เรื่องเด่น ฤทธิ์ของธรรมใครอย่าประมาท.. (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 13 ตุลาคม 2018.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    ฤทธิ์ของธรรมใครอย่าประมาท

    902-01.jpg

    พระสีวลีนี้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า พระสีวลีเป็นที่หนึ่ง มีอติเรกลาภมากที่สุดเรียกว่าเป็นที่หนึ่งพระสีวลี พระสารีบุตรเลิศทางปัญญา พระโมคคัลลาน์เลิศทางฤทธาศักดานุภาพ พระอานนท์เป็นพหูสูตรแล้วเลิศหลายด้าน พระสีวลีเรานี้เลิศทางด้านอติเรกลาภ

    วันนี้ว่างถ้าไปก็ไปวันอโศ ประโยชน์เป็นอันดับหนึ่ง คือต้องเล็งผลประโยชน์ผู้มาเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ไปสุ่มสี่สุ่มห้า ไปวัดอโศ พอกลับมาตอนเย็นฟ้าหญิงเสด็จ

    ในสมัยปัจจุบันที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่เด่นๆ ทางกำลังจิตก็คือหลวงปู่ฝั้น ท่านพ่อลี สององค์เด่นมาก แต่ทางด้านจิตใจธรรมะนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งนะ นี่หมายถึงการแสดงออกแปลกๆ ให้โลกได้เห็น คือหลวงปู่ฝั้นกับท่านอาจารย์ลีสององค์ เราจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันตัวมันคึกมันคะนองนั่นละ ไม่มีใครดัดได้ เอาศาสนาดัดเอา วันนั้นท่านอาจารย์ฝั้นท่านพาพวกลูกศิษย์ลูกหาประชาชนญาติโยม-พระเณรสานขัดแตะ ที่จะเผาศพหลวงปู่มั่นเรา ท่านเป็นหัวหน้างานควบคุมงาน

    แล้วอยู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงสองคนคึกคะนองขับจักรยานเข้ามานี่ พระท่านก็สานขัดแตะอยู่ ท่านอาจารย์ฝั้นเป็นหัวหน้า อยู่ธรรมดาๆ มันก็ขับรถมานี่ สะเปะสะปะมานี่ เฉียดพระมานี่ ท่านเลย “มันอย่างไรเด็กเหล่านี้” ท่านว่าอย่างนั้นนะ “มันไม่รู้ภาษีภาษาอะไร” พอว่าอย่างนั้นท่านบอกว่า “เอาจะให้มันล้มให้ดู” ท่านว่าอย่างนั้นนะ “จะไม่ให้เจ็บ” ท่านบอกอย่างนั้นนะ “จะให้มันล้มให้ดู ขายหน้ามันสักหน่อย” ท่านว่าอย่างนั้น แต่ไม่ให้เจ็บ ท่านบอกอย่างนั้นนะ

    ทีนี้พระเณรก็ปล่อยหมด คอยจ้อเลย เพราะท่านพูดเสียงดังด้วยนะ “มันเก่งนักเด็กเหล่านี้นะ เอาศาสนาปราบมัน” ขับมาสะเปะสะปะมานี่ แล้วเฉียดพระมานี่นะ ท่านก็นั่งอยู่นั้น “มันอย่างไรเด็กเหล่านี้น่ะ เอาๆ จะเอาให้มันล้มให้ดู จะไม่ให้เจ็บ” ท่านยังบอกไว้ด้วยนะบอกไม่ให้เจ็บ แต่จะให้มันล้ม ให้มันขายหน้ามัน พูดง่ายๆ พอออกไปก็ลงตูมเลย ทีนี้พระเณรหัวเลาะกันลั่น เปิดเลย ป่านนี้มันกลับมาแล้วยังไม่รู้นะ เห็นไหมล่ะ พอว่าอย่างนั้น เห็นไหมล่ะ บาปมีบุญมีมาประมาทได้เหรอ พอมันล้มลงต่อหน้าพระ นั่นเห็นไหมล่ะบาปมีบุญมีมาประมาทได้เหรอ ท่านว่า ท่านบอกว่าจะให้มันล้มให้ดู พระเณรได้ยินหมดเลย เฉียดพระมานี่มันคึกคะนอง

