได้ถอดจิตติดตามพระอาจารย์จี้กง ไป
    ดูสถานที่เกิดเหตุมหันตภัยต่อไปดังนี้:
    ขณะนั้น ลมมหาประลัย โหมมาทั้งสี่ทิศพร้อมกันตึกใหญ่ ๆ ที่ยังมิได้พังทลายทั้งหมด ท่ามกลางแรงระเบิดและแสงไฟโชติช่วง
    ได้พังคลืนลงมาทั้งหมด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่ต้นไม้ขนาดสิบคนโอบรอบ ก็ถอนรากถอนโคน ล้มระเนระนาด ทุกอย่างที่
    ผ่านเข้ามาในสายตาล้วนเป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก แล้วเธอก็ได้เห็นหมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่ง ตรงกลางเป็นพุทธสถาน บ้านเรือน
    ที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหลายร้อยเมตร ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเรืองรอง ผู้คนที่อยู่ในพุทธสถานและภายใต้การห่อหุ้มของแสงสี
    ม่วงพ้นภัยโดยทั่วกัน ส่วนที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลใจให้เขาวิ่งเข้ามาหลบภัยใน
    พุทธสถานด้วย โลกภายนอกมืดมิดไปทั่ว ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าหรือดวงไฟจากสิ่งใดเลย สายฟ้าแลบพร้อมกับฟ้าคะนอง
    หยดน้ำสีแดง ๆ เหมือนสายฝน แต่มิใช่ โกรกลงมาจากฟ้าแต่ละหยดมีน้ำหนักเหมือนเศษแก้ว กลิ่นเหม็นเอียนจัด เหมือนยา
    พิษร้ายแรง มันทะลุผ่านอิฐ หิน ปูน เหล็กกล้าและทุกอย่างแต่ที่น่าอัศจรรย์คือ เมื่อมันหยดลงมาบนรัศมีครอบที่เป็นสีม่วง มัน
    จะสลายตัวหายไปจนหมดสิ้น ในตำหนักพระมีพระพุทธประทีป 3 ดวง บนแท่นบูชาสาดส่องประกายไฟอยู่สว่างไสว ไม่นาน
    ต่อมาเธอก็ได้เห็นพื้นดินแยกออกเป็นร่องลึกใหญ่ทั่วไป ผีนรกทั้งหลายกรูกันออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น ทุกคนดูกระเหี้ยน
    กระหือรือ พอเห็นศัตรูคู่อาฆาตลูกหนี้ในชาติก่อนของเขาก็ฉุดกระชากตัวลงไป ในร่องลึกใต้ดินโดยทันทีโดยไม่มีการพูดจา
    ต่อรองใด ๆ เป็นภาวะที่ผีคร่ำครวญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่ำร้องโดยแท้สยองขวัญยิ่งนัก พระอาจารย์จี้กงบอกหนูเอี้ยนอี่ว่า นั่นคือการ
    หักล้างบัญชีครั้งใหญ่ ในรอบหกหมื่นปีที่ผ่านมา ทันใดนั้น เธอก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเหมือนกัน แผ่
    รัศมีรอบวงค่อนข้างมัวหมองเหมือนถ้ำ และเหมือนบ้านเก่า ภายในบริเวณไม่มีแท่นที่บูชาพระ มุมหนึ่งในบริเวณนั้นมีไหวาง
    เรียงอยู่หลายใบ ไหทุกใบมีฟองเหมือนน้ำและเหมือนน้ำมันผุดขึ้นจนล้นออกมา ฟองเหล่านั้นมีสีแดงเรื่อ ๆ ให้ความรู้สึกที่ไม่
    สบายใจเลย บนผนังบ้านติดยันต์เต็มไปหมด ดูอึมครึมน่ากลัว พระอาจารย์จี้กงบอกว่า ที่นั่นเป็นเมืองในม่านเมฆจอมปลอม
    เป็นถ้ำมารที่ปีศาจมารร้ายจำแลงไว้ล่อใจคนโลภหลงให้เข้าไปติดกับ ไม่นานนักเธอก็เห็นพระศรีอาริย์ปลอมลอยลงมาจาก
    ฟากฟ้า หัวเราะร่าร้องเรียกผู้บำเพ็ญอนุตตรธรรมและคนทั้งหลาย ที่ยังไม่ทันได้ไปหลบภัยในพุทธสถานที่แท้จริงว่า ให้ติดตาม
    เรามา เจ้าจะหลบเลี่ยงภัยพิบัติได้ อีกทั้งแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ให้แสงสีม่วงห่อหุ้มพวกคน ให้พ้นจากการทำลายของฝนพิษได้
    เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาตะโกนเรียกผู้บำเพ็ญธรรมที่หลบภัยอยู่ในตำหนักพระ ภายใต้ครอบแสงสีม่วงให้ตามไป จะได้ยกระดับ
    และมอบหมายตำแหน่งงานธรรมชั้นสูงให้ ใครก็ตามที่หลงเชื่อตามไปในครั้งนี้ ก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป โดยแท้จริง
    แล้ว คนที่เข้าพุทธสถานแล้ว ภัยพิบัติมิอาจเข้ามาทำลายได้เลย เมื่อถึงเวลานั้นคนที่บำเพ็ญธรรมจงพึงระวังตัวให้รอบคอบ
    ทีเดียว

