ก่อนจะห่อ ที่จองมาเราก็ไม่ลืม(อาจจะลืมบ้าง)ขอให้ท่านลงจารให้ก่อน ทีนี้ก็เป็นคำถามที่เกิดขึ้นประจำ ว่าองค์นี้ท่านลงอะไรจารอะไรมา ก็คือว่าไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเท่าที่ผ่านตาแต่ละรุ่นแต่ละองค์ท่านก็จารไม่ค่อยซ้ำกันซักองค์
ทีนี้ถ้าไม่ลืมผมจะขอให้ท่านลงจารให้ตลอด เพราะเหตุผลว่ามีคนเคยบูชาของไปเอาไปสอบพลังแล้วแจ้งเรามาว่าที่ท่านลงจารนั้นมีพลังแรงกว่าแบบที่ไม่จารมากซึ่งของเดิมที่ไม่จารก็นับว่าแรงอยู่แล้ว ผมก็เลยไม่ได้แจ้ง แต่ถือเป็นธรรมเนียมว่าไหนๆทุกคนก็บูชามาแล้ว จะขอให้ท่านลงจารให้อีกหน่อยจะเป็นไร จะเอาทั้งทีก็ให้ดีที่สุดไปเลย เห็นรอยจารบางทีใจก็ชื้นห้อยได้สนิทใจมากกว่าจริงมั๊ยล่ะ:cool:
ร่วมทำบุญบูชา ลองพิมพ์ผงยาแฝดองค์พ่อครูเข้ากามประทับวิญญาณ(พระฤาษีตบะแตกเข้านาง) พ่ออาจารย์พล
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.
หน้า 99 ของ 463
-
-
อรุณสวัสดิ์นะครับ
สวัสดียามเช้า บทนี้ท่านให้ลงไว้ภาวนาขอลาภพระฉิมพลี ลองภาวนาดูนะครับ สำหรับคนที่ชอบขอ ชอบอธิษฐาน ดีมากเรื่องลาภสักการะเงินทอง
ฉิมพลี จะ มหาเถโร พรหมมาอินโท เทวตาจะ สัพพะราชา สัพพะอิตถียา สัพพะนะมามิหัง -
คาถาวันละนิด(คาถาใช้มีดหมอ)
อันนี้เป็นคาถาใช้มีดหมอตำรับของพ่ออาจารย์ท่าน ลงให้เป็นวิทยาทานกันสูญหายนะครับ เนื่องจากท่านได้แต่เสกให้ผู้ที่ฝากมาแต่ยังไม่ได้ออกเป็นทางการเลย เอาบทนี้ไปเสกใช้ก่อนก็แล้วกัน ท่านว่าแรงกว่าคาถาเทพอาวุธทั่วไปมาก อย่าภาวนาเล่นๆ ใช้เสกกำกับมีดหมอที่สร้างมาถูกต้องตามตำรับมหาศาสตราคมขับไล่ภูติผีไม่ดี เทวดาเกรไปได้ไกลเป็นหมื่นโยชน์แสนโยชน์
สักกัสสะวชิราวุทธัง เวสสุวัณณัสสะคทาวุทธัง ยะมะนัสสะนัยยะนาวุทธัง อาฬาวะกัสสะทุสาวุทธัง จัตตาโร อะวะวะทาโลเก อาวุทธานัง มหรรณตะรานัญจะ สัพเพยักขา สัพเพปิสาจะ ปะลายันติ ทิเสทิสัง ปะลายันติ ภุมมะจักกะวารา นัจฉะสันติ อัปเปหิ อัปเปหิ นิตตะจา คัชชะอะมุมหิ โอกาเสติฏฐาหิ -
ขออภัยครับ แก้ข้อความนี้ให้หน่อยครับ "ยะมะนัสสันัยยะนาวุทธัง"
-
หลวงพ่อเดิมว่า ยัมมะนัสสะ เนยยะนาวุธัง ครับ
-
ได้รับตะกรุดนะโมแล้ว ขอบคุณครับ
-
ได้รับพระแม่แล้วครับใหญ่มาก
-
เย็นนี้ก่อนออกไปข้างนอก
จะมาพูดกันถึงเรื่องดวงเนตรหรือนัยน์ตามหาเทพเสียหน่อย บอกกันแบบสั้นๆ ใช้ดีหลายด้าน มีคนเพิ่งได้ไปนำไปอธิษฐานคลี่คลายปัญหาความรักเก่าได้เรื่องแล้ว ไวยิ่งกว่าขึ้นทางด่วน วันเดียวได้เรื่องเลย คงเพราะศรัทธาด้วยนั่นแหละ คือผมให้เปอร์เซ็นต์ความศรัทธาไว้สูงตลอดเลย เพราะใจคนนั้นไม่เท่ากัน ของดีๆของตัวเราเองก็เส้นผมเราอุดอยู่ในนั้น ถ้าตัวเองไม่ใช้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เอาไปใช้หมั่นอธิษฐานกันนะครับ:cool: -
ขออนุญาตพี่กรณ์ด้วยนะครับ ผมนำวัตถุมงคลของพ่ออาจารย์บางส่วนมาเปิดให้บูชา ท่านใดสนใจลองเข้าไปชมกันได้นะครับ ขอบคุณครับ
[URL="http://palungjit.org/posts/9834357[/URL] -
เดี๋ยวจะเล่าเรื่องความฝันที่ฝากถามมาให้ แต่ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน เดี๋ยวไม่มีเรื่องคุย55+
