รู้เฉย 1

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย โสภา จาเรือน, 21 กรกฎาคม 2008.

  1. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    [​IMG]



    อันนี้ก็ ขอบารมีธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อนะโมเป็นผู้จะได้ตรัสรู้ธรรม

    ได้พระองค์เอง เราก็ขอถึงพระพุทธเจ้า ขอถึงพระธรรมเจ้า ขอถึงพระสงฆเจ้าเพื่อจะให้สำเร็จกิจการในการที่เราได้นอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะพระองค์นั้นอันนี้ก็ขอจงสำเร็จประโยชน์ในการข้อวัตรปกิบัติธรรมซึ่งปฏิปติบูชาธรรมเพื่อจะน้อมนำคำสั่งสอนเข้ามาไว้ที่กายใจกับผู้ปฏิบัติด้วยกันทุกรูปทุกนามในปัจจุบันนี้

    ก็ขอจึงยังสำเร็จในใจของพวกเราเพราะเมื่อเราพยายามนั่งแล้วก็เพื่อจะสำเร็จประโยชน์การข้อวัตรปฏิบัติธรรมอันนี้เป็นคุณสมบัติอันสุงสุด

    ต่างคนก็ต่างเข้าสมาธิ ซึ่งจิตใจซึ่งวันนี้เป็นคนมากที่จะแนะนำกรรมฐานให้ เพื่อยังเราได้มีชีวิตกันต่อไปเพื่อจะยังเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใส่ไว้ในใจของเราเพื่อยังจะได้ไกลจากกิเลสซึ่งความเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตายเนี่ยะ

    เป็นคุณสมบัติอันที่พวกเราจะได้ได้ได้ถึงแล้วเราก็จะได้เลื่อนจะได้ย่นชาติย่นภพเข้าไป เพราะในครั้งนี้เป็นครั้งของราที่มีโชคลาภมาก ที่ได้มาพานพบพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา

    นั่งขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้ายตั้งกายตรง พระองค์ก็ทำการข้อวัตรปฏิบัติอย่างนี้ เราก็จะพึงเรียนเรียนธรรมกับพระพุทธเจ้าเพื่อจะให้เป็นไปตามซึ่งในคำสั่งสอนทำท่าทางเหมือนอย่างกะพระพุทธเจ้าเหมือนกัน

    ที่เราก็ตั้งใจว่าพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์เนี้ย เป็นธรรมที่เยือกเย็นเป็นธรรมที่พวกเราจะหลุดพ้นจากกรรมเวรทั้งหลายก็จะได้หมดไปสิ้นไปกับหัวใจของเรา

    เช่นว่า บาปเช่นองคุลิมาล เป็นต้นฆ่าคนเป็นพันนี่ ท่านก็ยังแก้ไขทางใจได้ ทำเป็นพระอริยเจ้าได้ ซึ่งไกลจากกิเลสแต่ทำบาปอะไรไม่เท่ากับการฆ่าคน แต่ท่านยัง พระองค์ยังสอน สอนให้เป็นพระอริยเจ้าได้พวกเรานี้ไม่มีบาปจนขนาดนั้น

    เราจะต้องทำการตรัสรู้ธรรมของพระองค์ขออย่าให้เราอย่าประมาทธรรมะก็แล้วกัน อย่าประมาท วันนี้เรายังไม่ต้องทำพรุ่งนี้ยังไม่ทำนี่ เรายังหนุ่มยังสาวอยู่ ให้แก่เสียก่อนแล้วจึงจะทำผู้นั้นแหละเป็นผู้ประมาทอยู่แล้ว เพราะเราหมดลมเมื่อไร จะขาดใจเมื่อนั้นเพราะพระองค์นั้นแนะนำอยู่เสมอว่าไม่ให้ประมาท

    เพราะอันนี้ เราก็เหมือนกันที่มารวมประชุมพร้อมกันในที่นี้ก็เพื่อจะทำการให้สำเร็จประโยชน์ในการเรื่องเป็นพระอริยเจ้าที่เราขัดสมาธิไว้แล้วก็เพื่อบรรลุธรรมะทุกครั้งแหละ แต่เราก็พยายามตั้งใจที่พระองค์แนะนำภิกษุ