    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสองโมงโดยประมาณ พระอาจารย์จี้กงพาหนูน้อยเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:
    แม้จะผ่านช่วงสี่สิบเก้าวันอันยาวนานและน่าสะพรึงกลัวไปได้แล้วก็ตาม แต่โลกก็ยังตกอยู่ในความมืดมิด ต่อมาจึงค่อย ๆ สว่าง
    ขึ้นทีละน้อย เห็นศพเกลื่อนกลาดกองพะเนิน มีแต่หัวขาด แขนขาด ขาขาด หรือตัวขาดเป็นท่อน จนแทบไม่มีศพเต็มร่างเลย
    โลหิตสีดำคล้ำนองไหลมารวมกัน จนเหมือนแม่น้ำเลือดกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วจนอยากอาเจียน พูดได้ว่ามันคือนรกใน
    เมืองมนุษย์จริง ๆ ไม่นานต่อมา แสงสีม่วงที่ครอบพุทธสถานก็ค่อย ๆ จางไป ญาติธรรมทั้งหลายพากันออกมาภายนอกได้แล้ว
    โลกทั้งโลกเงียบสงัด สัตว์ที่ยังหลงเหลืออยู่ได้มีเพียงประเภทเดียว คือสัตว์ที่กินหญ้าหรือกินพืชผักเป็นอาหาร คือ กระต่าย
    แกะ วัว ควาย และม้าเท่านั้น จากนี้คือความทุกข์ยากหลังจากวันเกิดมหันตภัย

    วันที่ห้าสิบถึงเจ็ดสิบ คนที่ไม่ได้ถือศีลกินเจมาก่อน ยากที่จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เพราะทุกหนแห่งในโลกล้วนอาบไปด้วยพิษ
    ของกัมมันตภาพรังสี พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่มีอะไรเหลือเลย ผู้ที่ทนต่อความอดอยากไม่ได้ ผู้ที่กินเจเฉพาะวันหรือไม่ได้กินเจ
    แต่โชคดีที่รอดพ้นสี่สิบเก้าคืนมาได้ ภายในร่างกายของเขายังมีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ อีกทั้งอารมณ์โหดจะเกิดขึ้น พวกคน
    เหล่านั้นจะฉีกเนื้อกระต่าย แกะ วัว ควาย หรือม้ากินดิบ ๆ ได้ แต่ไม่นานต่อมาเขาก็จะต้องตายเพราะสารพิษ พระอาจารย์จี้กง
    ได้โปรดเมตตาบอกว่า มีแต่คนที่กินเจเท่านั้นที่จะอยู่รอดจากความอดอยาก หลังจากภัยพิบัติใหญ่แล้วจริง ๆ

    วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง พระอาจารย์จี้กงได้โปรดนำหนูเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:
    ขณะนั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว ทุกสิ่งบนพื้นโลกมีแต่ซากที่ถูกทำลายล้าง แผ่นดินที่แยกออกปิดเข้าหากันแล้ว เหลือแต่รอยแยกเป็น
    ทาง ๆ แม่น้ำเลือดที่ไหลนองก็แห้งลงและซึมลงไปในดิน ทุกอย่างที่เห็นมีแต่สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน น่าสมเพชเวทนา และน่า
    อนาถใจ คนถือศีลกินเจทั้งหลาย เริ่มจะลงมือเก็บฝังหรือเผาซากศพกันอย่างเป็นงานเป็นการ เมื่อหิวกระหายก็เพียงแต่ใช้นิ้ว
    จุ่มน้ำทิพย์ที่บูชาแตะลงที่ปลายลิ้น แล้วคนเหล่านั้นก็ประทังชีวิตอยู่กันต่อไปได้อย่างไม่เดือดร้อน คนที่ยังไม่เคยกินเจตลอด
    เสมอมา จะไม่กล้าเดินออกไปนอกตำหนักพระเลยแม้สักก้าวเดียว
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง หนูน้อยเอี้ยนอี๋ก็ติดตามพระอาจารย์จี้กงไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยค

    ฉากสุดท้ายต่อไป:
    ขณะนั้น ทั้งการเก็บฝังและเก็บเผาซากศพจะแล้วเสร็จไปส่วนเสียส่วนใหญ่ แสงสีม่วงนอกจากจะปกป้องรอบ ๆ อาณาบริเวณ
    พุทธสถานแล้ว ยังรวมทั้งต้นไม้ใบหญ้า และสิ่งปลูกสร้างในวงรอบรัศมีอีกด้วย ส่วนรอบนอกนั้นราพณาสูรไม่เหลืออะไรเลย
    ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดถูกทำลายหมดสิ้น และใช้การอะไรไม่ได้อีกเลย จากนั้นฟ้าดินก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะ
    ของธรรมชาติตามปรกติ ตะวัน เดือน ออกมาส่องแสงเช่นเดิม มีลม มีฝน แม่น้ำลำคลองก็เต็มไปด้วยน้ำใสไหลล่อง ผู้คนเริ่ม
    สร้างบ้านเรือนเป็นที่พักอาศัยหลบฝน และเริ่มงานทำไร่ไถนากันอย่างขะมักเขม้น เช้าก็ออกไปทำนา เย็นก็กลับมาบ้าน ชีวิต
    แม้จะไม่ว่างทางแรงกายแต่ก็มั่นคงเป็นสุขใจ ผู้คนต่างอยู่ร่วมกันด้วยอัธยาศัยไมตรี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการวิวาท
    บาดหมาง แย่งชิง โลกทั้งโลกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชีวิต และเป็นระเบียบแบบแผนอันดีงามเหมือนโลกใหม่โดยแท้

    (แหล่งที่มา หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดย รหัสยญาณ สำนักพิมพ์ ลานอโศก เพรส กรุ๊ป)

    คำพยากรณ์โลก
    โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    การชำระล้างโลกของพระบิดา
    กระบวนการทางเทคนิคของพระบิดาต่อไปนี้ จะเปิดเผยเฉพาะบางส่วนที่มนุษย์ควรรู้เท่านั้น เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เป็นข้อพิสูจน์
    ว่าความรู้ทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนเป็นพระเมตตาที่พระบิดาประทานมาให้เผยแพร่ มิใช่เป็นการกระทำขึ้นมาเองของมนุษย์ที่อวด
    อุตริจริงแท้หรือไม่
    หากทุกอย่างเป็นความจริงตามที่เผยให้รู้ไว้ล่วงหน้านี้ ย่อมจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าองค์จิตจักรวาล ผู้เป็นพระบิดาหรือพระ
    ผู้สร้างหรือว่าพระเจ้าล้วนมีจริงเป็นแน่แท้ แต่จะมีใครสักกี่คนกันเล่า ที่จะมีโอกาสข้ามผ่านกลียุคครั้งที่ 4 นี้ไปได้เพื่อถึงวันเวลา
    แห่งการพิสูจน์นั้น?
    ขึ้นตอนโดยสังเขปทางเทคนิคของพระบิดา

    1. ก่อนวันชำระครั้งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น 15 วัน แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก ที่ทำมุมกันแนวดิ่งอยู่ 23.5 องศานั้น จะ
    ถูกกำหนดให้มันค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมเรื่อย ๆ จะทำให้ขั้วโลกเหนือก้มหัวลงหันเข้าหาดวงอาทิตย์มาก
    ขึ้น

    2. น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น จากกรณีที่เกิดขึ้นในข้อแรก ทำให้น้ำแข็งละลายกลืนกับน้ำในมหาสมุทรอย่าง
    รวดเร็ว

    3. เมื่อโลกเอียงในลักษณะก้มหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำจากขั้วโลกก็จะพากันไหลหลั่งลงสู่เบื้องล่างเป็นคลื่นน้ำระลอกใหญ่ ในอันที่
    จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมแผ่นดิน และบริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่จะกลืนแผ่นดินต่อไป

    4. ขณะเดียวกันก็จะกำหนดให้เกิดการสั่นสะเทือนใต้มหาสมุทรบริเวณขั้วโลกใต้ เพื่อกระเทาะเอาก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ให้
    หลุดออก เพื่อใช้เป็นมวลในการถ่วงดุลด้านน้ำหนักมวลระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ ในกระบวนการทางเทคนิคที่จะ
    กล่าวถึงในข้อ 5 และ 6 เป็นลำดับต่อไปนั่นเอง