เย็นนี้มาเลาเรื่องกุมารทองก่อน พอดีมีพี่ท่านหนึ่งของให้ท่านแกะกุมารทองเนื้อไม้ช่อฟ้าให้ก็แปลกดี ส่งไปได้น่าจะสองเดือนแล้ว ตอนนี้เค้าแจ้งกลับมาว่าขายของดีมาก โดยเฉพาะเพจขายของออนไลน์ขอน้องกุมารเค้าจากที่เคยเงียบกลายเป็นวิ่งวุ่น หาเวลาพักแทบไม่ได้เลย ก็ดีใจด้วยที่ได้เงินทอง สู้ๆหาลู่ทางกันเรื่อยๆนะครับ
เข้าเรื่อง ทีนี้ก็แม่ของพี่เค้าที่บ้าน เป็นคนมีสัมผัสพิเศษ ประเด็นอยู่ตรงนี้ ซึ่งในครอบครัวนี้จะรู้กันดีอยู่แล้ว พี่เค้าว่าแม่เค้าไม่เคยพูดเลยนะตั้งแต่ได้กุมารทองมา แต่อยู่ดีๆแม่ก็ถามขึ้นมาเมื่อสองสามวันนี้เอง ว่าไปเอาเด็กที่ไหนมารึเปล่า แม่เห็นเด็กเดินไปเดินมาในบ้านมาเป็นเดือนแล้ว เห็นเป็นเด็กวัยรุ่นนุ่งขาวห่มขาวเหมือนพราหมณ์หนุ่มน้อย เดินเข้าเดินออก ตอนแรกไม่ได้นึกเอะใจอะไรนึกว่าเจ้าที่ นุ่งขาวห่มขาวเป็นจิตมีบุญเสียด้วย(แม่พี่เค้าวาแบบนั้น) เลยไม่ได้บอกใครกลัวจะกลัวกัน แต่เห็นเดินหายเข้าไปในห้องเอ็งทุกครั้ง ไปเอาอะไรมา พี่เค้าเลยเอากุมารที่พ่ออาจารย์แกะให้แม่เค้าดู แม่เค้ายิ้มแล้วรีบสั่งให้หาขนมหาของเล่นให้น้องกุมารทันที ที่ยิ้มเพราะแม้แต่ผมก็ยังจำได้ กุมารตนนี้พ่ออาจารย์แกะห่มสไบมีโจงกระเบนเหมือนพราหมณ์เลย อันนี้ต้องบอกก่อนนะว่าแม่พี่เค้าเป็นคนมีสัมผัสพิเศษ พี่เค้าเล่ามาแบบนั้น แต่ที่พี่เค้าให้เครดิตทางนี้เพราะเค้าบอกว่าแปลกกว่าทุกสำนักที่เคยเลี้ยงมา คือแม่เค้าบอกว่าเห็นตอนกลางวันแสกๆไม่ได้เก็บไปฝันอะไร และที่สำคัญเจอบ่อยด้วยจนตัดสินใจถามลูกๆดู -
ก็มีคำถามเข้ามา
โอม นะมัส ศิวา นั้นใช้ได้กับรูปพระศิวะทุกแบบที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างนะครับ ถ้าสะดวกใจจะภาวนาสั้นๆ หากยังจำกันได้ จะใช้อีกบทหนึ่ง ที่ว่า โอม ศิวายา นะมะคะ(นะมะฮา) ก็ได้
ที่นี้ โอม ศิวายา นะมะคะ กับ โอม ศิวายา นะมะฮา จะท่องแบบไหนดีท่านว่าแล้วแต่จริตเลย ลองออกเสียงดูว่าชอบแบบไหน จะโอม นะมัส ศิวา ด้วยก็ได้ ลองออกเสียงดูทั้งสามแบบถ้าได้แบบที่ชอบและถูกจริตก็ให้ยึดบทนั้นไว้ภาวนา -
นัยน์ตามหาเทพ
ก็ยังแรงไม่หยุดสำหรับรายการนี้
วันนี้เอามาให้ดูกัน พอดีมีพี่ท่านหนึ่งสั่งแบบไม้แกะ ก็พอดีกับองค์ต้นแบบของเนื้อธาตุเลยที่เป็นไม้ช่อฟ้าแกะ สวยดีนะลองดูสิ แต่ว่าความแรงมันอยู่ตรงนี้ ปกติเนื้อธาตุกายสิทธิ์จะมีตะกรุดภูติข้างหลังใช่มั๊ย องค์นี้ด้านบนท่านจะเจาะรูไว้เลย เอาตะกรุดภูติพระเจ้ามาบีบอีกขระจารเรียกว่าดอกเล็กมาก มากขนาดที่ต้องใช้เข็มม้วน บีบสุดๆจริงๆเล็กเท่ายาอมแก้ไอตราตะขาบ ท่านตั้งใจจะให้เป็นกริ่ง เวลาเขย่าได้มีเสียง แต่พอเอาผงวิภูติ ผงลบกระดานยันต์ต่างๆอุดเพิ่มเข้าไปแล้วปิดเทียนชัย ทีนี้ตันเลยเขย่าไม่มีเสียง 555+ ก็ดีใจกับพี่ที่จองไว้ด้วย สวยจริงๆขนาดไม่ใหญ่มากเลี่ยมกำลังสวย
วันนี้ยังไม่จบ เอาพระกริ่งมาให้ดู องค์นี้เป็นกริ่งพระสยมแบบเบ้าทุบ ทำยากมาก เพราะว่าพอหล่อออกมา ท่านต้องหาเวลาที่ว่างจริงๆมานั่งฝนนั่งตะไบแต่งไปเรื่อยๆ ท่านว่าจะทำเป็นพระกริ่ง องค์นี้ท่านนั่งแต่งมาได้สองเดือนแล้ว เฉพาะด้านหน้ายังไม่เสร็จเลย มีการคว้านก้นเอาไว้จะใส่กริ่งใส่แร่เหล็กไหลใส่ผงด้วย ถ้าเสร็จคงสวยงาม แต่คงอีกนานเพราะท่านต้องว่างจริงๆถึงมานั่งแต่ง เอามาให้ชมกันก่อนไว้เสร็จแล้วค่อยลงให้ดูอีกรอบไฟล์ที่แนบมา:
