วัดเลียบ…ที่อยู่ในโลกหน้าของ‘สุขวิช รังสิตพล’

วัดเลียบ…ที่อยู่ในโลกหน้าของ‘สุขวิช รังสิตพล’



“พระป่า” คำนี้ขลังนัก

พระป่า คือ คำที่คนไทยพุทธ ใช้เรียกขานพระสงฆ์สายธรรมยุติ ที่มีวัตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เคร่งทางธรรมอย่างที่สุด น่าเลื่อมใสอย่างที่หาคำบรรยายมิได้

อีกประเด็นหนึ่งที่คนไทยพุทธรู้เป็นอย่างดีก็คือ

พระป่า ระดับเกจิ ที่ผู้คนนับถือทั่วแผ่นดิน ล้วนเป็นคนพื้นเพอีสานทั้งสิ้น

และเมื่อจำกัดวงไปให้เล็กลงอีก… ล้วนเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี

หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล อดีตเจ้าอาวาสวัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี คือ …

ต้นกำเนิดแห่งพระป่าของไทย








ทำไมพระป่าที่มีเคร่งในวัตรปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ล้วนมีชาติกำเนิดอยู่ที่อุบลราชธานีก็เพราะ ตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว เมืองอุบลฯเป็น “ตักศิลาแห่งอีสาน”

ตักศิลา ก็คือ สำนักเล่าเรียน ซึ่งยุคโบราณพ่อแม่จะส่งลูกชายเข้าไปเรียนหนังสือในวัด ให้พระเป็นผู้สอน ซึ่งเมืองอุบลฯมีวัดมากมาย และ “ยาครู”หรือครูผู้สอวนก็ล้วนแต่มีความรู้แท้จริง

ฉายาของจังหวัดนี้คือ…

อุบล เมืองนักปราชญ์

“เด็กชายเสาร์” สมัยนั้นยังไม่มีนามสกุล เกิดวันที่ 2 พ.ย.2402 ที่บ้านข่าโขม ต.หนองขอน อ.เมืองอุบลราชธานี

อายุ12 บวชเป็นเณรที่…วัดใต้ อ.เมืองอุบลฯ เมื่ออายุ 20 ก็บรรพชาเป็นภิกษุ ลัทธิมหานิกาย ที่วัดใต้ และต่อมาได้เป็นเจ้าอาวาสวัดใต้

หลวงปู่เสาร์ ได้ญัตติเป็นพระธรรมยุต ที่วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) มีพระครูทา โชติปาโล เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการสีทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจารย์

ตัดฉากมาที่ “วัดเลียบ” แห่งเมืองอุบลฯ แรกเริ่มเป็นสำนักสงฆ์ ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำมูล ก่อตั้งเมื่อวันพฤหัสบดี เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2391 จ.ศ.1210 ร.ศ.67 ปีวอก สัมฤทธิ์ศก ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 (ไม่พบหลักฐานที่เป็นเอกสารการขอตั้ง)

สำนักสงฆ์แห่งนี้ มีอายุได้ 44 ปี มีเจ้าอาวาสปกครองมา 10 รูป

จนถึงยุคท่านพระอาจารย์ทิพย์เสนา ทิพฺพเสน (แท่นทิพย์) เมื่อท่านมรณภาพลง ก็ไม่มีพระสงฆ์ใดครองสำนักสงฆ์แห่งนี้ต่อ เป็นเหตุให้ต้องร้างไป

ต่อมาหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ได้มาบุกเบิกเสริมสร้างฟื้นฟูขึ้นเป็นวัดธรรมยุต

และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเลียบ เมื่อ พ.ศ.2435 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล คือ ต้นธารแห่งสายพระกัมมัฏฐาน ของภาคอีสานทั้งมวล

สหธรรมิกคู่หูของท่านก็คือ พระปัญญาพิศาลเถร (หนู) เป็นคนเกิดในเมืองอุบลฯ

หลวงปู่เสาร์ กับหลวงปู่หนู ได้ออกธุดงค์ไปปักกลด นอนตามป่า ตามเขา ตามถ้ำ ทุกพื้นที่กันดารไม่มีผู้คนทั่วแผ่นดินอีสาน จึงทำให้บารมีธรรมแก่กล้าที่สุด

