พระขรรเล่มนี้กันผี และคุณไสยได้ไหมครับ
รบกวนพี่นพกานต์ครับ
ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย jkung04, 7 กรกฎาคม 2016.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
และพระองนี่ล่ะครับ. พลังเปนไปในลักษณะแบบไหน
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ปล. ผมมิมีเจตนาล่วงเกินครูบาอาจารทร่สร้างวัตถุมงคลนะครับแต่อยากทราบไว้ว่าครูบาจารท่านสร้างของมงคลไห้เราไว้ในแบบไหนและจะได้ไข้ไห้ถูกทาง น่ะครับ. ขอบพระคุณมากครับ
-
กันได้แต่เราต้องระวังเรื่องการพูดจา
ให้ดีๆด้วยเน้อ เอาว่าพูดแต่อะไรที่ดีๆแล้วกัน
ส่วนองค์สี่เหลี่ยมยังแปลกๆ
พูดประมานนี้เข้าใจเนาะ -
นพกานต์ ญาณทิพย์ อิอิอิ
-
ไม่ใช่ญานท่งญานทิพย์อะไรเน้อ เด่วจะเข้าใจกันคาดเคลื่อนครับ
พวกนี้เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตครับ
ปล.พอรู้อยู่ว่าแซวพอขำๆ แต่ขอบอกไว้ก่อน
กลัวคนเข้าใจผิดครับ -
แปลกๆนี่แปลกแบบไหนคับ อิอิ อยากรุ่คับ
-
-
อ้าวป๋า ดูของ ระวังยาวนะ เดี๋ยวผม ขนมาให้ส่อง 555
-
-
เรื่องปลอมคงตัดไปได้ครับเพราะว่าของที่นำมานั้นแท้ทั้งที่มาและ และ เนื้อหา คือไม่มีเจตนาจะไห้พี่นพดูว่าแท้หรือปลอมอยุ่แล้วคับ แค่อยากรู้เกี่ยวกับกระแสของพลังที่ครูบาอาจารไช้เสกลงในวัตถุของท่านครับ ว่าออกไปในทางไหน
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ครับป๋ม คุง jkung04 แซวเล่นนะคัฟ :D รอป๋ามาเฉลย อย่าลืมสอนเคล็ดลับด้วยว่ากระแสดีไม่ดี เทาๆ ต่างกันยังไง พลังงาน ขึ้นบน วนซ้ายขวายังไงแล้ว เพราะ ..... ที่เคยสอนนั้น ลืมหมดแล้ว >: โมทนาล่วงหน้าคร้าฟ
_/|\_ -
โอมมมม..เพี้ยงงงง
คุณ นพ จงมาๆๆๆๆ...
(นู๋ปูเสื่อรอฟังแระ) -
เรื่องพลังงานในองค์พระ..
หลักๆจะมีอยู่ ๓ อย่างที่เราจะพิจารณา
คือ ๑.กระแสที่เข้าถึงต้นพลังงานที่เป็นครูบาร์อาจารย์
พระพุทธฯท่านต่างๆ
๒.กระแสที่เข้าถึงทางด้านพลังงานภายนอก จากความสามารถ
ของตัวจิตท่านที่ทำการเพิ่มพลังงานให้วัตถุนั้นๆ
และ ๓.กระแสวิชาเฉพาะทางที่ผู้เพิ่มพลังงานให้วัตถุนั้นๆ
มีติดอยู่ในตัวจิต...
โดยมากดูประมาณนี้หละ...ส่วนนี้เล่าให้ฟังเฉยๆไม่มีไร..
อ่อ ลืมบอกปกติไม่ได้รับดูอะไรทำนองนี้เน้อ...
แต่ถ้าจะให้เพิ่มความหนาแน่ของพลังงานหรือเพิ่ม
ความไหลลื่นในการเข้าถึงต้นพลังงานให้พอทำได้อยู่
เพราะว่าการทำแบบนี้ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็ทำได้
แต่ว่าควรจะต้องมีวาระเช่นกัน และวาระที่ว่าก็คือ
การมาถึงวาระด้วยตัวเองของผู้ที่ครอบครอง
นั้นหมายความว่าต่อไปในอนาคตจะลดโอกาสใน
การเข้าถึงต้นพลังงานแบบขาดๆเกิ๊นๆของเรา
คือเข้าถึงได้บ้างไม่ได้บ้างนั่นหละ
จะได้ไม่เป็นเหตุให้จิตของเรา
ในการเข้าถึงต้นพลังงานๆนั้น
จะได้ไม่ตกลงไปอีกอย่างที่เราก็คาดไม่ถึง..
และเราจะเข้าถึงได้เรื่อยๆทุกครั้งที่เราคิดจะเข้าถึงนั่นเอง...
คำว่าเคารพพระรัตนตรัย..ในด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต
ก็คือความสามารถที่จิตจะเข้าถึงต้นกระแสพระพุทธฯได้
เมื่อไรก็ตาม ไม่ว่าที่ไหน เวลาใด และ ณ สถานการณ์ใดๆนั้นเอง
และในเวลาปกติจิตเราก็ต้องปล่อยต้องคลายเพื่อให้จิต
คลายตัวเองโดยธรรมชาติ จะได้ไม่เป็นการยึดติดแบบไม่รู้ตัวนั่นเอง
พอเข้าใจที่พูดเนาะ...
