คือ ยิ่งทำบุญ คนยิ่งถอยห่าง อยากมีแฟน ก็เหมือนจะไม่มีใึคร เข้าตา
พอจะ ขอเบอร์ใคร(ไมไ่ด้จะจีบ) เขายังไม่ยอมให้แบบไว้ถามธุระ
เขาก็ยังระแวงเรามาก(ไม่เคยไปทำไรให้เลย)
เหมือนยิ่งทำบุญ นอกจากแฟนจะง้อแล้วไม่สำเร็จ คนที่คบใหม่ก็อยู่ๆหาย
พอจะมองหาใครก็ไม่มี งงมากครับ
ผมทำบุญทุกวัน รักษาศีล5 สวดมนต์นั่งสมาธิตลอดครับ
(แต่อาจจะไม่สวดเยอะ นั่งสมาธินาน)
จริงๆรู้ว่า ควรตัดจากเรื่องพวกนี้ แล้ว ผมถามทีครับถ้าอยากได้
คนที่เขาจริงใจสักคน ควรทำอย่างไรครับ(ในทางบุญนะครับ
พวกถวายของคู่ผมทำแล้ว) หน้าตาเราไม่ได้ขี้เหร่
แต่ทุกวันนี้อ้างว่างมา นานแล้วอะครับ
ยิ่งทำบุญ คนยิ่งเมิน ต้องทำไรดีครับ
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย fiatinw, 23 สิงหาคม 2012.
หน้า 1 ของ 2
-
ไม่มีแฟนดีจะตาย สบายๆๆๆ โชคดีแล้ว
-
เอ่อ ไม่รู้เหมือนกัน
-
งั้นขอตอบแบบคิดส่วนตัวนะคะ ยิ่งทำบุญคนยิ่งเมิน.... อ่อ งั้นเราก็เมินไม่มองคนที่เมินเราไงคะ ... ยิ่งเราทำบุญมาก ทานบารมีเรามากขึ้น (อย่าเอาไปหลงเด็ดขาด แค่อยากให้คิดบวก) คนที่บุญหรือบารมีไม่เสมอเรา ก็อาจหลุดไป ส่วนคนอื่นๆจะมองไง เราไม่ต้องไปช่วยเขาคิดหรอกค่ะ เดาไปนี่ปรุงแต่งล้วนๆ เอาเวลามารักมาสนตนเองดีกว่า และทำบุญไปเรื่อยๆ อย่าหยุดค่ะ ทำบุญเยอะๆ ราศรีเราออก บุญช่วยให้เราเปล่งปลั่ง .... ถึง "เวลา" มา จะวิ่งหนียังไม่ทันเลย มาทีอาจจะ สองสามคนเลย อิอิ
ช่วงนี้ทำบุญรอไปเรื่อยๆค่ะ ให้คุณค่า ให้ความสำคัญ กับคนที่เห็นคุณค่าของเราดีกว่าค่ะ .....โชคดีเน้ออออ -
คือ ยิ่งทำบุญ คนยิ่งถอยห่าง อยากมีแฟน ก็เหมือนจะไม่มีใึคร เข้าตา
พอจะ ขอเบอร์ใคร(ไมไ่ด้จะจีบ) เขายังไม่ยอมให้แบบไว้ถามธุระ
เขาก็ยังระแวงเรามาก(ไม่เคยไปทำไรให้เลย)
+++ ผู้ที่ไม่สมควรมา ไม่มาเสียเลยจะดีกว่า ครับ
เหมือนยิ่งทำบุญ นอกจากแฟนจะง้อแล้วไม่สำเร็จ คนที่คบใหม่ก็อยู่ๆหาย
พอจะมองหาใครก็ไม่มี งงมากครับ
+++ แสดงว่าคนที่สมควรมา ยังไม่ได้มา ครับ
ผมทำบุญทุกวัน รักษาศีล5 สวดมนต์นั่งสมาธิตลอดครับ
(แต่อาจจะไม่สวดเยอะ นั่งสมาธินาน)
+++ อนุโมทนา ครับ
จริงๆรู้ว่า ควรตัดจากเรื่องพวกนี้ แล้ว ผมถามทีครับถ้าอยากได้
คนที่เขาจริงใจสักคน ควรทำอย่างไรครับ(ในทางบุญนะครับ
พวกถวายของคู่ผมทำแล้ว) หน้าตาเราไม่ได้ขี้เหร่
แต่ทุกวันนี้อ้างว่างมา นานแล้วอะครับ
+++ ควรอธิฐานว่า ผู้ที่สมควร ขอให้มา ส่วนผู้ที่ไม่สมควร ขอจงอย่าได้มา ดีกว่ามาแล้วเสียใจภายหลัง ครับ -
คือ ยิ่งทำบุญ คนยิ่งถอยห่าง อยากมีแฟน ก็เหมือนจะไม่มีใึคร เข้าตา
