รวมสูตรยาสมุนไพรทั่วไทย

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 16 พฤษภาคม 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    “ไพล” (Herb for Sprain Injury) พืชสมุนไพรรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ


    อาการเคล็ดขัดยอก เกิดจากการถูกบิดอย่างแรง หกล้มหรือถูกกระแทก ทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นรอบๆข้อมีการฉีกขาดหรือฟกช้ำ เกิดอาการบวมแดง ปวดรอบๆบริเวณข้อหรือรู้สึกเคล็ดยอกบริเวณกล้ามเนื้อที่พบมากคือบริเวณข้อไหล่ ข้อเข่า ข้อมือและข้อเท้า อาการเคล็ดขัดยอกดังกล่าวคงอยู่นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน อาการเคล็ดขัดยอกนี้สามารถบรรเทา-รักษาได้โดยใช้พืชสมุนไพรคือ “ไพล”

    ไพล เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ รักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอกได้ โดยใช้ส่วนที่เป็นเหง้าของไพลที่เรียกว่า “เหง้าไพล” ที่แก่จัด 1 เหง้า ล้างน้ำให้สะอาดแล้วเอามาตำจากนั้นคั้นเอาน้ำมาทา นวดบริเวณที่มีอาการเคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำที่คั้นได้จากเหง้าไพลมีฤทธิ์ทำให้ปลายประสาทชา ด้วยสรรพคุณข้อนี้จึงช่วยบรรเทา-รักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้

    การรักษาอาการเคล็ดขัดยอกโดยใช้พืชสมุนไพร “ไพล” อีกวิธีหนึ่งคือการเอาไพลมาทำเป็นลูกประคบ โดยนำเหล้าไพลมาตำให้ละเอียดใส่เกลือป่นเล็กน้อยแล้วนำพืชสมุนไพรที่ตำละเอียดแล้วมาห่อทำเป็นลูกประคบ เอาไปอังไอน้ำให้ความร้อนแล้วใช้ประคบบริเวณที่เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและฟกช้ำวันละ 2 เวลา เช้า-เย็นจนอาการดีขึ้น

    หากมีอาการเคล็ดขัดยอกหรือฟกช้ำพยายามให้ร่างกายส่วนที่เกิดอาการนั้นอยู่นิ่งๆให้มากที่สุด การใช้ยาสมุนไพรถู-นวดหรือประคบร้อนด้วยลูกประคบสมุนไพรควรทำอย่างเบามือ ด้วยน้ำหนักมือที่พอดี อย่าถู-นวดบริเวณที่เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำแรงเกินไปเพราะจะทำให้อาการฟกช้ำหรือเคล็ดขัดยอกนั้นยิ่งเป็นหนักขึ้น การถูนวดหรือการประคบทำเพื่อให้ตัวยาสมุนไพรซึมเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อ เอ็นที่อักเสบเพื่อให้สรรพคุณของตัวยาสมุนไพรได้ทำหน้าที่ในการบรรเทารักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ จึงไม่จำเป็นต้องถูนวดอย่างแรงก็มีผลในการรักษาเหมือนกัน.


    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: สมุนไพรรักษาโรคอื่นๆ
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <CENTER>รวมสูตรยาอายุวัฒนะ

    </CENTER>


    ในยุคสมัยที่ค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง คนส่วนใหญ่หันมาดูแลสุขภาพกันถ้วนหน้า สมุนไพรไทยถือว่าขึ้นชื่อในเรื่องยาอายุวัฒนะ วันนี้ได้อ่านบทความที่น่าสนใจ มีประโยชน์ กับคนที่คิดว่าอยากจะอายุยืน อยู่นาน ๆ
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยมะขามป้อม
    1. ใช้ผลมะขามป้อมที่แก่จัด 1 ผล เอาเฉพาะเนื้อตำให้ละเอียดใส่เกลือ
    ใส่น้ำผึ้งพอชุ่ม อม ไว้ แล้วค่อยๆกลืน
    2. ผลมะขามป้อม 1 กำมือ ทุบให้แตกก่อนต้มกับน้ำ 3 แก้ว
    ต้มให้เหลือ 1 แก้ว แล้วจิบในขณะอุ่นๆ
    *************
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยบอระเพ็ด
    วิธีใช้ บอระเพ็ดใช้เถาบอระเพ็ดหั่นตากแล้วบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้งปั้น
    เป็นลูกกลอนกินก่อนนอน วันละ 2-4 เม็ด
    ****************
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยเหงือกปลาหมอ

    วิธีใช้ ใช้เหงือกปลาหมอล้างให้สะอาดตากให้แห้ง
    บดเป็นผงผสมกับพริกไทยป่น 1 ส่วน และใส่น้ำผึ้งอีก 1 ส่วนคลุกให้เข้ากัน
    ปั้นเป็นลูกกลอนกินวันละ 2-4 เม็ด ก่อนนอน
    ******************
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยกล้วยน้ำว้า

    วิธีใช้ ใช้กล้วยน้ำว้าสุกงอมปอกเปลือกแช่ในน้ำผึ้งอย่างน้อย 1 สัปดาห์
    กินวันละ 1-2 ผล ทุกวัน
    *************

    ที่มา
     
  3. ทิกเกอร์_ทิกเกอร์

    ทิกเกอร์_ทิกเกอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +914
    ....โอ้วววว พี่ทั่น... ตั้งกระทู้ได้ครอบจักรวาลมาก....

    กำลังคิดโปรเจค เรื่องยาสมุนไพร แบบนี้ลง Blog

    ทำให้กิเลสอยากได้กล้องถ่ายรูปกำเริบอีกแย้ว...


    .
    .
    .

    อนุโมทนาพี่ทั่น .. กับบทความ ยาสมุนไพรด้วย .. สาธุ!!~
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมวิจัยกับสถาบันพฤกษศาสตร์จีน ค้นคว้าสูตรสมุนไพรต้านไวรัสเอดส์ เผยผลทดลองในกลุ่มผู้ติดเชื้อ พบจำนวนไวรัสลดลงและปริมาณเม็ดเลือดขาวเพิ่ม หวังเป็นทางเลือกสำหรับผู้แพ้ยาต้านไวรัสรุนแรง ด้าน อย.ไฟเขียวขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณเรียบร้อยแล้ว

    น.พ.สมชาย แสงกิจพร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทางคลินิก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ลงนามร่วมมือกับสถาบันพฤกษศาสตร์แห่งเมืองคุนหมิง ประเทศจีน ดำเนินการวิจัยตัวยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันมาเป็นเวลา 6 ปี พบว่างานวิจัยสามารถควบคุมระดับเชื้อเอชไอวี และช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ดำรงชีวิตได้ดีขึ้น

    ตัวยาดังกล่าวประกอบด้วยพืชสมุนไพรจากประเทศจีน 3 ชนิด ประกอบด้วย "อิงเฉิน" มีสรรพคุณฆ่าไวรัส "หวงฉี" มีสรรพคุณเพิ่มภูมิต้านทาน และ "กันเฉ่า" (ชะเอมเทศ) มีสรรพคุณฆ่าเชื้อไวรัส นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรจากไทยอีก 2 ชนิด ได้แก่ เปลือกรากหม่อนมีสรรพคุณฆ่าไวรัสเช่นเดียวกัน และดอกคำฝอย มีสรรพคุณทำให้โลหิตหมุนเวียนดี

    "ผลการทดลองในระยะ 1 และ 2 กับผู้ติดเชื้อ 28 คน พบว่าสมุนไพรดังกล่าวไม่มีพิษในคน และสามารถลดปริมาณไวรัสเอชไอวี จากการตรวจสอบทุก 2 สัปดาห์ พบอาสาสมัคร 12 คนปริมาณไวรัสลดลง อีก 16 คนปริมาณไวรัสเท่าเดิม ส่วนการทดลองในคนระยะ 3 มีผู้ติดเชื้อเข้าร่วม 120 คน ไม่พบอาการแพ้ยาสมุนไพร และส่วนใหญ่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น" หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าว

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและแน่นท้อง ถือเป็นอาการปกติของการใช้ยาและไม่เป็นอันตราย โดยสูตรยาสมุนไพรนี้เหมาะสำหรับผู้ติดเชื้อที่แพ้ยาต้านไวรัสหลัก กลุ่มที่ทนฤทธิ์ยาไม่ไหวและกลุ่มไม่มีอาการ เพื่อบำรุงร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกัน

    ด้าน น.พ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากความร่วมมือดังกล่าว ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ในส่วนการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตยาสมุนไพรต้านไวรัสเอชไอวี จากสถาบันพฤกษศาสตร์แห่งเมืองคุนหมิง รวมทั้งผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้สิทธิบัตรยาร่วมกัน แต่ในส่วนการผลิตนั้นยังอยู่ในประเทศจีนซึ่งจะจัดส่งมาให้ประเทศไทย

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตัวยาดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เป็นยาแผนโบราณเรียบร้อยแล้ว และมูลนิธิกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเป็นผู้จัดจำหน่าย คาดว่าสามารถวางตลาดได้ภายใน 2-3 เดือนนี้

    http://www.komchadluek.net/news/2006/01-13/it-19629817.html <!-- Message body ''"" -->
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
    1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ
    ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
    หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด > เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรว จด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

    2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์
    หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

    3. มะเร็งรังไข่ อาการ
    ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์
    มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการ ปวดหลัง
    4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย)
    อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว
    หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง
    ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

    5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ
    มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ
    เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร
    น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นไ! ด้ชัด

    7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

    8. มะเร็งสมอง อา การ ปวดศีรษะนาน ๆ
    และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า
    และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ
    การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว
    ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

    9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก
    หรือ ทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษาหรือเป็นแผล เรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลา นาน

    10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที
    มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากหรือมีการขยายตัวของต่อมใน
    ลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

    11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร
    อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวด เร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย
    รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกต! ื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

    12. มะเร็งทรวงอก
    อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้
    บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10
    คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอก โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น
    เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์
    ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

    13. มะเร็งลำไส้ อาการ
    น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติมีเลือดออกปนมากับอุจจาระ **** ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใ
    ช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ
    อาการของริดสีดวงทวาร แต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

    14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้
    เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย
    15. มะเร็งผิวหนัง
    อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง
    ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา
    (Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น
    กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ด
    ทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ
    ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล
    ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งผู้เป็นมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิด สำหรับมะเร็งจะหายภายใน
    6 วัน วิธีรักษา - ไปที่ร้านย าจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1 ตำลึง ก้อนเกลือ 3 ก้อน
    นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม จากนั้นให้ดื่มจนหมดชาม
    สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้วควรดื่มน้ำตามมาก ๆ
    นำส่วนที่เหลือมารับประทาน
    ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ต้องตกใจ
    เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ

    ขอให้ทุกคนแข็งแรงกันทุกๆคนเลยนะค่ะ เหนือยก็พักกันบ้างนะค่ะ [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2009
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สูตรยาสมุนไพรแก้โรคภูมิแพ้ใช้แล้วได้ผลดีสามารถทำให้อาการภูมิแพ้ ทุเลาลงและดีขึ้นเรื่อยๆ<O:p</O:p
    ส่วนประกอบ<O:p</O:p
    ขิงแห้ง 30 กรัม<O:p</O:p
    ดอกดีปลีแบบแห้ง 30 กรัม<O:p</O:p
    เหง้าตะไคร้แห้ง 30 กรัม<O:p</O:p
    ใบหนุมานประสานกายแบบสด 40 ใบ<O:p</O:p
    วิธีใช้ เอาตัวยาทั้งหมดน้ำมาต้มรวมกัน ใส่น้ำกะตามสายตา แล้วดื่มขณะอุ่น เช้า- เย็น ก่อนอาหารครั้งละครึ่งแก้ว กินไปเรื่อยๆทุกวัน จนกว่ายาจะจืด จึงเปลี่ยนยาใหม่ จะเป็นยาช่วยแก้โรคภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ มีเสมหะมากได้ โดยจะขับเสมหะออกหมด ทำให้หายใจโล่ง ซึ่งสูตรนี้สามารถทำดื่มได้กับทุกธาตุเจ้าเรือน สมัยก่อนหมอยาพื้นบ้านนิยมใช้รักษาผู้มีอาการโรคภูมิแพ้อย่างแพร่หลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สูตรยา แก้โรคหอบหืด<O:p</O:p
    ส่วนประกอบ<O:p</O:p
    - มะขามป้อม 30 กรัม<O:p</O:p
    - มะขามเปียก30 กรัม<O:p</O:p
    - น้ำผึ้งปรับได้ตามความเหมาะสม<O:p</O:p
    - เกลือปรับได้ตามความเหมาะสม<O:p</O:p
    วิธีใช้นำส่วนประกอบดังกล่าวนำมาโขลกรวมกันให้เข้าที่แล้วนำมาปั้นเป็นลูกกลอนแล้วนำมาตากแดด<O:p</O:p
    (เมื่อมีอาการหอบหืดรับประทานครั้งละ 1 เม็ด)
    สรรพคุณแก้หอบหืด
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]


    ที่มา http://www.utts.or.th/con_001.php?a_id=27
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2009
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พบสมุนไพรใหม่ คาวตอง ทางเลือกสู้ไข้หวัด 2009

    [​IMG]


    ผอ.สนช. เผยเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของไทยตระกูลเดียวกับพลู พบมากทางภาคเหนือ ได้รับความนิยมมากในเกาหลี อินเดีย และอาเซียน ขอเวลาวิจัย-พัฒนา 2 ปีเชื่อ ต้านเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ ได้

    วันนี้ (28 พ.ค.) นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า ขณะนี้ สนช. สนับสนุนงบประมาณการวิจัยพืชสมุนไพรทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ รวมทั้งเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ล่าสุด ได้มีการค้นพบสมุนไพรพื้นบ้านที่เรียกว่า คาวตอง หรือ พลูคาว เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของไทยตระกูลเดียวกับพลู พบมากทางภาคเหนือของประเทศ ลักษณะเป็นพืชล้มลุกชนิดเถา มีกลิ่นค่อนข้างคาวเหมือนคาวปลา แต่มีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาการติดเชื้อ รักษา แผล รักษามะเร็ง ต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ สมุนไพรดังกล่าวชาวบ้านทางภาคเหนือนิยมนำไปเป็นส่วนผสมของอาหาร แต่ไม่ได้รับความนิยมมาก เพราะมีกลิ่นแรง ไม่หอมเหมือนใบโหระพา และ กระเพรา ทำให้ไม่เป็นที่นิยม อย่างไรก็ตาม สมุนไพรดังกล่าวได้รับความนิยมมากในประเทศเกาหลี อินเดีย และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการนำสมุนไพรดังกล่าวไปรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคริดสีดวงทวาร โรคติดเชื้อ เป็นต้น

    นายศุภชัย กล่าวต่อว่า การสนับสนุนพืชสมุนไพรดังกล่าวเพื่อพัฒนาสมุนไพรไทย ที่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคให้เป็นยาที่ได้รับการยอมรับ โดย สนช. ได้ร่วมกับ นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล ประธานบริษัท ไบโอคอนซัลท์ จำกัด ดำเนินการวิจัยสมุนไพรคาวตอง โดยจะศึกษาคุณสมบัติเชิงลึกว่าทำงานได้อย่างไร และมีประโยชน์ในการต้านไวรัสชนิดใดได้บ้าง คาดว่าใช้เวลาการวิจัยและพัฒนา 2 ปี

    ด้าน นพ.กำพล กล่าวว่า ตนเตรียมหารือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาคุณสมบัติของคาวตอง ว่า สามารถนำมาพัฒนาเป็นยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้หรือไม่ เชื่อว่าจะสามารถต้านเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเชื้อเอชไอวี โดยอาจต้องใช้ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น เช่น ฟ้าทะลายโจน มีคุณสมบัติเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในต้นเดือนมิ.ย.นี้ ตนจะหารือกับกลุ่มแพทย์จากประเทศญี่ปุ่น นำโดย นพ.ฮิราชิ เพื่อที่จะพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากกลุ่มแพทย์ดังกล่าวกำลังมองหาเครือข่ายจากประเทศต่างๆ ประเทศไทยก็สนใจเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  8. uppercut

    uppercut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    617
    ค่าพลัง:
    +1,551
    ได้ความรู้ดีครับหลายอย่างจะนำไปทำดู อนุโมทนาครับ
     
  9. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ไม่ทราบว่าหนังสือของหลวงพ่อจรัญไปหาได้ที่ไหนคะ ตอนนี้ที่วัดมีจำหน่ายไหม
     
  10. dorafudesu

    dorafudesu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +230
    อนุโมทนา ขอให้ห่างไกลจากโรคร้าย