แต่ว่าจริงๆบอกทริคไปแล้วหละ..๕๕๕
แต่ว่า Jkun04 อาจจะยังไม่เกท.ซึ่งไม่แปลก
เด่วอ่านต่อจะเข้าใจว่า ทำไมไม่เกท
หรือเป็นเพราะว่าเล่นมุขลึกไปหน่อย
เลยอาจจะยังงงได้..๕๕๕
ยิ่งทิ้งคำว่าแปลกๆไว้..ก็เลยยิ่งทำให้หลายคน
สงสัย..ที่ก็สงสัยไปที่ภายนอกก็ไม่ผิดอะไร
เป็นเพียงการแสดงความเห็นเฉยๆ...
แต่จริงๆแล้วมันอยู่ที่ภายในนี่หละ..
เด่วมาฟังต่อ
และก็จะมาถึงคำถามตรงที่ว่า
ทำไมพี่ไม่บอกผมตรงๆเลยครับ..
ก็ตอบว่า ถ้าบอกตรงๆนอกจากว่า
มันจะไม่ได้แก้ปัญหาที่ตรงเหตุแล้ว
มันก็จะยังไม่จบนั่นหละ..
ส่วนเหตุที่ต้องการก็ตามที่อธิบายไปข้างบนนั่นเอง..
และถ้าเป็นรูปพระฯแล้ว..จะไม่มีคำว่า เก๊ แท้
ถ้ามี เป็นเพียงภาษาสุมมติ ที่โลกนี้อุปโลกน์ขึ้นมา
ส่วนจะเป็นไปเพื่อด้านใดนั้นเราจะไม่พูดถึงกัน..
พระแท้เราดูที่ไหน..พระจะแท้ ''แท้ที่เนื้อ.หรือพิมพ์ทรง''
นี่เป็นพระแท้แบบทางโลกๆจร้า..
ส่วนใครจะมีเพื่อการใด ก็สุดแล้วแต่บุคคล
พระแท้คือแท้ที่ใจ คือจิตใจเราที่รู้จักสละจร้า
มิได้แปลว่า นักบวชตามพจณานุกรม
สละอะไร สละซึ่งกิเลสต่างๆ..
ไม่ว่า โลภ โกรธ หลง ให้มันน้อยไปเรื่อยๆ
สละซึ่ง ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย
สละซึ่งความยึดหมั่นถือมั่นต่างๆ
ว่าต้องแบบตัวแบบตน..
สละซึ่ง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
เมื่อจิตสละได้บ้างแล้ว..เราก็จะเริ่ม
เข้าต้นกระแสพลังงานพระพุทธได้เอง
โดยธรรมชาตินั่นหละ...
องค์พระที่นำมาให้ดู ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่วัตถุ
ปัญหาอยู่ที่ใจเรา ที่เรายังลังเลสงสัย..
สร้างเป็นกระแสที่มาปิดกั้นการเข้าถึง
ต้นกระแสพลังงานของครูบาร์อาจารย์นั่นเอง
พอเข้าใจเนาะ..
ที่บอกว่าแปลกๆ ก็คือ การที่มีกระแสจากความ
ลังเลสงสัยมาปิดบังกระแสในส่วนที่จะเชื่อม
ไปยังต้นพลังงานฝ่ายครูบาร์อาจารย์และพระพุทธฯนั่นเอง
ส่วนกระแสพลังงานก็มีเป็นปกติเพราะมักจะเป็นพลังงาน
ที่มาจากภายนอก...
ปล.พอเข้าใจหรือยัง (^_^)
-
โปร่งเลยครับพี่นพกานต์. ขอบคุนค้าบ
-
คิดว่านะจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องคำพูดจริงๆแหละครับ เพราะเวลามีอารมแล้วกำหนดไม่ทันจะชอบพูดจาไม่ดี ออกไปทางสบถ เสียด้วย น่าจะทำไห้สิ่งที่รักษาวัตุถุมงคลนั้นไม่ชอบ ก้อเปนได้ครับ ขอเสียตัวผมเลยเวลาพูดจาไม่ค่อยระวัง จะชอบสบถค่ำ แ ่ ง ออกมาบ่อยๆ หลังจากนี้จะพยายาม มีสติไห้มากขึ้นครับ พูดจาไห้เพราะขึ้นและ ลด ละเลิกการพูดคำหยาบ
-
ป๋านพ มายาวๆ แบบนี้ น้องชอบครับ ^^ ธรรมดาครับคุณ jkung พวกเรายังปุถุชนก็มีหลุดบ้างเผลอบ้าง เราก็มีหน้าที่ฝึกไปเรื่อยๆ เนอะ สู้ๆ
-
คำพูดที่ออกจากปากเราไปแล้วนั้น ไม่ว่าจะดี หรือ ไม่ดีนั้น..
