อ๋อ
คุณบังคับให้หัวใจหยุดเต้น มาแล้ว
ปล. น้องๆ หนูๆ อย่าสับสน จุดนี้ นะครับ
ธรรมฝากตาย นี่หายใจปรกติ เดินเหินปรกติ
พระอานนท์ ล้มตัวจะนอน ข้ามฝากตายฉึบ
พระพาหิยะ นักข้ามฝากตาย ฟังธรรมตาแป๋ว
พระจักขุบาลตากำลังจะบอดตามกรรมันสัตตา ผั๊วะ!!!
พระภิกษุ500(เรียกตามพระสูตร) โดนเสือกินถึง
เข่าผั๊วะ กินกลางลำตัวผั๊วะ กินถึงอกผั๊วะ
กินถึงหัว ผั๊วะ
ฝากตายนี่ คือ อะไร ตายแบบปุถุชนไม่เคยสดับ
มันจะเรื่องนึง ตายแบบนักปฏิบัติถ้าไม่ถึงที่สุด
ยังมี รู้ ไม่ตายหลอก ภาวนาลูกเดียว
มีใครเคยรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นไหม แบบรู้สึกถึงการบีบตัว
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ลูกหยี22, 24 มีนาคม 2017.
หน้า 2 ของ 3
-
น่าสงสาร คนตัดแปะ
-
ไม่ขอรับคำตอบทางวิทยาศาสตร์นะคะ
ถ้าเป็นคำตอบทางวิทยาศาสตร์สามารถหาได้เองคะ
-
ขอบอกพี่ๆนิดนึงนะคะ บางทีรู้ตัวเองว่าเห็นวิญญาณมามาก ช่วงจิตนี้ ไม่ได้นั่งสมาธิ จะขยับตัวไม่ได้ โดนกดหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก จะหลับก็รู้เลยว่ามีคนรออยู่ แล้วก่อนโดนจะฝันร้ายๆก่อน ถ้ารู้ตัว จะชิงตื่นเวลานี้เพื่อไม่โดน มีครั้งนึงนะ เป็นแสงว๊าบขาวไปหมด และขณะเดียวกันโดนกดหน้าอกแรงมาก แต่หนูไม่ทน พยายามลืมตาแบบฝืนมากๆ ทั้งที่ถ้ามั่นใจว่าจิตจะไม่หลุดออกจากร่าง หนูจะทน และกำหนดรู้ ตัวลอยก็เคยเป็น แต่ตัวลอย หนูแอบลืมตามาดูว่ามองลงไปจะเห็นตัวเองไหม อันนี้ลืมตาได้ปกติ เห็นตัวเอง
มันเต้นเป็นจังหวะที่ช้า รับรู้ได้ชัดเจน ถ้ากำหนดดีๆคิดว่าคงเกิดปัญญาเป็นแน่แท้
มันเหมือนเราอยู่อีกมิตินึง ที่เห็นความเป็นไปของตัวเองนะ เราเดาเอา แต่คิดว่า สิ่งที่อยากจะทำคือกำหนดรู้ (แต่ไม่ยึดติด หลักตามพระพุทธเจ้า) แต่เราเป็นคนเห็นผี ไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่ -
สิ่งที่เกิดคือวิบากไม่มีอะไรครับ
สิ่งที่ต้องทำคือกำหนดรู้ ใช่ครับอันนี้เข้าใจถูกต้อง
ปัญหาคือทำได้มั้ย เท่านั้นเองครับ
ส่วนไอ้ตัวลอย แสงวาบขาวไปหมด นี่จิตอยู่ในสมาธิขั้นอุปจาระครับ
ไม่มีอะไรมากครับ อย่าไปสนใจเลย
ส่วนเรื่องเห็นผี อย่าคิดมากครับ ไม่ใช่คุณที่เห็นคนเดียว
ว่าไงครับ นักตัดแปะทั้งหลาย ไอ้พวกปฏิบัติด้วยการคิด การด้นเดาน่ะ ว่าไง
ด่าจัง เหน็บแนมจัง ตอบมั่งดิเรื่องสภาวะระหว่างการปฏิบัติแบบนี้
หลายกระทู้นะที่ดีแต่ตัดแปะ
รู้ตัวก็ปรับปรุงซะนะครับ
ไม่ใช่เอามาเป็นอารมณ์แล้วมาพยาบาทวิตก
แต่ก็เอาเถอะ อัตตามันท่วมใจนี่นะ
๕๕๕๕๕๕ -
-
หลวงปู่สมชายวัดเขาสุกิมท่านเคยแสดงเรื่องการตั้งฐานของจิตภาวนาเบื้องต้น
