วอนผู้รู้ที่นั่งสมาธิได้ณาฌกรุณาอธิบายให้เข้าใจ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มณีอุมา, 21 มิถุนายน 2011.

  1. Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -หากยังมีคนสงสัยเรื่อง นรก สวรรค์ อีก คำตอบจะเหมือนคำถามนี้ พรุ้งนี้มีมั้ย? เมื่อวานมีมั้ย? หากตอบสองคำถามนี้ได้ ความจริงก็จะกระจ่าง
     
  2. Pehda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +227
    ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
    เรื่องของศาสนา ถ้าไม่มีศรัทธาก็ฝึกลำบากครับ
     
  3. วรรณนรี05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +903
    ดูก่อนภิษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงยังสมาธิให้เกิด (เพราะ) ชนผู้มีจิตเป็นสมาธิแล้วย่อมรู้ตามความเป็นจริง จุดประสงค์ของพระพุทธพจน์นี้ คือชวนให้ยินดีในการทำสมาธิ เพื่อทำใจให้สงบตั้งมั่น ใจที่ผ่านการฝึกฝนอบรมดีแล้ว ย่อมอำนวยผล เพราะคนเรามีใจเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า ทุกสิ่งจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับใจเป็นสำคัญ ดังนั้นใจที่เป็นสมาธิ สามารถทำอะไรๆสำเร็จได้ ผิดกัยใจที่ขาดการฝึกฝนอบรม มักโน้มเอียงไปในทางที่ผิดได้ง่าย อนึงใจที่เป็นสมาธิ ย่อมเห็นสภาพตามความเป็นจริงของสิ่งต่างๆได้ แต่ใจนี้โดยปกติมักมีอารมณ์
    คือมีสิ่งที่เข้ามาขัดขวาง ให้หวั่นไหวไม่มั่นคงในการบำเพ็ญสมาธิ ชึ่ง เรียก ว่านิวรณ์
    นิวรณ์ หมายถึงธรรมเป็นเครื่องปิดกั้น หรือขัดขวาง ไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิดโอกาสให้ทำความดี เป็นเครื่องกั้นความดีไม่ให้เข้าถึงจิต มี5ประการ ได้แก่ 1กามฉันท์ 2พยาบาท 3ถิ่นมิทธะ 4 อุทธัจจกุกกุจจะ 5วิจิกิจฉา แปลตรงข้อ5เข้าข่ายเจ้าของกระทู้ หมายถึงความลังเลสงสัย ตัดสินใจไม่ได้ คนที่มีวิจิกิจฉาเป็นเจ้าเรือน แก้ด้วยการเจริญธาตุกัมมัฎฐาน หรือวิปัสสนากัมมัฎฐาน เพื่อกำหนดรู้เท่าทันสภาวธรรมตามที่เป็นอยู่ เหนือสิ่งอื่นใด ควรเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ ว่าการตายนั้นไม่สูญ
     
  4. วรรณนรี05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +903
    เจ้าของ กระทู้ ตกอยู่ในนิวรณ์ หนึ่ง ใน ห้า ข้อ ได้แก่ ข้อ ที่ห้า เรียกว่าวิจิกิจฉา

    คือลังเลสงสัย ตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเชื่อพระพุทธเจ้าหรือเชื่อ **ผู้ที่มีวิจิกิจฉาเป็นเจ้าเรือน

    แก้ ด้วย วิปัสสนากัมมัฎฐาน หรือ แก้ด้วยการเจริญธาตุกัมมัฎฐาน เพื่อกำหนดรู้เท่าทัน

    สภาวธรรมตามที่เป็นอยู่
     
  5. nasana สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +6
    ยืนยัน 1 เสียงครับผม เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นครับ ทำง่ายๆ สบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด
    ค่อยๆ ทำ ทำหลังจากนั่งสมาธิก็ได้ ทำได้ทุกวัน สบายใจ ไม่เร่งรีบ เมื่อนิมิตเกิด จะได้เรียนรู้ประสบการณ์แปลกใหม่ เกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนา คลายความสงสัย เจริญในธรรม เผยแพร่ธรรมะอย่างบริสุทธิ์ใจ สู่การพัฒนาจิตต่อไปครับผม