    5. เมื่อครบ 15 วันตามกำหนดที่จะชำระความครั้งใหญ่แล้ว แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลกจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม
    8.5 องศา หรืออยู่ที่ 32 องศากับแนวดิ่งแล้ว ตรงพิกัดตำแหน่งนี้จะเป็นกำหนดเวลาที่ส่วนโค้งของโลก จะเริ่มบดบังแสงสว่าง
    จากดวงอาทิตย์ได้อย่างเหมาะเจาะพอดีอีกต่างหากด้วย ดังนั้นวันแรกแห่งการชำระความในกรณีชำระโลกครั้งใหญ่ ที่มนุษย์จะ
    สังเกตมายาได้ก็คือ ฟ้าจะเริ่มมืดสลัวลง ผิดปรกติ

    6. ดาวเคราะห์โลกจะค่อย ๆ ม้วนตัวก้มหัวเอาขั้วโลกเหนือ คว่ำลงแทนที่ตำแหน่งขั้วโลกใต้อย่างช้า ๆ โดยมีน้ำหนักจากขั้ว
    โลกเหนือที่ไหลลงสู่ด้านล่าง และก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ทางด้านขั้วโลกใต้ช่วยส่งเสริม กระบวนการทางเทคนิคนี้ให้แนบเนียน
    กลมกลืนยิ่งขึ้น เมื่อขั้วโลกเหนือย้ายตนเองไปสู่ขั้วโลกใต้แล้วก็จะค่อย ๆ พลิกม้วนตัวขึ้นเพื่อย้อนคืนสู่ตำแหน่งเดิมของตน
    ต่อไป โดยไม่ย้อนรอยเดิม แนวแกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ในยุคพลังงานใหม่ก็คือ 22 องศากับแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาล
    ใหม่ที่สมดุลให้กับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่แห่งโลกเสรี
    ระยะเวลาที่โลกม้วนตัวตีลังกาครบ 1 รอบ จะใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 30 วัน!

    7. คำกล่าวที่ว่า “น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว” จะเกิดขึ้นภายใน 7 ราตรี คือ 49 วันอันมีแต่กลางคืนนั่นเอง หมายความว่าทุก
    สิ่งทุกอย่างจะจมอยู่ใต้บาดาล ผู้ที่อยู่ใต้น้ำย่อมมองเห็นเหมือนน้ำท่วมท้องฟ้าและปลาจะแหวกว่ายอยู่ไปมา ทำให้คนที่จมอยู่ใต้
    น้ำแลประหนึ่งว่า ปลาจะกินดาวนั่นเอง

    8. ตึกสูงใหญ่ วัตถุเทคโนโลยีขยะ มนุษย์ขยะ สัตว์ประจำโลก ต้นไม้ใหญ่น้อย ภูเขาสูงชันและอื่น ๆ จะถูกชำระออกไปจาก
    ระบบ เพื่อลดจำนวนและน้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลกให้น้อยลง เพื่อสร้างสมดุลใหม่ให้กับดาวเคราะห์ดวงนี้

    9. สัตว์ประจำโลกบางชนิดจะสูญพันธุ์ เพราะพวกเขาหมดหน้าที่แล้ว โดยพระบิดาจะเรียกนำจิตวิญญาณพวกเขาทั้งหมด
    กลับคืน คือ กระต่าย และ หนู

