ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ความงดงาม

    อรุณสวัสดิ์ครับ รอบเช้าก็จะยกประสบการณ์ที่กล่าวค้างไว้เมื่อวานมาเล่าก่อน เกี่ยวกับพระสังกัจจายน์พัดโบกก็มีคนใช้ได้อธิษฐานพัดเอาความโชคดีในหน้าที่การงานเข้ามาเป็นประสบการณ์แล้ว พี่เค้าเล่าว่าปีนี้เค้าทำงานได้ยอดน้อย มองเห็นอนาคตเลยว่าค่าคอมก็ต้องได้น้อยไปด้วย เพราะมันขายไม่ได้ ปกติจะได้ค่าคอมงวดนึงก็แสนกว่าบาทแต่หนนี้กลับได้ห้าหมื่นไม่รู้จะทำอย่างไร พอได้พระสังกัจจายน์มาก็ทุกข์ใจเพราะมีหนี้ที่ต้องผ่อนต้องส่งเขาเยอะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาค่าคอมมาโปะ พอได้ไม่มากตัวทุกข์มันก็เกิดแล้วไปอธิษฐานขอกับท่าน ปรากฏว่าลูกค้าเก่าที่นิ่ง เงียบ ติดต่อไว้แล้วขายไม่ได้ เค้าเลือกที่จะดิวกับเราติดต่อเรากลับมาด้วยตนเอง เป็นเช่นนี้ติดๆกันภายในสองวันถึงห้าเจ้า พี่เค้าว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากนะคุณและมันเกินกว่าคำว่าบังเอิญไป ถ้าเจ้าเดียวนี่เรายังคิดว่าบังเอิญได้ และกำไรก็ไม่ใช่ธรรมดาเลยทุกเจ้าถือว่าเป็นโรงพญาบาลใหญ่ทั้งนั้น เค้าว่าหายห่วงเรื่องค่าคอมไปเลย เพราะงานแบบเค้าเงินเดือนไม่กี่หมื่นแต่อยู่กันได้เพราะค่าคอมนี่แหละ

    เข้าเรื่องความงดงามของบุคคลกันต่อ นอกจากความงามภายนอกแล้วคุณธรรมอะไรที่ได้ชื่อว่าผู้ถือปฏิบัติจะเป็นผู้งดงาม ก็ขอยกบทความมาให้อ่านกันเป็นประโยชน์ไว้นะครับ
    คนเราจะสวยสดงดงามแต่เพียงสรีระร่างกายและเครื่องประดับนั้นยังไม่เพียงพอ ต้องงดงามทางด้านจิตใจด้วย

    คำกล่าวที่ว่า “ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ” เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องโดยปราศจากข้อสงสัย ถ้าไม่เชื่อลองหลับตานึกภาพของไก่ที่ถูกถอนขนวิ่งโทง ๆ นอกจากจะดูไม่สวยงามแล้ว ยังดูน่าเกลียดพิลึก หรือดูแล้วกลายเป็นเรื่องน่าขบขันหรือน่าสังเวชทั้งนี้เพราะไก่นั้นมีขนเป็นอาภรณ์ปกปิดกายและป้องกันอากาศร้อนและหนาว

    มนุษย์เราก็เหมือนไก่ คือต้องมีเสื้อผ้าอาภรณ์ประดับกายเพื่อความงดงาม และปกปิดอวัยวะที่ไม่ควรเปิดเผย อันเป็นที่ตั้งแห่งความละอาย และเสื้อผ้าอาภรณ์ที่นำมาตกต่างร่างกายนั้น ยังเป็นเครื่องป้องกันความร้อนและหนาวได้อย่างดี ทำให้คนเราประกอบกิจการให้ลุล่วงไปได้ โดยไม่ต้องกังวลกับอากาศร้อนหนาว และการสัมผัสยุง มด แมลง ทั้งหลายที่จะมารบกวน

    ดังนั้น มนุษย์เราจึงแสวงหาเครื่องประดับตกแต่งกันอย่างสุดความสามารถ มีเสื้อผ้าแล้วยังไม่พอ ต้องมีเครื่องประดับอย่างอื่นเข้ามาเสริม เช่น สร้อยคอ ต่างหู เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีเครื่องบำรุงผิวให้ดูงดงามตามยุคตามสมัยแต่งแต้มสีสันกันจนกลายเป็นแฟชั่นยอดนิยม

    ที่กล่าวมานี้เป็นการตกแต่งในทางร่างกายเท่านั้น แต่ไม่มีการตกต่างทางจิตใจ และเครื่องประดับตกแต่งจิตใจนั้นก็ไม่มีบริษัทห้างร้านใดผลิตออกมาขาย เพราะฉะนั้นก้อยากจะบอกว่า คนเราจะสวยสดงดงามแต่เพียงสรีระร่างกายและเครื่องประดับนั้นยังไม่เพียงพอ ต้องงดงามทางด้านจิตใจด้วย การที่จิตใจจะงดงามนั้น ท่านกล่าวถึงธรรมะ ๒ ประการ ที่จะทำให้คนเรางดงามอย่างสมบูรณ์ นั่นคือ

    ๑. ขันติ – ความอดทน

    ๒. โสรัจจะ – ความสงบเสงี่ยม

    ขันติ เป็นธรรมที่มีกล่าวไว้ในที่หลายแห่ง ในโอวาทปาติโมกข์ ในมงคลสูตร แม้ในเรื่องพระเจ้าสิบชาติ หรือในบารมี ๑๐ ก็มีกล่าวเอาไว้ เพราะถือว่า เป็นธรรมสำคัญที่จะขาดไม่ได้ ใครจะปฏิบัติธรรมสูงเพียงใดก็ตามต้องมีความอดทนเป็นพื้นฐาน และในชีวิตประจำวันยิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะคนเราต้องสมาคม สังคมกับคนรอบข้าง ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี

    ความอดทนจำแนกออกเป็น ๓ อย่างคือ

    ๑. อดทนต่อความยากลำบากในการทำงานหรือประกอบกิจการ ในการดำเนินชีวิต ที่ต้องอดทนต่อสู้กับดินฟ้าอากาศที่ร้อนและหนาว เป็นต้น จนนำพากิจการงานนั้น ๆ ให้ผ่านพ้นลุล่วงไปด้วยดี

    ๒. อดทนต่อความเจ็บไข้ได้ป่วย ทนต่อทุกขเวทนาไม่โอดโอยร้องครวญครางให้เป็นที่น่ารำคาญคนอื่น เช่นพยาบาลและหมอ หรือคนใกล้ชิด ที่ให้การดูแลรักษาทั้งไม่บ่นจู้จี้จุกจิกจนกลายเป็นคนเอาใจยาก ก็จะเป็นความงามที่ไม่ต้องอาศัยอาภรณ์ใด ๆ มาประดับ เป็นความงดงามของจิตอย่างแท้จริง