-
-
มาคุยกันตอนเย็นนะ
มีคนส่งข้อความมาให้ผมฝากถามท่าน เรื่องความฝัน ว่าฝันเห็นพระใหญ่เหมือนพระในโบสถ์ มีเสียงบอกตัวเองว่า เกิดชาติหน้าจะได้เป็นเจ้าที่ เค้าถามว่านี่เป็นฝันดีมั๊ย ฝันจริงรึเปล่า ชาติหน้าจะได้เป็นพระภูมิเจ้าที่แบบนั้นใช่มั๊ย
ที่จริงเรื่องแบบนี้ตอบยากนะเพราะต้องดูยามดูเวลาที่ฝันด้วย ท่านว่าอย่างแรกก่อนคือฝันเห็นพระพุทธรูป พระประธานในโบสถ์ นี่ใจเขาอยู่กับพระเป็นพุทธานุสติจนต้องเก็บไปฝัน เค้านึกถึงพระแค่นี้ก็ได้บุญหนักหนาแล้ว ถ้าเขาเกิดตายตอนนี้เขาได้ขึ้นไปเป็นเทวดานะ ปิดประตูนรกเลย เป็นเทวดาใหญ่เสียด้วยเพราะกำลังของพุทธานุสติ ไม่ใช่แค่พระภูมิ ถ้าคนไหนระลึกถึงพระพุทธเจ้ามีอารมณ์ตั้งอยู่ในพุทธานุสติสม่ำเสมอ จะไปนิพพานก็ไปได้ง่ายกว่าเขาอื่น
แล้วถามว่าฝันว่าพระพุทธเจ้าท่านบอกเช่นนั้นจะได้เป็นเจ้าที่ เธอเอ๋ยเรียกว่าพุทธดำรัสตรัสพยาการณ์ภพชาติเหมือนพุทธทำนายเชียวนะ
ไม่ต้องรอชาติภพไหนหรอกในปัจจุบันนี้สรรพชีวิตทั้งหลายก็เป็นเจ้าที่อยู่แล้ว มีพื้นที่ให้อยู่ มีอาณาเขตให้ใช้ชีวิต จะไปปรารถนาอะไรกับการครอบครองเป็นเจ้าของดูแลพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งเล่า คำว่าเจ้าที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นพระภูมิไปเสียหมด
ฝันแบบนี้ถ้าเอามาผลักดันกำลังใจตัวเองได้ก็ควรจะทำ คิดเสียว่าเราได้พุทธพยากรณ์แล้ว แต่คำว่าเจ้าที่นี้ใจเธอนั้นนึกถึงที่ไหนเล่า ที่ในแดนมนุษย์ฤา ที่ในนรกภูมิฤา ที่ในสวรรค์ฤา ที่ในบาดาลฤา ที่ในพรหมฤา หรือที่ในนิพพานฤา เห็นมั๊ยมันไปได้หมด ทุกคนมีสิทธิเป็นเจ้าที่ได้ทุกคน ตั้งแต่ปุถุชนจนถึงอริยบุคคล
ไม่ว่าจะที่จุดไหนสุดท้ายก็ต้องก้าวเข้าไปด้วยการกระทำของตนเอง จงเลือกและไปให้ถึง แต่เธอมาทางนี้ถูกทางแล้วกำหนดระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ กำลังตัวนี้ใหญ่นัก ไปนิพพานไวกว่าเขาเพื่อน เพราะตอนฝันเธอเห็นพระมาก่อน ท่านว่าถ้าอยากเป็นเจ้าที่ โน่น ที่นิพพานมีตั้งเยอะแยะ ตั้งปรารถนากันไปเลย อย่าไปหวังไปตั้งที่อื่น ท่านว่าดีแล้ว ควรแล้ว ถ้าทุกคนได้เป็นเจ้าที่กันหมด ก็ให้หมายมาตรไปพระนิพพานเสียดีกว่าอื่น ความฝันนี้ถ้าปล่อยผ่านไปมันก็คงจะดูไร้สาระ แต่บัณฑิตผู้มีปัญญาทั้งหลาย เมื่อท่านได้รู้ได้ทราบ ท่านจงใคร่ครวญพิจารณาให้ดีเถิด ก็จะเกิดอนุสติเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่โลก แก่ตนเองและผู้อื่นต่อไป ทุกสิ่งนั้นเก็บมาพิจารณาได้ พิจารณาแล้วได้ความอย่างไรก็พิจารณาต่อไป พิจารณาความเหล่านั้นต่อไปอีก ลึกลงอีก พิจารณาจนเห็นที่สุดแห่งธรรมเถิด สังขารทั้งหลายนั้นไม่ได้ตั้งอยู่นาน ผุ้มีปัญญาย่อมไม่ปล่อยเวลาให้สูญสิ้นไป อย่าขาดสติ หมั่นขัดเกลาปัญญา ให้สมกับที่เป็นลูกชายลูกหญิงของพระพุทธองค์ทีเดียว -
ผี
วันนี้ก็จะมาพูดกันถึงเรื่องผีต่อ ที่เคยๆพูดค้างไว้
