ร่วมทำบุญบูชา ยอดทิพย์บรมพรหมบิดรเข้าแกนอาถรรพ์(สิทธิมงคลถือขึ้นปราศเงื่อนไข) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทอง(น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา)

    สืบเนื่องจากที่มีหลายคนสอบถามถึงครูพระเพชรของท่านเข้ามามาก เพราะมีประสบการณ์แรงใช้ได้จริง อีกทั้งบางคนยังนำไปบำบัดรักษาโรคภัยจนมีร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดีขึ้น ทั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทองขึ้นมา โดยความตั้งใจเดิมของท่านคืออยากจะทำให้คนใช้มีเครื่องมงคลที่สามารถใช้ลงอาถรรพ์วิชาแก่ตัวเขาเองได้ด้วยตนเอง

    ดังนั้นท่านจึงทำตะกรุดวิชาพระเพชรพญาธรหน้าทองซึ่งมีอุปเท่ห์และคุณวิเศษอย่างใหญ่หลวงขึ้นมา พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าตะกรุดนี้ท่านตั้งใจจะให้ใช้ด้วยตนเอง เพียงแค่พกพาหรือใช้ตามอุปเท่ห์ก็มีคุณวิเศษเสียยิ่งกว่าไปลงนะหน้าทอง หรือครอบครูพระลักษณ์หน้าทองทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดสำคัญของท่านนี้เพียงเอามาตั้งจิตอธิษฐานวนบนใบหน้า ทำหนไหนวันใดก็ตามเสมือนได้ครอบครูพระเพชรพญาธรหน้าทองในวันนั้น ตรงนี้ท่านว่าการครอบครูนั้นอาจจะเสื่อมอาจจะถอยและสูญเสียสิริมงคลได้ เนื่องจากคนที่ครอบไม่รักษาคุณความดี ท่านจึงได้สร้างตะกรุดครูสายเสน่ห์ขึ้นสำหรับคนที่เล่นหรือใช้ของด้านเสน่ห์ทั้งหลาย จะได้ครอบได้ใช้ให้ครูอยู่กับเราได้ตลอดเวลา ท่านว่าจะวนวันละกี่หนก็ได้ให้ตั้งจิตดีๆ เพราะครูเพชรนอกจากเป็นเสน่ห์แล้ว หากสถิตย์กับตัวผู้ใด ยังกินพลังงานด้านลบต่างๆ กินเชื้อโรคและอวิชชา ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งแข็งแรงยิ่งๆขึ้นอีกด้วย ยิ่งวนก็เหมือนยิ่งครอบ ทำให้ร่างกายเราสะอาดบริสุทธิ์ ตรงนี้ท่านว่าทำบ่อยๆยิ่งดีเพราะพลังงานครูจะเข้าทดแทนพลังงานด้านลบและซ่อมแซมพลังงานและสิ่งสึกหรอต่างๆใช้กายสิทธิ์ทำให้ร่างกายเราเป็นกายสิทธิ์


    ท่านว่าพระเพชรของท่านนั้นยิ่งคนใช้มีเคราะห์กรรมเท่าไหร่ยิ่งมีฤทธิ์แรงมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเอาติดตัวไว้ได้นานเท่าไหร่ ยิ่งมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าเค้ากินพิษ กินเคราะห์กรรม กินคุณไสยฝ่ายต่ำ กินตะกอนเวรกรรมและสิ่งที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราเป็นอาหาร รวมไปถึงอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลาย นี่เห็นหรือไม่ ท่านว่าเค้ากินหมดอะไรที่ว่าไม่ดีไม่งามในตัวเรา เค้ากินไปก็ยิ่งเพิ่มฤทธิ์ให้กับเค้า มันจึงเข้าทำนองว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน เค้าก็อยากจะช่วยเรากินมากๆเพื่อเพิ่มฤทธิ์ให้ตัวเองเรียกว่าเสพย์เพื่อฤทธานุภาพ ส่วนตัวเรานั้นเมื่อพระเพชรเสพย์สิ่งปฏิกูลทั้งหลายในตัวเราออกไปแล้วเราก็จะดูอ่อนกว่าวัยกลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดขึ้นมาทันตาเห็น พอสิ่งอาถรรพ์ทั้งหลายหมดไปเรื่องดีๆมันก็จะตามเข้ามาไม่รู้จักหมด ท่านว่าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรเลี้ยงเค้าเอาแค่ว่าตราบใดยังอยู่ในกฏแห่งกรรมยังโดนดาวบาปเคราะห์จรทับตามวาระอยู่พูดง่ายๆตราบที่ยังหายใจเป็นมนุษย์อยู่ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรให้เค้ากิน


    พระเพชรของท่านนั้นท่านว่ามันแปลกและดีเช่นนี้ ท่านว่าพระเพชรนั้นเก่งเหมือนกับเทวดาองค์หนึ่งเลยแต่เค้าสามารถทำอะไรทั้งหลายที่เค้าประสงค์ได้มากกว่าเทวดา และตัวเค้านั้นยังมีความรู้ครอบคลุมในทุกศาสตร์วิชาทั้งสิบแปดศาสตร์ หากจะพูดถึงวิชาเพชรพญาธรแท้ๆแบบไม่ใช่ของเล่นนั้น ท่านว่าให้คุณมากและเป็นสรรพวิทยาการที่ตกทอดมาแต่โบราณ ดังนั้นท่านว่าถ้าจะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด และพระเพชรของท่านนั้นต้องชุบให้ไม่มีจิตมารจึงจะใช้ได้ ท่านว่าเพชรพญาธรนั้นมีสี่จำพวก ซึ่งแต่ละจำพวกก็จะมีวรรณะและฤทธิ์แตกต่างกันไป ตั้งแต่ระดับต่ำที่มีร่างกายสีทองแดง สูงขึ้นมาหน่อยก็เป็นสีเงิน และสีทอง ตลอดจนกายศักดิ์สิทธิ์หรือเนื้อสีผิวกายสิทธิ์ ซึ่งยิ่งมีระดับสูงกว่าก็ยิ่งมีฤทธิ์มากกว่าและสามารถเสพย์หรือกินชั้นที่ต่ำกว่าตนเองหนึ่งขั้นได้ พ่ออาจารย์ท่านสำเร็จวิชาพระเพชรกายสิทธิ์ ท่านว่าพระเพชรกายสิทธิ์หน้าทองนี่แหละเป็นเสน่ห์ที่สุดแค่เห็นหน้าก็อ่อนระทวยลืมเลือนทุกสิ่ง


    เมื่อท่านลงวิชาสร้างตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทองขึ้นมานั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านไม่ได้ทำเพียงแค่วิชาครูเสน่ห์ หรือลงเฉพาะวิชาพระเพชรอย่างเดียว แต่ตะกรุดดอกนี้ท่านยังลงวิชาให้เสริมราศี เสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชาด้วย ตรงนี้สำคัญมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าสิริและสง่าราศีนี้เหมือนเป็นของขวัญจากฟ้าใครมีนับว่าเป็นยอดคน จะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งดึงดูดนำมาซึ่งชีวตที่ดี ทำให้มีโชคชะตาดี มีวาสนาที่ดี ในขณะที่พระเพชรดูดซับเชื้อโรคและพลังงานลบออกจากร่างกายครั้งนี้ท่านก็ลงมหาสิริไว้ด้วยซึ่งวิชานี้จะดึงดูดเติมเต็มพลังงานด้านบวกเข้าไปแทนที่ ด้านนึงดูดซึมพลังงานลบอีกด้านหนึ่งดูดเพื่อทดแทนพลังงานบวกเติมเต็มซึ่งกันและกันท่านจึงลงวิชาเสริมราศีและสิริมงคลที่เรียกว่ามหาสิริ ดังนั้นตะกรุดพระเพชรนี้จึงมีคุณวิเศษยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนำมาใช้วนหน้าครอบครูเสริมเสน่ห์แล้วยังใช้ทางด้านอื่นๆได้อีกด้วย


    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ว่าขอให้ผู้พกติดตัวนั้นใช้ให้เป็นจะมีอานุภาพมาก ท่านว่าเมื่อได้ไปให้อาราธนาบูชาไว้ที่เอว และคราวใดจะใช้จึงให้นำขึ้นมาระลึกถึงครูเพชรพญาธรเสร็จแล้วก็นำมาวนใบหน้า เมื่อวนเสร็จแล้วก็ให้นำกลับไปที่เอวตามเดิมตะกรุดเมื่ออยู่ตรงเอวนั้นก็จะเกาะกินดูดซับเคราะห์ตลอดจนทุกข์โศกโรคภัยของเรา นอกจากนี้ท่านว่าหากปรารถนาจะทำกิจใดก็ดีให้สำเร็จ เรียกว่าเอาให้ได้เรื่อง ไปทำอะไรแล้วได้โชคได้ชัยกลับมา ไม่พบกับความผิดหวัง พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ดูเวลา สำหรับกิจที่จะทำนั้น ตรงนี้สำคัญมากท่านว่าวันหนึ่งใช้ได้หลายรอบ ใช้ได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องงานเพราะปกติวิสัยมนุษย์นั้นวันๆย่อมเจอปัญหาและมีสิ่งที่ปรารถนาที่ต้องทำอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเสนห์เพศตรงข้าม การเข้าหาผู้ใหญ่ ทุกสิ่งที่ยังต้องลุ้นยังไม่ประสบความสำเร็จ ยังไม่ได้ชัยชนะ โชคชะตายังไม่เข้าข้าง ท่านว่าให้อาราธนาตะกรุดนี้แล้วดูเวลา ขอเพียงรู้วิธีใช้และดูเวลาเป็นเท่านั้นเราจะไปทำกิจนั้นๆเวลาใดด้วยอานุภาพของมหาสิริตัวนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าให้เราอาราธนาตะกรุดในเวลานั้นๆแล้วเอาไปวนส่วนต่างๆดังนี้

