มือกระบี่ที่ทิ้งกระบี่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย satan, 5 พฤศจิกายน 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    คุณ จ๋องแจ๋ง ขอคารวะกลับ หนึ่งจอกเช่นกันครับ
    ท่านเจ้าสำนักครับผมท่าทางจะลำบากแล้วครับอาวุธประเภทนั้นผมไม่มีหรอกครับผมมีแต่วิธีทำให้มันไม่ทำงาน ไม่ยากเลยครับถ้าจุ่มน้ำแล้วแช่ช่องฟรี๊สในตู้เย็นก็เรียบร้อยครับ แฮ่ะแฮ่ะล้อเล่น
     
  2. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    งั้นใช้ตะเกียบดวลกินก๋วยเตี๋ยวก่อนละกันครับ 555
     
  3. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    มรรคาแห่งวิชากระบี่

    ขั้นแรก ในมือมีกระบี่ ในหัวใจมีความงมงาย
    งมงายอย่างแทบจะบ้าคลั่ง อยู่กับกระบี่ และ เพลงกระบี่

    ขั้นต่อมา จากสภาวะงมงาย ในกระบี่และเพลงกระบี่
    นำไปสู่การหลอมรวมตัวมันเอง ( ผู้ถือกระบี่ และใช้เพลงกระบี่ )
    ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับเพลงกระบี่
    นั่นก็คือ ลักษณาการอันเรียกว่า " ผนึกใจรวมกระบี่ " คนกับกระบี่รวมเป็นเอกะ !

    ความจริง , นั่นถือกันว่า เป็นสุดยอดและเป็นแก่นแท้ของวิชากระบี่
    ที่มือกระบี่ธรรมดา มิอาจบรรลุถึง
    แต่ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า เหนือมือกระบี่ยังมีมือกระบี่
    ขั้นต่อมา สามารถบรรลุถึงขั้น
    แม้ในมือไม่มีกระบี่ แต่ในใจก็มีกระบี่

    เป็น กระบี่ใจ !

    อันนี้เป้นเพลงกระบี่ของดาบสวรรค์ ยังสุ้เพลงกระบี่ของผมมิได้ขอรับ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤศจิกายน 2007
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    วิทยายุทธ พื้นฐาน 10 ประเภท เช่น เพลงดาบ, เพลงกระบี่, เพลงทวน, เพลงไม้เท้า,เพลงแส้,ดรรชนี, มือเปล่า, โจมตี, การสลายกระบวนท่าหามีอันใดไม่พิสดารไม่ ล้วนแปรเปลี่ยนร้อยพันอย่าง แต่วันเวลาใน การฝึกฝนวิทยายุทธ ย่อมสร้างผลสำเร็จที่แตกต่างกัน วิทยายุทธแต่ละค่ายสำนักแตกต่างกัน วิชากำลังภายใน ก็แตกต่างกัน วิธีการฝึกฝนก็แตกต่างกันอย่างแน่นอน เช่น เต็งชุงชิว แห่งสำนักดาวดึงส์เป็นผู้จิตใจคับแคบ อีกทั้งชมชอบคำสอพลอป้อยอ
     
  5. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เพราะว่า เพลง กระบี่ของมันมีอยู่ 13 กระบวนท่า ผู้คนจึงเรียกมันว่า อี้จับซา
    เพราะว่าสำนึกของมือกระบี่คือต้องการประลองกระบี่ เมื่อมันได้ยินว่า เจี่ยเฮียวฮง ได้รับยกย่องว่าเป็นมือกระบี่อันดับ 1

    มันจึงต้องการประลองฝีมือ

    ประลองฝีมือเพื่อจะได้รับรู้ว่า ที่ว่าเป็นมือกระบี่อันดับ 1 นั้นเป็นอันดับ 1 อย่างจริงแท้ หรือว่าเสมอเพียงประโคมโอ่

    ตรงนี้เองคือวิถีแห่งจอมยุทธ์ที่ดำเนินไปซ้ำๆ

    ซ้ำๆ เหมือนกับวิถีแห่งมือปืนอย่างที่ ด็อก ฮอลิเดย์ ประสบ อย่างที่ บิลลี่ เดอะ คิด เคยประสบ

    เพราะจะมีมือปืนรุ่นเยาว์ตามประกบ

    วิถีแห่งมือปืนดำเนินไปอย่างซ้ำซากเช่นนี้ วิถีแห่งจอมยุทธ์ก็ดำเนินไปอย่างซ้ำซากเช่นนี้จนกว่าจะถูกโค่น

    กระนั้น ประเด็นของ อี้จับซา และ เจี่ยเฮียวฮง ก็มีส่วนแปลกแตกต่างออกไป

    การท้าประลองเพื่อชิงความเป็น 1 นั้นเกิดขึ้น ดำรงอยู่และดำเนินไปอย่างแน่นอน แต่ที่มีความหมายยิ่งกว่ากลับเป็นพัฒนาการแห่งเพลงกระบี่

    เป็นเพลงกระบี่กระบวนท่าที่ 14 เป็นเพลงกระบี่กระบวนท่าที่ 15

    ต้องยอมรับว่าวิถีแห่งเพลงกระบี่มีกระบวนการอันสะท้อนพัฒนาการ สะท้อนพลวัต สะท้อนการเติบโต

    เป็นการเติบโตจาก 1 เป็น 2
    เป็นการเติบโตจาก 2 เป็น 3
    เป็นการเติบโตจาก 3 เป็น 4
    เป็นการเติบโตจาก 4 เป็น 5
    เป็นการเติบโตจาก 5 เป็น 6
    เป็นการเติบโตจาก 6 เป็น 7
    เป็นการเติบโตจาก 7 เป็น 8
    เป็นการเติบโตจาก 8 เป็น 9
    เป็นการเติบโตจาก 9 เป็น 10
    เป็นการเติบโตจาก 10 เป็น 11
    เป็นการเติบโตจาก 11 เป็น 12
    เป็นการเติบโตจาก 12 เป็น 13

    น่าเศร้าที่เมื่อมาถึงเพลงกระบี่ที่ 13 กลับสะดุดหยุดนิ่ง สะดุดหยุดนิ่งในลักษณะสถิต กระทั่ง อี้จับซา กลายเป็นนามของมันไป

    การประลองฝีมือระหว่าง อี้จับซา กับ เจี่ยเฮียวฮง จึงเป็นเรื่องสะเทือนฟ้า สนั่นแผ่นดิน

    ประการ 1 เป็นการตอบข้อสงสัยที่ค้างคาอยู่ในใจของ อี้จับซา มาอย่างยาวนานว่า จริงแล้ว เจี่ยเฮียวฮง เป็นอันดับ 1 สมตามคำร่ำขานหรือไม่

    น่าเศร้าที่ความจริงคือคำตอบ และเป็นคำตอบสุดท้าย

    น่าเศร้าที่คำตอบนี้ได้มาพร้อมกับเลือดที่กระฉูดพรั่งออกมา น่าเศร้าที่รอยยิ้มของ อี้จับซา ปรากฏขึ้นก่อนสิ้นลมหายใจไม่นานนัก

    ประการ 1 เป็นการสะท้อนถึงความมีชีวิตของ เพลงกระบี่

    น่ายินดีที่พัฒนาการแห่งวิถีกระบี่เกิดขึ้นในท่ามกลางการต่อสู้ เกิดขึ้นในท่ามกลางการลงมือปฏิบัติที่เป็นจริง

    ทั้งมิได้เป็นพัฒนาการของ อี้จับซา เท่านั้น หากแต่เป็นพัฒนาการของ เจี่ยเฮียวฮง ด้วย

    น่าเศร้าก็ตรงที่เมื่อบังเกิดการพัฒนาจากเพลงกระบี่ที่ 13 เป็นเพลงกระบี่ที่ 14 และ 15 การเติบใหญ่กลับยากแก่การควบคุม

    พลานุภาพของเพลงกระบี่กลับเป็นอันตรายแก่เจ้าของของมันเอง

    น่าเศร้าก็ตรงที่สภาวะตื่นรู้อันเกิดขึ้นกับ อี้จับซา อยู่ภายใต้สภาวะตื่นรู้ที่เหนือกว่าอันเกิดขึ้นกับ เจี่ยเฮียวฮง ด้วย

    ชัยชนะจึงเป็นของ เจี่ยเฮียวฮง

    การตายของอี้จับซา จึงกลายเป็นรากฐานให้กับการดำรงอยู่ของเจี่ยเฮียงฮง

    พัฒนาการแห่ง เพลงกระบี่ ก็เหมือนกับพัฒนาการแห่ง ความคิด

    นั่นก็คือ ดำเนินไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เป็นอนิจจัง แปรเปลี่ยน ตลอดเวลา

    นั่นก็คือ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มีความสัมพันธ์และยึดโยงอยู่กับรากฐานเดิม แต่ก็สร้างรูปการณ์ใหม่ ความคิดใหม่อยู่อย่างไม่ขาดสาย

    อดีต ปัจจุบัน อนาคต คล้ายกับจะแยกจากกัน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเป็นเอกภาพกัน

    ขอแสดงความนับถือ
    บรรณาธิการบริหาร

    มติชนสุดสัปดาห์
    วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1365
     
  6. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ตัวเอกชาย

    ปู้จิ้งอวิ๋นปู้จิ้งอวิ๋น (แปล: เหยียบเมฆา) เป็นศิษย์คนรองของสงป้า สงป้าสอนให้เป็นเจ้าตำหนักเมฆา และสอนวิชาหมัดเมฆาล่องลอยให้ หารู้ไหมว่าปู้จิงอวิ๋นยอมเป็นศิษย์ของตน ก็เพื่อแก้แค้นที่สงป้าเคยฆ่าล้างครอบครัวของปู้จิงอวิ๋น. ปู้จิงอวิ๋นเดินทางออกจากพรรคใต้หล้าเมื่อได้พลั้งมือฆ่าขงฉื่อคนรักไป เมื่อคนรักได้ตายไปแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทนอยู่ภายใต้อำนาจของคนที่ฆ่าล้างตระกูลอย่างสงป้าอีก. ภายหลังปู้จิงอวิ๋นกลายเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งของยุทธภพโดยได้รับถ่ายทอดและฝึกฝนวิชาเพิ่มเติมหลายวิชา ไม่ว่าจะเป็นเพลงกระบี่คุณธรรมสกุลฮั่ว เพลงกระบี่คับแค้นเหลือคณาจากอู๋หมิง เพลงดาบเทพกระบี่ ฝ่ามือยูไล ฯลฯ รวมทั้งยังได้ดาบเลิศภพจบแดน และแขนกิเลนไฟมาครอบครองอีกด้วย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออู๋หมิงรับจิงอวิ๋นเป็นศิษย์ อู๋หมิงได้ปลดผนึกกระบี่เลิศภพจบแดน รวมทั้งแนะนำให้จิงอวิ๋นรวมวรยุทธทั้งหมดเข้าด้วยกันถึงขั้นกระบี่ไร้เสียง (อู๋หมิงตั้งชื่อให้ว่าเพลงกระบี่จ้าว). จากเพลงกระบี่จ้าวนี่เองที่สามารถต้านทานการบุกตงง้วนของเจ้าฟ้าจากแดนตะวันออกได้ ทั้ง ๆ ที่จิงอวิ๋นมีวรยุทธด้อยกว่าเจ้าฟ้ามาก. ว่ากันว่าเมื่อปู้จิงอวิ๋นรวมกับเนี่ยฟงจะเกิดพลังขั้นไร้ขอบเขตขึ้น. ปู้จิงอวิ๋นมีอีกชื่อหนึ่งคือ ฮั่วจิงเจี๋ย ซึ่งเป็นชื่อบิดาบุญธรรมของเขา ฮั่วปู้เทียน มอบให้ ปู้จิงอวิ๋นแต่งงานกับฉูฉู่ลูกสาวของจอมยุทธที่มอบแขนกิเลนไฟให้ แต่ได้หายตัวไปหลังจากสู้ครั้งสุดท้ายกับเพื่อปลดปล่อยมารจากเนี่ยฟง.