    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  6. moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    เจ้าของกระทู้ เราเรียกอยู่ได้ยินไหม เจ้าของกระทู้เห็นเราไหม เจ้าของกระทู้รับรู้ไหมว่าเรามีอยู่จริง เจ้าของกระทู้สงสัย เจ้าของกระทู้สงสัย ราวกับคนมองผิวน้ำลึกลงไป ไม่เห็นเบื้องใต้ ใช้แค่ตายิ่งเพ่งยิ่งไม่เห็น มองลงไปอีกจนค่ำมืดก็ยิ่งไม่เห็น เมื่อเดินจากไปเจ้าของกระทู้ก็บอกว่าใต้น้ำไม่มีอะไรไม่มีอะไร แต่เจ้าของกระทู้ก็ยังสงสัย ลองเปลื้องอาภรออกไป ย่ำน้ำลงไป ไม่มีอะไรเย็นใจๆ ดำลงในน้ำไปเจ้าของกระทู้เปิดตามอง น้ำเข้าตาแสบตา ไม่เห็นอะไร ไม่เห็นอะไรแสบตา โผล่ขึ้นน้ำมา ไม่เห็นอะไรไม่มีอะไร ในน้ำไม่มีอะไรรู้สึกแค่เย็นใจๆ ในน้ำไม่มีอะไรจริงๆ งั้นหรือ เจ้าของกระทู้ก็ยังสงสัย???
     
  7. Red people เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +153
    ช่างล้ำลึก มหัศจรรย์มากจริง ๆ
     
  8. Jaithai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +13
    คำถามที่ฉันอยากจะถามผู้รู้ทั้งหลายก็คือ ที่ท่านเห็นภาพต่างๆนั้นมันเห็นจริงๆ หรือ จินตนาการ
    วอนผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยคะ

    เรื่องอย่างนี้คุณต้องพิสูจเอง...ถ้าเราบอกว่าเราเห็นจริง คุณก็คงไม่เชื่อเราหรอก จากประสบการณ์ตรง
    บอกได้อย่างเดียวว่า จิตคนเรามันเป็นสิ่งที่เหนือคำบรรยาย ประหลาดมาก แล้วเรื่องที่คุณบอกว่าทำไมบางคน
    ที่มีญาณ ถึงไม่แสดงให้คนอื่นรู้ เรื่องเหนือธรรมชาติบางเรื่องมันเอามาคุยมาบอกกันไม่ได้ พูดมากไปคนอื่นเค้า
    ก็จะหาว่าบ้า.. ลองปฏิบัติเอง พิสูจน์เองดีกว่านะคะ อย่างน้อยคุณก็จะได้คำตอบด้วยตัวคุณเองค่ะ
     
  9. GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    โอ้ หาได้ยากนะเนี่ย ที่จะมีผู้ทำให้คุณนราสภา ไม่สามารถหาคำตอบได้

    (deejai)(deejai)(deejai)
     
  10. นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    สาเหตุมาจาก


    สาเหตุเเห่งการตอบไม่ได้นั้นมาจาก

    ไม่สามารถอธิบายให้ออกมาเป็นคําพูดใดๆได้
    นั่งอ่านคําตอบของคนอื่นๆ มาพักนึงเเล้วเเต่มันก็ยังไม่เต็ม
    คิดหาคําตอบที่มันสมบูรณ์พอ ที่จะเทียบเคียงคุณลักษณะของ คําถาม ไม่ได้จริงๆ
    ยากมาก
    เเถมที่รู้อยู่ ก็ยังไม่หมด เลยไม่ตอบดีฟ่าาาาาา
    ข้อสอบระดับมหาลัยอ๊อกฟอด เเบบนี้น้องขออ่านชม ตามกําลังปัญญาจะดีกว่า

    (deejai)(deejai)(deejai)(deejai)
     
  11. GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    จากการวิเคราะห์ของผม
    คุณมณีอุมา คงต้องการสิ่งที่สามารถพิสูจน์คำสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นความจริง ใช่มั้ยครับ

    ครั้นไปอ่านจากหนังสือหรือฟังคนอื่นบอกเล่ามา คุณก็คงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง

    ครั้นจะมาปฏิบัติด้วยตนเอง ก็มิอาจเห็นได้ เพราะในใจยังถูกนิวรณ์คอยรบกวน
    ยังมีความลังเลสงสัย ในคำสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ ที่เรียกว่า วิจิกิจฉา ในสังโยชน์10

    แต่วันนี้ผมมีวิธีที่จะสามารถพิสูจน์ได้ ด้วยตัวเองครับ เป็นกึ่งอภิญญา คือ ต้องใช้ท่องคาถาร่วมกับการใช้สมาธิ

    วิธีนี้หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ พระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน ท่านได้สอนหลวงพ่อปานไว้เพื่อเป็นการฝึกสมาธิ และเป็นการปูพื้นฐานเอาไว้ใช้ในการฝึกอภิญญาต่อไปเบื้องหน้า(ข้อมูลจากประวัติหลวงพ่อปาน เขียนโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)

    ซึ่งก็คือ การสะเดาะกุญแจด้วยพระคาถา
    ขั้นตอน
    1.หาแม่กุญแจมา 1 อัน เล็กหรือใหญ่ก็ได้ แต่ให้เป็นแบบที่ไขแล้ว ตัวล็อคเด้งขึ้นมาเองนะครับ (เพื่อที่เวลาคาถาแสดงผล จะได้เห็นชัดเจนทั้งภาพและเสียง)

    2.ทำสมาธิ ให้จิตใจสงบนิ่ง เบาๆ สบายๆ ตัดความลังเลสงสัยทิ้งไปก่อน

    3.เอานิ้วมือไปแตะที่แม่กุญแจที่ล็อคไว้ แล้วท่องคาถาว่า "ธะ พะ มะ นะ" หรือ คาถา นะมะพะธะ ถอยหลัง

    หลวงพ่อปานท่านใช้เวลาฝึก 1 เดือน จึงสามารถทำเป็นผลสำเร็จ
    สำหรับพวกเราก็คงจะซัก 3 เดือน หรือ อาจจะนานกว่านั้นแล้วแต่บุญบารมีที่สะสมมาแต่อดีตชาติ

    ก็อยากให้คุณมณีอุมา ลองนำไปฝึกดูนะครับ
    และผมเองก็จะฝึกด้วย เพราะผมเองก็ยังไม่เคยทำได้ ที่บอกมานี่ก็บอกตามตำรานะครับ

    ผมเองอยากเชิญทุกๆท่าน ในเว็บอภิญญา-สมาธิ มาลองฝึกกันดูนะครับ
    เพื่อร่วมกันพิสูจน์คำสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นจริง

    ใครทำได้ก็ถ่ายเป็นคลิปเอาไว้นะครับ แล้วเอามาโพสด้วยก็ดีครับ

    แล้วทีนี้ถ้านักวิทยาศาสตร์ อยากจะดูอยากจะพิสูจน์ ก็ให้เค้ามาดู มาพิสูจน์กันเลย
    เอาให้เห็นกันจะจะ กะลูกตา


    เจริญในธรรมครับทุกท่าน
     
  12. ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    บุญบารมีของชาวพุทธ เพื่อปกป้องโลกทั้งใบ


    ขออนุญาตครับ

    เป็นที่น่าเห็นใจมากที่คุณต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ผมเคยมีเพื่อนรุ่นน้องเป็นผู้หญิงเป็นคนไทยแท้ๆอยู่อยุธยา
    แต่คุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่า ตายาย กลับพานับถือศาสนาอิสราม สามีที่แต่งงานก็พลอยต้องนับถือศาสนาอิสรามด้วย
    พอคุณแม่ที่เป็นข้าราชการครูก็มาอยู่ด้วย ก็เลยยากขึ้นไปอีก ผลสุดท้ายก็สรุปว่า ต้องรอคุณแม่เสียชีวิตก่อน
    จึงจะหันมานับถือศาสนาพุทธได้
    เรื่องการนับถือศาสนานั้น เป็นเรื่องบุญบารมีที่ได้สะสมมาตั้งแต่ชาติปางก่อนด้วย แม้การที่ได้พบครูบาอาจารย์ก็เช่นเดียวกัน
    ท่านอาจารย์ทิพากรท่านได้อธิฐานว่า


