ใช้คำว่า "เข้าไปรู้ธรรม" นั้น ดูว่ายังไม่แจ้งในมายา
สภาวะธรรมที่แท้จริงนั้น คือสภาพธรรมอันเกิดขึ้น
ตามเหตุปัจจัยเฉพาะหน้าในแต่ละขณะนั้น ๆ เอง
จะปรุงแต่งแบ่งแยกดีชั่วอดีตปัจจุบันอนาคตไป
อย่างไรก็สุดแท้แต่ความมีโมหะอวิชชา
อันผู้มีสติปัญญา รู้สึกตัวตามความเป็นจริงแล้ว
ไม่พากันหลงงม จมอยู่กับกองทุกข์เหล่านั้นอีก
ร่างกายไม่ใช่เรา จิตนี่ก็ไม่ใช่เราแล้วอะไรล่ะที่เป็นเรา
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 3 พฤศจิกายน 2015.
หน้า 7 ของ 14
-
ความติดใจด้วยประการทั้งปวงเป็นทุกข์ -
ถ้าบอกว่าเราคือใจ.. ก็คือติดกระดุมผิดมาตั้งแต่เม็ดแรกแล้วนะ -
โอ้....ลำบาก อะไรก็ไม่ใช่ อะไรก็ไม่ถูก
ยึดอัตตาก็ไม่ใช่ ยึดอนัตตาก็ไม่ถูก
เมื่อไรที่เพียรจนเห็นความว่างแห่งจิต
นั่นแหละ จะกลายเป็นผู้ไม่ถือสาหาความ
อะไรกับใคร...เพราะจิตจะเตือนว่า"สัพเพ
ธรรมมา อนัตตา" -
เพียรจนเห็นความว่างแห่งจิต! เอาไปทำอะไร?
เพียรจนเห็นทุกข์และกองกิเลสตัณหาทั้งปวงยังมี
ประโยชน์กว่า ไม่ได้จับผิด แต่ชี้ทางให้กันต่างหาก -
นี่รู้ก่อนเกิด สำเร็จก่อนทำ ใช้ก่อนมี
ไม่มีอัตตาจะมีอนัตตาได้อย่างไร
พิจารณาสภาวะธรรมตามสิ่งเป็นจริง สิ่งมีจริง
ยอมรับความจริงก่อนเถิด ไม่มีตนไม่มีทุกข์ ก็ไม่มีมรรคหรอก
ปฏิบัติตนน้อมเข้าหาธรรมความเป็นจริง ถอนอุปาทานจากสิ่งที่ติดอยู่จริง
ถ้าวิมุติแล้ว ย่อมพ้นจากสมมุติทั้งปวง จะมีตนไม่มีตนก็ไม่สำคัญอะไรกับผู้พ้นแล้ว
เรายังไม่พ้นไม่กำหนดเข้ามาหา มหาเหตุ ไม่กำหนดรู้ตัวตน ไถ่ถอนตัวตนออกเสีย จะถึงสภาวะธรรมว่างย่อมไม่ใช่ฐานะ
เอานะ ถูกไม่ถูกต้องตรงธรรมก็ลองไปพิจารณาดู เราคิดแบบนี้แหละ -
มันไม่ยาก มันง่ายดุจพลิกของที่คว่ำให้หงายขึ้น แต่มันยากเพราะไม่เข้าใจ การรวมรึยำ ไม่แยกออกจากกัน และสำคัญผิดไม่เป็นไปตามความเป็นจริง ใช้เวทนาและสังขาร คือชอบและปรุ่งแต่งตามจิตตน
ธรรมมะอยุ่ที่จิต มีผู้ชี้ก็เข้าใจและไปได้สุด ขาดผุ้ชี้ก็วนๆเวียนๆหาทางออกไม่เจอ55555555 -
เพียรจนเห็นความว่างแห่งจิต นี่แหละใกล้เคียงที่สุดแล้วครับ
เพียรจนเห็นทุกข์และกองกิเลสตัณหาทั้งปวง แต่แล้วก็ยังต้อง
ทำให้ทุกข์และกองที่เห็น ให้หดหายไปจากจิต อีกรอบนึงน่ะนะ เนอะ
ดังนั้น จึงซตพ.ได้ว่า ไปให้ถึงสูญญตา หรือความว่างซะเลย ดีกว่าแยะ
ตามลายแทงดับทุกข์ ที่เราได้รับมาจาก "เกาะนาฬิเกร์"
ซึ่งความว่าง หรือสูญญตานั้น อยู่ขั้นที่เจ็ด ก็เท่ากะว่าใกล้เสร็จกิจแล้ว ขอบอก
อนึ่ง น่าสงสัย ว่าลุงไม่เลี้ยงแมว อาจจะมาใกล้ประตูทางเข้าและทางออก
ได้มากกว่าที่ตัวเองคิด ก็เป็นได้นะ แคะขี้ตาให้ดีๆ ชาตินี้คงเห็นได้ ล่ะมั้ง นะ หึหึหึ
อันนี้คือ ลายแทงลับ ที่ได้มา ขอโชว์ตรงนี้ด้วยละกันนะ เนอะ
เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และศักดิ์สิทธิ์ให้มากขึ้นไปอีก
ขอสมมุติว่า นี่เป็นลายแทงของแท้ เราได้รับมากับมือทีเดียวเชียวแหละ
ได้มาจากที่ประชุมใหญ่ ของ "สภาพุทธะซาเปี้ยน" เชียวนะ เกือบยี่สิบปีที่แล้วโน่นแน่ะ เนอะ
กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / สมาคมพุทธะซาเปี้ยน
. -
ทำให้ทุกข์และกองที่เห็น
ให้หดหายไปจากจิตอีกรอบนึง!!