    เนี่ยฟงเนี่ยฟง (แปล: วายุกระซิบ) เป็นศิษย์คนสุดท้ายของสงป้า โดยสงป้าให้เป็นเจ้าตำหนักวายุ และถ่ายทอดกระบวนท่าเพลงเตะวายุกระซิบให้. ชื่อเสียงของเนี่ยฟงระบือไปทั่วยุทธภพเมื่อครั้งเยาว์วัยแต่กลับสังหารเจ้านครไร้ทัดเทียมผู้ซึ่งมีฝีมือสูงกว่าเขา 10 เท่าได้ (ภายหลังทราบว่าเป็นตัวปลอม เนื่องจากเจ้านครตัวจริงไปชมการประลองยุทธ์ของอู๋หมิงกับพั่วจิน). เนี่ยฟงเป็นบุตรชายของ ดาบคลุ้มคลั่งอุดร เนี่ยเหยินหวัง จึงได้รับสืบทอดสายเลือดคลุ้มคลั่ง และดาบดื่มหิมะมาจากเนี่ยเหยินหวังอีกด้วย. เนี่ยฟงเดินทางออกจากพรรคใต้หล้าในเวลาไล่เลี่ยกับปู้จิงอวิ๋น เนื่องจากการตายของขงฉื่อ เช่นกัน โดยเนี่ยฟงเชื่อว่าตนอาจเป็นสาเหตุให้ศิษย์พี่ทั้งสองทะเลาะกันได้ จึงได้เดินทางออกไป. ภายหลังฟงกับจิงอวิ๋นได้ปรับความเข้าใจกัน และร่วมมือกันเอาชนะสงป้าได้สำเร็จ. เนี่ยฟงเป็นสหายมนุษย์หนึ่งเดียวของกิเลนไฟ และได้กินองุ่นเลือดเข้าไปทำให้วรยุทธ์พัฒนาขึ้นมาก. ยามเจี้ยอู๋เสินจากตะวันออกบุกแดนตงง้วน อู๋หมิงได้รับบาดเจ็บ ไม่มีผู้ใดต้านเจี๋ยอู๋เสินไว้ได้ เนี่ยฟงจึงได้ยอมสละตัวเองศึกษาวิชามารเพื่อต่อกรกับเจี๋ยอู๋เสิน ทำให้มารเข้าแทรกและเมื่อบวกกับสายเลือดคลุ้มคลั่งจึงทำให้ควบคุมสติตนเองไม่ได้ ฆ่าคนไม่เลือกหน้า จนถึงกับลงมือฆ่ากิเลนไฟ และน้องชายร่วมมารดาไป. ภายหลังเนี่ยฟงได้แต่งงานกับสตรีอันเป็นที่รัก ตี้เอ้อม่ง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ณ ที่ห่างไกลยุทธภพ.

    อู๋หมิงอู๋หมิง (แปล: ไร้นาม) เริ่มแรกในเนื้อเรื่อง อู๋หมิงจะเป็นบุรุษลึกลับวรยุทธสูงส่ง ผู้ซึ่งเคยได้ช่วยจิงอวิ๋นสมัยยังเด็กไว้ เมื่อครั้งสงป้าสั่งให้ฆ่าล้างสกุลฮั่ว. อู๋หมิงอนุญาตให้จิงอวิ๋นดูตนเองถ่ายทอดวรยุทธให้เจี้ยนเฉินศิษย์เอกได้ แต่ไม่ยอมรับเป็นศิษย์เนื่องจากจิงอวิ๋นในยามนั้นเต็มไปด้วยความแค้น. ต่อมาภายหลังเราจึงได้ทราบว่าที่แท้ อู๋หมิงเป็นบุรุษและจอมกระบี่อันดับหนึ่งผู้ครอบครองกระบี่วีรชน ซึ่งว่ากันว่าเพลงกระบี่บรรลุถึงขั้นเซียนสวรรค์ และเป็นผู้เดียวที่เอาชนะเพลงกระบี่ทั้ง 22 เพลงของเทพกระบี่ได้ (เทพกระบี่คิดเพลงกระบี่ที่ 23 ได้หลังจากพ่ายแพ้แก่อู๋หมิง). อู๋หมิงสละชื่อของตนเอง (จึงใช้ชื่อไร้นาม) และออกจากยุทธภพเมื่อภรรยาถูกวางยาพิษโดยไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร (ภายหลังทราบว่าเป็นฝีมือพั่วจินศิษย์พี่) เนื่องจากตระหนักดีว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว มีชื่อเสียงมาก ย่อมมีคนปองร้ายมาก. อู๋หมิงจำเป็นต้องออกสู่ยุทธภพอีกครั้งเพื่อประเทศชาติ เมื่อยามตงง้วนเจอชาวตะวันออกนำโดยเจี๋ยอู๋เสินและจ้าวฟ้า (ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าฟ้าแห่งญี่ปุ่น) ยกทัพเข้ามา เมื่อครั้งเจี๋ยอู๋เสินบุก อู๋หมิงแม้สูญเสียวรยุทธ์ยังสามารถต้านเจี๋ยอู๋เสินไว้ได้หลายครั้งจากเคล็ดวิชาดูดพลัง ภายหลังยังได้ถ่ายทอดพลังให้ฟงอวิ๋นจนสามารถเอาชนะเจี๋ยอู๋เสินได้สำเร็จ. สำหรับศึกกับจ้าวฟ้านั้น อู๋หมิงยังบาดเจ็บและไม่อาจฟื้นฟูวรยุทธ์ แต่ด้วยจิงอวิ๋นไม่ถูกชี้นำด้วยความแค้นอีกต่อไป อู๋หมิงจึงได้รับจิงอวิ๋นเป็นศิษย์ ปลดผนึกและชี้แนะเพลงกระบี่ให้จิงอวิ๋นจนบรรลุขั้นไร้เสียง จนทำให้เจ้าฟ้าบาดเจ็บในที่สุด. เมื่อทั้งเจ้าฟ้าและอู๋หมิงไม่อาจแสดงวรยุทธ์ได้สมบูรณ์ จึงได้ตกลงประลองด้วยการจัดบอนไซซึ่งมีนัยแทนการแสดงเพลงกระบี่. เจ้าฟ้าได้แสดงเพลงกระบี่ไร้ที่ติผ่านการจัดบอนไซได้อย่างเหนือชั้น แต่อู๋หมิงกลับมองเคล็ดทั้งหมดออก และทำลายเพลงกระบี่นี้ด้วยการปักดอกไม้ลงไปเพียงหนึ่งดอก เหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้จ้าวฟ้าฆ่าตัวตายเนื่องจากทราบได้ว่าเพลงกระบี่ตนเอง ไม่ได้ไร้ที่ติ อีกต่อไปแล้วนั่นเอง.
     
  7. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ตัวเอกหญิง
    ขงฉื่อ
    ฉูฉู่
    ตี้เอ้อม่ง
    เหยี๋ยนอิ๋ง

    [แก้] ตัวร้าย
    สงป้า (แปล: ผู้ปราบสารทิศ)
    ต้วนล่าง
    เจี๋ยอู๋เสิน
    เจี๋ยซิน
    พั่วจิน
    เจ้าฟ้า
    มารกระบี่

    [แก้] ตัวละครเด่นอื่น ๆ
    กิเลนไฟ สัตว์ในเทพนิยาย อาศัยอยู่ในถ้ำดันเมฆ กุมความลับของเนื้อเรื่องในภาคหนึ่งนี้ไว้
    เทพกระบี่ เริ่มฝึกกระบี่ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และบรรลุศาสตร์แห่งกระบี่ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ คิดค้น 21 เพลงกระบี่จนลืนลั่นไปทั่วยุทธจักร. ในยุทธภพมีคำกล่าวว่า หนึ่งคน หนึ่งดาบ ใครกล้าต่อกร อันหนึ่งคนหมายถึงสงป้า ส่วนหนึ่งดาบหมายถึงเทพกระบี่. อย่างไรก็ตาม สมัยหนุ่ม ๆ ได้ท้าประลองกับอู๋หมิงอย่างลับ ๆ และถูกอู๋หมิงรับมือ 21 กระบวนท่าได้ทั้งหมด จึงยอมแพ้อู๋หมิงและวางมือจากยุทธจักรเป็นเวลานาน. ใน 7 วันสุดท้ายของชีวิตกลับคืนสู่ยุทธจักร ท้าประลองกับสงป้า เพื่อล้างแค้นให้กับเจ้านครไร้ทัดเทียมน้องชายร่วมสาบาน. ก่อนหน้าการประลองกับสงป้า ได้ท้าอู๋หมิงประลองอีกครั้ง แต่กลับถูกเจี้ยนเฉินศิษย์ของอู๋หมิงรับ 21 เพลงกระบี่ รวมทั้งเพลงกระบี่ที่ 22 ที่เพิ่งคิดค้นใหม่ได้ โดยเจี้ยนเฉินกล่าวว่าอู๋หมิงได้ทำนายว่าเทพกระบี่จะต้องคิดเพลงกระบี่ที่ 22 และ 23 ได้แน่นอน แต่อู๋หมิงยังหาวิธีรับมือเพลงกระบี่ที่ 23 ไม่ได้. จากผลการประลองกับเจี้ยนเฉินนี้ ทำให้เทพกระบี่คิดค้นเพลงกระบี่ที่ 23 กระบวนท่าเวลาหยุดนิ่ง ได้สำเร็จ ในขณะที่จะไปประลองกับสงป้า แต่ก่อนที่จะลงมือสังหารสงป้าได้หมดอายุขัยลงเสียก่อน จึงตายตาไม่หลับ จึงได้ไปเกิดใหม่ในชื่อหลงเอ๋อ ณ เวลาตายนั่นเอง โดยเป็นบุตรบุญธรรมของฟ่งอู่ ส่วนคัมภีร์เทพกระบี่นั้นตกอยู่ในมือปู้จิงอวิ๋น. หลงเอ๋อเมื่อเติบโตจะกลายเป็นยอดฝีมือและจะมีบทบาทในภาคหลัง ๆ ต่อไป.
    กระบี่โหย เป็นศิษย์น้องของมารกระบี่ ฝีมือกระบี่สูง แต่ก่อนไม่บรรลุวิชากระบี่ และเข้าใจว่าตนขาดกระบี่ที่เหมาะสม จึงเที่ยวตามหากระบี่วิเศษทั่วแผ่นดิน
    เจี้ยนหวง เป็นอาจารย์ลุงของอู๋หมิง และเป็นอาจารย์ของตี้เอ้อม่ง. เคยแอบดูวิชาหมื่นกระบี่สู่บรรพชน จึงถูกกักขังไว้ และจะถูกปล่อยก็เมื่อมีหาผู้ที่เหมาะสมกับเพลงกระบี่นี้ได้. ภายหลังพั่วจินวางยาพิษอู๋หมิง จนเอาชนะอู๋หมิงและชิงเพลงกระบี่นี้ไปได้ เจี้ยนหวงจึงออกมาจากที่คุมขัง. เจี้ยนหวงเสียชีวิตในการต่อสู้กับเจี้ยอู๋เสินอย่างกล้าหาญ โดยได้ปกป้องปู้จิงอวิ๋น และจอมยุทธ์อื่น ๆ ไว้.
    เจี้ยนเฉิน ศิษย์อันดับหนึ่งของอู๋หมิง อู๋หมิงตั้งใจว่าจะให้เป็นจอมยุทธ์แห่งคุณธรรม แต่เมื่อประลองยุทธแพ้ปู้จิงอวิ๋นต่อหน้าฉูฉู่ ที่ตนหลงรัก จึงเกิดความริษยา จากนั้นได้หลงกลไปเป็นศิษย์พั่วจิน ไปฆ่าผู้บริสุทธิ์มากมาย ข่มขืนฉูฉู่ และยังวางยาพิษกับตัวอู๋หมิงเองอีกด้วย ภายหลังเมื่อเห็นอู๋หมิงไม่ถือโทษ และยังห่วงใยเหมือนเดิม จึงได้กลับตัวเข้าสู้กับพั่วจินอย่างไม่คิดชีวิต จนเสียแขนไป 1 ข้าง
    ฉินซวง ศิษย์อันดับหนึ่งของสงป้า ใช้เพลงหมัดหิมะโปรย เป็นสามีของขงฉื่อ และเป็นเจ้าตำหนักหิมะ. ภายหลังทรยศสงป้า ร่วมมือกับฟงอวิ๋น จึงถูกทำลายแขนทั้งสองข้าง.
    เจ้ามังกร หนึ่งใน 3 บ่าวของอู๋หมิง ฝีมือสูง เป็นหัวหน้าพรรคปลาวาฬ
    ฟ่งอู่ หนึ่งใน 3 บ่าวของอู๋หมิง มีฝีมือด้านการยิงธนูที่เฉียบขาด แม่นยำ
    กุ๋ยหู่ หนึ่งใน 3 บ่าวของอู๋หมิง มีวิชาตัวเบาที่เหนือชั้น ตามเนื้อเรื่องกล่าวว่าเนื้อชั้นกว่าของเนี่ยฟงเสียอีก
    ปู้ชีไต้ซือ สหายสนิทของอู๋หมิง เคยสั่งสอนเนี่ยฟง ฝีมือสูงส่ง แต่ถูกพั่วจินสังหาร
     