หลวงพ่อเสาร์เทศน์ไม่เป็น แต่สอนพระลูกศิษย์ด้วยการปฏิบัติจริงให้ดู ให้ทำตาม

ศิษย์อีกองค์หนึ่งของหลวงปูเสาร์ที่สำเร็จขั้นสูงสุดก็คือ “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” เป็นคนจากโขงเจียม บวชเป็นพระเมื่ออายุ22 แล้วมาเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงปู่เสาร์ ที่วัดเลียบ แล้วได้ธุดงค์ไปด้วยกันทุกแห่งทุกหนในพื้นที่อีสาน







วัดเลียบ อุบลฯ คือ วัดที่แท้จริงของหลวงปู่เสาร์ กับหลวงปู่มั่น

เมื่อมรณภาพแล้ว ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันสร้าง 2 เจดีย์วิหาร อนุสรณ์สถานหลวงปู่เสาร์ กับเจดีย์วิหารอนุสรณ์สถานหลวงปู่มั่น ตั้งอยู่คู่กันทางเบื้องหน้าพระอุโบสถ วัดเลียบ

ภายในมีรูปหล่อสำริด กับหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่เสาร์ และมีรูปหล่อสำริดของหลวงปู่มั่น

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมากราบไหว้บูชามิได้ขาด







ภายในวัดเลียบ ยังมีปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ ที่สำคัญมากมาย เช่น อุโบสถ ซึ่งดั้งเดิมเป็นสิมไม้ มีเฉลียงโดยรอบ สร้างโดยหลวงปู่เสาร์ จนปี พ.ศ.2506 สิมไม้ได้ชำรุดทรุดโทรมมาก พระโพธิญาณมุนี เจ้าอาวาสในสมัยนั้น จึงได้รื้อถอนและก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ และได้ประดิษฐานพระประธานนามว่า พระพุทธจอมเมือง …พระพุทธรุปที่หลวงปู่เสาร์ ได้ปั้นไว้

“พระครูอุบลคณาภรณ์” เป็นเจ้าอาวาสวัดเลียบ มาตั้งแต่ปี 2545 จนปัจจุบัน







พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติของประเทศไทย ปัจจุบันพุทธศาสนาในไทยเจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก คณะสงฆ์ไทยได้เป็นผู้ออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในหลายประเทศทั่วโลก

มนุษย์ทุกเชื้อชาติล้วนมีศาสนา และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ตัวเองเคารพนับถือเชื่อมั่นว่าจะนำพาชีวิตไปสู่ความสุขสงบ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า โดยชนแต่ละเชื้อชาติก็มีความเชื่อแตกต่างกันไป

เช่น ฟาโรห์ แห่งประเทศอียิปต์ ดินแดนทะเลทรายตอนเหนือทวีปแอฟริกา ก็เชื่อว่าการฝังสมบัติไว้กับศพของตัวเอง จะได้นำไปใช้ในโลกหน้า จึงมีการสร้างปริมามิดอย่างยิ่งใหญ่ทับหลุมฝังศพฝังสมบัติ

จีน เป็นประเทศที่มีแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลที่สุด ต้องรบพุ่งเพื่อชิงแผ่นดินกันอยู่ตลอด คนที่เป็นกษัตริย์นักรบบางองค์ ก็สร้างสุสานใต้ดินให้ตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ ให้ช่างปั้นรูปทหารรบทั้งกองทัพด้วยดินเหนียว พร้อมม้าศึก รถรบ หอกดาบ เกาทัณฑ์ ง้าว ฝังในหลุมศพเพื่อใช้ในโลกหน้าด้วย เช่น สุสานเมืองสีอาน

ขณะที่ประชาชนจีนทั่วไปก็นิยมสร้างฮวงซุ้ย ที่ฝังศพให้ตัวเองอย่างงดงาม

“สุขวิช รังสิตพล” ขณะนี้ อายุ 78 เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ได้เตรียมการให้ตัวเอง เลือกสถานที่โลกหน้าให้ตัวเองแล้ว