    พอมันเฉียดมาหาท่านอาจารย์ฝั้น “มันอย่างไรเด็กเหล่านี้น่ะ” ท่านว่าอย่างนั้นนะ “ไม่รู้จักอะไรกัน” พอว่าอย่างนั้นเขาก็นั่งรถจักรยานไป เอาจะให้มันล้มให้ดูแต่ไม่ให้เจ็บ ไปนั่นก็ล้มทั้งสองต่อหน้าพระ ทีนี้พระจ้ออยู่แล้วกำลังสานขัดแตะปล่อยมือหมด จ้อคอย..เพราะฟังเสียงคำพูดท่าน คอยดูจังหวะมันจะออกตามที่ท่านสั่ง พอว่าก็ตูมเลย อู๊ย มันอายมากนะนี่ แก้กันตกกับมันทะลึ่ง พอไปแล้ว เห็นไหม บาปมีบุญมีมาประมาทได้เหรอ ท่านอาจารย์ฝั้นมีพลังจิตมาก แรง ท่านอาจารย์ฝั้น-ท่านอาจารย์ลี บรรดาลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นที่เด่นมากทางพลังจิตนี้หมายถึงฤทธิ์ออกมาแสดง ส่วนฤทธิ์ทางใจในอรรถในธรรมต่างคนต่างมีอยู่เงียบๆ แต่การแสดงออกนี้มีเป็นบางองค์ ท่านอาจารย์ฝั้นเด่นชัดมากทีเดียว

    ท่านอาจารย์ลีท่านรดน้ำใครรู้เมื่อไรเรารู้ทันทีเลย ทำน้ำมนต์ให้ประชาชนเวลาไปหาท่าน เราไปเห็นอยู่ที่วัดป่าคลองกุ้ง พอท่านไปทีหนึ่งลูกศิษย์จันทบุรีจะรุมเลยนะ จนไม่มองเห็นท่านละ ท่านเอาหญ้าคาสำหรับน้ำมนต์ เอามาท่านก็ใส่ปุ๊บ คือท่านทำเป็นพลังจิตท่านรู้ไหม อย่างนิ่มนวล จิตผู้นิ่มนวลท่านก็ใช้กิริยาอาการตามจิตของท่านที่นิ่มนวล อย่างจิตที่รุนแรงกำลังมากอย่างท่านพ่อลีนี้ใส่ปั๊วะๆๆ นั่นพลังจิตของท่าน เราไม่มองรอบๆอะไรละ มองในซิ ท่านพ่อลีนี้พลังจิตรุนแรงมากทีเดียว ถ้าพลังจิตอ่อนๆ นุ่มๆ ท่านก็ไปตามกิริยา ถ้าพลังจิตแรงท่านก็แสดองออกอย่างรุนแรง อย่างน้ำมนต์สลัดใส่ปั๊วะๆๆๆ เลย พลังจิตไปพร้อมๆๆ ไม่มีอะไรบกพร่อง

    นั่งอยู่ดีๆ เด็กชื่อธรรมนูญ กับท่านอาจารย์เฟื่อง สามคน เด็กนั่งอยู่นี้ อาจารย์เฟื่องนะท่านก็นั่งอยู่นี้ ท่านคิดสนุกอย่างไรก็ไม่รู้นะคุยกัน เด็กมนูญก็นั่งอยู่นี้ เอาขึ้นนูญ ท่านทำมือขึ้น เด็กขึ้นเลยนะเด็ก มองดูขึ้นๆ พ้นพื้นเลยขึ้น คือพ้นพื้นไปเลย พอเอานูญขึ้นๆ ท่านทำมืออย่างนี้ แล้วขึ้นเลยนะ ขึ้นสูงขนาดนี้นะ พอท่านลดลงก็ค่อยๆ ท่านอาจารย์เฟื่องเตรียมท่า อย่างไรจะต้องมาให้เราขึ้น เราจะไม่ขึ้น ท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านอาจารย์เฟื่องเตรียมท่าต่อสู้ อย่างไรจะต้องมาหาเราให้ขึ้น ทีนี้เราจะฝืนจะไม่ขึ้น ท่านว่าอย่างนั้นนะ