    และผิวพรรณนุ่มนวลสวยงาม
     
  11. อุมาเทวี

    อุมาเทวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +264
    อยากได้สูตรยา ที่ทานแล้ว "อ้วน" ค่ะ ผอมเหลือเกิน รบกวนด้วยคนนะคะ;aa42
     
  12. สรรเพชร

    สรรเพชร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    ไก่ได้พลอย
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ช่วยเผยแพร่ เรื่อง ตำราไม่ล้างไต กับ ผู้ป่วยเป็นโรคไต

    [​IMG]


    ให้พ้นทุกข์จากการฟอกไตด้วย จะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง
    เรื่อง ตำราไม่ล้างไต

    ถ้าข้าพเจ้าได้รับตำรานี้เมื่อ 25 ปีก่อน ลูก ๆ คงไม่ต้องมาร้องเพลงชื่อ “คนอื่นมีแม่ ฉันไม่มี”

    การที่จะเอาเมล็ดลิ้นจี่มาทำยานั้นง่ายมากสำหรับข้าพเจ้าเพราะที่บ้าน ปลูกต้นลิ้นจี่กว่า 50 ปีแล้ว

    แต่ไม่รู้ว่ามันคือยาวิเศษในการรักษาโรคไต คู่ชีวิตของข้าพเจ้าต้องทรมานเสียเวลา 14 ปีในการฟอกไตและในที่สุด ก็ต้องจากไป

    ในไต้หวันมีผู้คนป่วยเป็นโรคไตจำนวนมากที่ต้องทำการฟอกไต การที่ต้องไปฟอกไตเพราะไตเสื่อมลง

    จนไม่มาสามารถขับถ่ายของเสียออก บางทีญาติหรือเพื่อนของท่านบางคนกำลังฟอกไตอยู่

    จึงอยากให้ท่านช่วยเผยแพร่ตำราวิเศษออกไปให้ทั่ว จะเป็นบุญกุศล ยิ่ง

    คนที่นำไปทดลองใช้จะมีแต่ได้ ไม่มีเสียอย่างแน่นอน ช่วยได้ 1 คน เท่ากับช่วยทั้งครอบครัว

    ข้าพเจ้าเป็นโรคไตเพราะเป็นโรคเบาหวานนาน 20 ปี ความเป็นทุกข์ทรมานนี้

    ทำให้ข้าพเจ้าเบื่อต่อชีวิต และคิดจะจบชีวิตตนเองหลายครั้งแต่มาคิดได้ว่า ถ้าเราพ้นทุกข์แล้วทำให้หลายคนต้องรับทุกข์ต่อ

    ลูกหลานหลายคนยังเรียนไม่จบ ยังตั้งตัวไม่ได้ เลยรับกรรมไปฟอกไตต่อ

    มีคนเสนอตำราลับ ตำราวิเศษให้ แต่ไม่เคยเชื่อ ข้าพเจ้าเชื่อแต่แพทย์แผนปัจจุบัน จึงเดินเข้าห้องฟอกไต ขอสู้กับมัจจุราชต่อไป

    ข้าพเจ้าเกิดนึกถึงคำพังเพยจีนว่า “ม้าตายแล้ว ให้นึกว่ารักษาม้าเป็น”บางทีชีวิตนี้อาจมีความหวัง จึงขอทดลอง หลังฟอกไตครั้งที่ 2

    แล้วคุณน้ามาเยี่ยมถามว่ าอยากลองตำราวิเศษไหม รับรองไม่ต้องฟอกไตอีกต่อไป ข้าพเจ้าก็ตกลงทันที

    ตอนบ่ายคุณน้านำซุปเส้งจี้มา 1 หม้อแบ่งดื่ม 2 ครั้ง วันที่ 2 นำมาอีก 1 หม้อ (ราว ชามครึ่ง) พร้อมให้กินเส้งจี้อีก ครึ่งลูก

    ในวันนั้น ปรากฏว่าการถ่ายปัสสวะดีขึ้น พอวันที่ 3 ซึ่งจะต้องฟอกไต แต่หมอตรวจแล้วว่าวันนี้ยังไม่ต้องฟอกก่อน

    ข้าพเจ้าได้ดื่มซุปเส้งจี๊ประมาณ 1 อาทิตย์ ไปตรวจอีก คราวนี้หมอประหลาดใจมาก แจ้งว่าไตปกติแล้ว ไม่ต้องฟอกแล้ว

    ตำราวิเศษมีดังนี้.--

    เมล็ดลิ้นจี่สด 7 เม็ด ทุบให้แตกแล้วใช้ผ้าขาวอย่างบาง ๆ ห่อไว้

    ซื้อเส้งจี๊หมู 1 ลูก หั่นเป็นแผ่นบางล้างให้สะอาดตัดเอาเอ็นสีขาวออก

    เอาน้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 จำนวน 2 ชาม นำเข้าใส่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า

    ทำการนึ้งเป็นเวลา 30 นาที เสร็จแล้วให้ดื่มหมดครั้งเดียวก็จะได้ผล

    ข้าพเจ้าได้พ้นจากฟอกไตเพราะตำรานี้ จึงขอความกรุณาทุกท่าน

    ช่วยเผยแพร่ตำรานี่แก่ผู้ป่วยเป็นโรคไต ให้พ้นทุกข์จากการฟอกไตด้วยจะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง


    ที่มา Forward Mail
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2010
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ผักบุ้ง : บำรุงสายตา ถอนพิษ ช่วยขับถ่าย ประโยชน์ของผักกำละ 5 บาท (ไทยโพสต์)

    ใครอยากมีสายตาดี อยากถนอมสายตาไว้ใช้ชั่วชีวิต สิ่งสำคัญคือต้องบำรุงรักษา กินอาหารที่ช่วยในการบำรุงสายตาอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้ดวงตาเสื่อมก่อนวัย เช่น แสงแดด ลม คอมพิวเตอร์ การดูทีวีนาน ๆ การใช้สายตาในช่วงที่แสงไม่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเอื้อให้เกิดปัญหากับสายตาทั้งสิ้น

    สำหรับอาหารสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในการบำรุงสายตา คือ ผักบุ้ง เป็นผักที่มีวิตามินเอสูง ช่วยในการบำรุงสายตา แม้จะมีผักตัวอื่น ๆ ที่มีวิตามินเอเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รับการระบุว่าเป็นผักบำรุงสายตาอย่างผักบุ้งเลย คนโบราณแนะลูกหลานกินผักบุ้งตาหวาน แม้ว่าจะไม่รู้ว่าผักบุ้งมีวิตามินเอที่มีประโยชน์ต่อสายตาก็ตามแต่ ผักบุ้งจึงได้ชื่อว่าเป็นผักที่เป็นมิตรกับสายตา

    สรรพคุณระบุว่า แก้ตาฟางหรือตาบอดกลางคืนได้ดี ช่วยให้หายแสบตาจากอาการตาแห้ง และลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตาเยอะ ๆ ถ้าช่วงนี้ใครที่รู้สึกว่าปวดตา ใช้สายตาเยอะ ตาแห้ง และค่อนข้างล้า ลองกินผักบุ้งเยอะ ๆ แล้วจะพบว่ามันช่วยได้จริง ๆ

    การกินผักบุ้งไม่ว่าจะผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีน ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสายตาทั้งสิ้น ถ้าใครที่กินผักบุ้งมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนอายุมากขึ้นก็จะยังคงมีสายตาดี ไม่มีปัญหาเรื่องสายตายาว และเชื่อว่ากินประจำยังช่วยป้องกันต้อกระจกได้ด้วย ดังนั้น ผู้ปกครอง คุณพ่อ คุณแม่ ควรให้ลูกได้กินผักบุ้งเยอะ ๆ หรืออย่างสม่ำเสมอ ให้ได้รับสารบำรุงสายตาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นการบำรุงอย่างสะสมทรัพย์ จะเป็นการช่วยให้ลูกหลานมีสายตาดีจนชั่วชีวิตของพวกเขา

    ในทางโภชนาการผักบุ้งยังมีสารสำคัญอื่น ๆ นอกเหนือจากวิตามินเอที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ แคลเซียม วิตามินซี เส้นใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต เหล็ก ฟอสฟอรัส มากน้อยแตกต่างกันไป