    10. เมื่อครบ 49 วันหรือ 7 ราตรีแล้ว พระบิดาจะใช้น้ำฝนดั่งน้ำทิพย์ที่บริสุทธิ์ของพระองค์หลั่งลงมาเพื่อเก็บกวาดชำระล้างเศษ
    ซากทุกสิ่ง และชุบชีวิตให้กับจิตวิญญาณบุตรที่รักดีที่เหลือรอด
    ขั้นตอนการชำระความโดยสังเขป:
    1. ให้มีการ ชำระความ ก่อนวันชำระใหญ่ได้เรื่อย ๆ นับแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา
    2. การชำระความ กระทำโดยกลุ่มของช่างเทคนิค ผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้นในสนาม
    พลังงานดาวเคราะห์โลก จำนวน 20 เท่าของประชากรโลกที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์ในประเทศใดก็
    จะทำหน้าที่เป็นช่างเทคนิคเพื่อชำระความกับมนุษย์ในประเทศนั้น
    3. การชำระความของเจ้ากรรมนายเวรผู้เป็นช่างเทคนิค หมายถึง การแก้แค้นเอาคืนอย่างสาสมกับมนุษย์ที่เคยก่อกรรมด้าน
    ลบต่อพวกเขามาก่อน
    4. เจ้ากรรมนายเวร หมายถึง พี่ ๆ น้อง ๆ ของมนุษย์ในภพชาติปัจจุบันนี้เอง ที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการจองจำด้วย
    ความอาฆาต โกรธแค้นต่อมนุษย์ปัจจุบันที่เคยกระทำผิดคิดร้ายต่อพวกเขา โดยพวกเขาไม่ยอมไปผุดเกิดยังภพภูมิใด ๆ ได้แต่
    รอคอยโอกาสเพื่อติดตามแก้แค้นทวงคืนอยู่อย่างเดียว บางรูปธรรมได้จองจำมนุษย์ไว้นานร่วมสองหมื่นปีมาแล้วก็มี
    5. เจ้ากรรมนายเวร หมายถึง รูปธรรมทางพลังงานจิตวิญญาณของผู้ที่เคยเกิดเป็นมนุษย์ หรือ สัตว์ประจำโลก ที่เคยถูกมนุษย์
    ทำร้ายให้ทุกข์ทรมานอย่างทารุณ ด้วยการเข่นฆ่าเอาชีวิต และกินเลือดกินเนื้อพวกเขาอย่างเมามัน เช่น หมู เป็ด ไก่ ห่าน วัว
    ควาย และอื่น ๆ เป็นต้น
    6. วิธีการชำระความก็คือ การอยู่เบื้องหลังภัยธรรมชาติที่รุนแรง เพื่อจัดการกับมนุษย์ผู้เป็นบุคคลเป้าหมายที่จะเอาความของ
    พวกตนเช่น การโอบอุ้มน้ำฝนไปถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อก่อให้เกิดอุทกภัยที่รุนแรงต่อมนุษย์ในเป้าหมายชำระของพวกตน การ
    ร่วมกันทำให้เกิดฟ้าฝ่าบุคคลเป้าหมาย การทำให้เกิดลมพายุพัดถล่มซ้ำ การทำให้เกิดคลื่นยักษ์ การทำให้เกิดแผ่นดินไหว
    ด้วยการใช้เสียงดังของฟ้าฝ่าในระดับ 30 เดซิเบลขึ้นไปเพื่อเป็นเงื่อนไขให้เกิดการสั่นสะเทือนนั้น การผลักเคลื่อนตัวของรอย
    แยกของเปลือกโลกอันเกิดจากการระเบิดในใจกลางโลก การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่รุนแรง และการระเบิดของภูเขาไฟ
    ในสถานที่ ๆ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    7. ชำระความด้วยเสียงอันดัง เพื่อทำลายประสาทหูและใช้พลังงานด้านลบที่เข้มข้น เพื่อทำลายสติและเอาชีวิตมนุษย์เป้าหมาย
    นั้นในฉับพลัน
    8. ชำระความมนุษย์ด้วยโรคระบาดร้าย ๆ ที่มากับน้ำเน่าเสีย เช่น อหิวาตกโรคชนิดใหม่ที่มนุษย์ต้องตายภายใน 6 วันหลังการ
    ได้รับเชื้อนั้น หรือภัยร้ายจากเชื้อโรคพันธุ์ใหม่ชื่อ Virusteria ที่มนุษย์โลกไม่เคยรู้จักซึ่งสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วกว่า
    เชื้อโรคชนิดใด ๆ บนโลกใบนี้
    9. ชำระความด้วยความอดอยากหิวโหย ไม่มีที่อยู่ ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีอาหารบริโภค เพราะน้ำท่วมเสียหายหมด และไม่มีใคร
    ช่วยเหลือใครได้เพราะต่างต้องประสบเคราะห์กรรมโดยทั่วหน้ากัน
    10. ช่วงเวลาแห่งการชำระความครั้งใหญ่ จะใช้เวลานานถึง 7 ราตรี โดยที่ 1 ราตรี หมายถึง การที่โลกจะปกคลุมไปด้วยความ
    มืดมิดคือ มีแต่กลางคืนติดต่อกัน 7 วันเต็ม ๆ ขณะที่ภัยธรรมชาติที่วิปริตแปรปรวนอันเกิดจากน้ำมือของช่างเทคนิค เป็น
    ผู้กระทำอยู่เบื้องหลังจะรุกกระหน่ำเอาความกับมนุษย์อย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้จะปิดตาก็แลเห็นจะปิดหูก็ได้ยิน ทั่วทั้งแผ่นดินจะ
    เจิ่งนองไปด้วยน้ำ บอบช้ำไปด้วยพายุถล่ม แผ่นดินถล่ม และตึกสูงใหญ่ที่ถล่มทลายลงมากองเป็นภูเขาเลากา ท่ามกลางเสียง
    หวีดกรีดร้องของมนุษย์กับเจ้ากรรมนายเวร ประสานเสียงกันอย่างบาดหัวใจ
    11. แผ่นดินบางแห่งจะลุกเป็นไฟ เพราะแสงเพลิงและสายธารของลาวาจากใต้โลก บางแห่งจะยุบตัวลงกลืนเมืองลงไปทั้งเมือง
    แล้วราดทับด้วยเปลวถ่านร้อน ๆ ของลาวาอย่างน่าพรั่นพรึง
    12. แผ่นดินจำนวนมากจะถูกกลืนหายไปใต้แผ่นน้ำ และมหาสมุทรอย่างถาวร เพราะคลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว และแรงดูดดึงจาก
    ใต้สมุทรจนทำให้เกาะน้อยใหญ่ไม่แตกกระจาย ก็จะจมหายลงไปใต้ผืนทะเลตลอดกาล