เท่าที่เห็นและทราบมา ส่วนมากเขาจะร่วม อนุโมทนาในบุญ นะครับ
คงไม่มีใครผลักใสหันหลังให้อย่างที่ว่าหรอก บุญก็ส่วนบุญ สภาวะปัจจัยก็ส่วนหนึ่ง ทำบุญ ทำเพื่อลดละความตะหนี่ หรือ เพื่อเพิ่มความอยากได้ อยากมีครับ
พอจะ ขอเบอร์ใคร(ไมได้จะจีบ) เขายังไม่ยอมให้แบบไว้ถามธุระ
เขาก็ยังระแวงเรามาก(ไม่เคยไปทำไรให้เลย)
อาจจะด้วยความเป็นส่วนตัว หรือ ยังไม่สนิทคุ้นเคยหรือเปล่าครับ
เพราะโดยปกติแล้ว ผู้หญิงมักจะพึงความประมาทไว้อยู่เสมอ
เพื่อควาปลอดภัยในตัวของเขาเอง อันนี้น่าจะมาจากหลาย ๆ ปัจจัยครับ
เหมือนยิ่งทำบุญ นอกจากแฟนจะง้อแล้วไม่สำเร็จ คนที่คบใหม่ก็อยู่ๆหาย
พอจะมองหาใครก็ไม่มี งงมากครับ
บางคนเป็นข้าราชการตั้งใจทำงาน เสียสละเพื่อส่วนรวม แต่หวังความดีชอบ
หวังที่จะได้เลื่อนยศต่ำแหน่งสูง ๆ เจตนานั้น ๆ ก็มาจากความอยากเป็นฐาน
ที่นี้ ดูว่าการทำบุญในแต่ละครั้ง เจตนาของเราตั้งใจและเพื่ออะไรเป็นหลัก
ผมทำบุญทุกวัน รักษาศีล5 สวดมนต์นั่งสมาธิตลอดครับ
(แต่อาจจะไม่สวดเยอะ นั่งสมาธินาน)
สาธุ เพียรไว้เสมอ ๆ ครับ
จริงๆ รู้ว่า ควรตัดจากเรื่องพวกนี้ แล้ว ผมถามทีครับถ้าอยากได้
คนที่เขาจริงใจสักคน ควรทำอย่างไรครับ(ในทางบุญนะครับ
พวกถวายของคู่ผมทำแล้ว) หน้าตาเราไม่ได้ขี้เหร่
แต่ทุกวันนี้อ้างว่างมา นานแล้วอะครับ
ความจริงใจ ไม่ได้วัดกันที่หน้าตา เพียงแต่มาจากเจตนาที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน
และ ถ้าคุณรู้และเข้าใจจริง ๆ คำถามข้อนี้จะไม่มีเกิดขึ้นเลย
<!-- google_ad_section_end --> -
ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ
เหตุที่ทำให้ได้เกิดเป็นเนื้อคู่กัน ชาตินี้ และ ชาติหน้า
เหตุที่ทำให้ชาตินี้ หรือ ชาติหน้าได้เกิดเป็นเนื้อคู่กันอีกก็คือ
๑. สมสัทธา สามีภรรยามีศรัทธาเสมอกัน ศรัทธา คือความเชื่อ ความเลื่อมใส ทัศนคติ อุดมการณ์ ความคิดเห็นในเรื่องการทำความดี เรื่องผลแห่งความดีเรื่องบุญบาป เรื่องชาตินี้ชาติหน้า เป็นต้น สามีภรรยาที่มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้เสมอกัน ย่อมอยู่ด้วยกันได้ยืนนานกว่าสามีภรรยาที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่อง เช่นนี้
๒. สมสีลา สามีภรรยามีศีลเสมอกัน ศีล คือความประพฤติ ปกตินิสัย การปฏิบัติตามคุณธรรม งดเว้นการทำผิดพูดชั่ว สามีภรรยาที่มีความประพฤติ มีปกตินิสัยเสมอกันหรือคล้ายคลึงกัน ย่อมเข้าใจกันดีกว่าสามีภรรยาที่มีนิสัยต่างกัน ประพฤติต่างกัน และพูดต่างกัน
