อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ก็ติดตามกันนะครับ
ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จครูประทับมหาสมาคมฟ้าสลับหัว(เคลียร์สะสางมหากาลไม่ทำร้าย) พ่ออาจารย์พล
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.
หน้า 90 ของ 457
-
-
แจ้งข่าวดี
มีพี่ท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่าได้สมรักกับพนักงานธนาคารสาวไทยพาณิชย์ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยบารมีของพ่อฟ้าฟื้นนี่เอง เห็นว่าตั้งแต่ได้พ่อไปบูชาธนาคารสาขานี้ที่พี่เค้าเข้าไปประจำ มีพนักงานสาวคนหนึ่งหน้าตาดีมาก ปกติมองอย่างไรก็ไม่มองตอบ แต่ตั้งแต่ได้พ่อไปรู้สึกว่าเค้าสนใจพี่ท่านมากขึ้นมีมองยิ้มหลบตาเหมือนเริ่มมีความรู้สึก และบางครั้งก็เสนอตัวมาช่วยทำธุรกรรมแทนพนักงานธนาคารท่านอื่น จนมีโอกาสได้คุยได้เบอร์และได้คบกันในระยะเวลาที่รวดเร็ว ก็สมหวังไปอีกคู่ ยินดีด้วยพนักงานธนาคารสมัยนี้ก็มีแต่เด็กสาวๆสวยกันจริงๆนั่นแหละ แอบอิจฉาเล็กน้อย555+ รอบเช้านี้ขอบารมีองค์พ่อขุนแผนคุ้มครองให้เทุกท่านป็นคนมีเสน่ห์มีพลังเมตตามหานิยมกันทุกคนนะครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
คาถาวันละนิด(คลาดแคล้ว)
พ่ออาจารย์ท่านให้มาพิมพ์ไว้อีกบทหนึ่ง
เอตัง พุทธานะสาสะนัง ทิปะทุตะ จะ วันนะ วัสสะ
พระคาถาบทนี้เมื่อจะใช้ ให้แต่งขัน 5 เทียนขาวหนักหนึ่งบาทคู่หนึ่ง แลดอกไม้ขาว บูชาคุณพระรัตนตรัยเถิด จากนั้นให้เขียนชื่อผู้ที่เราคิดจะช่วยเหลือใส่ในราศีของเขา (เวลาไหนราศีสถิตย์อยู่ส่วนไหนของร่างกายเคยลงไว้ให้แล้ว) หรือจะวาดหุ่นรูปคนขึ้นมา เขียนชื่อนามสกุลเขาไว้ในเพลาที่เราทำตามแต่จะพิเคราะห์ว่าเวลานั้นราศีสถิตย์อยู่ส่วนไหนก็ตาม จากนั้นเสกด้วยพระคาถานี้ 7 คาบ แม้นมีเคราะห์ถึงตายก็รอดพ้นแล แม้จะถูกใครฆ่าก็ฆ่ามิได้แลคลาดแคล้วถึงปานนั้น หากเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลหรือมีปัญหากับใครอันจะดลให้เกิดอันตรายให้ทำวิธีดังกล่าวก็หลุดพ้นแล เค้าฆ่าเราไม่ได้ ทำร้ายเราไม่ได้
หากมิกระทำตามกลวิธีดังกล่าวจะเอามาภาวนาก็ได้ เป็นมหาคลาดบทหนึ่งที่มีอานุภาพยิ่ง ถึงอาวุธจะพุ่งใส่เราทั้งแสนหอกดาบหรือลูกปืนยิงมาเป็นแสนห่าฝน ก็หาได้ถูกเนื้อต้องกายเราไม่ บ่มิได้มาถึงตัวเราเลย บรรพบุรุษปู่ย่าเวลาจะออกรณรงค์ด้วยสงครามได้ใช้กันมามากแล้ว
พ่ออาจารย์ท่านให้ไว้เป็นวิทยาทานใครจะเก็บเกี่ยวหรือไม่ก็สุดแท้แต่ใจ พระเวทย์และคาถาต่างๆนั้น ถึงจะบทเดียวกันหากเป็นคนละสำนักก็จะมีกลวิธีใช้พิศดารแตกต่างกันไป ก่อนจะเรียนเเละถือเป็นกรรมสิทธิ์นั้นพระคาถาทั้งหลายให้เจ้าขอกับคุณแก้วทั้งสามประการเถิดจะทำการสิ่งใดก็ประสิทธิ์นักแล
ทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการที่ทำงานมีความเสี่ยง หรืออาชีพอื่นๆที่เสี่ยงกับลูกปืนกับของมีคมกับชีวิต ควรจะถือไว้ภาวนานะ เสียเวลาไม่นานหรอกแค่ขอกรรมสิทธิ์กับคุณพระรัตนตรัย ขัน 5 เทียนคู่ ดอกไม้ขาว แต่เป็นของดีเป็นวิชาที่ได้กับตัว ถือได้จนตายทีเดียว อยากให้จำไปภาวนากันท่านที่ทำงานเสี่ยงๆทั้งหลาย -
เห็นมีคนถามว่าทำไมช่วงนี้เอาแต่คาถาเหนียวๆมาลง อะไรทำนองนี้ คือพ่ออาจารย์ท่านไม่ได้เน้นทำวัตถุมงคลเครื่องมงคลทางสายมหาอุตม์ สายเหนียวเท่าไหร่ แล้วทีนี้คนที่ติดตามอ่านกระทู้นี้ก็มีหลากหลายอาชีพ ที่ต้องการทางสายอุตม์สายเหนียวก็มี เลยเอาคาถามาลงให้ดีกว่าจะได้เอาไปฝึกสมาธิหัดบริกรรมใช้งานได้เองเป็นประโยชน์ดี อันนี้ก็ชี้แจงไว้เพื่อทราบ เดี๋ยวจะเอาทางเสน่ห์โชคลาภมาลงต่อ
-
-
อ่านเล่น
เรื่องจับพลังของพี่ท่านหนึ่งใน PM
บูชาตะกรุดหอมศีลไป เลี่ยมแขวนตลอดแต่ก็ไม่เคยอธิษฐานขออะไรนะครับ
วันก่อนเจอพี่ที่จับพลังได้ก็เลยขอให้ช่วยดูให้หน่อย
พี่เขารับไปสักครู่ แล้วบอกว่าตะกรุดเหมือนมีชีวิต ตอนรับมาก็มีพลังงานสูงแต่พอทักขึ้นมาก็เก็บพลังงานหมด แต่พออธิษฐานขอก็เหมือนมีชาร์จพลังงานขึ้นมาให้ชมอีก
ก็เป็นเรื่องน่าแปลกนะครับ -
-
ไม่เคยเล่นหวยมานาน วันนี้เอาตะกรุดทำหวยมาหยดน้ำมนต์ดูได้ 825 เลยซื้อไป เสี่ยงโชคครั้งแรก แอบดีใจถูกมา300บาท น่าจะได้ตังเป็นพันอยู่(มีคนบอกเกินหมื่นไม่รู้เท่าไหร่ไม่เคยเล่น):cool: คงจะงดซื้ออีกยาว ซื้อพอให้ยิ้มได้หอมปากหอมคอพอแล้ว
-
-
ใช่เลยแสนกว่าให้พี่ที่ไลน์มาคิดให้แล้ว แอบดีใจ:cool:
อย่าลืมสวดมนต์ทำสมาธิกันนะครับ เตือนๆ ทำทุกวันอย่าขาด ดีกับตัวเอง -
มีวัตถุมงคลรายการไหนให้บูชาได้บ้างครับ ?