    1. เมื่อจะทำกิจต่างๆเวลาเช้าถึงก่อนเที่ยงก็ดี ให้อธิษฐานขอความสำเร็จแล้วนำตะกรุดวนใบหน้า
    2. เมื่อจะทำกิจต่างๆตั้งแต่เที่ยงจนถึงหกโมงเย็น ท่านว่าให้อธิษฐานแล้วนำตะกรุดวนบริเวณอก
    3. เมื่อจะทำกิจต่างๆหลังหกโมงเย็นลงไปจนถึงหกโมงเช้า ท่านว่าให้อธิษฐานแล้วจรดตะกรุดที่หน้าผากลากลงมาจรดปลายเท้า

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเคล็ดเหล่านี้สำคัญมากสำหรับคนบูชา ถ้าทำได้ตามนี้จะทำอะไรก็ตามย่อมสำเร็จ ซ้ำยังพ้นออก นำออก จากความอัปรีย์จัญไรทั้งปวงอีกด้วย

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงอาถรรพ์วิชาปลุกเสกตะกรุดดีแล้ว ภายหลังมีผู้นำผงชมพูนุช ที่ได้จากการแตกหักของพระผงชมพูนุชหลวงปู่หมุนมามอบให้ท่านจำนวนหนึ่ง ซึ่งผงชมพูนุชนี้ท่านว่าเป็นผงที่แรงทางด้านเมตตามหาเสน่ห์อย่างมากถึงขนาดพระเณรที่เอาไปใช้ต่างเข้าใกล้สีกาไม่ได้เพราะจะเป็นสังฆาทิเสสกันหมด ใครได้ลองเป็นอันสึกแทบทุกราย โดยได้จัดสร้างตามตำรามีการผสมมวลสารโดยตำรับผงชมพูนุชซึ่งสืบทอดมาจากปู่คำแห่งอำเภอสวรรคโลก กรุงสุโขทัยนอกจากนี้ในผงชมพูนุชนี้ยังมีผสมผงพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์และมวลสารอื่นๆอีกมากตามบันทึกไว้ ได้แก่

      • ผงสมเด็จที่ชำรุดของหลวงปุ่นาค (พระเทพสิทธินายก) วัดระฆัง
      • ผงพุทธคุณ ๑๐๘ จากอาจาย์ทั่วประเทศ ได้ทำพิธีที่วัดเบญจมบพิตร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙
      • ผงจินดามณีของหลวงพ่อเพิ่ม (พระพุทธวิธีนายก) วัดกลางบางแก้ว
      • ผงมหาราช ผงอิทธิเจ หลวงพ่อเนตร วัดตุ๊กตา จ.นครปฐม
      • ผงตรีนิสิงเห ผงปถมัง ของอดีตเจ้าอาวาสวัดปริยายก กทม.
      • ผงอิทธิเจ ของหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง
      • ผงของหลวงปุ่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม
      • ผงโลกธาตุ พลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้มาเมื่อปี ๒๕๓๑
      • ผงรัตนมาลาของหลวงพ่อสละ เถรปญโญ วัดประดูทรงธรรม
      • ผงอิจธิเจ ของหลวงพ่อผล วัดคลองจันทร์ จ.อุทัยธานี ได้มาเมื่อปี ๒๕๒๔
      • ผงตรีนิสิงเห ของหลวงพ่อพรหม แห่งวัดขนอนเหนือ จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙
      • ผงพุทธคุณ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙
      • ผงปถมัง หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔
      • ผงไตรรัตน์ กับพงอาการ ๓๒ ของหลวงพ่อชื่น วัดญาณเสน จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓
      • ผงพุทธคุณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
      • ผงโสฬสมงคล ของหลวงพ่อถก จ.กาญจนบุรี ได้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐
      • ผงพรายกุมาร หลวงพ่อทิม อิสรโก วัดระหารไร่ ได้เมื่อปี ๒๕๑๙
      • ผงพุทธคุณของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท
      • ผงนางดาราฯ จ.นครศรีธรรมราช
      • แร่ปรอททองคำ ได้จากผู้เฒ่าที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘
      • ผงดินกากยายักษ์และผงว่าน ๑๐๘ จากจังหวัด นครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๒๘
      • ผงพุทธคุณของหลวงพ่อคง ธมมโชโต วัดบางกระพ้อม
      • ผงงากำจักกำจาย ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ณ ที่เขาใหญ่
      • ผงมหาราชของหลวงพ่อหยิบ วัดหน้าพระเมรุ จ.อยุธยา
      • ผงพราวดี มีอายุเป็นพันปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑
      • ผงจากกรุวัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ
      • ผงของหลวงพ่อบุญสิน วัดปลายคลองพลิ้ว จ.จันทรบุรี ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑
      • ผงพุทธคุณของหลวงพ่อชม วัดอินทาราม จ.ชัยนาท
      • ผงเมาลี ของหลวงพ่อโต วัดอินทรารามมหาวิหาร กรุงเทพฯ
      • ผงของหลวงพ่อเปี่ยว วัดเกาะหลัก ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓
      • ผงพุทธคุณหลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ จ.ชัยนาท
      • ผงของหลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี
      • ผงของหลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
      • แป้งเสกของหลวงปู่บุดดา วัดกลางเจริญศรี จ.สิงห์บุรี และผงยาเส้นของหลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ รวมทั้งผงจากวัดอื่นๆ เกจิอาจารย์ทั้งหลายจนครบ ๓๕๐ อาจารย์
    พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงชมพูนุชหลวงปู่หมุนนั้น จับกรอกใส่ไว้ในตะกรุด ท่านว่าใช้ให้ดีอย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา ตะกรุดนี้ก็ดีอย่างหนึ่ง ผงนี้ก็ดีในตัวเองอย่างหนึ่ง เมื่อนำมารวมกันจึงเป็นยอดของอิทธิวัตถุที่มีพลังเยือกเย็นรุนแรงทางเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างมาก นอกจากนี้ท่านยังนำสีผึ้งเก่าครูเขมรของท่านมาอุดปิดผนึกตะกรุดทั้งหน้าหลังอีกด้วย ท่านว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แม้เอาไปพกเฉยๆสำหรับคนที่ใช้ไม่เป็นวนหน้าไม่ถูก ก็ยังยอดขลัง ท่านกำชับและย้ำหนักหนาเรื่องผิดลูกผิดเมียคนอื่นว่าไม่ควรทำ

    คาถาบูชา

    โอมพระเพชรพญาธร เธอเสด็จจรขึ้นบนอากาศ กูจะตวาดเรียกให้มึงมา โอมปลุกมหาปลุกกูจะปลุกมึงให้ลุก ลุกแล้วอย่านั่ง เจ้าครูกูสั่งให้มึงไปเรียกไปหา กูจะเรียกมึงมา กูจะใช้มึงไปหา.......(พูดสิ่งที่เราปรารถนา)...มาให้กับกู มาเรโสเอหิพุทธานุภาเวนะ มาเรโสเอหิธัมมานุภาเวนะ มาเรโสเอหิสังฆานุภาเวนะเอหิ

    น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา
    พ่ออาจารย์ท่านสร้างน้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาขึ้นตามขั้นตอนของพระเวย์และวิชาศักดิ์สิทธิ์ ท่านว่าเป็นน้ำมันพรายที่มีอิทธิคุณแรงเหมือนน้ำมันพรายทุกอย่างแต่ไม่มีส่วนผสมของซากสิ่งมีชีวิตใดๆเลยนั่นเอง

    เมื่อจะสำเร็จน้ำมันพรายของท่านนั้น ท่านไม่ทำเหมือนที่อื่นที่ต้องใช้ซากศพน้ำเลือดน้ำหนอง เพราะเกรงแรงอาถรรพ์ภูติผีวิญญาณจะเล่นงานคนใช้ ท่านจึงนำน้ำมันว่านเสน่ห์ทั้งดอกทองและเสน่ห์จันทร์ของท่านมาผสมสิ่งที่มีอาถรรพ์รุนแรงทางเสน่ห์อื่นเช่นน้ำมันช้างผสมโขลง และน้ำตาปลาพะยูนซึ่งต้องได้มาตรงตามตำราไม่ใช่การไปบังคับเอาจากสัตว์เหล่านั้น ท่านว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นท่านจึงหุงน้ำมัน โดยเพิ่มเติมหัวน้ำหอมเข้าไปด้วย เพื่อให้มีกลิ่นหอมง่ายต่อการนำใช้อาราธนาบูชา