    ในทางตรงข้าม ถ้าคนเราประดับตกต่างร่างกายสวยงามด้วยอาภรณ์อันมีค่า แต่เวลาป่วยไข้แล้วไม่อดทนต่อทุกขเวทนา ส่งเสียงโอดครวญให้เกิดความรำคาญแก่ผู้รักษาพยาบาล หรือผู้ใกล้ชิด เครื่องประดับตกต่างเหล่านั้นก็ไม่สามารถจะทำให้คนคนนั้นน่ารักยินดีได้เลยเพราะความงดงามทางจิต คือความอดทนนั้นไม่มีอยู่ในจิต ซึ่งจะทำให้คนคนนั้นมีสภาพเหมือนเด็ก ๆ ที่ขาดการควบคุมตนเอง

    ๓. อดทนต่อความเจ็บใจ หรืออดทนต่อการกระทบกระทั่งทางจิตใจในการอยู่รวมกันในสังคมของคนส่วนใหญ่ย่อมมีอยู่บ้างที่จะต้องมีการกระทบกระทั่งทางกาย ทางวาจา เพราะคนในสังคมนั้น บางคนเป็นคนดี บางคนเป็นคนไม่ดี คนดีไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะคนดีมีประโยชน์และทำในสิ่งที่ดีที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่คนไม่ดีนี่สิก่อปัญหาความเดือดร้อนไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับคนไม่ดี ต้องมีความอดทนอดกลั้นอย่างยิ่ง มิฉะนั้นตัวเราเองจะเป็นผู้ที่ทำอะไร ๆ ให้เสียมรรยาทในสังคม รวมทั้งความเป็นผู้มีชื่อเสียงไปในทางติดลบได้ง่าย ๆ

    คนบางคนแต่งตัวดี ดูดีไปหมด แต่พอถูกคนกระแหนะกระแหนเท่านั้น ก็โกรธฉุนเฉียว อดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ แสดงอาการโกรธตอบทันที ชุดเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับต่าง ๆ ไม่ช่วยให้เกิดความงามขึ้นมาเลย

    ครูบางคนลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ ก็เพราะทนกิริยาท่าทางของเด็กนักเรียนที่แสดงออกต่อครูไม่ได้เพราะครูตั้งมาตรฐานตัวเองไว้ว่า เด็กทุกคนต้องเคารพครู แต่ครูมีความรู้สึกว่า เด็กไม่เคารพและมีท่าทีก้าวร้าว ท้าทาย ครูอาจทำอะไรรุนแรงแกนักเรียน จนกลายเป็นผู้ร้ายของนักเรียนไปได้ในชั่วพริบตา ความงดงามในความเป็นครู ในความเป็นผู้ให้ความรู้อบรมบ่มนิสัยที่ดีของเยาวชนก็จะหมดไป เครื่องหมายความเป็นครู จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ กลบความดีที่เกิดขึ้นช้า ๆ และสั่งสมเป็นเวลานาน แต่ความชั่วเกิดแผล็บเดียว ทำลายความดีไม่ให้เหลืออยู่เลย

    อีกอย่างหนึ่ง ความอดทน ต้องแยกออกมาให้ชัดเจน ในการควบคุมตัวเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งยั่วยุที่ไม่ดี คือ อดที่จะไม่โกรธตอบ หรืออดต่อการที่จะนำเข้ามาไว้ในใจ คือไม่นำเอาสิ่งที่ได้ยินได้เห็นที่ไม่ดีเข้ามาไว้ในใจเรา แล้วก็ทน คือทนต่อการเจ็บใจ การเสียดแทงทางใจ ที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจเหล่านี้ หรือในบางครั้งเราพบเห็นสิ่งที่น่ายินดี น่ารักใคร่ แล้วเกิดอยากได้ เช่น เดินไปในห้างสรรพสินค้า พบของที่ถูกใจมากมายอยากได้ไปหมด ก็ต้องใช้ความอด คืออดใจไว้ไม่ให้สิ่งที่เราอยากได้เข้าอยู่ในใจเรา แล้วก็ทนที่จะต้องไม่มีสิ่งเหล่านั้นให้ได้ เราก็จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินออกไป เพราะพอเราพ้นออกมาจากห้างสรรพสินค้าไม่นานเท่าไหร่ เราก็อาจลืมความอยากได้ไปแล้ว ใช่หรือไม่ ?

    ความอดทนต่อการกล่าวร้ายป้ายสี การด่าว่าจากบุคคลอื่นนั้น พระพุทธเจ้าทรงกระทำให้เป็นตัวอย่างมาแล้ว เรื่องของเรื่องมีว่า

    พราหมณ์คนหนึ่งพบพระพุทธเจ้าทีไร แกก็จะด่าว่าพระพุทธเจ้าเสีย ๆ หาย ๆ อยู่ร่ำไป เพราะโกรธที่พระพุทธเจ้าบวชน้องชายแก เพราะแกเป็นพราหมณ์ ไม่เลื่อมใสพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเห็นว่าพราหมณ์ด่าว่าอยู่เสมอ ไม่เลิกราเสียที ก็เลยตรัสถามว่า

    “ พราหมณ์ ในเรือนของท่านนั้น มีแขกมาเยือนหรือไม่ ?”

    พราหมณ์ก็ตอบว่า “ ในเรือนของข้าพเจ้านั้นมีแขกมาเยือนเสมอ ”

    จึงตรัสถามต่อไปอีกว่า “ เมื่อมีแขกมาเยือน ท่านต้อนรับอย่างไร ”

    พราหมณ์ก็ตอบว่า “ ข้าพเจ้าก็ต้อนรับด้วยอามิสสิ่งของเครื่องบริโภคตามสมควรแก่ฐานะของแขกผู้มาเยือน ”

    พระองค์จึงตรัสว่า “ พราหมณ์ เมื่อแขกที่มาเยือนท่าน ไม่รับของต้อนรับจากท่าน สิ่งของเหล่านั้นจะตกเป็นของใคร ”

    พราหมณ์ก็ตอบว่า “ ก็ตกเป็นของข้าพเจ้า ”

    ดังนั้นจึงตรัสว่า “ พราหมณ์ การที่ท่านด่าเราทุกวัน ๆ เราไม่ได้รับเอาไว้ คำด่าเหล่านั้นจะตกเป็นของใครเล่า ?”

