.
ยินดีครับผม อ.อ้วนก็เล่าให้ฟังเหมือนกันครับว่าบ้านพี่หมื่นทัพน้ำท่วมครับ ได้ข่าวมาว่า อ.อ้วน จะไปส่งถุงยังชีพให้พี่หมื่นทัพด้วยนิ
รวมพล คนรัก อาจารย์อ้วน หมอผี
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย smc0789, 12 พฤศจิกายน 2011.
หน้า 5 ของ 53
-
มารอฟัง คุณ VAIO ด้วยคน...
-
ช่วงหัวค่ำแวะไปบูชาสีผึ้งเบ็ดกับท่านอ.อ้วน
ท่านอ.เมตตา แจกสีผึ้งสาริกาม่วนมาให้อีก1ตลับ:cool:
-
-
รอติดตามด้วยคนครับ :cool:
-
สวัสดีครับ เมื่อวันศุกร์ที่แล้วผมได้เข้าพบ อาจารย์อ้วน หมอผี หรือฉายา ยักษ์วังหน้า ซึ่งพ่อครูพระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจตั้งให้
นับว่าเป็นความดีใจอย่างยิ่งของผมที่ได้รู้จักกับท่านอาจารย์อ้วน เพราะถือได้ว่าท่านเป็นหนึ่งในคนวังหน้าทรงฤทธิ์ ที่ทำอะไรก็ขลังและศักดิ์สิทธิ์เสมอ
วันนี้ขอเล่าประวัติคร่าวๆของท่านอาจารย์อ้วนพอเป็นน้ำจิ้มสักเล็กน้อยครับ -
อาจารย์อ้วน หมอผี ในวัยเด็กร่ำเรียนมาจากสถาบัน วิทยาลัยนาฏศิปล์ วังหน้า
ตัวของท่านอายุอ่อนกว่า พระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ ๕ ปี
ท่านร่ำเรียนมาทางเอกนาฏศิลป์ ด้วยรูปร่างที่ดูกำยำ ท่านจึงได้รับเลือกให้เล่นเป็นตัวยักษ์มาตั้งแต่ยังเล็ก
สำหรับตัวยักษ์ที่ครูอ้วนเคยเล่นมานั้นล้วนแต่เป็นยักษ์มีศักดิ์ทั้งสิ้น ได้แก่ ทศกัณฐ์ กุมภกรรณ เหล่านี้ท่านเรียนท่านเล่นมาอย่างชำนาญ
ชีวิตในวัยเด็กเริ่มหันเข้าสู่เรื่องราวเร้นลับเมื่ออาจารย์อ้วนได้พบกับ ครูกัน หรือครูวรกัน
ครูวรกันท่านนี้เป็นศิษย์หลวงพ่อกันวัดเขาแก้ว ท่านนั่งสมาธิแล้วเจอกันทางโทรจิต
ครูวรกันมาซื้อข้าวแกงที่บ้านครูอ้วนเป็นประจำ สมัยนั้นครูอ้วนเล่าวว่าท่านเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกง จนต่อมาครูวรกัน จ้างเด็กชายอ้อวนสมัยนั้นให้นำข้าวนำกับไปถวายตามหิ้งต่างๆของบ้านท่าน ได้ค่าจ้างสมัยนั้นวันละ ๓๐ บาท ถือว่ามากจริงๆ
เมื่อเริ่มสนิทกับกับครูกันแล้ว วิชาที่ท่านได้จากครูกันสมัยนั้นคือ ตัวเฑาะ วิชานี้ท่านว่าดีทางหนังเหนียวคงกระพัน ลงแล้วลองกันได้เลย
ชื่อเสียงของครูอ้วนหฟรือเด็กชายอ้วนสมัยนั้นเริ่มปรากฏในวงเพื่อนฝูงเพราะยามเล่นกระบี่กระบอง ครูอ้วนสมัยนั้นจะใช้ต้นแขนหรือสีข้างรับกระบี่ ซึ่งไม่ได้รับอันตรายจากคมและแรงกระแทกของกระบี่แต่อย่างใด
ความสนใจเรื่องคาถาอาคมของครูอ้วนหรือเด็กชายอ้วนสมัยนั้นมีมากขึ้น เมื่อได้ยินชื่อเสียงของพราหมณ์สุทโธ จ.นครสวรรค์ ก็ติดตามไปขอเรียนวิชาถึงบ้านครูพราหมณ์สุทโธ