    ภิกษุ เธอจงทำจิตให้เป็นสมาธิ ย่อมรู้ความเป็นจริงพวกเราก็พยายามทำตามเถอะ ก็จะได้เป็นไปตามนั้นแหละ เพราะเรานี้ที่เกิดมานี้กระดูกอยู่กับแผ่นดินนี้ เข็มจิ้มๆ ลงไปก็ไม่ผิดเพราะเราตายบ่อยเกิดบ่อย

    แล้วทีนี้เราพยายามมาปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้าเราก็จะได้ย่นชาติย่นภพได้

    ศีล ประดุจยังข้าวกล้า ปัญญาเหมือนแอกไถเอาไว้ฆ่าซึ่งหญ้านั่นเอง แล้วก็เอาข้าวกล้าลง แล้วข้าวกล้านี้ก้จะต้องมีน้ำดีเลนดีย่อมจะให้มรรคผลแก่เจ้าของชาวนาได้ ซึ่งเรียกว่า ปุญญักเขตตังโลกกัสสะเป็นเนื้อนาบุญของคนชาวโลก

    พวกเรานี้แหละเป็นคนชาวโลกแล้วก็จะต้องปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าเนี่ยะ ดีกว่าเนื้อนาที่ดีดีกว่าเนื้อนาที่ดีเนี่ยะ เพราะทำใจให้เบิกบาน เหมือนอย่างดอกบัวนี่แล้วใจของเราก็จะได้สำเร็จประโยชน์ในการข้อวัตรปฏิบัติธรรม

    แม้จะปฏิบัติเนี่ยะแค่งูแลบลิ้น ไก่ตีปีก ก็ยังได้มีพลาอานิสงส์มาก ที่ไปเห็นสังขารร่างกายว่าเป็นอนิจจังจริงๆ เพราะญาติโยมของเรา เชื่อกันแล้วว่าความแก่มี ความเจ็บนี้มีความตายก็มี เราเชื่อกันอย่างไม่สงสัย

    ทีนี้ที่เรายังไม่รู้เนียะก็การข้อวัตรปฏิบัติ ธรรมนี้แหละที่ว่าจะให้เป็นพระอริยเจ้าในกันวันข้างหน้านี้ในปัจจุบันนี้ ให้ดูปัจจุบันนี้ความโกรธของเราไม่มี ความชังของเราก็ไม่มีให้ถืออารมณ์ชนิดนี้แหละไป

    ถ้ามันมีโกรธมาเมื่อไร จะรู้เชียวว่านี่ไม่พอใจเข้าแล้ว เราก็ตั้งขันติความอดทนเข้า เดี๋ยวมันก็จะดับไปแล้วเราก็ตั้งอยู่ในอารมณ์นั้นอีก

    นี่การที่แนะนำให้ญาติโยมฟังนี้ก็เพื่อจะต้องให้ญาติโยมทำใจ เมื่อทำจิตใจของตัวเองแล้วไม่เคยรู้ก็จะรู้ขึ้น ไม่เคยเห็นก็จะเห็นขึ้น ที่กล่าวว่ากรรมฐานขอกรรมฐานกับพระพุทธเจ้าพระธรรมเจ้าพระสงฆเจ้า ให้มีวิตก วิจาร ปีติ สุขเอกัคคตา

    ที่ต่อมาให้ถึงฌาน ๔ มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา นี่เป็นปฐมฌาน ยังให้ปฐมฌานเกิด เพราะมีวิตกยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ กำหนดผมกำหนดผมที่บนศีรษะเรา มีสัณฐานอันดำ ทำความรู้เห็น ผม ผม กำหนดให้เห็นไม่เห็นกำหนดรู้ กำหนดรู้ ผม กำหนดรู้ว่าอยู่รอบๆ ศีรษะของเราขนขึ้นรอบร่างกายของเราทั่วไป มองดูให้เห็น ให้เห็นไม่เห็นกำหนดรู้

    อันนี้อาตมาจะพาเที่ยวกรรมฐาน ปัญจกรรมฐาน ๕ ผม ขน เล็บ ฟันหนังหุ้มโดยรอบ ฟันอยู่ในปาก เหมือนกระดูก นี่ ควรกำหนดรู้ เห็น ขนขึ้นรอบๆร่างกายของเรา ควรกำหนดรู้เห็น ไม่เห็นกำหนดรู้ เล็บ ขึ้นปลายนิ้ว กำหนดรู้เห็นที่เราเคยรู้