มีการกล่าวถึงผลเสียของการตั้งฐานจิตไว้ผิดตำแหน่งครับ
มีหลายกัณฑ์ แต่จำชื่อไม่ได้ ขออภัย -
แนะให้ฟังธรรมของพุทธองค์ ลองเอาไปพินาดูเอง
สัพเพธรรมาอนัตตา ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวใช่ตน
ตรงไหนที่ หนูอยากนั่น อยากนี่ ต้อง ทำนั่น ทำนี่ ถึงได้นั่น ได้นี่
ก็พิจารณาให้เป็นธาตุ ธรรมชาติ เป็นขันธ์ ค่อยๆ แกะความสำคัญมั่นหมายออก
เป็นเพียงธาตุธรรมชาติ เป็นขันธ์ มันเกิด แล้วก็ แตกสลาย ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ -
-
-
-
จริงๆเรื่องนี้ไม่สำคัญเลย
เพราะอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเรานั้นย่อมเป็นปัญญาได้หมด เพียงแต่หนูนำเรื่องนี้มา เพราะมันแปลกดี แค่นั้น -
-
เสียงหัวใจเต้นนั้นหากกำหนดรู้เพียงอย่างเดียวก็ไม่มีอะไรครับ
เดี๋ยวมันละส่วนหยาบก็หายแล้ว
แต่ถ้าเราไปเพ่งหรือสงสัย ให้ความสนใจนี่สิครับ
มันจะไม่ได้มีแค่เสียง แต่มันมีอย่างอื่นตามมามากมาย
ซึ่งอันตรายมาก
แจกแจงแล้วนะครับคุณนิวรณ์
สั้นไปหน่อยคนที่ไม่รู้เรื่องการปฏิบัติภาวนา
หรือรู้แค่งูๆปลาๆ ไม่เคยลองย้ายฐานจิตเล่นก็คงไม่เข้าใจ
พออธิบายมากไปก็เข้าข่ายอวดอุตริ
นี่แหละพระพุทธองค์จึงทรงท้อพระทัยในเบื้องแรกหลังตรัสรู้
ธรรมนี้สุขุม พิสดาร ละเอียด ลุ่มลึก จริงหนอ
๕๕๕๕๕๕๕๕
บัวมี๔เหล่านี่นะ จะไปโทษเต่าปลาก็ไม่ได้ -
หนูจะไม่สนใจเลย ถ้าหนูไม่เป็นเกือบทุกคืน เรียกว่าทุกคืนยังได้ แต่หนูก็ทราบดีว่าเค้ามาจากไหน หวังอะไร จนมีผลที่ทำให้หนูนอนไม่ได้เกือบทุกคืน ทุกคืนก็เกือบถูก เลยเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อชีวิตหนู ตั้งแต่ป.5 ตอนนี้ 24 แล้ว -
แผ่เมตตาบ่อยๆครับ
ระลึกถึงบุญกุศลที่ได้ประกอบมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน
แล้วอธิษฐานอุทิศบุญกุศลเหล่านั้น แผ่ออกไปไม่จำกัดว่าผู้ใด ไม่มีประมาณ
ให้สัพเพสัตตาทั่วทั้ง๓แดนโลกธาตุร่วมอนุโมทนา(อัปปมัญญา)
สำทับไปด้วยว่า หากมีความทุกข์ ก็ขอให้พ้นจากทุกข์
เมื่อมีความสุขแล้ว ก็ขอให้มีความสุข ยิ่งๆขึ้นไปเทอญ
อะไรก็ว่าไปตามแต่จิตของเราจะระลึกได้ครับ
อย่าท่องจำ ให้เกิดจากจิตของตนเองครับ
จะได้เป็นการฝึกความละเอียดของจิตและลับปัญญาให้คมกล้าขึ้นด้วย
ต่อไปสติและสมาธิมีกำลังมากขึ้น มีวสี(ความชำนาญ)มากขึ้น
ก็คุยกับเขาเหล่านั้นเลยครับ
แต่ระวังเค้าหาว่าบ้านะครับ พูดคนเดียว
๕๕๕๕๕๕๕๕
ว่าไงพวกตัดแปะอธิบาย แจกแจงแบบนี้เป็นมั้ย
สภาวะทั้งนั้น ไม่ใช่แบกตำรามาเขวี้ยงใส่กันแล้วบอกเรานี่เจ๋งจังเลย
