คือ ถ้าไม่รู้ ว่า ใครฝึกอันใด ตั้งกรรมฐานอย่างไร
มันคุยกันลำบากครับ ต้องจับจุดใหม่ ว่าต้องการสื่อ ตรงไหน ประเด็นไหน
หากประเด็น ที่ ท่านโพส อ่านดูแล้วก็ไม่ได้ห้าม ก็ทำไปให้ต่อเนื่องละกันครับ
หากถามว่า อยู่จังหวะไหนของสมาธิ ก็เรียกว่าเป็นการฝึก ฐานสมถะ
มี สติรู้พร้อม อยู่กับความคิด ในขณะปัจจุบันนั้น นี่คือ จิต เดิน วิปัสนา
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 5 ธันวาคม 2019.
หน้า 12 ของ 24
-
-
ท่านต้องการ สื่อ ถึง จังหวะไหนครับ
อ่านโพสท่านแล้ว งงตลอด
ในสติปัฏฐาน เป็น วิธีทำ บอกถึง วิธีทำ
ใน4 ฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม
เอากาย เวลทนา จิต ธรรม มาเป็นเครื่องฝึกสติ
ส่วนตัณหา เป็นกิเลส เป็นสมุทัย เป็นเหตุ
ในฐานจิต จิตมีราคะให้รู้ว่าจิตมีราคะ
คือ จิต สัมปยุติกับราคะ เป็นจิตตะสังขารอย่างนึงเป็นอารมจิตอย่างนึง ก็ใช้ให้มาเป็นเครื่องเจริญสติ ในฐาน จิต เป็นต้น
ทิฐิ คือ ความเห็น ตกผลึก มาจากความคิด
สัมมาทิฐิ ก็ไปในทางที่ถูกต้อง
มิจฉาทิฐิ ก็ไปในทางที่ผิด -
น้องณุ ต้องบอกเขาว่า ถ้าคนเราไม่รู้ปัจจุบันว่าเป็นทุกข์แล้ว การแสวงหาทางโดยปัฏฐานทั้งสี่ก็ไร้ความหมาย เพราะทำไปก็ไม่เห็นผล เพราะไม่รู้ว่าอะไรทุกข์ อะไรคือเหตุที่ต้องทุกข์ สักแต่พูดมันจะเหมือนไอ้ฬิลา หรือไอ้นิวรณ์ พูดไม่รู้จบ วนไปวนมา ก็ไม่รู้ว่าหาอะไร พูดเหมือนกับว่าใครจะมาช่วยตอบมันได้ บ้ารึเปล่า
-
เรื่องนี้มันไม่สนุกแม้แต่น้อย ทุกข์มันเรื่องใหญ่มาก แม้แต่เราเองก็รู้ว่ายากที่จะพ้นได้ บางทีทำเป็นลืมสิ่งที่รู้และมองหาว่าทุกข์คืออะไรก่อนดีไหม จึงข้ามไปที่ปัฏฐานธรรม แต่ถ้าไปแล้วไม่เกิดผลก็มาวินิจฉัยที่ตนว่าอะไรที่ทำให้ไม่ทราบ สมาธิ จิต สติ ศีล หรือ อะไรกันแน่ เชื่อเถอะว่าต้องรู้ได้อย่างแน่นอน
-
ถึงคุณไม่ใช่ตัวตนนะคับ คำว่าในสติปัฏฐาน 4 ตัณหาและทิฐิมันเป็นทุกข์ ข้อนี้ขอแก้ว่า ตัณหาและทิฐิที่เป็นทุกข์เพราะรู้ได้ด้วยธรรมในวิปัสสนาญาณอันเกิดจากสติปัฏฐาน แต่ไม่ใช่ทั้งสี่ เพราะมองถึงตัณหา เหตุเกิดของตัณหาคืออะไร ในอะไร ทั้งสิ้นก็เป็นไปเพราะ ไม่รู้ในกาย เวทนา จิต ธรรม ในทิฐิก็เช่นกัน จึงขอแก้ให้ดังนี้ ถามว่าที่รู้คืออะไร เพราะอาศัยธรรมทั้งสี่นั้นไงจึงเกิดเป็นตัณหาและทิฐิ และเพราะด้วยสติด้วยสมาธิอันฝึกมาดีจึงพิจารณาโดยแยบคายได้ว่า มันคือต้นเหตุของทุกข์ ในวงจรนั้นถือเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด รู้อันใดได้อันอื่นก็ดับสิ้น ทั้งหมดคือวงจรของทุกข์หรืออวิชชา หรือความไม่รู้ หรือความที่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยนะ คุณไม่ใช่ตัวตน อะคับ
-
หากท่านต้องการเข้าให้ถึงฐานจิต(เอกัคคตาจิต) ท่านก็ต้องผ่านฌานนั้นแหละถูกแล้ว
แต่ถ้าท่านภาวนาได้ที่แล้วปล่อยคำภาวนาทิ้งเสีย หากถูกจังหวะพอเหมาะพอดีท่านอาจจะเข้าถึงสภาวะพ้นภพพ้นขันธ์ คือ หลุดจากมายาจิตหรือความคิด ได้แบบฉับพลัน