- อ่านย้อนไปจนตาลายเหมือนจองเต็มหมด -
มีถามเข้ามาว่าทำอย่างไรจะดูให้ออกว่าวัตถุมงคลอันไหนศูนย์สร้างรึเปล่า
มันก็ตอบยากนะ คือความรู้สึกของตัวพวกเรามันควรจะบอกอะไรได้เยอะสุด ศูนย์สร้างในความหมายที่ถามนี่อาจจะเป็นพวกศูนย์พระ ร้านพระสร้างๆแล้วก็เสกวางขาย ไอ้แบบนี้จะดูง่ายๆเลยมันสวยเว่อร์เลย แล้วก็ปริมาณนี่สำคัญมาก เราดูในแต่ละรุ่นว่าปริมาณมันเกินกว่าที่เกจิท่านนั้นจะทำในเวลาฤกษ์ยามสั้นๆได้จริงมั๊ยแบบนี้มากกว่า ถ้าพระยันต์อะไรละเอียดนี่ไม่ต้องพูดเลย เพราะทำไม่ได้เยอะแน่นอน ถ้าจะทำเอาปริมาณเยอะๆฤกษ์ยามก็ต้องข้ามไป หรือไม่ก็จะเกิดกรณีตะกรุดดอกใหญ่จารตัวสองตัวขึ้นมา ก็หลายๆอย่างเพราะงานมันเร่ง ทีนี้นอกจากดูงานดูปริมาณแล้ว มันก็มีอีกเคทหนึ่งคือคำว่าศูนย์สร้าง หมายถึงตัวเกจิไม่ได้ทำเอง แต่กระจายงานออกไปยืมมือคนอื่นสร้างแบบนี้ก็มี อันนี้ก็จะได้ของทำมือจริงๆ แต่ไม่ใช่มือหรือเกิดจากพลังจิตเกจิที่เราศรัทธาแต่เป็นมือคนอื่นเสร็จแล้วก็เอามาเสก อันนี้มันก็ดูง่ายๆอีกก็ดูปริมาณนั่นแหละ
คือคำถามนี้เราก็ไม่ค่อยอยากตอบเท่าไหร่เพราะวงการเครื่องรางวัตถุมงคลยุคนี้มันทันสมัยมากแค่คิดจะทำมีทุนก็ทำไปแล้ว จะเอาสวยเอาเลิศแค่ไหนโรงหล่อก็มีให้ คนรับออกแบบก็มี นี่เป็นเหตุที่พ่ออาจารย์ท่านไม่ทำงานเหรียญปั๊มหรืออะไรที่ทำเองไม่ได้กับมือท่าน อย่างน้อยก็ให้เหลืองานโบราณที่ทำกับมือท่านเองทุกอย่างซักที่หนึ่ง
จะตอบให้ชัดก็เอาที่พวกเราคิดว่าสบายใจดีกว่า พูดมากไปจะไม่ดี เพราะผมเชื่อว่าหลายๆคนคงมีวิจารณญาณ มีตัวรู้พอจะดูออกกันอยู่แล้ว อีกอย่างก็เอาสั้นๆแค่ว่าเราศรัทธาดีกว่า ศรัทธาอะไร อันนั้นก็ดีนั่นแหละ ถ้ากังขาแบบนี้อะไรมันก็ไม่ดีทั้งนั้น อันนี้ตอบให้เป็นกลางๆไว้ เพราะวันๆหนึ่งมีคำถามสุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถนำมาตอบหน้าเพจได้เยอะมาก คือมันกระทบกับวัดอื่น กับคนที่เค้าทำเค้ามีผลประโยชน์จากวงการ มันก็จะเป็นว่าเราสร้างศัตรูที่มองไม่เห็นไป ก็เลยตอบง่ายๆไปว่าทุกสิ่งจบที่ใจเรา ใจเราชอบมั๊ย รักมั๊ย ต้องการมั๊ย อยากบูชามั๊ย แค่นั้นดีกว่า เพราะเราเป็นคนเลือกเอง ก๋อนเลือกก็ใช้วิจารณญาณเราดีๆ ผมเชื่อว่ามันมองไม่ยาก มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าศูนย์สร้างหรือไม่แก๊งไหนทำ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาพูดก็เท่านั้น -
ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทร
สืบเนื่องจากในอดีตนั้นท่านเคยทำเครื่องมงคลที่เกี่ยวกับสายบารมีขององค์อนันตนาคราช มหาพญานาคดึกดำบรรพ์ซึ่งเป็นโคตรบรรพบุรุษในมหาตระกูลสี่สายใหญ่ของเหล่านาคราชทั้งปวง ในวิถีญาณที่ได้สัมผัสพบเจอกับองค์อนันตนาคราชนั้น ท่านมีโอกาสได้รับรู้ถึงของวิเศษสิ่งหนึ่งที่พระองค์ผู้เป็นโคตรวงศ์จอมบาดาลได้พกติดพระวรกายตลอดเวลา นั่นก็คือมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทร ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านเองก็แคลงใจไม่น้อยว่าจอมพญานาคที่กล้าท้าเหล่าเทวราชทั้งหลายให้มาประลองฤทธิ์เล่นกัน จอมนาคที่เหล่าเทวดาชั้นผู้ใหญ่เกรงกลัวไม่มีใครกล้าสู้ฤทธานุภาพเช่นท่านจะพกสิ่งวิเศษเล็กๆทำไม
ด้วยว่าองค์อนันตนาคราชนี้คือพญานาคที่ทรงฤทธานุภาพสูงสุด มีกำเนิดเป็นพี่น้องที่เหลือรอดเพียงตนเดียวขององค์ครุฑพญาสุเรนทรชิต มีฤทธานุภาพไม่ด้อยกว่าหรือเป็นรองกันแต่อย่างใด เป็นทั้งนาคราชอาสน์พระวิษณุประทับ ซ้ำยังได้รับพรพิเศษเป็นเอนกอนันต์ประการจากพระผู้เป็นเจ้าทั้ง 3 อยู่เนื่องๆ ลำพังฤทธิ์อำนาจของพระองค์หากเกิดความพิโรธขึ้นมาจะล่มฟ้าจมดินทำลายโลกให้เป็นจุลมหาวิจุลภายในชั่วเวลาพริบตาหนึ่งเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะทรงฤทธานุภาพถึงปานนั้น เพราะเชื่อว่าเป็นการแบ่งพระภาคถาวรมาเกิดเป็นจอมนาคราชของพระวิษณุนารายณ์ ก็แล้วทำไมบรรพบุรุษนาคพันธุ์ในตำนานถึงต้องทรงมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรคล้องติดพระวรกายดุจสายสังวาลย์ไว้ตลอดเวลาด้วย
เมื่อสงสัยพ่ออาจารย์ท่านก็ได้เล่าว่า ท่านเพ่งดูก็พอจะรู้ว่าของวิเศษนี้มีฤทธานุภาพมากไม่ใช่ของธรรมดาแต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี จึงต้องเรียนสอบถามให้หายเคลือบแคลง ซึ่งพระองค์ก็ได้ให้ความกระจ่างว่า มหานาคบ่วงบาศก์นี้เป็นของวิเศษประจำพิภพบาดาล การเกิดขึ้นของสิ่งวิเศษคู่พิภพนี้อาจจะเกิดได้พร้อมกับวาระการกำเนิดของภพ หรือหลังจากนั้นไปแล้วอย่างสวรรค์ก็จะมีวชิราวุธ โลกมนุษย์ก็จะมีมหาจักรรัตนะมณีเช่นนั้น พิภพบาดาลก็เช่นกัน มีมหานาคบ่วงบาศก์อันประเสริฐนี้เกิดมาเพียงหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นของวิเศษคู่พิภพบาดาลเราจึงนำติดไว้ประจำกายตลอดมา ด้วยว่าเป็นสิ่งวิเศษสูงสุดเป็นที่ปรารถนาแย่งชิงของเหล่านาคราชทั้งหลาย แม้แต่องค์อินทราเทวราชยังต้องพระทัยต้องการจะนำไปไว้ในดาวดึงส์ เราจึงต้องนำมาไว้กับตัว ท่านทั้งหลายที่ต้องการถึงจะเกรงใจเราบ้าง
พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าหลังจากนั้นท่านก็ได้ทราบว่า มหานาคบ่วงบาศก์นี้คืออาวุธที่ร้ายแรงสูงสุดชนิดหนึ่ง หากรัดสิ่งใดแล้ว องค์อนันตนาคราชไม่ทรงพระเวทย์คลายออกก็จะรัดกัดกินแน่นเข้าไปเรื่อยๆทำให้เกิดความทรมานเหมือนร่างกายจะแตกดับเป็นธุลีแม้แต่องค์ครุฑพญาสุเรนทรชิตที่มีอานุภาพเสมอพระผู้เป็นเจ้านั้น ก็ไม่มีอานุภาพพอที่จะรอดพ้นมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนี้
พ่ออาจารย์ท่านจึงเรียนถามไปด้วยความสงสัยว่า มันวิเศษอย่างไรกัน ก็แค่นาคบาศก์ปกติจะกลัวองค์ครุฑหนักหนา พญานาคราชที่ไหนก็มีกันทุกตน พระองค์ท่านจึงตอบให้กระจ่างว่า อันมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนั้น แตกต่างจากนาคบาศก์ทั้งหลายทั่วไปราวปลายฟ้ากับก้นเหวลึก เมื่อเรามาอยู่พิภพบาดาลนั้นได้ครอบครองมหานาคบ่วงบาศก์เป็นเครื่องพิชัยยุทธ์ของเรา มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวงศ์บาดาล ของผู้เป็นเจ้ามหาชีวิตในนครบาดาลไป หลังจากนั้นวงศ์บาดาลก็แบ่งแยกเขตแดนแตกกระจายออกไปมากมาย ด้วยว่าลูกหลานของเรานั้นมีมาก พญานาคราชชั้นสูงระดับเจ้านครแต่ละตนนั้นก็จะบำเพ็ญตบะด้วยบารมีของตนเองเพื่อให้กำเนิดบ่วงบาศก์ขึ้นมา เป็นบ่วงนาคบาศก์คู่บารมีของตน ประจำนครบาดาลของตน ด้วยถือว่าเมืองบาดาลทั้งหลายที่แบ่งแยกออกไปก็ต้องการจะมีของวิเศษประจำพิภพบาดาลไว้ระลึกนึกถึงบ้าง ซึ่งฤทธานุภาพของนาคบาศก์แต่ละเส้นนั้นก็เป็นได้เพียงอานุภาพอันเกิดจากตบะของราชาพญานาคทั้งหลายเหล่านั้น ที่ท่านบอกว่านาคบาศก์ในชั้นหลังนั้นสู้ครุฑชั้นปลายแถวไม่ได้ก็เป็นเช่นนี้ แต่หากพญานาคนั้นมีตบะมีบารมีสูงก็จะให้กำเนิดบ่วงนาคบาศก์ที่มีฤทธานุภาพสูงขึ้นมาพอจะสู้กับครุฑจับกุมครุฑได้ก็มีถมไป ท่านอย่าได้เอานาคบาศก์ที่เกิดจากตบะญาณนั้นมาเทียบกับของวิเศษประจำพิภพบาดาลเลย มันไกลกันนัก แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม ท่านก็ยังไม่สามารถสร้างนาคบาศก์ที่มีฤทธิ์เสมอมหานาคบ่วงบาศก์นี้ได้
พ่ออาจารย์ท่านเมื่อทราบความเป็นไปจึงได้มีความสนใจและขอเรียนเคล็ดวิชาพันธนาการของมหานาคบ่วงบาศก์นี้ ซึ่งองค์อนันตนาคราชท่านก็ยินดีที่จะถ่ายทอดให้ จนกาลเวลาผ่านมาท่านมีดำริและได้สร้างสิ่งวิเศษขึ้นมาอย่างหนึ่งด้วยวิชาที่ได้รับการชี้นำมา ซึ่งวิชาการทำตะกรุดตำรับนี้เป็นตำรับที่ว่าด้วยสิ่งวิเศษที่ทรงมหิทธานุภาพสูงสุดแห่งพิภพบาดาล เอาชื่อตรงของอาวุธวิเศษนั้นมาใช้ เรียกว่ามหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนั่นเอง
พ่ออาจารย์ท่านได้นำเเผ่นตะกั่วลงถมมาลงพระยันต์นาคบาศก์เต็มสูตรและเดินพระมนต์เพื่อให้เกิดฤทธานุภาพเป็นเอนกอนันต์ประการล้อมไว้ จากนั้นจึงนำแผ่นเงินลงถมของเก่าที่ท่านทำเก็บไว้มาลงอักขระพระเวทย์ผูกมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรขององค์อนันตนาคราช เรียกว่าแผ่นเงินชั้นนอกนี้คือหัวใจของตะกรุดเลยก็ว่าได้
เมื่อได้ตะกรุดแล้วพ่ออาจารย์จึงนำมาทำการอุดผงสีดำสนิทล้วนๆ ท่านเรียกว่าผงนาคพันธ์ ด้วยว่าตอนท่านได้ผงนี้มาจากถ้ำสมัยธุดงค์นั้น ท่านมีนิมิตรเห็นพญานาคราชทั้ง 4 ตระกูลใหญ่ อันได้แก่
- ตระกูลวิรูปักข์
- ตระกูลเอราปัถ
- ตระกูลฉัพยาปุตต์
- ตระกูลกัณหาโคตมะ
ได้พากันเลื้อยเข้าไปในที่อยู่ของผงนี้ทีละตนๆ แล้วก็ไม่กลับออกมาเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดหลายวัน ท่านจึงขอเจ้าถ้ำและเหล่านาคราชทั้งสี่ตระกูลที่ดูแลผงนี้นำผงออกมา ด้วยว่าพ่ออาจารย์ท่านประสงค์จะเก็บไว้สร้างเครื่องรางที่เกี่ยวกับสายนาคราชโดยแท้จริงท่านจึงเรียกว่าผงนาคพันธุ์ เมื่อนำมาอุดตะกรุดแล้วปิดด้วยสีผึ้งท่านว่าดอกเดียวจะมีญาณของเหล่าพญานาคราชมากมายเข้าพิทักษ์รักษา แต่ละตนนั้นก็ครอบครองทรัพย์สมบัติมากมาย ใครที่มีญาณของเหล่าพญานาคอยู่กับตัวนั้นจะร่ำรวยมีโชคมีลาภบ่อยๆถี่ๆโดยไม่รู้ตัว ซ้ำยังจะเป็นคนมีเสน่ห์ในตัวอย่างมากดั่งเหล่านาคราช มีแต่เพศตรงข้ามที่มีเชื้อสายดีเป็นชนชั้นสูงปรารถนาจะเข้าหามาทำความรู้จัก ยิ่งบรรจุไว้ในตะกรุดมหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนี้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าตัดทิ้งไปได้เลย ไม่ต้องกลัวสิ่งใดจะข่มเราได้ ไม่ว่าจะบารมีองค์ครุฑหรือสิ่งใดๆก็ตาม ข่มไม่ลงทั้งสิ้น
เมื่อจะเสกท่านได้เชิญองค์อนันตนาคราชมาลงเสกแฝงฤทธิ์บ่วงนาคบาศก์เส้นเอกของพระองค์ท่านลงไป ซ้ำเมื่อเสกเสร็จยังมีนิมิตรเห็นเหล่าราชาพญานาคมากมายพากันเลื้อยลงไปยังตะกรุดนี้นับร้อยพันเป็นเวลาติดต่อกันถึงสามคืน ดุจจะพิทักษ์รักษามหาสมบัติแห่งพิภพบาดาล และมาให้คุณกับผู้ครอบครองจริงๆอย่างใดอย่างนั้น
