พุทธศาสนาในโรงเรียนคาทอลิก

ปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ายินดี ของนิกายโปเตสแตนต์ คาทอลิก ในศาสนาคริสต์ได้เปิดกว้างทางศาสนามากขึ้น โดยไม่ได้กีดกันเหมือนในอดีต โดยผู้บริหารโรงเรียนเห็นว่า ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ถ้าเรานำหลักธรรมะดีๆ มาปรับใช้ ความเป็นศาสนาก็จะไม่แตกต่าง

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี วัดเบญจมบพิตร ในฐานะนักเผยแผ่พระพุทธศาสนาดีเด่น ประจำปี ๒๕๔๘ จากมูลนิธิจำนงค์ ทองประเสริฐ กล่าวว่า ปัจจุบันยังเดินสายบรรยายธรรมให้กับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งสถาบัน โรงเรียนต่างๆ

ในทุกวันนี้ เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง หลายโรงเรียนที่เป็นคาทอลิก เช่น กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย มาแตร์เดอีวิทยาลัย ฯลฯ ได้นิมนต์ให้ไปบรรยายธรรมที่ไม่ได้แบ่งแยกความเป็นศาสนา

ธรรมะเป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต โรงเรียนไหนใครเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม ศิลปะในการดำเนินชีวิตไม่มีใครผูกขาด พระพุทธเจ้าไม่เคยจดลิขสิทธิ์คำสอนของพระองค์ คำสอนของพระองค์เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว และสิ่งนั้นก็มีประโยชน์ต่อโลก พระองค์ก็ทรงนำออกมาสอนโดยไม่เคยแบ่งแยกว่า ฉันจะสอนพระพุทธศาสนาเฉพาะชาวพุทธเท่านั้น แท้ที่จริงคำว่า "พระพุทธศาสนา" เป็นคำที่เกิดขึ้นมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไม่ใช่พุทธศาสนา แต่คือ สัจธรรม

ดังนั้น เมื่อเรากลับไปหาต้นทางของพระพุทธศาสนา คือสิ่งที่เรียกว่า สัจธรรม เราก็เอาสัจธรรมนี้ไปเผยแผ่ให้กับคนทั้งโลก ไม่ต้องเจาะจงว่า เขาเป็นชาวพุทธหรือไม่
ขอแค่ว่าเราเป็นคน



หรือเราเป็นมนุษยชาติ เข้ามาศึกษาในสิ่งที่นำมาสอนได้ เพราะสิ่งนี้เป็นสัจธรรมของโลก เราเป็นเพียงสะพานเชื่อมให้สัจธรรมมาถึงตัวคน

พระมหาวุฒิชัย บอกด้วยว่า โรงเรียนต่างๆ ที่ได้เข้าไปบรรยายธรรม ได้สนทนากับผู้อำนวยการโรงเรียนหลายท่าน ก็เห็นดีเห็นงาม เพราะมองว่า การทำให้เยาวชนของประเทศชาติมีธรรมะ มันเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน หรือเป็นหน้าที่ของมนุษยชาติทุกคน ที่จะได้ร่วมกันดูแลเยียวยาซึ่งกันและกัน ให้คนทั้งโลกของเราเป็นคนดีมีศีลธรรม

พูดอีกนัยหนึ่งว่า สิ่งที่ทำให้คนดีมีอยู่ในศาสนาไหน เราก็หยิบเอาสิ่งนั้นมาสอน ไม่จำเป็นว่า ศีลธรรมจะต้องมาจากพุทธเท่านั้น เพราะว่าศีลธรรมในศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามก็มี ส่วนดีๆ ในทุกๆ ศาสนามีอยู่แล้ว ถ้าเราไม่จำกัดตัวเองไว้ในกำแพงอันคับแคบของเรา เราก็สามารถแบ่งปันคำสอนที่ดีงามมาเจือจานมนุษยชาติได้ทั่วทั้งโลก

"อาตมาได้พูดคุยกับผู้อำนวยโรงเรียน พอสรุปได้ว่า เราควรจะออกมาจากข่ายความคิดแคบๆ ที่ว่า ศาสนาไหนก็จะสอนเฉพาะคนของศาสนานั้นๆ แต่เราควรจะก้าวข้ามศาสนา มองว่า คนที่เราจะสอน คนที่เราจะช่วยเหลือ คนที่เราจะแบ่งปันเขาเหล่านั้นคือ เพื่อนมนุษยชาติทั่วทั้งหมด คือเพื่อนร่วมโลกของเรา เราอยู่ด้วยกัน ควรจะรักกัน อย่าให้ขอบเขต หรือกำแพงแห่งศาสนามากีดกันคนออกจากกัน และทำร้ายกันในนามของศาสนา" พระมหาวุฒิชัย กล่าวทิ้งท้าย <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#ffffcc>


เมื่อศาสนาพุทธเข้าสู่โรงเรียนคริสต์

อาจารย์นพรัตน์ บัวดิศ สอนวิชาพระพุทธศาสนา โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กล่าวว่า ปีนี้ทางโรงเรียนได้จัดให้ นักเรียนชั้น ม.๖ ไปฟังธรรมะ นั่งสมาธิที่วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี ม.๕ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ ม.๔ วัดปทุมวนาราม ม.๓ วัดสุทัศนเทพวนาราม ฯลฯ

เด็กเหล่านี้จะได้เรียนรู้พุทธวัฒนธรรม ได้เรียนรู้ธรรมะ เป็นการปรับเปลี่ยนอิริยาบถที่โรงเรียนจากครู โดยได้มาพบกับครูพระ ถ้าเป็นโรงเรียนรัฐบาล นักเรียนจะมีพระอาจารย์เข้าไปสอนธรรมะได้โดยตรง