    พราหมณ์เลยจำนนต่อพระดำรัส แล้วหันมานับถือพระพุทธศาสนาแต่นั้นมา

    เพราะฉะนั้น การอดทนก็คือการไม่รับเอา หรือการที่ไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีนั้นมามีอำนาจอยู่เหนือใจตน อย่าไปรับเอา เมื่อเราไม่รับสิ่งนั้นก็จะกลับไปหาเจ้าของนั่นเอง ทำใจให้สบาย ๆ

    การที่เรามีความอดทนอดกลั้นเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่พอที่จะทำให้เป็นคนมีความงามอย่างแท้จริงได้ ต้องมีธรรมะอื่นเข้ามาร่วมเติมต่อ ธรรมะที่คู่กับขันติ ก็คือ โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม

    ความสงบเสงี่ยมคือความที่มีจิตชื่นบาน ประณีต มีจิตที่ราบเรียบ ไม่ว่าจะเผชิญกับภาวะที่น่าพอใจรักใคร่หรือภาวะที่ไม่น่าพอใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะไม่แสดงอาการให้ผิดแผกไปจากเดิม

    คนเรารู้จักอดทนอดกลั้น ไม่โกรธต่อผู้อื่นก็จริง แต่ในความอดทนนั้นอาจจะมีสีหน้าที่บึ้งตึ้ง หรือสีหน้าที่แสดงความไม่พึงพอใจ ต่อเมื่อมีโสรัจจะ คือความแช่มชื่นเข้ามากำกับ ก็จะทำให้ผู้นั้นมีความอดทนที่งดงามปรากฏแก่ผู้พบเห็น เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของผู้อื่น โสรัจจะจึงทำหน้าที่เสริมความอดทนให้งดงามเด่นชัดขึ้น

    ขันติ ความอดทน และโสรัจจะ ความสงบเสงี่ยมนี้ เป็นธรรมคู่กัน จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะมีทั้งสองอย่างอยู่ร่วมกัน จึงเป็นธรรมที่จะทำให้บุคคลงดงามอย่างแท้จริง งามยิ่งกว่าอาภรณ์ทั้งปวงที่มีในท้องตลาด

    บอกต่อๆ กันไปด้วยว่า ขันติและโสรัจจะนั้น ไม่มีใครทำขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง โรงงานก็อยู่ที่ใจท่านนั่นแหละ

     
  2. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง ems

    พี่ชัยวัฒน์ EV 4401 7209 2 TH

    พี่ชัยวัฒน์ EV 4401 7210 1 TH

    พี่ภาคภูมิ EV 4401 7211 5 TH

    พี่ธีรพจน์ EV 4401 7212 9 TH

    พี่กฤตยชญ์ EV 4401 7213 2 TH
     
  3. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เห็นมีคนถามหา ว่ามีเครื่องมงคลชุดไหนที่เคยลองแล้วมีประสบการณ์สูงมากๆมั้ย แล้วทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยมีพระเนื้อผงเลย มีพระผงแรงๆราคาไม่สูงมั๊ย

    * ตอบไว้ก่อนนะครับ แบบความชอบส่วนบุคคล พระของพ่ออาจารย์ท่านไม่ว่าจะเป็นเนื้อผงหรือเนื้อธาตุก็ตามล้วนศักดิ์สิทธิ์และมีประสบการณ์เยอะทั้งสิ้น แต่คติความนิยมและความชอบส่วนบุคคลนั้นบางคนจะคิดว่าเนื้อผงแรงกว่า เพราะว่าผงกว่าจะหาได้ทำได้ล้วนไม่ง่ายเลย มวลสารต่างๆกว่าจะรวมเป็นพระองค์นึงที่ไม่ใช่พระเนื้อปูน พระปั๊มโรงงานนั้นล้วนแต่มีที่มาที่ไป ในเมื่อถามหาพระผงดีๆ แบบคนที่นิยมผงแรงๆ ที่เรียกแบบสไตล์ผมว่าเป็นอาการเสพย์ติดผงวิเศษเหมือนๆกันเข้ามาแล้ว ก็ติดตามไว้นะครับ อาจจะมีอะไรที่ทั้งแปลกทั้งแรงให้ได้ตามติดกันก็ได้
     
  4. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันอาสาฬหบูชา

    อรุณสวัสดิ์ครับ ก็มาถึงช่วงวันหยุดยาวกันแล้ว หลายๆคนกลับบ้าน ไปต่างจังหวัดหาสถานที่ทำบุญกันยาวๆเพราะมีวันหยุดติดกันรวมถึงหยุดชดเชยด้วย วันนี้ก่อนจะมาพูดคุยกันก็จะพูดเรื่องวันอาสาฬหบูชากันก่อนนะ


    วันอาสาฬหบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุก ๆ ปี ถือเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคาร ซึ่งวันนี้มีความสำคัญคัญอย่างไรมาดูกัน

    สำหรับพุทธศาสนิกชนทุกคน คงทราบกันดีว่า ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี จะตรงกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกหนึ่งวัน นั่นคือ "วันอาสาฬหบูชา" ซึ่งในปี 2561 วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม (ขึ้น 15 คํ่า เดือน 8) แต่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบความเป็นมาเกี่ยวกับวันอาสาฬหบูชาเท่าใดนัก ดังนั้นวันนี้เรามี ประวัติวันอาสาฬหบูชา มาฝากกันค่ะ

    ทั้งนี้ คำว่า "อาสาฬหบูชา" สามารถอ่านได้ 2 แบบ คือ อา-สาน-หะ-บู-ชา หรือ อา-สา-ละ-หะ-บู-ชา ซึ่งจะประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ อาสาฬห ที่แปลว่า เดือน 8 ทางจันทรคติ กับคำว่า บูชา ที่แปลว่า การบูชา เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน 8 หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน 8

    วันอาสาฬหบูชา คือวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน โดยแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จนพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี

    ทั้งนี้พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เรียกว่า "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งหลังจากปฐมเทศนา หรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดงจบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีที่เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" พระโกณฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และได้อุปสมบทตามลำดับ

    สำหรับใจความสำคัญของการปฐมเทศนา มีหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ คือ

    1. มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดำเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ

    การหมกมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่าเป็นการหลงเพลิดเพลินหมกมุ่นในกามสุข หรือกามสุขัลลิกานุโยค

    การสร้างความลำบากแก่ตน ดำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บำเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค

    ดังนั้น เพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ 8 ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่

    1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง

    2. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม

    3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคำสุจริต

    4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ คือ ทำการที่สุจริต

    5. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่สุจริต

    6. สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบำเพ็ญดี

    7. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทำการด้วยจิตสำนึกเสมอ ไม่เผลอพลาด

    8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน


    2. อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคลที่ห่างไกลจากกิเลส ได้แก่

    1. ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องกำหนดรู้ให้เท่าทันตามความเป็นจริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้ กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด

    2. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการสำคัญของทุกข์ คือ ตัณหาหรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ

    3. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยการใช้ปัญญา

    4. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห่งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการดังกล่าวข้างต้น

    กิจกรรมวันอาสาฬหบูชา

    พิธีกรรมโดยทั่วไปที่นิยมกระทำในวันนี้ คือ การทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และสวดมนต์ ในตอนค่ำก็จะมีการเวียนเทียนที่เป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเรา
    ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรเข้าวัด เพื่อน้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเป็นการช่วยชะล้างจิตใจให้ปลอดโปร่งผ่องใส จะได้มีร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในยุคที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างนี้...


