มหาจักรพรรดิคือใคร?บทกำลังพระมหาจักรพรรดิ"คาถาบทนี้เป็นของดี"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย /_สายฟ้า_/, 6 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. sharingidea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,348
    ค่าพลัง:
    +274
    อนุโมทนาสำหรับทุกท่านครับ.........
     
  2. KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    คำว่าจักรพรรดิ์นี่ ... นอกจากใหญ่แล้วยังไม่มีคำว่าจนครับ

    ...ชนะทั้งโลก .. นี่คือทางโลก .. จึงไม่ขาดตกบกพร่อง

    ครบทุกด้านครับ..
     
  3. @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,674
    น้อมนำไปปฏิบัิตค่ะ สาธุค่ะ

    *-*
     
  4. Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ตอนนี้ผมใช้เป็นบทภาวนาเลย ว่าง ๆ ผมก็นั่งภาวนาตัดความคิดอื่น เหลือแต่พระคาถา ถ้าสังเกตให้ดี ๆ เวลาสมาธิไม่มี จะลืมหรือภาวนาตะกุกตะกัก พอตั้งสติดี ๆ ก็จะท่องได้เหมือนเดิม แม้จะท่องจนขึ้นใจ จนชำนาญมาแล้ว ถ้างานเยอะ ๆ ยุ่ง ๆ พอกลับมาท่องจะเป็นอย่างนั้น นี่เป็นอุบายในการสร้างกำลังจิตอย่างหนึ่งของครูอาจารย์ สุดยอดมาก เวลาภาวนาแล้ว จะรู้สึกสัมผัสพลังงานนั้น จะโล่งไปตั้งแต่ปลายจมูก ลมหายใจโล่ง โปร่งเบา ถ้ากำลังมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ จะปิ๊งแวบขึ้นมาเฉย ๆ และนำเอาสิ่งนั้นมาใช้ได้ เวลาภาวนาบางครั้ง นิมิตของหลวงปู่ดุ่จะขึ้นมายิ้ม ก็ภาวนาไป ผมเป็นคนแปลกอย่างหนึ่ง คือเวลามีนิมิตโผล่ ผมมักไม่สนใจนิมิตนั้น หน้าที่เราคือภาวนาก็คือภาวนา นิมิตไม่เกี่ยว จะขาวจะสว่าง จะโล่งจะว่างแค่ไหนก็แค่รู้ ผมเลยไม่ค่อยติดนิมิต เลยไม่ค่อยรู้เรื่องเทวดากับเขาเท่าไหร่ เพราะเวลาเขามาคุยด้วยเราก็มัวปฏิบัติตามหน้าที่ของเรา แต่มักมาคิดได้ทีหลัง เมื่อหยุดพักการภาวนาแล้ว เป็นอย่างนี้แหละครับ...
     
  5. ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094
    สาธุอนุโมทนาครับ ผมเพิ่งเริ่มสวดได้วันเดียวเอง เพิ่งมารู้จักกับธรรมหลวงปู่ได้ 5 วัน ตอนนี้ก็ยึดมาปฏิบัติแล้วครับ


    ธรรมท่านแทงใจ
     
  6. rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,732
    " รักทุกคน ไม่เกลียดใครสักคน ไว้ใจเป็นบางคน "

    นะโม โพธิสัตโต พรหม ปัญโญ
    นะโม โพธิสัตโต พรหม ปัญโญ
    นะโม โพธิสัตโต พรหม ปัญโญ
     
  7. apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ที่มาของคาถาจักรพรรดิ

    โดย พี่สิทธิ์..

    หลังจากที่ผู้ เขียนสอบสัมภาษณ์ปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว ได้กลับมานมัสการหลวงพ่อพร้อมกับรายงานผลเนื่องจากก่อนจะสอบ ผู้เขียนได้ขอบารมีหลวงพ่อดู่ให้ช่วยเหลือ ท่านพยักหน้ารับ ซึ่งในวันนั้นหลวงพ่อมีอารมรณ์แจ่มใสมาก ท่านพูดว่า

    "ข้า อธิษฐานบารมีพระ แผ่บุญกุศลไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาแกนั่นแหละ เอาบุญให้เขา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา สามคนข้ารู้ชื่อแต่อีกคนไม่รู้ เลยขอให้สามคนถาม อีกคนคอยนั่งฟัง"

    ซึ่งก็เป็นจริงดังที่หลวงพ่อพูดไว้ ผู้เขียนได้สนทนากับท่านจนถึงเรื่อง 'คาถามหาจักรพรรดิ'

    ผู้เขียน "หลวงพ่อเป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ คาถามหาจักรพรรดิ ใช่มั้ยครับ"

    หลวงพ่อ "สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระก็เลยมานึกเอา เอง มันจะผิดอยู่หน่อยหนึ่งตรงคำบูชาที่มี นะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง"