โดยขออยู่กับพระ ที่วัดเลียบ อุบลฯ วัดของ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น

สุขวิช เป็นนักการเมือง ร่วมกันสร้าง “พรรคความหวังใหม่”มากับ “บิ๊กจิ๋ว-พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ได้เป็น รมว.ศึกษาธิการ ก่อนที่จะยุบพรรคมารวมกับพรรคไทยรักไทยของ “ทักษิณ ชินวัตร” และถูกตัดสินยุบพรรค ทำให้สุขวิชกับนักการเมือคนอื่นๆรวม 111 คนต้องเว้นวรรคการเมืองยาวนานถึง 5 ปี

“คุณแม่ จินตนา รังสิตพล” มีลูกคนเดียวคือสุขวิช แม่ลูกคู่นี้รักกันมากผูกพันกันมาก และเมื่อแม่ตาย 28 พ.ค.2555 ขณะอายุได้ 105 ปี สุขวิชได้ตั้งศพแม่สวดที่วัดพระราม 9 กรุงเทพฯ โดยขอให้ผู้มางานศพไม่ต้องใส่สีดำ ใส่สีอะไรก็ได้ และงดพวงหรีด หากจะช่วยก็ขอเป็นเงินสด เพื่อนำไปบริจาคให้โรงเรียนของสามเณร

โทษเว้นวรรคการเมือง 5 ปี ชองสุขวิชกับพวกสิ้นสุด 30 พ.ค.2555 ขณะสวดศพแม่ผ่านคืนแรก วันรุ่งขึ้น 29 พ.ค.2555 ชาวคณะ111 ที่สุขวิชเป็นรองประธานมูลนิธิ ก็เรียกประชุมและนัดหมายเช้า 1 มิ.ย.2555 จะยกขบวนไปเขียนใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยพร้อมกัน

แต่เช้า 1 มิ.ย.2555 นั่นเอง สุขวิชก็ได้ตัดสินใจปลงผม บวชหน้าไฟ อุทิศส่วนกุศลให้แม่ ไม่ไปเขียนใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยจำวัดอยู่วัดพระราม 9

ย้อนกลับไปเมษายน 2549 ขณะเป็นฆราวาส สุขวิชได้ร่วมคณะมหาเศรษฐีชาวไทยไปแสวงบุญที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย ระหว่างนี้ “ไพศาล คุณผลิน” ได้เล่าสู่ฟังว่าได้ไปร่วมสร้างเจดีย์วิหารหลวงปู่เสาร์ กับหลวงปู่มั่นที่วัดเลียบ อุบลฯ ซึ่งเจ้าอาวาสจะให้อัฐิธาตุของเกจิทั้งสองเป็นการตอบแทน จะแบ่งให้สุขวิชด้วย

แล้วในมิถุนายนปีเดียวกัน “พระราชญาณกวี” ผช.เจ้าอาวาสวัดพระราม 9 ได้แนะนำให้สุขวิชสร้างกุศลด้วยการสร้าง “เสาอโศก” ตามอย่าง พระเจ้าอโศกมหราช กษัตริย์อินเดีย ที่เปลี่ยนมาถือพุทธศาสนา ได้สร้างเสาอโศกปักไว้ตามสถานที่ต่างๆ 84,000 ต้น เพื่อประกาศว่า ที่ใดมีเสาอโศกปักอยู่ ที่นั่นคือสถานที่ที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่มาถึงแล้ว

สุขวิช ให้ช่างแกะหินอ่างศิลา ชลบุรี แกะเสาออโศกจากหินทรายชั้นดี โดยพระราชฯ แนะให้นำไปปักที่วัดเลียบอุบลฯ ซึ่ง “พระอุบลคณาภรณ์” เจ้าอาวาสวัดก็ยินดี และการปักเสาก็เสร็จสิ้นในธันวาคม 2549 ทำให้สุขวิชมีความผูกพันกับวัดเลียบใกล้ชิดยิ่งขึ้น







