เวลานั่งสมาธิกำหนดคำภาวนา พร้อมไปกับลมหายใจ นั่งทำสามธิไปสักพักจะต้องเริ่มมีอาการคันคอ ทุกครั้ง พยามยามฝืนไม่สนใจแต่จะคันคอจนต้องไอออกมาทุกครั้ง บางครั้งน้ำลายกระเด็นออกมาเลอะปาก พร้อมน้ำตาไหล พอไอออกมา สักครั้ง สองครั้ง แล้วจะหายไป แล้วไม่คันคออีกเลย อยากรบกวนสอบถามถึงอาการที่เกิด และทำอย่างไรถึงจะไม่ให้เกิดอาการคันคอได้ เพราะตอนนั่งพอจะเริ่มสงบนิ่งจะเป็นทุกครั้ง ทำให้เกิดความรำคาญ
รบกวนสอบถามถึงอาการคันคอ จนไอออกมาทุกครั้งในการนั่งสมาธิ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย darksanta, 25 ธันวาคม 2013.
-
ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหรือไม่ก็ไปซื้อยาแก้ไอที่ร้านขายยา บอกคนขายว่า ไอ คันคอ ขอซื้อยาแก้ไอ วิธีกินให้สอบถามเภสัชกรให้เข้าใจ...จบ EG มหาวิทยาลัยมหิดล ฮาาาา...เด็กวิดวะขอนแก่นฮา.
-
-
หากไม่เป็นโรคประจำตัว
ฝึกบ่อยๆ ทำบ่อยๆ ให้ต่อเนื่อง หมั่นกรวดน้ำ อุทิศบุญ
เดี๋ยวจะหายไปเอง
ส่วนเทคนิคที่เป็นประโยชน์เช่่น
เวลาเกิดอาการแบบนี้ รู้สึกไม่พอใจ หงุดหงิด รำคาญ
ให้กำหนดรู้ ความหงุดหงิด รำคาญที่ตัวเองประหนึ่งว่าเป็นการเฝ้าดูตัวเอง
ในอาการที่ไม่พอใจ หงุดหงิดรำคาญ ต้องมีขันติในการเฝ้าดูหน่อยนะ -
อ้อ อีกอย่างนึง มะขามป้อมก้ดีนะ
นั่งภาวนาไป ก็อมมะขามป้อมไปด้วย
แบบว่า เอาแต่เนื้อ เม็ดมันก็เอาออกก่อนเดี๋ยวจะเผลอกลืนลงไปทั้งลูก -
เป็นอยู่เหมือนกันแต่ไม่ใช่คันคอ จะเป็นเหมือนน้ำลายเยอะมากจากไหนไม่รู้ แล้วจะต้องกลืนนำ้ลายตลอดเวลา เป็นเฉพาะตอนนั่งสมาธิ ตอนหลังไม่สนใจจะกลืนตามธรรมชาติไป แต่จิตยังจับอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดไม่สนใจมัน ซึ่งปัจจุบันก็ได้ผล
-
หากฝึกบ่อยๆต่อเนื่องจะหายไปเอง
แต่ก่อนผมก็เป็นเยอะน้ำลายจะไหลตลอด ช่วงฝึกหนักแรกๆ
แต่ว่าเราทำต่อเนื่อง ต่อเนื่องเข้า จะหายไปเอง
พ้นจุดนี้ไป
กายมันจะล๊อกกันไปเองโดยอัตโนมัติ
ถึงเวลา ถึงช่วงของมัน กายมันก็จะคลายออกมาเองโดยอัตโนมัติ
พวกนี้ล้วนเป็นอาการทางกาย มีเป็นร้อยแปด จะไม่เหมือนกันตามธาตุขันธ์แต่ละคน
จุดนึงที่ควรสนใจ คือ กรรมฐานที่เราตั้ง เท่านั้นเป็นพอ -
ไม่เพียง แต่ น้ำลายอาการคันคอ
ยังมีอาการจะอ้วก เหมือนจะเป็นลม
จุกอก แน่นคอหอยเหมือนจะหายใจไม่ออก
พออัดต่อเนื่องเข้าไปอีก ก็จะมีเหมือนก้อนพลัง ก้อนเนื้อที่กลางอก
อาการพวกนี้ มีมาเป็นระยะ
นักปฏิบัติ ที่หลง หรือไม่เดินต่อในกรรมฐานตัวเอง หากไม่มั่นคงในกรรมฐานตัวเอง
หรือ ไปเจอคำจากบุคคลอื่นที่ว่า เป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ เป็นร่างทรง องค์เทพต่างๆ
ก็จะเดินหลงทางไป
จะเปลี่ยนสรณะ เป็นอื่นจากไตรรัตนะโดยปริยาย -
ทุกอย่างที่เกิด ที่เป็น ที่คิด ขณะนั้นๆ ใช้เป็นอารมณ์ให้จิตกำหนดรับรู้ได้ทั้งสิ้น เช่น อาการไอเกิดขึ้น ก็จับอาการไอเป็นอารมณ์ของจิตเีสีย คือ กำหนดรู้ตามที่มันเป็น จบ ไม่รำคาญแล้ว ที่รำคาญ เพราะคิดว่า อาการไอเป็นตัวคัดขวางความต้องการของตน พอไอ แล้วไม่รู้จะเอาไง ก็รำคาญ
แต่ทีนี้ พอไอก็ ไอหนอๆๆ (จับมาเป็นอารมณ์ของจิตเสีย) กำหนดรู้ตามอาการแล้ว ก็ติดตามกรรมฐานที่ใช้ต่อ ใช้ลมตามลมไป...