ครั้งแรกที่ไปครูอ้วนจำได้ดีว่าบ้านของครูพราหมณ์สุทโธนั้น หมาดุมาก ท่านเองก็มีวิชาอยู่กับตัวเลยเสกเป่าคาถาใส่ขนมปังแล้วโยนให้หมากิน ปรากฏว่าผ่านไปไม่กี่นาทีมหาทุกตัวเชื่องหมด
ครูพราหมณ์สุทโธ ออกจากบ้านมาเห็นครูอ้วนกับหมาอยู่ด้วยกันก็แปลกใจว่าเป็นไปได้อย่างไรหมาไม่กัด ถึงกับเอ่ยปากชมว่ามีดีเหมือนกันนี่ จากนั้นมาท่านก็มอบตำราและถ่ายทอดวิชาหลายต่อหลายอย่างให้ -
ความสนใจของครูอ้วนไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ด้วยนิสัยทำอะไรแล้วต้องรู้ซึ้งถึงแก่นรู้ลึกและรู้จริง ในเวลาต่อมาท่านสนใจเรื่องทางวิญญาณศาสตร์ ลงทุนไปเรียนกับสัปปะเหร่อ ถึงสามท่านสามวัดด้วยกัน
วิชาทางสัปปะเหร่อนี้เป็นวิชาที่เกี่ยวกับวิญญาณโยตรง ผู้ที่เรียนวิชานี้ผีมันกลัวเพราะแพ้ทางกัน เมื่อเรียนคาถาอาคมเกี่ยวกับคนตายด้านต่างๆแล้วก็ถือว่าสามารถสะกดผีสะกดป่าช้าและอาถรรพณ์ต่างๆได้พอตัว
นอกจากนี้อาจารย์อ้วน หมอผี ท่านยังดั้นด้นไปเรียนวิชาถึงฝั่งลาว
ท่านเล่าว่าครั้งหนึ่งท่านไปทำบุญที่จังหวัดอุบล พบพระอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าลือว่าท่านเรียนมาทางสายสำเร็จลุน อาจารย์อ้วนไม่รอช้าเพราะรู้ว่าถ้ามาทางสายสำเร็จลุนแล้วต้องเก่งเรื่องธาตุ ๔ จึงงัดวิชาธาตุ๔ บริกรรมแล้วยิงไปที่พระอาจารย์รูปนั้นทันที ปรากฏว่าพระอาจารย์รูปนั้น หันมามองเพราะท่านทราบด้วยกระแสเจโตปริยญาณว่า มีคนลองของ แล้วพูดขึ้นว่าฉันสู้เธอไม่ได้หรอก แต่อาจารย์ฉันสู้ได้
และจากเหตุการณ์ครั้งนี้พระอาจารย์รูปดังกล่าวจึงพาอาจารย์อ้วนเข้าประเทศลาวเพื่อเจออาจารย์ผู้ทรงฤทธิ์ของท่าน
อาจารย์ของพระอาจารย์รูปนี้เป็นฤๅษี อายุ ๑๔๐ กว่าปี มีบริวารเป็นฤๅษีอยู่หลายตน ลักษณะการอยู่ของเขาเหล่านี้จะไม่สมาคมกับคนภายนอก ทุกคนล้วนมีวิชาเข้าฌานได้อย่างชำนาญมีฤทธิ์ปาฏิหาริย์มาก
อาจารย์อ้วนเล่าว่าครั้งแรกที่พระอาจารย์รูปนี้พาไป ก็พาไปไหว้รูปปั้นฤๅษี อาจารย์อ้วนก็ถามว่าแล้วอาจารย์ของหลวงพ่ออยู่ไหน พระอาจารย์ท่านก็บอกว่าลองมองดูดีๆสิ อาจารย์อ้วนก็ต้องตกใจเพราะรูปปั้นที่กำลังไหว้กลับกลายเป็นคนมีชีวิตชีวาอย่างน่าอัศจรรย์ -
นอกจากการร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมแล้ว ท่านอาจารย์อ้วนยังชำนาญเรื่องโหราศาสตร์อีกประการหนึ่งเพราะร่ำเรียนกับ อาจารย์ภิญโญ นายกสมาคมโหราศาสตร์มานานถึง ๖ ปีจึงมีความชำนาญเรื่องฤกษ์ยามต่างๆอย่างฉมัง
-
ในวัยเด็กอาจารย์อ้วนกับพระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ พระอาจารย์ผู้อนุรักษ์เรื่องราวของพระพิราพคนแรกของประเทศไทย พระอาจารย์ผู้ปั้นพระพิราพเต็มองค์เป็นท่านแรก และเป็นผู้ทำหัวโขนในรูปวัตถุมงคลเป็นท่านแรกของประเทศไทย ท่านทั้งสองสนิทและคุ้นเคยกันอย่างยิ่ง
