ระหว่างน้ำหมักชีวภาพ กับ EM Ball อะไรได้ผลกว่ากัน และควรใช้อย่างไร<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
<o:p></o:p>
<TABLE class=MsoNormalTable style="mso-cellspacing: 1.5pt" cellPadding=0 border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top>
http://www.thaihealth.or.th/node/24945 <o:p></o:p>
ใครบ้านน้ำท่วม น้ำเน่า ติดต่อรับ EM Ball ฟรีที่บ้านอารีย์ พหลโยธิน 7 ซอยอารีย์ 1 โทร 02-2797838 ที่นี่ระดมอาสาผลิตได้วันละกว่า 4,000 ลูก
ปล.
EM ย่อมาจาก Effective Microorganism ซึ่งหมายถึงจุลินทรีย์ที่ขยันขันแข็ง ที่สามารถนำมาช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลายทางธรรมชาติ จากซากพืชซากสัตว์ให้กลายเป็นอาหารของพืชต่อไป ต้นกำเนิดของ EM นั้นมาจากประเทศญี่ปุ่น ค้นพบโดยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว ชื่อว่า ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ
http://www.pattayadailynews.com/th/2011/11/01/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84/
วิธีการใช้งานและวิธีการทำตามด้านล่าง
ทำ EM Ball ใช้บำบัดน้ำเน่าเสีย ขัง (อ.วรภัทร ภู่เจริญ) http://www.facebook.com/topic.php?uid=126170614102344&topic=196
ส่วนที่ ๑ : เอา น้ำสะอาด ๑๐ ลิตร (ไม่มี คลอรีนปะปนนะ _ ห้ามใช้ น้ำปะปา) + กากน้ำตาล (มอล หลาส Mallase หาซื้อ ตามร้านเกษตร) + น้ำ EM ( ซื้อร้าน เกษตร _ ใช้ของ พวกโยเร ก็ได้ ขวดหนึ่ง 90 บาท )
---> ผสมๆ กวน ในถังพลาสติก ( ห้ามใช้ พวกโลหะ)
ส่วนที่ ๒: ใช้ รำละเอียด ๑ ส่วน + รำละเอียด (หรือ แกลบ) ๑ ส่วน + ทรายละเอียด ๑ ส่วน
---> เทลงพื้น หรือ กาละมัง ผสม คลุกๆๆๆ ให้เข้ากัน
วิธีทำ :
๑) เอา ส่วนที่ ๒ เทลงใน ชามอ่างพลาสติก (ห้ามโลหะ) เท ส่วนที่ ๒ (ของเหลว) ลงไป คลุกๆๆๆ ลองบีบดู อย่าให้แฉะ อย่าให้แห้งเกิน กะๆ เอาเอง
๒) ใช้ ๒ มือ _ ปั้น เป็นลูกบอล กลมๆ _ เมื่อวาง ลงใน ลังกระดาษ (ห้ามโลหะ) ต้องไม่ แตก ร้าว
๓) นำ ลูกบอล ไปพึ่ง วางเรียงกัน บนพื้นที่ไม่ใช่โลหะ _ อย่าตากแดด _ ประมาณ ๗ วัน
๔) บอลจะแห้ง แข็ง สามารถขนย้ายได้ง่าย ใส่ลังกระดาษ (ลังเบียร์)
ถ้าไม่มี น้ำ EM ของ โยเร _ เราก็ทำเอง ก็ได้
๑) หั่นผลไม้ รสจืด เช่น กล้วย ให้ละเอียด เท่าที่จะทำได้
๒) ใช้ ถุงพลาสติก หรือ ขวดน้ำพลาสติก เท น้ำตาลทรายแดงลงไป (ห้าม น้ำตาลทรายขาว) โดย อัตราส่วย ผลไม้ ๓ ส่วน ต่อ น้ำตาลทรายแดง ๑ ส่วน โดย น้ำหนัก _ คลุกๆๆๆๆกัน
๓) เติม น้ำสะอาด ห้ามมีคลอรีน (ห้ามปะปา) อัตราส่วน ผลไม้ : น้ำตาลทรายแดง : สะอาด 3:1:5 โดย น้ำหนัก
๔) ปิดฝา ให้แน่น_ อย่าให้ แมลงลงได้ _ หมั่นเปิดฝา ระบาย gas ออกไปบ้าง