  8. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    วัยเด็กของฟงและอวิ๋น
    เนื้อเรื่องของฟงอวิ๋นเริ่มต้นด้วยบุรุษนาม สงป้า ยอดฝีมือซึ่งหวังจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินตงง้วน. สงป้าได้ให้ธุลีดินทำนายอนาคตของตนเอง ธุลีดินจึงได้ทำนายอนาคตของสงป้าไว้ว่า สงป้าจะเป็นใหญ่ได้ ถ้าได้วาตะ-เมฆา (ฟง-อวิ๋น) ช่วยเหลือ แต่ธุลีดินยังได้กล่าวอีกว่า เมฆาแปรผันไม่หยุดนิ่ง วาตะรวดเร็วพัดผ่าน ตัวธุลีดินเองก็จึงไม่สามารถทราบได้ว่าแท้จริงแล้ว ฟงและอวิ๋นอยู่หนใด. อย่างไรก็ตามหลังจากนี้สงป้าได้ก่อตั้งพรรคใต้หล้าและได้แผ่ขยายอำนาจอย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วแดนตงง้วน.

    ต่อมาเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงเนี่ยฟง โดยเนี่ยฟงเมื่อยังเด็กอาศัยอยู่อย่างมีความสุขในชนบทกับบิดาและมารดาตามแบบครอบครัวชาวนาธรรมดาทั่วไป. แท้จริงแล้วบิดาของเนี่ยฟงคือ จอมดาบคลุ้มคลั่งอุดร นาม เนี่ยเหยินหวังผู้ครอบครองดาบดื่มหิมะ ที่หวังจะละทิ้งยุทธภพและใช้ชีวิตอย่างสงบกับครอบครัว ซึ่งตรงข้ามกับความต้องการของภรรยาของเขานามเหยียนอิ๋งผู้ซึ่งแต่งงานกับเนี่ยเหยินหวังก็เพื่อจะได้เป็นสตรีอันดับหนึ่งผู้สูงศักดิ์ แต่ปัจจุบันนางเป็นได้เพียง อาซ้อเนี่ย เท่านั้น. เนื่องจากเนี่ยเหยินหวังไม่ต้องการให้เนี่ยฟงยุ่งเกี่ยวกับยุทธภพ จึงไม่ได้สอนวิชาดาบให้ แต่กลับสอนเคล็ดใจน้ำแข็งซึ่งเป็นวิชาที่ใช้ควบคุมสติอารมณ์แทน. และแล้วจุดพลิกผันชีวิตของครอบครัวเนี่ยก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งมียอดกระบี่จากแดนทักษิณ ผู้ครอบครองกระบี่กิเลนไฟ นามต้วนซ่วย มาท้าประลองกับดาบคลุ้มคลั่งอุดร เนี่ยเหยินหวัง เพื่อวัดกันว่าใครจะเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งในแผ่นดิน. เนื่องจากเนี่ยเหยินหวังปฏิเสธไม่ยอมรับคำท้าประลองทำให้ ภรรยาของเขาผิดหวังมาก. ในคืนนั้นเนี่ยฟงได้ยินเสียงมารดาคุยกับบุรุษผู้หนึ่งซึ่งไม่ใช่บิดาของเขาว่า "เจ้าตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วใช่ไหม?" "ใช่". ยังไม่ทันที่เนี่ยฟงจะได้พูดอะไร บิดาของเขาซึ่งแอบฟังอยู่เช่นกันก็พาเนี่ยฟง บินไปยังหุบเขาที่ห่างไกล. เนี่ยเหยินหวังคลุ้มคลั่งมากกับการจากไปของภรรยา เนื่องจากเขาจงใจทิ้งเกียรติยศ ชื่อเสียง ทั้งหมดเพื่อนาง แต่นางกับทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี ทำให้เนี่ยเหยินหวังจับดาบดื่มหิมะอีกครั้ง และจอมดาบคลุ้มคลั่งอุดรก็กลับคืนสู่ยุทธภพ. เหตุการณ์นี้ทำให้เนี่ยฟงได้รู้ว่าสายเลือดตระกูลเนี่ยจะมี ความคลุ้มคลั่ง สืบทอดทางกรรมพันธุ์ทุกรุ่น และบิดาของเขาจึงได้ให้เขาฝึกเคล็ดใจน้ำแข็งเพื่อคุมสติตนเอง. แต่บัดนี้บิดาของเขาผู้ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดใจน้ำแข็ง ได้คลุ้มคลั่งและกลายเป็นปีศาจแห่งยุทธจักรที่ฆ่าคนไม่เลือก. ชีวิตที่สงบสุขของเนี่ยฟงจบลงภายในคืนเดียว คืนนั้นนั่นเอง.

    จากนั้นเนื้อเรื่องจะตัดไปยังวัยเด็กของปู้จิงอวิ๋น ... ปู้จิงอวิ๋นมีบุคลิกเงียบขรึมตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยพูดจากกับคนอื่น ๆ ปู้จิงอวิ๋นอยู่กับมารดาผู้ซึ่งเป็นม่ายเพียง 2 คน ภายหลังมารดาได้แต่งงานใหม่กับ กระบี่คุณธรรม ฮั่วปู้เทียน ปู้จิงอวิ๋นจึงได้รับชื่อใหม่ว่า ฮั่วจิงเจี๋ย. ฮั่วปู้เทียนแม้มีบุตรชายอีก 2 คนแต่ก็รักจิงเจี๋ยเหมือนบุตรแท้ ๆ ของตน แม้ว่ามารดาของจิงเจี๋ยได้เสียชีวิตไปแล้ว ปู้เทียนก็ยังดูแลจิงเจี๋ยเป็นอย่างดี จนทำให้ลูกชายแท้ ๆ อีกสองคนไม่พอใจจิงเจี๋ยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามจิงเจี๋ยไม่เคยเรียกปู้เทียน ว่าพ่อ เลยแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งนี้ทำให้ปู้เทียนคิดว่าจิงเจี๋ยยังไม่ยอมรับตนเป็นบิดา. จิงเจี๋ยมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธสูง สามารถเรียนรู้เพลงกระบี่สกุลฮั่วได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้ฮั่วปู้เทียนเอ็นดูจิงเจี๋ยมากขึ้นไปอีก แต่จิงเจี๋ยก็ยังคงเงียบขรึมเหมือนเดิม. อยู่มาวันหนึ่งเหตุการณ์ ที่พลิกผันชีวิตจิงเจี๋ยก็เกิดขึ้น เมื่อพรรคใต้หล้าของสงป้าได้แผ่ขยายอำนาจมาถึงเมืองที่สกุลฮั่วอยู่. สงป้าได้ส่ง มุสิกแดง ซึ่งเป็นจอมยุทธที่มีชื่อเสียงมาขู่ให้สกุลฮั่วยอมสวามิภักดิ์ ต่อพรรคใต้หล้า. ฮั่วปู้เทียนไม่ยอมสวามิภักดิ์ จึงได้เกิดการตอนสู้ขึ้น ฮั่วปู้เทียนแม้ขับไล่มุสิกแดงไปได้ ตนเองก็ได้รับบาดเจ็บ. อย่างไรก็ตาม ในระหว่างพักรักษาตัว ได้จิงเจี๋ยคอยปรุงยาให้กินเป็นอย่างดี ฮั่วปู้เทียนจึงซาบซึ้งเป็นอย่างมาก. ฮั่วปู้เทียนได้คิดแผนรับมือพรรคใต้หล้า แต่เมื่อประเมินแล้วคิดว่ามุสิกแดงบาดเจ็บหนักกว่าตน จึงจะรอให้พ้นงานครบรอบวันเกิดของตนเองไปก่อน ค่อยคิดวิธีต่อต้านอย่างจริงจัง. ฮั่วปู้เทียนได้ขอร้องให้จิงเจี๋ย มาในงานวันเกิดของตนเพื่อที่จะได้ประกาศให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า เขายังมีลูกชายที่น่าภูมิใจอีกคน ฮั่วจิงเจี๋ยแม้ไม่ได้เอ่ยปาก ก็พยักหน้าตกลง. ในงานวันเกิดฮั่วจิงเจี๋ยไม่ปรากฎตัว แต่กลับเป็นมุสิกแดงและ ค้างคาวไฟ พี่ชายที่ปรากฎตัวแทน ทำให้ปู้เทียนต้องรับศึกพร้อม ๆ กันถึงสองคนทั้งที่ยังไม่หายเจ็บ.