     
  5. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อะไรเอ่ยมีตาถึงพันถึงหมื่น ศาสตร์แห่งพระเวทย์เก่าแก่นับแต่บุราณกาล ที่แม้กษัตริย์และพราหมณ์โบราณยังสร้างสรรค์ไว้เพื่อสักการะบูชาและหลงเหลืออารยธรรมสืบต่อมาในกรุโบราณ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาเหล่านี้หายไปมาก ไม่มีใครทำ ไม่มีใครสืบทอด จะเป็นอะไรติดตามกันดีๆ บอกได้แค่ว่าทำยากและแรงไม่ธรรมดา กับท้าวพันตาวิชาขลังตั้งแต่ยุคไศเรนทรวงศ์



     
  6. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    จากคำถามเมื่อวานว่ามีเครื่องมงคลชุดไหนที่เคยลองแล้วมีประสบการณ์สูงมากๆมั้ย แล้วทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยมีพระเนื้อผงเลย มีพระผงแรงๆราคาไม่สูงมั๊ย

    ต้องบอกก่อนว่าท้าวพันตานี้เป็นวิชาที่มีปาฏิหาริย์มากอย่างแท้จริง ลำพังวิธีการสร้างก็ยากแล้ว ยิ่งทำเป็นเนื้อผงด้วยแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าปกติแค่พิมพ์พระลำพัง ยังต้องผสมมวลสารให้ดีพิมพ์กับมือตัดขอบแต่งทีละองค์ยังพอทำได้ทีละหลายองค์ แต่กับท้าวพันตานี่นอกจากพิมพ์แล้วยังต้องปั้นด้วย ท่านว่าต้องค่อยๆผสมมวลสารทำทีละองค์ ทำพร้อมกันไม่ได้ เพราะกว่าจะพิมพ์เสร็จ ปั้นเสร็จ กว่าจะสำเร็จองค์หนึ่งๆนั้นไม่ง่ายเลย

    ก็น่าแปลกดีว่ามันทำยากขนาดนั้นท่านยังทำ ดังนั้นท่านว่าพระนี้จะมีลักษณะจะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันสักองค์ เพราะนอกจากพิมพ์แล้วต้องปั้นมือด้วย ซ้ำคืนนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีจันทรคราส ท่านจะเสกปิดฤกษ์ให้จนหมดคราส คนที่ได้ไปชีวิตจะได้เหมือนจันทร์เต็มดวงที่ผุดเกิดขึ้นมาใหม่บนท้องฟ้าที่มืดดับ เห็นท่านว่าเป็นฤกษ์พิเศษในรอบร้อยปีด้วยเป็นคราสที่ยาวนานต่อไปก็ไม่มีแบบนี้

    * พรุ่งนี้ใครชอบของแรงๆต้องตามติดกันดีๆ บอกได้แค่ว่านอกจากพิมพ์พิเศษ มวลสารพิเศษแล้ว ท่านยังให้บูชาไม่แพงด้วย

     
  7. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันนี้มีจันทรคราสนะครับ ท่านว่าทั้งคนที่มีคู่และไม่มีคู่ให้งดการเสพกามหรือผิดศีลกาเมทุกกรณีในเวลาคราสจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ที่งดได้ก็ควรงดนะครับ ;)
     
  8. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์นะครับ ทีแรกวันนี้ว่าจะลงท้าวพันตาแต่พ่ออาจารย์ท่านว่าให้เว้นไว้ก่อน ค่อยลงพรุ่งนี้แทนเพราะท่านเพิ่งเสกและทำพิธีเฉพาะให้เสร็จ ท่านว่าจะเจิมน้ำมันพิเศษเสียหน่อย ดังนั้นวันนี้ก็จะมาพูดคุยเรื่องอาถรรพ์เกี่ยวกับท้าวพันตา ศาสตร์โบราณยอดขลังยุคสถาปนาพระราชอาณาจักรกันต่อ ติดตามกันดีๆ


     
  9. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ลงรูปไปแล้วมีแต่คนทักเข้ามาบอกให้ลงวันนี้เลยเพราะพรุ่งนี้ไม่อยู่ ก็เดี๋ยวเอาไว้จะลงให้สายๆนะครับเพราะพูดไว้แต่แรกแล้วว่าจะลงวันนี้ด้วย ติดตามกันดีๆบอกได้คำเดียวพลาดแล้วไม่มีอีกแน่นอน
     
  10. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา พ่อขุนจักรพรรดิท้าวพันตาวาสนาครองฟ้าดิน(ผงเศรษฐีพันวิมานสหัสโยนี)

    ด้วยตำนานแห่งปฐมกษัตริย์ของมหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ สู่ปฐมบทเครื่องรางพิศดารอันผูกไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ดูกัน นามเรียกขานมหาจักรพรรดิท้าวพันตาสู่เครื่องรางรูปหน้าคนหลากหลายใบหน้าสุมรวมกันทั่วทศทิศแทนความหมายอุปมาว่าเห็นได้นับร้อยพัน มีพันหัว พันตา พันมือ พันความคิด พันวิธีการ คิดอะไรก็สำเร็จเร็วกว่าเขาพันเท่า ทำอะไรก็ได้ไวกว่าเขาพันเท่า ด้วยมีแรง มีกำลัง มีสติปัญญา มากกว่าเขาร้อยเท่าพันเท่า ด้วยท้าวพันตานั้นพ่ออาจารย์ท่านให้ความรู้เอาไว้ว่าท้าวเธอนั้นมีเมียเป็นนางฟ้าถึงห้าร้อยนาง(นางฟ้าเหล่านี้ล้วนเป็นนางฟ้าชั้นสูงทั้งสิ้น) และนางฟ้าที่เป็นเมียของพระองค์นั้นแต่ละนางล้วนอาศัยอยู่ในวิมานแก้วรัตนะแลวิมานทอง อันตัววิมานก็มีความกว้างยาวได้ด้านละพันโยช ทั้งนางฟ้าแต่ละองค์นั้นล้วนมีบริวารนับร้อยโกฏิทั้งสิ้น