๕๕๕๕๕๕๕๕ -
-
จิตที่ละเอียดกว่ารูปกายภายนอกจะได้มีเครื่องระลึกไงครับ
เมื่อจิตมีเครื่องระลึกหรือมีอารมณ์ให้รู้ให้เสพแล้ว
สติก็จะสามารถระลึกรู้ได้ดีขึ้นครับ
ที่ยากเพราะไปเจาะจงเอาอาการกระทบที่จมูก
ส่วนนี้ไม่ต่างจากท้องพองยุบครับ
เพราะเมื่อละส่วนหยาบเข้าสู่ส่วนที่ละเอียดกว่าแล้วจิตจะต้องมีกำลังสติพอสมควรจึงจะไม่วิตกวิจารณ์ไปในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความกลัว อาการตกใจ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า รู้ลมจะละส่วนหยาบได้ง่ายกว่ารู้ท้องพองยุบ(ถ้าพิจารณาตามทันนะครับ)
เพราะลมจะเบาและละเอียดเร็วกว่าการรู้ท้องที่ไม่มีอาการที่ละเอียดเพิ่มมากขึ้นเลย
(แต่ผู้ที่ภาวนาท้องพองยุบจะบอกว่าจะมีอาการท้องยุบจนรู้สึกว่าท้องแฟบติดกับหลัง
อันนี้เป็นอาการอุปาทานของจิตนะครับ)
พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญว่า อานาปานสติเป็นยอดมงกุฎของกรรมฐานทั้งปวง
และท้องพองยุบนั้นไม่มีในกรรมฐาน๔๐(ไม่อยากคุยเรื่องนี้เลยเพราะจะกระทบกับผู้ภาวนาแนวนี้)
สรุป ที่อธิบายยาวเหยียดมาขนาดนี้ สั้นๆ ว่า
สติยังอ่อนอยู่และวิตก วิจารณ์มากเกินไปทำให้สมาธิไม่แน่วแน่ครับ
ส่วนฐานของจิตมีหลายฐานครับ มีการนำไปแจกแจงไว้หลายสำนักหลายตำรา
เอาไปอวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นของตนก็มากมาย
ลองไปค้นคว้าดูเอานะครับ
แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาก็เอาที่สะดวกเลยครับ
สู้ๆนะครับ
อนุโมทนาด้วย
สวัสดี -
มีสองทางเลือก สำหรับเจ้าของกระทู้ ที่จะ
พิจารณา นมสิการ
โดยอาสัย ความเปนกลาง ต่อ การรับทราบ
เหตุผลในเรื่อง กลัว.....
คนที่เดินการภาวนา จนมารู้อยู่กลางอก
จนละเอียดกว่าการเต้นของหัวใจ คือจะ
ไปเหนสภาพธรรมเกิดขึ้น แล้วดับทันที
ยังไม่ขึ้นวิถีให้ค่าล่วงเลย ความเกิดดับ
กลางอก (จะมีความถี่มากกว่าหัวใจเต้น
หลายเท่า และไม่มีที่สุด จะถี่ยิบแบบ
เหนแสนโกฏิขณะในหนึ่งคาบระลึกลม
หาย.....สติ มีเท่าไหร่ก้ไม่พอ เพราะจิต
จะเกิดดับเร็วมาก ที่อุปมากัน ก้เพียง
พอบันเทาให้ผู้สดับ ยุติไม่ต้องไปตามเหน
ความไวของจิต เอาแค่ พอเพียง ช้างกระดิก
หู งูแลบลิ้น ก้พอแก่ สาวกทั่วๆไป)
ลากยาวเลย คือ ให้กำหนดรู้ความ กลัว
เข้ามาเลย แล้วรู้ว่า
1. ปัญญาอินทรีย มันล้ำหน้า สมถะ ทั้งนี้
คงเพราะเคยใช้ ฤทธิ์ก่อกรรมเวรจนตกนรก
มาก่อน พอจิตมันอ่อนควรแก่การงาน พร้อม
ที่จะน้อมไปญาณทัสนะ ก้เกิดระลึกได้ใน
อกุสลกรรมครั้งๆก่อนๆ ที่เคยพลาด ไม่อยาก
พลาดอีก เลย กลัว........