    น้ำมันนี้ท่านว่าแรกเริ่มมันก็เป็นเพียงน้ำมันว่าน การจะทำให้น้ำมันว่านเป็นน้ำมันพรายนั้น ท่านว่าไม่ยากเลย เพราะท่านมีครูเทพที่เก่งที่สุดในโลก นั่นคือครูพระสยม พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมนั้นมีปางหนึ่งที่เรียกว่าองค์ภูเตศวร เป็นเจ้าแห่งมหาภูติ เหล่าวิญญาณและอสุรกายทั้งปวง
    เมื่อท่านจะอธิษฐานน้ำมันนี้ ท่านจึงขอบารมีครูพระสยมในปางองค์ภูเตศวร ให้ช่วยสำเร็จน้ำมันด้วย โดยใช้อำนาจของมหาภูติบริวารทั้งหลายซึ่งมีศักดิ์ใหญ่และมีอำนาจเหนือจิตวิญญาณเหนือภูติผีทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าเอาจริงๆเลย มหาภูติทั้งหลายใต้การบัญชาขององค์ภูเตศวรนั้น ล้วนแต่มีฤทธิ์อำนาจมากขนาดเทวดายังกลัวเสียด้วยซ้ำ น้ำมันนี้ถ้าจะให้เรียกให้ถูกจึงควรเรียกว่าน้ำมันพรายมหาภูติ

    ท่านว่าน้ำมันนี้เป็นของมีฤทธิ์ จะดีอย่างไรเอาไปใช้เองเดี๋ยวก็รู้ แต่เวลาใช้อย่าใช้จนหมด ท่านว่าให้เหลือเอาไว้นิดหน่อยเพื่อเป็นเชื้อเป็นชนวน ก่อนจะหมดก็ให้ไปซื้อน้ำมันแก้วน้ำมันจันทร์มาเทผสมให้เต็มเหมือนเดิม จากนั้นจุดธูปหรือกำยานอธิษฐานขอบารมีบอกกล่าวองค์ภูเตศวรช่วยสำเร็จน้ำมันเสียคืนหนึ่งแล้ววางทิ้งไว้ ท่านว่าเท่านี้ก็มีอำนาจใช้ได้ดุจเดิมเหมือนกัน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้เจิมหน้าเจิมตา ทาปากอะไรก็ได้ เพราะเนื้อแท้แล้วคือน้ำมันว่านจึงมีแต่คุณไม่เข้าตัว *ท่านว่าให้จำไว้ให้ชัดว่าน้ำมันนี้ให้ใช้กับตัวเองเพื่อเสน่ห์เมตตาการเจรจาเท่านั้นอย่าเอาไปดีดใส่ใครเค้าเล่นๆ เพราะมีคุณเสมอน้ำมันพรายนั่นทีเดียว ท่านเคยนำใส่ขวดเล็กๆแจกไปสี่ห้าขวด คนใช้เป็นนำไปทาหน้าถูมือหยิบรวยเอาๆ หยิบจับอะไรก็ดีไปหมด ชีวิตดีดการงานรุ่ง แต่ก็มีคนเอาไปใช้ผิดวิธีเอาไปใช้กันแต่เรื่องเสื่อมทรามต้องลำบากมาขอน้ำมนต์จากท่านให้ล้างของถอนวิชาออกให้ ท่านจึงเสกเก็บยาวไม่นำออกมาแจกอีก

    ในคราวนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่พ่ออาจารย์ท่านนำมาให้บูชาควบคู่ไปกับตะกรุด โดยท่านได้นำน้ำมันพรายมหาภูติที่อธิษฐานจิตไว้นี้มาเชิญบารมีเทพนางจันทร์ซึ่งเป็นอัปสรบริวารของพระแม่ลักษมีอีกคำรบหนึ่งด้วย น้ำมันนี้ท่านจึงเรียกว่าน้ำมันพรายนางจันทร์บังเงา ท่านว่าเทพนางจันทร์นั้นดีทางมหาเมตตาใหญ่ไปไหนมีแต่คนรักซ้ำยังเปิดดวงการเงินและโชคลาภด้วยท่านว่าเขาทาแล้วจะได้รวยได้ทรัพย์ วันไหนอยากรับทรัพย์ก็นำไปทาฝ่ามือแล้วถูๆเอา นอกจากนี้ท่านยังได้ใส่ว่านเสน่ห์ต่างๆลงไปในขวดน้ำมัน ตลอดจนจารตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหาบรรจุไว้ด้วย ท่านว่าอธิษฐานเอาว่าเราต้องการให้เพศไหนเข้าหา เข้ามารักเมตตาเรา ตะกรุดนี้จะเหมือนสื่อรักช่วยให้เขามาพบเราเมตตาเราสมความปรารถนา จะใช้ทางเสน่ห์ก็สมชื่อตะกรุดนั้น ซ้ำท่านยังลงยันต์สวรรค์หลงทางกำกับเพิ่มลงไปด้วย ท่านว่านี่สำคัญ เทวดามาเจอหน้ายังหาทางกลับวิมานไม่เจอเบลออยู่อย่างนั้น ใช้ให้ดีใช้ให้ถูก จะนิยมชมชอบนางฟ้าเทวดาที่ไหนก็ไม่แคล้วเลย


    พ่ออาจารย์ท่านทำตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทองไว้ทั้งหมด 6 ดอก ท่านจึงเมตตามอบน้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาให้หกขวด ท่านว่าให้นำไปใช้บูชาคู่กัน ชีวิตจะเจอแต่สิ่งดีๆเสมอใจทีเดียว


    * ตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทอง(น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา) เปิดให้สั่งจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น มีทั้งหมดหกชุด พ่ออาจารย์ท่านว่าให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วย ท่านจะเป่ามนต์เสริมดวงความรักให้ หรือใครต้องการด้านอื่นที่ไม่ใช่ความสำเร็จทางความรักก็ให้แจ้งไว้ รายได้ร่วมบริจาคค่าข้าวสารอาหารแห้งในวัดที่ประสบอุทกภัยต่อไป


    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทอง(น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา) บูชา 4,000 บาท



    gr_ir_Pk_Ti.jpg SAM_5428.jpg SAM_5429.jpg SAM_5430.jpg SAM_5431.jpg lpmoon.jpg SAM_5432.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฐมน ET 7945 3970 5 TH

    พี่วิชัย ET 7945 3971 4 TH

    พี่นวรัตน์ ET 7945 3972 8 TH
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ใครที่เคยถามหรือรอรายการพระเพชรห้ามพลาดนะครับ หนนี้ใช้วนหน้าและเสริมสิริได้ด้วยดูแล้วมีหลายๆอย่างที่ต่างกันในส่วนของวิชา ส่วนน้ำมันก็ใช้กันดีๆ หอมมากๆ ระวังอย่าเอาไปดีดไปป้ายกันถ้าไม่ได้คิดเลี้ยงดูจริงๆ ไม่รับรองความวุ่นวาย แต่เจิมหน้าตนเป็นสิริมงคลเพิ่มเสน่ห์เมตตาได้อยู่นะ เป็นลูกกลิ้งใช้ง่ายดี ลองเอาไปใช้กันดู ;)
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พรุ่งนี้มาติดตามกันนะครับ เดี๋ยวมีประสบการณ์ที่ส่งเข้ามาจะนำมาเล่าด้วย;)
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    เดี๋ยววันนี้รับเรื่องแล้วทยอยตอบ pm ให้นะครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    สอบถามกันไว้นะครับ ผมตอบ pm ครบแล้ว
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    มีประสบการณ์พญากาสรที่ทำลายอาถรรพ์คุณไสยเสน่ห์ยาแฝดเข้ามา เดี๋ยวพรุ่งนี้นำมาพูดคุยกันนะครับ วันนี้ติดไว้ก่อน เพราะลองโหลดหน้าเวปดูไม่ได้หลายชั่วโมงมาก ;)
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ก็จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ที่ค้างไว้เมื่อวานของพญากาสร ซึ่งพี่ท่านนี้ได้เอามาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดจากลูกสาวเขาเอง

    พี่เค้าเล่าว่าช่วงหลังๆนี้ลูกสาวเขามีอะไรผิดปกติไปจากเดิม หลังจากกลับมาจากไปเที่ยววันเกิดเพื่อน และอาการก็หนักมากขึ้นๆตลอด

    เริ่มจากเหม่อลอยไม่เป็นตัวของตัวเอง คล้ายกับพวกโดนป้ายยาทางไสยศาสตร์หรือน้ำมันผี ทีนี้เค้าก็แก้ไขพี่เค้าว่า ผมเริ่มทำตั้งแต่อาราธนาพระกริ่งแช่น้ำมนต์ นั่งสวดอิติปิโสกี่ร้อยจบไม่นับประมาณ เอาน้ำไปพรมให้ลูก ให้ลูกกิน จนอาการเริ่มดีขึ้น แต่ก็ดูเหมือนยังไม่หายขาดดี