    ในส่วนของท้าวพันตาก็ปรากฏเรื่องราวการสร้างอาณาจักรอยู่จริง "...นับแต่โบราณกาล มหาจักรพรรดิท้าวพันตา(ขุนเทียน) พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถทางราชการงานสงครามจนสามารถรวบรวมบ้านเมืองสถาปนาสร้างสหราชอาณาจักรคีรีรัฐหรือพนมสายรุ้ง ทั้งพระองค์ยังเป็นต้นราชวงศ์ของกษัตริย์ในยุคหลังไม่ว่าจะเป็นมอญในอาณาจักรฟ้าอิสานหรืออาณาจักรอิสานปุระในเวลาต่อมา และยังเป็นต้นราชวงศ์โจละเขมรหรือขอมเขมรในอาณาจักรพนมมันตัน สหราชอาณาจักรคีรีรัฐนั้นปกครองแบบสหพันธ์รัฐ ประกอบด้วยสามรัฐใหญ่ คือ สุวรรณภูมิ,ชบา(ดินแดนเกษียรสมุทร) และไตจ้วง(รัฐในดินแดนจีน) พระองค์ได้สร้างราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาคือราชวงศ์ไศเลนทร์วงศ์ ในสมัยสหราชอาณาจักรคีรีรัฐมีกษัตริย์ปกครองประกอบด้วย ๖ ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์เทพพนม(ไศเลนทร์วงศ์ ขุนเทียนเป็นปฐมกษัตริย์) , ราชวงศ์เทียนเสน , ราชวงศ์โคตะมะ(ขอม) , ราชวงศ์หยาง-โคตะมะ , ราชวงศ์ขุนหลวงจิวใหญ่(ขุนหลวงใหญ่ไกลโศก) และราชวงศ์อู่ทอง มีมหาจักรพรรดิปกครองตั้งแต่ปี พ.ศ.๖๙๓-๑๒๒๔ ทั้งหมด ๔๗ รัชกาล เมื่อสหราชอาณาจักรคีรีรัฐล่มสลายได้กำเนิดสหราชอาณาจักรเสียมขึ้นมาแทนที่ "

    ทั้งนี้ด้วยนามของท้าวพันตานั้นยังไปพ้องกับพระอินทร์ผู้มีสหัสโยนีถึงหนึ่งพันติดบนตัวด้วย ในภายหลังพระอินทร์ได้ไปขอร้องพระพรหมให้ช่วยเปลี่ยนคำสาป จากสหัสโยนีเป็นดวงตาพันดวง แต่นั้นจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าสหัสนัยน์ พ่ออาจารย์ท่านเมื่อดำริจะสร้างท้าวพันตาเพื่อสืบสายเคล็ดวิชาโบราณนับแต่ยุคสถาปนาอาณาจักรไศเลนทร์วงศ์ขึ้นมา ท่านว่าท้าวพันตาของท่านนี้จะรวบเอาคุณวิเศษไว้ทั้งสองด้าน หนึ่งคือมหาจักรพรรดิท้าวพันตาหรือขุนเทียนผู้เป็นใหญ่ สองคือสหัสนัยน์ผู้เป็นเจ้าแห่งเทพเทวา ด้วยถือว่าพระอินทร์นั้นเป็นผู้คอยสอดส่องดูแลมนุษย์ทุกผู้คนด้วยจักษุทิพย์เสมอ เสมือนกับมีดวงตาหนึ่งพันปรากฏรอบด้าน ไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากสายตาของท่านได้ฉะนี้แล

    เครื่องรางชนิดนี้กล่าวได้ว่าใช้ได้หลายทาง พ่ออาจารย์ท่านว่าหากจะพูดถึงเครื่องรางทางเสน่ห์เจ้าชู้คนจะนึกถึงงั่ง แต่ท้าวพันตานี้ก็ไม่ด้อยกว่ากันนักซ้ำยังมีดีหลายอย่างที่งั่งไม่มี ท่านว่าเธอคิดดูเองเถิดหนา งั่งนั้นได้เมียเป็นเจ้าหญิง แต่ท้าวพันตานั้นเขาได้สูงกว่าเพราะท่านเล่นนางฟ้านางสวรรค์ทีเดียว นางฟ้าที่มีบุญมาก มีศักดิ์ใหญ่ อยู่ภพภูมิที่สูงกว่าตน ไม่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นท่านมีทีตั้งห้าร้อยคน เรียกว่ายังไม่ทันสิ้น ยังเป็นมนุษย์ก็มีวาสนามีวิมานให้อยู่ถึงห้าร้อยวิมาน นี่ต้องเป็นคนที่มีบุญ มีความสามารถระดับไหนถึงจะเกิดขึ้นได้ จักรพรรดิ์ธรรมดาย่อมเป็นเช่นนี้ไม่ได้เลย เรียกว่าเป็นบารมีเฉพาะตัวก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านเลยถือคติว่า ท้าวพันตานั้นนอกจากเป็นวิชาทางเสน่ห์แล้ว ยังใช้ดึงดูดเนื้อคู่ที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่และยังใช้พลิกชะตาชีวิต ใช้เริ่มต้นทำการใหญ่ เพื่อให้เจอคนดี ให้ได้ดี ทำสิ่งใดก็มีเพศตรงข้ามอุปถัมภ์ค้ำชู ที่สำคัญคือคนที่คิดการณ์ใหญ่ อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยทำได้สำเร็จท่านว่านี่เขาต้องใช้บารมีท้าวพันตา

    รูปทรงแต่เดิมท่านว่าของกรุเมืองนครนั้นเขาทำมาแปลกตาดูไปมาคล้ายสัปปะรดเพราะเขาเอาหัวมาแปะติดกันรอบด้าน ท่านจึงแกะแม่พิมพ์ขึ้นใหม่ให้เป็นองค์เทพท้าวพันตานั่งอยู่ในซุ้มลักษณะพระขุนแผนพรายกุมาร และใช้ศรีษะมากมายปั้นแต่งทีละองค์ตามลักษณะท้าวพันตาศิลป์เมืองนครเช่นนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าทำให้เป็นเอกลักษณ์ของเราไม่ซ้ำใครนั่นแหละดี แต่เดิมเขามีแต่หัว แต่สร้างครานี้เราทำตัวให้ด้วย มีตัวแล้วกายินทรีย์ย่อมครบสมบูรณ์ อาการสามสิบสองก็ครบ จะได้เล่นฤทธิ์แสดงพลังกันได้สุดๆไปเลย

