รู้จักพอ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย aprin, 1 พฤษภาคม 2010.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    มนุษย์ทุกคนที่เกิดมามีชีวิตอยู่ได้ในโลกนี้ ล้วนแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญ และจะต้องหาวิธีแก้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องกิน การทำงาน การครองชีวิต ชีวิตที่ดีที่สุด คือ ชีวิตที่สามารถแก้ปัญหาได้

    การมีชีวิตอยู่อย่างสงบเรียบง่าย ควบคุมตัวเองไม่ให้ตกเป็นทาสความอยากมากจนเกินไป นั่นคือ ความรู้จักพอ เพราะเห็นว่ามนุษย์เรานั้นส่วนมากเป็นพวกวัตถุนิยม คือ นิยมเรื่องวัตถุฟุ่มเฟือย และนิยมความมีเกียรติ ชื่อเสียง ถ้าใครมีวัตถุนิยมนี้มากจะรู้สึกว่ามีความสุข ส่วนคนที่ไม่มีจะรู้สึกว่าไม่เป็นสุข หรือรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต ชีวิตจึงมีแต่ความวุ่นวาย กระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อแสวงหาปัจจัยมาสนองความต้องการ โดยไม่มีขอบเขตสิ้นสุด ขาดความพอดีในชีวิต หาหลักชีวิตไม่ได้ บทประพันธ์ที่ว่า

    ความไม่พอใจจนเป็นคนเข็ญ

    พอแล้วเป็นเศรษฐีมหาศาล

    จนทั้งนอกจนทั้งในไม่ได้การ

    จงรีบหมั่นฝึกตนเป็นคนพอ

    คนเช่นนี้ เมื่อพบอะไรก็ไขว่คว้าเรื่อยไป โดยไม่นึกว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตที่แท้จริงขอให้ได้ไว้ก่อน จึงขาดการควบคุมใจตน ก่อเวรให้แก่ตนและคนอื่น ก่อปัญหาต่างๆ ขึ้นในสังคมอยู่ร่ำไป ทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไม่สิ้นสุด

    ในการแสวงหาปัจจัย 4 และสิ่งอำนวยความสุขอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตนั้น จะต้องใช้กำลัง ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่เพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมา

    ผู้ที่มีกำลังหรือมีความรู้ความสามารถน้อย ย่อมหาได้น้อย แต่ความต้องการในสิ่งอำนวยความสุขอื่นๆ ของคนเรามีปริมาณเท่ากัน เมื่อสิ่งเหล่านั้นมีจำกัด จึงเกิดปัญหาว่า เมื่อฝ่ายหนึ่งสามารถหาได้มาก เก็บไว้ได้มาก อีกฝ่ายหนึ่งหาได้น้อย หรือไม่สามารถหาได้เลย ความขาดแคลนของฝ่ายหลังนี้จึงเกิดขึ้น

    เมื่อมีความต้องการปัจจัยที่จำเป็น จะต้องดิ้นรนแสวงหาเพิ่มขึ้น ครั้นหาได้ไม่พอเท่าที่ต้องการ จึงหันมาแสวงหาในทางที่ได้ง่ายๆ ซึ่งไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ อาศัยเพียงความกล้าและโอกาสอำนวยเท่านั้น นั่นก็คือการแสวงหาในทางทุจริต ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นการแสวงหาที่ผิด

    ส่วนผู้ที่มีความสามารถ แม้จะได้ปัจจัยมามากพอที่จะเลี้ยงตัวแล้ว ก็ยังนำมาเก็บสะสมไว้ หรือใช้อย่างฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายจนเกินจำเป็น และใช้ความสามารถนั้นแสวงหาอยู่ร่ำไป ไม่รู้จักคำว่าพอ ทำให้อยากได้อยู่เรื่อยไป จนไม่สามารถจะควบคุมใจไว้ได้ ยิ่งหามาได้มากเท่าไร ยิ่งอยากได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ การแสวงหามีวิธีหลากหลายมากขึ้น ถ้าควบคุมไว้ไม่ได้ อาจแสวงหาในทางทุจริต ฉ้อโกง ซึ่งเท่ากับว่าตกเป็นทาสของความอยากตลอดเวลา

    พระพุทธศาสนาสอนเรื่องการดำเนินชีวิตเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ที่เหมาะกับคนในสังคมปัจจุบัน ได้แก่ ความรู้จักพอ พอเหมาะ พอควร ในขอบเขตที่เหมาะสมแก่ภาวะและฐานะของตน

    พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> <!-- var prefix = 'ma' + 'il' + 'to'; var path = 'hr' + 'ef' + '='; var addy54118 = 'watdevaraj' + '@'; addy54118 = addy54118 + 'hotmail' + '.' + 'com'; document.write( '<a ' + path + '\'' + prefix + ':' + addy54118 + '\'>' ); document.write( addy54118 ); document.write( '<\/a>' ); //-->\n </SCRIPT>

    http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOekF4TURVMU13PT0
     

แชร์หน้านี้

Loading...