    ตรงนี้เค้าว่าแปลกเหมือนฝั่งที่ทำมันจะรู้ว่าทางนี้จะพ้นไปจากอำนาจแล้ว มันก็หนักข้อขึ้น พี่เค้าคิดว่าลูกเค้าน่าจะโดนพวกเสน่ห์ยาแฝด และคนที่ทำก็น่าจะเป็นคนใกล้ตัวที่มีความสนิทในระดับนึง

    พี่เค้าว่าลูกเริ่มเหม่ออีก เพราะฝั่งนั้นน่าจะยกระดับการกระทำ ตอนนี้ถามอะไรก็ไม่พูดไม่จาหน้าตาดำคล้ำทั้งๆที่แกเป็นคนผิวขาวแถมเรียกหาชื่อผู้ชาย ทำให้แกรู้ตัวการว่ามันใกล้ตัวมากแต่ก็ทำอะไรเค้าไม่ได้ ซ้ำเวลาเข้าไปใกล้ตัวลูก ยังได้กลิ่นเหม็นเน่าหนักขึ้นทุกที

    พี่เค้าว่าเหม็นเหมือนซากศพที่เน่าจนตนเองแทบจะอยู่ใกล้นานๆไม่ได้ ตอนนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าได้บูชาพญากาสรของพ่ออาจารย์ไว้ ห่อใส่ถุงเก็บอย่างดียังไม่เคยนำออกมาไหว้เลย

    คิดได้ดังนี้จึงนำพญากาสรมา นั่งสวดมนต์อธิษฐานขอบารมีตนที่เคยสร้างไว้ ทั้งบารมีครูพระ ครูพรหม ครูเทพ บารมีพ่ออาจารย์ตลอดจนพญากาสรให้แสดงฤทธิ์ช่วยเหลือ เนื่องจากเป็นลูกสาวที่รักเพียงคนเดียว และตัวเองก็ทนเห็นลูกเสียจริตไม่ได้

    พี่เค้าว่าเอาตรงๆนะผมไม่รู้จะทำไงคืออย่างแรกที่คิดเลย ต้องทำให้มันจบที่เหตุ จะได้กระทำใส่ลูกเค้าไม่ได้อีก

    คิดได้ก็เลยอธิษฐานขอบารมีพญากาสร พร้อมกับนำหญ้า ถ้วยน้ำ ถั่วงา เหล้าขาว สิ่งต่างๆที่พอหาได้ในบ้านเซ่นพญากาสรพร้อมกับนั่งท่องคาถาไปเรื่อยๆกำหนดจิตขอให้พญากาสรช่วยเหลือ


    พี่เค้าว่าพอบอกกล่าวเสร็จก่อนนอนก็เอาพญากาสรมาแช่น้ำ ทำน้ำมนต์ถอนของให้ลูกสาวกิน แต่พี่เค้าบอกว่าผมไม่ได้แค่แช่นะแต่ผมตะไบเอาเนื้อพระผสมน้ำลงไปด้วย

    เค้าว่าปกติเค้ารักพระหวงพระนะ แต่ครั้งนี้มีชีวิตลูกเป็นเดิมพันก็ต้องยอมตัดใจให้แหว่งนิดๆหน่อยๆ เรียกว่าไม่สังเกตุคงไม่เห็น

    ตอนทำก็ได้กลิ่นยาฉุนเหมือนครูท่านรับรู้เลยต้องขอขมา แล้วก็นำไปให้ลูกสาวดื่ม เค้าว่าดื่มเพียงไม่นาน แกก็อ้วกออกมาเป็นก้อนเนื้อเล็กๆสดๆแต่มันเน่าเเละเหม็นมาก ทั้งเส้นผมและสิ่งต่างๆที่ดูไม่ออกว่าเป็นอะไร พี่เค้าจึงนำไปเผาขอให้มันกลับไปหาคนที่ทำมา

    พี่เค้าว่าลูกสาวหายเป็นปกติเหมือนอาการเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น แต่ผู้ชายที่บ้านห่างกันแค่สี่หลัง เป็นเพื่อนลูกสาวมาแต่เรียนและตามจีบเเกอยู่ พี่เค้าว่ากลับไหลตายไปเฉยๆ ตนจึงคิดว่าคงเพราะพญากาสรไปจัดการรึตนเผาของกลับไปก็เป็นได้ น่าจะเป็นคนนี้ไม่ผิดเพราะจีบและเกาะแกะลูกสาวมานานแต่แกไม่สนใจ

    หลังจากนั้นพี่เค้าบอกว่าลูกสาวมาเล่าให้ฟัง ว่าฝันเห็นว่าตัวเองขี่หลังควายเผือกตัวใหญ่ มันพาเขาวิ่งออกจากทางสีแดงๆมืดๆมีเงาเหมือนภูติผีวิญญาณระหว่างทางม
    ากมาย

    * ก็เป็นเรื่องและประสบการณ์ที่แปลกดีของพญากาสรนำมาเล่าสู่กันฟัง ใตรที่บูชาไว้จะได้อุ่นใจ ว่างๆก็นำธัญญาหารน้ำท่าถวายท่านบ้าง แรงแน่นอน

     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ตอบ pm ครบนะครับ ใครจะฝากคำถามอะไรก็ pm. ไว้ได้เลย
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    อรุณสวัสดิ์นะครับ

    วันนี้เดี๋ยวจะรับของที่ท่านอธิษฐานจิตตามคำบอกกล่าวที่ฝากไว้ ถ้าไม่ทันอาจจะส่งพรุ่งนี้นะครับ ติดตามๆ
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    เตรียมของให้เรียบร้อยนะครับแต่วันนี้ส่งไม่ทันจริงๆ จะรีบส่งให้พรุ่งนี้แทนขออภัยด้วย แล้วพรุ่งนี้มาติดตามสาระความรู้กันนะ;) พลาดไม่ได้เลย
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ตอบ PM ครบนะครับ พรุ่งนี้มาติดตามกัน
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    เหล็กไหล

    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ก็จัดส่งของให้ติดตามกันนะครับ แล้วก็จะมาพูดคุยกันพอดีเห็นมีคนเคยถามวิธีจำแนกสีของเหล็กไหลชนิดต่างๆว่ามีคุณต่างกันอย่างไร ก็เลยนำบทความนี้มาให้อ่านกัน


    เหล็กไหล ก้อนแร่เหล็กบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ได้รับการอธิษฐานบรรจุฤทธิ์ โดยพระฤาษีผู้ทรงฌาณชั้นสูง เพื่อธำรงคุณงามความดี โดยมีธาตุกายสิทธิ์เป็นผู้คอยช่วยเหลือผู้ที่มีความทุกข์ยากให้พ้นภัย จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรังสีหรือพลังปราณที่ทรงอำนาจในการ ป้องกันตัว และสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวให้พ้นจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธปืนหรือของมีคม เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะและหายากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมายกว่าจะได้มา

    ฉะนั้นเหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตคนที่มีเหล็กไหลพกติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอุบัติภัยร้ายแรง รวมถึงอาวุธร้ายแรงนานาชนิดได้อย่างน่าอัศจรรย์นั่นเอง

    คำว่า "ธาตุกายสิทธิ์" นั้น หมายถึง วัตถุธาตุบางชนิดที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ประกอบไปด้วยพลังงานอันมหาศาล อันเกิดจากเจตสิกผู้ครอบครองธาตุนั้นแฝงเร้นอยู่ ใช้สำหรับป้องกันภัยให้กับตนเองโดยธรรมชาติ แต่บางครั้งไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน กลับซึมลึกลงไปอยู่ใต้พื้นผิวโลก ตามป่าตามเขา ตามถ้ำ แม้แต่ห้วยหนอง คลองบึง รอจนกว่าผู้ที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูงไปพบเข้า แล้วหยิบยกเอาธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ เพื่อมวลมนุษยชาติและปกป้องคุ้มครองคนหมู่มาก ดังนั้นจึงเชื่อกันว่า "เหล็กไหล" จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยธาตุที่สำคัญดังนี้

    1. ธาตุเหล็ก คือ ธาตุหลักเนื่องจากมีความแข็งแกร่งมากที่สุดในยุคนั้น

    2. ธาตุดิน ที่ถูกความอัดแน่นของโลก จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาเป็นหินสีต่างๆ เช่น เพชร นิล จินดา อัญมณีหลากสี

    3. ว่านมหามงคล ที่มีฤทธิ์อำนาจในตัว เช่น ว่านต่างๆ ไพรดำ ซึ่งเป็นพืชที่ดูดซับเอาพลังต่างๆ จากผืนดินเก็บสะสมเอาไว้ในตนเอง จนเกิดฤทธิ์เดช

    4. ปรอท หรือ ธาตุอื่นๆ ที่สามารถเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเอง โดยการอ่อนตัวแล้วกลิ้งไหลไป มีฤทธิ์อำนาจทางความยืดหยุ่น หรือหดตัวเองได้ หลีกภัยได้เร็ว ปรับสภาพตนเองให้เป็นไปในลักษณะต่างๆ ได้

