เพื่อการกุศล วัตถุมงคลสายพญานาค ปรอทสายวิชาเก่า เครื่องรางหายาก น.สุดท้าย

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย ตันติปาละ, 9 พฤศจิกายน 2010.

  1. Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467

    อิอิ ทำมายเจ้าป้าถึงรู้อายุสมองเค้าหละ
    ม่ายรู้จักเหรอเด็กในร่างผู้ใหญ่หนะ 555
    -Happy Smile_
     
  2. jumpahom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,747
    ค่าพลัง:
    +11,036
    แฮ่ๆ อยากรู้ อยากเห็น จารย์ตัน ได้อะไรมามั่งน้อ ขอชมมั่งจิ
     
  3. ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649

    ขออภัยยังอ่านไม่หมดครับ มี จม.เยอะ
     
  4. ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    ได้รับพัสดุแล้วครับคุณศิลามณี ขอบคุณมากครับพ้ม

    ของโปรดเจ้าลูกชายเลย อิอิ:cool:
     
  5. ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    มิตรรักแฟนเพลงรอเพียบ :z16
     
  6. Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    ลุงลม..

    สูตรน้ำสมุนไพรของลุงที่เค้าถวายพระมหาสมชายไป
    และให้ท่านปรับปริมาณการทานลดลง
    ตอนนี้ท่านงดดื่มน้ำสมุนไพรชั่วคราวแล้วแหละเพราะ.......





    ใบบัวบกหมดวัดแล้วจ้า ขึ้นไม่ทัน
     
  7. ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    สะงั้น 5555

    แล้วพระท่านฉันแล้วมีอาการยังงัยมั่งครับ
     
  8. Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    ลุงลม
    มีคนสนใจอยา่กได้สูตรน้ำสมุนไพรของลุงอะ
    หลังไมค์มาถาม
    เค้าจำไม่ได้แล้วว่าอยู่หน้าไหน
    ลุงมีลูกชายช่วยค้นให้หน่อยดิจะได้เร็วขึ้นน้า
     
  9. ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    โห หาเองเห๊อะ ไหนว่าเซพลงคอมไว้งัย
     
  10. Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    โห.. ใจร้าย

    ก็เครื่องนี้ไม่มีนี่
    เซฟไว้อีกเครื่องอะ
    ทำบุญต้องทำให้จบดิ
     
  11. ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    ไม่ว่างง่ะ เวลาทำงาน ไว้ดึกๆโน่น นี่แค่แว๊บๆมา
     
  12. Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    งั้นรับปากแล้วน้าจะหาให้ ขอบคุณคร๊าบ:cool:
    ใครที่ถามมาหลังไมค์รอลุงเค้าว่างก่อนเน้อ
    ใจเย็นๆๆๆๆ ลุงเค้างานเข้าเยอะตั้งแต่ได้ปะกำช้างไปใช้
    เด่วทำบุญหาสูตรให้อีกยิ่งมีเงินเข้ามาเยอะใหญ่เลย สาธุ
     
  13. ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    ก็คอมที่บ้านมีจะให้หาทำไม กลับไปก็เมลให้เค้าเลยดิ:mad:
     
  14. Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:UseFELayout/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:Century;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot]โรค เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเส้นเลือด ปวดหัวเรื้อรัง เสริมภูมิต้านทาน[/FONT]

    [FONT=&quot]ส่วนประกอบ[/FONT]
    1.
    [FONT=&quot]ใบบัวบก [/FONT]2 [FONT=&quot]กำใหญ่ๆ[/FONT]
    2.
    [FONT=&quot]กระชาย [/FONT]3 [FONT=&quot]ขีด[/FONT]
    3.
    [FONT=&quot]น้ำผึ้งแท้[/FONT]
    4.
    [FONT=&quot]น้ำสะอาด(น้ำกรอง/น้ำต้มสุก) [/FONT]1.5 [FONT=&quot]ลิตร[/FONT]

    [FONT=&quot]วิธีทำ[/FONT]
    [FONT=&quot]น้ำใบบัวบก+กระชาย[/FONT] [FONT=&quot]ล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆปั่นให้ละเอียดเทใส่ในกาละมัง ผสมน้ำลงไป[/FONT] 1.5 [FONT=&quot]ลิตร ใช้มือขยำสัก [/FONT]10 [FONT=&quot]นาทีให้ตัวยาออก กรองเอาแต่น้ำใส่ขวดไว้[/FONT] [FONT=&quot]ใส่น้ำผึงสัก [/FONT]2 [FONT=&quot]ช้อนโต๊ะ(ชอบหวานเติมตามชอบใจ แต่ต้องใส่)[/FONT] [FONT=&quot]ปิดฝาขวดเขย่าให้น้ำผึ้งละลาย เก็บใส่ตู้เย็นไว้รัปประทาน(อย่าเก็บเกิน [/FONT]3 [FONT=&quot]วัน)[/FONT] [FONT=&quot]ถ้าแช่เย็นแล้วน้ำมันจากกระชายจะจับตัวเป็นก้อนให้เขย่าให้ละลายก่อนดื่ม[/FONT]