๓. สมจาคา สามีภรรยามีจาคะเสมอกัน จาคะ คือความเสียสละ ความเอื้อ อารีต่อกัน การบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น สามีภรรยาที่มีใจคอกว้างขวาง มีน้ำใจพอๆกัน ยินดีในการเสียสละ ชอบบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นเหมือนกัน และยินดีในการกำจัดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัวของตนให้หมดไปเช่นกัน ย่อมอยู่ด้วยกันยืดกว่าสามีภรรยาที่มีใจคอคับแคบ แม้กระทั่งคู่ครองของตัว เป็นคนเห็นแก่ตัว ทั้งไม่ชอบช่วยเหลือใครๆ
๔. สมปัญญา สามีภรรยามีปัญญาเสมอกัน ปัญญา คือความฉลาดรอบรู้ ความเข้าใจในบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ความฉลาดในการทำความดี สามีภรรยาที่มีปัญญามีความฉลาดรอบรู้ และฉลาดในการทำความดีพอๆกัน ย่อมอยู่ด้วยกันยืดยาวกว่าสามีภรรยาที่ต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน ต่างไม่มีเหตุผล ไม่ใช้สติปัญญาเข้าหากัน มีแต่ใช้อารมณ์เข้าหากันตลอดเวลา
สามี ภรรยาคู่ใดก็ตาม ที่นำหลักธรรมทั้ง ๔ นี้ไปประพฤติปฏิบัติ ท่านเรียกสามีภรรยาคู่นั้นว่า คู่ครองที่ดี หรือ คู่สร้างคู่สม คือ มีหลักธรรมของคู่ชีวิตที่จะทำให้คู่สมรสมีชีวิตสอดคล้องกลมกลืนกันเป็นพื้น ฐานอันมั่นคงที่จะทำให้อยู่ครองกันได้ยืดยาวทั้งชาตินี้-ชาติหน้า -
ระดับบุญ เราระดับบุญเท่าไร เขาระดับบุญเท่าไร คุณอาจอยู่ในวงสังคมที่ระดับบุญต่างกัน(ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองภายนอกนะ)หรือวงสังคมคุณอาจไม่สนใจทางนี้มากนักก็ได้ จะให้ดีผมว่าคุณบวชเลยดีกว่า......:cool:
-
ผมทำบุญทุกวัน รักษาศีล5 สวดมนต์นั่งสมาธิตลอดครับ
(แต่อาจจะไม่สวดเยอะ นั่งสมาธินาน)
จริงๆรู้ว่า ควรตัดจากเรื่องพวกนี้ แล้ว ผมถามทีครับถ้าอยากได้
คนที่เขาจริงใจสักคน ควรทำอย่างไรครับ(ในทางบุญนะครับ
พวกถวายของคู่ผมทำแล้ว) หน้าตาเราไม่ได้ขี้เหร่
แต่ทุกวันนี้อ้างว่างมา นานแล้วอะครับ
***********************
อ้างว้างดีกว่าวุ่นวายค่ะ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า เข้าไปแล้วออกไม่ได้ เพราะคนเดียวก็๕ห่วง(ขันธ์๕) สองคนก็๑๐ห่วง มีลูกอีกก็บวกไปทีละ๕
ทําไปเถอะสมาธิ ปล่อยวางทําใจนิ่งๆใสๆแล้วจะพบสุขที่แท้จริงเอง
อนุโมทนาสาธุๆๆค่ะcatt1
http://palungjit.org/threads/จิตพร้อม-รับภัยพิบัติ.334019/page-214 -
ทำบุญแล้วคนเมิน ไม่เห็นเกี่ยวอะไรเลยครับ
ก็ทำตัวเให้ดีป็นปกติไป ก็พอแล้ว โมทนากับบุญที่ทำครับ -