    ( แหล่งที่มา หนังสือ 56 วัน 7 ราตรี ปฎิบัติการชำระโลก สู่ยุคพลังงานใหม่ ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลโดย อาจารย์
    ปริญญา ตันสกุล )


    หมายเหตุ
    ที่วัดพระนอน เมืองแพร่มีการค้นพบคัมภีร์ภาษาโบราณชุดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าได้เขียนไว้ในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2
    ( พ.ศ. 2310) เมื่อนำมาแปลโดยพระครูนิภัทร กิจอาทร ปรากฎว่าเป็นเรื่องของคำทำนายชะตาของโลก ตรงกับเหตุการณ์ที่
    เกิดขึ้นในปัจจุบันและตรงกับคำทำนายของนอสตราดามุส มีใจความบางตอนดังนี้:

    “น้ำจะท่วมฟ้า”

    “ปลาจะกินดาว”

    “มนุษย์จะรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ จะเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น มนุษย์จะสามารถ ขี่ลม ไปได้ในพื้นที่และอากาศมีรอยเหมือนงู ในที่ต่ำจะ
    ถูกถมให้สูง ในที่สูงจะถูกขุดแผ่นดินให้ราบเรียบ”

    “ชนชาติผิวขาวจะย่นย่อระยะทางให้สั้นเข้า โลกจะเล็กลง คนพูดทางไกล แสนไกลจะได้เห็นหน้ากันและกัน โลกจะมีตาทิพย์หู
    ทิพย์ เสียงทิพย์ บนท้องฟ้าจะมี ลูกไฟ พุ่งเข้าหากันผู้คนจะพกพา อสรพิษติดกายไว้ต่อสู้ เพราะ อวิชชา”

    “โจรผู้ร้ายตา 2 ชั้นจะนำพิษมาทำลายโลกมนุษย์ ผู้หญิงจะกลายเป็นผู้ชาย ผู้ชายจะกลายเป็นผู้หญิง”

    ( แหล่งที่มา หนังสือมังกรจักรวาล 2 ตอนเทพอวตาร โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย )
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    แผ่นดินไทยที่สาบสูญ

    บริเวณที่หายถาวรทั้งแผ่นดิน นราธิวาส สตูล พังงา ภูเก็ต หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะ ตะรูเตา หมู่เกาะทะเล
    ตรัง ตราด เกาะช้าง หมู่เกาะทะเลตราด เกาะสมุย เกาะพงัน หมู่เกาะอ่างทอง ชะอำบริเวณที่เหลือเพียงบางส่วน แต่จะ
    กลายเป็นเกาะเล็กๆเกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล-ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี-ชุมพรบริเวณที่หาย
    เป็นส่วนใหญ่ จะเหลือเพียงบางส่วนยะลา หาดใหญ่ พัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี
    มุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี สมุทรปราการ อุบลราชธานี แผ่นดินริมแม่น้ำโขงตลอดแนว
    กาญจนบุรี ฯลฯ

    ประเทศไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่พื้นที่ในส่วนภาคกลางอันเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และบริเวณในส่วน
    ของภาคใต้ที่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกาะใหญ่ๆ ได้แก่

    1. บริเวณตั้งแต่ชุมพรฝั่งตะวันตก ท่าแซะ ระนอง สุราษฎร์ธานีฝั่งตะวันตก บริเวณด้านบนของอำเภอพนม อ.เทียนชา อ.
    บ้านนาเดิม นครศรีธรรมราชตอนบน ขนอม

    2. บริเวณตั้งแต่จังหวัดกระบี่ นครศรีธรรมราช ที่ต่อแดนกับจังหวัดกระบี่ด้านบน ฉวาง ร่อนพิบุลย์ ชะอวด จังหวัดตรังด้าน
    ตะวันออก จังหวัดพัทลุงด้านตะวันตก หาดใหญ่ จังหวัดยะลา ด้านตะวันตกนอกจากนี้ยังมีเกาะเล็ก เกาะน้อยที่เกิดขึ้นมา
    ใหม่อีกหลายเกาะ ได้แก่เกาะสัตบ เกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล-ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี-
    ชุมพร