    ผู้เขียน "ปกติ การตั้งองค์พระ การอธิษฐานให้เป็นพระ โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังการที่หลวงพ่อกล่าวเช่นนี้ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าปางมหา จักรพรรดิใช่ไหมครับ"

    หลวงพ่อพยักหน้ารับพร้อมทั้งกล่าวว่า

    "คาถา บทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสิวลีผู้เป็นเลิศทางลาภไว้ด้วย อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น*

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆจะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีใช้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหมของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี"

    หลวงพ่อหัวเราะ แล้วเสริมอีกว่า

    "คนเราต้องทำให้ดีเมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก

    ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"

    (ขอไขความลับตรงนี้นิดหนึ่ง ในคำสั่งที่หลวงปู่ดู่ท่านย้ำเอาไว้นั้น ต่อมาภายหลังมีลูกศิษย์นำไปสวด แล้วเห็นว่ากายทิพย์ทรงเครื่องเป็นมหาจักรพรรดิ และมีพลังงานขับเคลื่อนเป็นพิเศษทำนองนั้น จึงได้นำมากราบเรียนถามหลวงตาม้าในโอกาสที่หลวงตาลงมา กทม. วันหนึ่ง หลวงตาจึงไขความลับให้ฟังทั่วกันว่า ขณะที่สวดคาถามหาจักรพรรดินั้น ถ้าเทวดาผ่านมาก็จะเห็น หนู หมา แมว ก็สามารถเห็นมิตินี้ได้เช่นกัน

    ทุกอย่างที่หลวงปูตั้งใจรวบรวมเอาไว้ในพระคาถา ดังคำแปลที่หลวงตาได้แปลเอาไว้ จะมาปรากฏที่กายพลังงานของผู้สวดตลอดเวลาที่กำลังสวด ที่หลวงตาเรียกว่าจิตทำการบันทึกบุญเอาไว้ตลอดเวลา หรือหลังจากสวดแล้ว เจ้าตัวสามารถทรงอารมณ์นั้นเอาไว้ได้ กายพลังงานก็จะมีพลังงานต่างๆในพระคาถาปรากฏอยู่ พลังงานในพระคาถาเป็นอย่างนี้เอง หลวงปู่ดู่จึงได้เน้นย้ำเอาไว้ ให้ลูกหลานหมั่นสวดเป็นประจำ จะกินจะดื่ม จะอาบน้ำก็ดี หรือนึกขึ้นได้เมื่อใดสวดเมื่อนั้น ด้วยเกิดพลังงานบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มหาศาล

    ที่หลวงปู่ไม่ได้แจงรายละเอียด รอเวลาเมื่อสิ่งเหล่านี้ได้มาปรากฏในผู้สวดแล้ว จึงนำมาถามถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนว่าเป็นสิ่งไรกันแน่....เป็นการพิสูจน์คุณวิเศษของพระคาถาที่มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ผู้ที่สวดช่วยทำให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ในที่สุด หลวงปู่ท่านพูดน้อยแต่แฝงเอาไว้ด้วยนัยแห่งคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่)

    หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังถึงการปลุกเสก หรือ อธิษฐานวัตถุมงคลของท่านว่า

    "นอกจากการมีพลังจิตแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์เจ็ดตำนาน"

    ท่านบอกว่า ดีกว่าคาถาอาคมมากมายนักเพราะเป็นเรื่องราวของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชา บทที่ท่านทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกว่า "ชมพูบดีสูตร" ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูของมนุษย์และเทวดาทั้งปวง แสดงถึง ธรรมที่ชนะอธรรมท่านเรียกบทนี้ว่า "มหาจักรพรรดิ" พญาชมพูบดีเป็นจักพรรดิ์มีอิทธิฤทธิ์มากแต่พ่ายแพ้ต่อบุญฤทธิ์

    ในที่สุดอุปสมบทได้สำเร็จอรหันตผล หลวงพ่อท่านกล่าวว่า

    "ข้าเป็นคนโลภมากทำอะไรก็อยากทำให้มากที่สุด ดีที่สุด เดี๋ยวนี้ใช้แค่บทนี้ทั้งนั้น

    ใครมานั่งคุมเล่าข้าเสกเขาก็รู้เองแหละว่าทำจริงหรือไม่จริง"

    ท่านเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงพ่ออีกเนื่องจากหลวงพ่อพูดว่า "ยังไม่ไปนิพพานเพราะต้องโปรดคน" แต่พระองค์นี้ไปตีความไปว่าหลวงพ่อยังติดอยู่กับ ลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริงแล้วหลวงพ่อมีเมตตาและบอกความปราถนาของท่านให้ทราบว่าท่านเป็น พระโพธิสัตว์