    ดังนั้นแร่เหล็กที่อยู่ภายใต้ลาวานั้น ย่อมได้รวบรวมเอาสรรพสิ่งจากธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายเหล่านั้นรวมกันไว้ในตัว เอง คือมีฤทธิ์ในการปกป้องตนเองให้พ้นจากภัยในทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นเมื่อมหาฤาษีได้ใช้อิทธิฤทธิ์ดึงธาตุเหล่านี้ขึ้นมา แล้วถอดจิตด้วยฌาณสมาบัติเข้าแฝงตนอยู่ในธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ เพื่อฝึกฝนปฏิบัติทางจิตให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จึงทำให้เจตสิกของผู้ทรงฌาณนั้นเกิดพลังอันมหาศาล แม้แต่จะงอเหล็กก็ยังได้ จนมนุษย์ได้ค้นพบสิ่งเหล่านี้เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ทราบว่ามันคืออะไร ก็เลยเรียกกันว่า "เหล็กไหล" ตามสภาวะการแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ที่ปรากฏต่อสายตาในขณะนั้นนั่นเอง คือลักษณะ เหมือนก้อนเหล็กที่ยืดตัวได้ มีสีสรรต่างๆ กันหลายรูปแบบ เหล็กไหลจึงเป็นธาตุ กายสิทธิ์ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ จนกลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผู้คนแสวงหาไม่รู้จักจบมาทุกยุคทุกสมัยตราบจนเท่า ทุกวันนี้

    ดังนั้น "เหล็กไหล" จึงเป็นที่ปรารถนาและใฝ่ฝันของคนทั่วไป แม้บางที่จะต้องเสี่ยงภัยถึงขั้นเอาชีวิตแลกก็ยอม เรื่องราวของเหล็กไหลจึงดูเหมือนเป็นเรื่องลี้ลับซับซ้อน และหลายคนคงอยากจะรู้เหมือนกันว่า เหล็กไหลคืออะไรกันแน่... เกิดขึ้นมาได้อย่างไร... เหล็กไหลที่ทรงอิทธิฤทธิ์นี้ มีจริงหรือไม่...? จึงเป็นปรัศนีที่ท้าทายความกระหายใคร่อยากรู้ตามลักษณะวิสัยของมนุษย์ จึงทำให้ต้องเที่ยวหาคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย หรือผู้มีประสบการณ์ที่มีความรู้ที่พึงเชื่อถือได้ จนกลายเป็นตำนาน "เหล็กไหล" ที่เล่าขานสืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณตราบถึงปัจจุบัน


    สีสันและคุณประโยชน์

    1. สีเงินยวง เหล็กไหลชนิดนี้มีอริยเทพ อริยพรหมในระดับ อรูปฌาณ รักษาอยู่ เป็นเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมในชั้นสูง พบมากในแถบที่มีอากาศเย็นจัด พวกลามะทิเบตมักใช้พกติดตัว จึงพบมากในเขตเทือกเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม เช่นประเทศทิเบต จีน แถบภาคเหนือของไทย ลาว ดีเด่นทางเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือดลใจให้ผู้ครอบครองมีจิตใจฝักใฝ่อยู่ในการสร้างบุญสร้างกุศล
    เหล็กไหลชนิดนี้จัดได้ว่า เป็นเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมสูงสุดในบรรดาผู้ครอบครองเหล็กไหลทุกชนิด สมัยโบราณมักจะนำไปจัดสร้างพระพุทธรูปหรือเครื่องรางของขลังในสมัยโบราณ ดังนั้นเหล็กไหลชนิดนี้จึงมักจะอยู่ในความครอบครองของนักบวชต่างๆ เช่น ฤาษี ชีไพร ภิกษุสงฆ์ผู้ท่องเที่ยวหาความวิเวกตามป่าเขา

    2. สีเขียวปีกแมลงทับ เหล็กไหลชนิดนี้มี อริยเทพ อริยพรหม ในระดับ รูปฌาณ เป็นผู้ดูแลรักษา เพื่อมอบให้กับผู้ที่มีบุญบารมี และผู้ที่กำลังประพฤติปฏิบัติอยู่ในบุญกุศล เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นนั้น ส่วนใหญ่จะมีบริวารเป็นจำนวนมากคอยอารักขาหลายชั้น ผู้พบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประพฤติธรรม ที่บังเอิญผ่านเข้าไปพบเข้าโดยบังเอิญ หรือเกิดจากการลองใจของเทพผู้รักษาเหล็กไหลก็แล้วแต่ บุคคลธรรมดาทั่วไปอย่าหมายว่าจะครอบครองเป็นเจ้าของได้โดยง่าย
    ดีเด่นในทุกๆ ทาง ไม่ว่าเป็นเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย ล่องหนหายตัว มหาอุด คงกระพัน ยืดได้หดได้ เล่นกับไฟ กินน้ำผึ้ง

    3. สีทอง หรือ สีน้ำตาลอ่อน เหล็ก ไหลชนิดนี้จะมีเทวดาจำพวกคนธรรพ์และเหล่าเพชรพญาธร เป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับเหล่าพญานาค แต่มีฤทธือำนาจพิเศษกว่าคือสามารถที่จะลื่นไหลไปมาได้ สามารถที่จะกำบังกายได้ มีอยู่ตามป่าเขาทั่วไป
    ดีเด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ และความรักเด่นเป็นพิเศษ

    4. สีเขียวอมดำ เหล็ก ไหลชนิดนี้มี อริยะเทพ อริยะพรหม ในระดับ รูปพรหม เป็นอริยะธรรมในระดับสูง ที่มุ่งบำเพ็ญบารมีรักษาพระพุทธศาสนา จะอยู่เฝ้ารักษาพระบรมสารีริกธาตุหรืออรหันต์ธาตุที่สำคัญไว้ จึงมักจะปรากฏเป็นลูกไฟดวงใหญ่เป็นสีแสงคุ้มครองรักษาธาตุศักดิ์สิทธิ์ ไม่ให้ผู้คนเข้าไปรบกวน
    เด่นทางด้านอิทธิ์ฤทธิ์ เนรมิตภาพมายา ส่งเสริมผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรมในรูปแบบการชี้แนะผ่านทางนิมิตรสมาธิ หรือความฝัน จัดเป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง

    5. สีชมพู เหล็ก ไหลชนิดนี้มี อริยเทพ อริยพรหม ในระดับ รูปฌาณ รักษาอยู่ เป็ไหลที่มี บารมีธรรมในระดับสูงรองลงมาจาก อรูปฌาณ พบมากในเขตป่าเขาที่มีความชุ่มชื้น มักอยู่ตามถ้ำภูผาที่ลึกลับ พบเห็นได้ยาก นอกจากผู้มีบารมีธรรมเข้าถึงสัจจธรรมเท่านั้น
    ดีเด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด กันภัย ช่วยเหลือผู้เป็นสัมมาทิฏฐิให้สำเร็จในสิ่งที่อธิษฐานไว้ โดยไม่ขัดกับกฏแห่งกรรม

    6. สีเหลือง เหล็ก ไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของภูมิจิตภูมิธรรม ของเหล่าอริยเทพ อริยพรหม ในระดับรูปฌาณ ที่ปรารถนาพุทธภูมิในระดับ พระปัจเจกพุทธเจ้า สีสันเหมือนกับแสงนวลของพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ มัก แฝงเร้นในที่สงบด้วยป่าเขา ลำเนาไพร ถ้ำคูหาที่สงบเยือกเย็นบนภูเขาสูงๆ เรียกลมเรียกฝนได้ มีอิทธิ์ฤทธิ์ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้มากมาย เช่น ดวงรัศมีกลมใหญ่ส่องสว่างทั่วภูเขา จะพบเห็นได้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
    เหล็กไหลประเภทนี้สามารถอธิษฐานขออาราธนาบารมีจากพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ได้ แต่จะไม่มีเทพเข้าไปสิงสถิตย์อยู่ แต่เทพพรหมในระดับจ่างๆ จะเข้าไปอธิษฐานของบารมีและเฝ้ารักษาอยู่ภายนอกเท่านั้น ไม่มีใครจะบังคับหรืออัญเชิญท่านด้วยอิทธิ์ฤทธิ์หรือวิชาคาถาอาคมใดๆ เว้นแต่ขอชมบารมี ขอคำแนะนำในการปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป โดยมาปรากฏในลักษณะนิมิตรต่างๆ ในขณะนั่งสมาธิ

    7. สีฟ้าอ่อน เหล็ก ไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ อริยะเทพ ในระดับมหาเทพชั้นสูง ผู้ครอบครองเหล็กไหลชนิดนี้ จะเป็นผู้มีบารมีเดิมที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน เพื่อช่วยส่งเสริมด้านบารมีธรรมทั้งนักบวชและฆราวาสให้เป็นผู้สอนธรรมใน ระดับปานกลาง จนถึงระดับสูงขึ้นไป
    มีฤทธิ์อำนาจในการขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ดับพิษร้อน ป้องกันภูติผีปีศาจ แต่มีขอบเขตและรัศมีที่จำกัด สามารถล่องหนหายตัวได้ กันฟ้าผ่า มีความเย็นจนสามารถกำจัดไฟได้ในรัศมีของมัน