ถ้า รู้ชัดว่า เอ้อ มันกลัวไปก่อน ปัญญาล้ำหน้า
ก้ให้เอา มุขนัย ขันธ์5 มาสดับเปนทุนการภาวนา
ก้จะค่อยๆ จับได้ว่า พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก
เปนยังไง พอรู้สภาพธรรม วิตก3 ครบส่วน
จิตก้จะข้าม ฝากตาย เลิกกลัวเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
จะเหนก้ช่าง จะมาทำร้ายก้ช่าง จะนั่งใน
รัตนบัลลังก์แบบ พระพุทธองค์เอานิ้วจรดผืนดิน
แสดงความมั่นคง ในการภาวนา
2.ลุยไปเลย ตอนออกไป แล้วย้อนมาเหนตัว
ตอนนั้นแหละ ควรรำพึง(ไม่ใช่เขี่ยวเข๊ญให้
คิด ให้มันแปรรูป)
ควรรำพึง ฉีกเนื้อหนังเอนกระดูกตน ให้พบ
ควาสยดสยองของกายที่เปนตน นั่นแหละ
อย่าไปกลัวผีที่อื่น ร่างกายสามสิบสองของ
ตนนั่นแหละ ผีตัวเบ้อเร้อ
ทำแล้วก้กลัวตัวเองสิ ก้ต้องกลัวตัวเองนั่นแหละ
แล้วจะได้อะไร
ได้การเหนไงว่า แท้จริงแล้ว หลงรักวิญญานขันธ์
ว่าเปนตน ของตน
ต่อให้ละกาย ละวางรูปขันธ์ได้ ก้กลายเปน
สัมภเวสีมี อายตนะครบ คือ หันกลับมามอง
ได้ ยินได้ เสวนาได้ นึกคิดสารพัดได้
งานช้างเลย ต่อไปคือ หาอุบายนำออกจาก
วิญญาณขันธ์ทำไงต่อ
ซึ่งจะต้องวาบ แสงสว่าง แล้วลุ้นเอาว่า
จะออกไปอยู่คนเดียวหันกลับมา พิจารณา
กายตนเปนเถ้ากระดูกๆ ซ้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนกว่า จะเออะ
ละ วิญญานขันธ์ได้
หรือไปเสียเวลากับ สัตว์หน้าขน ตนอื่นที่
ทะลึ่งมาขวางทางการภาวนา รู้เฉพาะตน
มาอ้างสิทธิเปนครู เพื่อปล้น การตรัสรู้เอง
โดยชอบ หรือไม่ -
พวกภาวนาไม่เปน แล้วมันอ้างว่าเปน
แท้จริงมันพวก กลัวนั่นนี้จน ขี้ขึ้นสมอง
เปลี่ยนกรรมฐานไปเรื่อย มันง่าย
เพราะว่า จะได้ขี้เกียด ภาวนาแบบจับจด
พอตัวเองไม่มีธรรม ก้อาสัยเข้าสำนักนั้น
ออกสำนักนี้ เพื่อจะได้รู้ว่า สำนักนั้น
สำนักนี้ ปฏิบัติผิดตรงไหน ไปจำคำครู
ที่จะมีปรกติพาดพิงสำนักอื่น ผิดตรงนั้น
ไม่มีธรรมตรงนี้
สิบปีผ่านไป คนพวกนี้พูดออกมา ลีลา
จังหวะ จะเหมือนกับ คลิปที่ตัวเองดู เป๊ะ เลย
หน้า 2 ของ 3