ตะกรุดนี้มีอานุภาพมากประดุจว่ามหานาคบ่วงบาศก์นี้จะรัดจะคลายสิ่งใดในโลกก็ได้ทั้งคุ้มครองป้องกันภัยจากศัตรูที่มีอำนาจมาก ก็ดูองค์สุเรนทร์มหาครุฑท่านยังกลัวบ่วงบาศก์นี้แค่คนจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ทำอันตรายเราไม่ได้ จะรัดสิ่งใดเข้ามาไว้กับตัวก็ได้ทั้งนั้นจะใช้เล่นทางเสน่ห์ ทางแสวงหาทรัพย์ จะสะกดอสูรกายภูติผีเทวดาเกเรใช้ได้ทั้งหมด ท่านให้คาถาและวิธีใช้มาพร้อมแล้ว
เมื่อจะใช้ให้ตั้งจิตให้ดี กราบพระเสร็จค่อยทำ ปรารถนาจะให้มหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรนี้รัดรึงสิ่งใดตั้งจิตให้ดี นึกถึงสิ่่งที่เราปรารถนาต่างๆโดนบ่วงบาศก์นี้มัดคล้องไว้ไม่คลายออกไม่ว่าจะเป็นแก้วเเหวนเงินทอง ความรักการงาน ศัตรูหรืออะไรก็ตาม ตามแต่ที่เราจะนึก กำหนดรูปขึ้นมารัดมันเอาไว้ ถ้าเป็นโชคลาภการงานความรักหญิงสาวมันก็จะมาหาเรา เป็นคนก็จะผูกใจไว้กับเราไม่ไปไหน ถ้าเป็นศัตรูมันก็จะโดนทำลายไปเองหรือในระหว่างที่เรามัดมันไว้มันก็จะคิดร้ายทำอันตรายใดๆกับเรานั้นไม่เกิดผลเลย เมื่อใช้เสร็จปรารถนาจะคลายบ่วงบาศก์ออกเมื่อใดจากสิ่งที่เราพันธนาการไว้ ก็ให้ว่าคาถาคลายออก อย่าเอาไปทำเล่นๆต้องการสิ่งใดค่อยหมั่นทำหมั่นบริกรรมจะได้ไม่เป็นเวรกรรมแก่ตนเอง ท่านว่าการรัดนั้นจะแรงเท่าความปรารถนาเท่ากำลังใจของเราเอง
ลำพังพกไว้เฉยๆก็มีอานุภาพมากมายเป็นที่เกรงกลัวของเทพยดาและเหล่าภูติผีอสุรกายทั้งปวงมากพออยู่แล้ว ซ้ำยังเป็นสัญลักษณ์มงคลปรับธาตุปรับขันธ์ให้สมดุลย์กันไม่มีโรคภัย เป็นสัญลักษณ์ของการมีกินไม่รู้หมด ต่อยอดออกไปเรื่อยๆถึงขั้นเป็นคหบดีมหาเศรษฐี ผู้ใดที่มีมหานาคบ่วงบาศก์คล้องไว้กับตัวจะดึงดูดโชคลาภและสิริมงคลชั้นสูงมาสู่ตัวเองแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
วิธีใช้
ให้ภาวนาคาถากำกับดังนี้
(ภาวนาบูชา) มะเรนะโส นัง ตะตะ มังมัง รักขันตุ ราชะราชัง สัพพะนาคานัง ปิโยเทวะมะนุสสานังนะ นะมะพะกะ สะตะมุ นะมะปัตติโย วิโมมะมะ พะกะสะ ปิโยนาคะ ตะสุปันนานัง พะพะมะกะสะ ปิยินทรียังนะมามิหัง ทะมะพะกะสะ อะหังพันธะโต อะหังพันธตัง ปะกาทียังปะสาทานิ
(ปลุกมหานาคบ่วงบาศก์) อสีสะติ ธาเจวะ สัพเพเต อาวุธานิจะ ภัตตา สิ จุนานิ โลมังมาเป นะผุสสันติ นะมิหัง เสพุ เสวะ เสตะ อะเส อุทัง อะโททัง อะโทอุทัง โทอุทัง อะจิปิเสติ มะอะอุเสวะ พรหมมะหัสสะปาทา ปฏิเสวามิ จะวากัสสะ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ อรหังสุคโตภควา กายะสิทธิสวาหะ ประสิทธิเม
(ปลุกใหรัดกำหนดรูปทางเสน่ห์ใช้กับคนที่สูงเกินเอื้อมดีนัก) ปิโยเทวะ มนุสสานิ อิตถี ราชัง ปิยังมะมะ ปิโยพรหมมานะมุตตะมัง ปุริสะราชัง ปิยังมะมะ ปิโยนาคะสุปัณณราชา ราชัง ปิยังมะมะ ปินินทรียัง มหาเสน่หัง ปิยังมะมะ
(ปลุกกำหนดรูปให้รัดสิ่งต่างๆไว้กับตน) อิติจาหิ ทเปสิตาวะอิเทวัตถิจาหิ อุตตะ คุตโตยะ พันธนัง ติฏฐันติเตชะสา พุทธานุภาเวนะ ธัมมา สังฆา อิสรา นาคานุภาเวนะ ติถันติ พุทธัตเตนะ ธัมมัสสีคัตเตนัง อิมังกายยะพันธนัง อธิฏฐามิ
(คลายออก) ระชุทา สังระชุทันทะพันธา ปะมุนทันติ
เมื่อได้ไปแล้วให้หาหลอดเลี่ยมไว้ แล้วนำมาแช่ในภาชนะที่ใส่น้ำสวดบูชาเรื่อยๆพ่ออาจารย์ว่าจะยิ่งมีฤทธิ์มากขึ้นไปอีก ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าไปในตะกรุด และหากจะใส่ก็อาราธนาสวมคอดุจเราคาดสายสังวาลย์มหานาคบ่วงบาศก์กลืนสมุทรไว้ เมื่อถอดออกก็นำมาวางไว้ในภาชนะที่บรรจุน้ำที่เดิม แนะนำว่าไม่ควรเปลี่ยนที่ และเหล่านาคราชที่อาศัยในอาณาบริเวณที่เราอยู่นั้น จะค่อยๆเริ่มมาบูชาตะกรุดเอกของวงศ์บาดาลนี้เอง เค้าจะนำสิ่งดีๆมาสู่ผู้บูชา
* ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านทำไว้เพียง 16 ดอก ท่านอธิษฐานให้ผู้ที่มีบุญผูกพันธ์กับสายบารมีเคยมีพระชาติร่วมพงศ์ในวงศ์บาดาลจริงๆเป็นลูกหลานของเหล่านาคราชได้ไปครอบครอง ลูกหลานคนไหนที่มีความประสงค์จะเอาไปใช้มีความต้องการบ่วงบาศก์นี้ก็ค่อยขอบูชามา เพราะทำยากมากนัก ผงนาคพันธุ์ก็หมดแล้วจึงมีแต่รุ่นหนึ่งไม่มีรุ่นสอง
* เปิดรับจองทาง PM เท่านั้น รายได้ท่านจะนำไปสมทบทุนร่วมสร้างบันไดพญานาคอันมีในศาสนสถานตามวัดต่างๆในชนบทต่อไปไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รบกวนสอบ๔าม
จองไว้ต้องโอนเงินเมื่อไรครับ
ถ้าชำระสิ้นเดือนตุลาได้ ขอจองครับ -
เห็นถามเข้ามาว่าดูยังไงว่ามีเชื้อสายมั๊ย ที่จริงในเเถบสุวรรณภูมินี้ก็ถือว่าสืบเชื้อสายมีความสัมพันธ์กับพญานาคกันอยู่แล้วโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์แถบนี้ ถ้าจะดูความสัมพันธ์มันก็ต้องมองที่ความรู้สึกแต่ละคนแล้วล่ะว่าจะเป็นแบบไหน มีอดีตชาติร่วมกันมั๊ย เคยฝันเห็นพญานาคเห็นเมืองบาดาลก็ดีหรือว่าเคยมองพญานาคแล้วรู้สึกมีความผูกพันธ์ลึกซึ้งบ้างมั๊ย ตอบด้วยใจตัวเองนะคำถามนี้ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เมื่อวานที่คุยไลน์กับพี่ๆหลายๆคนมา ปรากฏว่ามีคนที่ใช้เครื่องมงคลของพ่ออาจารย์ ถูกหวยตัว825 เลขเดียวกะผมเลย 7 คน บางคนก็ 50 บาท บางคนก็เท่ากับผม บางคนก็ 500 บาท ถามๆกันดูก็มีฝันบ้างมีคนมาบอกบ้างแค่ห้อยเครื่องมงคลของท่านอยู่