    “ผู้มีบุญ ขอให้ได้พบได้เจอ ได้มาร่วมสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ”
    “ส่วนผู้ไม่มีบุญ ขออย่าให้ได้มา แม้ได้ยินได้ฟัง ก็อย่าได้เชื่อ”


    ท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ว่าท่านจะได้ไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
    ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ระดับสี่ (ระดับการสร้างบารมีใกล้จะครบถ้วนสมบูรณ์ และท่านมีทศพลญาณแล้ว)
    ส่วนพระโพธิสัตว์ระดับห้าคือ พระโพธิสัตว์ที่ท่านมีบารมีครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว อยู่สวรรค์ชันสี่(ชั้นดุสิต) เพื่อรอเวลาของการลงมาจุติในพระชาติสุดท้าย
    เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป
    ดังนั้นหลายๆท่านที่คิดว่า พระโพธิสัตว์ที่จะทรงมาจุติเป็นผู้นำทางชาวพุทธเพื่อเพิ่มศรัทธามหาชนในยุคกึ่งพุทธกาลคือองค์พระศรีอริยะเมตไตยนั้น
    เลิกคิดเลิกเชื่อได้
    รวมทั้งท่านที่คิดว่าตนเองสามารถถอดจิตได้ไปเจอ พระพุทธองค์บ้าง ไปเจอพระศรีอริยะเมตไตยบ้าง
    ขอบอกว่า ถ้าท่านมีบุญบารมีขนาดนั้น ทำไมท่านไม่อธิฐานจิต ขอเจอเทพชั้นสูงผู้มีบุญบารมีด้านการสงเคราะห์ องค์ที่ท่านบอกเลขมงคล
    สองตัว สามตัวแม่นๆ องค์ที่ท่านบอกได้ล่วงหน้า ประมาณสิบวันบ้าง
    ถ้าท่านมีบุญบารมีขนาดนั้น ทำไมท่านไม่อธิฐานขอเจอครูบาอาจารย์ อาจารย์ของอาจารย์ของครูบาอาจารย์ของท่าน
    เพื่อถามไถ่เรื่องราวที่ท่านอยากรู้บ้าง ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ
    ผู้คนในเว็บนี้บางกลุ่ม บางพวก เรื่องครูบาอาจารย์ของตัวเองแท้ๆ ท่านยังไม่รู้จริง แล้วท่านจะไปเที่ยวชวนคนอื่นให้มานับถือ
    มาเข้าสายครูบาอาจารย์ของตนนั้น เขาจะมาได้อย่างไร
    แค่เรื่องครูบาอาจารย์ของตนมีปฏิปทาอย่างไร สร้างอะไรมาแล้วบ้าง มีผลงานอะไรมาแล้วบ้าง
    แนวการสอน แนวการปฏิบัติเป็นอย่างไร ก็ยังบอกใครไม่ได้ แล้วจะชักจะชวนเขามาได้อย่างไร
    เรื่องการแสดงปาฏิหาริย์นั้นในมุมมองของผมสาเหตุใหญ่เพื่อป้องกันไม่ให้คณะสงฆ์แตกแยก
    เพราะว่า คณะสงฆ์นั้นท่านมีธรรมวินัยเป็นกฎระเบียบ และตามพระธรรมวินัยนั้น พระต้องให้ความเคารพกันแบบ อาวุโส ภัณเต
    แล้วเกิดพระหนุ่มๆ อายุพรรษาน้อยๆ ท่านมีบุญบารมีสูงถึงขั้นแสดงฤทธิ์ได้ เกิดหลงตนเอง ลืมเคารพพระอาวุโสมากกว่า ก็จะผิดพระธรรมวินัยขึ้น
    แม้แต่ปู่ฤๅษีในยุคปัจจุบัน ก็เห็นมีอวดดื้อถือดีมองข้ามพระเจ้าพระสงฆ์ อยู่เป็นจำนวนมาก บางท่านก็กล้าหาญชาญชันถึงขั้น
    ทำร้ายพระอริยะเจ้าพระอริยะสงฆ์ก็เคยปรากฏมาแล้ว
    ส่วนพระอริยะเจ้า หรือครูบาอาจารย์ฝ่ายฆราวาสที่ท่านมีบุญบารมีสูงๆนั้น ถึงท่านจะแสดงฤทธิ์ ท่านก็จะแสดงต่อหน้าลูกศิษย์ของท่าน
    หมู่คณะของท่านเท่านั้นละครับ
    ยิ่งท่านที่มีบุญบารมีสูงๆท่านก็สามารถแปลง อิทธิฤทธิ์ทั้งหลายมาเป็นบุญฤทธิ์ แล้วแปลงต่อป็นทรัพย์สินเงินทอง
    เช่นที่ท่านอาจารย์ปู่หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านสร้างศรัทธามหาชน มาร่วมบริจาคทั้งทองคำ ทั้งเงินบาท เงินดอลลาร์
    แถมอีก 500 ล้านสร้างตึกโรงพยาบาลอุดรธานีอีก นอกจากนี้ยังสร้างสถานีวิทยุเสียงธรรม อีกร้อยกว่าสถานีทั่วประเทศ
    ท่านอาจารย์ทิพากร รินไธสงค์ท่านก็ตั้งมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ เพื่อหาเงินบริจาคมาสร้างพุทธสถานพระใหญ่ชัยภูมิ อันมีพระพุทธปฏิมาหล่อด้วยทองเหลือง
    สูง 199 เมตร หน้าตักกว้าง 99 เมตร พระบาทขององค์พระสูงจากพื้นอีก 60 เมตร รวมความสูง 259 เมตร
    แถมท่านยังบอกอีกว่า