แม้โรงเรียนจะเป็นคาทอลิก แต่ก็ได้เปิดกว้างให้สอนพระพุทธศาสนาตามหลักสูตรที่กำหนด เนื่องจากผู้บริหารโรงเรียนเห็นว่า ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีเหมือนกันหมด แล้วก็สอนในลักษณะศาสนาสัมพันธ์ โดยให้นักเรียน ชั้น ม.ปลายบางคน ที่นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ หรือศาสนาพุทธ ทำรายงานเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของแต่ละศาสนา



"นักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลาม เขาก็จะทำละหมาดให้เพื่อนดู คนที่เป็นคาทอลิกเขาก็จะพูดถึงเรื่องของการล้างบาป ว่าต้องทำอย่างไร ส่วนคนที่เป็นซิกข์ เขาก็จะอธิบายว่าคล้ายคลึงกับศาสนาพุทธ บางคนไปวัดแขก ได้ถ่ายภาพมา ก็จะมาเล่าให้เพื่อนฟังว่า รู้ไหมว่า พระแม่อุมาเทวีคือใคร ตรงนี้ก็เป็นศาสนาสัมพันธ์ ที่ให้ทุกคนได้เรียนรู้ความต่างของศาสนา ที่เหมือนกันคือ การสอนให้ทุกคนเป็นคนดี"

ส่วนความรู้สึกของนักเรียนชั้น ม.๒ ด.ญ.กนกนันท์ พันธุ์กระวี กล่าวว่า การนั่งสมาธิถือว่าเป็นสิ่งที่เราสามารถไปฝึกทำที่บ้านได้ เพราะได้ไปฝึกปฏิบัติที่วัดปทุมวนาราม เมื่อได้นำมาปรับใช้กับชีวิตการเรียนก็ทำให้เราเรียนอย่างมีสมาธิ อย่างน้อยสังคมไทยทุกวันนี้มีสิ่งที่ยั่วยุให้เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกันง่ายมาก ธรรมะเหล่านี้ทำให้เราแยกแยะออก และคิดได้ว่า สิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี สอดคล้องกับ ด.ญ.จอมขวัญ เทพ
รังศิริกุล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยได้ไปฝึกปฏิบัติธรรมที่พุทธมณฑล


พอได้มาฟังธรรม นั่งสมาธิก็ทำให้เรามีสมาธิ ได้ธรรมะ ปกติเป็นคนที่ชอบธรรมะอยู่แล้ว เพราะธรรมะได้สอนให้เราเป็นคนดี ไม่คดโกง เพียงเท่านี้ก็ทำให้ชีวิตอยู่กันอย่างมีความสุข ที่โรงเรียนมีเพื่อนนับถือกันหลายศาสนา เราก็ไม่ได้แบ่งแยกอะไร เพียงแต่นำคำสอนของแต่ละศาสนามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ด.ญ.มินตรา ศิริตระกูลชัย กล่าวเสริมว่า เราจะเห็นได้ว่า เด็กวัยรุ่นชอบเที่ยวกลางคืน กระทำผิดต่อศีล ๕ เช่น การดื่มสุรา ตรงนี้ก็อยากบอกว่า ธรรมะสอนให้เราไม่กระทำสิ่งไม่ดีเหล่านั้น มีเพื่อนๆ หลายคนที่ชอบทำผิดศีล เราก็จะเอาหนังสือธรรมะมาให้เพื่อนๆ อ่าน ไม่ว่าจะเป็นกฎแห่งกรรม บาปบุญ ในบางครั้งได้นำคำสอน เมื่อทำผิดศีลแล้วผลของการผิดศีลนั้นจะย้อนกลับมายังเราอย่างไร ทำให้เพื่อนหลายๆ คนกลัวในการกระทำผิดได้เหมือนกัน


</TD></TR></TBODY></TABLE>



ที่มา : http://www.komchadluek.net

 

อ่านแล้วปลื้มใจมากๆคะ *-* ต้องขอบคุณพี่ที่ขยันนำเรื่องราวต่างๆ มาโพสให้พวกเราได้อ่านกันนะคะ อนุโมทนาบุญด้วยคะ

 

แล้วเมื่อไหร่โรงเรียนรัฐ
จะเปิดกว้างบ้างคับ
ไม่เห็นโรงเรียนรัฐจะเปิดกว้างต่อศาสนาอื่นให้เข้าไปบรรยายบ้างเลย
จากประสบการณ์ของตนเอง ผมไม่ใช่คริสต์หรือมุสลิม แต่โรงเรียนรัฐ
ยังไม่เปิดกว้างสำหรับเรื่องนี้จริงๆ เช่นเวลาเคารพธงชาติต้องสวดมนต์
นักเรียนบางคนที่เป็นคริสต์หรือมุสลิม อาจารย์ยังบังคับให้ต้องสวดมนต์แล้วต้องท่องบทสวดในการสอบวิชาพุทธศาสนาอยู่เลย

 

เราเคยเรียนที่มาแตร์ล่ะ

จำได้ว่าตอนม.4หรือม.5นี่แหละ ได้ไปนั่งสมาธิที่วัดปทุมวนาราม(เขียนชื่อถูกป่าวหว่า?)ด้วย เสียดายมากที่ตอนนั้นไม่ค่อยตั้งใจนั่ง เด๋วนี้ไม่มีโอกาสไปแบบนั้นเรย............แต่ว่าปิดเทอมหน้าที่คณะจะจัดให้ไปแหละ...ดีใจจัง
[b-wai]