จะว่าไปไอ้หวยนี่เราก็ไม่ได้เล่นนาน คือนิมิตรมันออกแล้วแล้วคนนั้นคนนี้ก็ไลน์เข้ามาคุยบอกเลขตรงกับเราเลยเสี่ยงซื้อดูไม่ได้เล่นประจำอะไรถูกมาก็เอาไปทำบุญหมดไปเกือบครึ่งแล้ว แต่ก็ขอบใจพี่ๆทั้งหลายที่มีอะไรก็เอามาแชร์ ไลน์มาพูดคุยกัน ทำให้เรามั่นใจกล้าซื้อ ก็ถือว่าเป็นกำลังใจดี พี่บางท่านก็ดีใจมากที่ถูก 500 นี่ เค้าบอกว่าไม่เคยถูกหวยมาก่อนเลยในชีวิตถึงกับพอหวยออกมีคนโทรหาเราเพียบเลยรับบ้างไม่ได้รับบ้าง ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่ายินดีปรีดานัก อะไรที่มันเป็นความสุขจะใหญ่หรือเล็กก็ดีใจด้วยแหละนะ -
คาถาวันละนิด(ปลุก)
อันนี้พ่ออาจารย์ท่านให้เอามาลง ก็มีหลายคนได้บูชาเครื่องมงคลไป พระคาถาที่จะให้ในวันนี้ก็เอาไว้ปลุกองค์พระที่บูชาไปนั่นแหละ ก่อนจะอาราธนาขึ้นห้อยคอ กล่าวคือสำรวมจิตและว่าภาวนาพระคาถานี้ก่อนจะอาราธนาเครื่องมงคลทั้งหลายติดกายไปไหนด้วย ต้องทำความเข้าใจนิดนะว่าไม่ใช่คาถาเอาไว้อาราธนา แต่เป็นการปลุก จะใช้อย่างไรก็แล้วแต่ จะปลุกเพื่อความสบายใจ เพื่อให้มีฤทธานุภาพมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงไวขึ้น หรือจะปลุกเพื่อจับพลังเองลองทำดู แล้วแต่ว่าจะใช้อย่างไร ถ้าจะปลุกจับพลังก็ระวังของขึ้นกันไว้ด้วยในกรณีคนที่มีสัมผัสพิเศษค่อนข้างไว วิธีใช้ภาวนาคือจำให้ขึ้นใจ กำองค์พระและเครื่องมงคลทั้งหลายไว้ ท่องไปเรื่อยๆ ถ้าจะให้ประสิทธิจริงๆควรตั้งใจทำทีละชิ้น
พระคาถาว่าดังนี้ ตั้งนะโม 3 จบ
อิติ ภควา พุทโธ โลเก ทิสวา ติทาโมกขะ ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระนัง ฆะเตสิ ฆะเตสิ อะหังปิตตัง ชานามิ ชานามิ หัตตะเลหิ หัตตะเลหิ มาริภัททะนัง มาริทัททัง มาริทัททัง กัตตะ กัตตะ ภัคคะ ภัคคะ
เมื่ออาราธนาด้วยพระคาถาแล้วเสมือนหนึ่งว่าเราได้ปลุกรูปเครื่องมงคลและวัตถุรูปแทนพ่อแม่ครูอาจารย์เหล่านั้นด้วยตนเองทุกวัน องค์พระนั้นจะมีกำลังมาก ที่สำคัญคือยิ่งทำยิ่งเข้าถึงใจราได้ง่าย ต่อไปเวลาจะใช้จะอาราธนาอะไรก็เห็นอิทธิคุณสะดวก เพราะเราเป็นผู้ปลุกรูป ปลุกพลังงานในองค์ท่านขึ้นมาเป็นประจำทุกวัน ใช้ได้กับเครื่องมงคลของพ่ออาจารย์ทกอย่าง ให้จำเอาไว้ใช้ภาวนา -
ครู
ก็มาคุยกันสบายๆในรอบวันหยุดกันนะครับ ต้องยอมรับว่าตอนนี้กระแสหน้าพรานบุญมาแรงจริง มีถามเข้ามาในไลน์ในPM โทรมาคุยเยอะมากเลย
งั้นก็จะเล่าให้พอทำความเข้าใจแล้วกัน จะได้ไม่ต้องถามกันถี่ มันคือวิชาสายโนราห์นี่แหละ เราต้องรู้ก่อนนะว่าคำจำกัดความคำว่าครูแต่ละสายเป็นอย่างไร เรามักจะคุ้นกันถึงหัวครูศรีษะพ่อแก่ใช่มั๊ย เวลาครูบาอาจารย์ที่ไหนเอามาลงครอบก็จะบอกว่าเป็นตัวแทนครูฤาษี ครู108 พูดกันง่ายๆอยู่แค่นั้นแหละ
บางที่ก็จะเอาเศียรอื่นมาลงครอบ อาจจะจำกัดไปเป็นฤาษีองค์นั้นองค์นี้ เศียรพระพิราพบ้าง เศียรพระเคณศบ้าง พระพรหมบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่ว่าในพิธีนั้นครูอาจารย์จะให้ความสำคัญกับครูองค์ไหนเป็นพิเศษ ดึงรูปท่านมาเป็นประธานเป็นตัวแทนครูทั้งหมดครอบให้แก่ศิษย์
ทีนี้ครูโนราห์ก็เช่นกัน เป็นครูที่มีศักดิ์สูง มีอาถรรพ์แรงกล้ามากๆ เวลาบวงสรวงก็จะจัดเศียรครูเรียงตามลำดับ สูงสุดคือพระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม มีพระอิศวรตั้งเป็นเศียรประธานแล้วก็ไล่ลงมาเป็นเศียรองค์อินทร์ พระพิฆเนศวร พระพิราพแล้วก็จะมีมงกุฏที่เรียกว่าเทริดโนราห์นี่แหละประกอบอยู่ในแท่นวางเศียรครูสำคัญๆด้วย เพราะมงกุฏโนราห์นี้เป็นครูใหญ่สายละครนอก เราคงรู้กันนะว่าสมัยก่อนบ้านเราการแสดงแบ่งเป็นละครในละครนอก เทริดโนราห์ก็เป็นสิ่งแทนสรรพวิชาและครูของสายละครนอก
อธิบายอย่างนี้พอรู้เรื่องนะ แล้วก็มาเข้าเรื่องพรานบุญกัน ที่ถามกันว่าทำไมนิยมนั่นแหละ พรานบุญนี้ก็เป็นครูสายวิชาครูโนราห์อีกที ครูโนราห์นั้นจะแบ่งเป็นครูที่เคยมีชีวิตจริง เป็นปู่ครูย่าครู กับครูสายโนราห์ที่เป็นบุคคลในเรื่องเล่า ในตำนานบรรพกาลของโนราห์ฝั่งใต้นั่นแหละ ซึ่งถ้าเป็นบุคคลในเรื่องเล่าตำนาน หรืออาจจะเป็นผู้มียศศักดิ์ในสายละครโนราห์ที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ได้รับการเคารพศรัทธาก็จะเรียกว่าราชครูโนราห์ ดังนั้นในวรรณคดีตั้งแต่ตัวพระราชา พระราชธิดา พระนัดดา ตลอดจนเสนาบดีอะไรทั้งหลายทั้งปวงรวมไปถึงตาพรานด้วย ทุกคนคือบุคคลในตำนานของสายวิชาโนราห์จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นราชครูโนราห์ทั้งหมดทั้งปวง
อันนี้เป็นความเชื่อนะ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะมีแรงครูสูง มีจิตวิญญาณที่ตายไปสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีอาถรรพ์ที่เรียกว่าแรงและเฮี้ยนในสายโนราห์เลยก็ว่าได้แฝงกำกับให้คุณให้โทษกับผู้ถือครูอยู่ ใครไปดูถูกผิดครูนี่จะเกิดอาเพศต่างๆนานา ไม่ต้องไปดูถูกถ้าไม่เชื่อหรือไม่เคารพ เพราะครูใคร เค้าก็รักเค้าก็เทิดทูนครูของเค้า ขึ้นชื่อว่าครูนั้นล้วนศักดิ์สิทธิ์ด้วยฤทธิ์แรงครูที่สืบทอดมาสมัยบรรพกาลทั้งสิ้น