    ในทางการแพทย์แผนไทย ระบุว่า ผักบุ้งมีรสเย็น มีสรรพคุณถอนพิษสำแดงต่าง ๆ หรือช่วยในการขับสารพิษอออกจากร่างกายได้ หมอแผนไทยบางท่านแนะให้นำมาใช้ในการขับพิษ สำหรับเกษตรกรที่ใช้สารเคมีทางการเกษตร ซึ่งจะได้รับสารพิษอันตราย หรือใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยติดยาเสพติด ในกรณีนี้อาจใช้กับตัวยาอื่น ๆ ตามตำรับของหมอแต่ละคนเพื่อช่วยขับพิษและฤทธิ์ของยาเสพติด หรือในกรณีที่กินสารพิษ กินเห็ดพิษ ร่างกายได้รับสารตะกั่ว สารหนู โดยแนะให้เอาผักบุ้งแดงต้มเอาน้ำดื่มเป็นประจำ

    สรรพคุณ ของผักบุ้งช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะผักบุ้งแดง ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกันเพราะมีรสเฝื่อน จึงนิยมนำไปกินกับส้มตำมะละกอ คนในเมืองที่ชีวิตต้องเผชิญกับมลพิษในอากาศ อาหาร ลองเอาผักบุ้งแดงมาทำเป็นชาไว้ดื่ม เพื่อช่วยขับสารพิษจากร่างกายก็น่าจะเหมาะไม่น้อย หรือใช้ผักบุ้งต้มอาบ หรืออบร่วมกับสมุนไพรตัว ๆ ก็จะช่วยขับพิษออกทางรูขุมขน

    ส่วนกรณีที่ใครท้องผูกเป็นประจำขับถ่ายไม่ออก แนะให้กินผักบุ้งสดหรือผักบุ้งลวก จิ้มกับน้ำพริกในมื้อเย็น ส่วนน้ำต้มผักก็สามารถใช้ดื่มได้ ผักบุ้งจะช่วยให้อุจจาระนิ่ม และช่วยขับของเสียพร้อมดูดซับเอาของเสียนั้นออกมาพร้อมในกระบวนการขับถ่าย ด้วย กินผักบุ้งเป็นประจำจะช่วยปัดกวาดทำความสะอาดเอาของเสียที่ตกค้างในลำไส้ออก มาด้วย ช่วยให้การดูดซึมอาหารดีขึ้น

    สรรพคุณส่วนต่าง ๆ ของผักบุ้ง คือ

    [​IMG] ราก ใช้ถอนพิษ แก้ผิดสำแดง แก้โรคตา แก้ตกขาวในสตรี แก้ปวดฟันเนื่องจากฟันเป็นรู แก้ไอเรื้อรัง แก้เหงื่อออกมาก แก้บวม แก้พิษงูเห่า

    [​IMG] เถา ถอนพิษ แก้พาเบื่อเมา ถอนพิษยาทั้งปวง แก้ตาฟาง แก้โรคตา

    [​IMG] ยอดอ่อน ถอนพิษ รักษาริดสีดวงทวาร แก้เด็กเป็นหวัด

    [​IMG] ใบ แก้พิษขนของบุ้ง รักษาริดสีดวงทวาร ถอนพิษยาเบื่อเมา แก้ตาฟาง แก้พิษฝี ปวด อักเสบ

    [​IMG] ดอกตูม รักษากลากเกลื้อน

    [​IMG] ทั้งต้น รักษาตาแดง รักษาตาฟาง รักษาตามัว แก้เบาหวาน แก้ปวดศีรษะ แก้ผิวหนังผื่นคัน แก้กลากเกลื้อน เป็นยาระบาย แก้ไข้ แก้โรคนอนไม่หลับ ถอนพิษ แก้พิษเบื่อเมา

    ตัวอย่างในการใช้ผักบุ้งรักษาโรคต่าง ๆ ได้แก่

    [​IMG] แก้เลือดกำเดาออกมากผิดปกติ ใช้ต้นสดตำผสมน้ำตาลทรายชงน้ำร้อนดื่ม

    [​IMG] แก้หนองใน ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด ใช้ลำต้นตำคั้นนำน้ำมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม

    [​IMG] แก้ริดสีดวงทวาร ใช้ต้นสด 1 กิโลกรัม กับน้ำ 1 ลิตร ต้มให้เละ เอากากทิ้งใส่น้ำตาลทรายขาว 120 กรัม เคี่ยวให้ข้นเหนียว ทานครั้งละ 90 กรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น จนหาย

    [​IMG] แก้แผลมีหนองช้ำ ใช้ต้นสดต้มน้ำให้เดือดนาน ๆ ทิ้งไว้พออุ่นเอาน้ำล้างแผลวันละครั้ง

    [​IMG] แก้พิษตะขาบกัด ใช้ต้นสดเติมเกลือ ตำพอกแผล

    [​IMG] ฟันเป็นรู ปวด ใช้รากสด 120 กรัม ผสมน้ำส้มสายชู คั้นนำน้ำอมบ้วนปาก

    [​IMG] ผักบุ้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกเยอะแยะมากมาย ราคาก็ถูก ตามตลาดส่วนใหญ่ขายกำละ 5 บาท หรือบางบ้านก็ปลูกไว้กินเอง บางแห่งขึ้นเกลื่อนตามห้วยหนองคลองบึงต่าง ๆ หรือที่ว่างเปล่า โดยเฉพาะหน้าหนาวผักบุ้งแดงตามทุ่งนาออกดอกสีม่วงสีขาวท้าลมหนาว อย่างไม่รู้หนาวเหน็บ ลองนำผักบุ้งมาทำเครื่องดื่ม โดยเอาผักบุ้งมาปั่นรวมกับผักอื่น ๆ เช่น บัวบก ตำลึง ย่านาง หญ้าปักกิ่ง กรองเอาแต่น้ำ ปรุงแต่งรสด้วยน้ำมะพร้าวอ่อน หรือน้ำอ้อย รสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างยิ่ง

    อาหารมื้อต่อไป อย่าลืมให้โอกาสผักบุ้งได้ทำหน้าที่ของผักที่ดีต่อสุขภาพของท่านด้วย






    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    [​IMG]
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เคล็ดลับหน้าสวยเนียนใส


    [​IMG]

    หน้าเนี้ยนเนียน (สยามดารา)

    สูตรความงามอันหอมหวานและเย็นฉ่ำมาเสิร์ฟกันถึงที่อีกแล้ว วันจันทร์วันแห่งการเริ่มต้นทำงานอย่างนี้ หวังว่าทุกคนคงมีหน้าตาสดใสกันทุกคนนะคะ อ๊ะ ๆ ที่ทำหน้ามุ่ยน่ะ เพราะจับดูแล้วหน้าไม่เกลี้ยงใสอย่างใจหวังล่ะสิ

    งั้นเตรียมรับสูตรความงามอันเย็นฉ่ำได้เลยค่ะ แต่ใครที่ผิวแพ้ง่ายอาจต้องระวังกันซักนิด ส่วนผสมสำหรับ 1 หน้า เริ่มจากนำสตรอเบอรี่ 2 ลูก แตงกวาผ่าครึ่ง 1 ซีก น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำขิงสดที่คั้นจากราก มาผสมให้เข้ากัน โดยอาจนำเข้าเครื่องปั่นจะได้ผสมปนเปกันดิบดี

    จากนั้นให้นำมาพอกทั่วทั้งใบหน้า ยกเว้นบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้สัก 10 นาที อาจรู้สึกแสบนิด ๆ เมื่อครบกำหนดก็ให้ล้างออก ทำบ่อย ๆ สัปดาห์ละครั้ง หน้าก็จะเกลี้ยงเกลา เบา สบาย สมใจนึกแล้วล่ะค่ะ


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    รักษาโรควิถีธรรมชาติบำบัดแบบหมอเขียว

    1. บทนำ

    เวลาไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็ไปหาหมอแผนปัจจุบัน หากเกิดจากเชื้อโรค บาดเจ็บ อย่างนี้หมอแผนปัจจุบันถนัด แต่หากเป็นโรคที่เกิดจากตัวเอง เรื้อรัง เหตุมักมาจากการกินอาหาร สังคมแย่อยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่ดี อารมณ์ตัวเองเครียด ปรับสมดุลตัวเองกับสิ่งแวดล้อมไม่ได้ เช่น เนื้องอก มะเร็ง ปวดหัวไร้สาเหตุ เบาหวาน โรควัยทอง อย่างนี้ไปหาหมอเขียวบำบัดโรคด้วยอาหาร อากาศ และอารมณ์จะดีกว่า