    ด้วยจะสร้างท้าวพันตานั้นผงมวลสารย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
    - ผงอิ่นแก้ว อิ่นคำ ผงวิชากำเนิดมนุษย์ อันดีด้านคู่ครองไม่ร้าง ไม่ห่างซึ่งเพศตรงข้ามที่ปรารถนา
    - ดินเจ็ดประตูชัย ถือคติว่าไปไหนดำเนินกิจการใดก็เอาฤกษ์เอาชัยไม่มีคำว่าแพ้
    - ผงลึงค์ช้าง อันเป็นยอดเครื่องครูเสน่ห์ที่พ่ออาจารย์ท่านหวงแหนนัก ท่านว่าช้างตัวนี้แม้ตายไปแล้ว พังตัวเมียก็ยังห่วงหาอาลัยอาวรณ์เดินเฝ้าศพไม่ยอมไปไหนเป็นเหตุอันผิดปกติวิสัยยิ่งนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าผงลึงค์ช้างนี้จึงมีอานุภาพทางเสน่หาอาลัยถึงขนาดตัวตายก็ไม่ยอมแยกจากนั่นเอง
    - ผงจักรพรรดิภูติพรายทองคำ ผงวิเศษที่ได้มาจากครูบาอาจารย์ของท่าน ท่านว่าเป็นผงมหาภูติที่งอกขึ้นเอง เพิ่มจำนวนเองได้ดุจผงวิภูติ ทั้งภูติยังมีฤทธิ์และมีศักดิ์สูงกว่าพวกผี พวกพรายทั้งหลาย นับเป็นเทวดาในปกครองของท้าวธตรฐจอมเทพแห่งจตุมหาราชิกา เป็นของกายสิทธิ์มีฤทธิ์รอบตัวทั้งยังงอกเงยพอกพูนเป็นกฤติยาคมแฝดให้คนใช้ได้ดี มีในสิ่งที่ปรารถนาไม่รู้จักขาดรู้จักพร่อง
    - ขี้ผึ้งมหาละลวย ท่านว่าดีทางเจรจามีปากเป้นเอก เป็นเมตตาแก่ชนทั่วไป จะพูดจาสิ่งใดก็ต่อรองได้ดั่งสายน้ำไหล ไม่ตกเป็นรองคู่เจรจา เป็นมหาละลวยงงงวยโอนอ่อนผ่อนตาม พูดให้รวยก็รวย ใช้ทำมาหากินก็ได้
    - สีผึ้งเทียนมัทรี ขี้ผึ้งกัณฑ์เทศนี้ว่ากันว่ามีอานุภาพดีทางจูงจิตจูงใจให้หลงไหล พ่ออาจารย์ท่านหุงจนสัตว์เล็กๆทั้งน้อยใหญ่ล้วนแต่เคลิบเคลิ้มตกหล่นไร้สติ
    - ผงเศรษฐีพันวิมาน ผงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเราลบเป็นมวลสารตรงตัวเพื่อจะสร้างท้าวพันตานี้ ให้คนใช้เป็นมหาเศรษฐีมีเรือนมีวิมานนับพัน เป็นยอดผงแห่งความเจริญรุ่งเรืองอันหาสิ่งใดเสมอเหมือนไม่ได้
    - ชันทั้งเจ็ด ได้แก่ ชันตะเคียน ชันพะยอม(นางยอม) ชันโรง ชันรูจี ชันยาง ชันเพ็ช ชันดิน ด้วยชันแต่ละชนิดล้วนมีอานุภาพแตกต่างกันไปตั้งแต่กันไฟ กันฟ้า กันเคราะห์ กันกระทำย่ำยี ทั้งยังเป็นเสน่ห์ เมตตา ตลอดจนใช้ให้นางยอมได้สมชื่อ
    - ผงสหัสโยนี คือผงองค์กำเนิดที่พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องลบยันต์โยนีถึงพันครั้งเพื่อให้สำเร็จตามสูตร เป็นมวลสารการกำเนิดก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง ท่านว่าปราศจากพลังงานของศักติแล้วย่อมไม่มีสิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นมาได้เลย พลังงานนี้แฝงอยู่ในทุกสิ่งเป็นทั้งเสน่ห์เมตตา เรียกลาภทั้งกันคุณไสยสารพัดจะใช้สุดแล้วแต่ปรารถนา ท่านใส่ผงนี้ลงไปด้วย ท่านว่าเวลามีคนจะกระทำย่ำยีเรา หรือจะทำของใส่เรา ใช้อาคมเวทย์มนต์ข่มเรา ของมาถึงเจอผงนี้หลุดกระจุยทั้งหมดทำอะไรไม่ได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าเรานั่งลบจนเทพเทวานางฟ้าเขาสมสู่กันเพราะโดนฤทธิ์ของผงนี้จึงถือว่าสำเร็จ


    ท่านได้นำผงต่างๆที่แรงและมีอำนาจเป็นกฤติยาคมแฝดเหล่านี้มาผสมด้วยผงสกุลเศรษฐีที่ท่านเก็บเอาไว้ทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้าโปรดสัตว์ ผงพระสีวลีให้ลาภ ผงพระสังกัจจายน์อุดมลาภ ผงเศรษฐีทศชาติ ผงจินดามณี ผงพระโพธิสัตว์เป็นพ่อค้า ผงเศรษฐีค้าสำเภา ผงต่อลาภเร่งวาสนา ผงบันดาลโชค ผงเงินไหลมา ท่านว่าสมัยนี้จะทำของดีต้องเอาให้ครบเครื่องเน้นให้หนักทั้งเสน่ห์ ทั้งการงาน โชคลาภ วาสนา ทุกอย่างต้องไปพร้อมกันจึงจะเกิดยอดคนขึ้นมาได้

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงวิเศษมาผสมกันขึ้นรูปกดพิมพ์เพียรทำไปทีละองค์ ท่านว่าการสร้างท้าวพันตานั้น ไม่ใช่ว่ากดแล้วจะเสร็จเลย ท่านต้องนั่งปั้นเศียรพระค่อยๆต่อเติมลงไปด้วยกว่าจะสำเร็จนั้นจึงไม่ง่ายเลยด้วยต้องตำผงทีละครก ใช้ผงพอประมาณให้กดพระได้หนึ่งองค์ ปั้นไปแต่งไปเช่นนั้น

    ท่านได้นำของกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ในตัวเองชนิดหนึ่งมาโรยไว้ที่พระผงท้าวพันตานี้ นั่นคือผงตะไบท้าวพันตา พญาพันวัง ด้วยถือคติว่ามีชื่อเดียวกัน มีอานุภาพเสมอกัน ไม่มีอะไรมีตามากเท่าแหซึ่งมีตาเป็นหมื่นตา จึงได้ชื่อว่า "ท้าวพันตา" ส่วนพญาพันวังนั้นก็ถือว่าวังคือหนองน้ำ แหหนึ่งปากไปคลุมวังได้เป็นพันวัง พันๆ หนองน้ำแหปากเดียวมีค่าเช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านได้นำแหที่ผ่านการใช้งานมาเสกเป็น "แหอาคม" วิชาชั้นยอดที่ใช้คลุมได้ครอบรอบหมดไม่มีอะไรหลุดรอด ท่านว่าแหอาคมนี้ตามแต่ใจและมโนนึกคิด จะดักจะปรารถนาอะไรก็ให้นึกเอาว่าสิ่งนั้นโดนแหคลุมไว้ อยากได้อะไรจะทำอะไรก็เร่งทำเถิด พ่ออาจารย์ท่านว่าแหอาคมคลุมแล้วไม่มีรอดซักราย ท่านนำแหอาคมนี้มาเผาไฟเข้ากันกับผงที่ใช้สร้างท้าวพันตา และนำตะกั่วตีนแหมาตะไบใส่ท้าวพันด้วย