    8. สีน้ำตาลอมแดง เหล็ก ไหลชนิดนี้มีพวก นาค นาคา ผู้บำเพ็ญศีลเฝ้ารักษาอยู่ จึงมีฤทธิ์อำนาจในทางความร้อนแรงด้วยพิษแห่งนาคทั้งหลาย จึงทำให้เหล็กไหลประเภทนี้มีสีออกทางน้ำตาลเข้มและน้ำตาลอมแดง
    มีฤทธิ์อำนาจในทำลายล้างพวกมนต์ดำ อวิชชา ป้องกันภูติผีปีศาจได้

    9. สีดำเหมือนนิลเหล็ก ไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ เหล่าเทพ คนธรรพ์ บังบด เพชรพญาธร ยักษ์ ผู้ปรารถนาจะสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป แต่ยังติดอยู่ในระดับโลกียฌาณ คือยังมีความ โลภ โกรธ หลง ติดอยู่ จึงทำให้มีบารมีทางธรรมน้อยกว่าเหล็กไหลชนิดอื่นๆ
    มีฤทธิ์อำนาจทางการคุ้มครอง แคล้วคลาดกันภัย เป็นมหาอุด คงกระพัน

    10. เจ็ดสีประกายรุ้ง เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ อริยะเทพ อริยะพรหมผู้รักษาเหล็กไหล ที่ปฏิบัติจนสภาวะจิตเป็นสีประกายรุ้งรัศมีสวยสดงดงาม เป็นธาตุที่หาได้ยากที่สุดและมี อำนาจครอบจักรวาลประหนึ่งแก้วสารพัดนึก แต่สิ่งที่จะอธิษฐานนั้นจะสำเร็จได้โดยไม่เกินอำนาจของกฏแห่งกรรมตามวาสนาเท่านั้น


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่อัครพงศ์ ET 7945 3856 3 TH

    พี่วิศณุกร ET 7945 3857 7 TH

    พี่กฤตยชญ์ ET 7945 3858 5 TH

    พี่ทวีพงษ์ ET 7945 3859 4 TH

    พี่ไววิทย์ ET 7945 3860 3 TH

    พี่ศิระ ET 7945 3861 7 TH
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ท้าวนาถเทวราช

    ก็มีคำถามเกี่ยวกับพระศรีอาริย์มาเลยหาประวัติมาให้อ่านกันก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งอ่านแล้วก็ต้องใช้วิจารณญาณกันให้ถี่ถ้วน แล้วเดี๋ยวจะมาลงลึกกับความสำคัญของสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ท้าวนาถเทวราชที่พ่ออาจารย์ท่านเรียกหาหรือที่เรารู้จักกันดีในนามพระศรีอาริย์กันนะครับ


    ความรู้เรื่องพระศรีอาริย์ในพุทธทำนาย

    ตามคำสอนในศาสนาพุทธนั้น สมัยปัจจุบันนี้อยู่ในยุคที่เรียกว่า “ภัทรกัป” ซึ่งมีพระพุทธเจ้าอยู่ 5 พระองค์ คือกุกุสันโท โกนาคมโน กัสโป และ โคตโม ซึ่งได้แก่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนั่นคือ พระสมณะโคตม พระองค์ได้พยากรณ์ว่า หลังจากศาสนาของพระองค์ดำเนินไปจนครบ 5000 ปีแล้ว จะมีพระพุทธเจ้าอีกพระองค์อุบัติขึ้น ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยะเมตไตรย ผู้ที่จะประกาศ “บารมีของพระเจ้า” มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความสนใจ และทำความเข้าใจในเรื่องนี้ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับพระศรีอาริย์มีดังนี้นี้คือ

    1. ความเชื่อเรื่อง พระศรีอาริยะเมตไตรยในพุทธศาสนา
    ความเชื่อเรื่องพระศรีอาริยะเมตไตรยเกิดจากคำพยากรณ์ หรือคำทำนายของพระพุทธเจ้า พระองค์ได้ทำนายไว้ว่า เมื่อศาสนาของพระองค์ดำเนินไปได้ห้าพันปี จะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่มาอุบัติขึ้น ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยะเมตไตรย คำว่า พระศรีอริยะเมตไตรย หรือพระเมตไตรย ในภาษาบาลี ออกเสียงว่าเมตฺเตยฺย (Metteyya) ภาษาสันสกฤตออกเสียงว่า मैत्रेय ไมเตฺรย พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์ผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 และเป็นองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ พุทธศาสนิกชนเชื่อว่าเมื่อศาสนาของพระโคตมพุทธเจ้าสิ้นสุดไปแล้ว โลกจะล่วงเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมถอย อายุขัยของมนุษย์ลดลงจนเหลือ 10 ปี ก็เข้าสู่ยุคมิคสัญญี ผู้สลดใจกับความชั่วก็หันมารวมกลุ่มกันทำความดี จากนั้นอายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 1 อสงไขยปี แล้วจึงลดลงอีก จนเหลือ 80,000 ปี ในยุคนี้จะมีพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีครบ 16 อสงไขยแสนมหากัป ลงมาตรัสรู้เป็น พระเมตไตรยพุทธเจ้า

    พุทธทำนายเกี่ยวกับ “พระศรีอริยะเมตไตรย” พบในงานเขียนในทุกๆนิกายของศาสนาพุทธ ดังเช่น หลักฐานจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 11 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 3 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักรวัตติสูตรซึ่งเป็นพระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยถือกันว่ารักษาเนื้อหาได้สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาทุกนิกาย ดังนี้

    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 80,000 ปี พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่า “เมตไตรย” จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้เป็นอรหันต์ พระผู้มีพระภาคพระนามว่เมตไตรยพระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวะโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ ให้รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรยพระองค์นั้นจักทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในตอนกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงเหมือนตถาคตในบัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรยพระองค์นั้น จักทรงบริหารภิกษุสงฆ์หลายพัน เหมือนตถาคตบริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัดนี้ฉะนั้นฯ”

    2. ประวัติของพระศรีอาริยะเมตไตรย
    เมื่อย้อนไปในยุคของพระสิริมัตตพุทธเจ้า พระศรีอริยะเมตไตรยทรงเป็นกษัตริย์พระนามว่า “พระเจ้าสังขจักรแห่งนครอินทปัตต์” วันหนึ่งทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาใกล้ๆ เมืองอินทปัตต์ทรงดีพระทัยยิ่งจึงรีบเสด็จไปด้วยพระบาทเพียงหนึ่งวันพระบาททั้งสองก็แตกช้ำ วันที่สามพระชงฆ์ (หัวเข่า) ก็แตกยับพระโลหิตนอง วันที่สี่ไม่สามารถเสด็จต่อไปได้ แต่ด้วยพระวิริยะและจิตมุ่งมั่นที่จะเข้าเฝ้าจึงกระเถิบไปด้วยพระอุระ พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณทิพย์จึงแปลงเป็นมาณพหนุ่มขับเกวียนพาไปถึงที่พำนักของพระพุทธเจ้า พระอินทร์ และมเหสีทั้งสี่ได้แปลงเป็นหญิงชาย นำห่อข้าวทิพย์และน้ำทิพย์มาให้เสวย

    เมื่อพระองค์หายบอบช้ำจึงเสด็จไปในพระวิหาร เพียงแรกพบพระพุทธเจ้าก็ทรงสลบลงด้วยความปลื้มปีติ เมื่อฟื้นพระวรกายจึงตรัสว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า” และมิได้ตรัสอะไรได้อีกด้วยความยินดีพระทัย พระองค์ขอสดับธรรมของพระพุทธเจ้าเพียงบทเดียวเพราะไม่มีสิ่งใดถวายบูชาพระธรรมเทศนา จึงทรงตัดพระเศียร (ศีรษะ) ด้วยพระนขา (เล็บ) ถวายเป็นพุทธบูชา และในยุคของพระโคตมพุทธเจ้า พระศรีอริยะเมตไตรยเป็นพระสาวก มีพระนามว่าพระอชิตภิกษุ ครั้งหนึ่งทรงได้รับพุทธทำนายว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