    ความจริงแล้วจิงเจี๋ยไม่เคยกล่าวเรียกปู้เทียนว่าบิดาเลย แต่ก็มีความสำนึกในบุญคุณของปู้เทียนเป็นอย่างมาก และคิดที่จะเรียกบิดาในงานครบรอบวันเกิด เพื่อเป็นของขวัญชิ้นหนึ่งนั่นเอง. ในวันนั้นจิงเจี๋ยไปดักรอสิงโต เพื่อที่จะนำหัวสิงโตไปมอบให้กับปู้เทียนโดยเฉพาะ ซึ่งเด็กอายุเพียง 8 ขวบอย่างเขาก็ทำสำเร็จจนได้. อย่างไรก็ตามเมื่อไปถึงบ้านสกุลฮั่ว จิงเจี๋ยกลับพบว่าบ้านตกอยู่ในกองเพลิง และบิดานั้นได้ถูกมุสิกแดง และค้างคาวไฟ สังหารต่อหน้าต่อตานั่นเอง. "ท่านพี่ ยังมีเด็กในสกุลฮั่วอีกคนนี่ ประมุขสั่งให้เราสังหารให้หมด ไม่เว้นแม้แต่ เด็ก สตรี" มุสิกแดงกล่าวถึงจิงเจี๋ย. "ไม่มีความจำเป็นที่ต้องฆ่าเด็กนั่น มันไม่ใช่คนในสกุลฮั่วหรอก" ค้างคาวไฟกล่าว "ก็ขนาดมันเห็นคนในสกุลฮั่วทุกคนถูกสังหาร มันยังไม่มีแม้นน้ำตาซักหยดเดียว". "จริงของพี่ใหญ่ ถ้างั้นเรารีบตัดหัวฮั่วปู้เทียนไปให้ท่านประมุขกันดีกว่า" มุสิกแดงกล่าวต่อไป. แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจิงเจี๋ยได้ตัดศรีษะของบิดาตนเอง แล้วรีบโยนเข้ากองเพลิงทันที. มุสิกแดงตกใจเป็นอย่างมากเนื่องจากสงป้า จะไม่ปล่อยให้พวกตนรอดแน่นอนถ้าไม่แน่ใจว่างานที่มอบหมายให้ได้เสร็จลุล่วงไปแล้ว มุสิกแดงจึงรีบหมอบกระโจนเข้าไปในกองเพลิงอย่างตื่นตระหนกทันที. และแล้ว จิงเจี๋ยที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก็ลงมือสังหารมุสิกแดงในขณะที่พุ่งเข้ากองเพลิงอย่างไม่ทันระวังตัว ที่แท้เด็ก 8 ขวบคนนี้ได้คำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว และพร้อมที่จะแลกชีวิตกับสองจอมยุทธ์ เพื่อล้างแค้นให้บิดานั่นเอง.


    [แก้] รายชื่อศาตราวุธที่มีชื่อเสียง
    กระบี่เลิศภพจบแดน (ปู้จิงอวิ๋น)
    กระบี่ไร้คู่เปรียบ (เทพกระบี่)
    กระบี่กิเลนไฟ (ต้วนซ่วย และ ต้วนล่าง)
    กระบี่วีรชน (อู๋หมิง และ เจี้ยนเฉิน)
    ดาบดื่มหิมะ (เนี่ยเหยินหวัง และ เนี่ยฟง)
    กระบี่จิ้งจอกโหย (พั่วจิน)
    ดาบสวรรค์ (พั่วจิน)
     
  9. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    นักบู๊ย่อมต้องฝึกปรือวิชาฝีมือ เพลงกระบี่ และกระบวนท่าต่างๆ แต่เมื่อฝึกแล้วกลับยึดติดอยู่กับเพลงกระบี่และกระบวนท่าแล้ว ก็ยากยิ่งที่จะสามารถฝึกฝนให้เข้าสู่ความเป็นเลิศได้

    เพลงกระบี่ (หรืออาวุธอื่นใด) กระบวนท่าวิชาฝีมือ เหล่านี้แท้จริงเป็นเพียงพื้นฐานของการศึกษาวิชาฝีมือ ต่อเมื่อสามารถฝึกปรือจนพ้นขอบเขตของเพลงกระบี่และกระบวนท่าแล้ว นั่นแหละจึงอาจนับได้ว่าประสบความสำเร็จ

    ...ความจริงวิชาบู๊ก็เช่นเดียวกันกับการดำรงชีวิตอยู่ในโลก ขอเพียงท่านยินยอมใส่ใจ ยินยอมพยายาม ไม่ว่าท่านจะทำเรื่องราวใด ต่างก็สามารถฝึกวิชาบู๊ของท่านได้เช่นกัน

    เมื่อฝึกปรือจนเกิดความชำนาญแล้ว ก็สามารถพลิกแพลงได้อย่างคล่องแคล่วเจนจัด จะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้ขอบเขตอันจำกัดของกระบวนท่า

    ...อาวุธเป็นสิ่งประดิษฐ์ของคน แล้วคนไยต้องตกอยู่ภายใต้ขอบเขตจำกัดของอาวุธ ?

    ...มีแต่หลุดพ้นจากขอบเขตจำกัด จึงสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ขึ้นได้

    แต่ บางครั้งความ " ไม่พลิกแพลง คือการพลิกแพลง " ยังพิสดารล้ำลึกกว่าความ "พลิกแพลง " อีก.....!!!!

    นี่เนื่องเพราะที่พลิกแพลงมิใช่กระบวนท่า มิใช่เพลงกระบี่

    กระบวนท่าอาจไม่จำเป็นต้องพลิกแพลง แต่กระบวนท่าในจิตกลับพลิกแพลงได้ตลอดเวลา ...เพลงกระบี่ดูไม่พลิกแพลง ! ...กระบวนท่าดูไม่เปลี่ยนแปร ! แต่ท่ามกลางความไม่พลิกแพลงเยี่ยงนี้ ได้ก่อให้เกิดความพลิกแพลงอยู่ไม่ขาดสาย

    นี่คือเคล็ดแห่งการจินตนาการสร้างสรรค์กระบวนท่า ที่สุดพิสดารคาดไม่ถึง เป็นสุดยอดของวิชาบู๊ ที่เป็นกลยุทธในการเปลี่ยนแปรวิชาฝีมือ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และคู่ต่อสู้

    " กระบวนท่าที่คิดไปไม่ถึง วิธีการต่อสู่ที่คิดไปไม่ถึง มักสร้างความแตกตื่นลนลานแก่ศตรู "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤศจิกายน 2007
  10. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ เป็นเรื่องราวของ...
    นักฆ่าเม่งแชฮุ้น คือ ดาวตก... จรัสฟ้า
    สาวงามเซี่ยวเตี๊ยบ คือ ผีเสื้อ... ประดับหล้า
    ตัวแทนแห่งอำนาจเล่าแป๊ะ คือ กระบี่... คลุมพสุธา

    โกว้เล้งได้สอดแทรกปรัชญาชีวิตและการค้นหาความหมายของชีวิต น.นพรัตน์ ผู้แปลนิยายได้ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้เป็นนิยายจิตวิทยา... ความรักที่ลึกซึ้งตรึงตรา การทรยศหักหลังที่คาดไม่ถึง นี่เป็นบทพิสูจน์ของคำว่า “ศัตรูที่น่ากลัวที่สุด คือสหายที่อยู่ข้างกาย” นั่นเอง

    หากคุณจะอ่านนิยายกำลังภายในเรื่องนี้ อย่าลืมว่าควรจะตั้งใจอ่านตั้งแต่ต้นเล่มหนึ่ง ซึ่งอาจจะค่อนข้างน่าเบื่อ แต่จริงๆแล้วซ่อนรายละเอียดต่างๆไว้อย่างมากมาย เมื่อคุณอ่านไปถึงเล่มสอง เรื่องราวต่างๆจะเริ่มกระจ่างมากขึ้น ปริศนาต่างๆจะเริ่มคลี่คลาย คุณอาจจะงงว่า ใครเป็นใคร ทำอะไรไปบ้าง และอาจจะต้องกลับไปอ่านเล่มหนึ่งใหม่


    เรื่องนี้มีข้อคิดที่ซุนเง็กแป๊ะ(เล่าแป๊ะ) สั่งสอนไว้มากมาย ประเด็นที่สำคัญที่สุดของเรื่อง คือ สหาย ตำราของขงจื้อกล่าวว่า สหายเปรียบดั่งแขนขา ภรรยาเปรียบดังเสื้อผ้า ตัวละครในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเล่าแป๊ะ เม่งแชฮุ้น เจี๊ยคุ้ง เอี๊ยบเซี้ยง ฯลฯ ต่างยึดถือความเป็นสหายเป็นสรณะ (จริงเหรอ แต่เราว่าเลือกภรรเมียดีกว่านา... เพื่อนน่ะ ช่างหัวมันเต้อ... เพื่อนจะมาดีกว่าเมียได้งายอ่ะ... เด็กงง)

    “คุณธรรม คือ ดีต่อสหาย บุรุษพึงยึดถือคุณธรรม ไม่เช่นนั้นกระทั่งสตรีก็สู้ไม่ได้” (ตอนข้าทาสอันจงรัก)

    “มีแต่บุคคลที่สัตย์ซื่อยึดมั่นต่อสหาย จึงควรคู่กับการเคารพยกย่องของผู้อื่น บุคคลที่ยอมกล้ำกลืนฝืนอัปยศเพื่อสหาย ยิ่งไม่เดียวดายตลอดกาล”

    ความจริงแล้วการมีสหายมากมายไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากลำบาก คือการมีสหายที่แท้จริงสักคน ที่สามารถร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับเราได้ทุกเวลา ในโลกยุคปัจจุบันนี้ การหาสหายที่จริงใจสักคนนับว่ายากแสนยาก เนื่องจากชีวิตแต่ว่าคน ย่อมมีข้อจำกัดของตนเอง การเป็นเพื่อนกันอาจจะเป็นได้ระดับหนึ่ง แต่หลังจากที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อนที่รักที่สุดก็อาจจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจก็ได้

    ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็เช่น เมื่อเพื่อนรักสองคนทะเลาะกันเพื่อแย่งหญิง คดีชู้สาวแบบนี้มีให้เห็นในชีวิตประจำวันทั่วไป หลายคนเห็นว่า เราไม่ควรทะเลาะกันเพื่อแย่งผู้หญิงสักคน ความเป็นเพื่อนย่อมสำคัญที่สุด แต่บางคนกลับยอมแตกหักกับเพื่อนรัก เพื่อให้ได้มาซึ่งหญิงที่ตนรัก ไม่รู้ว่าสวรรค์จะให้อภัยหรือเปล่าหากว่าเพื่อนทะเลาะกับเพื่อนเพื่อหญิง

    แต่จะว่าไปแล้วก็แปลกว่า ทำไมผู้ชายจึงสามารถยกหญิงให้กับเพื่อนรักของตนได้ แต่ว่าเพื่อนหญิงส่วนใหญ่มักจะทะเลาะกัน เพื่อแย่งชายคนรักของตน นั่นไม่ผิดหรือไร หรือว่าเป็นเพราะว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะเลือกชายที่ตนนัก เลือกครอบครัวมาเป็นอันดับแรก และจัดความเป็นสหายไว้ในอันดับที่รองลงมา ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

    “อุปนิสัยคน ความจริงยากแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง อาจบางทีมีแต่สตรีจึงสามารถแปรเปลี่ยน ความเสียสละเพื่อความรักของพวกนาง สุดที่บุรุษจะคาดคำนวณได้”
    (ตอนกลยุทธ์ของสตรี)

    เรื่องนี้กล่าวถึงผีเสิ้อ ซึ่งหมายถึง (ซุน)เซียวเตี๊ยบ แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว คงจัดอันดับความสำคัญของสตรีสามนางไว้ในอันดับเดียวกัน ซุนเซียวเตี๊ยบ กอเล่าตั่ว หงส์หงส์ ล้วนมีบทบาทสำคัญยิ่ง

    ซุนเซียวเตี๊ยบ... ผีเสื้อน้อยที่งดงาม โบยบินสร้างความสบายตาให้กับผู้คน คนที่รักนางมีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จริงหรือ...ที่สตรีนางหนึ่งที่เป็นที่รักของชายผู้หนึ่ง กลับถูกชายอีกผู้หนึ่งยึดถือเป็นเพียงนางบำเรอ และนางยังถือกำเนิดบุตรให้กับชายผู้นั้น ชีวิตของนางไม่น่าเศร้าสลดหรือไร คนที่เสียใจไม่ใช่มีแต่เพียงนางผู้เดียวเท่านั้น พ่อของนาง และคนที่นางรัก และรักนางก็ย่อมเจ็บปวดใจเช่นกัน แต่ข้าพเจ้าสงสัยยิ่งนัก จะมีชายใดบนโลกที่สามารถรับเป็นพ่อของเด็กที่ตนไม่ได้ให้กำเนิดมาได้บ้าง

    “ เม่งแชฮุ้นความจริงเข้าใจว่า ตนเองไม่ปวดร้าวเพราะการนี้ เนื่องเพราะมันรักเซี่ยวเตี๊ยบอย่างจริงใจ ไม่นำพากับอดีตของนาง แต่ตอนนี้มันเพิ่งทราบ มีความปวดร้าวบางประการที่ท่านมิเพียงไม่สามารถทนทานได้ กระทั่งลืมยังลืมไม่ได้ ” (ตอนชีวิตโพ้นทะเล)

    เรื่องที่ร้ายแรงเช่นนี้ จะไม่เป็นตราบาปไปตลอดชีวิตของหญิงผู้นั้นหรือไร แต่จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเช่นกัน ผู้ชายควรจะรับผิด(ชอบ)การกระทำของตนเองมากน้อยเพียงใด หากความสนุกชั่วข้ามคืนของคนสองคน เป็นต้นเหตุให้ฝ่ายหญิงต้องเศร้าเสียใจและทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต นั่นเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้วหรือ...