    “ใครอยากบริจาคก็ขอให้บริจาคน้อยๆ เท่าที่มีก่อน
    เมื่อมาเปิดบุญแล้ว ชีวิตดีขึ้นทุกทาง มั่งมีศรีสุข ร่ำรวยเงินทองแล้วค่อยมาบริจาคอีก
    ให้เหลือกิน เหลือใช้ เหลือสงเคราะห์ พ่อแม่ บุตร ภรรยา สามี ญาติพี่น้อง
    เหลือกิน เหลือใช้ เหลือเก็บ แล้วค่อยนำเงินส่วนที่เหลือ
    มาบริจาคสร้างพระใหญ่
    ถ้ายังอดยากขาดแคลน ก็อย่าเพิ่งเอามาทำบุญ
    ให้อนุโมทนาบุญเอาไว้ก่อน ให้มีปิติหล่อเลี้ยงใจเอาไว้
    ทำบุญคนละบาท สองบาทนี่ละก็จะได้พลังบุญได้มากตามจำนวนคนที่มาร่วมทำบุญ “

    ก็ขอเรียนเชิญท่านดู คลิปวีดีโอ ตามเว็บลิงค์ข้างล่าง ติดขัด ข้องใจอะไรค่อยถามมาใหม่



    YouTube - ‪ช่องของ Pootarach‬‏

    ยิ่งถ้าท่านหาโอกาสมาร่วมพิธีเปิดบุญแล้ว ท่านก็จะยิ่งเข้าใจมากยิ่งขึ้น
    ลองดูตารางเปิดบุญของท่านอาจารย์ตามเว็บลิ้งค์ข้างล่าง



    ��˹������Դ�ح �.�Ծҡ� �Թ��ʧ��

    เมื่ออ่านจบแล้ว ท่านเชื่อหรือไม่ ท่านศรัทธาหรือไม่ ก็แล้วแต่บุญบารมีของท่านเอง
    เมื่อพระโพธิสัตว์ ท่านมาสร้างบารมี ท่านไม่มาร่วม ท่านไม่เชื่อ ก็แล้วแต่ตัวท่านเอง
    หรือท่านจะรอให้เขาสร้างเสร็จแล้วค่อยจะมากราบมาไหว้มาร่วมทำบุญ แล้วท่านจะได้บุญเท่าคนที่เขามาก่อนได้อย่างไร

    ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญร่วมกับญาติธรรมผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา


     
  13. guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    ความหมายของญาณในความคิดผม ก็การคิดทบทวนในการกระทำที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผลกัน หาความเชื่อมโยงและเหตุผลที่เป็นจริงมายืนยันความเป็นไปนั้นๆ แต่ทั้งหมดนี้ต้องมีพื้นฐานที่เป็นความรู้ ที่เป็นจริงมาก่อน ซึ่งแต่ละคนจะสรุปเป็นความรู้รวบยอดของตัวเองต่อไปพอมีอะไรแนวนี้ก็คิด ก็จะนำมาเทียบเคียงพิจารณา เพราะฉะนั้นญาณและปัญญาจะไปด้วยกันเสมอ
     