มันก็ล้วนแล้วแต่ขวางการคลายตัวของจิตเราได้อย่างไม่รู้ตัว
ได้ทั้งนั้นหละครับ.เอ่อทำไมพี่ถึงพูดอย่างนี้หละครับ
มาลองอ่านต่อดูนะ...
.ก็เพราะไม่ว่าเราจะพูดดีหรือไม่ดี เราก็ต้องมีการ
ปรุงแต่งทั้งนั้นพอเข้าใจไหมปรุงในทางที่ดีก็ได้
หรือปรุงในทางที่ไม่ดีก็ได้...
..แต่การที่เรามีสติระลึกได้ว่า
การพูดไม่ดี.นอกจากจะมาจากการปรุงแต่งร่วมกับความคิดที่ไม่ดีแล้ว
มันยังทำให้จิตใจเราออกทางฝ่ายอกุศลได้ด้วย
..ซึ่งกระแสฝ่ายอกุศลก็เป็น
กระแสที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกุศลซึ่งเป็นฝ่ายเย็นหรือฝ่ายที่
เรามักเรียกว่าดี ดังนั้นทั่วไปเราจึงมักจะได้ยินคำสอนต่างๆ
ที่โน้มไปให้คิดไปทางกุศลก่อนเสมอ...
...ดังนั้นการเริ่มต้นระลึกได้ว่า..เราพูดไม่ดีไปนะ
เป็นแนวทางที่ดี เพราะเราเริ่มมีตัวไปรู้ทันความคิดตรงนี้แระ...
ถือว่าเริ่มต้นได้ดี แต่ยังไม่พอเพราะการเข้าถึงกระแสฝ่ายเย็นได้
นั้นมันต้องมาจากตัวจิตเราเองนี่หละ..
มาจากจิตของเรามันคลายตัวเองโดยธรรมชาติได้เองในระหว่างวัน..
คือไม่มีความคิด ไม่ว่าฝ่ายดีหรือไม่ดี เข้ามาปรุงร่วมเลย
ถ้ามีดี เราก็จะบอกว่า อีกฝ่ายไม่ดี ถ้ามีไม่ดี เราก็จะบอกว่าอีกฝ่ายดี
พอเข้าใจเนาะ
ซึ่งการคลายตัวได้ตรงนี้นี่หละครับ...จะเป็นเหตุให้เราสามารถเข้าถึง
กระแสครูบาร์อาจารย์ พระพุทธฯต่างๆได้ ทุกครั้งที่เราระลึกถึงท่าน
ได้ด้วยตัวเราเอง. ด้วยการปล่อยวาง และไม่ยึด แต่ควรให้ความเคารพ..
ซึ่งเมื่อเราเข้าถึงได้แล้ว..เราก็จะพบว่าวัตถุต่างๆนั้น เป็นเครื่องช่วย
หนุนให้เราระลึกถึงกระแสท่านนั้นๆนั่นเอง แต่โดยมากเรามักจะไป
ให้ความสำคัญกับวัตถุที่เป็นเครื่องมือส่งเสริม..โดยลืมไปว่าแท้จริง
แล้วเราเข้าถึงได้ก็ด้วยใจเราเองนั่นหละและ...
มักจะเป็นกันอย่างคาดไม่ถึงด้วย...
ยกตัวอย่าง เรามีรูปพระบิดา พระมารดาเรา รูปนั่น
ไม่ใช่พระบิดาและพระมารดาเราจริงๆซึ่งตรงนี้เรารู้ๆอยู่
และพอเราเห็นรูปท่านแล้วเราก็จะระลึกถึงท่านได้..
แต่โดยมากเรามักจะมาให้ความสนใจว่า รูปท่านนั้น
จริงไม่จริง สวยไม่สวย ดีไม่ดี
กระแสเป็นอย่างไร มีราคาไหม
เป็นที่นิยมไหมรูปแบบนี้..เก่าไหม
ใช้อะไรทำเป็นรูปท่านขึ้นมา
หรือต้องไปเพิ่มพลังอะไรไหม
เอาพลังงานอะไรออกไหม
โดยลืมนึกไปอย่างคาดไม่ถึงย้ำว่า
ใช้คำว่าคาดไม่ถึง..
เพราะแท้จริงแล้วการที่เราจะเข้าถึง
หรือระลึกถึงท่าน มันอยู่ที่ใจเราว่า
ใจเราคลาย ใจเราว่าง ใจเรามันโปร่งเบาแล้วหรือยัง
มันโปร่งจากอะไร
ก็โปร่งจากการที่เราไม่ยึดว่า รูปพระบิดามารดาเรา
ต้องเป็นอย่างโน้นนี่นั่น และไม่ยึดติดนั่นหละครับ..
ปล.พูดเปรียบยกให้ฟังเทียบกับวัตถุต่างๆ
ก็คงพอเข้าใจเพิ่มมากขึ้นเนาะ
เพราะถ้าเป็นวัตถุมงคล ประเด็น สำคัญก็คือ
การระลึกถึงคำสอนท่านแล้วปฏิบัติตาม (^_^) -
ตำนานเรื่องเล่า : คนแก่ขี้หึง
<iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/3n3K32kmdD8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>