พระอาจารย์ศิริพงศ์ ถึงกับยกย่องว่า อาจารย์อ้วนนับเป็นผู้ที่มีวิชาดีท่านหนึ่งในยุคปัจจุบัน -
นอกจากนี้อาจารย์นพ พญาไม้ ผู้ร่ำเรียนกรรมฐานสายวัดพลับ ตามตำรับสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่รับรองเรื่องความมีฝีมือของอาจารย์อ้วน ครั้งหนึ่งอาจารย์นพเคยลองตรวจพระพุทธคุณจากขุนแผนหมื่นทัพ พอกำหนดจิตลงไปที่พระเครื่องเกิดนิมิตเห็น คนนุ่งขาวห่มขาวจำนวนมาก มีรัศมีสว่างไสว คนชุดขาวเหล่านั้นทำหน้าที่ประสิทธิประสาทพรให้ภายในองค์พระ
อาจารย์นพถึงกับชมเชยอาจารย์อ้วนว่าทำได้อย่างไรเสกยังไงถึงได้ขนาดนี้ -
ใครจะรู้ครับว่าท่านอาจารย์อ้วนผู้นี้ยังเป็นผู้ที่สนิทสนมกับหลวงปู่พรหมา เขมจาโร แห่งสำนักสวนหินผานางคอย จ.อุบลราชธานีด้วย อาจารย์อ้วนเล่าว่าตอนที่เพื่อนพาไปกราบหลวงปู่พรหมานั้นเพื่อนก็ถามว่ารู้จักไหวหลวงปู่พรหมาลูกศิษย์สำเร็จลุน อาจารย์อ้วนตอบว่าไม่รู้จักรู้จักแต่ลูกศิษย์สำเร็จลุนที่ชื่อสำเร็จแก้ว
ปรากฏว่าเมื่อไปถึงสวนหินผานางคอย พอหลวงปู่พรหมาเจอหน้าอาจารย์อ้วนเท่านั้นแหละก็ทักออกมาเลยว่ารู้จักกันแล้ว รู้จักกันตั้งแต่อยู่ฝั่งลาว ที่ฝั่งลาวเขาเรียกหลวงปู่พรหมาว่าสำเร็จแก้ว -
-
แก้วเสด็จ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง อาจารย์อ้วนมีประสบการณ์ตรง ท่านเล่าว่าพระอาจารย์เจริญ อยู่ที่หนองวัวซอ จ.อุดรธานีเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่ง สามารถเชิญแก้วเสด็จได้ พระอาจารย์เจริญท่านนี้เคยเชิญอาจารย์อ้วนมาร่วมพิธีปลุกเสกที่สัดของท่าน เวลลาทำพิธี พระอาจารย์เจริญท่านจะเอาพานไปตั้งไว้บนหลังคาโบสถ์ ถึงเวลาก็เอาพานลงมาปรากฏว่าในพานมีแก้วสามลูก ท่านกำหนดจิตแล้วรู้ว่าต้องมี ๔ ลูกอีกลูกหายไปไหนไม่มีใครทราบ
ในช่วงเวลานั้นอาจารย์อ้วนกำลังกลับกรุงเทพ พระอาจารย์เจริญก็ให้คึนมาส่งที่สถานีปรับอากาศ พอขนสัมภาระเรียบร้อย คนที่วัดก็ขึ้นมาส่งถึงบนรถ ในเวลานั้นเกิดเหตุการณ์ประหลาดคือมีแสงไฟแลบขึ้นในรถคล้ายแฟลตของกล้องเกิดขึ้นใครๆก็ตกใจและแปลกใจแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งอาจารย์อ้วนกลับมาถึงกรุงเทพเมื่อเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าออกดูกลับพบลูกแก้วกลมใสลูกหนึ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของตน ก็โทรศัพท์กลับไปแจ้งพระอาจารย์เจริญท่านก็ว่านี่แหละลูกที่ท่านตามหาเพราะต้องมาสี่แต่ของท่านนี่เหลือ ๓ อาจารย์อ้วนจะเอามาคืนให้แต่พระอาจารย์เจริญไม่เอา บอกว่ามันเป็นของเธอ -