    ผู้เขียนคัดลอกเกี่ยวกับบท ชมพูบดีสูตร หรือบทมหาจักรพรรดิ์มาลงไว้เนื่องจากปัจจุบันขาดผู้สนใจ เห็นเป็นเรื่องเหลวไหล แม้แต่พระบางองค์ท่านยังกล่าวว่าเกินความจริง โดยท่านลืมนึกถึงคำว่า "อจินไตย" คือสิ่งไม่ควรคิดเพราะไม่สามารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางทฤษฎีมาทำให้เกิดความ กระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เอง ถ้าคิดมากอาจเป็นบ้า สิ่งเหล่านี้ได้แก่

    1. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เช่น ทำไมท่านถึงตรัสรู้ได้ ท่านมีอิทธิปาฏิหาริย์จริงหรือ

    2.วิสัยของกรรม เช่น ทำไมคนนั้นคนนี้รวย จน สมบูรณ์ กำพร้า

    3.วิสัยของพระอรหันต์ เช่น ท่านหมดโลภ โกรธ หลงหรือ

    4.วิสัยของโลก เช่น โลกเกิดมาได้อย่างไร

    5.วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น ลักษณะที่สงบเป็นอย่างไร สงบจริงหรือไม่

    ท่าน ผู้อ่านทั้งหลายลองคิดดู พระเจ้าแผ่นดินที่เกิดมาภายใต้เศวต ฉัตร ถ้าพระองค์ไม่มีบุญญาธิการแล้ว ท่านจะเป็นได้อย่างไรเพราะคนไทยมีเป็นตั้งหลายสิบล้านคน นั่นแสดงถึงวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลไม่เท่าเทียมกัน มีเหตุปัจจัยจากสิ่งที่ท่านได้สร้างสมอบรมมาแตกต่างกัน โดนเฉพาะอย่างยิ่งบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมีมากขนาดไหน จึงสามารถโปรดคนได้มากมายทั้งสามแดนโลกธาตุ


    บทสวดมหาจักรพรรดิ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    (ตั้ง3 จบในครั้งแรกภาวนารอบต่อไปไม่ต้องตั้งก็ได้)

    นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ

    มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา

    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ

    พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา

    อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะ มหาเถรัง

    อะหังวันทามิ ทูระโต

    อะหังวันทามิ ธาตุโย

    อะหังวันทามิ สัพพะโส

    พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

    อานิสงค์การสวดบทพระบรมมหาจักรพรรดิ

    บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้า พระอริยะสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์ รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอริยะเจ้าทั้งหลาย

    การสวดครั้งหนึ่งเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาร่วมถึงกำลังของพระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอาราธนาเข้าที่กายและใจ และรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน และอนาคต

    การสวดครั้งหนึ่งมีอานิสงค์แผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาตุ สามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพสัตว์ตลอดจนเทวดา ประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัว เจ้ากรรมนายเวร

    และหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ

    บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัว รวมถึงการอาราธนาบารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัวเพื่อป้องกันภัยและสร้างมหาโชคมหาลาภ

    อานิสงส์แก่ผู้สวดมีทั่งมหาบุญมหาลาภ เนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้มีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐาน

    หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมาคลุมและคุมการปฎิบัติของเรา

    คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์ (ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)

    หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าว

    จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล

    ปล.สำหรับนักปฎิบัติเบื้องต้นใช้คู่กับพระผงจักรพรรดิจะทำให้ก้าวหน้าเร็ว

    *******************************************************************
     
  8. หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ผมท่องแล้วมีน้ำตาไหลด้วยครับ ทำไมครับ ทำไมน้ำตาต้องไหล ของมันเองครับ
     
  9. จิตพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    763
    ค่าพลัง:
    +1,123
    สาธุ..ครับ หมั่นท่อง หมั่นสวด กันเยอะนะครับ เป็นของดี...ที่หลวงปู่รับรองไว้แล้วครับ
     
  10. Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,332
    ช่วงต้นปีท่องเป็นประจำ มีผลพลอยได้ทำให้ฝันแม่นและเกี่ยวกับโชคลาภบ่อยๆด้วยค่ะ แต่ตอนนี้โรคขี้เกียจกำเริบเลยคิดว่าอย่างน้อยก็ภาวนาแต่ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ, สังฆัง สรณังคัจฉามิ (ทำตามหลวงปู่และสมเด็จโตที่ใช้เป็นบทภาวนา)ในระหว่างวันแทนแล้วก็ระลึกนึกถึงหลวงปู่ดู่กับพระสงฆ์องค์อื่นๆที่นับถือเป็นพุทธานุสติในระหว่างภาวนาค่ะ
     

แชร์หน้านี้