ปล. อันนี้ก็เพียงแค่ตอบไว้เท่านั้น ไม่ได้แนะนำให้ทำหากยังไม่พร้อม -
เมื่อมองลงมาเห็นทันที "ความคิดนี้ไม่ใช่เรา ความรู้ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เรา"
ปัญญาเห็นแจ้งว่า นี้เป็นวิปัสนูกิเลสอันได้ชื่อว่า "ญาณ"
**หากโดนอวิชชาลากไปมากๆจะรู้สึกมึนหัวเพราะคิดไม่หยุด**
ทางแก้ คือ สติปัฎฐาน โดยหมายเอา กาย เวทนา(ทางกาย) เพราะอยู่นอกสุดและชัดที่สุด เมื่อสติปัฏฐานแล้วให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมเป็นแม่ทัพ ทรงสติไว้อย่างนั้น
เมื่อท่านอาจารย์เล่าปังต้องการตรวจทานการปฏิบัติ เราก็แสดงให้ท่านได้ตรวจตามประสงค์..
ปล. เราอาจจะอธิบายไม่ละเอียดต้องขออภัยไว้ ณ. ที่นี้ -
เพราะอะไร
เพราะ อ้างว่า เป็น ทำมิกมาลาด โบ๋ววว์กะทิสับ
ถ้าเป็น โบ๋ววว์กะทิสับ อันดับแรก จิตจะ
พรากจาก ทิฏฐิ เป็น ปรกติวิสัย ไม่ต้อง ภาวนา
เฮียอะไร เพราะ โบ๋ธิจิต บุดดิบจริต จะต้องมี ปรกติ
พรากจาก สัญญา การหมายมั่น การมีทิฏฐิ เพียง
แต่ เวทนาบางเหล่า ยังกุมจิต จึงทำให้เกิดอาการ
ไม่ดีสุดขั้ว ก็ มะอั้วสุดวัยสิบ
การมี จิต พรากจาก ทิฏฐิ เป็นปรกติวิสัย ของ
โบ๋กะทิสับ จึงอุปมาว่า หากมีคนให้ข้ามทะเล
โบ็กะทิสับ ไม่ต้องตอบ ข้ามไปอีกฝั่งแล้ว
ส่วน ปัจเจ๊กจุกเจ้า จะคิดนิดนึง หากเป็นสาวก
คอตก แถมด่ากลับแต่ใจก็อยากลอง อยากฟัง
เพราะรู้ว่ามีอีกฝั่งอยู่ แต่ถ้าเป็นพวกเฮียลาด
พร้าวจิกปลาพับส่อน ..........ก็ นะ
งง เป่าฮับ
ถ้า งง ลองตรอง โบ๋วกะทิสับ นี่ ต้องคอยสดับ
ธรรมจากผู้อื่นไหม .... หาก ตอบว่า ใช่ ก็เฮีย
รับทาน ....ถ้าตอบว่าไม่ใช่ ก็จะ ทราบอาการ
ปรกติมี "การนำออกซึ่งอายตนะ" ตั้งแต่เกิด
( ซึ่งคนละเรื่องกับ การประหานกิเลส )
"การนำออกซึ่งอายตนะ" ออกเกิดขึ้นลอยๆ
เองไหม สำหรับ โบ๋กะทิสับ ..... ก็ต้องตอบ
ว่าไม่อยู่แว้ว แต่เกิดจาก เหตุ ก็คือ "กตัญญู
ต่อ...." แค่นี้ก็มีแว้ว เป็นปรกติ บุดดิบวิสัย
ที่ บักโงบะ ไม่มี ไม่เข้าใจ เพราะไม่มี กตัญญู
ตามจริง ที่เห็น ตดปากน้ำ เล็กรังสี นั่นออก
แนว ปลาจวบสอพลอง มากกว่า กตเวทีทิ้งเหว
ที่ให้ ปรี่ยัด เอ้ย ปริยัติ เพราะเห็นแก่ ความพยายาม
นำไปใช้ ...ดีกว่า ปล่อยให้ใช้ จุ๊กกรู้
กำมาถาม40ห้อง น้องพันทิปจะติดตรึม -
สิ่งที่ทำให้เราผ่านมาได้ก็ด้วย ความเคารพ รัก เทิดทูน บูชา ศรัทธาอันยิ่ง ที่เรามีต่อตถาคตและพระธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ดีแล้ว เราเห็นถึงความเมตตาอันหาประมาณมิได้ที่ตถาคตมีต่อ "ภิกษุทั้งหลาย" ทุกครั้งที่ตถาคตแสดงธรรม
ปล. อันนี้เราไม่ได้ออกแนวประจบนะ เราเพียงแสดงสิ่งที่มีในจิตวิญวิญญาณแท้จริงของเรา -
การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม คือ การแสดงความกตัญญู ที่แท้จริง
ปริศนาโดยย่อ..
