พุทธวจน-เราเป็นใคร-มาจากไหน-ในเมื่อตัวเราไม่ใช่เรา จิต ก็ไม่ใช่เรา..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ใครบรรลุธรรม, 3 มีนาคม 2019.

  1. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    แล้วคุณเห็นตถาคตไหมครับหรือเห็นแต่ไม้ตะพตผมมาเก็บขยะอย่างคุณครับมันทำไห้รกห้องอภิญญา อามิตตาพุต
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    [๒๓๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อหน่ายบ้าง
    คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี การเกิดก็ดี การตายก็ดี ของร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ย่อมปรากฏ ปุถุชนผู้มิได้สดับจึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายนั้น แต่ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้างปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิต เป็นต้นนั้นได้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าจิตเป็นต้นนี้ อันปุถุชนมิได้สดับ รวบรัดถือไว้ด้วยตัณหา ยึดถือด้วยทิฐิว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา ดังนี้ ตลอดกาลช้านานฉะนั้น ปุถุชนผู้มิได้สดับ จึงไม่อาจจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตเป็นต้นนั้นได้เลย ฯ

    [๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเข้าไปยึดถือเอาร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูต ๔ นี้ โดยความเป็นตน ยังชอบกว่า แต่จะเข้าไปยึดถือเอาจิตโดยความเป็นตนหาชอบไม่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะร่างกาย
    อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ ปีหนึ่งบ้าง สองปีบ้าง สามปีบ้าง สี่ปีบ้าง ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง สามสิบปีบ้าง สี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปีบ้าง ร้อยปีบ้าง ยิ่งกว่าร้อยปีบ้าง ย่อมปรากฏ แต่ว่าตถาคตเรียกร่างกายอันเป็น
    ที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้นดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ฯ

    [๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วานรเมื่อเที่ยวไปในป่าใหญ่จับกิ่งไม้ ปล่อยกิ่งนั้น ยึดเอากิ่งอื่น ปล่อยกิ่งที่ยึดเดิม เหนี่ยวกิ่งใหม่ต่อไป แม้ฉันใด ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ
    บ้าง จิตเป็นต้นนั้นดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน
    ก็ฉันนั้นแล ฯ

    [๒๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้สดับ ย่อมใส่ใจโดยแยบคายด้วยดีถึงปฏิจจสมุปบาทธรรม ในร่างกายและจิตที่ตถาคตกล่าวมานั้นว่า เพราะเหตุดังนี้ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี
    สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารเพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูปเพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทวทุกข-
    *โทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้อนึ่ง เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับวิญญาณจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ

    [๒๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ มาพิจารณาอยู่อย่างนี้ย่อมหน่ายแม้ในรูป ย่อมหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัดเพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้วย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
    กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
    ดังนี้แล ฯ
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ลองพิจารณาความหมายของตัวอักษรสีแดงค่ะ

    แต่ตถาคตเรียกร่างกายนี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง

    จิต ก็หมายถึง จิตสังขารที่ปรุงแต่งดีชั่ว

    มโน คือ จิตใจ คือ อารมณ์รู้สึก ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "ใจเป็นใหญ่ สำเร็จได้ด้วยใจ"

    ส่วน ...วิญญาณ ก็คือ ผู้รับรู้ หรือ การรับรู้แจ้งผัสสะทางอายตนะ เป็นการรับรู้อารมณ์

    สามสิ่งรวมตัวกันประชุมเป็น ขันธ์ห้า ก็คือ ร่างกาย

    และตอนท้ายตรงสรุปว่า แม้เบื่อหน่ายในรูป เบื่อหน่ายในเวทนา เบื่อหน่ายในสัญญา เบื่อหน่ายในสังขาร เบื่อหน่ายในวิญญาณ

    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัดเพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้วย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี

    พิจารณาความหมายของตัวสีแดงดี ๆ ค่ะ การเบื่อหน่ายในขันธ์ห้า ขันธ์ห้า ก็คือ จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง นั่นเอง เมื่อไม่เที่ยง ย่อมหลุดพ้น พรหมจรรย์อยู่จบ กิจที่ทำทำเสร็จแล้ว กิจอย่างอื่นไม่มี

    และความหมาย กิจที่ทำทำเสร็จแล้ว ความหมายคือนัยยะอะไร?

    จิตยิ้มจะเคยกล่าวถึงสิ่งนึ้เอาไว้ ว่าองค์ธรรมิกราชาสื่อถึงคืออะไร?