    ทางนี้ก็เตรียมท่า เฟื่องขึ้นๆ หัวขม่ำ คือฝืนจะไม่ขึ้น ทางนั้นดันขึ้นๆ หัวขม่ำ ฝืนอยู่นั่น ท่านก็เลยหยุด หัวดื้อ ท่านว่า เสร็จแล้วไม่ยอมขึ้นหัวขม่ำ ส่วนเด็กมนูญนี่ขึ้น ขึ้นถึงขนาดนี้ บอกว่าเอานูญๆ ขึ้น ขึ้นเลย จากนั้นก็หันมาหาอาจารย์เฟื่อง ทางนี้ก็ทำท่าต่อสู้ เราไม่ขึ้น ทางนี้หัวขม่ำหงายหน้าหงายหลังมันจะขึ้น ถ้าอีกสักอีกวินาทีหนึ่งขึ้น ท่านว่าอย่างนั้นนะ ทนไม่ไหว ท่านก็เลยหยุด หัวดื้อ ท่านว่า อย่างนั้นละพลังจิต ให้ขึ้นขึ้น

    อย่างท่านอาจารย์ฝั้นให้เด็กล้มก็พลังจิต ท่านก็บอกชัดๆเลย มันมาชนพระเต็มที่สานขัดแตะจะเผาศพหลวงปู่มั่นนะ ท่านก็เงยหน้า มาอย่างไรเด็กเหล่านี้น่ะ ผู้หญิงกำลังคึกคะนอง จะให้มันล้มให้ดู แต่ไม่ให้เจ็บ ท่านบอกว่าไม่ให้เจ็บ คือให้มันขายหน้ามันเฉยๆ มันหน้าดื้อ พอสักเดี๋ยวก็ลงทั้งสองเลย นั่นน่ะ ท่านว่าอย่างนั้นนะ พระเณรนี่หัวเราะกันลั่น อายมาก นั่นน่ะเห็นไหม ท่านพูดยิ้มๆ ด้วยนะ บาปมีบุญมีมาประมาทได้เหรอ ท่านว่า ลุกขึ้นเผ่นเลย

    สำหรับกับเรารู้สึกจะมีอะไรเป็นพิเศษ ท่านอาจารย์ฝั้นนะกับเราจะมีอะไรเป็นพิเศษ รู้สึกว่าท่านจะเมตตาเป็นพิเศษเลย เจดีย์ของท่าน ๑๒ ล้านเราหาให้ทุกบาททุกสตางค์นะ เจดีย์วัดอุดมสมพร ๑๒ ล้านเราหาให้สร้างให้หมดทุกบาททุกสตางค์ เป็นเงิน ๑๒ ล้าน เหลือเงินอยู่แปดแสนเลยมอบให้วัดอุดมสมพร เพราะวัดนี้เป็นวัดที่รับเป็นรับตาย เศษเหลืออะไรก็ต้องมอบให้วัดนี้ เราเป็นคนสั่งเอง คณะกรรมการว่าอย่างไร ยอมรับหมด แปดแสนเลยมอบให้ ๑๒ ล้าน สร้างเจดีย์ เศษเหลือเงินอยู่แปดแสนเลยให้ท่าน

    สร้างเจดีย์ท่านสามปีไม่ขึ้น เราปัดแล้วตั้งแต่ต้นเพราะเราทำพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นหน้าที่ของเราทำเอง ไม่มีใครมาบังคับ เราทำด้วยความสมัครใจ พอเสร็จแล้วทีนี้จะทำเจดีย์หลวงปู่ฝั้น เราก็บอกให้พระทำ เราไม่ทำแล้ว ฟาดอยู่สามปีไม่ขึ้น ประชุมกันทีไรเบาลงๆ คณะกรรมการมาประชุมห้าคนหมดหวัง ทีนี้ก็ท่านสุวัจน์เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ฝั้น เลยตกลงกันกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งพ่อค้าประชาชนประชุมกันเลยนะ แล้วจะทำอย่างไรกันนี่