    กอเล่าตั่ว... นางนับได้ว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตของเด็กหนุ่มที่นางช่วยเหลือมา นางเป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อน ทั้งพี่สาว รวมไปถึงคู่ขาอีกด้วย เมื่อเยาว์วัย นางกระทำทุกอย่างแม้กระทั้งขายตนเอง เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูเขาเหล่านี้ เมื่อเติบใหญ่ขึ้น สมควรหรือไม่ที่คนเหล่านี้จะตอบแทนนางเมื่อนางขอร้อง พวกเขาจำเป็นต้องตอบแทนทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่ผิดต่อคุณธรรมด้วยหรือไม่

    “แต่ละบุคคล ล้วนมีสิทธิ์กำหนดอนาคตของตนเอง (แต่) มันพลันพบว่า หนี้บุญคุณที่มันติดค้างกอเล่าตั่วไม่มีวันชดใช้หมดสิ้น... ผู้ที่ติดค้างหนี้ผู้อื่น อาจบางทียังปวดร้าวกว่าถูกติดค้างอีก” (ตอนกลยุทธ์ของสตรี)

    หงส์หงส์... ข้าพเจ้าชอบตัวละครตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง (ข้าพเจ้าคิดว่าผู้หญิงอย่างซุนเซียวเตี๊ยบคงไม่มีอยู่แล้วในโลกนี้ ... หรือว่ามี ) นางเป็นสาวงามที่กอเล่าตั้วรับเลี้ยงไว้ในหอนางโลม และได้สอนวิชาความรู้ให้นางเอาตัวรอดบนโลกอันโหดร้ายนี้ได้ วิทยายุทธ์ต่างๆที่นางจะใช้ทั้งบนสนามรบและสนามรัก มารยาหญิงร้อยแปดเล่มเกวียนเพื่อจะเอาชนะใจชาย... “อาชีพ” หญิงงามเมือง ซึ่งนับได้ว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนี้ ไม่ได้ผิดอะไร นับเป็นการประกอบอาชีพอย่างสุจริต แต่ว่าต้องเปลืองตัวมากกว่าอาชีพอื่นเป็นไหนๆ


    ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ กล่าวถึงการขายตนเองอยู่สองประเด็น คือหนึ่ง การขายตนเองของหญิงงามเมือง (ซึ่งเข้าใจได้ไม่ยากนัก) และการขายตนเองของนักฆ่า ผู้ที่เป็นนักฆ่านั้นฆ่าคนให้กับผู้ว่าจ้าง ก็เท่ากับว่าเขายอมขายตนเองเพื่อแลกกับเงินทอง ที่อยู่ สตรี นักฆ่าเหล่านี้กลับไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ในโลกนี้มีเรื่องประหลาดเช่นนี้ด้วยหรือ นักฆ่าที่เก่งกาจอย่างเม่งแชฮุ้นมีแต่ฆ่าคนให้กับกอเล่าตั้ว แต่กลับไม่คิดฆ่าคนที่คนให้กับตนเอง...

    “นางคณิกาเพียงถูกคุกคามให้ร่วมรักกับบุคคลที่พวกนางไม่ชอบ เม่งแชฮุ้นกลับถูกคุกคามให้ฆ่าคนที่ตนเองไม่ต้องการฆ่า อาจบางทีค่าตอบแทนของมันสูงกว่า แต่ก็เป็นการขายตนเองเช่นกัน” (ตอนตั่วเจ้ผู้เลอโฉม)

    ข้าพเจ้าประทับใจหลายๆประโยคในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และก็คิดว่าคนที่ผ่านความรู้สึกเหล่านี้มาจริงๆเท่านั้น จึงจะเข้าใจประโยคเหล่านี้อย่างกระจ่าง ข้าพเจ้าสำนึกตัวอยู่ตลอดว่าตนเองยังเด็กนัก เมื่อเทียบกับผู้มีประสบการณ์ทั้งหลาย ดังนั้นจึงคิดรวบรวมข้อคิดเพื่อเตือนใจตนเอง และให้ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ทดลองอ่าน เผื่อว่าจะสนใจติดตาม หรือสำหรับผู้ที่ไม่เคยอ่านนิยายจีน นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณอยากอ่านขึ้นมา

    ตอนภารกิจเพชฌฆาต

    “ไม่ว่าเรื่องใดล้วนสะสางง่ายดาย ที่ลำบากยากเย็นคือการรอคอย แต่ทว่า เพียงสามารถสะกดกลั้นใจรอคอย จะช้าเร็วโอกาสย่อมมาถึง”

    “เม่งแชฮุ้นยังไม่เคยใช้เวลากว่าสามเดือนฆ่าคนผู้หนึ่งมาก่อน นั่นมิใช่สืบเนื่องจากเพลงกระบี่ของมันรวดเร็วกกว่าเดิม หากแต่จิตใจมันเยียบเย็นกว่าเดิม ฝีมือก็อำมหิตกว่าเดิม”


    ตอนกระจกเงามือสังหาร

    “ที่นี้ไม่มีสิ่งใดที่เงินทองซื้อไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินทอง”
    “ต่อให้เป็นบุตรในสายเลือด ก็มิสู้เงินทองในกระเป๋า”

    “โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากคลาดแคล้วแล้วจะไม่อุบัติซ้ำ แต่ชั่วชีวิตคนต้องมีโอกาสเช่นนี้สักครา วิงวอนท่าน หากแม้นมีสตรีนางหนึ่งรักท่านอย่างจริงใจ ยินยอมติดตามท่าน ขออย่าได้ปล่อยปละละเลย” (รู้เปล่า... ถ้าคุณจะหาเธอเจออ่ะนะ)

    ตอนประมวลอยุติธรรม

    “ขอเพียงใจท่านเป็นของเรา ใจเราเป็นของท่าน พวกเราก็ไม่ต้องกลัวทุกเรื่องราว” (จริงเหยอ?...)

    ตอนระบบฟันต่อฟัน

    “ในโลกนี้ ความจริงมีสตรีประเภทหนึ่งไม่ทราบว่าอันใดคือความอับอาย? อันใดคือความอัปยศอดสู? ผู้อื่นหยามย่ำยีนาง นางกลับเบิกบานใจ หากไม่หยามย่ำยีนาง นางกลับรู้สึกอัปยศอับอาย”

    “นางเป็นคณิกาชมชอบขายตัวจริงๆ ทุกวี่วันล้วนคิดขึ้นเตียงกับบุรุษเพศ หากให้นางไม่คบชู้ยังยากเย็นกว่าไม่ให้สุนัขรับประทานอาจม ข้าพเจ้าขบคิดไม่เข้าใจจริงๆว่าม้ออุ้ยนึกหาวิธีใดได้”
    “คณิกาที่ปราศจากลมหายใจ ย่อมไม่สามารถคบชู้ได้”

    “มีเงินทองไม่มีเงินทอง พึงแต่งภรรยารับขวัญปีใหม่อย่างน้อยในค่ำคืนฤดูหนาว ท่านพอกลับจากเบื้องนอกที่หนาวเหน็บ สามารถมุดเข้าผ้าห่มอันอบอานของภรรยา นางรับรองไม่ขับไล่ท่านออกมา... มีแต่ภรรยาจึงห่มผ้าว่างเปล่ารอคอบท่านกลับไปทุกค่ำคืน” (ถูกต้องนะคร้าบ...) (แต่ถ้าท่านจะกลับบ้านเร็วกว่าปกติ กรุณาแจ้งให้ภรรยาท่านทราบด้วย ผ้าห่มจะได้ว่าง...ฮะๆ)

    “สตรีคล้ายม้าตัวหนึ่ง บุรุษคือคนขี่ ขอเพียงคนขี่มีความสามารถ ไม่ว่าเป็นม้าพยศปานใด สุดท้ายจะกลับเป็นเชื่องเชื่อ ท่านหากให้นางมุ่งสู้ทิศตะวันออก นางรับรองไม่กล้าสู่ตะวันตก” ( หุหุ...)

    “การปลิดชีวิตผู้อื่นหามีประโยชน์ต่อตนเองไม่ แต่หากสามารถได้รับความเคารพเชื่อฟังจากผู้อื่น จะเป็นประโยชน์อเนกอนันต์”

    ตอนประจันเจ้าหมื่นอินทรี

    “เราไม่คิดเข้าใจผู้คนจนซึ้งกระจ่าง เพียงทราบว่าในโลกนี้มีบุคคลสองประเภท หนึ่งคือสหาย หนึ่งคือศัตรู คิดเป็นศัตรูหรือสหาย เราล้วนแต่เลือกเฟ้น ไม่มีหนทางที่สามอีก” (คงเหมือนกับในเรื่องโรมิโอกับจูเลียต คุณไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะอยู่ฝ่ายไหน คาปูเลต์ หรือว่ามงเตกู พระเจ้าได้เลือกไว้ให้ท่านแล้ว คนที่เหมือนกันมีแนวโน้วที่จะไปอยู่ใกล้ๆกัน... นกกามักจะรวมกลุ่มกันอยู่เช่นไร พวกช่างนินทาก็มักจะรวมกลุ่มกันอยู่เช่นนั้น..สาธุ... )

    “ท่านทางที่ประเสริฐสามารถทำให้ศัตรูประเมินขุมกำลังท่านต่ำทรามไป ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เพาะศัตรู มีแต่ชาวชนบทอันโง่งม จึงได้ประดับทรัพย์อยู่บนร่างจนหมดสิ้น” (แต่เวลาท่านเก็บเงินไว้ที่บ้าน ก็มักจะมีขโมยมาขึ้นบ้าน เวลาท่านเก็บเงินไว้กับตัว ก็มักจะถูกล้วงระหว่างทาง... ขออย่าให้เป็นเช่นนั้น)

    “หากท่านคิดโค่นทำลายคนผู้หนึ่ง หากไม่อาจชิงจู่โจม ก็ต้องรอจนฝ่ายตรงข้ามคลายใจสนิท”

    ตอนมือฆ่าที่เหนือชั้น

    “ความล้มเหลวก็มีความสุขที่สืบเนื่องจากความล้มเหลว อย่างน้อยผู้ที่ประสบชัยไม่มีวันเสพทราบได้”

    “มันไม่ตอบคำ เนื่องเพราะมันไม่เข้าใจลึกซึ้งเพียงพอ... มันไม่เคยแสดงความเห็นใดๆ ต่อเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจมาก่อน”
    ( คุณครูบอกนู๋ว่า Don’t try to be clever.)