ทีนี้หน้าพรานบุญ ก็เหมือนเราห้อยเศียรของราชครูโนราห์องค์หนึ่งนั่นเอง ศักดิ์ของท่านเหมือนเทพเหมือนฤาษีบ้านเรานี่แหละ เพราะได้รับการเคารพยกย่องว่าเป็นครูจึงไปดูถูกไม่ได้ เหมือนเราห้อยเศียรพ่อแก่เศียรพระพิราพเพราะเราเชื่อว่าขลัง ว่าเป็นเศียรครูอย่างไรอย่างนั้น ต้องทำความเข้าใจว่า สิ่งที่จำกัดความหมายวิชาความรู้มันมีหลายสาย เพราะความรู้มันมีหลายแขนง แต่ละสายอาจจะถือครูไม่เหมือนกัน แต่ก็จบที่คำว่าครูซึ่งมีความหมายเท่าเทียมกัน เป็นสิ่งแทนครูเหมือนกัน เหมือนสายละครนอกเคารพครูโนราห์ สายแพทย์ก็มีครูชีวกโกมารภัจน์เช่นนี้ เป็นต้น
ทีนี้มันก็อยู่ที่ผู้ศรัทธานั่นแหละ ขึ้นชื่อว่าครู ถ้าศิษย์ดีครูดี ใครก็ข่มก็รังแกเราไม่ได้ มีอิทธิคุณครบเครื่องทุกอย่างนั่นแหละ ไม่ต้องถามหรือสงสัย ว่าทำไมพรานบุญถึงมาดังตอนนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าท่านมีศักดิ์เป็นครูมานนานหนักหนาหลายร้อยปีแล้ว มีความศักดิ์สิทธิ์มานานนม มีศิษย์ที่สืบทอดสายวิชาโนราห์เคารพบูชามานานแล้ว แต่เซียนเพิ่งปั่น คนเพิ่งเห่อนั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมเพิ่งดัง ทำไมเพิ่งแพง ก็รักใครเชื่อมั่นใครศรัทธาครูองค์ไหน มันคือความรักความชอบของเรา เอาที่สบายใจแล้วกัน
แต่ถ้าจะเลือกจริงๆเลือกครูที่เหมาะกับชีวิต เหมาะกับวิชาชีพการทำมาหากินเราดีกว่า นี่ถ้าถามเข้ามากันบ้างนะว่าใครประกอบอาชีพอะไร เหมาะจะใช้ครูองค์ไหน ผมจะรีบให้พ่ออาจารย์ท่านดูให้และตอบกลับเลย ส่วนจะไปสรรหามาจากไหนเอามาบูชาก็เป็นเรื่องของท่าน แต่จะบริการตอบให้ไม่คิดตังค์อะไรเลย เพราะหลายๆท่านมักจะหลงกระแส เห็นว่าแพง เห็นว่านิยม ก็เอากะเค้าด้วย ความจริงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับชีวิต กับเชื้อสายเผ่าพันธุ์ กับการประกอบอาชีพเราเลย มันจะดีกว่ามั๊ย ถ้าแต่ละคนเลือกบูชาครูให้ถูกกับชีวิต กับภารกิจ การประกอบอาชีพและกิจการของตนเอง
อันนี้ก็ถือว่าตอบให้อ่านกันแบบรวมๆไม่ได้เจาะจงตอบใครเป็นคนๆ ถือว่าจับเข่าคุยกันสบายๆในวันหยุดสบายๆ รู้ก็พอจะอธิบายได้ตามที่เรารู้ -
ร่วมทำบุญรับ น้ำผึ้งกลีบเกสรภมรเคล้าสุคนธ์ 9 ป่า 9 นคร (น้ำผึ้งป่าเดือน5)
จากที่เคยแจ้งให้ทราบไปแล้ว ว่าชาวเขาชาวป่านั้นมักจะหาน้ำผึ้งมาให้พ่ออาจารย์ทุกปีเหมือนหามาเพื่อให้ครูบาอาจารย์ท่านเสพท่านกินเพื่อสุขภาพโดยจะหาจากแหล่งป่าและนครร้างโบราณเก่าแก่ที่มีผึ้งทำรังอยู่ถึง 9 ป่า 9 นครด้วยกัน พวกเค้าจะเพียรเสาะหาตามสถานที่เหล่านั้น และท่านเองก็กำชับไว้เสมอด้วยว่าต้องเป็นน้ำผึ้งเดือน 5 เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาท่านจะนำรังผึ้งที่ตีรังได้จากในป่ามาเก็บไว้เคี่ยวกวนทำสีผึ้ง ส่วนน้ำผึ้งท่านก็จะนำมาเสกด้วยวิชาเฉพาะสายในดง เพื่อเก็บไว้บริโภคเองและแจกจ่ายกลับไปให้ชาวเขาชาวป่าที่เขาไปเสาะแสวงหาตีรังผึ้งมาถวาย ซึ่งหากได้รับกลับไปเขาจะหวงแหนน้ำผึ้งเสกนี้กันมากมักเก็บไว้ของใครของคนนั้นนำไว้ใช้ดื่มกินกันเองภายในครอบครัวเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้นพ่ออาจารย์ท่านเองก็ยังบริโภคน้ำผึ้งนี้มาตลอดทุกๆวัน วันละหนึ่งช้อนชา
ท่านว่าการกินน้ำผึ้งนั้นแม้ไม่ได้เสกก็ดีอยู่แล้ว เพราะมันช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุในร่างกายเรา บำรุงลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายดีไม่ทำให้ท้องผูกเป็นแผลในลำไส้ จะปวดข้อเป็นตะคริวบ่อยหรือโรคอ้วน ทานน้ำผึ้งเป็นยาได้ทั้งนั้น จะกินเป็นยาอายุวัฒนะก็ได้
ที่ต้องจำเพาะเจาะจงให้หาเก็บน้ำผึ้งป่าในเดือน 5 เท่านั้นเดือนอื่นไม่เอา ท่านว่าเพราะนี่เป็นยอดน้ำผึ้ง ถ้าเก็บในเดือนอื่นก็จะไม่ได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพในระดับเดียวกันนี้ เพราะว่าคุณค่ามันต่างกัน น้ำผึ้งเดือน 5 นั้น มันอยู่ในช่วงฤดูที่มีปริมาณความชื้นในอากาศน้อย เกสรดอกไม้ว่านยาต่างๆก็มีมาก ผึ้งเค้าจะเก็บเกสรดอกไม้มาจากในป่าทั้งดอกไม้และสมุนไพรนานาพันธุ์ ทำให้น้ำผึ้งที่ได้ในเดือน 5 นั้นมีความเข้มข้นและมีฤทธิ์ทางยาสูงมาก กินบำรุงดีกว่าน้ำผึ้งทั่วไป
เมื่อได้น้ำผึ้งป่า เดือน 5 9 ป่า 9 นคร มาแล้ว ท่านได้นำมาเสก ชุมนุมเทพเทวดาและครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เพื่อที่จะขอ ท่านว่าเราขอของทิพย์ ขอว่านยา ขอสมุนไพร ด้วยเดชานุภาพและฤทธานุภาพแห่งพ่อแม่ครูอาจารย์และเหล่าเทพยดาเจ้า อะไรที่ผึ้งเค้าหาไม่ได้ ที่มันมีเฉพาะในภพภูมิอื่น ในเทวโลกหรือในสถานที่ใดๆอันเกินวิสัยเราสุดจะหยั่งได้ ให้เหล่าครูฤาษีผู้เชี่ยวชาญทางว่านยาและพ่อแม่ครูอาจารย์ตลอดจนเทพยดาเจ้าทั้งหลายท่านสงเคราะห์เอามาใส่เอามาประทานให้ใส่ลงไปในหม้อน้ำผึ้งนี้ ตัวท่านก็เจริญทิพย์มนต์ไปตลอด 9 วัน เมื่อครบกำหนด ปรากฏว่าฝูงผึ้งมากมายบินมาลงไปในหม้อน้ำผึ้ง เหมือนจะรู้ว่ามียอดของดีอยู่ในนั้น ที่ตายลงไปอยู่ในหม้อน้ำผึ้งนี้ก็มาก พ่ออาจารย์บอกว่าแม้แต่ผึ้งที่เค้ารู้ว่าเกสรอะไรดียังรู้คุณค่าบินมาดอมดมร่วมเสพย์ร่วมกิน พร้อมจะยอมตายพลีร่างกายลงไปในน้ำผึ้งนี้ สำเร็จแล้ว น้ำผึ้งนี้ไม่ใช่ของธรรมดา มีอิทธิคุณแฝงทางมหานิยมอย่างยิ่ง แม้ใครได้ดื่มกินนอกจากจะเป็นยอดยารักษาธาตุ บำรุงกำลัง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นยาอายุวัฒนะแล้ว ยังส่งเสริมให้มีอานุภาพของเสน่ห์ เมตตา มหานิยมเสพย์เข้าไปโดยตรงในร่างกายเราอีกด้วย