    พระประวัติของพระเมตไตรยพุทธเจ้าที่มีบันทึกในเอกสารต่างๆ เช่น “อนาคตวงศ์” สรุปได้ว่า พระโพธิสัตว์จะจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาถือปฏิสนธิในตระกูลพราหมณ์ ในครรภ์ของ “นางเมตไตรย” ภรรยาของ “สุพรหมพราหมณ์” ปุโรหิตของ “พระเจ้าสังขจักร” แห่งเกตุมดีนคร เมื่อทรงประสูติได้มีนิมิตร 32 ประการแล้ว ก็บังเกิดปราสาท 3 หลังเพื่อเป็นที่ประทับ เมื่อพระชนมายุ 8,000 ปี ทอดพระเนตรเห็นนิมิตทั้ง 4 จึงทรงพอพระทัยในการบวช ท้าวมหาพรหมอัญเชิญอัฏฐะบริขารมาถวาย พระโพธิสัตว์ประทับนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์ในปฐมยาม ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณในมัชฉิมยาม ทรงทำให้แจ้งทิพยจักษุญาณในปัจฉิมยามในเวลารุ่งอรุณ ทรงบรรลุซึ่งพระสัพพัญญูญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า ทรงมีพระฉัพพรรณรังสีจากพระวรกาย ทำให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน คนทั้งหลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ บริโภคข้าวสาลีที่เกิดจากพระพุทธานุภาพ


    3. ยุคของพระศรีอาริยะเมตไตรย

    เมื่อ “พระศรีอริยะเมตไตรย” มาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต โลกนี้จะมีความสงบสุข และพระศาสนาจะมีความรุ่งเรืองกว่าศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า จะมีพระอริยบุคคลมากกว่า และประชาชนจะมีความสุขอย่างยิ่ง คือจะไม่มีเรื่องร้อนใจเลย ทุกคนพอใจในความเป็นอยู่ ไม่มีการเบียดเบียน ตอนนอนไม่ต้องปิดประตูก็ได้ บ้านเลยไม่ต้องทำประตูก็ได้ เรื่องคนร้าย หรือขโมยก็ไม่ต้องกลัว

    คนจะเป็นคนดีเหมือนกันหมด ไม่มีคนพาล จนกระทั่งลงจากบ้าน ก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็นใคร เพราะมันดีเหมือนกันหมด มันสุภาพเหมือนกันหมด มันสวยเหมือนกันหมด จนเมื่อกลับเข้าบ้าน จึงจะจำได้ว่า นี่คือภรรยาของเรา นี่คือสามีของเรา นี่คือลูกของเรา และต้องการอะไรก็ได้ มันมีต้นไม้พิเศษที่เรียกว่า ต้นกัลปพฤกษ์ อยู่ทุกทิศ อยากได้อะไรก็ไปขอที่ต้นไม้นั้น จะสะดวกสบาย แม้แต่การคมนาคม การไปการมา จนว่าน้ำในแม่น้ำนั้น จะไหลลงข้างหนึ่ง จะไหลขึ้นข้างหนึ่ง เพื่อจะสะดวกต่อการใช้เรือ อยู่กันเป็นผาสุก ไม่มีอันธพาล ทุกอย่างได้อย่างใจ

    แม้ “พระศรีอริยะเมตไตรย”จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล แต่ปัจจุบันศาสนิกชนในหลายๆ ศาสนาก็เชื่อและอ้างว่าผู้นำทางศาสนาของตนเป็น “พระศรีอริยะเมตไตรย” ที่พระโคตมพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์ไว้ เช่น
    (1) คริสต์ศาสนิกชนบางกลุ่มเชื่อว่าพระศรีอริยะเมตไตรยคือ พระเยซู
    (2) ชาวมุสลิมบางกลุ่มเชื่อว่าพระศรีอริยะเมตไตรยคือ นบีมุฮัมมัด
    (3) ชาวชีอะฮ์บางคนเชื่อว่าพระศรีอริยะเมตไตรยคือ อิมามมะฮ์ดี
    (4) ผู้นับถือศาสนาบาไฮเชื่อว่าพระศรีอริยะเมตไตรยคือ พระบาฮาอุลลอฮ์
    (5) ผู้นับถือลัทธิอนุตระธรรมเชื่อว่าพระศรีอริยะเมไตรยคือ พระธรรมาจารย์ลู่จงอี
    (6) ผู้นับถือลัทธิสหชโยคะเชื่อว่าพระศรีอริยะเมตไตรยคือ ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี


    4. ตำนานพระศรีอาริย์ในพุทธศาสนา

    พระศรีอาริยะเมตไตรยจะอวตาร (Incarnation) ลงมาปรากฏตัวในรูปของมนุษย์ ในพระพุทธศาสนานี้ ก็เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการคือ
    (1) เหตุด้วยกรรมวิบากที่พระศรีศากยะมุนีโคดม กับพระศรีอาริยะเมตไตรยโพธิสัตว์ ได้สร้างบารมีผูกเวรกันมาในอดีตชาติ
    (2) เหตุด้วยจะสนธิศาสนาพระโคดม กับพระศรีอาริยะเมตไตรยให้สัมพันธ์สืบต่อไปในอนาคต
    (3) เหตุด้วยจะเปิดเผยบารมีทั้งหลาย มีทานบารมีและศีลบารมี เป็นต้นให้ปรากฏแก่โลก เพื่อประวัติศาสตร์ และตัวอย่างแก่มนุษย์ในเรื่องพุทธภูมิ เหมือนดังพระเวสสันดรโพธิสัตว์ได้กระทำไปแล้ว
    (4) เหตุด้วยจะบำราบปราบอธรรม คือคนชั่วร้าย ให้กลับตัวและวางศีลธรรมอันวิเศษให้แก่โลกใหม่ ในทำนอง “กฤตยุค” ซึ่งบริบูรณ์ด้วยศีลธรรม
    (5) เหตุด้วยจะสงเคราะห์ฝูงมนุษย์ที่ยากไร้อนาถา ด้วยสมบัติบรมจักร เพื่อให้มนุษย์สมบูรณ์พูนสุข ด้วยเครื่องอุปโภค บริโภคสม่ำเสมอกัน
    (6) เหตุด้วยจะชำระความมัวหมองของบรรดาพุทธบริษัท ซึ่งกำลังเสื่อมชำรุดหรือกิ่วคอดเหมือนคอสากอยู่นี้ให้เจริญถาวรสืบต่อไปจนสิ้นสุดพระพุทธศาสนา
    (7) มูลเหตุกรรมวิบาก ซึ่งได้ผูกเวรสืบกันมาในอดีตชาตินั้น ปรากฏชัดในตำนาน “อธิษฐานดอกบัว” กล่าวไว้ดังนี้

    - ......สมัยหนึ่ง ที่องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม มาเกิดเป็นนางยักษ์ รูปร่างร้ายอยู่ในป่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิราวดี ด้วยสัพพัญญุตญาณทราบว่า นางยักษ์นี้ได้ก่อสร้างบารมี 30 ทัศมามากมาย แต่เพราะผลกรรมที่กระทำกาเมสุมิจฉาจารกับภรรยาผู้อื่น จึงมาเกิดเป็นนางยักษ์ชาตินี้ พระองค์จึงเสด็จมาโปรด นางยักษ์แลเห็นลักษณะอันประเสริฐ จิตเลื่อมใสก้มลงกราบ เมื่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเทศนาพระธรรม นางยักษ์ปลงใจเด็ดขาด ตัดเอาเต้านมทั้งสองถวายเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นางยักษ์ตัดเต้านมทั้งสองมากระทำสักการบูชาพระตถาคตครั้งนั้น ส่งผลให้นางยักษ์พ้นจากอิตถีเพศ คือ ท่านจะเกิดเป็นหญิงแต่เพียงชาติเดียวเท่านั้น นางยักษ์นี้ได้สร้างพุทธวิริยะบารมีมาถึง 80 อสงไขยกัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจถึง 36 อสงไขยกัป ลั่นวาจาว่า จะเป็นพระพุทธเจ้าอีก 28 กัป

    5. พระศรีอาริย์เมื่อครั้งเกิดเป็นชาวไร่

    ในกาลก่อน พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ได้ทรงพยากรณ์ถึงพระศรีอาริย์ว่า “ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดสืบต่อไปอีก 16 อสงไขยกัป ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยะเมตไตรย ในอนาคตกาล และในท่ามกลางพระพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม ท่านจะมาช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปจนตลอด 5,000 ปี

    กาลต่อมา ในชาติหนึ่งที่ “พระเมตไตรย” มาเกิดเป็นมนุษย์ชาวไร่ กระทำไร่เลี้ยงชีวิตอยู่ริมภูเขา ตักคีรี ซึ่งเป็นภูเขาเดียวกับที่ฝูงลิงถ่ายอุจจาระใส่ผ้าอาบของพระพุทธเจ้านั้นเอง ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมในไร่นั้น ก็เลยวิ่งถลำไปเหยียบเอาพระฉาย คือ เงาของพระพุทธเจ้าโดยไม่ทันสังเกต เมื่อเหลียวมาพบพระพุทธเจ้า เกิดจิตเลื่อมใสศรัทธา จึงนำเอาแตงโมมาถวาย 7 ลูก แต่มีลูกหนึ่งที่รอยหนูกัดเป็นโพรง กุศลผลทานครั้งนั้น จะส่งท่านมาเกิดเป็นพระยาจักรพรรดิราชาธิราชอันประเสริฐ ในท่ามกลางศาสนาของพระตถาคต และจะช่วยสังคายนา ชำระสะสางพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป ศาสนา
    ของพระพุทธโคดมจะปกแผ่ไปทั่วทั้งเมืองคนขาว เมืองคนเทา ปกแผ่ไปทั่วโลก ส่วนวิบากกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาพระตถาคตนั้น เมื่อท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ บนศรีษะก็จะมีรอยแผลเป็น ดุจดังรอยหนูเจาะแตงโม แต่ในภายหลัง ท่านจะมีผิวพรรณวรรณะ สวยสดงดงามดั่งเทพบนสวรรค์ เพราะได้บริโภคของทิพย์ของพระอิศวรเทพเจ้า