    ตอนการตอบโต้อันทารุณ

    “บุตรชายตกแต่งภรรยาแล้ว เราไม่ชราภาพได้หรือ?”
    “คนดื่มสุรามักเห็นใจคนดื่มสุราด้วยกัน” (เหอๆ...)

    “การชมเชยผู้อื่น นับเป็นประสบการณ์น่าประหลาดชนิดหนึ่ง ท่านยิ่งชมเชยบุคคลอื่น จะพบว่าตนเองยิ่งได้รับประโยชน์”
    (แต่การชมเชยที่ไม่จริงใจ ผู้ฟังก็คงจะฟังออก ดังนั้นอย่าได้...เป็นอันขาด (เติมคำสองพยางค์)

    ตอนสองเพชฌฆาตเผชิญหน้า

    “บุคคลที่อยู่ในช่วงการเสาะแสวงหาโดยไม่หยุดยั้ง อาการกระเสือกกระสนดิ้นรนในจิตใจ อาจยังรวดร้าวกว่าปลาที่ติดอยู่ปลายเบ็ด เนื่องเพราะมันแม้อยู่ในระหว่างการแสวงหาไม่หยุดยั้ง กลับไม่ทราบว่าที่ตนเองแสวงหาที่แท้เป็นอะไร?” (ประมาณว่า นี่กูกะลังทำอะไรอยู่เนี่ย...)

    “ประสบการณ์ คือ บทเรียน ไม่เพียงบันดาลให้ผู้คนฉลาดขึ้น ทั้งยังสามารถช่วยให้ผู้คนมีชีวิตยืนยาวกว่าเดิม... มีแต่ประสบการณ์ที่ได้จากภยันตรายและความปวดร้าวจึงทรงคุณค่าอย่างแท้จริง”

    ตอนระหว่างการเลือกเฟ้น

    “คนผู้หนึ่งสามารถมอายุยืนยาวปานใด หามีความสำคัญไม่ ประการสำคัญต้องดูว่ามีชีวิตเยี่ยงไร? มีชีวิตอย่างมีคุณค่าหรือไม่?”

    ตอนดาวตกคู่ผีเสื้อ

    “ ทุกผู้คนล้วนมีความคับแค้นยากจะกล่าว อย่าว่านี่เป็นเรื่องบีบคั้นจิตใจนาง อาจบางทีกระทั่งนางเองยังไม่ปรารถนาคำนึงถึง ท่านผู้เป็นบิดาไยต้องคุกคามนาง” (เครียดแทนเรย...)

    “มโนธรรมสถิตในจิตใจคนชั่วนิรันดร์ แผนการร้ายล้วนล้มเหลว” (ชะมะ... พระท่านสอนว่า เราเป็นคนดีซะอย่าง พูดดี ทำดี คิดดี ใครไม่ดีก็จะแพ้ภัยตัวเอง...)

    ตอนกระบี่และอำนาจ

    “ ความยโสถือดี คือ ความชะล่าเลินเล่อ ไม่ว่าความเลินเล่อเล็กน้อยปานใด อาจเป็นความเลินเล่อถึงแก่ชีวิต”

    ตอนรู้จักหน้าไม่รู้จักใจ

    “ในโลกนี้ไม่มีเรื่อง “เด็ดขาด” (เรื่องอะไรๆก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้น อย่าได้มั่นใจมากไปนัก... ต้องดูกันต่อไปนิ)

    “อย่าได้ถ่ายทอดความรู้ของเจ้าต่อบุคคลอื่นจนหมดสิ้น เนื่องเพราะมันหลังจากเรียนรู้ ไม่แน่นักว่าจะใช้ย้อนจู่โจมต่อเจ้า ดังนั้น อย่างน้อย เจ้าสมควรเหลือหมากตาสุดท้ายไว้” (แบบนี้จะเรียกว่า หวงความรู้หรือเปล่านะ...ก็คงไม่หรอก เพราะว่าพวกศิษย์คิดล้างครูมีเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว)

    “คนผู้หนึ่ง หากกระทั่งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากยังสามารถตัดใจฆ่าทิ้งเพื่อเสริมสร้างความเชื่อถือที่บุคคลอื่นมีต่อมัน ยังมีเรื่องชั่วร้ายใดที่ทำไม่ได้” (เลวมากๆ...)

    “บุคคลที่ผู้อื่นสังเกตโฉมหน้าที่แท้จริงของมันไม่ออก จึงเป็นบุคคลน่าสะพรึงกลัวที่สุด” (พวกหน้าเนื้อใจเสือ ต่อหน้าคนอื่นทำตัวเป็นคนแสนดี... เหอะๆ... ใครจะรู้ว่ามีเบื้องหลังอะไรบ้าง )

    “ท่านทราบเรื่องยิ่งมาก ความยุ่งยากยิ่งเพิ่มพูนทวี” (แต่ถ้าไม่รู้ ก็เหมือนโง่ๆน่ะ...ว่าเปล่า)

    ตอนชายโฉดหญิงสามานย์

    “ไม่ว่าผู้ใดยินยอมมอบโฉนดที่ดินนั้นให้แก่เรา เราจะขึ้นเตียงกับบุคคลนั้น” (น่าสนใจนิ...)

    “ท่านสมควรทราบ ต่อให้เป็นสตรีที่สามารถปกปิดความลับที่สุด หลังจากอยู่ร่วมกับบุรุษผู้หนึ่งเป็นแรมปี จะแปรเปลี่ยนเป็นปราศจากความลับใดๆ”

    “ท่านหากได้เห็นรอยยิ้มอันแจ่มใสของคนทั้งสอง ย่อมเข้าใจว่าทั้งสองเป็นบุคคลที่น่าสนิทสนมที่สุด... ในโลกนี้ยังมีบุคคลที่ซ่อนดาบในรอยยิ้มอยู่มากหลาย เป็นดาบที่ฆ่าโดยไม่เห็นเลือดชนิดหนึ่ง”

    ตอนกลยุทธ์ของสตรี

    “บุรุษมักเห็นว่า สตรีคือเพศอ่อนแอ เข้าใจว่าสามารถกำหนดชะตากรรมของสตรี หาทราบไม่ว่าชะตากรรมของบุรุษส่วนใหญ่ กลับตกอยู่ในเงื้อมมือสตรี”

    “อิสตรีที่ชาญฉลาดล้วนทราบ กลยุทธ์ที่ใช้จัดการบุรุษเพศที่ดีที่สุด คือ ให้บุรุษรู้สึกว่านางอ่อนแอเปราะบาง ดังนั้น สตรีที่ดูเผินๆอ้อนแอ้นอ่อนแอที่สุด แท้จริงยังเข้มแข็งแกร่งกร้าวกว่าบุรุษส่วนใหญ่มากนัก” (แต่ตอนนี้มีแต่คนคิดว่า โอว... เธอจะเป็นคนที่ดูแลเราไปได้ตลอดชีวิต... เป็นงั้นซะ)

    ตอนข้าทาสอันจงรัก

    “มันเป็นบุคคลที่ประเสริฐเลิศยิ่ง ทั้งสัตย์ซื่อทั้งจงรัก ทั้งยึดถือคุณธรรม เจ้าหลังจากเติบใหญ่ หากประพฤติได้เยี่ยงมันสักครึ่งหนึ่ง ก็ไม่เสียทีที่เป็นลูกผู้ชายชาตรี”

    ตอนชีวิตในจุดอับ

    “สตรีหากคิดทำร้ายบุคคลอื่น มักสามารถเสาะแสวงหาถ้อยคำอันชั่วร้ายที่สุดเอื้อนเอ่ยออกมา คล้ายกับธาตุแท้ของพวกนางชั่วร้ายเฉกเช่นกับพิษที่มีมาแต่กำเนิดของงูแมวเซาก็ปาน” (นู๋ไม่เคยคิดทำร้ายใคร... แต่ทำไปบางทีไม่ทันได้คิดอ่า...โต้ดน้าๆ)

    “พวกมันมักทำร้ายบุคคลอื่น เพื่อปกป้องตนเอง ที่พวกมันที่พวกมันทำร้าย ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่สนิทสนมกับตนเองที่สุด เนื่องเพราะพวกมันเพียงสามารถทำร้ายคนเหล่านี้ เท่ากับทำร้ายตนเองด้วย”

    “ต่อให้เป็นบุคคลที่จัดเจนในการพูดปดที่สุด ดวงตาก็ไม่สามารถโป้ปดหลอกลวง”

    “บุรุษในโลก น้อยคนนักที่ไม่ชมชอบการกิน ดังนั้นสตรีที่มือฝีมือในการปรุงอาหารไม่ต้องกังวลหาสามีไม่ได้” (แล้วพวกที่ทำกับข้าวไม่เป็นทำไงละเนี่ยตู... แต่ว่าช่วงหลังพัฒนาขึ้นมากแระ... ไข่เจียวเลิกไหม้แล้ว)

    “สตรีหากไม่ชมชอบท่าน ต่อให้ท่านใช้นางเข้าครัวไปผัดผักจานหนึ่ง นางก็ไม่ยินยอมเด็ดขาด”

    “บุรุษส่วนใหญ่แม้ไม่ชมชอบภรรยาของตน ยังซื้อเสื้อผ้าสวยงามให้ภรรยาสวมใส่ เพื่อตนเอง เพื่อรักษาหน้าตนเอง ซึ่งความจริงในใจมันปรารถนาให้ภรรยามันใช้เพียงใบไม้ห่อหุ้มกาย”

    “ความจริงสตรีส่วนใหญ่ล้วนชาญฉลาด นางหากทราบว่าไม่มีปัญญาโค่นท่านล้ม นางเองจะโอนเอนมายังด้านท่าน” (จะให้ทำยังไงด้าย...)

    ตอนพลีชีพทดแทนคุณ

    “บุรุษชอบเห็นสตรีทำงานเพื่อมัน เนื่องเพราะมีแต่ช่วงเวลานี้มันจึงพบว่าสตรีนี้ชมชอบมันอย่างแท้จริง มิหนำซ้ำเป็นของมันอย่างแท้จริง” (พวกผู้ชายมักจะชอบแสดงความเป็นเจ้าของ... รึเปล่านะ)

    ตอนขันอาสาส่งข่าว

    “สตรีและทารกมิใช่บุคคลที่ยอมเสียสละทุกสรรพสิ่งเพื่อปกปิดความลับให้กับบุคคลอื่น”

    ตอนเพชฌฆาตใจเพชร

    “ระหว่างบุรุษหนุ่มกับชายชรา ความจริงเหินห่างกันช่วงใหญ่... ชายชรามักเห็นว่า บุรุษหนุ่มอ่อนเยาว์มิรู้ความ บุรุษหนุ่มก็คิดเห็นว่า ชายชราบัดซบงมงาย”

    ตอนอาคันตุกะอรุณ

    “การอบรมที่พวกมันได้รับ ไม่ได้บอกต่อมันว่าเรื่องใดถูกต้อง เรื่องใดไม่บังควร มันเพียงทราบ อันใดคือพระคุณ อันใดคือความแค้น เพียงทราบทั้งสองประการนี้ล้วนไม่อาจติดค้างได้” (บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ - ตังค์ที่ยืมไว้ มีแล้วจะจ่ายคืนนะค้า)

    “ในโลกนี้มีเรื่องประการเดียวที่ไม่แปรเปลี่ยนตลอดกาล คือ ความผูกพันฉันสหาย”

    ตอนผลที่คาดไม่ถึง

    “นกสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายตายฆ่าสุนัขล่าเนื้อ” (เมื่อรบชนะ เหล่าขุนพลก็หมดประโยชน์)
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ไซมึ้งชวยเซาะ
    .
    ไผ่ขจีกล่าวเสียงเย็นชาว่า

    "พวกเราต้องการพบไซมึ้งชวยเซาะที่ทำลาย ท่ากระบี่ เซียนเหินจากเหนือฟ้า ในกระบี่เดียว ตั้งแต่แรก"

    ไซมึ้งชวยเซาะพลันกล่าวว่า

    "ท่านผิดแล้ว"

    "ผิดในที่ใด?"