    เราเคยเห็นอยู่ ฟันอยู่ในปาก กำหนดรู้เห็น เราเคยรู้หนังหุ้มโดยรอบ กระดูกอยู่ภายในนี่ ฟันนั้นแหละ กระดูกนี่ ให้เห็น ไม่เห็นกำหนดรู้ปัญจกรรมฐาน ๕ นี้ จะเห็นอย่างหนึ่งอย่างไร ก็ให้กำหนดไว้ให้ชำนาญให้ชำนิชำนาญในการรู้ในการเห็น

    เมื่อเห็นแล้วทำใจไว้สงบๆ เห็นก็ไม่ว่าไม่เห็นก็ไม่ว่า ทำใจเฉยๆ รู้ เห็นก็ไม่ว่า ไม่เห็นก็ไม่ว่า ทำใจ เฉย...รู้เฉย...รู้ ว่าเรานั่งสมาธิอยู่อยู่กับองค์พระสมาธิ

    เมื่อจิตอยู่กับองค์พระสมาธิแล้ว ย่อมจะรู้ความเป็นจริงทำใจ พุทโธ พุท... ลมเข้า โธ... ลมออก พุท... ลมเข้า โธ... ลมออก ให้กำหนดรู้ เห็นกายของเรา ให้กำหนดเห็น ลมเข้า กำหนดรู้...ลมออก กำหนดรู้ ให้รู้เห็นในลมเข้าทำปีติในลมหายใจเข้า กำหนดรู้ ปีติในลมหายใจออกกำหนดรู้พยายามทำอยู่อย่างนี้เป็นอารมณ์

    เมื่อจิตนี้เลิกคิดนึกแล้วย่อมจะเห็นสภาวะอย่างแน่นอน พยายามทำ บริกรรมภาวนาเป็นเครื่องตรัสรู้ธรรมไม่ให้จิตคิดนึกอย่างอื่น ทีนี้เมื่อจิตคิดนึก คิดก็รู้...เฉยเลิกคิดเราก็รู้...เฉยทำความรู้...เฉยเป็นอารมณ์

    แล้วจะมีสติสัมปชัญญะความรู้ตัวอยู่ทุกขณะๆเพราะอานุภาพธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นผู้เจริญผู้ปฏิบัตินั้นหละเป็นผู้จะเจริญธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อใครมั่นอยู่ในพระพุทธเจ้าผู้นั้นแหละจะต้องตรัสรู้ธรรมคำสั่งสอนของพระองค์

    เราไม่ต้องเชื่อคนโน้นไม่ต้องเชื่อคนนี้ ทำให้เห็นปัจจัตตัง รู้เฉพาะตน นั่นแหละจึงเรียกว่าคนฉลาดคนเราไม่ต้องเชื่อใคร เชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้วปัจจัตตังรู้เฉพาะตน

    และพระท่านแนะนำหรือสั่งสอนท่านก็ได้กำลังทำกันอยู่จึงเรียกว่าปฏิปทาเข้าไปอาศัยพระนิพพานด้วยกันธรรมนี้ก็จะเป็นธรรมให้เราได้พ้นทุกข์ได้ เหมือนอย่างกับพระท่านสอนโยมโยมก็เลื่อมใสพระ พระก็เลื่อมใสโยม

    ทีนี้ปฏิบัตินี่บางครั้งก็โยมบรรลุก่อนพระ พระก็ทำไปๆ ก็บรรลุธรรมะบ้างนี่ ต่างคนต่างบรรลุด้วยกันก็สาสะธรรมะกันได้

    (ต่อ)

    หลวงปู่สังวาลย์เขมโก<O:p></O:p>

    ที่มา : sanghathandhamma.com/index​
     
  2. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    [​IMG]

    ก็พยายามทำเถอะ เราเดี๋ยวนี้นะ การตายเนี่ยะไม่เหมือนแต่ก่อนเรายังไม่ถึงวาระมันก็ถึงความตายได้