    พูดสั้นๆ ก็คือ หากรักษาโรคที่ไม่ใช่โรคติดต่อกับหมอแผนปัจจุบันไม่หาย เรื้อรัง ก็ให้แนะนำมาที่หมอเขียวเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งแนวธรรมชาติบำบัดก็มีหลายค่าย แบบระดับคนจน จนถึงระดับมีอันจะกินก็มี แต่แนวที่แนะนำคือ แนวหมอเขียวเพราะราคาถูกแบบชาวบ้านๆ ก็ไปรักษาได้อยู่ที่บ้านสานฝัน จ.อำนาจเจริญ



    2. หลัก 8 อ. เพื่อสุขภาพ

    8 อ. เพื่อสุขภาพ นำมาใช้ในการเสริมสร้างให้สุขภาพดี แต่ก็มีบางข้อก็เอามาใช้เพื่อทำให้อายุยืน และสุดท้ายนำเอามาใช้รักษาโรคตามแนวธรรมชาติบำบัด มีดังนี้

    1) อิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)

    2) อารมณ์ (ทำให้จิตสงบ ไม่วิตก ไม่อารมณ์เสีย)

    3) อาหาร (กินอาหารที่สมดุล เน้นพืชผักฤทธิร้อน-เย็น ทำสมดุลกับร่างกาย)

    4) ออกกำลังกาย (ตามวัย ตามภาวะ อยู่ในชีวิตประจำวัน มีตักน้ำ ซักผ้า)

    5) อากาศ (อากาศดีๆ บริสุทธ์ แบบชนบท ต้นไม้ดอกไม้แบบปลูกลงทุนต่ำๆ)

    6) เอนกาย (ที่นอนแบบง่ายๆ นอนเพียงพอ)

    7) เอาพิษออก (ไล่พิษแบบต่างๆ ให้ออกจากร่างกาย)

    8) อาชีวะ (จงทำงาน อย่าทำเป็นคนว่างงาน จะเฉาตาย)



    3. พิษภัยจากอาหารรสจัด

    จงหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและกินกันเป็นประจำ เพราะจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ มีดังนี้

    รสฝาดจัด >>> เกิดนิ่วได้ง่าย

    รสขมจัด >>> มีอัคคาลอยมาก มีผลต่อหัวใจ

    รสหวานจัด >>> ตับอ่อนทำงานหนัก ทำให้ตับอ่อนเสื่อมง่าย เกิดเบาหวาน

    รสเผ็ดจัด >>> เกิดระคายเคืองต่ออวัยวะ มีกระเพาะ ลำไส้ ทวาร

    รสมันจัด >>> มีไลเปรส มีผลต่อตับ

    รสเค็มจัด >>> มีผลต่อ ไต

    รสเปรี้ยวจัด >>> กัดทำลายผิวตามผนังเนื้อเยื้อ คอฟัน



    หลักสุขภาพของหมอเขียว (ใจเพชร มีทรัพย์)

    “กินเนื้อไม่ติดมัน กินผักมากขึ้น ลดอาหารรสจัด”

    “กินอาหารเสริม วิตามิน อาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ”

    “อาหารรสจัดเป็นภัยต่อสุขภาพ (ร่างกาย)



    หากเรามีบาดแผล ลองเอาผักรสจืดตำมาโป๊ะแผล เราจะรู้สึกเฉยๆ แต่หากเอาผักรสเผ็ดร้อน มาโป๊ะ เราก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน

    ผู้ป่วยมะเร็ง ร่างกายอยู่ในสภาพร้อนเป็นแผลเนื้อร้าย หากกินอาหาร พริกไท ข่าแก่ ที่มีฤทธิ์ร้อนหรือสาหร่ายฤทธิ์เค็ม ร่างกายจะทรุดทันทีอย่างเห็นได้ชัด แต่หากเรากินจืดก็ไม่เป็นไร กินพวกรสร้อนจะไม่ดี หากกินรสจืดติดต่อกันหลายวันร่างกายก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อาหารจืดๆ แต่กินมากเกินไปก็ไม่ดีจะไม่สบาย อึดอัด หากกินรสจัดเต็มที่มีน้ำตาล (หวานไป) น้ำส้ม (เปรี้ยวไป) ก็ไม่ดี จะไม่สบาย อึดอัด หากกินรสจัดเต็มที่มีน้ำตาล (หวานไป) น้ำเสีย (เปรี้ยวไป) ก็ไม่ดี

    กินวิตามินและอาหารเสริม ไม่ได้เอาแบบธรรมชาติต้องมาสกัดให้เข็มข้นเต็มที่เพื่อให้ได้ดูดซึมได้ดีได้ มากๆ ให้พลังงานสูงมาก อย่างนี้ก็ไม่ดีเข้มข้นไป จัดไป ไม่ดี



    4. แนวทางรักษาโรค

    โรคที่รักษา ต้องไม่เป็นโรคจากเชื้อโรคติดต่อ แต่เป็นเรื้อรัง มี มะเร็ง เนื้องอกในสมอง ปวดหัว เครียด ความดันโลหิตสูง โรคอารมณ์ (ทางใจ) โรควัยทอง (ร้อนวูบาบ) โรคสะเก็ดเงิน

    แนวทางรักษาโรค

    - ใช้สถานที่อากาศดี อยู่ในชนบท

    - ใช้อาหารผักรสจืดตลอด

    - ออกกำลังกายตามวิถีชีวิต เช่นตักน้ำ ซักผ้า หุงข้าว

    - รักษาอารมณ์จิตใจ โดยการต้อนรับดีและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ดอกไม้ใบไม้ใบหญ้า

    การรักษา 3 วัน ก็เริ่มเห็นผลความแตกต่าง ดีขึ้น สบายโล่ง เบา



    5. เป็นเนื้องอกในสมอง

    - จัดสถานที่นอนแบบเรียบง่าย อยู่ในสวน นอนเห็นต้นไม้

    - สังคมดีต้อนรับให้ผักผ่อนตามสบายประทับใจ

    - อบรมให้ทราบวิธีการรักษาก่อนการรักษา

    - ใช้อาหารล้วนๆ ไม่มีการใช้ยาใดๆ

    - ใช้วิธีปรับสมดุลอาหารฤทธิ์ร้อน-ฤทธิ์เย็น เหมือนเครื่องยนต์ (ร้อน) ต่อโยงกับ หม้อน้ำ (เย็น)

    - กินอาหารรสจืด ใส่เกลือได้เล็กน้อยใ ห้ได้รับรสธรรมชาติจากอาหารแท้ๆ

    - คั่นน้ำโคโลฟิลดื่ม มีใบหญ้านาง ใบเตย หญ้าปักกิ่ง

    - ทานผลไม้สด

    - ทานผักมี ส้มตำ มะละกอ มะเขือเทศ

    - ผักสดรสจืด ฤทธิ์เย็นดับร้อนในร่างกาย

    - ข้าวซ้อมมือ สีเหลือง ฤทธิ์เย็น

    - ผักต้ม ฤทธิ์เย็น

    - หากไปทดลองกินยาสมุนไพรรักษาโรคไม่หายก็มาลองทานอาหารรสจืดได้

    - โรคสะเกิดเงินก็หาย (ภูมิแพ้ของตัวเอง) หลังจากกินอาหารผักภายใน 5 วัน ก็หาย

    - จัดบ้านที่อยู่ให้มีต้นไม้ ดอกไม้ แบบโปรยๆ ตามธรรมชาติ

    - คอเคล็ด หงุดหงิด เจ็บทรมาน ใช้ช้อนขูดที่คอจะหายเป็นวิธีกัวซา

    - วิชากัวซา เป็นวิธีเอาพิษออกจากร่างกายทางผิวหนัง ใช้ขี้ผึ้งฤทธิ์เย็น (ยาหม่องเสลดพังพอน) ใช้ช้อนหรือเหรียญสิบบาทขูดตามบริเวณที่เคล็ด เจ็บตรงไหนก็ขูดตรงนั้นจนผิวหนังแดง

    - ความดันโลหิตสูง มะเร็ง เบาหวาน เนื้องอก มะเร็งระยะสุดท้าย ตับแข็ง ไขมันตันเส้นเลือดแค่ทาน 3 วัน รู้สึกดีขึ้นก็แสดงว่ามาถูกทาง x-ray ดูเนื้องอกจะเล็กลง ร่างกายกระฉับกระเฉงลงแปลงผักได้ พูดจาดีขึ้น สมองโปร่งโล่งขึ้น