    ตามบุรพกรรมสัญญาที่มาระหว่างพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 และพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ทำให้องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จะต้องมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม จวบจนครบพุทธกาลดั่งนี้แล และในระหว่างกาลแห่งการรักษาศาสนาจักร อาณาจักรแห่งพระพุทธองค์เจ้าที่ 4 จะอยู่ในนามว่า “ภายใต้รังสีพระศรีอาริยะเมตไตรย” เพราะอำนาจสิทธิแห่งวงศ์ศาสนาจักรยังเป็นของพระพุทธองค์เจ้าที่ 4 แต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

    6. พุทธทำนายพื้นเมืองเรื่อง พระศรีอาริย์
    ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวรรณภูมิ ซึ่งไหลผ่านภูเขาตักคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศีรษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่างๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-

    “ดูก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียว และนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี”

    “พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์กับตถาคต ได้สร้างกรรมกันไว้ในอดีตชาติ” พระองค์ทรงบรรยายต่อ “ในชาติอันหนึ่งเราทั้งสองเป็นสหายกัน ได้เอาดอกบัวคนละดอกเข้าไปอธิษฐานกันในวิหาร “ถ้าใครจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ก็ขอให้ดอกบัวของผู้นั้นบานก่อน” ในวันรุ่งขึ้นพระตถาคตได้เข้าไปดูดอกบัวนั้นแต่ยังไม่ทันสว่างแจ้งเห็นดอกบัวพระเมตไตรยบานก่อน ด้วยความที่อยากเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระเมตไตรย จึงลักเปลี่ยนดอกบัวของพระเมตไตรยมาไว้ที่พระตถาคต สับเปลี่ยนกันเสีย เมื่อพระเมตไตรยเข้าไปดูภายหลัง เห็นพระตถาคตลักเปลี่ยนเช่นนั้นจึงทำนายว่า โอ! สหาย ท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราจริง แต่ทว่าฝูงมนุษย์ในยุคนั้นจะเป็นคนขี้ลักขี้ขโมยและใช้เงินดำ เงินแดง เงินกระดาษ กันอย่างพร่ำเพรื่อ มนุษย์จะไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน จะทุจริตคิดมิชอบนานาประการ ฯลฯ เพราะกรรมที่ท่านได้สับเปลี่ยนดอกบัวของเราในครั้งนี้

    พุทธทำนายเกี่ยวกับการเสี่ยงดอกบัวนี้ แสดงให้เห็นความจริงประการหนึ่งว่า ผู้คนในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 คือพระสมณะโคดมนั้น เต็มไปด้วยผู้ร้ายอ้ายขโมย ซึ่งเราก็เห็นความเป็นจริงอยู่ในทุกวันนี้


    7. ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นเมื่อพระศรีอาริย์มาปรากฏ

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเล่าอดีตนิทานจบแล้ว จึงพยากรณ์เหตุการณ์สืบต่อไปอีกว่า “เมื่อพระเมตไตรยโพธิสัตว์จะมายกย่องศาสนาของพระตถาคตนั้น จะมีสรรพวัตถุทั้งหลายบังเกิดขึ้นแก่โลก อย่างแปลกประหลาดเหลือจะคณานับ ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด ก็จะไม่ได้ปั่นและทอด้วยมือเหมือนดังในศาสนาของตถาคต จะมีแต่ผ้าเนื้อบริสุทธิ์ ฝูงมนุษย์เขาจะไม่ติเตียนว่าเป็นขี้หูขี้ตาเขาเท่าจะวัดวา (วัดหลาและเมตร) ก็จะมีในยามนั้น แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า (หมวกทำนองคาวบอย) สิ่งที่ไม่เคยรู้ก็จะได้รู้ สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น พร้อมด้วยบุรพนิมิตอันชั่วร้ายต่างๆ ก็จะบังเกิดแก่โลกมากมายยิ่งนักดังนี้
    (1) ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    (2) โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    (3) อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    (4) อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อยๆ
    (5) เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านไม่ขาดสาย
    (6) วาตภัย จะเกิดลมร้ายพัดบ้านเมืองพินาศ
    (7) อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเมืองและเรือกสวนไร่นา
    (8) ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    (9) พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    (10) สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง

    ในขั้นสุดท้าย แผ่นดินจะไหวเดือนละหลายครั้ง จะมีสุริยะคราสหรือจันทรคราสบ่อยครั้ง จะเห็นผีพุ่งไต้บ่อยๆ ดาวหางและแสงประหลาดจะบังเกิดให้เห็นไม่ขาดระยะ จะได้ยินเสียงดังในอากาศคล้ายระเบิดและปืนใหญ่ แร้งกาจะลงบินเกาะบ้านเมืองอย่างผิดธรรมดา ฝูงมนุษย์จะเดือดร้อนและขวักไขว่กันไปมา จะบังเกิดสงครามฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงไปทุกหนทุกแห่ง ครั้นแล้ว จะมีคนหัวขาวหนวดยาว ขี่ม้าขาวเหาะลอยลงมา นั่นคือองค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์มาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว


    16998235_377940202580694_7196041923225879281_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    วันนี้หวยออก ก็ขอบารมีครูบาอาจารย์กันนะครับ ใครที่จะเสี่ยงดวงก็ขอให้โชคดีได้ข่าวดีรอบเย็นทุกท่าน ;)
     
  17. seekerpunch

    seekerpunch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +3,114
    ได้รับตะกรุดแล้วครับ
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ

    เมื่อวานก็มีแจ้งข่าวมาแทบจะทันทีทันใดที่หวยออกสองท่านกับตอนมืดๆอีกท่านนึง ทุกท่านเล่าคล้ายกันว่าขอพรกับเครื่องมงคลมาแล้วได้ลาภใหญ่ ทั้งพระเจ้าเงินตรา โคตรเจ้าสัว กับพระแม่มนสาเทวี ก็ดีใจด้วยนะครับที่ได้ค่าขนมกันขอให้ได้กันเรื่อยๆ แบ่งเงินซักเล็กน้อยไปทำบุญสร้างทานบารมีเปิดโอกาสให้กับตัวเอง จะได้โชคดีมีเรื่องน่ายินดีมาเล่าให้กันฟังอีก

    ในส่วนของประสบการณ์ที่เล่าเข้ามาเกี่ยวกับน้ำมันพรายนางจันทร์ ก็เรียกว่าได้ปุ้ปก็เอาไปลองใช้ปั้ปกันเป็นที่สนุกสนานเลย เนื่องจากเป็นน้ำมันพรายที่ไม่มีส่วนผสมของพรายไม่มีอันตรายใดๆนั่นเอง พี่ท่านนี้เล่าให้ฟังว่านอกจากป้ายหน้าผากทาคิ้วทาปาก รู้สึกว่าคนเมตตาไปที่ไหนคนก็ยิ้มให้แล้ว ที่แปลกๆคือชอบมีสาวสวยๆมาเดินชนเราเหมือนเค้าตั้งใจ ชนแล้วก็ยิ้มให้เราไม่รู้น้ำมันรึญาณแม่นางจันทร์ท่านดึงมาให้ พี่เค้าว่าเสียดายผมคุยไม่เก่งผูกมิตรไม่เป็นไม่อย่างนั้นเชื่อว่าวันเดียวได้เรื่อง ทั้งนี้พี่เค้ายังว่าได้นำไปป้ายแมวที่บ้าน พี่เค้าว่าปกติแมวตัวนี้ชอบโดนสุนัขกัด แต่แปลก หนนี้หลังจากป้ายน้ำมัน พี่เค้าว่าสุนัขที่เคยกัดกันกลับเดินตามแมวเสียเฉยๆไม่มีเห่ารึกัดฟัดกันแบบทุกครั้งเลย เค้าว่าเห็นมันหยอกๆกัน แต่ไม่ขู่ไม่ฟัดกันแบบเมื่อก่อน เค้าว่าเมตตาเห็นคาตามากเท่านี้ก็สนิทใจแล้ว จะไปลองป้ายสาวที่ชอบกับอธิษฐานใช้เรื่องติดต่องานอีกแล้วจะนำมาเล่าให้ฟัง

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่สรวุฒิ ET 7945 5617 3 TH

    พี่วิชัย ET 7945 5618 7 TH
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,111
    ค่าพลัง:
    +16,625
    เห็นหลายคนถาม ก็ติดตามเรื่องของท้าวนาถเทวราชหรือพระศรีอาริย์กันนะครับ แบบตามติดๆเลยจ้า เย็นนี้มืดๆจะมาเฉลยที่ถามกัน;)
     

แชร์หน้านี้

Loading...