    ด้วยแหอาคมนั้น นอกจากจะใช้ดักและเหวี่ยงครอบสิ่งที่เราอยากจับแล้ว ท่านว่ายังใช้สะกดและข่มอาถรรพ์ได้อีกด้วยทั้งถอดถอนและขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ทำให้เกิดสิริมงคลทดแทนขึ้นมาได้ ท่านว่าที่เอาแหอาคมทำเป็นผงผสมไปด้วยนั้นก็เพื่อจะแก้อาถรรพ์กันอันตรายในตัวคนใช้ ไม่ว่าจากสถานที่ต่างๆซึ่งในวันหนึ่งๆเราต้องเดินต้องเดินทางไปทำกิจการทั้งหลาย อาถรรพ์จากดวงวิญญาณและพลังงานลึกลับก็ดี อาถรรพ์ต่างๆที่สร้างความแตกแยก อาถรรพ์ในอาชีพที่กระทำ ในที่อยู่อาศัย ในพื้นแผ่นดิน ท่านว่าอาถรรพ์ทั้งหลายย่อมไม่เกิดขึ้นกับเราเลยด้วยท้าวพันตาท่านใช้แหอาคมครอบคลุมร่างกายสะกดกันอาถรรพ์ สิ่งชั่วร้ายและอัปมงคลทั้งปวงไว้หมดแล้ว

    ท้าวพันตามีตานับพันถือคติว่าท่านรู้หมดคือว่ารู้เงินทองโชคลาภอยู่ที่ไหน รู้ว่าเราอยากได้ปรารถนาสิ่งใด ใจเราต้องการอะไร รู้ทั้งร้อยทั้งพันและมีกำลังมากกว่าร้อยพันที่จะทำให้ความปรารถนาเราสำเร็จ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้เข้าไปที่ไหนที่นั่นมั่งมีและยังสมบูรณ์ทั้งหมดทั้งอาหารการกินการบริโภคอุดมสมบูรณ์ โชคลาภไม่ขาดมือ หากินเก่ง หากินคล่อง ไม่อดอยาก มีกินตลอด เงินทองมาทางไหนต้องดักให้หมดให้ได้ทุกทางอย่าให้เหลือหลุดลอดไปได้ ท่านว่าตัวเราคนใช้จะกินอะไรก็ขอเอาเอง พระผงนี้นอกจากมีอานุภาพทางด้านเจริญรุ่งเรือง หากินคล่องเงินทองไม่ขาด ด้วยท่านนำแหอาคมทำเป็นมวลสารแล้ว นอกจากนี้ท่านว่าคนใช้เขาอยู่ตรงไหนเหยื่อก็ติดแหได้ง่ายขึ้นอยู่ที่ว่าเค้าอยากได้อะไรเป็นเหยื่อ ไปที่ไหนก็มีเงินไหลมาเทมาเข้าแล้วไม่ออกเพราะแหนั้นดักและปิดทั้งหมด

    ด้านหลังท่านฝังลูกอมท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารไว้ ท่านว่าจะมีอะไรมั่งคั่งสมบูรณ์เท่ากับคลังหลวงในพระราชวังอันยิ่งใหญ่ย่อมไม่มีอีกแล้ว ลูกอมนี้ท่านเอาดินท้องพระคลังพระเจ้าพิมพิสารมาปั้นเข้ากับผงคตและแร่วิเศษต่างๆตำรับหลวงปู่เฒ่ายิ้มที่ท่านเสกเก็บไว้ ท่านว่าลูกอมนี้เชื่อขนมกินได้เลย อุปมาเหมือนคนไร้ทุนซึ่งสมัยนี้คนไม่มีทุนไม่มีปัจจัยสะสมไว้มีอยู่มาก เรียกว่าคนไม่มีความพร้อมเช่นนั้นก็ได้ ท่านว่าอย่าว่าแต่คนไม่มีทุนเลย แม้คนที่ไม่มีอะไรเหลือแล้วยังมีกินขึ้นมาได้ ดังนั้นแม้ไม่มีทุนไปแต่ตัวก็ต้องได้ของดีกลับบ้านแน่นอนยิ่งกว่าแช่แป้ง หรือที่พูดกันว่าไปแต่ตัวแต่ต้องเจริญขึ้นจนกลับบ้านเช่นนี้

    นอกจากนั้นยังมีปลาที่เป็นสื่อตัวแทนของโชคลาภวาสนาใหญ่โตต่อเนื่องไม่ขาดตอนที่พ่ออาจารย์ท่านลงเสกด้วยวิชาตะเพียนเงินตะเพียนทองตามตำรับหลวงพ่อจงไว้ด้วย วิชาเสกปลานี้ท่านว่าเหมือนมีโชคลาภชอนไชเข้ามาในชีวิต คนที่ไม่มีดวงทางการเสี่ยงโชค ซื้อให้ตายก้ไม่ถูกเล่นยังไงก็เจ๊ง ท่านว่านี่ดีคบหมดเลย เป็นมหาอุดมอย่างมากท่านว่าบอกได้เท่านี้นะ

    พ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกให้เต็มที่ท่านว่าเสกจนเต็ม จนเสกไม่เข้า และนำมาอธิษฐานจิตเสกปิดในฤกษ์จันทรคราสที่ร้อยปีนับจากนี้ก็ไม่มีจันทรคราสเช่นนี้อีก ด้วยถือเป็นมงคลเอาฤกษ์เอาชัยว่าคนที่ได้ไปชีวิตจะได้เหมือนจันทร์เต็มดวงที่ผุดเกิดขึ้นมาใหม่บนท้องฟ้าที่มืดดับ

    คาถาบูชา
    เอหิจิตตัง มหาจิตตัง พ่อปู่ท้าวพันตาอยู่หรือยัง(ให้ตอบเองในใจว่าอยู่) หากอยู่แล้วจงมากับลูก ไปช่วยลูกปราบทุกข์เข็ญ นะชาลิติ พุทธัง ลาภาคะยะ อุดเถหิมะมา ชัยยะลาโภ จะ มหาลาโภ ภวันตุเม มิเตพาหุหะติ(อธิษฐานได้ทุกสิ่ง)


    * พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาท้าวพันตาแบบเต็มวิชานี้ท่านจะทำให้ครั้งเดียวเพราะสร้างยากทำยาก และต้องเน้นพุทธคุณหนักแน่นไปทางโชคลาภ เสน่หา ทั้งยังเปิดวาสนาเป็นทุนรอนให้ชีวิตคน ท่านว่าของเช่นนี้พันปีก่อนมีอย่างไร วันนี้เราทำไว้ให้แล้วให้ดีครบดุจของเก่า และเชื่อว่าอีกร้อยปี พันปี ถึงจะมีก็ไม่สมบูรณ์เช่นนี้อีก

    ร่วมทำบุญบูชา พ่อขุนจักรพรรดิท้าวพันตาวาสนาครองฟ้าดิน(ผงเศรษฐีพันวิมานสหัสโยนี) บูชา 2,500 บาท