  14. 5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    ผมมีเรื่องจะเล่าให้เจ้าของกระทู้ฟังครับ

    เรื่องของผม มีอยู่ว่า

    สมัยเด็ก ผมเป็นคนที่ นับถือศาสนาพุทธ โดยไม่รู้ว่านับถือทำไม เพื่ออะไร

    นับถือตามพ่อแม่ และก็เพื่อเติมประวัติลงให้เต็มในทะเบียนบ้าน

    ญาติๆพาเข้าวัดทำบุญ ฟังธรรม ก็ไม่สนใจ ไปแต่่ตัว บุญก็ไม่ทำ เห็นตู้บริจาคเงินมากมาย

    ก็ถามตัวเองว่าหยอดไปทำไม ทำเพื่ออะไร เมื่อไม่เข้าใจก็เลยไม่ทำ มาตั้งแต่เด็ก

    เห็นพระสงฆ์ก็ไม่เคยคิดเคารพ ไม่เคยคิดเลื่อมใสพระสงฆ์

    ไม่เชื่อในนรก สวรรค์ อะไรทั้งนั้นเพราะ ไม่เคยเห็น

    โตมาหน่อยเป็นวัยรุ่น ก็ทำตัวเกเร เจ้าชู้ ขี้เมา เที่ยวเล่น ติดเพื่อนไปตามภาษา

    ไม่สนใจเล่าเรียน กินเหล้าทุกวัน หลังเลิกเรียน การเรียนตกต่ำ คนเพื่อนชั่วมากมาย

    มีศาสนาแค่เพียงชื่อในทะเบียนบ้าน แต่ในใจนั้นไม่มีเลย

    แต่อยู่มาวันนึง ชีวิตของผม ก็พบกับความเปลี่ยนแปลง

    อย่างหน้ามือ เป็นหลังเท้า เพราะเหตุการณ์ ที่ผมได้พบกับคนๆนึง

    เค้ามีความสามารถประหลาด เค้าคุยกับผม แต่เหมือนรู้ความคิด

    พูดถึงอดีตของผมได้อย่างกับตาเห็น เป็นเรื่องที่เรารู้คนเดียว

    แม้แต่พ่อแม่เองก็ไม่รู้ เวลาคุยโทรศัพย์กับเรา แต่พูดถึงของที่วางอยู่ในห้องเราได้

    เหมือนเห็นเราอยู่ตลอดเวลาที่คุย ทั้งๆที่เบอร์ที่เราโทรไปก็เป็นเบอร์บ้าน

    เค้าพูดถึงเรื่องอดีต จนถึงอดีตชาติ พูดถึงสิ่งที่เรามองไม่เห็น

    จนผมสงสัยว่า เค้าทำได้อย่างไรกัน จึงต้อง พิสูจน์

    ผมเริ่มหันมาสนใจศึกษา เรื่องพลังจิต สมาธิ ศาสนา ชีวิตหลังความตาย

    เลิกเหล้า เลิกเกเร เลิกทุกๆอย่าง เพื่อพิสูจน์ความจริง

    ผมหันมาปฏิบัติ สมาธิอย่างจริงจัง แบบเช้าถึงเย็นถึง

    ทั้งก่อนนอน ตอนตื่น ทุกครั้งที่ว่างจากเรื่องต่างๆ

    หมกตัวเป็นหนอนหนังสือ ค้นคว้า อ่านไปปฏิบัติไป ปลีกตัวเองจากสังคม

    และคนที่ช่วยแนะนำให้ผมตลอด ช่วงแรก ก็คน คนที่ผมกล่าวถึง

    ทุกครั้งที่ผมมีอุปสรรค พบปัญหา ผมไม่เคยเอ่ยปากถาม

    แต่เค้าจะตอบปัญหา ให้ทุกครั้งที่ผมกัน โดยที่ไม่เคยได้ถามซักครั้งแค่เพียงคิด

    ผมฝึกหนักมาก เอาจริงเอาจังอย่างไม่คิดชีวิต บ้างครั้งถึงขนาด

    ไม่กินและไม่นอน จนเวลาผ่านไปไม่นาน ผมก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