    บริเวณที่จะกลายเป็นพื้นที่ติดกับทะเล
    ดินแดนที่จะมีอาณาเขตติดกับทะเล ได้แก่ สงขลาทางด้านตะวันตก ยะลาทางด้านตะวันออก หาดใหญ่ กระบี่ตอนบน ด้าน
    ที่ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และด้านที่ติดกับจังหวัดพังงา ตอนกลางของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ อ.พนม อ.เคียงซา
    จรดเขตจังหวัดกระบี่ ชุมพรด้านใน ท่าแซะ ตอนล่างของเมืองประจวบคีรีขันธ์ และถนนเพชรเกษมฝั่งตะวันออกตลอดแนว
    ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถนนชลบุรี-ปากท่อ ช่วงสมุทรสงครามและสมุทรสาคร ตัวเมืองแปดริ้ว บ้านค่ายปลวกแดง จ.
    ระยอง ตัวเมืองจันทรบุรี และตลาดท่าใหม่วังน้ำเย็น จรด จ.สระแก้ว เหนือเขื่อนเขาแหลมด้านตะวันตก กาญจนบุรี ศรีสะ
    เกษ อุบลราชธานี มุกดาหาร สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย อำนาจเจริญ บ้านร่มเกล้า จังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์
    ด้านที่ติดกับประเทศลาว น่าน ด้านตะวันออกตอนล่าง บ้านสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะกลายเป็นดินแดนชายฝั่งทะเล !ประเทศไทยเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะได้รับการปกป้อง คุ้มครอง
    รักษาไว้ ซึ่งจะได้รับความบอบช้ำจากมหันตภัยธรรมชาติน้อยที่สุดในโลก และจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำซึ่งมีความเจริญเป็น
    ศูนย์กลางของโลกต่อไป
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในต่างประเทศ

    เหตุการณ์ในต่างประเทศเกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกคลื่นยักษ์ที่มาพร้อมกับพายุไซโคลนกระหน่ำ ทั้งเกาะจะถูก
    ลบหายไปจากแผนที่โลก

    พิลิปปินส์ ถูกพายุไซโคลนกระแทก ก่อนเกิดเหตุจะแลเห็นน้ำทะเลเป็นสีดำหม่นหมอง บรรยากาศหดหู่ เวิ้งว้าง ไม่นานนัก
    จะเกิดพายุไซโคลนก่อตัวขึ้น พายุไซโคลนที่รุนแรง ข้างล่างดูด ข้างบนตี กระแทก จนกระทั่งเกาะทุกเกาะจมหายลงไปใน
    ท้องทะเล

    ไอแลนด์เหนือและใต้ อากาศหนาวจัด อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในขนะเดียวกันจะถูกคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ ในขณะที่
    หนาวจัดนั่นเอง

    ฮ่องกง ถูกทะเลคลั่ง น้ำทะเลสูง ชินจุงจะหายถาวร เกาะสนามบินแห่งใหม่ จะถูกคลื่นตีแตกหายไปในทะเล ในบริเวณแถบ
    นั้นจะเหลือแต่เพียงเกาะเกาลูน และประเทศจีนบางส่วนเท่านั้น
    เกาะมาเก๊า เผชิญพายุฝนอย่างหนัก รวมทั้งคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ จนกระทั่งเกาะทรุดเอียง น้ำทะเลขึ้นสูง ยามรุ่งเช้า
    หลังจากพายุสงบ จะเหลือเพียงโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งกับบาทหลวง ที่กำลังสวดมนต์ภาวนาเพียง 3 รูปเท่านั้น

    นิวซีแลนด์ถูกพายุโซนร้อนถล่ม ฝนที่ตกลงมาจะมีเม็ดโตเท่าลูกเห็บ น้ำท่วมสูงแต่เกาะจะไม่สูญหายถาวร

    สหรัฐอเมริกาจะถูกพายุที่รุนแรงถล่มอย่างหนักหน่วง พร้อมทั้งเกิด แผ่นดินไหวฉับพลัน 24 ริกเตอร์ เป็นระยะเวลานานถึง
    8 ชั่วโมง ซี่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกนี้ อเมริกาจะถูกแบ่งออกเป็นสองซีก กลายเป็นเกาะ 2 เกาะ นิวยอร์กจะทรุดตัว
    เหลือเพียงบางส่วน นอกนั้นจะจมหายลงไปในท้องทะเลจนหมดสิ้นตุรกี แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง 16 ริกเตอร์