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
คือ ตอนนี้งงๆครับ แต่เราเองก็ไม่ได้เพอเฟคครับ หน้าตาพอไปวัดได้ ไม่หล่อแต่ไม่ขี้เหร่ แต่ทว่า เป็นคนบุคลิกไม่ค่อยดี ไม่เป็นผู้ใหญ่ เหมือนเด็กมากกว่าครับ (อายุ 20กว่าแล้ว) หลังๆไม่ค่อยจีบใคร เพราะศึกษาเรื่องศีลข้อ 3 มาครับ เลย ดูจังหวะ แต่จัึงหวะเหมือนไม่มี
ตอนนี้ยังคิดถึงแฟนเก่า ที่เขาไปคบชู้แล้วทิ้งเรา
ก็พยายามทำบุญให้ถึงเขาเ่ช่นกัน (พระบอกเชาบุญไม่ถึงเรา) ไม่รู้จริงไหม
ส่วนรวยไหม ผมกลางๆครับ ไม่จน มีกินมีใช้ ไม่มีหนี้ ชิวๆครับ
คือ จากภายนอก เราก็ไม่ได้เลวร้ายมากครับ การศึกษาอาจจะไม่เลิศเลอมากครับ
(ตอนนี้จะจบป.โท) แต่คนหมางเมินหมด :'(
ที่ีถามคือสงสัย ที่เราทำมันถูกทางไหมครับ?์? -
ไม่ได้ดีเด่ แต่ไม่ได้ทำไรไม่ดี ไม่ถือตัว ขี้โม้ ไม่เว่อร์ ดูถูกคนสักข้อครับ
แต่ค่อนข้างซื่อ พูดตรง มองโลกในแง่ดีเลยบางทีไม่ทันคน
ข้อเสียอาจจะเหลาะแหละหน่อยครับ -
เอาน่า ... เดี๋ยวเขาก็มา มันอาจจะไม่มีอะไรมากก็ได้ ถ้าคิดและมองเผินๆ นะ
ลองเลิกคิดเรื่องนี้แล้วสักระยะ อาจจะมีคนที่ถูกชะตาเข้าในชีวิตก็ได้ค่ะ
เข้าใจนะว่า อยากมีคนรุ้ใจ บางทีสังคมที่เราพูดคุยอาจจะมีแค่เพื่อนๆ ในแวดวงหรือปล่าว เลยรุ้นิสัยใจคอ นับถือเป็นเพียงเพือนกัน
ลองไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ (ไม่ใช่เที่ยงกลางคืนนะ) ปล่อยกายปล่อยใจ
บางทีอาจจะไปเดินชนกะใครก็ไม่รุ้ ก็เป็นได้นะ อิอิ
บอกได้แค่ ปล่อยวาง เดี๋ยวก็มาเอง (อายุ 20 กว่า ไม่ใช่ 30 กว่าซะหน่อย) แต่อย่าปล่อยวางการทำความดีนะจ๊ะ ^^ -
ผมเลยยิ่งเหงาง่ายไปใหญ่ อยากไปปฏิบัติธรรมก็ติดงานครับ
ไว้ปิดเทอมจะไปดูอีกที ผมทำงานเป็นอาจารย์สอนหนังสืออะครับ
(แถมเป็นลูกคนเดียวอีก) -
การทำบุญ คือการสร้างบารมีให้ตัวเอง เป็นการดัดนิสัยตัวเองไปในตัวให้รู้จักให้ มีเมตตา กรุณาเป็นพื้นฐาน และเป็นการยกระดับจิตใจให้สูงกว่าคน เพราะคนก็คือคน คนในกิเลสให้คลุกเคล้าอยู่ในสันดาน มีความเห็นแก่ตัวเป็นอาจิณ เอารัดเอาเปรียบ อิจฉาริษยา อยากได้อยากมี แก่งแย้งแข้งขัน เพื่อยศฐาบรรดาศักดิ์ ถ้าเราทำบุญทำกุศล ลดความตระหนี่ในตัวเองได้ รักษาศีล 5 มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ที่อยู่ร่วมกัน จิตใจใฝ่หาจ้องแต่จะทำความดี เราก็จะยกระดับจิตใจให้เป็นมนุษย์ ไม่ใช่คน
จากการไม่มีแฟน ไม่มีคนสนใจ แม้เราจะทำบุญมามากแค่ไหน
คนก็ไม่มอง นั้นไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ดีพอ แต่คุณอาจจะ