    รถชนกันตาย เราไม่ได้หมุนพวงมาลัย คนอื่นหมุน เขาตายก็ตายมั่งเขาลำบากก็ลำบากมั่งเพราะการตายการเจ็บไข้ เราอย่าได้ประมาทเลย พยายามทุกคนพยายามทำใจนิ่งใจเฉย นั่นแหละรู้คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน

    เพ่งอย่าลืม มีสติสัมปชัญญะความรู้ตัว อยู่กับกายใจของตัวเองอยู่ทุกขณะเมื่อนิวรณ์นี้ดับเมื่อไร ก็จะรู้ธรรมเห็นธรรมเมื่อนั้น ให้รู้ว่าเมื่อเรานั่งใหม่ๆกายก็เบาใจก็เบา แล้วนั่งนานไปๆ ชักเมื่อยขึ้น ทำความรู้ทนไม่ไหวเราก็เปลี่ยนอิริยาบถ

    กายก็จะเบาจิตก็จะเบาไปอีก สบายกายสบายใจอีกเราก็หมั่นทำอยู่อย่างนี้แหละ ทีนี้เมื่อใจฟุ้งซ่าน ไม่อยากจะอยู่ในสมาธิได้อย่างนี้ ขันติความอดทนอยู่ได้ ทางกายถ้าเมื่อย เราก็เปลี่ยนอิริยาบถ เราจะนั่งตั้ง๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมงก็ได้ เราพยายามเปลี่ยนอิริยาบถไว้

    ถ้าใจฟุ้งซ่านเราขันติความอดทน ไม่ลุก ถ้าอย่างนี้ เป็นอันดี ไม่ช้าก็จะรู้ก็จะรู้ธรรมะของพระองค์ได้ จะรู้ว่าอันนี้เกิด อันนี้ดับ อันนี้ฟุ้งซ่านรำคาญใจไม่อยู่ในด้านสมาธิได้ ก็ใช้ขันติความอดทน ควรปลอบใจตนเองก็ปลอบใจควรยกย่องใจของตนเองก็ยกย่อง ถ้าบีบคั้นมันหนักเข้า มันก็จะพยศเรามากเข้ามันก็จะไม่ให้อยู่ในอารมณ์นั้นได้

    ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานนั่งสมาธิทำความรู้อยู่ทุกขณะ จึงจะเรียกว่าเป็นผู้รู้ผู้ตื่น ทำให้เบิกบานทำปีติให้เกิดขึ้น กายก็จะเบาจิตก็จะเบา บางครั้งจิตใจเข้าภวังค์แล้ว สว่างขึ้นก็มีบางครั้งจิตเข้าภวังค์แล้ว สบายกายสบายใจกายเบาจิตเบา

    ก็ถืออารมณ์นี้ไปเป็นอารมณ์ แล้วก็ให้จำอารมณ์ไว้ทีนี้เมื่อจิตออกจาภวังค์แล้วจะกายหนัก กายหนักำไม่เบา เราก็พยายามพยายามทำไป

    ถ้ามีง่วงเหงาหาวนอนมากทนไม่ไหว ก็ลุกขึ้นเดินจงกรมเดินจงกรมพอหายแล้ว พอหายง่วงกลับมานั่งสมาธิใหม่ กายก็จะเบาจิตก็จะเบาก็จะประคองใจขึ้นอีก อย่างนี้จึงจะสำเร็จง่าย

    พระองค์ได้แนะข้าพเจ้าถึงแล้วเป็นที่พึ่งกำจัดภัย จริง นี่ที่เราทำวัตรกันในบาลีว่านี่แหละที่เราได้แนะนำกันในแบบนี้ ก็จะฉลาดได้ก็กับผู้ปฏิบัตินั่นแหละ

    สมาธิลืมตาเห็นใกล้ สมาธิหลับตาเห็นใกล้ เห็นใกล้ๆตัวเรา แล้วก็หมั่นหลับตา หมั่นลืมตา แล้วเราก็จะได้รู้เห็นชัด เช่นว่าเรามองดูแล้วเราก็หลับตาใหม่ อาจจะปรากฏตัวได้ ทีนี้เมื่อความรู้เห็นขึ้นแล้วศรัทธาก็จะเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติ

    ก็จะมีเพียรมีหมั่นขึ้นอย่างแน่นอนนี่ธรรมอันนี้แหละที่สอนหรือแนะนำเมื่อไรก็สอนกันอย่างนี้ เพราะยังไม่ได้ไม่ถึงเราก็สอนกันแบบนี้แหละ ทีนี้เมื่อได้แล้วเห็นแล้วก็เข้าใจขึ้นก็เข้าใจขึ้นว่าอย่างนี้เราได้พบ อย่างนี้เราได้ทำเห็นขึ้นแล้วอย่างนี้เราได้ทำให้สว่างขึ้นแล้วนี่เราก็จะรู้ได้เห็นได้เฉพาะตน

    คนเราที่จะไม่มีศรัทธาก็เพราะตนไม่เคยนั่งไม่เคยปฏิบัติก็เมื่อยเหลือเกิน เมื่อยก็ทำไม่ให้มีศรัทธา นั่งก็ไม่เห็นจะเห็นอะไรเลยมีแต่เรื่องเมื่อยทั้งนั้น ก็การเรื่องเมื่อย กายอย่างนี้ก็ควรเห็นไว้ได้ก็ดีก็ทุกข์นี่แหละ ถ้าเราเห็นทุกข์นี่เราก็จะพ้นทุกข์ในการเบื่อหน่าย

    ทีนี้เมื่อทำแล้วมีสมาธิแล้วจะนั่งสักเท่าไรก็ได้ปีติ กายก็เบาจิตก็เบา แล้วทีนี้ก็ความสบายกายสบายใจก็เกิดขึ้นตั้งเกิดมาไม่เคยสบายอย่างนี้เลย นั่นแหละก็จะทำให้ญาติโยมมีศรัทธาได้ที่ท่านได้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมะ ๙ ปี ๑๐ ปี ๒๐ ปี

    ไม่มีเลิกมีละก็เพื่อท่านจะแสวงหาซึ่งความสุขนั้นแหละ และเพราะเห็นทุกข์แล้วท่านก็จะต้องทำให้มันพ้นทุกข์ นี่แหละ รู้ทุกข์ เห็นทุกข์ ปฏิบัติเพื่อดับทุกข์นี่แหละ อะไรจะปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ ในสติปัฏฐาน ๔นี่แหละ

    ทุกอิริยาบถนั่งเราก็ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถซะ เดินมากไปทุกข์ก็เกิดในอิริยาบถเดินมาก เราก็นั่งซะ รูปที่มีทุกข์ ยืนๆ เดินๆ อยู่ก็ดับไปหนักเข้าเพียรไปหนักเข้าๆ ฌานสมาบัติก็จะเกิดขึ้นกับเราเราก็จะรู้แจ้งขึ้นมาได้

    เรื่องการที่จะรู้แจ้งขึ้นได้ก็ที่จะได้ผลเร็วก็จะต้องรักษาศีลให้ดี ศีล ๕นี่ให้สมบูรณ์ขึ้น ศีล ๘ ก็ให้ดีขึ้นทุกข้อที่เราสมาทาน สมาธินี่ก็จะเกิดง่าย ปัญญานี่ก็จะรู้เร็วคนที่ปฏิบัติมากนี้ไม่ค่อยจะรู้เลย เพราะศีลไม่ค่อยดี ศีลไม่ค่อยดี ถ้าศีลดีแล้วรู้ง่าย เห็นง่าย ฉลาดง่าย ก็พยายามรักษาศีล