    คือเราปัดแล้ว เราไม่เอาแล้ว ไปหาที่ไหนก็ไม่ได้ แล้วก็วกกลับมา เลยตัดสินใจกัน ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์มหาบัวไม่ขึ้น ใครก็ไม่ขึ้นๆ ก็ยกทัพมาหาเรา เต็ม กุฏิแน่นหมดเลย พ่อค้าประชาชน-ผู้มีเกียรติทั้งหลาย มีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจเป็นหัวหน้าไป ไปเล่าเรื่องสุดๆสิ้นๆให้ฟัง “เมื่อวานหรือวันไหนมีคณะกรรมการมาประชุมเพียงห้าคน ปีที่สามเรียกว่าหมดหวังแล้ว จึงได้มาประชุมกัน มาหาท่านอาจารย์ ถ้าไม่ได้ท่านอาจารย์ไม่สำเร็จ” บอกอย่างนี้เลยนะ จึงได้พากันมา “มาขอความหวังจากท่านอาจารย์ เจดีย์ของท่านอาจารย์ฝั้นจะขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับท่านอาจารย์องค์เดียว” ดูซิมันมาหายอ ผลสุดท้ายเราก็พิจารณามันก็ไม่ขึ้นจริงๆ เพราะสามปีแล้ว ตั้งคณะกรรมการคนไหนขึ้นเป็นประธานล้มเหลวๆ ถูกเตะถูกยันกัน วิ่งมาหาแต่เราๆ เราปัดๆ เราไม่เอา พอถึงสามปีล่วงไปแล้วเห็นจะไปไม่ไหวเราก็เลยรับให้ พอรับเท่านั้นก็ขึ้นปึ๊บเลย เรียบร้อยมา

    ท่านอาจารย์ฝั้นกับเรารู้สึกท่านเมตตาเรามากอยู่นะ อย่างลึกๆ ลับๆ ไม่มีใครทราบได้ ท่านอาจารย์ฝั้นท่านเสียอยู่ที่วัดอุดมสมพร เราอยู่วัดดงสีชมภู เราจะกลับมาอุดรวันนั้นกลับไม่ได้เลย นี่ละเรื่องธรรมแสดงปาฏิหาริย์ก็เหมือนกับกิเลสแสดง ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสเรียกว่าปลิ้นปล้อนหลอกลวงคดโกง อันนี้อุบายวิธีการของท่านอาจารย์ฝั้น ก็เหมือนกัน ตอนเช้าเราก็สั่ง เราสั่งท่านทุย กลางคืนฝนตกทั้งคืน น้ำท่วมหมด รถเข้าออกไม่ได้เลยทำอย่างไร ท่านทุยก็วิ่งไปเลยไปหาพวกญาติโยมบ้านนาขาม ท่านไปสั่งเองนะ

    มันพลิกตาลปัตรอย่างนี้ละเรื่องธรรม ท่านทุยไปสั่งเขาพลิกปั๊บไปแบบนี้ ฟาดเสียจนตอนเที่ยงรถยังไม่มา พลิกไปพลิกมา อุบายวิธีการของท่านอาจารย์ฝั้นบังคับเอาไว้ มันมีอยู่อันหนึ่งว่าท่านเอียนมาฉันจังหันที่ตังล้งอุดร มาทราบข่าวท่านอาจารย์ฝั้นเสียที่สกลนครเมื่อคืนนี้ นั่นละรอข่าว เพราะอย่างนั้นเรื่องอะไรจึงยุ่งไปหมด ไปไม่ได้นะ นี่ละปาฏิหาริย์ เราได้ร้องโก้กเลย มันจะมีเรื่องนะวันนี้ ขึ้นสะเทือนใจสามหนแล้ว เราบอก ทำไมคนที่เราสั่งเสียมอบความไว้วางใจให้คือท่านทุย ท่านทุยเป็นหนึ่งเรื่องความจริงความจัง และรับจากเราด้วยความเคารพทำไมจึงไปเหลวไหล ท่านไปสั่งอย่างนี้เขาพลิกอย่างนี้ สั่งอย่างนี้เขาพลิกอย่างนี้ ไม่ใช่ท่านทุยพลิกนะ เขาพลิกเองอำนาจของท่านอาจารย์ฝั้น