     
  11. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ตอบ PM ครบนะครับ ท้าวพันตานี่คนมีตาในเค้าว่าองค์หนึ่งเหมือนมีพยนต์นับร้อยนับพันพระอะไรยังกับยกมาเป็นกองทัพ อันนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าพ่ออาจารย์ท่านนั่งปั้นไปเรียกจิตไปค่อยๆทำของท่านไป ถึงบอกว่าแรงและใช้ดูจะรู้ว่ามีประสบการณ์เร็วมากแน่นอนเพราะตัวช่วยมันเยอะ
     
  12. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันพรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันต่อนะครับ;)
     
  13. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้เดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกันต่อ ใครจะฝากคำถามอะไรก็ Pm ไว้นะครับ
     
  14. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    การปฏิบัติตนในวันเข้าพรรษา
    แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญ รักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน

    พุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวาย พระภิกษุ สามเณรที่ตนเคารพนับถือ หรือมีการช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ

    พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น

    มีประเพณีที่สำคัญและสืบทอดกัน เรื่อยมา ก็คือ ประเพณีหล่อเทียนพรรษา สำหรับให้พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ได้จุดบูชาพระประธานในโบสถ์ซึ่งเทียนพรรษาสามารถอยู่ได้ตลอด 3 เดือน และเป็นกุศลทานอย่างหนึ่งในการให้ทานด้วยแสงสว่างอีกทั้งมีการ"ประกวดเทียนพรรษา" ของแต่ละจังหวัดโดยจัดเป็นขบวนแห่ทั้งทางบกและทางน้ำ

     
  15. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีเล่าประสบการณ์พระขรรค์เข้ามาแล้ว หลายๆคนที่ได้รับของแล้วบอกว่าคุ้มมาก ท่านจารซะเต็มเห็นแล้วขนลุกเลย รายการนี้บอกแล้วว่าคุ้มท่านจารให้สุดๆทุกเล่ม;)
     
  16. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ติดตามพูดคุยกันวันพรุ่งนี้นะครับ ที่แชร์ประสบการณ์พระขรรค๋มาเดี๋ยวจะยกมาเล่า ;)
     
  17. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    - อรุณสวัสดิ์ครับ

    เกี่ยวกับเรื่องพระขรรค์นั้นก็มีเรื่องมาให้พูดคุยกันเพราะมีคนแชร์ประสบการณ์ไว้ อย่างที่บอกไปแล้วว่าพระขรรค์ของพ่ออาจารย์ท่านแรงนะ ไม่ใช่เฉพาะกับพวกผี แต่กับเทพกับเทวดาเกเรไม่อยู่ในทำนองคลองธรรมเขาก็กลัวฤทธิ์ของพระขรรค์นี้

    ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่แชร์มา พี่ท่านนี้บอกว่าน้องชายของตนนั้นได้ไปหาหมอทรงคนหนึ่ง ตอนแรกเพื่อนพาไปแค่จะให้ดูดวงเฉยๆนี่แหละ แต่เขากลับทักมาว่ามีองค์ ...แล้วก็ต้องเพียรไปหาเขาหลายๆครั้งจนเกินเลยไปถึงขนาดไปรับขันครู รับองค์มาบูชา

    ในความรู้สึกของพี่เขา พี่เขาว่าไม่น่าจะใช่ มันไม่ใช่เทวดาแน่เลยเพราะสังเกตุหลายๆครั้งเวลาน้องลงดูแล้วน้องไม่มีสง่าราศีเลย พอผ่านมาหลายๆทีตาน้องก็ดำร่างกายซูบผอม ดูไปดูมาคล้ายคนโดนของมากกว่าเจ้าประทับแล้วพอเดินเข้าไปใกล้ๆขันที่รับมาก็รู้สึกเหม็นสาปสางเหมือนของเน่า

    ในช่วงนี้ก็พอดีกับได้พระขรรค์ไป พี่เขาจึงอธิษฐานกับเทวดาที่รักษาพระขรรค์ว่าหากไม่ใช่องค์เป็นภูติผีก็ดี เป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิก็ดีหรือเทวดาที่ไม่ให้คุณทำให้เกิดความวิบัติก็ดี ขอให้พระขรรค์นี้ขับออกไปให้พ้นบ้านพ้นเรือน ให้ออกไปนอกกำแพงจักรวาลกลับมาไม่ได้อีก

    พี่เค้าว่าพออธิษฐานแล้วก็นำพระขรรค์แอบเข้าห้องน้อง เอาพระขรรค์ไปหย่อนไว้ในขันธ์ครูเขา(ข้อดีของมีดจิ๋วจริงๆ ถ้าเล่มใหญ่น้องคงสังเกตุหรือรู้ตัวแล้ว) ผลปรากฏว่าสองสามวันมานี้น้องหน้าตาดูมีสง่าราศีมากขึ้น ขอบตาไม่ดำ ร่างกายเหมือนมีเนื้อกลับมาอ้วนสมบูรณ์ขึ้นทันตา และเหนือสิ่งอื่นใดเลย เขาว่าไม่มีเจ้ามาประทับ เชิญองค์ไม่ลงแล้ว

    * ตรงนี้เค้าจึงว่าพระขรรค์พ่ออาจารย์ปราบเทวดาหรือเจ้าประทับทรงได้ ก็ลงไว้เป้นข้อคิดให้พิจารณากันเพราะสมัยนี้หลายคนไปหาร่างทรง โดนทักว่ามีองค์ต่างๆ โดนหลอกให้รับขันธ์ และหลายๆครั้งขันธ์ที่รับกลับโดนเจ้าเก๊ปล่อยคุณ ปล่อยของ ปล่อยผีมาแทรกแซง ขันธ์ที่สมควรบูชากลับไม่ใช่องค์เทพ องค์พรหม หากแต่ไปหลงบูชาผีเป็นอันตรายที่มีให้เห็นกันทั่วไป

     
  18. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    สองวันนี้มีแต่คนถามหาครุฑกับสมเด็จองค์ปฐมมาเยอะจัง เดี๋ยวไว้จะกลับมาแจ้งนะครับ
     
  19. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ ใครที่ถามหาองค์ครุฑเข้ามา ขอแบบที่ไม่หนักหลักร้อยพอเช่าได้ อันนี้ก็ติดตามกันดีๆนะมีหนเดียวแน่นอน
     
  20. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,108
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่นวรัตน์ EV 4401 6272 2 TH

    พี่กรธัช EV 4401 6273 6 TH

    พี่นฤชา EV 4401 6274 0 TH

    พี่ภิญโญ EV 4401 6275 3 TH

    พี่กฤตยชญ์ EV 4401 6276 7 TH

    พี่บุญชนะ EV 4401 6277 5 TH

    พี่ศิระ EV 4401 6278 4 TH

    พี่ศิวเสกข์ EV 4401 6279 8 TH

    พี่วิระพัฒน์ EV 4401 6280 7 TH

    พี่แมน EV 4401 6281 5 TH
     

แชร์หน้านี้