และหลังจากที่สุขวิชบวชเป็นพระสงฆ์อุทิศกุศลให้แม่จินตนาแล้ว ก็เกิดความคิดที่จะเตรียมสถานที่สำหรับโลกหน้าให้ตัวเอง และตัดสินใจแล้ว จะมาอยู่ที่วัดเลียบ วัดของหลวงปู่เสาร์ กับหลวงปู่มั่น

จึงขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดสร้างกุฏิ ขึ้นที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ในรั้ววัด ซึ่งเจ้าอาวาสก็อนุญาต และเป็นผู้ออกแบบกุฏิ สุขวิชออกเงิน 5.8 ล้านบาท








เป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น ชั้นบนมี4 ห้องนอน ห้องน้ำในตัว สำหรับเจ้าอาวาสจะใช้เป็นที่ต้อนรับพระผู้ใหญ่จากทั่วประเทศที่มาเยือนวัด

กุฏิหลังนี้เมื่อสร้างเสร็จราวธันวาคม 2556 สวยงามมาก และที่ตั้งก็อยู่เบื้องหน้าเจดีย์วิหารหลวงปู่เสาร์กับหลวงปู่มั่น ห่างราว 60 เมตร
















ชั้นล่างของกุฏิ สุขวิชสร้างห้องปฏิบัติธรรมของตัวเองเอาไว้ และจะใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่สำหรับโลกหน้าของตัวเอง จึงให้ช่าง “สร้างห้องใต้ดิน”เอาไว้ในห้องปฏิบัติธรรมด้วย

เป็นห้องขนาด4 คูณ 4 เมตร สูง1.80 เมตร มีบันไดขึ้นลง ทางลงปิดด้วยแผ่นคอนกรีต จะใช้เก็บอังคาร (เถ้ากระดูก)กับจีวรและเครื่องใช้ขณะเป็นพระ

บนห้องใต้ดินวางบุษบก ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหยกสีเขียว ฝีมือแกะของช่างจังหวัดเชียงราย

ใต้พระหยก วางตู้เซฟเหล็ก เตรียมไว้ใส่อัฐิของตัวเอง

โดย “ผิวผ่อง รังสิตพล”ภรรยาจะนำอัฐิมาเก็บไว้คู่กัน
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง » ‘วัดเลียบ’ที่อยู่ในโลกหน้าของ’สุขวิช รังสิตพล’

 

อนุโมทนา สาธุกับท่านหลวงพ่อสุขวิช ด้วยครับ


อ่านบทความแล้ว ... ไม่อยากเกิดเลย ทุกข์ทั้งนั้น

 

ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของครอบครัวรังสิตพล



การถวายอาหารแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เป็นการทำบุญที่ได้กุศลแรงกล้า

นางสุชาดา เป็นสตรีที่ได้ถวาย ข้าวมธุปายาส แก่ เจ้าชายสิธัตถะ ขณะนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ริมแม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ได้เสี่ยงทาย ด้วยการนำถาดไปลอยน้ำ อธิษฐานว่าหากจะได้ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ให้ถาดทองคำลอยทวนน้ำ ซึ่งพญานาคได้เข้ามารองรับถาดพาลอยทวนน้ำขึ้นไป แล้วสิทธัตถะก็ได้ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า ณ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6



และในระหว่างที่ พระพุทธเจ้า เสด็จฯเทศนาธรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปตามเมืองต่างในชมพูดทวีป หรือประเทศอินเดียกับเนปาล ในปัจจุบัน ก็ได้มีบุคคลต่างๆ มหาเศรษฐี รวมทั้งกษัตริย์ ได้ถวายอาหารแก่พระพุทธเจ้า และภิกษุ พระอรหันต์ ที่ติดตาม

หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จฯปรินิพพานแล้ว 271 ปี “พระเจ้าอโศกมหาราช” แห่งราชวงศ์โมริยะ ผู้ครองชมพูทวีป ได้เกิดมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า จึงเปลี่ยนศาสนาจากฮินดูมาถือพุทธ และเป็นกษัตริย์ที่ส่งเสริมทำนุบำรุงศาสาพุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ให้มีการขุดค้นหาพระบรมสารีริกธาตุที่ถูกแยกย้ายนำไปฝังตามที่ต่างๆ มาใส่ไว้ใน “เสาอโศก” รวม 84,000 ต้น นำปักตามสถานที่ต่างๆ เพื่อประกาศว่าที่ใดมีเสาปักคือที่ได้มีการแผ่พุทธศาสนามาถึงแล้ว



พระเจ้าอโศก ให้จัดงานฉลองเสาอโศกในเมืองหลวง ยาวนาน 7ปี กับอีก 7 เดือน 7 วัน โดยในระหว่างนี้ได้จัดเลี้ยงอาหารและให้ที่พำนักแก่พระสงฆ์ตลอดทุกวัน ทำให้มีผู้ชายปลอมบวชเข้ามาเป็นสงฆ์จำนวนมาก เพื่อกินฟรี แต่ในที่สุดพระเจ้าอโศกก็ได้กำจัดอลัชชีเหล่านี้ โดยให้พระเถระเรียกตัวมาไต่สวนหลักธรรม เมื่อตอบไม่ได้จะถูกลงโทษรุนแรง ทำให้พวกปลอมชวชรีบถอดจีวรหลบหนีถึง 60,000 คน



การเลี้ยงอาหารพระสงฆ์ เป็นการทำบุญ และได้กลายเป็นประเพณีการทำบุญของชาวพุทธมาจนปัจจุบัน



“สุขวิช รังสิตพล” เป็นคนหนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทำบุญบำรุงพุทธศาสนาในหลายรูปแบบมาตลอด และ เมื่อ 1 มิ.ย.2555 ขณะอายุ 76 ก็ได้บวชหน้าไฟเป็นภิกษุ เพื่ออุทิศกุลให้ “คุณแม่จินตนา รังสิตพล”ที่ถึงแก่กรรมขณะอายุได้ 105 ปี



และด้วยความที่เป็นผู้ศรัทธาพุทธศาสนาแรงกล้าจึงสร้างโลกหน้าให้แก่ตัวเอง “อยู่กับพระ” ด้วยการสร้างกุฏิไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของตัวเอง ภายในรั้ววัดเลียบ อุบลราชธานี วัดของ “หลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น” โดยในห้องปฏิบัติธรรมได้สร้างห้องใต้ดิน 4 คูณ 4 เมตร สูง 1.80 เมตร มีบันไดขึ้นลง ปากทางลงปิดด้วยแผ่นคอนกรีต ไว้เก็บอังคารกับจีวรรวมทั้งเครื่องใช้ขณะบวชเป็นพระ

ด้านบนห้องใต้ดินตั้งบุษบก ประดิษฐานพระพุทธรูปหยก ใต้พระพุทธรูปวางเซฟเหล็ก เตรียมไว้ใส่อัฐิของตัวเอง กับ “ผิวผ่อง รังสิตพล” ภรรยาที่บอกว่าจะมาเก็บอัฐิไว้ที่เดียวกัน







สุขวิช เป็นเขยอุบลฯ ด้วยความผูกพันกับเมืองนี้ จึงได้สร้างโรงแรมรีสอร์ท ชื่อ “บ้านสวนโฮเตล แอนด์ กอล์ฟ”กับสนามกอล์ฟ 8 หลุม ในที่ดินราว50 ไร่ ในทำเลที่ดีมาก อยู่ริมถนนใหญ่ 2 สาย ตรงสี่แยกถนนสายอุบลฯ-ศรีสะเกษ ตัดกับถนนบายพาส ในท้องที่ ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ เปิดบริการทั่วไป โดยมีจุดเด่นคือ มีห้องประชุมสัมมนาขนาดใหญ่มาก ขนาดจุได้ 1,000 คน



ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา 11 ปีมาแล้ว ที่สุขวิชกับผิวผ่อง ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงภัตตาหารแด่พระสงฆ์ พระนิสิตใน “โครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน” ของ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี (ดงบั้งไฟ) ที่นำพระนิสิตมาใช้สถานที่ ซึ่งทั้ง 11 ปี สุชวิชกับครอบครัวรับรองพระนิสิตพร้อมถวายอาหารได้ 100 รูป