โชคร้ายเรื่องนี้ก็แค่นั้น ทำไมไม่ลองหันมามองตัวเองเองหล่ะ
เขาไม่มองไม่สนก็ชังเขา เรามองตัวเราดีกว่าไหม วันนี้เราได้สร้าง
บุญบารมีให้ตัวเองหรือยัง คนเป็นแฟนกัน รักกันมาก ชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้
แต่พอตาย ไม่เห็นเขาไปด้วยกันเลย ไปคนเดียวเฉย อยู่คนเดียวอีกตามเคย
เนื้อคู่ถ้าคุณมีเดี๋ยวมันก็มาเองหล่ะ อย่าไปนั่งรอว่าเมื่อไรจะมีแฟนกับเขาเสียที
ยิ่งรอ ก็ยิ่งเหมือนไม่มีใคร เอาใจคิดทำอย่างอื่นดีกว่า
ไม่มีแฟนแต่เรายังมีเพื่อน เรายังสามารถคุยเล่นสนุกเพื่อนได้ จริงไหมค่ะ -
ทำบุญ รักษาศีล ไม่เบียดเบียน และทำสมาธิ เป็นทางที่ถูกครับ
แต่ผิดตรงที่ ประกาศว่า ทำบุญแล้วไม่ดียังงั้นอย่างงี้
ก็ปรามาสพระธรรมเต็มๆ ทั้ง กายกรรม มโนกรรม นะครับ ทำบุญมากลับได้ทุกข์ ได้โทษร้ายแรงไปแทน
ต้องคิดใหม่ทำใหม่ครับ จึงจะดี -
ทำบุญ รักษาศีล ภาวนา ถ้าทำจริงๆ จะไม่รู้สึกเหงานะครับ
จะเป็นสุขซะมากกว่า
เรื่องของผู้หญิง ขอเบอร์แล้วไม่ให้ ก็ไม่เป็นไรนี่นา ยกเว้นบอกว่าจะให้แล้วไม่ให้นี่ซิ
แสดงว่าผู้หญิง....แล้วละครับ ไม่ได้เกี่ยวกับนิสัยของเราครับ ข้ออ้างปกติของสังคมครับ
ถ้าเราดี แล้วเขามาหลอกเรา ต่อไป เขาก็มีชีวิตเขาจะทุกข์มากกว่าเรามากๆเลย ป้องกันไม่ได้
นอกจากเขาต้องมาชดใช้ให้เราตามกฏแห่งกรรมนะ
อีกอย่างเราทำดี ก็รู้ตัวเองดีนะครับ ไม่ต้องไปรอให้ใครมาบอกหรอก
ทำความดีต่อไป สิ่งดีๆจะเข้ามาเองครับ ในที่สุด และต่อๆไปในภพหน้าอีกแสนนาน
แต่ถ้าทำไม่ดี ก็จะได้แต่ผลประโยชน์ไม่กี่ปี ก็ตาย ก็รับผลกรรมไปอีกนานแสนนานเช่นกัน
อะไรคุ้มค่ากว่า ก็ลองคิดดูครับ -
ทำบุญต่อไปเรื่อย ๆ นะ อย่าพึ่งหยุด ช่วงนี้แหละจะแลเห็นความเสื่อมอย่างที่สุด แล้วถ้าไม่ตายจะมีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงมากมาย
ควรทำสมาธิดีกว่านะ -
ไม่มีน่ะดีแล้วครับ มีแฟนแล้ว ต้องมาคอยหึง คอยหวง คอยห่วง ทุกข์หนักเข้าไปอีก มีลูกอีกงานงอก เข้าไปใหญ่ ทางสายนี้ถ้าได้เข้าไปแล้วจะถอยออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ
-
ส่วนผม ทำบุญ และ ปฎิบัติ ไปด้วย แล้วแสดงผลการ ทำบุญและปฎิบัติ ให้คนรอบข้าง
เห็นผล แล้วกลับมีแต่คน ร่วมบุญ ร่วมปฎิบัติด้วย ไม่เห็นมีใคร จะหนีหายไปไหนเลย นี่นา
คนรอบข้างบางคนเคยนิสัยไม่ดี ก็ยังเปลี่ยน พฤติกรรม จนดีขึ้นมาได้ก็มี จากที่ต้องคอยถาม
ว่าทำบุญรึเปล่าแล้วเค้ายึกยัก แต่ภายหลังกลับมาถามผมเองว่า มีทำบุญที่ไหนรึเปล่า
อยากทำมากๆ ทำแล้วดีขึ้นจริงๆ ของผมเป็นแบบนี้มากกว่า
หน้า 1 ของ 2