    "เพลงกระบี่ของเจ้านครเมฆขาว เฉกเช่นฟ้าครามเมฆขาว ไร้ตำหนิ ไร้ธุลี ไม่มีผู้ใดทำลายท่ากระบี่นี้ของมันได้"

    "แต่ท่านกลับทำลายแล้ว"

    "ที่ทำลายท่าเซียนเหินจากเหนือฟ้า มิใช่เรา"

    "ไม่ใช่ท่าน.. เป็นผู้ใด ? "

    "เป็นตัวมันเอง"

    ไผ่ขจี และสนเดียวดาย ไม่เข้าใจคำพูดของไซมึ้งชวยเซาะ น้อยคนนักที่จะเข้าใจได้

    "เพลงกระบี่แม้ไร้ธุลี แต่ในใจมันบังเกิดธุลี"

    ดวงตาไซมึ้งชวยเซาะเป็นประกายกล่าวต่อไปว่า

    "แก่นแท้ของเพลงกระบี่ อยู่ที่ ความซื่อสัตย์จริงใจ... ในใจคนผู้หนึ่ง หากบังเกิดธุลี ไหนเลยไม่พ่ายแพ้ได้"
     
  12. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ไซมึ้งชวยเซาะ
    .
    แม้มันจะชมชอบชุดขาวราวหิมะ แต่กระบี่ที่สะพายอยู่หว่างเอว กลับเป็นสีดำสนิท ดำสนิทและเรียวยาว
    เล่ากันว่า ตอนหนุ่มฉกรรจ์ , แม้กระทั่งอาบน้ำและหลับนอน มือของมันยังโอบกอดกระบี่ เป็นกระบี่ยาว 3 เชียะ 6 นิ้ว น้ำหนัก 7 ชั่ง 10 ตำลึง

    ไซมึ้งชวยเซาะ มีนิสัยประหลาด พิกล เพลงกระบี่ ก็พลิกแพลงพิกล ขณะที่มันตกลงใจฆ่าคนใดคนหนึ่ง ก็กำหนดหนทาง 2 สาย เอาไว้

    " ไม่ใช่ท่านตาย , ก็เป็นเราสิ้น ! "

    เนื่องเพราะมันยึดถือการฆ่าคนเป็นเรื่องสวยงาม และสูงส่งเช่นนี้เอง มันจึงไม่เพียง ชมชอบการแต่งชุดขาว หากแต่ก่อนออกไปฆ่าคนทุกครั้ง มันจะประพฤติ มังสวิรัติ กินอาหารเหลว และน้ำดื่มบริสุทธิ์ เป็นเวลา 3 วัน .......เนื่องเพราะมันเห็นและรู้สึกว่า เรื่องราวที่มันจะไปกระทำ เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด.......

    มันกำลังจะไปฆ่าคน !


    " ท่านเรียนเพลงกระบี่ " ไซมึ้งชวยเซาะถาม

    " เราคือกระบี่ " เจ้านครเมฆขาวตอบ

    " ท่านทราบหรือไม่ว่า แก่นแท้ของเพลงกระบี่ อยู่ที่ใด " ไซมึ้งชวยเซาะถามและก็ตอบด้วยว่า

    " อยู่ที่ความสุจริต มีแต่สุจริตธรรม จึงสามารถฝึกปรือเพลงกระบี่ถึงขั้นสุดยอด คนที่ปราศจากความสุจริตใจ ย่อมไม่คู่ควรกับการวิจารณ์กระบี่ "

    ไซมึ้งชวยเซาะ เขม็งตาเพ่งมองเจ้านครเมฆขาว

    " ท่านไม่มีความสุจริตใจ "

    เมื่อจิตใจไม่สุจริต เที่ยงธรรม , วิถีกระบี่ ก็พลอยเอนเอียง !


    " คืนเพ็ญเดือนเก้า , เหนือยอดต้องห้าม ราชวังหลวง...

    กระบี่เดียวหยดโลหิต พิชิตเซียนเหินจากเหนือฟ้า "

    นั่นคือเพลงร้อง จากปากต่อปาก , กระหึ่มในยุทธจักร.......
     
  13. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    อาฮุย
    .
    ... แรกที่ ลี้คิมฮวง เห็น อาฮุย , อาฮุย เดินอยู่ท่ามกลางหิมะและสายลมหนาว อันยะเยียบ เดินช้าอย่างยิ่ง ฝีเท้าเบาแผ่วอย่างยิ่ง แม้ได้ยินเสียงล้อรถบดพื้น และเสียงม้าร้อง แต่มันก็ยังคง ย่างก้าวเดินไปข้างหน้า , ดูราวกับ ยากจะมีเรื่องราวใด สามารถดึงดูดให้มันหันไปสนใจได้

    มันทั้งไม่มีร่ม และไม่มีหมวก , ทั้งยังสวมเสื้อผ้าบางเบาเพียงชิ้นเดียว แม้หิมะจะละลาย หยาดไหลจากศีรษะหยดลงสู่ใบหน้าและเอิบซ่านเข้าไปตามซอกคอ และแผ่นอก แต่ร่างของมัน ก็ยังยืดตรงดั่งปลายทวน ตลอดร่างของมัน , ดูไปแล้วคล้ายเป็นกระบี่ ที่เสียบอยู่กับเอว

    กระบี่ที่ไม่มีฝัก !
    กระบี่ของมัน แทบมิอาจนับว่าเป็นกระบี่ได้เลย เสมือนเป็นของเล่นของเด็กทารกมากกว่า เนื่องเพราะเป็นเพียงแผ่นเหล็กที่มีความยาว 3 เชียะเศษ ทั้งไม่มี คมกระบี่ และทั้งไม่มีโกร่งกระบี่ กระทั่งด้ามกระบี่ก็ยังไม่มี มีแต่ใช้ไม้บาง - บาง 2 แผ่น ตอกไว้ 2 ฟากข้าง ก็นับเป็นด้ามกระบี่แล้ว

    กระบี่อันเสียบกับสายรัดเอวของมันนี้ แรกเห็นคนมักจะหัวร่อ
    แต่รอเมื่อ มันชักออก คนก็มักจะหัวร่อไม่ออก
    กระบี่ของมันเร็ว , เร็วอย่างร้ายกาจ !

    ......" ข้าพเจ้าไม่รู้จักเพลงกระบี่ ข้าพเจ้าเพียงรู้จักใช้กระบี่แทงเข้าคอหอยของศัตรู ด้วยวิธีใดเท่านั้น กับคนที่ใช้กระบี่ , ความหมายของคำว่าช้า ก็คือ ตาย "..........

    แม้กระบี่ของอาฮุยจะเร็ว , อำมหิต , มั่นคงและแม่นยำอย่างยิ่ง แต่ด้วยวัยเพียง 20 ที่เพิ่งหลุดพ้นจากป่าเขากันดาลและรกร้าง กล่าวในสายตาของชาวบู๊ลิ้ม อย่างมากมันสามารถเป็นได้ก็เพียงทารกที่ยังด้อยประสบการณ์ กับศัตรูที่ถืออาวุธพร้อมจะเข่นฆ่ากันและกัน มันเด็ดเดี่ยวห้าวหาญอย่างที่สุด

    " เสียดาย กระบี่ของข้าพเจ้า กลับไม่เข้าใจคำสั่งของผู้ใดทั้งสิ้น มันรู้จักแต่ฆ่าคนเท่านั้น "

    แต่...กับคนอย่าง ลิ่มเซียนยี้ โฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งบู๊ลิ้ม , ผู้มากด้วยเล่ห์และเป็นเอกในเชิง " ข้าพเจ้าฆ่าคน มิเพียงไม่เห็นโลหิตเท่านั้น ( หาก ) แต่ยังไม่ต้องใช้มีด กระบี่อีกด้วย " อาฮุย กลับไม่มีปัญญาจะตีหักด่านออกไปได้ในพริบตา

    หัวใจของอาฮุยแข็งแกร่งราวศิลาแลง แต่เมื่อมือนุ่มนวลของ ลิ่มเซียนยี้ ค่อย - ค่อยลูบไล้ ไปบนหน้าอย่างอ่อนโยน หัวใจมันมิทราบเป็นอย่างไรไปแล้ว กลับมีสภาพเฉกเช่นกับน้ำนิ่ง ในบ่อโบราณ พลันเกิดระลอกจนกระฉอกไปมา....
     
  14. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    อาฮุย
    .
    อาฮุย ความจริงเป็นคนโดดเดี่ยวและว้าเหว่ แต่บัดนี้กลับทราบว่า มีคนกำลังคอย...คนที่รักปานดวงใจ กำลังรอคอยอยู่ ความรู้สึกเยี่ยงนี้ นับว่าสุขซึ้ง ตรึงใจ ในโลกต้องไม่มีเรื่องราวใดเปรียบกับเรื่องนี้ได้ และต้องไม่มีเรื่องราวใดแทนเรื่องนี้ได้ด้วย

    แต่..หัวใจลี้คิมฮวง กลับวาบหวิว เมื่อแลเห็นสีหน้าเปี่ยมประกายความสุขของ อาฮุย ลี้คิมฮวงพลันรู้สึกมีโทษทัณฑ์ความผิดทันที

    ลี้คิมฮวง ความจริงไม่อำมหิตพอให้อาฮุยต้องผิดหวัง

    ลี้คิมฮวง ยินยอมไปรับทุกข์ทรมานทั้งมวลก็ไม่ยินยอมให้อาฮุยผิดหวัง

    แต่บัดนี้ ลี้คิมฮวง กลับจำเป็นต้องให้อาฮุยผิดหวังแล้ว

    ลี้คิมฮวง ไม่มีปัญญาคิดคำนวณ ยามเมื่ออาฮุยกลับไปแล้วไม่พบลิ้มเซียนยี้ จะกลับกลายเป็นสภาพใดแน่ ?

    มาตรแม้นกระทำเยี่ยงนี้ เพราะหวังดีต่ออาฮุยเท่านั้น หวังให้อาฮุย มีชีวิตต่อไปโดยสุขสมบูรณ์ มีชีวิตอยู่ด้วยความกล้าหาญ องอาจ มีชีวิตเช่นชายชาตรีอันเข้มแข็ง
    แต่ลี้คิมฮวง ยังคงรู้สึกละอายต่ออาฮุยอยู่บ้าง

    " เจ็บนานมิสู้เจ็บบัดเดี๋ยวเดียว "

    ลี้คิมฮวง เพียงหวังอาฮุย สามารถสลัดความเจ็บปวดนี้ออกไปได้รวดเร็ว ลืมนางไปได้รวดเร็ว

    นางทั้งไม่มีคุณค่าให้รัก ยิ่งไม่มีคุณค่าให้คิดคำนึงถึง !
     
