ร่วมกันสร้างกุศลถวายแด่หลวงพ่ออุตตมะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย yut2u, 16 กรกฎาคม 2006.

  1. yut2u เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +464
    ธรรมะของพระพุทธองค์
    ต้องพิจารณาด้วยจิตของเราโดยโยนิโสนมสิการ
    คือพิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย
    ต้องตั้งสติ มีสมาธิ เกิดปัญญา
    ต้องมีจิตบริสุทธิ์ มีเจตนาสะอาด
    จึงจะเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้

    พระราชอุดมมงคล(หลวงพ่ออุตตมะ)
    หลวงพ่ออุตตมะท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นทีเคารพรักของพุทธศาสนิกชน มีข่าวลือว่าท่านมรณะภาพไปแล้ว แต่ความจริงท่านยังมีชีวิตอยู่
    เพียงแต่ตอนนี้ท่านอาภาธอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยโรคชรา
    ปีนี้ท่านอายุ96ปีแล้ว
    ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันสร้างบุญกุศลตามอัฐยาศัยถวายหลวงพ่ออุตตมะให้หายป่วย (ที่สำนักสงฆ์ พุทธมลฑลสาย2 จะมีการสวดมนต์ถวายหลวงพ่ออุตตมะทุกวันอาทิตย์เวลาประมาณ 1-2ทุ่ม จึงเรียนมาเพื่อทราบ)

    บุญบารมีที่ข้าพเจ้าและครอบครัวเคยสร้างสะสมไว้ขอถวายหลวงพ่ออุตตมะ ขอหลวงพ่อโปรดรับ และโปรดอนุโมทนาด้วย ขอให้ผลบุญนี้ช่วยให้หลวงพ่ออุตตมะบรรเทาจากอาการเจ็บป่วยและช่วยสงเสริมดวงจิตของหลวงพ่อให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นด้วยเทอญ.
    ด้วยความเคารพอย่างสูง

     
  2. yut2u เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +464
    ลงผิดหมวดหมู่ต้องขอโทษด้วยครับ
    มีอีกเรื่องมาฝากครับ
    ขอเล่าตำนานประคำ ๑๐๘ โดยทราบมาจากหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งมีบันทึกในหนังสือ "อุตตมะ ๘๔" ดังนี้

    เรื่องเล่าของหลวงพ่ออุตตมะ จากหนังสือ”อุตตมะ ๘๔”

    ตอน “ลูกประคำ๑๐๘” หน้า๓๙๑

    ต่อไปนี้จะว่าด้วยลูกประคำ ๑๐๘ ไม้หรือแก้ว หรือลูกลานเป็นต้น ที่ทำเป็นเม็ดกลมๆมีรูตรงกลาง ร้อยเป็นพวงด้วยด้ายหรือไหม สำหรับนักบวชมีฤษีเป็นต้น ใช้สวมคอหรือกำหนดนับบริกรรมสวดมนต์ภาวนาเรียก ว่าลูกประคำ มี ๑๐๘ ลูก ตามจำนวนพระคุณของพระรัตนตรัย คือ พุทธคุณ ๕๖ ธรรมคุณ ๓๘ สังฆคุณ ๑๔ รวมเป็น ๑๐๘ พอดี