พ่ออาจารย์ท่านว่าที่จริงคำว่าผีนั้น ตามที่ปากคนเค้าจะเรียก เค้าจะเข้าใจว่าเป็นวิญญาณ เป็นชีวิตหลังความตายที่ยังมีห่วง ซ้ำยังมีฤทธิ์พอที่จะให้คุณให้โทษกับคนอยู่บ้าง ก็จะเรียกกันว่าผี ถ้าพูดถึงผี คนเราจะรู้สึกกลัวเอาเป็นว่ารู้สึกไม่ดีขึ้นมาก่อน แต่ถ้าพูดว่าวิญญาณความรู้สึกของเราจะต่างออกไป ไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่ เช่นนั้นคำว่าผีในความเข้าใจของคนทั่วไปคงหมายถึงวิญญาณร้ายเสียมากกว่า
ทีนี้เจ้าผีที่เรากลัวๆกัน เราก็ต้องรู้ไว้ว่ามันยังมีหลายชนิด ตามที่เราเข้าใจนั่นแหละว่าเป็นชีวิตหลังความตายอันนี้ชนิดหนึ่ง แต่อีกชนิดหนึ่งจะเป็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตในภพอื่น
ในพิภพอื่นที่เข้าข่ายเป็นผีนั้น วันนี้จะพูดถึงสองสถานที่ ที่แรกก็คือสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อีกที่หนึ่งก็คือดาวดึงส์นั่นเอง ความจริงพวกนี้สถานภาพคือเทวดา นางฟ้านั่นแหละ แต่ปากคนเรามันยาวยิ่งกว่าปากกา ไปลดเกียรติเรียกเขาว่าผีกันเอง เช่นเทวดาในจาตุมหาราชิกาที่มีอาณาเขตติดต่อกับมนุษย์ ได้รับโองการท้าวมหาราชทั้งสี่ให้ดูแลป่าส่วนใดส่วนหนึ่ง แทนที่เราจะไปเรียกท่านว่าพระไพร ก็กลายเป็นผีไพรไป เช่นนี้ อีกชนิดหนึ่งก็คือเหล่าเทวดานางฟ้าแห่งจาตุมหาราชิกาที่ยังไม่มีวิมานอยู่ ท้าวมหาราชท่านประทานกันให้ไม่ทัน เค้าก็จะมาอาศัยอยู่ตามต้นไม้ ยกตัวอย่างเช่นอยู่ในต้นตะเคียนก็เรียกผีตะเคียนบ้าง อยู่ในต้นกล้วยตานีก็เรียกผีตานีบ้าง หยาบช้าหน่อยก็ไปเรียกเป็นอีนางตานีเลยก็มี
เห็นมั๊ยเล่าความจริงนี่คือนางฟ้านางสวรรค์นะ ก็ปากคนพอใจจะเรียกเขาว่าผีเค้าก็คือผี ส่วนอีกชนิดหนึ่งก็เหล่าเทพแห่งดาวดึงส์ที่มีเกลื่อนสวนสวรรค์นั้น เป็นเทพและเทวธิดาที่จิตตกอยู่ในฝ่ายเสื่อม พอใจกับการแกล้งหลอกหลอนรังแกมนุษย์ กระทำสิ่งจำแลงต่างๆเพื่อความสนุกสนาน เรียกว่าเทวดาเกเรก็ไม่ผิด พวกนี้จะมีฤทธิ์มาก คนก็จะตั้งสมญานามต่างๆให้ตามสถานการณ์ที่เจอ กลายเป็นผี มีชื่อเป็นผีไป
ที่เรากล่าวเรื่องนี้พูดเรื่องนี้ เพื่อจะเป็นอนุสติให้ท่านทั้งหลายได้คิด อันว่าจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์นั้น ฐานแห่งกำลังใจยังไม่มั่นคง สรรพชีวิตที่ขึ้นไปอุบัติย่อมร่วงหล่นลงมาได้เสมอ เพียงนี้เราพูดถึงกลไกตามวัฏจักร หาได้ล่วงไปพูดถึงจอมเทพคือท้าวมหาราชทั้งสี่และพระอินทร์ไม่ ท่านเหล่านั้นมีความเป็นอริยบุคคลที่ดวงจิตจะไม่มีวันร่วงหล่นลงมาอีกแล้ว ต้องทำความเข้าใจไว้เสีย
หากจะพูดถึงเพียงนั้น เอาจริงๆแล้วก็กล่าวได้ว่ามันไม่มั่นคงเลยซักชั้นนั่นแหละ เพราะมันตกลงมาได้ทุกชั้นถ้าไม่มีความเป็นอริยบุคคลมีพัฒนาการที่จะสร้างบารมีให้สูงขึ้นแม้แต่จอมฟ้าระดับมหาพรหมก็เลื่อนถอยลงมาได้
จิตของคนนั้นอยู่ในระหว่างการพัฒนา มีขึ้นสูง มีเสื่อมลง พูดง่ายๆไม่ต้องมองไกลเลย ดูภายในตัวเรา พิจารณาตนเองให้รู้เห็นว่า วันๆหนึ่งนั้น เราเป็นเทวดากี่หนแล้ว แล้วก็พิจารณาต่อว่าในระหว่างที่เราเป็นเทวดา วันนี้เราเป็นผีไปกี่รอบแล้ว เช่นนี้ไงเล่าเราถึงพูดประจำว่าสตินั้นสำคัญ การรักษาอารมณ์รักษากำลังใจนั้นสำคัญ ถ้าใจเธอขุ่นมัวเศร้าหมอง ใจเธอตอนนั้นมันก็เป็นผี แล้วถ้าเกิดเธอตายตอนจิตใจเป็นแบบนั้น นี่เธอไปนรกนะไปใช้กรรมก่อนเลย