(ไม่เอาดีกว่า)
ปีติเกิดที่ใจเราอย่างแรงกล้า เลยตอนนี้ ปริศนาทั้งหมดได้ไขเรียบร้อยแล้ว -
พฤหัสบดี 19 ธันวาคม 2562..
วันใหม่และชีวิตใหม่สำหรับเรา..
ขอบพระคุณทุกท่านด้วยใจจริงจริงใจจากเรา.. -
ดินสอพลอง เต็มหน้า แน่นวล ฮับ
เพราะ ไม่ได้ใกล้เคียง สัจจ ความจริง
ความจริงอะไร ตรงไหน
ตรงที่ ว่าด้วยเรื่อง "ตถาคตแสดงธรรม"
หาก ไม่มุ่งเอาแต่ประจบ คนที่หมั่นสดับ
ธรรมตามจริง ท่านเหล่านั้น จะทราบว่า
ในใบไม้ สายลม .....ทุกสิ่งที่ แปรเปลี่ยน
ตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนิมิตใดๆ โดย
ไม่ต้องตั้งใจเจตนาแม้นแต่นิดเดียว ตถาคต
ทรงยื่นพระหันถ์ และ แสดงธรรมอยู่ตลอด
เวลา ไม่เคยหายไปไหน ไม่เคยว่างเว้น
สุญญตา อนิมิต อัปณิหิต มีในกาลทุกเมื่อ
จนไม่ต้องสรรเสริญ กล่าวอะไร เพราะเกิน
พรรณณา
ส่วน พวกมุ่งประจบ ย่อมเลือกเฉพาะที่
เป็นส่วน สำคัญว่าตนก็ทำอย่างนั้นได้
เฮีย!!!! -
เราขอชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบ..
เราไม่ใช่ธรรมมิกราช...เราเป็นเพียงคนธรรมดาที่รักในการปฏิบัติธรรม
เรามาเกิดเพื่อสร้างบารมีของเรา...ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำทำนายใดๆทั้งสิ้น
ปล. ท่านทั้งหลายคิดว่าธรรมมิกราชจะมาแสดงตัวโต้งๆอย่างนี้หรือ ให้ทุกท่านพิจารณาโดยแยบคาย เราคือเราผู้ปรารถนาพุทธภูมิเท่านั้นเอง -
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรียกตัวท่านเองว่า ตถาคต..
อาจไม่ถูกตามปริยัติ หรือ สัจจะบ้าง แต่ถูกตามที่เราดูมา
ผิดพลาดประการใดเราต้องกราบขออภัยไว้ ณ. ที่นี้ -
-
เหมือนจะจ่อๆทางเข้านิพพานแต่ยังสงสัยไม่แน่ใจ อะไรแนวๆนี้แหละ มองอีกอย่างก็เข้าถึงอรูปแล้วล่ะ -
แต่ไม่เป็นไร เราเข้าใจ เขายังไม่พร้อมจะเดิน -
จับปลาเปนแต่เรื่อง โครง บุคโล
เงา เหง้า ลี มะลี
แทงที่ จะเอา ทำ ตำ ใหญ่
เปง พยางให้แก่ ทำ มะเปน เขาเรัยก
โครง อากาตานยู ต่อ ทำ -
"ไอ้คิด" นี้ใคร -
เมื่อมองลงมาเห็นทันที
"ความคิดนี้ไม่ใช่เรา ความรู้ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เรา"
นี่หรือเปล่า.. "ไอ้คิด"
หน้า 12 ของ 24