หลังจากนั้นท่านก็เอามาเสกด้วยพระมนต์มหาเสน่ใหญ่ มหาเมตตาใหญ่อีกมากมายหลายบท รวมทั้งสวดถอดถอนให้แก้โรคเวรโรคกรรม โรคจรต่างๆด้วย
พ่ออาจารย์ท่านว่า ให้จำกันเอาไว้ว่าจะเเขวนจะห้อยสิ่งใด มันก็ไม่เท่าเสพย์และรับเขาไปโดยตรง เพราะถ้าเรากินนี่เหมือนเราเอาสิริมงคล เอาเสน่ห์ เอาเมตตา เสพย์เข้าไป ดื่มกินเข้าไปในเวลาทุกๆวัน เหมือนเราได้เสกร่างกายตนเองให้มีอิทธิคุณ เพราะมันจะคงเหลือและค้างอยู่ในร่างกายเราตราบนานเท่านาน แม้ไม่ต้องใส่อะไรถอดอะไร มันก็จะเหลือจะคงอยู่แบบนั้น
น้ำผึ้งเสกนี้ ท่านว่ามันดีนะ อยากให้กินกันจริงๆ เพราะสุขภาพของตนเองนั้นมันซื้อหาที่ไหนไม่ได้ พ่ออาจารย์ท่านทำพิธีลงตะกรุดไว้สองสาย สองดอก
- ดอกหนึ่ง เป็นวิชาสายบรมครูสมเด็จโต
- ดอกสอง เป็นวิชาสายเจ้าปู่สำเร็จลุน
ท่านว่าเสริมให้ยิ่งขึ้นไปอีก เอาอานุภาพของตะกรุดทั้งสองนี้ดองแช่ไว้ในน้ำผึ้ง เสมือนน้ำผึ้งนี้มีตัวกระตุ้นมีประจุไฟที่ได้รับการเสกตลอดเวลา เมื่อดื่มกินจะเสริมพลังงานธาตุขันธ์ ฟื้นฟูร่างกาย ทำให้รู้สกสดชื่น มีกำลังวังชา กะปรี้กะเปร่า ไม่เป็นคนขี้โรค แม้มีอวมงคลอะไรเหลือติดอยู่ในร่ากายนี่ รับคุณวิชาเสพย์กินเข้าไปโดยตรง จะคุณไสยฝ่ายต่ำ อวมงคล เสนียดจัญไรทั้งหลาย โรคเวรโรคกรรมทั้งหลายมันถ่ายถอนออกหมด ของดีด้วยธรรมชาติ เสริมด้วยอาถรรพ์แห่งคุณวิชาทั้งสองสาย ท่านว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก ถ้าเขารักตัวเอง อยากให้อะไรในชีวิตในตัวตนเค้ามันดีขึ้น เค้าจะมาเอากันเอง
เมื่อจะบริโภค
พ่ออาจารย์ท่านให้บริโภคในทุกวัน ท่านว่าให้กินหลังจากสวดมนต์เสร็จ แผ่เมตตาแล้ว ให้ตั้งจิตขอขมาพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เราล่วงเกินไปทั้งหลาย ว่า
โยโทโส โมหะจิเตนะ อาจาริยัสมิง ปะกะโตมะยา ขะมะขะเม กะตังโทสัง สัพพะปามังวินาสสันติ อตีตังโทสัง ปัจจุปันนังโทสัง อนาคตังโทสัง กายะกิริยังกัมมัง วจีกัมมัง ผัสสะวัตถุ วัตถาโทสัง อนุเสสะโทสัง ภันเต ขมามิ
ท่านว่าให้ตั้งใจนะแล้วก็สำรวมจิตขอขมาพ่อแม่ครูอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเคยได้ล่วงเกินทั้งหลายอีกที เสร็จแล้วค่อยกิน ท่านว่าเขาเหล่านั้นจะได้ผ่อนปรนไม่ขัดขวางฤทธิ์และอานุภาพของว่านยาต่างๆ กินแล้วจะได้ไม่เสียของ จะได้ดึงเอาอานุภาพสูงสุดของว่านยาที่ครูอาจารย์และเทพยดาทั้งหลายท่านหามาใส่ไว้ออกมาได้ ตั้งจิตตั้งใจกันดีๆ
ท่านว่าน้ำผึ้งนี้ใช้แทนสีผึ้งได้นะ ก่อนออกไปไหนจะเอามาเจิมหน้าผากเจิมคิ้ว วนปาก เป็นมหาเสน่ห์มหาเมตตาทั้งสิ้น ภาวนาว่า "เมตตาคุณณัง อรหังเมตตา" เท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว ถ้าอยากให้วัตถุหรือเครื่องมงคลใดก็ดีมีอานุภาพทางเสน่ห์มหานิยมสูงขึ้น ท่านว่าไม่ต้องไปหาน้ำมันผีน้ำมันพรายที่ไหนมาเจิมหรือมาเลี่ยมเสริมเข้าไปหรอก ให้เอาน้ำผึ้งป่าเดือน 5 9 ป่า 9 นคร นี่แหละ จะเจิมหรือจะเลี่ยมเข้าไว้ด้วยกันแบบเลี่ยมน้ำมันเลยก้ได้ จะเสริมให้มีอานุภาพมากกว่าเดิมนับ 10 เท่าเลยทีเดียว
พ่ออาจารย์ท่านกำชับว่า ตะกรุด 2 ดอก ที่เหลือข้างในขวดนั้น เมื่อกินจวนจะหมดแล้ว ให้เอาไปเลี่ยมกับน้ำผึ้งที่เหลืออยู่นิดหน่อยห้อยติดตัว เป็นเครื่องรางทางสายเมตตา มหาเสน่ห์ เสริมพลังธาตุ เสริมกำลังกายตนเองต่อไป
* น้ำผึ้งนี้พ่ออาจารย์ท่านทำไว้ 30 ขวด มีลงเหล็กจารที่ฝาปิดเสริมทุกขวด ใครจะร่วมทำบุญรับก็ PM เข้ามา เราเลือกใช้ขวดที่ค่อนข้างแข็งและพ่ออาจารย์ท่านเอาพลาสติกคลุมรัดหนังยางไว้ชั้นหนึ่งก่อนปิดฝาแล้ว ผมลองเขย่าดูแล้วว่าไม่หกเลอะเทอะเเน่นอน ถามไปรษณีย์แล้วเขาว่าส่งได้ แต่ก็ต้องรีบกันหน่อยเพราะบางคนจองไว้ คนละ 2 ขวด 5 ขวด ก็มี ถ้าหมดแล้วต้องรอปีหน้าเลย เพราะท่านเสกตก 4- 5 เดือน รายได้ที่ได้จากน้ำผึ้งนี้ท่านจะไปมอบให้ไว้สร้างโอกาสทางการศึกษา ให้แก่ลูกหลานชาวเขา ที่เค้าไม่มีจริงๆต่อไป ให้เค้ามีปัญญา มีความรู้ ท่านว่าเหมือนให้แสงสว่างแก่ชีวิตคนอื่น ตัวเองก็จะได้รับแสงสว่างกลับไปเช่นกันไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง
- ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
- ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดูมีน้ำมีนวลเป็นธรรมชาติ
- พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่นและนุ่มนวล หลังล้างหน้าเสร็จให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
- ช่วยบำรุงรักษาผิวหน้าที่แห้งแตกลอกเป็นขุย ด้วยการนำไข่แดง 1 ฟองผสมกับน้ำผึ้งผสม 1 ช้อน คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก
- ช่วยบำรุงสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
- ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนัง
- ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสวยเงางาม หลังสระผมเสร็จให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก
- ช่วยบำรุงเสียงให้ใส ลดอาการเจ็บคอ
- ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตันบนใบหน้า หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเสร็จแล้ว ให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
- นิยมนำมาใช้ผสมในเครื่องต่าง ๆ เช่น นม ชา กาแฟ โยเกิร์ต น้ำมะนาว หรือแม้กระทั่งเบียร์หรือไวน์
- นำมาใช้เป็นส่วนผสมในขนมหวานต่าง ๆ หรือผลิตภัณฑ์ธัญญพืชต่าง ๆ
- ใช้น้ำผึ้งแทนสารกันบูดในน้ำสลัด ซึ่งจะทำให้น้ำสลัดไม่เสียและเก็บได้นานถึง 9 เดือน
- น้ำผึ้งสามารถนำแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆได้อย่างหลากหลายเช่น มาส์กหน้า สบู่ เจลล้างหน้า สครับ เป็นต้น
- น้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ
- ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงต้านทานโรคต่าง ๆได้ดี
- ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
- ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
- ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
- ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้ป่วยในระยะพักฟื้น หรือผู้สูงอายุ
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆให้ดีขึ้น
- ช่วยในควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
- ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย ด้วยการใช้น้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว แล้วบีบมะนาว ๅ ซีก ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วเติมน้ำร้อนดื่ม
- ช่วยรักษาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น
- น้ำผึ้งสามารถบรรเทาอาการไอจากหวัดในเด็กได้ดีกว่ายาแก้ไอ
- ช่วยรักษาอาการเมาค้าง
- ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่
- น้ำผึ้งมีฤทธิ์ยาระงับประสาทอ่อน ๆ จึงช่วยลดอาการหงุดหงิด ความกังวลได้
- ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ และช่วยทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้น้ำผึ้งและงาดำอย่างละ 50 กรัม โดยนำงาดำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำผึ้ง ชงกับน้ำร้อนดื่ม
- ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้สาลี่หอมจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม โดยปอกลูกสาลี่แล้วนำมาตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว แล้วนำมาผสมกับน้ำกิน
- ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการเพิ่มเม็ดเลือดแดง
- ช่วยบำรุงหัวใจ ขับชีพจร และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ
- ช่วยระงับความร้อนในร่างกาย
- ช่วยรักษาอาการตาอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น กระจกตาอักเสบ เยื่อตาอักเสบ เป็นต้น
- ช่วยบรรเทาอาการไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ ด้วยการชงดื่มกับน้ำมะนาว
- น้ำผึ้งช่วยลดกรดในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะน้ำผึ้งจะถูกดูดซึมทันทีเมื่อถึงลำไส้ ซึ่งต่างจากน้ำตาลชนิดอื่น
- ช่วยรักษาโรคกระเพาะ
- ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียอย่างรุนแรง
- ช่วยแก้อาการท้องเดิน และช่วยบำรุงลำไส้ที่อักเสบให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแคนดิดา (Candida) ได้ดีพอ ๆกับยาฆ่าเชื้อแผนปัจจุบัน
- ช่วยแก้อาการเด็กปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ เพราะช่วยดูดความชื้นและช่วยอุ้มน้ำไว้
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการนำกระเทียมผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานวันละ 3 ครั้ง
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ ด้วยการใช้น้ำส้มนำมาผสมกับแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน แล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละสองครั้ง
- ช่วยแก้อาการตะคริว หรือป้องกันการเป็นตะคริว
- ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มกับน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกลงได้
- ช่วยลดการอักเสบของบาดแผล
- ช่วยป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลและช่วยให้แผลหายเร็ว
- ช่วยรักษาโรคฮ่องกงฟุต และกลาก เกลื้อน
- ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและต่อต้านจุลินทรีย์
- ช่วยแก้ปัญหาเด็กแหวะนม โดยใช้น้ำผึ้งผสมกับนมดื่ม
- ใช้เป็นน้ำกระสายยา
ไฟล์ที่แนบมา:
หน้า 90 ของ 457