การจะรักษากำลังใจให้คงที่ปัจจัยแวดล้อมหลายๆสิ่งเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งการมีสติ รู้จักคิดรู้จักเตือนตนเอง รู้เท่าทันตัวเองและสิ่งแวดล้อมอันจะมากระทบ รู้จักมองโลกในแง่ดี เหล่านี้เรายกตัวอย่างให้ฟัง มันก็สุดแล้วแต่เธอจะเอาไปปรับใช้ว่าชีวิตเป็นอย่างไรต้องมีอะไรเพิ่มเติมเข้ามา
เช่นนี้แล้วอย่าไปบอกใครเขาว่าไม่เคยเห็นผี ไม่เคยเห็นเทวดา ถ้าพูดเช่นนั้นก็แปลว่าเธอยังไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยพิจารณาใจตนเอง และไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้ของตนเลย ก็เลือกเอาแล้วกันว่าอยากเป็นผีหรืออยากเป็นเทวดา
ความเสื่อมนั้นเป็นสิ่งที่เข้าแทรกแซงได้เสมอ หากเราท้อและหยุดที่จะพัฒนาการตนเอง ข้อเท็จจริงนี้แม้ในหมู่มนุษย์ หมู่เทวดา หมู่พรหมทั้งหลายล้วนปรากฏขึ้นเช่นเดียวกัน หากเราปล่อยให้ความเสื่อมเข้าแทรกแซงแล้ว อบายภูมิทั้งสี่ ก็เปิดประตูรอรับพวกเราอยู่เพื่อจะไปขัดเกลาจิตใจเสียใหม่พร้อมกับสติปัญญาที่น้อยลงกว่าเดิม
พวกเธอทั้งหลายจงมองให้เห็นผีที่อยู่ในใจตนเอง มองให้เห็นถึงความเสื่อม ให้รู้ธรรมชาติเข้าใจสัจธรรม และจงอย่าหยุดที่จะพัฒนาต่อไป -
แว้บมาเล่านิดหนึ่ง
วันนี้อาราธนาพ่อฟ้าฟื้นทั้งวัน เป็นอีกวันที่ไม่เหงาเลย มีคนโทรมาคุยด้วยทั้งวันเป็นสิบๆคนทีเดียว ฟื้นจริงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องทางกามคุณเท่าไหร่ แต่เอาพ่อฟ้าฟื้นมาใส่ไปนั่งกินกาแฟ น้องร้านกาแฟก็ให้เบอร์ให้ไลน์มาบอกว่าอยากคุยกับเรา ถ้าเค้าคิดว่าไปกันได้พี่ไม่ต้อง น้องบอกว่าเดี๋ยวหนูจะขอพี่เป็นแฟนเอง
เออนะ รู้สึกซู่่ซ่าขึ้นมาอีกหน่อยเหมือนผู้หญิงพยายามรุกเราจะจีบเราก่อน นึกว่าบรรยากาศอารมณ์แบบนี้มันจะหมดไปแล้ว เพราะยิ่งโตขึ้น แก่ขึ้น สาวๆอายุน้อยๆเค้าก็ต้องหันไปสนใจรุ่นเดียวกันซะมากกว่า เอาท่านมาจบหัวขอบใจกันทีเดียว พ่อฟ้าฟื้นนี่ฟื้นคืนชีพจริงๆ รู้สึกอารมณ์ดีกระชุ่มกระชวยขึ้นมาก แต่พ่ออาจารย์ท่านบอกเสมอนะว่าของทางเสน่ห์เมตตา หรือสิ่งที่มีจิตวิญญาณเป็นเทพเป็นพรหมทั้งหลายเหล่านี้ เค้าไม่เฉพาะเจาะจงหรอก เพราะใช้ได้หลายทางตามแต่จะใช้ ไม่จำเป็นต้องเรื่องความรัก จะทำงาน จะขายของ จะเข้าหาผู้ใหญ่ แค่เราก้าวเท้าออกไปเจอผู้คนมันก็ต้องอาศัยเสน่ห์เมตตามหานิยมแล้ว ถ้ามีตัวนี้จะอยู่สบายกว่าคนอื่น ก็จริง เป้นอีกวันที่เรารู้สึกว่าเราเป็นที่รัก จะทำอะไรก็ขอให้ฟื้นคืนชีพกันทุกคน:cool: -
เรื่องเล่า
พอดีมีคนฝากวันเดือนปีเกิดมา ให้ท่านทำตะกรุดดวงโคตรเศรษฐีให้ ทีนี้พ่ออาจารย์ท่านฝากให้เราบอกเค้าไปด้วย ว่าหน้าห้องเค้านั้นมีธนูวัวไฟ เป็นวัวตาแดงๆเดินไปเดินมา ให้หาที่ให้เค้าอยู่ดีๆเลี้ยงเค้าให้ดี ถ้าไม่เลี้ยงก็ให้เอาไปให้คนอื่น
ทีแรกเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนคุยกับพี่เค้าก็เกือบลืมด้วยว่าท่านฝากมา ดีนะพี่เค้าดึงเชิงคุยกันหลายเรื่องเลยนึกออก พอบอกเค้าไป ตัวเค้ายังนึกไม่ออกเลย วัวไหน มีวัวด้วยดิ
ก็เลยแยกย้ายกันกลับไป เราก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเราก็มีอะไรให้ทำต่อ ทีนี้ซักพักใหญ่ๆพี่เค้าก็โทรมา เค้าบอกว่าถึงบ้านแล้วครับ ลองค้นหน้าห้องเจอวัวธนูจริงๆ เป็นวัวของหลวงปู่ญาท่านโทน วัดบ้านพับ ที่ตัวเค้าเองบูชามาแล้วก็ลืมไปเลยว่าเคยเช่ามาวางทิ้งเอาไว้หน้าห้อง