    ประวัติความเป็นมา
    ในปีพุทธศักราช ๒๒๕ คณะสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดียได้ประชุมตกลงกันจัดส่งพระอรหันต์เถระเดินทางออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในดินแดนต่างๆ ในการนี้ได้มอบหมายให้พระอรหันต์สองรูป คือ พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาและนำพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์มาประดิษฐานในดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งมีเมืองนครปฐมในปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลาง เมื่อได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวแล้ว พระอรหันต์เถระทั้งสองรูป จึงได้ออกเดินทางจากเมืองปาฏลีบุตรในประเทศอินเดียโดยนำพระบรมสารีริกธาตุมาด้วยครั้นเมื่อเดินทางผ่านเมืองสะเทิมในประเทศมอญ พระอรหันต์เถระทั้งสองรูปได้พบกับพระฤษีสามองค์ ซึ่งพำนักบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ที่บริเวรภูเขาสุทัศน์คีรีใกล้เมืองสะเทิมคือ พระฤษีคุปตะ พระฤษีจุลละ และพระฤษีเทวิละ พระฤษีทั้ง ๓ องค์นี้ เมื่อได้เห็นพระจริยาวัตรและปฏิปทาอันงดงามของพระโสณเถระและพระอุตตรเถระก็บังเกิดศรัทธาและความเลื่อมใสชักชวนกันไปกราบไหว้นมัสการ และซักถามพระอรหันต์เถระทั้งสองว่า “ท่านเป็นศิษย์ของผู้ใด ใครคือพระศาสดาของท่าน” พระอรหันต์เถระทั้งสองก็ตอบว่า “พระสมณโคดมศากยบุตรอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ของพวกเรา พระองค์คือพระศาสดาของพวกเราทั้งหลาย” พระฤษีสามองค์ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ขอร้องให้พระอรหันต์เถระทั้งสองรูป เล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของพระพุทธศาสนาให้ฟัง พระอรหันต์เถระทั้งสองก็ได้อธิบายให้พระฤษีทั้ง ๓ องค์ฟังโดยละเอียด พระฤษีทั้ง ๓ องค์เมื่อได้ทราบว่าพระรัตนตรัยได้บังเกิดขึ้นในโลกนี้แล้วก็รู้สึกปิติยินดี แต่มีความเสียดายที่ไม่ได้พบเข่เฝ้าพระพุทธองค์ เพราะทรงเข้าปรินิพพานไปนานแล้วถึง ๒๒๕ปี จึงซักถามพระอรหันต์เถระทั้งสองต่อไปว่าพระรัตนตรัยทั้งสามมีคุณเท่าใด พระอรหันต์เถระทั้งสองก็อธิบายให้ฟังว่า คุณของพระพุทธเจ้ามีจำนวน ๕๖ ดังบทสวดพระพุทธคุณ (อิติปิโสภควา) คุณพระธรรมเจ้ามีจำนวน ๓๘ ดังบทสวดพระธรรมคุณ (สวากขาโต) และคุณพระสังฆเจ้ามีจำนวน ๑๔ ดังบทสวดพระสังฆคุณ (สุปฏิปันโน) เมื่อรวมกันแล้ว คุณพระศรีรัตนตรัยมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘

    พระฤษีทั้ง ๓ องค์ได้ซักถามต่อไปว่า ในกัปของเรานี้จะยังมีพระพุทธองค์ใหม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ พระอรหันต์ทั้งสองได้อธิบายให้ฟังว่า ในขณะนี้เราอยู่ในภัทรกัป ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๕ พระองค์ พระสมณโคดมนี้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ ในภัทรกัป ดังนั้นในกัปนี้จึงยังเหลือพระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดขึ้นอีกหนึ่งพระองค์ คือพระศรีอริยเมตไตรย





    พระฤษีทั้ง ๓ ขอทราบนามของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ในภัทรกัปนี้ พระอรหันต์เถระทั้งสองจึงแจ้งให้ทราบดั่งพันธคาถาปัฐยาวัตรฉันท์ต่อไปนี้

    นะกาโร กะกุสันโธ จะ โมกาโร โกนาคะมะโน

    พุทกาโร กัสสะโป พุทโธ ธากาโร สักยะปุงคะโว

    ยะกาโร สิริอะริยะเมตเตยโย ปัญจะพุทธา นะมามิหัง



    เมื่อทั้งสองฝ่ายได้สนทนากันจนเป็นที่พอใจแล้ว พระอรหันต์ทั้งสองก็อำลาพระฤษีทั้งสามออกเดินทางมายังสุวรรณภูมิตามจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป

    ฝ่ายพระฤษีทั้งสามได้ปรึกษาหารือกันว่า เราควรจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อให้น้อมระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยอยู่เสมอ ในที่สุดก็ได้ตกลงกันสร้างลูกประคำขึ้นมาเพื่อใช้ในหารสวดมนต์ภาวนา โดยกำหนดให้ลูกประคำมีจำนวน ๑๐๘ เม็ด เท่ากับคุณพระศรีรัตนตรัยซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๐๘ ดังได้ทราบกันอยู่แล้ว และที่ยอดของสายประคำได้ใส่ลูกประคำไว้อีกสามเม็ดเพื่อแทนพระศรีรัตนตรัยเจ้าทั้งสามคือพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า สำหรับบทสวดภาวนาเกี่ยวกับลูกประคำนั้น พระฆษ๊ทั้งสามได้กำหนดเอาพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ในภัทรกัปนี้คือ “ นะโม พุทธายะ” มาประยุกต์รวมกันเข้ากับพระคาถา “โอม” คือ “มะอะอุ” ซึ่งเป็นพระคาถาของท้าวมหาพรหม ที่บรรดาพระฤษีทั้งหลายนำมาใช้กันอยู่เป็นประจำนั้น มาสวดภาวนาเวลาชักลูกประคำ โดยอนุโลมปฏิโลม ดังต่อไปนี้คือ “นะโม พุทธายะ ยะธาพุทโมนะ มะ อะ อุ อุ อะ มะ”

    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ลูกประคำ ๑๐๘ ก็ได้แพร่หลายเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

     
  3. ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    รู้ล่ะ... คุณเฟิร์ส หน้าตาเหมือนใคร ...
     

แชร์หน้านี้