เรื่องราวของอาจารย์อ้วนหรือครูอ้วน หมอผีนั้นมีมากมาย มีเรื่องน้ำมันวังหน้า ท่านเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเด็กนาฏศิลป์จะต้องสวดมนต์สรภัญญะทุกเย็น ทุกครั้งที่สวดครูอ้วนจะสังเกตเห็นโถเบญจรงค์ ภายในมีน้ำมันงา ไม่มีใครสนใจโถนี้นอกจากท่าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อสวดมนต์เสร็จทุกคนแยกย้ายตามอัธยาศัย แต่ท่านตรงไปที่โถน้ำมัน แล้วลองเอานิ้วชี้จุ่มลงไปจากนั้นก็เอามาชิมดูจึงรู้ว่ามันเป็นน้ำมันงา แต่ที่น่าแปลกคือหลังจากชิมน้ำมันงาวังหน้าไปแล้วท่านรู้สึกตัวเห่อพองหนังเหนียวมีพลังขึ้นมาทันใดจึงรู้ว่านี่มันของดีของวังหน้าน้ำมันงาเสกใช้ในทางคงกระพันชาตรี
-
ครูอ้วนเล่าว่าวังหน้านั้นเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง การสืบสานการไหว้ครูจากรุ่นสู่รุ่นทำให้วังหน้าไม่คลายซึ่งมนต์แต่กลับมากขึ้นไปตามวันเวลา โขนละครนั้นครูอ้วนเล่าว่านับเป็นนาฏศิลป์ที่มีไสยศาสตร์อยู่ด้วยมากที่สุด เพราะจะสวมหัวโขนก็ต้องมีคาถา จะถอดหัวโขชนโดยเฉพาะหน้ายักษ์ก็ต้องมีคาถาไม่อย่างนั้นหน้ายักษ์จะติดหน้าเราไปด้วยใครเห็นเข้าก็จะพลอยกลัว จะสวมใส่สังวาลย์ก็มีคาถาอีก จะขึ้นเล่นก็ต้องมีคาถากันคุณไสยเดี๋ยวฝ่ายตรงข้ามแกล้งเอา ดังนั้นตัวท่านจึงผูกพันกับสิ่งเร้นลับมาแต่เยาว์วัย
-
วิชาทางโขนละครซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ในทางเครื่องรางของขลังวัตถุมงคลก็มีมาก อาจารย์อ้วนเล่าว่า ตัวละครยักษ์แต่ละตัวล้วนมีฤทธิ์และมีคาถาใช้ในเรื่องต่างๆได้ เช่นหัวใจทศกัญฐ์ หัวใจกุทภกรรณ คาถามารีศร่ายมนต์ คาถาไมยราพณ์สะกดทัพเป็นต้น ต่อไปเราอาจได้เห็นเครื่องรางจากวิชาเหล่าจากจากครูอ้วนก็ได้
-
และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตครูอ้วนหรืออาจารย์อ้วน หมอผี ที่ผมได้ไปสัมภาษณ์มา นับว่าเป็นเกียรติของผมอย่างยิ่งที่ได้สัมภาษณ์และช่วยเผยแพร่ครู ตัวผมจะนำเรื่องราวของครูอ้วนมาลงเสนออย่างต่อเนื่อง โปรดติดตามครับ
-
ขอบคุณครับ สำหรับ เรื่องราวของ อ อ้วน ผมห้อยแค่ขุนแผนหมื่นทัพอย่างเดียว
แต่ยอมรับ ว่าเป็นขุนแผน ที่ค่อนข้างดีมาก ห้อยแล้วอุ่นใจ ไม่มีเรื่องร้าย กระแสเมตตตา
ทำให้เราหนักแน่น อาจหาญ ขึ้น บางครั้งอธิษฐานเรื่องราวต่างๆก็สำเร็จโดยง่าย -
จากที่ผมดูมวลสาร ค่อนข้างเป็นผงอาถรรพ์จำนวนมาก ถ้าคนเสกวิชาไม่ถึง
ผมว่าดีไม่ดี คนใช้ จะซวยเอา แต่นี่ใช้แล้ว ไม่ต่างกับพระองค์หนึ่ง มีพุทธคุณดี
ไม่มีผลตามมา แสดงว่าท่านต้องมีวิชาดีจริง จิตต้องถึง ตอนแรกที่ได้ยินชื่ออาจารย์
อ้วน หมอผี ผมก้หวั่นๆนิดหนึ่ง เนื่องจากคำว่าหมอผี แต่ตอนนี้คิดว่าคงไม่ธรรมดาแล้วสำหรับอ ท่านนี้
หน้า 5 ของ 53