ปี 2556 โครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีขึ้น 10 วัน10 คืน ระหว่างวันที่ 16-25 ธ.ค.2556 และมีความเป็นพิเศษ เป็นช่วงที่พระสุชวิช ยังครองสมณะเป็นสงฆ์ จึงรับพระนิสิตเข้าพักและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานรวม 500 รูป พร้อมบริจาคเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวม 950,000 บาท



























ในช่วงนี้พระสุขวิช มีโอกาสได้มาจำวัดที่อุบลราชธานี มากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสก่อสร้าง ขยายโรงแรมให้มีห้องพักมากขึ้น เพราะโรงแรมเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากใช้เป็นที่จัดสัมมนาของหน่วยราชการ และบริษัทห้างร้าน ที่มีผู้เข้าสัมมนา พร้อมเข้าพักคราวละมากๆได้ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วจะทำให้มี 88 ห้องพักขนาดใหญ่มาก พร้อมสร้างอาคาร Coffee Lobby ใหม่ให้มีความหรูหรามากขึ้นด้วย เมื่อก่อสร้างอาคารใหม่เสร็จแล้วจะเปลี่ยนชื่อโรงแรมใหม่ไปเป็น

โรมแรม บ้านสวนคุณตากอล์ฟรีสอร์ท

















………………………………………………

 

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง » ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของครอบครัวรังสิตพล

 

โรมแรม บ้านสวนคุณตากอล์ฟรีสอร์ท








.

 

ท่านได้พบธรรมะอันประเสริฐในชีวิตอย่างแท้จริงแล้ว
ขอกราบอนุโมทนา สาธุกับท่านสุขวิช รังสิตพล

 

“สุขวิช รังสิตพล” เป็นคนหนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทำบุญบำรุงพุทธศาสนาในหลายรูปแบบมาตลอด และ เมื่อ 1 มิ.ย.2555 ขณะอายุ 76 ก็ได้บวชหน้าไฟเป็นภิกษุ เพื่ออุทิศกุลให้ “คุณแม่จินตนา รังสิตพล”ที่ถึงแก่กรรมขณะอายุได้ 105 ปี

และด้วยความที่เป็นผู้ศรัทธาพุทธศาสนาแรงกล้าจึงสร้างโลกหน้าให้แก่ตัวเอง “อยู่กับพระ” ด้วยการสร้างกุฏิไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของตัวเอง ภายในรั้ววัดเลียบ อุบลราชธานี วัดของ “หลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น” โดยในห้องปฏิบัติธรรมได้สร้างห้องใต้ดิน 4 คูณ 4 เมตร สูง 1.80 เมตร มีบันไดขึ้นลง ปากทางลงปิดด้วยแผ่นคอนกรีต ไว้เก็บอังคารกับจีวรรวมทั้งเครื่องใช้ขณะบวชเป็นพระ

ขอกราบอนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลศรัทธาของหลวงพ่อสุขวิช รังสิต ที่ได้พบกับโลกหน้าในแดนแห่งธรรมอันเป็นความสุขอย่างแท้จริง

 

มีคนมาลบรูปในกระทู้ค่ะ ปรางเป็นลูกสาวคุณพ่อสุขวิชค่ะ ไม่ทราบจะแก้ไขได้ไหมคะ มีการกลั่นแกล้งลบความจริงและเรื่องดีๆที่คุณพ่อสุขวิชได้ทำเพื่อศาสนา การศึกษา การทางพิเศษและอื่นๆ นำเอาเรื่องโกหกที่คนไม่มีตัวตนเขียนมาใส่ไว้แทน(ในกูเกิลค่ะ) ปรางจะใส่รูปที่เกี่ยวข้องเท่าที่หาได้นะคะ ถ้าผู้ดูแลเว็ปแก้ไขให้เหมือนเดิมได้จะขอบคุณมากค่ะ