รู้กับสติสิ่งใดเกิดก่อนกัน

สภาวะพ้นไปของจิต นั้นมีอยู่..

เมื่อมรรคจิตเข้าถึง ก็รู้แจ้ง แก่ใจตน..

อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละคน..

 

แถ ลง การฉบับที่ 1 ห้อง อะพิงยา ในสถานะการไวรัสระบาด

ในฐานะฆราวาส ขอความร่วมมือทุกท่าน

งดสนทนากับเณร
เพื่อกันไม่ให้เขามาตอบ และเข้าเวปบ่อยๆ

นั่นก็เพื่อให้เขาได้มีเวลาปฏิบัติศาสนกิจ ศึกษาธรรมวินัย

หวังอย่างยิ่งว่าชาวพุทธคงอยากเห็นผู้อยู่ในธรรมวินัยที่ทรงธรรม ไม่ใช่ติดมือถือ

ควรไม่ควรก็พินาเอง

 

ก็เคยมีให้เห็นแล้วไง คนที่ด่าเราตั้งแต่แรกๆ พอเราหายไปจากเว็บบอร์ด ก็ระลึกได้ ก็อยากขอโทษเรา เราเคยกล่าวโทษเขาหรือเปล่าล่ะ..

เราบอกแค่ว่า "ไม่เป็นไร ต่อไปอย่าไปเพ่งโทษใครอีก"

 

แหนะ พออย่างนี้ เล่นพรรคเล่นพวกเลยเชียว..

ยกโน่นนี่มาอ้าง..


555555..

 

คนแบบนี้..

พอเราไปห้องภัยพิบัติ เดี๋ยวก็ตามไประรานเราอีก..

เราแนะนำการปฏิบัติดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้เราเอาจริง..

เดี๋ยวก็ได้สะเทือนทั้งวงการ เลยนี่..

 

เห็นด้วยกับขาจรนะ ว่าลุงควรไปทำกิจเณร
เว็บนี้ปกติสมณะต้องแจ้งเว็บเปลี่ยนสีสมาชิกเป็นสีส้ม ตามกฎเว็บ
และเขาจะไม่เข้ามาคุยกะฆราวาส ...หรือไม่ลุงก้อต้องหยุดตัวเอง ต้องเคารพวินัย

 

แถลงการณ์ ฉบับ 2

กรณีตัวอย่างเชิงประจักษ์
แสดง ณ เมื่อวานเวลานี้ ซึ่งเป็นเวลาทำวัตร
แต่ วันนี้เณรเลือกใช้มาเพื่อท่องเวปไซต์

ผู้ที่คิดจะปะสาสะ ควรพินาอย่างยิ่งว่า
ตนอาจเปนคนทำให้เขาพลาดจากกิจที่ควรทำ

กิจที่ควรทำตอนนี้คือเม้มปาก แล้วไปหาชาเย็นมาดื่ม

จบ แถลงการณ์

 

ก็ถ้างั้นพระทุกรูปที่คุยกับฆราวาส ก็ผิดวินัยหมดเลยน่ะสิ..

การเข้ามาของเรา เราก็เข้ามาแนะนำการปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา เป็นการจาริกเผยแผ่ธรรมปฏิบัติ..

ก็มีแต่พวกท่านที่รุมด่าเราก่อนทั้งนั้น เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรมาก นี่นา..

 

พอดีวัดบนเขาที่เราอยู่ ทำวัดเย็นตอนทุ่มนึงนะ..

มีพระสองรูป รวมเราอีกหนึ่ง..

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็แล้วแต่หลวงพี่จะพร้อมเวลาไหน..

 

5555..

มาคุมเราทางภายในไม่ได้ ต้องมาเล่นบท มีกฏระเบียบทางโลก มาคุมเรา555555

อ่อน..

 

ทู้ นี้ เงียบ จัง..

"รู้" ยัง..

"สติ" มียัง..

"ไม่รู้" เกิดก่อน..

นะ นะ นะ..

ก็ถามว่า อะไรเกิดก่อน?..

ก็ต้องตอบว่า "ไม่รู้" เกิดก่อนน่ะสิ..

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร..

อวิชชา คือ ไม่รู้

ก่อนหน้าอวิชชา ก็ "ไม่เคยเกิด ไม่เคยตาย" เป็น อมตะธาตุ..

 

"...พระเราต้องทำตัวเหมือนผ้าขี้ริ้วที่ปราศจากราคาค่างวดใด ๆ แล้วจึงเป็นความสบาย การกินอยู่หลับนอนและใช้สอยอะไรก็สบาย การเกี่ยวข้องกับผู้คนก็สบาย ไม่มีทิฐิมานะความถือตัวว่าเราเป็นพระเป็นเณรผู้สูงศักดิ์ด้วยศีลธรรม เพราะศีลธรรมอันแท้จริงมิได้อยู่กับความสำคัญเช่นนั้น แต่อยู่กับความไม่ถือตัวยั่วกิเลส อยู่กับความตรงไปตรงมาตามผู้มีสัตย์มีศีลมีธรรมความสม่ำเสมอเป็นเครื่องครองใจ นี้แลคือศีลธรรมอันแท้จริง ไม่มีมานะเข้ามาแอบแฝงทำลายได้ อยู่ที่ใดก็เย็นกายเย็นใจ ไม่มีภัยทั้งแก่ตัวและผู้อื่น..."

โอวาทธรรม
พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒)
:จากหนังสือชีวประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน

อ่านให้เข้าใจ นะ ขาจอน นะ นะ..

ทำเป็นมาพูด คะเต คะเต ฯ แต่ตนเองยัง คะต๊อก คะแต๊ก ไปวันๆ..

มือไม่พาย อย่าเอาเท้าลาน้ำ สิ..