แต่เราทำเพื่อจะเอานั่นเอานี่ พอมีอุปรรคคัดขวางความต้องการของเรา -
มันเป็นเหมือนมารขวางทางคะ บางทีสมาธิกำลังได้ที่แล้วเชียว ดันคันคอไอ ทำให้เหมือนต้องออกจากสมาธิคะ บางทีก็ไม่สนไอเสร็จก็สมาธิต่อ บางที่ก็เอ่อเลิกก็ได้วะ ไม่ต้องซีเรียด เดินสายกลาง หาไรอม แล้วนั่งต่อหรือเดินจงกลมก็ได้
-
ขันธมาร
-
ทำเรื่อยๆทำบ่อยๆ..เมื่อจิตหายฟุ้งเริ่มเข้าสู่ความสงบอาการเหล่านี้ก็จะหายไปค่ะ
-
คิดว่าน่าจะเป็นสภาพอันเกิดมาจากเคร่งเคลียดตั้งใจมากเกินไป
เป็นผลให้ผู้ที่มีร่างกาย ส่วนไหนเซ้นซิทิฟ
ไวต่อความรู้สึกอยู่แล้วเป็นพิเศษ ก็จะเกิดอาการร่างกายทำงานลวนในส่วนนั้น
เมื่อตอนดิฉันเป็นเด็กนั่งสมาธิแรกๆ
คือปกติตอนเด็กเป็นคนที่มีโรคหอบหืด เจ็บเข้าไปในโพลงซี่โครงอยู่เป็นประจำ
ครั้นพอมานั่งสมาธิก็เกิดอาการ หายใจติดขัด คือตอนนั้นมันยังไม่
เข้าใจจับจุดไม่ถูก พอฝึกไปเรื่อยๆ จนชิน อาการพวกนั้นมันก็หายไปเอง -
ผมเป็นภูมิแพ้ พอทำสมาธิอาการคัดจมูกจะหายไป เสมหะบนหลอมลมส่วนโพรงจมูกจะไหลลงมาที่คอทำให้คันคอและก็ไอ ไม่รู้เป็นเหมือนกันหรือป่าว
-
เป็นเหมือนกันเลยขอรับ แปลกก็ตรงที่เวลาอื่นๆทั้งวันทำงานไม่ยักกะเป็น นอกจากนี้ก็ยังมีคันโน่นตรงโน้นตรงนี้เหมือนมีอะไรมากวน หรือจะเกี่ยวเพราะตั้งใจจดจ่อกับการเวลาที่ตั้งปลุกเอาไว้มากเกินไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบ หลังๆมานี้อ่อนซ้อมแล้วก็ท้อใจไปเอง
-
ถ้ากลัวน้ำลาย ก็สวมหน้ากากอนามัยปิดปากไว้
เท่านี้ก็เรียบร้อยโรงเรียนจีน -
ในขณะที่กำลังทำความเพียรนั่งเผากิเลสอยู่นั้น กิเลสมันก็ดิ้นหาทางออกทำให้ร่างกายเป็นไปต่างๆนาๆ เพราะธาตุขันธ์สืบเชื้อสายมาจากกิเลส...เจ็บ ปวดเมื้อย ระคายเคือ น้ำลายเหนียว คอแห้ง ฯลฯ ล้วนเป็นสภาวะที่ร่างกายทนอยู่ในอิริยาบทเดิมๆไม่ได้นาน
ควรถือคติที่ว่า "ขันติคือความอดกลั้นเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง"
ก็คงต้องอดทนทำความเพียรสืบต่อไป
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตนของเรา สิ่งใดไม่ใช้ตัวตนของเราก็ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น!