    และอะไรล่ะ ที่เป็นการหลุดพ้น สิ่งใดหนอหลุดพ้นนะค่ะ

    พิจารณาดูดีดีนะค่ะ อยากจะถกกับผู้เรียนอธิธรรมระดับสูงจังเลยค่ะ เพราะจะได้รู้ไปด้วย
     
  4. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    มีตั้งหลายพระสูตร ที่พูดเรื่องจิต บ้างอ่านแล้วขัดแย้งบ้างอ่านแล้วอือใช่ แต่ผมว่าเขาคงแปลไม่ผิดหรอก คงอยู่ที่ใครจะหยิบมาใช้ แต่ใช้เพื่ออะไรคงอยู่ที่ผู้นั้นนะ ถ้าเพื่อความหลุดพ้นจริงๆคงสมปรารถนาแต่ถ้าหวังเพื่ออะไรที่ไม่เกี่ยว ก็คงสมปราถนาแต่ที่ไปคงไม่น่าจะเหมือนกัน อย่างที่สุด
     
  5. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ส่วนตัวรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นว่าจิตไม่เป็นเราต้นเหตุคงมาจากความทุกข์ ที่ยิ่งยวด แต่ในขณะเดียวกันจิตที่เป็นเราคงเพราะขณะนั้นยังมองไม่เห็นทุกข์ จนกว่าจะเห็นจริงๆ ว่าจิตคืออะไร จึงจบ
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ค่ะ เข้าไปอ่านหาข้อมูลในพันทิป คนเรียนอภิธรรมยังตีและแปลความหมายไปแตกต่างกันตามกำลังสติปัญญาของตน ยังเถียงกันในพระสูตรเดียวกันเลยค่ะ แต่ที่จิตยิ้มไปอ่านคนเรียนอภิธรรมมายังตีความหมายผิดเลยค่ะ

    แต่ที่จิตยิ้มรู้นี้มิใช่ตนเองเก่งหรอกนะคะ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่สิ่งที่ตนเองได้รับรู้ธรรมโลกุตระ และการสื่อขององค์ธรรม แต่ไม่ได้สื่อมาหาจิตยิ้มหรอกนะคะ แต่ได้รับรู้ผ่านอายตนะของตน และการเกิดขึ้นมาตามเหตุปัจจัยนะคะ ก็เลยเข้าใจได้เพราะเป็นสัจธรรมเบื้องหลังมิติโลก คนที่ได้องค์ฌานระดับสูง น่าจะเข้าใจได้เกี่ยวกับพลังจิต ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงนะค่ะ
     
  7. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ทำไปคับสักวันต้องรู้ความจริง
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ที่จริงแล้ว การพบสัจธรรมนั้นเป็นแค่ จุดเริ่มต้นของจุดเป้าหมายแค่นั้นค่ะ ถ้ายุคนี้ใครสร้างเหตุไว้ตรงทางได้แน่นอน
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    การปฏิบัติตามมรรค 8 หรือการหมุนธรรมจักรในตนเอง ที่ได้กล่าวไว้ว่า แก่นแท้อนัตตา เร้นอยู่ในร่างกายของเรา ที่เราต้องหมุนธรรมจักรให้เป็นแล้ว ส่วนใหญ่ที่เราจะสะดุดกันตรง ความรู้สึก คือ ตัวเวทนา กันนี่แหละค่ะ และพระพุทธองค์ก็ทรงตรัสไว้ว่า ทรงมีอุบายการหลุดพ้นตรง "เวทนา"

    เพราะเมื่อรับรู้สิ่งใดแล้ว มีการนำการรับรู้ไปปรุงแต่ง ก็ไปทำลายความสุขสงบ หรือความอิ่มเอิบเบิกบานที่มีอยู่แต่เดิม อารมณ์หยาบ ๆ รายวันล้วนเกิดจากสาเหตุนี้ทั้งสิ้น ก็คือ เมื่อเกิดความรู้สึกอันเกิดจากการปรุงแต่งแล้ว ตัณหาจะตามมาทันที

    แต่ที่พูดก็เพื่อวัตถุประสงค์ของ จขกท ค่ะ ว่า ตัวเรามาจากไหน? ถ้าผู้ที่ทำการสืบทอดพระศาสนาเข้าใจได้ ก็น่าจะเป็นการรอบรู้ได้ และเป็นประโยชน์ได้ทีเดียวเลยค่ะ เสียดายจิตยิ้มไม่มีความสามารถ ได้แต่อยากบอกให้คนอื่นรู้และลองพิจารณาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2019
  10. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อย่างน้อยที่สุดเราทุกคนก็สนใจที่จะเรียนรู้และค้นหาจะด้วยอะไรก็ยังเจือไว้ด้วยธรรมทั้งสิ้น แต่ผลลัพธ์ที่ว่าคงเป็นเรื่องของบุคคล ส่วนตัวยอมรับว่ายึดติดแต่จำเป็นจึงต้องยึดไม่อย่างนั้นคงไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ คงมีแต่อกุศลกรรม คนผิดอาจเป็นเราก็ได้แต่ที่ๆเรียกว่าอิสระ คือ เชื่อในสิ่งใดก็ทำตามนั้น เพราะทุกพระธรรมไม่เคยบังคับให้ใครเป็น ถ้าชอบก็ลองนึกดูสิว่ากว่าพระศาสดาจะตรัสรู้ได้ต้องผิดเท่าไหร่ และพระขีณาสพคู่บารมีท่านทุกพระองค์ทุกรูปต่างผิดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตัวอย่างเช่น พระมหากัสสับปะ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    แต่..จิตยิ้มโดนหนัก บางคนว่า... ช่างเถอะ...พลังบวกดีกว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก

    images (7).jpeg
     
  12. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อันนี้ไม่รู้ รู้แต่มองที่ตัวเองก่อนเสมอว่าดีหรือแย่อย่างไร รู้แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะสูงกว่าหรือต่ำต้อย มันคือจุดแต่ละจุดที่ต้องผ่านไปจริงๆ ไม่สำคัญว่าใครจะมารักมาชอบ สำคัญที่เมื่อทุกสิ่งผ่านเข้ามาแล้วเราเรียนรู้อะไร ถ้าจะสมมุติว่าทุกสิ่งเหมือนกระจกก็ทำได้ คงทำได้จริงด้วยสติว่า เมื่อเห็นเขามันกระทบแล้วรับรู้อย่างไร เห็นอะไรในตัวเรา เห็นเพียงความชอบหนือเห็นเพียงความเกลียด ก็คงสะท้อนถึงตัวเราและจิตใจเรา ณ ขณะนั้น คงมีเท่านี้ เมื่อมีลมหายใจก็ใช้ไปให้คุ้ม ถ้าเลือกทางที่ชอบที่ควรแล้วทำไป ผลลัพธ์ก็ตามที่กล่าวไป ไม่มีใครกำหนดให้ได้ เพราะเรานั่นแหละกำหนดตัวเองคับ
     
  13. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต

    มันก็คล้ายกับ

    บุคคลพ้นทุกข์ได้ด้วยความเพียร

    ต้องถามต่อว่าธรรมประเภทไหน
    หรือความเพียรประเภทไหน

    มันเป็นคำกล่าวที่กว้างมาก..
     
  14. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ถ้ามนุษย์เทียบกับมนุษย์ยังพบข้อแตกต่างมากมายแต่ในทางความเป็นจริงความแตกต่างของมนุษย์ไม่เป็นอุปสรรคของการเรียนรู้ธรรม เพราะอะไร คิดเอาเอง ถ้ายกภาษาก็คงมีแต่มนุษย์ที่ใช้และมี ทั้งภาพทั้งเสียง ส่วนสัตว์อื่นมีอุปสรรคมากเพราะโอกาสในการรู้แตกต่างกันมาก เป็นมนุษย์ดีแล้ว อย่าเป็นเลยปลาทอง ปล่อยให้คนที่ยังไม่เคยเป็นเขาเป็นเถอะ
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ผมว่าเห็นได้ทุกคน อยู่ที่เขามีอะไรเป็นเครื่องกั้น ธรรมทุกบทมีไว้ทำลายเครื่องกั้นนั้น มากน้อยคงขึ้นอยู่กับเขา
     
  16. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ก็ท่านนิวรณ์ไง..อิอิ
    สงสัยชื่อนี้ตายไปแล้วค๊าบ...
     
  17. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อันนี้เห็นด้วยครับ...
     
  18. ศิษย์โง่ Version 3

    ศิษย์โง่ Version 3 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +159
    จิ ยิ้ม ฮับ

    ถามอะไรหน่อยจิ
    อ่านแล้วงงหงะ
    อธิบายให้หน่อยฮับ

    1 จิ ยิ้ม รู้จักพระสูตร นิพพาน ไม่ใช่ที่เที่ยวของปุถุชน ได้ใช่มะ แล้ว จิ ยิ้ม ไปรับรู้โลกุตระธรรมได้ไง

    2. รวมกับความว่างเดิม ของจักรวาลไปแว้ว คือนิพพานอะนะ
    แล้วองค์ต้นธาตุองค์ไหน แหวก ออกมาจากนิพพานมาสื่อกะจิ ยิ้ม ได้อะ
    เพราะถ้าแหวกออกมาได้ นับ เกิด ดับ ได้เลยนะ
    นิพพานไม่เกิด ไม่ดับนะ

    3. จิ ยิ้ม รู้จักพระอนุรธะมะ
    เป็นพระอริยะไปแระ ส่องดูโลกธาตุเล่นๆ
    ต้องโดนติเตือน ว่าอะไร ถึงเลิกส่องดูโลกธาตุ?


    4. จิ ยิ้ม อายุเท่าไรแระ ส่องเพลิน ๆ ก็อย่านานนักละ



    งง แค่นี้แหละ ขอเฉลยหน่อยจิ
     
  19. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    ปรากฏว่า..สัตตานัง..ก็ไม่ใช่เราอีกครับ มันคืออุปทานขันธ์5 ครับ
     
  20. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    ราคะ-ตัณหา-การเพลินติด-ละนันทิ-ล้วนเป็น อุปทานทั้งสิ้นที่เกาะติดขันธ์5ครับ..เมื่อขันธ์5..ไม่ใช่เรา สัตตานังนี้เป็น สังขตธาตุ..เกิดปรากฏ ต้องมีเสื่อมแน่นอน ..ดังนั้นเราคือ ใครหาคำตอบเอาเองนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...