ก็เลยบอกเค้าว่าให้ไปเลี้ยงดีๆ วัวนี้น่าจะดีนะ พ่ออาจารย์ท่านเห็นก็แปลว่าโอเคแล้ว ก็เอามาแนะนำกัน ใครอยากหาวัวธนูดีๆ ไปหาได้เลย พี่เค้าว่าชื่อหลวงปู่ญาท่านโทน แต่ได้ไปก็เลี้ยงก็ดูแลกันดีๆหน่อย -
อัพเดทกัน
มีพี่ท่านหนึ่งที่เช่านัยน์ตามหาเทพไปได้นำเส้นผมบรรจุแล้ว เขาว่าลองสังเกตุตัวเองดูชีวิตเปลี่ยนไป จึงถามเรามาว่านัยน์ตานี้แก้เรื่องอัปมงคลด้วยใช่หรือเปล่า
เพราะปกติพี่เค้าจะมีอาการแปลกๆ คือชอบนอนฝันเห็นเรื้องร้ายๆแล้วมีอาการเพ้อ ซ้ำที่บ้านพี่น้องก็ทะเลาะกันใช้กำลังปองร้ายกันประจำด้วยเรื่องของมรดกที่ดิน
เราก็ว่าเช่นนี้เรื่องเล็กๆเพราะนัยน์ตานั้นทำลายอาถรรพ์แก้อาถรรพ์ทุกอย่างได้อยู่แล้ว คือทีแรกไม่รู้ว่าเป็นอาถรรพ์ชนิดติดตัวบุคคล ก็ถามไปว่าแล้วทำไมถึงถามว่าแก้เรื่องอัปมงคลได้มั๊ย พี่เค้าว่าตั้งแต่ได้ไปห้อยบูชาไม่ฝันร้ายเลย ภรรยาก็บอกว่าอาการเพ้อตอนกลางดึกที่เป็นมาตลอดก็หายไปแล้วหลายวัน พี่น้องที่เคยทะเลาะกันถึงกับจะฆ่ากันก็มาพูดดีด้วยมีขนมมีของเล่นมาให้หลาน แล้วก็เล่าเหตุการณ์ที่พิมพ์ไปข้างต้นให้เราฟัง
เราก็ว่าก็ดีแล้ว เพราะเอาจริงๆนะใครไม่เจอกับตัวจะไม่รู้หรอก มันเป็นเรื่องอาถรรพ์เรื่องอัปมงคลบางอย่าง ที่จะเกิดกับเฉพาะบางบุคคลไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ของแบบนี้มันไม่ได้มาๆหายๆ แต่มันเป็นตลอด คือเกิดมาตั้งแต่เด็กแล้วก็ติดตัวมาจนปัจจุบัน นี่แหละที่เรียกว่าอาถรรพ์ติดตัว มีอัปมงคลครอบงำตัวเองอยู่
เราก็เพิ่งรู้ว่าเออ นัยน์ตามหาเทพนี้ถ้าห้อยติดคอประจำจะทำลายอัปมงคลประจำกายเราได้ด้วยนะ ทีแรกนึกว่าแค่แก้และข่มอาถรรพ์รอบนอกเฉยๆ ใครมีก็เอาขึ้นมาใช้ดู อย่าเอาไปเก็บ ขอให้ชีวิตเจอแต่เรื่องดีๆ:cool: -
แง้มๆว่าพรุ่งนี้ที่จะลงนั้นสุดยอดนะเพราะท่านใส่วิชาไว้ทั้งพระเจ้านวโกฏิ ทั้งพระเจ้าเข้านิโรธ ติดตามๆอย่าพลาด
-
ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเจริญลาภมหาบารมีนิโรธ(ตัวครู)
เจริญลาภ ตะกรุดนี้เป็นวิชาเฉพาะทางโภคสมบัติซึ่งให้ผลตรงตัว พ่ออาจารย์กล่าวว่าวิชานี้นั้น เป็นวิชาทางมหากำเนิด แต่เป็นการเกิดขึ้นของโชคลาภ ทรัพย์สมบัติ จากศูนย์ จากไม่มี ก็จะเกิดขึ้นจนผู้ครอบครองมั่นคงไม่รู้จักตกต่ำ สิ่งที่มีอยู่แล้ว ก็จะยิ่งเพิ่มพูนต่อไปเรื่อยๆ แม้เอาไว้กับตัวก็ดึงดูดโชคลาภเข้ามาหาตัวไม่รู้จักเสื่อมถอย แม้ติดไว้กับเรือนสถานี่ทำงานก็จะรุ่งโรจน์มีแต่เร่งให้ดวงเปิด รับทรัพย์เป็นเอนกอนันต์
พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ ทำยากทีแรก ท่านเพียงจะลงตะกรุดเจริญลาภนี้เท่านั้น แต่ครูบาอาจารย์ท่านว่ามันดีแต่ก็ยังไม่สุด ท่านได้มีนิมิตรเห็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับหลวงพ่อปาน มาหาท่าน บอกว่าให้ลงวิชาพระเจ้านวโกฏิล้อมไปด้วย จะได้ดึงเอาบารมีของมหาเศรษฐีแห่งพุทธกาลทั้ง 9 ท่าน มาไว้กับตัวคนใช้
ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านเห็นเมตตาครูบาอาจารย์ตรงจุดนี้ ท่านเลยลงตะกรุดเจริญลาภไว้เป็นฐาน ก่อนที่จะลงยันต์เบิกทางรับขุมทรัพย์ทั้ง 8 ทิศ อันได้แก่มหาทิศทั้ง 4 และอีก 4 ทิศย่อย ท่านว่าแม้ตัวผู้ใช้อยู่จุุดในในโลก ในทิศทั้ง 8 นี้ เขาก็เป็นดุจแกนกลางที่โชคลาภ ความเจริญมั่งคั่งจะวิ่งเข้ามาหา ดูดทุกอย่างมาไว้กับตัวเขา ไม่หนีไปที่อื่น ไม่วิ่งไปทางอื่น ไม่ตกไปสู่คนอื่น
ตะกรุดนี้นั้น แม้ใครที่ติดผลกรรมทำอะไรไม่เจริญก็ใช้ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ต้องกลัวเงียบ และควรจะอาราธนาอย่างยิ่ง ท่านว่าเพราะเสด็จพระใหญ่ท่านแนะนำให้เราเพิ่มวิชาเข้าไปอีกสองส่วนให้เหมาะสมกับชะตาของสรรพชีวิตอันได้รับทุกข์ขุกเข็ญจากกระแสของโลกในปัจจุบันนี้ สองส่วนนั้นก็คือ
- วิชาระงับสงสาร
- วิชาหนีสงสาร
สองวิชานี้ก็ตรงตามชื่อคือจะเข้าไปหยุด ไม่ใช่ทำให้เวรกรรมเก่าหายไปเลย หากแต่เพียงระงับไว้ หยุดไว้ ปรามไว้ซึ่งอำนาจอกุศลกรรมที่เจ้าตัวเคยก่อไม่ให้ส่งผล นี่คือให้โอกาศเร่งสร้างกรรมอันเป็นกุศลขึ้นมาใหม่ ไม่เพียงแค่ระงับไว้เท่านั้นยังหนีอกุศลกรรมนั้น ไม่ให้ตามติดตัวเพื่อจะแสดงผลได้ทันด้วย
พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าสองอย่างนี้สำหรับคนที่ทุกข์ขุกเข็ญ เสวยผลแห่งทุกขเวทนาอยู่หาความสุขในลาภและทรัพย์สมบัติไม่เจอ สองวิชานี้นั้น เพียงพอ และเกินพอ ที่จะนำชีวิตของเขาออกจากห่วงแห่งทุกข์ได้ หากแต่ว่าออกแล้วต้องประกอบกุศลกรรมมาชดเชยกัน มิเช่นนั้นชาติหนี้า ไม่ได้เกิดมาพบเจอวิชานี้ก็จะต้องรับกรรมเก่าต่อไป
ท่านว่าวิชานี้เปิดหมด เปิดทิศทั้ง 8 ระงับและหนีทุกข์เข็ญ ที่สำคัญท่านยังล้อมยันต์ด้วยวิชาพระเจ้านวโกฏิ เพื่อดึงบารมีมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านแห่งพุทธกาลมาสู่จุดศูนย์กลางให้เกื้อหนุนผู้บูชาโดยตรง มหาเศรษฐีทั้ง 9 นั้นได้ชื่อว่าเป็นพระอริยบุคคลอันจะไม่ตกต่ำลงอีก ด้วยบุญของทั้ง 9 ท่านค้ำจุนเราอยู่จึงเหมือนดั่งคำสาปปกาศิตที่ชีวิตเราจะตกต่ำนั้นหามิได้ จะได้ลืมตาอ้าปากสมหวังในการประกอบกิจเป็นเกียรติยศอยู่ในวงการอาชีพของตนเอง
เมื่อท่านลงอักขระเสร็จแล้วท่านได้นำมาปลุกเสกยันต์ต่างให้มีชีวิต และอธิษฐานจิตลงไปจนบอกว่าเต็มดีแล้ว ไม่รู้จะใส่อะไรเพิ่ม ก่อนที่จะอัญเชิญเสด็จพระใหญ่ ครูพระปัจเจกดพธิเจ้า สมเด็จบรมครู และหลวงพ่อปานตลอดจนหลวงพ่อฤาษีลิงดำให้ท่านมารับรู้และช่วยกำกับเพิ่มเติม
ตะกรุดนี้นั้นพ่ออาจารย์ท่านเอาเข้าพิธีอธิษฐานตลอดพรรษาที่ผ่านมา และได้รับคำแนะนำจากเสด็จพระใหญ่(องค์ปฐมโพธิญาณ)ว่าในพรรษานี้ท่านจะเข้านิโรธสมาบัติ ถ้าจะให้เป็นเอกลาภ เป็นตะกรุดเจริญลาภดั่งที่ท่านหมายใจไว้ ก็ให้ยกตะกรุดนี้ไปให้ท่านที่นิพพานทุกวัน ท่านจะทำให้เป็นตะกรุดทิพย์ มีฤทธิ์ของการอธิษฐานจิตนิโรธกรรม เป็นเอกด้านโภคทรัพย์สมบัติ ความเจริญรุ่งเรือง แม้ผู้ใช้ปรารถนาสิ่งใดก็ย่อมได้ลุแก่ใจปรารถนาด้วยบารมีของนิโรธสมาบัตินี้ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็เพียรยกถวายในทุกๆวันไม่ให้ขาด บารมีของนิโรธสมาบัตินั้นกล่าวกันว่าแม้ใครได้พบได้ถวายทานได้ตักบาตรกับพระผู้ทรงคุณอันออกจากนิโรธแล้วกุศลย่อมเสริมส่ง แม้ยาจกก็ได้เป็นพระราชาในวันเวลานั้นทีเดียว