    เหมือนต้นไม้แหละต้นไม้ที่เล็กๆ เจ้าของจะต้องหมั่นรดน้ำพรวนดินอยู่ ต้นไม้พอโตแล้วเจ้าของไม่ต้องรดหรอกเช่นว่ามะม่วงเนี่ยะพยายามรดน้ำไปจนใหญ่โตแล้วไม่ต้องรดหรอกแล้วก็จะต้องออกลูกออกผลเองให้เจ้าของได้บริโภคขบฉันฉันใดที่เรามาปฏิบัติกรรมฐาน ฐานแปลว่าที่ตั้ง ที่ตั้งของใจ ฝึกสมาธิ ใจสงบหนักขึ้นรู้เห็นใจหลุดพ้น พระอริยมรรค พระอริยผลก็จะเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติก็จะรู้แจ้งว่า ธรรมเป็นอย่างนี้ ธรรมที่หลุดพ้นเป็นอย่างนี้รู้จักวาระน้ำใจของตัวเองขึ้น สามารถเมื่อจิตนี้จะมีสมาธิดีแล้วย่อมจะระลึกชาติของตัวเองได้ ๑ ชาติ ๒ ชาติ ๓ ชาติ นี่ ปฐมมรรค ปฐมฌานนี้แหละซึ่งปฐมฌานเป็นองค์มรรคของพระโสดาบันนี้แหละ ก็ขอให้เราได้กระทำเถอะให้ทำให้เข้าคล่องออกคล่องว่องไว ทำให้เป็นวสี ๕ ต่อมาให้ถึงฌาน ๔ ที่เราว่านี่ทำให้ได้

    ผู้ปฏิบัติต้องได้ เรื่องไม่ได้ไม่มีหรอกที่เรานั่งคอยจะหลับเนี่ยะ เราคอยเกร็งไว้ไม่ให้หลับ สับเราก็รู้ว่าสับ นี่แหละสับ...รู้ๆๆ นี่แหละ พึงจะรู้จะเห็นขึ้นมาได้ ใจสงบแล้วเราก็รู้ใจเราตั้งอยู่มีสมาธิแล้ว ก็ให้รู้ ใจยังฟุ้งซ่านก็ให้รู้

    ที่อาตมานำอยู่นี่แหละ ใจสงบก็รู้ กายสบายก็รู้ ใจก็สงบ กายก็สงบกายก็เบาใจก็เบา อย่างนี้เราก็มนสิการไว้ให้มากๆ ขึ้น ทีนี้ แจ่ม ใจจิตแจ่มไม่มีง่วงไม่มีเหงา มีสบายกายสบายใจยิ่งหนักขึ้นทีนี้ความบริสุทธิ์ของใจของผู้ปฏิบัติก็จะมีขึ้น เวรมณี เราพยายามขัดแก้วแก้วอยู่ที่ใจ แก้วอยู่ที่ตา เมื่อเราเข้าไปขัดด้วยศีล สมาธิ ปัญญาหนักขึ้นก็จะสว่างไสวขึ้นมาควรยินดีที่ยถานี่แหละเป็นองค์ตรัสรู้ทั้งนั้นแหละขอให้ผู้ปฏิบัติเอาจริงเถอะย่อมได้สมความปรารถนาอย่างแน่นอน แก้วตาก็จะดีขึ้น แก้วหูก็จะดีขึ้น จะฟังใกล้ก็ได้จะฟังไกลก็ได้ หลักวิชชา ๓ ก็จะเกิดมีขึ้นกับเรา ก็จะระลึกชาติได้ เราทำทำให้ดีขึ้น ให้ปีติในพระพุทธเจ้าให้มากขึ้น ปีติพระพุทธเจ้าอยู่ไม่ขาดสายจะนั่งอยู่ก็ปีติในพระพุทธเจ้า จะนั่งอยู่ก็ปีติในพระธรรมเจ้านั่งก็ปีติในพระสงฆเจ้า ให้ปีติ ปีตินี้แหละทำเป็นเครื่องอิ่มได้เป็นเครื่องให้เข้าถึงสุขได้ ปีติ

    ปฏิบัติไปตามนี้แหละ ที่อาตมาแนะนำนี้แหละจะได้หมดทุกข์นะ ตายแล้วเกิดอีก ตายแล้วเกิดอีกไม่ไหว มันเกิดเสียก่อนตายนะทำเสียให้ดับ รู้เรื่องรูปนามเกิดดับแล้วจะเป็นผู้ฉลาด เหมือนอาตมาแนะนำนี้เสียงก็ติดก้องอยู่ในแก้วหูของโยม