จิตนั่นแหละคือตัวภพ เข้าใจไหมล่ะ
พูดไปถึงสุญญตา แต่ทางมามันพิกล
ดูเอาสิ ๆ พิจารณาเบิ่งเอาดี ๆ -
อย่าลัดคิวน้อง กรุณาอย่าลัดคิว
ข้างบนนั่น สำหรับลุงไม่เลี้ยงแมวโดยเฉพาะครับ
เป็นธรรมะสั่งตัด พอดีตัว และถูกต้องเหมาะสม ควรแก่กาละเทศะ
มิใช่ของโหล หรือสินค้าจากโรงงาน นี่เป็นงานแฮนด์แมดนะ ขอบอก ๕๕๕
ยังมิใช่คิวของท่าน รอไปก่อนเหอะ ท่าจะยังอีกนาน หึหึหึ
กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / ชาวหมู่บ้านในนิทาน
. -
จะจิตว่างหรือจิตวุ่น ถ้าฉวยเอามาเป็นเจ้าของ
เป็นตัวกูของกู ก็คือยังสอบไม่ผ่านอยู่นั่นเอง
ถ้าถามหาว่า
อ้าว..แล้วตกลงตัวกูจริง ๆ อยู่ตรงไหน
ก็ยังโง่อยู่ดี แสดงว่ายังไม่เห็นทุกข์จริง ๆ นะสิ
ทุกข์เพราะมีกูแท้ ๆ ยังจะถามหา จะเอากูอยู่นั่นเอง
เข้าใจมั้ยล่ะ ค่อย ๆ ดัดศรให้ตรงละกันครับ -
อย่าผิวคิวน้อง กรุณาอย่าผิดคิว
ผู้ที่ต้องเรียน หรือถูกดัดน่ะ คือท่าน มิใช่เรา หึหึหึ
หรือท่านจะบอกว่าตัวเองสอบผ่านได้แล้ว บรรลุแล้วหรือไง
ของท่านน่ะ ยังอีกนาน อีกหลายขั้นตอน
เห็นได้ชัดเจน จากข้อเขียนที่ผ่านมา แสดงถึงระดับได้ชัดเจน เนอะ
เอาล่ะ กะท่าน ก็พอแค่นี้ก่อน ไม่มีประโยชน์ที่จะเสวนาด้วย ในระยะนี้น่ะนะ เนอะ
ไม่ตอบท่านแล้ว จบข่าว จะไปถูศาลาวัดแล้ว ได้เวลาทำหน้าที่แล้วล่ะมั้ง นะ
กระต่ายป่า ข้างวัด / ชาวหมู่บ้านในนิทาน
. -
ด้วยทั้งหมด...ไม่มีการปรุงการแต่งไม่มีอัตตาและอนัตตา
ให้เป็นภาระว่าจะปล่อยวางหรือไม่ปล่อยดี -
(แต่เลี้ยงน้องหมา)
เมื่อมาสวมใส่ก็เข้ากับจริตพอดิบพอดี
คนอื่นจะเอาไปใส่มันก็ไม่เข้ารูปเข้าร่าง....พอใจ พอใจ -
เป็นไปตามเหตุปัจจัยนะ และเมื่อไรคิดหยิบจับฉวย
เอามาครอบครองเป็นเจ้าของ เมื่อนั้นย่อมต้อง
ประสบทุกข์มากมายเพราะความดิ้นรนทะยาน
อยากนั้นเอง เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยอีกเช่นกัน
ความยึดมั่นถือมั่นนั่นแหละเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
รู้ตามความเป็นจริง รู้ทุกข์เพราะความหลงยึดถือ
ให้ดี จะเกิดสติปัญญา เป็นสัมมาทิฏฐิ แยกธาตุ
แยกขันธ์ แยกอุปาทานขันธ์ออกได้เอง -
-
วิมุตติแล้ว ย่อมพ้นจากสมมุติทั้งปวง
วลึนี้ ยังพร่องอยู่ ... ดูเผินๆ เหมือนจบกันง่ายๆ แค่นี้ ...
งั้นวลีนี่หละ
วิมุตติแล้ว ย่อมพ้นสมมุติบางสมมุติ !!! แต่ยังมีสมมุติให้สมมุติอยู่(ที่ตนเองไม่สามารถเห็นได้ แต่วิมุตติเหมือนกัน ... แสบตรงนี้แหละ!!!)
(ชี้ชัด ว่า วลีนี้ จงใจให้พร่อง ... พร่องตรงไหนบ้างหละ!!!)
-
พระวจนะ" อานนท์ ด้วยอาการอย่างนี้แล ศิลอันเป็นกุศล มี อวิปปฎิสาร เป็นอานิสงค์ที่มุ้่งหมาย อวิปฎิสาร มีความปราโมทย์เป็นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย ความประโมทย์ มีปิติเป็นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย ปิติ มีปัสสัทธิ เป็นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย แัสสัทธิมีสุขเป็นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย สุข มีสมาธิเป็นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย สมาธิ มี ยถาภูตาญานทัสนะ เป็นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย ยถาภูตาญานทัสนะมี นิพพิทา เป้นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย นิพพิทา มี วิราคะ เป้นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย วิราคะ มีวิมุติญานทัสนะ เป็นอานิสงค์ที่มุ่งหมาย อานนท์ ศิลอันเป็นกุศล ย่อมยังอรหัตผลให้บริบูรณ์โดยลำดับ ด้วยอาการอย่างนี้แล --เอกาทสก.อํ24/336/208..:cool:
-
-
ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คัดกรองกันไป ขอเอาตัวเองให้รอดก่อนไม่ก้าวก่ายกันเกินไป
หน้า 7 ของ 14