    คือจะยังไม่ให้เราไป ให้เรารอยู่นั้น จนกระทั่งท่านเอียนไปบ่ายสองโมงกว่าแล้ว ท่านจึงไปจากอุดรบ้านตังล้ง จึงเอาเรื่องท่านอาจารย์ฝั้นเสียไปบอกเรา พอบอกเราแล้วรถมาแล้วติดเครื่องไม่ติด มันอัศจรรย์ไหมละกับฤทธิ์ของท่านอาจารย์ฝั้น เครื่องมันไม่ติดนะ มันเป็นอย่างไรรถคันนี้ ก็มันดีๆ แต่นี้เป็นอย่างไรไม่ทราบ ติดเครื่องปุ๊บๆๆ ดับพุบๆ สักเดี๋ยวท่านเอียนโผล่หน้ามา ไปจากอุดร พอมาถึงปั๊บเรากำลังนั่งอยู่บนรถติดเครื่อง รถไม่ติด ท่านเอียนก็วิ่งมาหาเรา เราก็จ้องคอยดู พอมาปั๊บบอกว่าท่านอาจารย์ฝั้นเสียแล้วแต่เมื่อคืนนี้ ๖ โมง ๕๐ นาที เราเลยไม่ลืม เออเอาล่ะได้ความ รถไม่ต้องคิดเครื่อง เหยียบคันเร่งเลย ก็ผึงเลย

    นั่นเห็นไหมปาฏิหาริย์ของท่าน ไม่ยอมให้ไป เดี๋ยวติดนั้นขัดนี้อยู่อย่างนั้นละ นี่ละอำนาจเมตตาธรรมของท่านอาจารย์ฝั้นเกี่ยวกับเรา จะให้เราไปนู้น ท่านไม่ยอมให้ไปอุดร พอทราบข่าวเท่านั้นละ เอาไม่ต้องติดเครื่องเหยียบคันเร่งเลย ผึงเลย ไปวัดอุดมสมพร พระเณรก็รอกันอยู่หมด รอเราคนเดียว เสร็จเรียบร้อยแล้วถึงได้กลับมาอุดร นี่ละเป็นอย่างนั้นละท่านอาจารย์ฝั้น อำนาจจิตของท่านรุนแรงมากนะ พระปฏิบัติในสมัยหลวงปู่มั่นก็ท่านอาจารย์ฝั้นมีพลังจิตรุนแรง ท่านพอลีองค์หนึ่งรุนแรงเป็นอันดับหนึ่งๆ ดีไปคนละทาง แต่ธรรมะภายในจิตใจนั้นยกให้เป็นสมบัติแต่ละองค์ๆ ที่แสดงออกได้อย่างเด่นชัดหรือผาดโผนก็คือท่านอาจารย์ฝั้น-ท่านอาจารย์ลี สององค์เด่นมากทีเดียว ให้พรนะ

    จึงได้กำชับกำชากับบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ใครอย่าไปประมาทธรรม อวดธรรมไม่ได้นะ อย่าไปแข่งธรรม พลิกทีเดียวคว่ำเลย ธรรมพลิกทีเดียวคว่ำเลยเชียว อำนาจของธรรมเป็นอย่างนั้น เราเห็นได้ชัดอย่างท่านอาจารย์ฝั้นกับเรา แหม เอากันพลิกแพลง ไม่ให้ไป พอทราบข่าวปั๊บผึงเลย คือมัดเอาไว้ไม่ยอมให้ไป เราจนร้องโก้ๆ มันจะมีอะไร มีแน่กระเทือนใจสามหนแล้ว คอยฟังก็แล้วกัน สักเดี๋ยวท่านเอียนไปบอกข่าวท่านอาจารย์ฝั้นว่าเสียเมื่อวานนี้ อ๋ออันนี้เอง ได้ทราบแล้วทีนี้เอารถไม่ต้องติดเครื่อง เหยียบคันเร่งเลย ไปเลย นี่ละฤทธิ์ของธรรมใครอย่าประมาทไม่ได้ พลิกไปพลิกมา เหมือนกับว่าเป็นจอมโกหกก็ได้ แต่ธรรมโกหกไม่เหมือนโลกโกหก ธรรมพลิกแพลงเปลี่ยนแปลง อย่างท่านอาจารย์ฝั้นเอากับเราโอ้ขบขันดี ให้พร


    เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
    เมื่อเช้าวันที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

    ขอบคุณที่มา
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=5019&CatID=-1
     
  2. Norawon

    Norawon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +208
    สาธุคัล
     

แชร์หน้านี้

Loading...