พุทธวจนะ พระพุทธศาสนามหายาน42บท ตอน ความเป็นภิกษุ
บทแปล ธรรมบท 42 บท จากภาษาอังกฤษซึ่งเขียนโดย ศาสตราจารย์ จอร์น โบเฟลด์ (John Blofeld) พระคณาจารย์จีนเย็นบุญมอบให้ผ่านความทรงจำที่ฮ่องกง
พระสูตรพุทธวจนะ42บทนี้ แพร่หลายเลื่องลือมาก ทั้งในโลกตะวันตกและในประเทศจีน เป็นพระสูตรแรกที่มีการแปลสู่ภาษาจีน เมื่อราวพ.ศ.612 พระเจ้าเม่งเต้ แห่งราชวงศ์ฮั่น ทรงสุบินว่าได้เห็น ปฏิมากรทองคำขนาดใหญ่ลอยมาจากสวรรค์ เมื่อมาถึงพระราชวัง ปฏิมากรนั้นก็หยุดแต่ยังคงแกว่งไปมา พระเศียรของปฏิมากรนั้นมีรัศมีสว่างไสว ข้างกายมีพระอาทิตย์และพระจันทร์ พระองค์ก็ตกใจตื่นขึ้น จึงให้อมาตย์โหรา มาพยากรณ์ อมาตย์โหรา กราบทูลว่า เป็นเรื่องมหามงคล พระปฏิมากรนั้นคือ พระพุทธรูปฉายาลักษณ์ของพระพุทธเจ้าในอินเดีย พระเจ้าเม่งเต้เคยได้ยินเรื่องราวของพระพุทธศาสนามาบ้าง ก็ยินดี และได้จัดขบวนราชบุรุษ 18 คน ให้เดินทางไปอินเดียเพื่ออัญเชิญพระพุทธศาสนาเข้ามา เมื่อคณะราชบุรุษกลับมาได้อัญเชิญพระธาตุ, พระไตรปิฎก มาเป็นอันมาก ในครั้งนั้นยังได้อัญเชิญ พระภิกษุ 2 รูปมายังประเทศจีนด้วย คือพระกาศยปมาตงค และพระโคภรณ (หรือที่เรียกว่าธรรมรักษ์) พระเจ้าเม่งเต้ ทรงสร้างวัดชื่อว่า วัดม้าขาว ขึ้น ณ นครลกเอี๋ยง อันเป็นวัดแห่งแรกในประเทศจีน เพื่อประดิษฐาน พระธาตุ พระไตรปิฎก พระสูตรต่างๆ อีกให้พระภิกษุทั้งสองได้จำพรรษา และแปลพระสูตรด้วย (ชื่อวัดม้าขาวเนื่องมาจาก พระเจ้าเม่งเต้ได้แสดงความเคารพนอบน้อมต่อ สิ่งซึ่งคณะราชบุรุษนำมา โดยให้บรรทุกมาบนหลังม้าสีขาวที่จัดว่าดีที่สุด จึงให้ชื่อวัดนั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าวัดม้าขาว)
พระพุทธวจนะ 42 บท
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ท่านได้ส่องให้เราได้เห็นภาพว่า “การละทิ้งความปรารถนาและการหยุดนิ่ง ในภาวะสงบอย่างแท้จริง คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การคงอยู่ในภาวะนามธรรมอันสมบูรณ์ คือวิธีการเอาชนะวิถีแห่งมารทั้งหลาย” ณ.ที่ วิหารสวนกวาง (เชนตะวันมหาวิหาร) ท่านได้อธิบายถึง หลักธรรมความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ซึ่งสามารถทำให้พราหม์ อาชญาตเกาณ์ฐินย (อัญญโกนฑัญญ)และพวกอีก 4 ท่านบรรลุผลของธรรมวิถีนี้และได้อุทิศตนเป็นสาวก ยังมีพระสงฆ์อีกจำนวนหนึ่งที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ และกราบทูลถามพระพุทธเจ้าเพื่อให้คำสอน และวิถีปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาของพวกเขา ด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะปฏิบัติ จนถึงกับที่พระพุท ธเจ้าทรงสอนสั่งพวกเขาตัวต่อตัว จนกระทั่งพวกเขาสามารถบรรลุความรู้แจ้งได้สำเร็จ พวกเขาได้ตงลงร่วมมือกันอุทิศตนรับคำสั่งจากพระพุทธเจ้าเพื่อเผยแพร่ธรรมวิถีปฏิบัติอันศักดิ์สิทธิ์นี้
1 พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า พวกเขาทั้งหลายผู้ซึ่งละทิ้งจากครอบครัว และหันมาใช้ชีวิตแบบภิกขาจาร (ไร้บ้าน,ขอเขากิน) พวกเข้าจะรู้ถึงธรรมชาติในจิตของของตนเป็นอย่างดี และสามารถเข้าถึงสิ่งที่เป็นมูลฐาน ด้วยเหตุนี้ การปลีกตัวจาก (สิ่งปรากฏต่างๆ และบรรลุสู่) การไม่รับรู้ด้วยประสาทสัมผัส จะเรียกว่า “ศรมน”(สมณะ) พวกเขาเหล่านั้นจะปฏิบัติตามศีล 250 ข้อ(สิกขาบทมหายานเพิ่มไปอีกจาก๒๒๗ข้อ) เพื่อเข้าสู่และคงอยู่ในภาวะสงบอย่างแท้จริง หลังจากผ่านการปฏิบัติธรรมทั้ง 4 ขั้นตอนแล้ว พวกเขาจะกลายเป็นพระอรหันต์ ผู้ซึ่งครอบครองพลังที่ทำให้ตนล่องลอยอยู่ในอากาศและพลังในการเปลี่ยนแปลงสภาพได้ ตลอดจนความสามารถในการยึดอายุเป็นระยะเวลายาวนานไม่สิ้นสุด และสามารถอาศัยหรือโยกย้ายไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นโลกสวรรค์หรือโลกมนุษย์ ขั้นที่ต่ำกว่าขั้นพระอรหันต์ คือ อนาคามี ผู้บรรลุขั้นนี้ เมื่อถึงยามบั้นปลายชีวิตจะมีอำนาจทางวิญญาณ เพื่อเข้าสู่สวรรค์ชั้น 19 และบรรลุเป็นพระอรหันต์ สำหรับผู้บรรลุธรรมขั้น สกริทคมิน(สกทาคามี) ผู้ซึ่งจะต้องขึ้นไปอีกก้าวหนึ่ง และต้องเวียนว่ายตายเกิด มากกว่าครั้งหนึ่งก่อนที่จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ ยังมีผู้บรรลุธรรมอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือ สโรตา-อปน( โสดาบัน) คนเหล่านี้จะยังไม่สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ จนกว่าจะผ่านการเวียนว่ายตายเกิดในสัมสารามากกว่า 9 ครั้ง (ตามคัมภีร์ดั้งเดิมของจีน กล่าวว่า 7 ครั้ง ไม่ใช่ 9 ครั้ง) ลงมาอีกขั้นคืออารย ผู้ที่สามารถจะละทิ้งจากความอยากได้ และความปรารถนาของตนได้ เปรียบได้ดังคนที่ไม่มีอนาคตในการใช้ประโยชน์จากกิ่งแขนงอีกต่อไป (กล่าวตาม สำนวนวรรณคดี “ได้ตัดกิ่งแขนงของตนไป” ไม่ใช้มันอีกต่อไป”
พุทธวจนะ พระพุทธศาสนามหายาน42บท ตอน ความเป็นภิกษุ
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 30 พฤษภาคม 2016.