ละชั่วหรือทำดี สิ่งไหนทำได้ง่ายกว่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2012.

  1. ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เมื่อพูดถึงเรื่องการละความชั่วและการทำความดี ทุกคนคงนึกถึงโอวาทปาติโมกข์หรือหัวใจพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธพจน์ได้ทรงกล่าวไว้ดีแล้ว

    และก็เป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้างของฝ่ายกองเชียร์ทั้งหลายที่เป็นผู้ดูอยู่วงนอก บ้างก็ว่าละชั่วนั้น เป็นสิ่งทำได้ง่ายกว่า บ้างก็ว่าการทำดีนั้น เป็นสิ่งทำได้ง่ายกว่า

    แต่ถ้าฝ่ายปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาที่ลงมือปฏิบัติจริงจังตามพุทธโอวาทแล้ว ย่อมรู้ดีว่าทั้งสองอย่างนั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปพร้อมเพรียงกัน



    เมื่อมาพูดถึงฝ่ายที่บอกว่าละชั่วนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า เพราะเป็นกลุ่มที่เกรงกลัวต่อบาปอกุศลและกฏหมายบ้านเมืองเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงรู้สึกว่าการละชั่วนั้นทำได้ง่ายกว่า ซึ่งจัดเป็นฝ่ายติดดี

    ส่วนฝ่ายที่คิดว่าทำดีนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า เพราะเป็นพวกที่มีพื้นฐาน ที่ชอบทำอะไรตามใจหรืออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตนเองที่อยากจะทำ เมื่อทำไปมากๆ แล้ว ตนเองรู้สึกผิดก็จะหันมาทำบุญกุศลกรรมให้เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว จึงมีความรู้สึกว่าการทำดีนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า สืบเนื่องจากว่าการหักห้ามความรู้สึกนึกคิดที่อยากจะทำของตนเองนั้น กลับกลายเป็นเรื่องที่หักห้ามได้ลำบากยากเข็ญ ซึ่งจัดเป็นฝ่ายติดตามใจตนเอง



    เมื่อเรามาพิจารณาให้ดีๆ แล้ว ก็จะเห็นว่าทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องของจิตใจของแต่ละคน ที่มีกิเลส กรรม วิบาก ที่ตนเองได้กระทำสั่งสมมาอย่างยาวนานนับไม่ถ้วน เป็นสิ่งที่มากำกับให้เวียนว่ายเข้าไปในภพน้อยใหญ่อันนับไม่ถ้วน หรือวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์นั่นเอง

    แต่ละคนจึงมีการสั่งสมอุปนิสัยปัจจัยเฉพาะเป็นของๆ ตนมา ซึ่งเป็นเรื่องที่พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยากดีมีจน กระทั่งยาจกยันเศรษฐีมหาศาลหรือพระมหากษัตริย์ก็ตาม ย่อมต้องปฏิบัติไปตามทางเดินที่พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักไว้ให้ปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่การละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ นั่นคืออริยมรรค ๘ (ทางเดินไปสู่ความเป็นอริยะ) ซึ่งเป็นทางเดินอันเอก ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น





    มีคำถามว่า แล้วหลักที่พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักเกณฑ์ไว้นั้น ควรเริ่มต้นจากตรงไหน?

    พระพุทธองค์ พระองค์ท่านเองก็เริ่มจาก การปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา หรือ สัมมาสมาธิในองค์แห่งสมาธิในอริยมรรค ๘ นั่นเอง อันประกอบไปด้วย สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จนจิตรวมลงเป็นสมาธิ

    และจากองค์แห่งสมาธินั้น เฉพาะสัมมาวายามะ จะเห็นได้ว่าก็มีองค์ประกอบ คือ ความเพียรประคองจิต ให้รู้จักละชั่วและทำความดีไปพร้อมเพรียงกันแล้ว

    ส่วนวิธีปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมที่ไม่ติดนั้น ให้ดูที่องค์แห่งสัมมาสติ หรือที่เรียกว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นหลักเกณฑ์



    ในการที่จะดำเนินตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์นั้น ใครก็ตามที่สามารถพัฒนาจิตใจของตนเองให้มีสติตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย ที่เข้ามาผัสสะแล้ว ย่อมได้ประโยชน์และได้เปรียบกว่าบุคคลที่ไม่มีพื้นฐานทางนี้ เนื่องจากไม่เคยลงมือปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาอย่างจริงจังเลย



    ขอสวัสดีปีใหม่ไทย ๒๕๕๕

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมสัมมาปฏิบัติยิ่งๆขึ้น

    ธรรมภูต



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • FBSongKran.jpg
      ขนาดไฟล์:
      262.2 KB
      เปิดดู:
      1,167
  2. สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สาธุ เข้ามารดน้ำ ขออโหสิกรรม จากท่านธรรมภูติด้วยครับ ขอให้ท่าแข็งแรง มีความสุขตามอัตภาพนะครับ สาธุ รออ่านต่อครับ
     
  3. oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาสาธุครับ คุณพี่ ธรรมภูต มีสิ่งหนึ่งที่ผมขอกล่าวครับ

    ผู้ที่ทำบุญ ทำทาน ส่วนใหญ่ หากการกระทำบุญ ทำทานนั้น นำไปซึ่งปัญหาแห่งครอบครัว

    การกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควร เหตุที่มีปัญหาในครอบครัว คือ การทำบุญ ทำทาน เกินความสามารถของตน

    เพราะการทำบุญ ทำทานนั้น ต้องทำโดยที่ตนเองไม่ลำบาก และ ครอบครัวไม่ลำบาก

    อย่างทุกวันนี้ มีผู้คนมากมาย ที่ทำบุญ ทำทาน โดยไม่คำนึงถึงสภาวะที่เป็นอยู่ จึงนำความเป็นทุกข์มาสู่ตน และ ครอบครัว