เมื่อจบพิธีนิโรธท่านตรวจดูพลังแล้วท่านว่าต่างจากตอนที่ท่านเสกไว้แต่แรกมากนัก เพราะสำเร็จด้วยวิชาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม ตะกรุดนี้มีพลังที่เย็นยะเยือกมากนัก ท่านจึงลองเอามาอธิษฐานจิตหนุนธาตุไฟขึ้นมาแม้ธาตุไฟยังไม่สามารถส่งผ่านพลังงานได้ ท่านว่าตะกรุดนี้ดุจกลับว่าใครที่มีความร้อนรนอาจจะเป็นด้วยจริตเป็นคนใจร้อน มุทะลุดุดัน หากเขาได้พกไว้จะสลายเปลี่ยนเป็นความเย็นมาเกาะกุมแทน ทำให้เขานิ่งขึ้น สงบขึ้น มีสมาธิมากขึ้น
เมื่ออธิษฐานจิตเสร็จแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ ครูท่านสั่งไว้นักหนาว่าเป็นของเฉพาะคน ท่านอธิษฐานจิตไว้เรียงดอกเรียงตัวแล้ว ถ้าไม่ใช่เจ้าของก็ไม่มีบุญที่จะได้พบ แม้ชื่อก็จะไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็จะหาความสนใจมิได้ด้วยวาสนานั้นปัดไปไม่ให้เข้ากัน จะมีผู้ที่รู้ค่า คู่ควรเท่านั้นถึงจะเชิญไปประดิษฐานเพื่อการณ์อันจะสำเร็จประโยชน์สมดั่งคำว่าเจริญลาภ เค้าผู้นั้นจะเจริญและเจริญยิ่งๆขึ้นไป
คาถาบูชา
นะโม สิทธิเชยยะ ลาภะพันทัง พรหมานัง เทวานัง ราชานัง สมณานัง ปุริสานัง อิตถีนัง บัณฑิตานัง ปิยังมะมะ โอมเทิบเทิบ มหาเทิบเทิบ สารพัดเทิบเทิบ สวาหะ (แม้ปรารถนาสิ่งใด...(นึกสิ่งที่ตนปรารถนา)ก็หามาให้แก่กู)
ตะกรุดเจริญลาภมหาบารมีนิโรธ(ตัวครู)ท่านว่าไม่ให้อธิบายมาก เพราะถ้าต้องจำแนกแจกแจงอย่างละเอียด แค่อัญเชิญบารมีมหาเศรษฐีแห่งพุทธกาลทั้ง 9 ท่านมาสงเคราะห์ผู้บูชาก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดแล้ว เพราะยันต์นี้จัดวางแบบค่ายกล ถ้าจะให้พูดอธิบายนั้นสามคืนก็ไม่จบ ด้วยบารมีครูอาจารย์แต่ละพระองค์นั้นถือเป็นยอดยิ่งในมหาจักรวาลแม้แต่ตัวท่านเองยังบอกว่าจารยาก เพราะบีบยันต์ให้มีขนาดเล็กที่สุด คนใช้เขาจะได้บูชาถนัดตัวพกไว้ไม่รู้สึกรำคาญ
ท่านว่าสร้างไว้ทั้งหมด 16 ดอก ใครมีบุญและชะตาต้องกันกับวิชานี้ก็ให้มารับไป ให้เจริญลาภ เจริญในสิ่งที่กระทำและมุ่งมาตรปรารถนา จะล้มลุกคลุกคลานนั้นมิได้ รายได้ทั้งหมดท่านว่าเป็นมติของครูให้นำไปจัดหาบาตรถวายพระที่อุปสมบทใหม่และอยู่ไกลตามชนบทต่อไป ท่านว่าอานิสงค์ของการถวายบาตรพระนี้มีกินมีใช้ไม่รู้จักหมด ถือว่าช่วยทำบุญหนุนผู้บูชาไปอีกประการหนึ่ง รับสั่งจองทาง PM เท่านั้นไฟล์ที่แนบมา:
-
-
คาถาวันละนิด(กันงู)
สาระของวันนี้เป็นคาถาอีกบทหนึ่งที่น่าจะมีประโยชน์กับคนทั่วไป ชนิดที่เรียนรู้ไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะงูและอสรพิษส่วนมากนั้น แม้ไม่ใช่ในต่างจังหวัดจะเป็นในกรุงในเมืองก็ดีก็มักมีปรากฏมาทำร้ายคนอยู่เนืองๆ
พระคาถานี้ไม่ใช่กันงู แต่เป็นกันงูไม่ให้กัด ตะกรุดกันงูของพระเกจิดังๆทั้งหลาย ที่ว่าใช้แล้วงูอ้าปากไม่ขึ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เสกด้วยพระคาถานี้
ตาตัปปะสิ ริสัปปะ คะรูโป
เมื่อจดจำร่ำเรียนไว้แล้วแม้จะมีภัยมาถึงตัวต้องเผชิญหน้ากับงูเงี้ยวเขี้ยวขออสรพิษ ท่านว่าให้ภาวนาเถิด มันอ้าปากไม่ขึ้น ไม่กัดไม่ทำร้ายเราเลย
หน้า 99 ของ 463