(๑๕) ย่อมรู้ชัดว่า ข้อที่มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือสตรีพึงสำเร็จเป็นมาร นั่นไม่ใช่
ฐานะที่มีได้ และรู้ชัดว่า ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ บุรุษพึงสำเร็จเป็นมาร นั่นเป็นฐานะที่มีได้ ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๔
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
หน้าที่ ๑๓๘/๔๑๓ ข้อที่ ๒๔๕
[๑๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่พระเจ้าจักรพรรดิสองพระองค์ จะพึงเสด็จอุบัติขึ้น
พร้อมกันในโลกธาตุเดียวกันนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ดูกรภิกษุทั้งหลาย แต่ข้อที่
พระเจ้าจักรพรรดิพระองค์เดียวจะพึงเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ธาตุอันหนึ่งนั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ฯ
[๑๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่สตรีจะพึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มิใช่
ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แต่ข้อที่บุรุษจะพึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ
เจ้านั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ฯ
[๑๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่สตรีจะพึงเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั้นมิใช่ฐานะ มิใช่
โอกาสที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แต่ข้อที่บุรุษจะพึงเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั้น เป็นฐานะที่จะ
มีได้ ฯ
[๑๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่สตรีจะพึงเป็นท้าวสักกะ ฯลฯ จะพึงเป็นมาร ฯลฯ
จะพึงเป็นพรหมนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุรุษจะพึงเป็น
ท้าวสักกะ ฯลฯ จะพึงเป็นมาร ฯลฯ จะพึงเป็นพรหมนั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๐
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
หน้าที่ ๒๙/๒๙๐ ข้อที่ ๑๖๓ - ๑๖๖
(ท่านคิดว่า ลูกสาวพระยามารมี ๓ คน คือ นางตัณหา นางราคา และนางอรดี จะมีได้หรือ?ไม่)
ลูกสาวพระยามาร (สตรีพึงสำเร็จเป็นมาร นั่นไม่ใช่ ฐานะ ที่มีได้)
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย thepkere, 10 ธันวาคม 2012.
-
-
สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๒๘
เสด็จไปประทับโคนต้นไทร สามธิดามารมาประโลมล่อให้หลง ก็ไม่ทรงใยดี
ตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นเวลา ๗
วัน คำว่า 'เสวยวิมุติสุข' เป็นภาษาที่ใช้สำหรับท่านผู้ทรงหลุดพ้นแล้ว เทียบกับภาษาสามัญชนคนมีกิเลสก็
คือพักผ่อนภายหลังที่ตรากตรำงานมานั่นเอง
หลังจากนั้นจึงเสด็จไปยังต้นอชปาลนิโครธ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของต้นศรีมหาโพธิ์ ต้น
นิโครธคือต้นไทร ส่วนคำหน้าคือ 'อชปาล' แปลว่า เป็นที่เลี้ยงแพะ ตามตำนานบอกว่าที่ใต้ต้นไทรแห่งนี้
เคยเป็นที่อาศัยของคนเลี้ยงแพะมานาน คนเลี้ยงแพะที่ตำบลแห่งนี้ได้เข้ามาอาศัยร่มเงาต้นไทรเป็นที่เลี้ยง
แพะเสมอมา
ระหว่างที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นี่ นักแต่งเรื่องเรื่องในยุคอรรถกถาจารย์ ยุคนี้เกิดขึ้นภาย
หลัง พระพุทธเจ้านิพพานแล้วหลายร้อยปี ได้แต่งเรื่องขึ้นเฉลิมพระเกียรติของพระพุทธเจ้าว่า ลูกสาว
พระยามารซึ่งเคยยกทัพมาผจญพระพุทธเจ้าเมื่อตอน ก่อนตรัสรู้เล็กน้อยแต่ก็พ่ายแพ้ไป ได้ขันอาสาพระยา
มารผู้บิดาเพื่อประโลมล่อพระพุทธเจ้าให้ตกอยู่ในอำนาจของพระยามารให้จงได้ ลูกสาวพระยามารมี ๓
คน คือ นางตัณหา นางราคา และนางอรดี
ทั้งสามนางเข้าไปประเล้าประโลมพระพุทธเจ้าด้วยกลวิธีทางกามารมณ์ต่างๆ เช่น เปลื้อง
ภูษาอาภรณ์ทรงออก แปลงร่างเป็นสาวรุ่นบ้าง เป็นสาวใหญ่บ้าง เป็นสตรีในวัยต่างๆ บ้าง แต่พระพุทธ
เจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์สิ้นเชิงแล้วไม่ทรงแสดงพระอาการผิดปกติแม้แต่ลืมพระเนตรแลมอง
เรื่องธิดาพระยามารประโลมพระพุทธเจ้าก็เป็นปุคคลาธิษฐาน ถอดความได้ว่า ทั้งสามธิดา
พระยามารนั้น ล้วนหมายถึงกิเลสทั้งนั้น อย่างหนึ่งคือความยินดี อีกอย่างหนึ่งคือความยินร้ายหรือความ
เกลียดชัง ความยินดีส่วนหนึ่งแยกออกเป็นตัรหา คือความอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุด อีกส่วนหนึ่งเป็นราคา
หรือราคะ คือความใคร่หรือกำหนัด ความเกลียดชังหรือยินร้ายออกมาในรูปของอรดี อรดีในที่นี้คือ
ความริษยา
ความที่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงพระอาการผิดปกติ แม้แต่ทรงลืมพระเนตรนั้น ก็หมาย
ถึงว่า พระพุทธเจ้าอยู่ห่างไกลจากกิเลสดังกล่าวมาโดยสิ้นเชิงนั่นเอง
_________________________________________
บันทึก ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ติดต่อ : DhammaPerfect@hotmail.com
http://www.84000.org/tipitaka/picture/f28.html -
ศาสดาของแต่ละศาสนาก็ต้องต่อสู้กับ กิเลส
Temptation of Christ
เช่นเมื่อพระเยซูถูกพญามารพยายามมาเกลี่ยกล่อม
1. ให้่เสกหินเป็นหนมปังในป่าเมื่อพระเยซูอยู่ในช่วงบำเพ็ญเพียร
2. ท้าให้พระเยซูโดดจากหอคอยโบสถ์
เพื่อใ้ห้แสดงอิทธิฤทธิ์ว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า
โดยฑูตสวรรค์ต้องมารองรับไม่ให้พระเยซูตกถึงพื้น
3.ทั้งแก้วแหวนเงินทอง และ อำนาจ หากบูชาพญามาร
ซึ่งพระเยซูปฏิเสธ และบัไล่พญามารไปในที่สุด
***มารไม่มีบารมีไม่เกิด*** -
คนจีนก็มีอยู่คนหนึ่งในสมัยชุนชิว
ซึ่งทุกคนยังนับถือเป็นแบบอย่างของเยนเตลแมนถึงทุกวันนี้
หลิ่วเซี้ยฮุ่ย ในคืนที่หนาวเหน็บเขาให้ช่วยให้ไออุ่นกับแม่นาง
ท่านหนึ่ง โดยให้แม่นางนั้นอยู่ในอ้อมอกของตนจนถึงรุ่งสาง
โดยมิได้ล่วงเกินนางแม้แต่น้อย
อนุชนรุ่นหลังจึงมีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงท่าน