    การทำบุญ ทำทานนั้น ต้องทำด้วยความพอดี ไม่ทำให้ตนเอง และ ครอบครัวเป็นทุกข์

    สาธุครับ
     
  4. oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สวัสดีปีใหม่ไทยครับ พี่ธรรมภูต สวัสดีปี 2555 ครับ

    สาธุครับ
     
  5. สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    :mad::cool: อื้อฮือ...ไอ้ปลวกสมองนิ่ม อาจารย์สอนมรึงกี่หนแล้วอย่าให้อาจารย์ขายหน้า..มรึงจะแนะนำใคร ให้ใช้สมองบ้างมรึงนี่ไม่จำจริงๆเคยวัดความรู้ตัวมรึงเองไหมชั้นอนุบาลที่เท่าใด....มรึงนี่บาปกรรมมากทำให้อาจารย์ด่ามรึงในวันสงกรานต์ ไอ้บาปกรรม
    ..ที่มรึงพุดมานั่นมันพื้นฐานเด็กประถมใครเขาเข้าใจหมดละ ระดับท่านธรรมภูตินี่ เขามองไปโน่น..พระองค์ไหนเป็นสุปฏิปันโน สามารถจะทำบุญได้บ้างนี่ปัญาคนในห้องนี้เขาพุ่งไปไกลกว่ามรึงไอ้..ไก่อ่อน ไอ้ปัญญานิ่ม ไม่รู้กรูจะด่าจะสอนมรึงอย่างไรดี..อาจารย์- กรูขายหน้าคนอื่นเขาที่รับมรึงเป็นศิษย์แบบ(โมเม)..กรูอายเขามรึงเข้าใจไหม ไอ้โอฬาร หัวน็อต..!
    :cool: (ขออภัยท่านธรรมภูติ ที่ใช้กระทู้ท่านด่าลูกศิษย์ตนเอง ขออภัยครับ):cool:
     
  6. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    อนุโมทนาสาธุกับคุณ ธรรมภูต ด้วยครับ..
    คนเดียวกับ ใน Blog ธรรมภูต หรือเปล่าครับ...
     
  7. ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192


    เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • somdej.jpg
      ขนาดไฟล์:
      601.8 KB
      เปิดดู:
      290
  8. รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    มีสองฝ่าย
    แล้วคนที่คิดว่า ไม่ง่ายไม่อยากไปกว่ากัน แต่ทำไปคู่กันละ เช่นในขณะที่ทำดีก็คือการละชั่วไปพร้อมกัน และ ในขณะที่พยามละชั่วก็คือการทำดีอยู่
     
  9. oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ คนที่ประมาท เหมือน คนที่ตายแล้ว

    สาธุครับ
     
  10. แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    ไม่เห็นถึงองค์แปดเลย นับไปนับมาได้แค่สาม
    ตกเลขหรือค้า น้าธรรมภูติ
     
  11. แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    อริยมรรคแปด เป็นทางเดินของอริยะ ไม่ใช่ทางเดินไปสู่อริยะ
    แต่เป็นทางไปสู่อรหันต์หรือนิพพานจ้า น้าภูติ
     
  12. oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    กล่าวผิดแล้วครับ พี่ธรรมภูต กล่าวไว้ถูกต้องแล้วครับ

    ผู้ที่เป็นอริยะแล้ว การปฎิบัตินั้นมีมากกว่า มรรค 8 ครับ

    แค่มรรค 8 ไปไม่ถึงซึ่งความว่างเปล่าครับ เป็นเพียงหนทางเริ่มต้นเท่านั้น

    ใตร่ตรองดูเถอะครับ

    สาธุครับ
     
  13. แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    เพ้อเจ้อน่าไอ้หนู ไปตามน้าภูติมาคุย
     
  14. oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เพ้อเจ้อเรื่องอะไรครับ ผมไม่ได้รู้จัก พี่ธรรมภูต เป็นการส่วนตัวครับ

    แต่ผมกล่าวด้วยความเป็นจริงครับ เพราะที่สุดแล้วก็ต้องวางลงหมดครับ

    สาธุครับ
     
  15. แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    ที่ว่าอริยะปฏบัติมากกว่ามรรคแปด อะไรหรือไหนลองบอกมาหน่อยซิไอ้หนู
     
  16. รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    พระศาสดาตรัสว่า
    ศาสนาใดไม่มีมรรคมีองค์แปด สมณะผู้สงบถึงที่สุดก็ไม่มีในศาสนานั้น

    ใครผิดลองคิดดู แต่ผมเห็นว่าผิดทั้งคู่
     
  17. oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ทางแห่งมรรคมีมากกว่ามรรค 8 ครับ ทุกกิริยาบทเป็นมรรคทั้งสิ้น

    แต่มรรค 8 เป็นเพียงตัวอย่างในการใช้ชีวิตครับ ที่จะนำมาซึ่งความเป็นสุขครับ

    การเจริญสตินั้น ต้องปฎิบัติทุกกิริยาบทครับ นี่ครับ ทางแห่งมรรค

    สาธุครับ
     
  18. รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    เจอแล้ว คนนี้น่าเป็นห่วงมาก :'(
     
  19. oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คนที่ควรห่วง คือ ตัวตนของเราเองครับ ไม่ใช่ผู้อื่น

    มัวแต่ห่วงผู้อื่น คือ คนที่ประมาทครับ

    สาธุครับ
     
  20. รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    ถ้าท่านเข้าใจว่าข้าห่วงท่านละก็ ท่านผิดแล้วละ
    ข้าว่า น่า เป็นห่วง ข้้าคงไม่ต้องบอกความหมายของคำว่า น่า กับท่านหรอกนะ
     

แชร์หน้านี้