    ถ้าอาตมาหยุด เสียงนี่ก็ดับเลยทีนี้เราไม่ยึดถือเรื่องเสียงล่ะ ได้ยินก็ไม่ว่า ไม่ได้ยินก็ไม่ว่า ทำใจให้รู้ ..เฉย รู้ ...เฉย เขาว่าดีก็ไม่ว่า ว่าไม่ดีก็ไม่ว่า เราต้องฝึกหัด สารถีต้องฝึกหัดถ้าไม่หัดแล้วไม่ได้หรอก ต้องความศรัทธา ความเชื่อความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าทำเราก็จะย่นชาติย่นภพได้

    อย่าให้เสียทีเราเกิดมาเจอแล้วเจอพระธรรมคำสั่งสอนเจอพระสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็มี ที่ไม่ปฏิบัติก็มี เราก็ทำขึ้นแล้วเราก็จะได้รู้ขึ้นเอง ทำรู้ขึ้นเองนี้ฉลาด

    จิตที่จะได้มรรคผลอุปมาเหมือนคนที่ถ่ายรูปนี่ปรากฏก็เหนี่ยวรั้งของนั้น รูปภาพก็ติด ฉันใดว่านิวรณ์ดับ แล้วแห่งพระอริยเจ้าก็เกิดขึ้น ไม่รู้ตัวหรอก พยายามเถอะได้ไม่รู้ตัวหรอก

    อุปมาเหมือนคนป่าอยู่ที่ไม่สมบูรณ์แต่พระเจ้าแผ่นดินโปรดปรานก็จะให้คนป่าเข้าเฝ้าให้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน แล้วก็ท่านเลยถ่ายรูปไว้ ถ่ายรูปไว้แต่ผู้นั้นเกิดในที่กันดาร ถ่ายในที่กันดาร แล้วสั่งคนนั้นเข้าเฝ้าทีนี้เอารูปนี้ให้ดู

    ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นรูปตัวเองเลย กระจกไม่มีส่องทีนี้ก็พระเจ้าแผ่นดินส่งรูปให้ก็ไม่รู้จัก ไม่รู้จัก พระเจ้าแผ่นดินจะโปรดยังไงได้ไม่รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินรัก ไม่รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินจะโปรด ไม่รู้จักว่าพระจะโปรดความรู้ไม่มี ไม่เคยเห็นเลย

    แต่พระเจ้าแผ่นดินก็ไม่รู้จะทำอย่างไรพระเจ้าแผ่นก็นึกได้เลย ส่งกระจกเข้าไป พอส่งกระจกให้ดูแป๊บเดียวเท่านั้นรู้ว่ารูปถ่ายนี้เป็นรูปของเรา ก็บอกได้นี่รูป ของตนเองนะสิเพราะถ้าเราไม่มีกระจกแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรใบหน้าของเรา

    ทีนี้พวกนักปฏิบัตินี่ หลับตาก็ด้วยแล้วจะเห็นอะไรธรรมะนี้เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน พระตาบอดจูงพระตาดี พระตาบอดจูงพระตาดีได้ยังไง เหมือนอย่างคนขับรถนี่แหละ เขาเอากระจกไปไว้ข้างหน้าโน่นไม่ได้ไว้ข้างหลังแล้วรถข้างหลังมันมาเห็นได้

    ปัญญาก็เหมือนกันที่เรานั่งกรรมฐานถ้ามีตาดีเข้าแล้ว ใครจะมาข้างหลัง เราก็จะเห็นได้เหมือนกัน เราก็จะรู้ได้เพราะเรามีกระจกอยู่ข้างหน้าใครจะยกมือยกไม้จะมาตีเราเราก็เห็น

    การข้อวัตรปฏิบัตินี่แหละอุปมาอุปมัยให้กับญาติโยมให้ฉลาดโยมก็ทำไปก็แล้วกัน ทำไปแล้วก็จะรู้จักขึ้นเอง ให้เห็นที่ตัวของตัวนี่แหละ เห็นผมเห็นขน เห็นเล็บ เห็นฟัน เราเม้มปากไว้ดี เห็นฟันได้ เราก็ฉลาดขึ้นแล้วเราไม่เห็นเราก็พยายามทำสบายๆไปก็แล้วกัน

    หลวงปู่สังวาลย์เขมโก<O:p></O:p>
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  4. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    [​IMG]

    Morning Glory




    อนุโมทนา สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,793
    สาธุ กราบพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโกด้วยความเคารพ
     

แชร์หน้านี้

Loading...