    - หลังจากหายแล้วก็ไม่ควรหวนกลับไปกินอาหารรสอร่อยๆ รสจัดๆ อีก

    - โรคไขมันพอกในตับลองดื่มน้ำใบหญ้านางคั้น

    - กินอาหารปลอดสารพิษ อย่าใช้เทคโนโลยีมาก ให้กลับมาพึ่งวิถีธรรมชาติ

    - วิธีการรักษาแบบนี้ราคาถูกมาก หากเป็นหมอโรงพยาบาลครั้งละ 3-5 หมื่นบาท

    - การรักษาโรคแบบวิถีธรรมชาติหรือโภชนาบำบัดนี้มีหมอหลายค่ายแพงๆ ทั้งนั้น คนจนก็เลยหมดโอกาส

    - อย่าคิดว่าโรคนี้รักษาไม่หาย จงมาหาโอกาสอยู่บ้านดิน ท่ามกลางดอกไม้ ไม่ต้องกินยากินแต่อาหารบำบัด



    6. เป็นมะเร็งที่คอ

    - ไปศึกษาจากหนังสือถอดรหัสอาหาร ไปศึกษาดู

    - เป็นมะเร็งที่คอระยะ 2 บวมเท่าลูกปิงปองมีอาการเจ็บคอเหมือนเป็นหวัด

    - หมอเขียวติดดินโทรมาหาคนไข้ชวนให้มารักษาที่บ้านสานฝัน

    - หาหมอแผนปัจจุบันมีแต่ฉายแสงรังสี

    - อยู่แบบธรรมชาติ

    - ใช้วิตามินซี มีฝรั่งปั่น ข้าวกล้อง ผักหลายชนิดมาต้มรวมกันเอาน้ำผักมาทำอาหารต่อแต่อาการไม่ดีขึ้นเพราะเหตุใด แม้เป็นผักก็ผิดทางเพราะเป็นฤทธิ์ร้อนหมด ต้องหาผักฤทธิ์เย็นจึงจะถูกต้อง

    - มะเร็งเป็นฤทธิ์ร้อนต้องเอาผักฤทธิ์เย็นมาปราบ

    - กินอาหารผัก 5 วัน อยู่กับหมอเขียว คอบวมเท้าลูกปิงปองเหลือเท้าลูกแก้ว

    - อาหารเสริมมีว่านหางจระเข้ ขวดละพันบาท มักถูกอ้างว่าเป็นยาขับออกฤทธิ์จะบวมมากขึ้น



    7. ปวดหัวบ่อย

    - หากกินขนมจะไม่หาย

    - ปวดหัว ปวดท้อง น้อยลง กินอาหารรสจืดจะดี

    - ทำ detox ด้วย

    - ตื่นเช้าตี 4 ทำวัตร กายบริหารกดจุดลมปราณ จากนั้นทำเกษตรเช้า 2 ซม. เย็น 1 ซม.

    - ปกติเหงื่อไม่ออก หลังปรับสมดุลแล้วเหงื่อออกดี

    - อาหารมีรสเดียวแต่อร่อย เคยกินรสจัดมาสุขภาพแย่ เพราะชอบทางรสเผ็ดมาก

    - ปกติมักสั่งผักสิ้นคิด (ผักกระเพรา) กินพริก เม็ดข้าวดำ เดี๋ยวนี้เลิกหมดแล้ว

    - มาสุขกับอาหารจืดดีกว่าเพราะสุขภาพดีขึ้นแข็งแรงเพิ่มขึ้น

    - อาหารรสจัดทำให้เกิดโรคมีเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด

    - มากินอาหารจืดแค่ 3 วัน จะโล่ง สบาย

    - ทางเลือกรักษาโลกมีแบบแพงและแบบถูก แบบถูกๆ นั้น เน้นธรรมชาติมีใช้อาหารบำบัดพึ่งพาตัวเอง หาง่าย ประโยชน์สูงประหยัดสุด



    8. เป็นเบาหวาน

    - เป็นเบาหวานทั้งที่กินมังสะวิรัด เพราะกินข้าวเหนียวมากไป

    - อดของหวาน รักษาเบาหวาน

    - เป็นเบาหวานให้หาหมอปัจจุบันได้แค่ยาปัจจุบันห่อใหญ่ กินแล้วบีบหัวใจ ให้ทิ้งไปเลย มากินอาหารจืดดีกว่า



    9. บทส่งท้าย

    อาหารดี วิตามินดีๆ อาหารเสริมดีๆ เข้มข้นสูงกินเข้าไปก็อันตราย อาหารเสริมดีๆ ดังๆ สกัดมากินมากๆ พวกชงๆ ทั้งหลาย ทรุดเลย เพราะแรงไป

    ร่างกายก็ร้อนมากอยู่แล้วมากินก็เลยทรุดลงอีก

    รักษามะเร็งกับวิธีกินรสจืด ฟื้นดี ไปหาหมอ ฉีดวิตามิน ปวดแสบปวดร้อน ต้องรีบถอนพิษ โดยการกินผักใบเขียว

    วิตามินกินไปไม่รู้ว่าตัวเราขาดหรือมีมากไป กินเข้าไปก็เกินไป ไม่พอดี จะดูจากอะไร

    ความลับจากฟ้ามีพึ่งพาตนเองเป็นตัวชี้วัดสุขภาพดี มี

    1) เจ็บไข้ป่วยน้อยลง

    2) ลำบากกายน้อยลง

    3) กระปรี้กระเป่า เบากายใจ

    4) อยู่ผาสุข

    5) มีกำลังสดชื่น

    มีอาหารกิน ครบหรือเปล่าไม่สบายลดลงเขากายมีกำลัง

    กินตอนนี้อีก 1-4 ชั่วโมง ออกฤทธิ์แสดงว่าอาหารครบในวันนั้นแล้วตรวจสอบต่ออีก 3 วัน ข้างหน้า

    ใครไม่สบายตรวจสอบ 4 ชั่วโมง ถึง 3 วัน ย้อนหลังว่า กินอะไรมา ให้เจาะเลือดตรวจได้

    - อาการไม่สบายจากอาหารที่กิน

    - หน่อไม้ดอกกินแล้วร้อนไม่ดี

    - หัดเป็นหมอ เรียนรู้จากตัวเอง พึ่งพาตนเองได้ อย่าไปกินยาอย่างเดียวไม่ดี

    - ต้นเหตุโรค อาหารรสจัด กินมากๆ ไปฝังในเนื้อเยื่อ

    - พอกินยา ยากดโรคขับโรคกินเสร็จก็ขับออกได้ เราใส่ต้นเหตุลงในเนื้อเยื่อจากกระแสบริโภคนิยม ในเนื้อเยื่อฝังลึกขับไม่ออก ก็ต้องเพิ่มความแรง เพื่อเอาพิษออก ต้องหายาแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อไปงัดออกมา

    พากินยาอย่างเดียวก็พายาอื่นๆ มาด้วยก็เกิดโรคอื่นๆ ตามมาอีก

    - การไม่เปลี่ยนพฤติกรรมมีแต่เอายาใส่เข้าไป

    ภาวะร้อนเกินมีเหมือนมีไฟเผา ปวดหัวตัวร้อนมีฝีหนองผื่นคัน เม็ดแผลในปาก อักเสบ มีจุดดำ เจ็บคอ บวมร้อน

    ภาวะเย็นเกินมีโลหิตไหลเวียน มึนชา เย็น หัวตื้อ บวมไม่ออกร้อน

    อาหารเย็นทำให้ร้อนลด ชุ่มคอ

    อาหารร้อนทำให้ปากคอแห้ง (ของแสลง)

    ที่มา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sanchai&month=04-02-2010&group=1&gblog=9
    <!-- Main -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    มหัศจรรย์สมุนไพร ไทย ต้านโรคคนเมืองอยู่หมัด



    [​IMG]



    มหัศจรรย์ สมุนไพรไทย ต้านโรคคนเมืองอยู่หมัด (ไทยรัฐ)

    คนสมัยนี้ เป็นอะไรนิดหน่อยก็ชอบกินยา แถมยังเชื่อผิดๆว่า อยากมีสุขภาพดีชีวิตยืนยาว ต้องโด๊ปอาหารเสริม และวิตามินเยอะๆ เจ้าแม่วงการอาหารเมืองไทย "คุณหรีด-รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์" ยืนยันจากประสบการณ์ ทั้งชีวิตว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรจะ มหัศจรรย์เท่ากับสมุนไพรไทย...เชื่อคุณหรีด!! ทั้งราคาถูก ปลูก เองก็ง่าย และเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่ต้านโรคภัยได้สารพัดนึก



    [​IMG]