    คิวบา จมหายลงไปใต้ทะเล ( ห่างจากอเมริกา 10 นาที )

    เกาะสิงคโปร์ หายไปจากแผนที่โลก เนื่องจากถูกพายุไซโคลนกระแทกอย่างหนักอินโดนีเซียถูกพายุไซโคลนกระแทก
    จนกระทั่งหายไปจากโลก
    เหมือนเช่นที่ ปิลิปปินส์ จะเหลือเพียงเกาะเล็กๆ ในส่วนที่เคยเป็นยอดเขาของกรุงจากาต้าเท่านั้น

    เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่น้ำกลายเป็นทะเล แผ่นดินซีกตะวันออกจะจมหายไปทั้งหมด เกาหลีใต้จะ
    จมหาย

    ประเทศญี่ปุ่นหายไปจากโลก
    ก่อนเกิดเหตุจะมีบรรยากาศเงียบงัน วังเวง หดหู่เวิ้งว้าง มนุษย์จะเห็นเหตุการณ์ประหลาด เมฆสีเทาก้อนใหญ่ 2 ก้อน
    ลอยเคลื่อนตัวเข้าหากัน แล้วชนกันแตกกระจายเป็นฝนเม็ดโตๆ ใต้ทะเลเกิดคลื่นไซโคลนขยายตัว พุ่งเข้าหาหมู่เกาะ จะ
    กระแทกทุกเกาะเหมือนล้อมรั้ว เกาะทุกเกาะจมหายลงไปในทะเล

    ไต้หวัน เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ตอนกลางเกาะถูกแบ่งออกเป็นสองซีก จากนั้นจะโดนคลื่นยักษ์กระหน่ำซ้ำเติม เกาะ
    ทั้งเกาะจะจมหายไปแผ่นดินที่สาบสูญ

    สหรัฐอเมริกา ( แผ่นดินถูกผ่ากลางหายสาบสูญไปหลายรัฐ กลายเป็นเกาะ 2 เกาะ ) เม็กซิโก ( บางส่วนจะกลายเป็นเกาะ
    ) แคนาดา ( จะกลายเป็นหมู่เกาะใหญ่ น้อยมากมาย ) ไต้หวัน ญี่ปุ่น กัวเตมาลา เม็กซิโกซิตี้ เบนนิส ฮอนดูลัส เอล
    สวาดอร์ นิคารากัว คอสตาริก้า ไหหลำ แผ่นดินจีนด้านตะวันออก เซี่ยงไฮ้ มาเก๊า พิลิปินส์ ศรีลังกา ฯลฯ

    วิกฤตการณ์เลวร้ายน่าหวาดหวั่นจะบังเกิดขึ้นทั่วโลก ความหวาดกลัวไม่จำเป็นจะต้องรับรู้ผ่านหน้าจอทีวี เพราะมนุษย์ทุก
    คนบนโลก จะได้รับรู้รสชาติแห่งความกลัวตายทุกคน
    !!มนุษย์ที่รอดชีวิตไปได้จะเข้าสู่ยุคใหม่จะมีจิตใจที่ดีงาม และมีอายุขัยที่ยืนยาวจนน่าประหลาดใจ มีอารยธรรเจริญก้าวหน้า
    โดยที่มิได้สร้างเทคโนโลยี่ที่ก่อปัญหา ให้กับโลกมากมายเช่นในปัจจุบัน
    นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสื่อสาร กับเพื่อนมนุษย์จากต่างดาวได้ ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันบางคนก็ไม่เชื่อว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง
    ก็ตามประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของโลก และเป็นประเทศแรกที่มีผู้สร้างยานอวกาศไปท่องจักรวาลได้ เป็นแห่งเดียว
    ของโลก โดยใช้พลังจิตในการขับเคลื่อน โดยที่ไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้ ให้เกิดพลังงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และ
    ทรัพยากรธรรมชาติของโลก ให้เสียหายอย่างเช่นในปัจจุบัน

    นอกจากนี้ต่อมไพนีล หรือตาที่ 3 ของมนุษย์ จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนสามารถเข้าถึงสภาวะ
    นิพพานได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีตในระยะเวลาไม่นานนัก ( ภายใน 6 ปี )
    พระศรีอริยะเมตไตรยจะเปิดเผยพระองค์ เพื่อปลอบประโลมสร้างขวัญกำลังใจให้กับมวลมนุษยชาติ ที่มีความบอบช้ำทาง
    จิตใจ ซึ่งในขณะนี้พระองค์ท่านได้เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์แล้ว กำลังเป็นสามเณรในพุทธศาสนา และพระองค์ได้มาปรากฎ
    ที่ประเทศไทยนี่เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...