  15. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ลี้คิมฮวง
    .
    " ลี้คิมฮวง , ลี้คิมฮวง นับว่าท่านไม่เสียทีเป็นวีรบุรุษแห่งยุคได้จริง ๆ "

    ลี้คิมฮวงฝืนยิ้มด้วยความรันทดกล่าว
    " วีรบุรุษ ? คนเช่นดั่งข้าพเจ้า นับเป็นวีรบุรุษได้ ? "

    ก้วยซงเอี๊ยง สั่นศีรษะถอนใจกล่าว
    " ทั่วพิภพจบแดน อาจบางทีมีแต่ท่านเท่านั้น จึงนับเป็นวีรบุรุษได้ "

    .........." ข้าพเจ้าเข้าใจท่านกระจ่างยิ่ง ท่านว่า ท่านไม่อาจประมือกับข้าพเจ้า เนื่องเพราะท่านรู้สึก ท่านตอนนี้ยังไม่อาจตาย ท่านทราบว่า ยังมีคนคอยให้ท่านปกปักรักษา ท่านมิอาจทอดทิ้งนางโดยไม่นำพาได้ " ........

    ลี้คิมฮวง เงียบงันไม่มีเสียง แต่น้ำตาอุ่นระอุแทบทะลักออกจากเบ้าแล้ว

    สหายที่พึ่งพาได้ที่สุดคนหนึ่ง มักจะเป็นศัตรูที่น่ากลัวของท่านได้ก็จริง
    แต่คู่มือ ที่น่าสะพรึงกลัว ก็มักจะกลายเป็นสหายรู้ใจที่สุดของท่านเช่นกัน

    ลี้คิมฮวง กล่าวช้า ๆ
    " ขอเพียงเรื่องราวทางนี้เสร็จสิ้น วันหน้าท่านชักชวนข้าพเจ้าเพียงคำเดียว ข้าพเจ้าจะน้อมสนองทุกเวลา "

    ก้วยซงเอี๊ยง สั่นศีรษะกล่าว
    " ถึงเวลานั้น เราสองยิ่งน่ากลัวไม่มีทางประมือกันได้อีกแล้ว "

    " เพราะเหตุใด ? "

    ก้วยซงเอี๊ยง เบือนสายตามองไปในทางสุดไกลที่ขอบฟ้า พอดีมีเมฆขาวปุยหนึ่งลอยช้า ๆ อยู่ ใบหน้า ก้วยซงเอี๊ยง ปรากฎรอยย้มที่รันทดหดหู่ เน้นทีละคำ

    " ถึงตอนนั้น เราสอง มิแน่จะกลายเป็นสหายรักกันแล้ว "


    (ซึ่งต่อมา แม่นางชงเอี้ยง ก็รักลี้คิมฮวง... แต่สุดท้าย ก็ต้องเสียชีวิต เพื่อช่วยลี้คิมฮวง)


    .......ลี้คิมฮวง ไอเบา ๆ แล้วกล่าวสืบต่อไป

    " ข้าพเจ้า แม้ทำอันตรายคนไปเจ็ดสิบหกคน แต่ในจำนวนนั้น มียี่สิบแปดคน มิได้ตาย ผู้ตาย ล้วนสมควรตายทั้งสิ้น " ....

    หัวใจ ลี้คิมฮวง วาบหวิวลงอีกแล้ว

    ลี้คิมฮวงทราบ ในโลกไม่มีดนตรีใด ไม่มีสำเนียงใด ๆ จะสามารถสั่นไหวจิตใจบุรุษได้ยิ่งกว่าเสียงถอนหายใจเยี่ยงนี้ของสตรี มาตรว่าเสียงใบไม้ร่วงฤดูชิวเทียน เสียงสายน้ำที่ครวญคร่ำ กระทั่งเสียงพิณในวิกาลใต้แสงจันทร์ เสียงขลุ่ยในสายลมยามดึก ก็ไม่อาจบีบคั้นทางจิตใจผู้คนให้หวั่นไหว ได้เท่าเสียงถอนหายใจของสตรี

    ลี้คิมฮวง เคยกระทำเรื่องราวต่าง ๆ ให้ผู้คนมากหลายมาจริง ๆ แต่พวกเหล่านั้น บ้างหันหลังให้ บ้างลืมเลือนลี้คิมฮวง กระทั่งมีบ้าง ยังเคยขายลี้คิมฮวงอีกด้วย

    ลี้คิมฮวง มิเคยกระทำเรื่องราวใด ๆ แก่ก้วยซงเอี๊ยงเลย แต่ก้วยซงเอี๊ยง กลับยินยอมไปตายแทน โดยไม่เสียดายชีวิต

    นี่คือ น้ำมิตรที่แท้จริง !

    น้ำมิตรเยี่ยงนี้ ทั้งไม่อาจซื้อ และไม่อาจแลกเปลี่ยนได้มา อาจบางทีเนื่องเพราะ ในโลกยังมีน้ำมิตรเยี่ยงนี้หลงเหลืออยู่ ดังนั้น ความรุ่งโรจน์ของมนุษย์ชาติ จึงสามารถดำรงไปตลอดกาลนาน
     
  16. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เซี่ยวลี้ปวยตอ
    .
    กระบี่ของ จิ้นบ้อเมี่ย ได้แทงเข้าที่ไหล่ อาฮุย แต่แทงลึกเพียงสองหุนเท่านั้น

    กระบี่ของอาฮุย ยังห่างจากคอหอย จิ้นบ้อเมี่ย อีกสี่นิ้ว

    โลหิตบนไหล่อาฮุย เริ่มไหลออกมา ไหลลงใส่เสื้อผ้าจนกลายเป็นสีแดงฉาน

    กระบี่ของอาฮุยไฉน มิได้แทงลงไป !

    ไหล่ของ จิ้นบ้อเมี่ย มีมีดสั้น ปักเฉียงอยู่เล่มหนึ่ง

    เซี่ยวลี้ปวยตอ ! !

    เป็นอานุภาพ พิสดาร จึงสามารถบันดาลให้ลี้คิมฮวง ซัดมีดสั้นออกมาได้ ? !
    ใบหน้า เล้งโซ่วฮุ้น ซีดขาวจนเผือด
    มือสั่นระริก ถอยหลังไปทีละก้าว ถอยจนถึงมุมห้อง

    ลี้คิมฮวง ลุกขึ้นยืนแล้ว !

    จิ้นบ้อเมี่ย หันช้า ๆ จับตามอง ลี้คิมฮวง แน่วนิ่ง ดวงตาที่เป็นสีเทาซีดของมันยังคงตายด้าน ไร้ความรู้สึก และมิทราบอีกเนิ่นนานปานใด จึงพลันกล่าว

    " มีดสั้นที่ยอดเยี่ยม "

    ลี้คิมฮวง ยิ้มพลางกล่าว

    " ไม่ยอดเยี่ยมเท่าใด เพียงแต่เนื่องเพราะ ท่านเกิดดูแคลนข้าพเจ้าก่อน ไม่แยแสสนใจข้าพเจ้าในสายตาเลย ไม่เช่นนั้น ข้าพเจ้ามิแน่จะสามารถทำอันตรายท่านได้ "
     
  17. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เซี่ยวลี้ปวยตอ
    .
    เซี่ยงกัวกิมฮ้ง เน้นทีละคำ
    " มีดของท่านเล่า ? "

    คนผู้นั้นพลิกมือวูบ ปลายนิ้วมีมีดสั้นอยู่เล่มหนึ่งทันที !

    เซี่ยวลี้ปวยตอ ! !

    พอเห็นมีดเล่มนี้ คนทั้งหลายจึงได้ทราบว่า มิได้คาดเดาผิด
    เป็นลี้คิมฮวง ! ในที่สุด ลี้คิมฮวงก็มาแล้ว

    ......ลี้คิมฮวง กล่าว

    "ห่วงของท่านเล่า ? "
    " ห่วงอยู่ "
    " อยู่ที่ใด ? "
    " อยู่ในหัวใจ "
    " อยู่ในหัวใจ ? "
    " ในมือเราแม้ไม่มีห่วง แต่ในใจกลับมีห่วง "

    แก้วตาของลี้คิมฮวง หดเล็กลงทันที
    ห่วงของเซี่ยงกัวกิมฮ้ง ถึงกลับมองไม่เห็น
    เนื่องเพราะมองไม่เห็นนั่นเอง ดังนั้น จึงอยู่ในทุกแห่งหน ไม่มีที่ใดไปไม่ถึงได้ !

    " ในมือไร้ห่วง ในใจมีห่วง "

    นี่คือสุดยอดของหลักวิชาบู๊แล้ว นี่เป็นระดับเทพเจ้าแล้ว
    ผู้อื่นไม่เข้าใจ ลี้คิมฮวง เข้าใจกระจ่าง !

    " ท่าน ความจริงเป็น ถ้ำฮวย มาสามชั่วคน รับราชการในตำแหน่งโอ่อ่า ภาคภูมิ มีเกียรติยศสูงส่ง ไยต้องมาเป็นคนเสเพล พเนจรในวงพวกนักเลงอันโสมมนี้ ? "

    ......ลี้คิมฮวง ยิ้มพลางกล่าวเสียงราบเรียบ

    " คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป "
    " ท่านยังสามารถไปได้ ? "

    ลี้คิมฮวงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จึงถอนหายใจยาวกล่าวขึ้น
    " เป็นไม่คิดจะไป และก็ไม่อาจจะไป "
    " ประเสริฐมาก เชิญใช้กระบวนท่าออกมา "
    " กระบวนท่า มีอยู่แล้ว "

    เซี่ยงกัวกิมฮ้ง ต้องโพล่งโดยไม่รู้ตัว
    " อยู่ที่ใด ? "

    ลี้คิมฮวง กล่าวเสียงราบเรียบ
    " อยู่ในหัวใจ มีดข้าพเจ้า แม้ไม่มีกระบวนท่า แต่หัวใจกลับมีกระบวนท่าอยู่ "

    แก้วตาเซี่ยงกัวกิมฮ้ง พลันหดเล็กลงบ้าง !

    ทุกผู้คน ต่างไม่เห็นห่วงเซี่ยงกัวกิมฮ้งอยู่ที่ใด ?

    และไม่เห็นกระบวนท่า จู่โจมของลี้คิมฮวงอยู่ที่ใด ?

    แต่ห่วงอยู่แล้ว กระบวนท่าก็ใช้ออกไปแล้ว !
     
  18. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ขอเชิญจอมยุทธแวะกินก๋ยวเตี๋ยวที่โรงเตี๊ยมก่อน เพราพระเอกกะผู้ร้ายมักจะมีเรีองกันที่โรงเตี๊ยม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤศจิกายน 2006
  19. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เรื่องคับแค้นรันทดที่สุดของสตรี คือ ไปรักบุรุษที่นางไม่สมควรรัก !"

    .......

    "คนเรามักจะพาลไปรักสตรีที่ไม่มีคุณค่าให้รัก

    เนื่องเพราะความรัก ที่จริงก็กลายเป็นม้นพยศ

    ไร้บังเหียนมิอาจควบคุมบังคับได้"

    .......



    มิว่าอาวุธน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

    ต่างต้องเป็นคนใช้มันจึงจะมีอานุภาพ

    เพราะตัวอาวุธนั้นไม่มีชีวิต

    ความพลิกแพลงแปรเปลี่ยนของวิชาดาบ

    มิได้อยู่ที่ตัวดาบ แต่อยู่ที่หัวใจ
     
  20. thaw7501

    thaw7501 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +101
    แจมด้วย ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...