    [​IMG]โรคมะเร็ง

    ถือเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับสาม รองจากโรคหัวใจ และอุบัติเหตุ เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์, ความบกพร่องทางพันธุกรรม, สิ่งแวดล้อม, อาหาร รวมถึงความเครียด และการใช้ ชีวิตเร่งรีบของคนเมือง "มะเร็ง" กลัวสมุนไพรไทย อยู่หลายตัวค่ะ เพราะมีสารอาหารต้านโรคร้ายได้น่าทึ่ง ใครอยากห่างไกลมะเร็ง แนะนำให้ทาน กระเทียม และผักจำพวกหอม ซึ่งอุดมด้วยซัลเฟอร์ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต้านทานมะเร็งโดยธรรมชาติ ขณะที่ ผักจำพวกกะหล่ำปลี มีสารต้านทานมะเร็งในลำไส้ และช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วน ขมิ้นขาวและขมิ้นชัน นอกจากจะมีสรรพคุณขับลมในลำไส้แล้ว ยังมีสารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ด้วย สำหรับสาวๆควรทาน ผลไม้จำพวกส้ม เป็นประจำ เพราะช่วยล้างสารก่อมะเร็ง และยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม

    แพทย์ทางเลือกยังได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของ มะรุม สมุนไพรไทยแท้ๆ ว่ากันว่า หากทานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยคนเฒ่าคนแก่นิยมกินมะรุมช่วงต้นฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่ฝักมะรุมหาได้ง่าย วิธีทานมีทั้งการนำช่อดอกมะรุมไปดองเก็บไว้กินกับน้ำพริก หรือนำยอดมะรุม, ใบอ่อน, ช่อดอก และฝักอ่อนมาลวก หรือต้มให้สุก จิ้มทานกับน้ำพริก หรือจะใช้ยอดอ่อนและช่อดอกทำแกงส้ม ก็อร่อยดี มีประโยชน์ ยังมีการวิจัยด้วยว่า คนที่ทำคีโมรักษามะเร็งควรดื่มน้ำมะรุม ช่วยลดอาการแพ้รังสีได้ดี



    [​IMG]




    [​IMG]โรคเบาหวาน

    คนอ้วน คือกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน อาการบ่งชี้ ได้แก่ มีปริมาณกลูโคสในเลือดสูง เนื่องจากความผิดปกติในการทำงานของอินซูลิน, ปัสสาวะบ่อย, กระหายน้ำรุนแรง, น้ำหนักลด, อ่อนเพลีย, อยากอาหารมากกว่าปกติ, ติดเชื้อง่าย, มีอาการแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคไต และมีปัญหาทางสายตา การรักษาโรคเบาหวานอย่างได้ผล ต้องทำควบคู่กับการวางแผนทางโภชนาการค่ะ โดยสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์ต้านเบาหวาน มีอาทิ มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น ช่วยรักษาโรคเบาหวาน, บำรุงเลือด และขับปัสสาวะ รวมทั้งรักษาโรคไต ฟักทอง ช่วยป้องกันมะเร็งในปอด, ป้องกัน เบาหวาน และคุมน้ำตาลในเลือด ตำลึง มีสรรพคุณเป็นยาดับพิษภายในร่างกาย, ลดอาการไข้ และเป็นยาระบายอ่อนๆ ผลดิบของตำลึงนำมาปรุงเป็นอาหารช่วยรักษาเบาหวานได้ ผักบุ้ง ไม่ได้ทำให้ตาหวานอย่างเดียว แต่ยังบำรุงกระดูก, ลดไข้และแก้เบาหวาน ส่วน มะระ ขี้นก เชื่อว่าช่วยบำรุงน้ำดี, แก้โรคตับอักเสบ และป้องกันโรคเบาหวาน แม้แต่ มะรุม ก็มีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวานด้วยเช่นกัน

    [​IMG]โรคอ้วน

    คนอ้วนมีความเสี่ยงเป็นโรคสารพัด ทั้งเบา-หวาน, มะเร็ง, ความดันโลหิตสูง, หัวใจ และโรคข้ออักเสบ การลดน้ำหนักที่ได้ผลที่สุดสำหรับคนอ้วน คือ ต้องทำค่อยเป็นค่อยไป นอกจากจะจำกัดปริมาณอาหาร, หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้ว การเลือกทานสมุน ไพรเพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์พิชิตโรคอ้วน ควรทาน แมงลัก เพื่อ ช่วยดูดซึมน้ำตาลในเส้นเลือด ทำให้ขับถ่ายสะดวก และลดน้ำหนักได้หลายกิโล ส่วน กระเจี๊ยบมอญ ลดความดันโลหิต, รักษาโรคกระเพาะ และเป็นยาระบายชั้นดี แตงโม เป็นยาระบายอ่อนๆ น้ำแตงโมปั่นยังช่วยล้างลำไส้และกระเพาะอาหาร มะละกอ ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นยาระบาย และ มะม่วงสุก ระบายของเสียภายในได้ดี ช่วยแก้อ่อนเพลีย



    [​IMG]




    [​IMG]โรคเครียด

    ความเครียดถือเป็นตัวการให้เกิดโรค ร้ายนับไม่ถ้วน ยิ่งภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ บอกได้คำเดียวว่า ใครไม่เครียดก็บ้าแล้ว!! สมุนไพรไทยที่ช่วยลดความเครียดและทำให้ นอนหลับสบาย คือ สายบัว ช่วยลดอาการเกร็งของลำไส้ และกระเพาะลดความ เครียดทางสมอง กะหล่ำปลี ช่วยลดความเครียด มีสารต้านทานมะเร็งในลำไส้ ขี้เหล็ก แก้นิ่วในไต ทำลายเชื้อมะเร็ง เป็นยานอนหลับชั้นดี ใบบัวบก แก้ร้อนใน ทำให้ความจำดี ช่วยลดความเครียด ฟ้าทะลายโจร แก้อาการปวดหัวแบบไม่มีสาเหตุ มะนาวมะกรูด ช่วยให้ นอนหลับ บรรเทาอาการอาหารไม่ ย่อย และ พริกไทย ทำให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยลดเครียดได้ผลดี



    [​IMG]




    [​IMG]โรคภูมิแพ้

    เป็นโรคที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิไวเกินไปต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งคนปกติอาจไม่มีปฏิกิริยานี้เกิดขึ้น คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีทั้งแพ้ฝุ่น, ตัวไรฝุ่น, เชื้อราในอากาศ, อาหาร, ขนสัตว์, เกสรดอกไม้ อาการมีได้หลายแบบ ตั้งแต่น้ำมูกไหล, จาม, โพรงจมูกอักเสบ, เยื่อบุตาอักเสบ, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด และเกิดผื่นคันที่ผิวหนัง การต่อสู้กับโรคภูมิแพ้ จะต้องเพิ่มภูมิคุ้นกันให้ร่างกาย โดยสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณด้านนี้ ต้องยกให้ กะหล่ำดอก บำรุงภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ขณะที่ ขึ้นฉ่าย มีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร, เพิ่ม ภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย, บำรุงไตให้แข็งแรง ถ้านำมาปั่นกับแครอท ผสมน้ำส้มดื่มทุกเช้า จะช่วยให้สุขภาพดีเหลือเชื่อ






     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สมุนไพรรักษาสารพัดโรค ฮว่านง็อก (พญาวานร)<!-- google_ad_section_end -->

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start -->สมุนไพรฮว่านง็อก (พญาวานร)

    เป็นต้นสมุนไพรถือกำเนิดในประเทศเวียดนามผู้นำเข้ามาใช้เป็นกลุ่มทหารผ่าน ศึกสมัยสงครามเวียดนามกระถางแรกมีราคาถึง 70,000 บาท (เจ็ดหมื่นบาท) นำมากินใบสด ๆ แก้โรคต่าง ๆ มากมายและเห็นผลเร็ว

    รู้จักกันในรุ่นของทหารผ่านศึกรุ่นนั้นรุ่นเดียวผู้เขียนได้ข้อมูลและมีความ สนิทชิดชอบกับทายาทของนายทหารผู้นั้น ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม (ปัจจุบันอายุ 68 ปี) จึงได้ถามประวัติความเป็นมา การใช้และสรรพคุณซึ่งท่านใช้

    รักษาอาการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัวท่าน เช่น ภรรยาของท่านเป็นเบาหวานกินใบสมุนไพรฮว่านง็อกไม่นานก็หายซึ่งจะแจกแจงราย ละเอียดต่อไป
    ลักษณะของต้น
    เป็นต้นไม้ชนิดใบอ่อนปลายแหลม ส่วนล่างของใบจะหยาบสีเขียวเข้ม ด้านบนสีเขียวอ่อนเป็นต้นไม้ที่มีใบมากสักหน่อย แตกกิ่งก้านทรงพุ่มได้ดีการขยายพันธุ์เพียงตัดยอดปักชำลงดินก็เกิดรากตั้ง ตัวได้เร็ว ย้ายลง

    ปลูกในกระถางใส่ปุ๋ยพรวนดินรดน้ำก็จะเจริญงอกงาม
    วิธีใช้
    ส่วนสำคัญคือ ใบใช้เคี้ยวกินสด ๆ หรือคั้นและกรองเอาน้ำข้น ๆ รับประทานหรือต้มเป็นน้ำแกงรับประทานก็ได้ ส่วนเปลือกและรากไม้สามารถต้มกลั่นเป็นสุราได้ด้วย ใบไม้ไม่มีกลิ่นและรส สามารถต้มเอาน้ำใส ๆ ดื่ม

    ได้ส่วนการรับประทานมากหรือน้อย อยู่ที่ธาตุ หนัก-เบา ของแต่ละคนโดยทั่วไปจะรับประทานกัน 1-4 ใบ คนที่มีอาการหน้ามืดตาลายหลังรับประทาน 15 นาทีจะหาย ให้รับประทานติดต่อกัน 7 วัน วันละ 2 ครั้งก่อน

    อาหาร

    จากหลักฐานคนไข้รายหนึ่งหลังจากรักษาโรคมะเร็งตับจากยานานาชนิดไม่หาย เมื่อได้รับประทานใบสดของต้นฮว่านง็อกคนไข้มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไม่น่า เชื่อ จากการมีไข้สูงถึง 40 องศา ลดลงเหลือ 37 องศา

    การเจ็บปวดลดลงมาก ผิวหนังเคยเหลืองก็ลดลง หน้าท้องแฟบลงตัวเบาทำให้คนไข้ลุกขึ้นมาสนทนาได้
    ทำไม คนไข้จึงฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นหลังจากรับประทานได้ 20 นาที ยาได้ออกฤทธิ์ รับประทาน 5 ใบ จะลดความเจ็บปวดได้ 3 ชั่วโมง รับประทาน 7 ใบ ลดได้ 5 ชั่วโมงเสมือนหนึ่งยาวิเศษเพราะคนไข้โรคตับได้เจ็บ

    ป่วยมาถึงวาระสุดท้ายแล้วกลับฟื้นและมีความหวัง ต้นฮว่านง็อกเป็นต้นไม้ใบยาที่มีคุณค่าสูงส่งเป็นของขวัญจากสวรรค์ มอบให้แก่มวลมนุษย์ ก่อนหน้านี้เรียกว่าต้นลิงเพราะพวกลิงอยู่ในป่า เมื่อเป็นอะไรมันจะกินใบ

    ของต้นไม้ชนิดนี้ ทำให้หายได้ในทุก ๆโรค ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น HOAN-NGOC เนื่องจากมีเด็ก 2 คน ทะเลาะวิวาทและตีกันจนทำให้ลูกอัณฑะหายไป เมื่อรับประทานใบไม้นี้ทำให้ลูกอัณฑะกลับคืนเป็นปกติ

    สรรพคุณของต้นสมุนไพร (จากเอกสาร ฮานอย 2-9-1995 ถ่ายทอดจากต้นฉบับจริง)
    1. รักษาคนสูงอายุ ปวดเมื่อยตามร่างกายทำงานหนัก เกิดประสาทหลอน
    2. รักษาเป็นไข้หวัด ความดันโลหิตสูงท้องไส้ไม่ปกติ
    3. รักษาอาการมีบาดแผล เคล็ด ขัด ยอก กระดูกหัก
    4. รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ
    5. รักษาอาการโรคกระเพาะอาหารโรคเลือดออกในลำไส้เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ
    6. รักษาอาการคอพอกตับอักเสบ
    7. รักษาอาการไตอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นข้น
    8. รักษาอาการโรคมะเร็งปอด มีอาการปวดต่าง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รับประทานต่อไป 100-200 ใบ อาการจะหายขาด
    9. รักษาโรคตาทุกชนิด เช่น ตาแดง ตาต้อตาห้อเลือด
    10. รักษาอาการมดลูกหย่อนของหญิงคลอดบุตรใหม่ ได้ผลดีช่วยให้มดลูกเข้าอู่
    11. รักษาโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำโรคประสาทอ่อน ๆ (เพื่อเป็นการสนับสนุนเหตุผลโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งผู้เขียนก็เป็นจึงกินเข้าไปครั้งละ 5 ใบ เช้า-เย็น 1 วัน อาการหน้ามืดหนักหัวหายไป รู้สึก

    สบายเบาสมอง)
    12. สามารถใช้กับสัตว์ได้จากเอกสารระบุว่าใช้กับไก่ชนหลังจากชนไก่แล้ว ต้องการให้ไก่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บให้ไก่กินใบของต้นสมุนไพรฮว่านง็อกจะฟื้น ตัวได้เร็ว

    รายละเอียดในการใช้รักษาแต่ละโรค
    1. โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้งรับประทานติดต่อกันไปจนครบ 50 ใบ
    2. โรคเลือดออกในลำไส้ รับประทานใบสด 7-13 ใบ หรือคั้นเอาน้ำ วันละ 2 เวลา
    3. โรคเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่เป็นบิดรับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปประมาณ 100 ใบ
    4. โรคตับอักเสบ คอพอก รับประทานครั้งละ 7 ใบ วันละ 3 ครั้งรับประทานติดต่อกันไปจนครบ 150 ใบ
    5. โรคไตอักเสบ ปวดเป็นประจำรับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง รับประทานไปจนครบ 30 ใบ
    6. อาการท้องไส้ไม่ปกติ รับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย
    7. ปวดเมื่อยตามร่างกายรับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย
    8. อาการปัสสาวะแสบ ปัสสาวะเป็นเลือดรับประทาน 14-21 ใบ โดยการคั้นเอาน้ำข้น ๆ รับประทาน
    9. โรคตาแดง รับประทาน 7 ใบ และบด 3 ใบ ปิดที่ตา เวลานอน 1 คืน จะหาย
    10. โรคความดันสูงจะลดทันทีเมื่อรับประทาน 5-9 ใบ (ผู้เขียนได้ทดลองด้วยตนเองดีสมราคาคุย)
    11. แก้โรคเบาหวานผู้ชายรับประทานวันละ 7 ใบ ผู้หญิงรับประทานวันละ 9 ใบ ภายใน 90 วัน หาย
    12. ใช้กับสัตว์ เช่น ไก่เหงา เป็นอหิวาต์ หรือนิวคาสเซิล ให้ไก่กิน 2-3 ใบไก่ชนหลังจากการชนแล้วให้กิน 2-3 ใบ (น่าจะประยุกต์ใช้กับสัตว์อื่น ๆได้)
    13. สตรีหลังคลอด รับประทานวันละ 1 ใบรับประทานทุกวันจะทำให้ฟื้นสุขภาพได้เร็ว

    อนึ่งการรับประทานหรือกินใบสมุนไพร ให้กินก่อนอาหารเสมอ
     
  19. อำนวยกรณ์

    อำนวยกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +1,931
    โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    เนื้อหาดี มีประโยชน์มากค่ะ ทั้งวันนี้และวันหน้า
     
  20. NTherapy

    NTherapy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    นาฬิกาชีวิต ตอน..เปิดตู้เย็นเป็นตู้ยา

    นาฬิกาชีวิต ตอน..เปิดตู้เย็นเป็นตู้ยา<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เขียนโดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา<o:p></o:p>
    ผู้บรรยายเนื้อหาในหนังสือ กินเป็นลืมป่วย<o:p></o:p>
    มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือทั่วประเทศแล้ว <o:p></o:p>
    1. ร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์
    2. ร้านนายอินทร์
    3. ร้านบีทูเอส
    4. ร้านบุ๊คเฟรน
    5. ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยเกษรศาสตร์

    ร้านค้าสั่งซื้อหนังสือ ติดต่อที่ : ประไพศิริ 08-06292042
    สั่งซื้อจำนวนมาก สำหรับองค์กร หรือบุคคลทั่วไป ติดต่อที่ : รัชนี 086-3282783 <o:p></o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...