๕) หมัก ประมาณ ๓ เดือน ก็ใช้ได้ แต่ ถ้า อยากจะเร่งให้เร็วขึ้น ใส่ น้ำผักกาดดอง หรือ ใส่ ยาคูลต์ หรือ น้ำหมักชีวภาพของใครสักคน (ป้าเช็ง ดร รสสุคนธ์ ฯลฯ) หรือ พด (ย่อมาจาก กรมพัฒนาที่ดิน) ใส่ สัก ๑ เป๊ก ถึง ๑ แก้ว _ ก็ได้ ถ้าจะขยาย ก็ ใช้ อัตรา 1:1:10 คือ น้ำหมักชีวภาพ : น้ำตาลทรายแดง : น้ำสะอาด หมักต่อไป อีก ๒ เดือน ก็ขยายๆๆๆๆ คือ ได้ ปริมาณเพิ่ม แต่ อายุ ความเก๋า ของ จุลินทรีย์ ยังเพิ่มขึ้นต่อไป ไม่ต้องไปเริ่มนับ วันที่หนึ่ง ใหม่ อีก
ส่วนที่ ๒ ก็คือ EM แบบน้ำ _ เอา ไป ผสมน้ำ ให้เจือจาง ( ประมาณ ๑ ฝาเบียร์ ต่อ น้ำ ๑ กระแป๋ง) แล้ว เอาไป เท ตามท่อ ตามน้ำไม่ลึก หรือ กลัว ทราย (ใน EM ball) ในอุดตันท่อ
ประสบการณ์
๑) ที่วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมราม ใช้คนพายเรือ ออกไปเทน้ำ หมักชีวภาพ (หมักจากเศษ อาหาร ผลไม้ ปอกๆ เหลือๆ ในวัด) เททุกสัปดาห์ _ ไม่ต้องปั้นให้เมื่อย
๒) EM น่าจะเป็นชื่อ ที่ ทาง โยเร ใช้เรียก น้หมักของพวกเขา _ ๑ ลิตร ราคา ๙๐ บาท
๓) หากจะใช้ ดินผสมลงไป ( การผสมดิน ทำให้ปั้นได้ง่าย และเร็ว) เราต้องแน่ใจว่า ดินที่ใช้ ผสมนั้นต้องสะอาด ควรตากแดดฆ่าเชื้อราก่อนผสม ไม่ควรใช้ดินเลนชื้นๆ ไม่มีสารเคมีตกค้าง ( ผมใช้ดินในไร่ บริเวณแดดส่องแรงๆทุกวัน และ ไร่ของผม ปลอดเคมี มาหลายปี) _ เพราะ ถ้าดินสกปรก มีเชื้อรา มีเคมี _ ลูก EM Ball อาจจะขึ้นรา เอาไปใช้ไม่ได้
๔) ตาก ลูก EM ประมาณ ๒ ถึง ๗ วัน _ ในที่รำไร อย่าโดนแดดโดยตรง
๕) EM ball หนัก ๒ ขีด (๒๐๐ กรัม) บำบัดน้ำ ได้ ๑ ตัน ( ๕ เท่า ของ ถัง ๒๐๐ ลิตร) _ น้ำ ๑ ตัน (๑๐๐๐ กก หรือ ๑๐๐๐ ลิตร เพราะ น้ำ มี ถพ = 1 ) มีปริมาตร ๑ ลบ ม ( 1x1x1 เมตร) จะดีที่สุด _ ถ้าจะประหยัด ใช้ ๑ ลูก ( ๒๐๐ กรัม) ต่อ ๔ ถึง ๕ ลบ ม
๖) โยนลงไปแล้ว รอ ๓ วัน กลิ่นเหม็นเน่าจะหายไป _ ไม่ต้องเติมทุกวัน_ ไม่ต้องซ้ำก็ได้ เปลือง
๗) ไม่เหมาะกับ น้ำไหล เพราะ EM ball เหมาะกับน้ำท่วมขัง__ และ ลึก(เกิน ๑ เมตร) เพราะ ถ้าน้ำ ตื้นๆ ใช้ แบบน้ำหมักชีวภาพ เทเลยดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาปั้น เอา ลูกบอล ไปให้ บ้านอื่น ที่น้ำลึก ดีกว่า
๘) ถ้าเน่าสนิท เน่ามากๆ หรือ คลองที่มีของเสีย และ ของขับถ่ายเติมลงมาตลอด อย่างหลายๆคลองในเมืองใหญ่ ใช้ EM อย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้ เครื่องเติม oxygen และ บำบัดหลายๆอย่างช่วยด้วย_
ผมขอสรุปให้ฟังว่า
1. EM แบบน้ำดีกว่าที่เป็น Ball แต่ข้อดีของ Ball คือ มันโยนไปได้ไกลกว่า
2. แบบลูกบอลเหมาะกับน้ำลึก แบบน้ำเหมาะกับที่ตื้น ที่น้ำขัง (ไม่ไหล)
3. อีเอ็มก้อนนั้น ใช้สำหรับน้ำนิ่ง และลึกไม่เกินสามเมตร <o:p></o:p>
<o:p></o:p>
<o:p></o:p>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ระหว่างน้ำหมักชีวภาพ กับ EM Ball อะไรได้ผลกว่ากัน และควรใช้อย่างไร
ในห้อง 'ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัตว์' ตั้งกระทู้โดย bantita999, 18 พฤศจิกายน 2011.