    และประจักษ์ในใจ อย่างไม่สงสัย ในเรื่องศาสนา นรก สวรรค์ นิพพานอีก

    ได้ลิ้มรส ผลแห่งการปฏิบัติด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่อ่านในหนังสือ

    จึงได้รู้ว่า ในตำราท่านเขียนแค่เพียงแผนที่คร่าวๆ แต่การได้พบเจอจริงๆ

    จากการปฏิบัติ มันไม่เหมือนแผนที่ มันเหมือนกับการเดินป่า มันมีอะไรมากกว่าแผนที่

    แต่เค้าเอามาเล่าทั้งหมดไม่ได้ เพราะคนที่อ่าน อาจจะหลงว่าตัวเองได้เข้าใจป่าแล้ว

    ทั้งๆที่อ่านแค่แผนที่ ก็คิดว่าตัวเองรู้จักป่า

    โลกของจิตภาวนา นั้นลึกล้ำ ยากจะหยั่งถึงได้ด้วยการอ่าน

    แต่มันต้องเข้าถึงด้วยการปฏิบัติ และหลังจากที่ผมมีจิตมั่นคง

    ได้ผลจากการภาวนาจนประจักษ์ใจตั้งมั่นอยู่ในพระศาสนา

    คนๆนั้นก็ไม่เคยมาสอนอะไรผมอีก

    แต่เค้ายังพูดอีกว่า วันข้างหน้าผมต้องกลับไปสอนเค้า

    ซึ่งผมก็ยังไม่รู้เลยว่า อีกนานแสนนานแค่ไหนที่จะเป็นอย่างที่เค้าพูดได้

    แต่ผมบอกได้อย่างเดียวว่า ถ้าคุณ ทำจริง คุณจะได้รับ ผลจริง

    อย่างแน่นอน เพราะทุกอย่าง มีจริง

    แค่รอการพิสูจน์ จาก คนที่ตั้งใจจริง
     
  15. ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    “ใครอยากบริจาคก็ขอให้บริจาคน้อยๆ เท่าที่มีก่อน
    เมื่อมาเปิดบุญแล้ว ชีวิตดีขึ้นทุกทาง มั่งมีศรีสุข ร่ำรวยเงินทองแล้วค่อยมาบริจาคอีก
    ให้เหลือกิน เหลือใช้ เหลือสงเคราะห์ พ่อแม่ บุตร ภรรยา สามี ญาติพี่น้อง
    เหลือกิน เหลือใช้ เหลือเก็บ แล้วค่อยนำเงินส่วนที่เหลือ
    มาบริจาคสร้างพระใหญ่
    ถ้ายังอดยากขาดแคลน ก็อย่าเพิ่งเอามาทำบุญ
    ให้อนุโมทนาบุญเอาไว้ก่อน ให้มีปิติหล่อเลี้ยงใจเอาไว้
    ทำบุญคนละบาท สองบาทนี่ละก็จะได้พลังบุญได้มากตามจำนวนคนที่มาร่วมทำบุญ “


    ทีดินหรือสถานที่สร้างพระมีรึยังครับพี่.......สร้างเสร็จไปแล้วนี่นา ผมไม่มีบุญได้ร่วมแฮะ
    .....ที่อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผมพอจะมีที่ดินและต้องการบริจาคอยู่
    ท่านหรือกลุ่มคณะใดที่ต้องการประสงค์สร้าง สถานปฏิบัติธรรมหรือถาวรวัตถุ แต่ยังไม่มีที่ดินที่ตั้ง
    กรุณาแจ้งผมนะครับ ผมยินดีรับพิจารณา และมีความประสงค์ยินดีบริจาคด้วยความเต็มใจ รายละเอียดสอบถามได้ครับ
    ข้อมูลเบื้องต้น
    ห่างชุมชนหมู่บ้านสามกิโล ทางกันดารลำบากพอสมควร ไม่มีไฟฟ้า แหล่งน้ำตามฤดูกาล หรือขุดบ่อ
     

แชร์หน้านี้