    [FONT=&quot]วิธีรับประทาน[/FONT]
    [FONT=&quot]เช้า กลางวัน เย็น(ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้) และก่อนนอน[/FONT]
    [FONT=&quot]ตอนแรกให้ดื่มทีละน้อยก่อนสัก [/FONT]1 [FONT=&quot]แก้วต่อมื้อ[/FONT] [FONT=&quot]ให้ร่างกายปรับตัวแล้วค่อยๆเพิ่ม จนหมด [/FONT]1.5 [FONT=&quot]ลิตรต่อวัน[/FONT] [FONT=&quot]ดื่มระหว่างมื้อก็ได้ ช่วงแรกๆอาจมีอาการปวดหัวจี๊ดๆ หรือคลื่นไส้[/FONT] [FONT=&quot]ให้ฝืนดื่มต่อไป สัก [/FONT]4-5 [FONT=&quot]วันอาการจะหายไปเอง[/FONT]

    [FONT=&quot]ประสพการณ์[/FONT] [FONT=&quot]ญาติธรรมท่านหนึ่งทำให้เพื่อนเค้าที่เป็นเบาหวานรุนแรงจนเกือบเป็นอัมพฤก[/FONT] [FONT=&quot]เริ่มเดินลำบากแล้ว รัปประทานติดต่อกันเป็นเวลา [/FONT]3 [FONT=&quot]เดือน[/FONT] [FONT=&quot]แล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลที่รักษาประจำ ปรากฎว่าอาการโรคเบาหวานหายไป[/FONT] [FONT=&quot]ระดับน้ำตาลปกติ ร่างกายแข็งแรงขึ้น[/FONT]
    [FONT=&quot]ส่วนตัวผมเองเป็นโรคปวดหัวเรื้อรัง ทำรัปประทานไม่ถึง [/FONT]2 [FONT=&quot]เดือนอาการปวดหัวเรื้อรังก็หายไป[/FONT]

    ###
    [FONT=&quot]เครื่องดื่มนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้กระชายอย่างรุนแรง[/FONT]###

    เอามาลงให้ใหม่ มีส่วนใหนตกหล่นเพิ่มเติมได้ครับ
     
  15. Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    โห ลุง
    เค้าไปนอนบ้านหลานอะชีพจรลงเท้าจ้า
     
  16. ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    แจ่มเลยครับคุณ Ton_PB :cool:

    เสริมอีกนิด ถ้ากินแล้วเอฟเฟคเยอะให้ลดกระชายลงครึ่งนึงครับ แล้วค่อยเพิ่มทีหลัง

    บัวบกกำใหญ่ๆแบบที่ขายในตลาดนะครับใหญ่ขนาดใช้ 2 มือกำได้เลย
     
  17. Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467

    ขอบคุณมากจ้า คุณTon-PB
    ขอบคุณแทนคนหลังไมค์ด้วยนะคะ
    รีบๆเซฟไปซะ เด่วหน้าทู้วิ่งไวหาไม่เจออีก
     
  18. Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    ครับ อันดับแรกต้องขอบคุณลมนั่นแหล่ะที่มาบอกสูตรยานี้
    ตอนนั้นที่ Copy ไว้ เพราะว่ากลัววันหลังจะใช้จริง ๆ แล้วหาไม่เจอครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายคนในอนาคตได้
    สำหรับผมเองยังไม่ได้ลองครับ มีความคิดว่าจะปลูกใบบัวบกเองเพราะแถวนี้หายาก ถ้าที่บ้านเกิดผม ไม่ต้องซื้อเลยเดินตามทุ่งนาก็เก็บได้กำ ๆ แล้ว
     
  19. ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    วันมาฆบูชา

    ความหมายวันมาฆบูชา
    วันมาฆบูชา หมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์
    ความสำคัญวันมาฆบูชา
    วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์
    ผู้ได้อภิญญา ๖และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติที่ นำไปใช้ได้ทุกสังคม มีเนื้อหา โดยสรุปคือให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี ให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส
    ประวัติความเป็นมาวันมาฆบูชา
    ๑. ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน ๓ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ เรียกว่าว่า วันจาตุรงคสันนิบาต
    คำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ
    "จาตุร" แปลว่า ๔
    "องค์" แปลว่า ส่วน
    "สันนิบาต" แปลว่า ประชุม
    ฉะนั้นจาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ ๔" กล่าวคือมีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ
    1. เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย
    2. พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
    3. พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์
    4. เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษ
    มูลเหตุ
    หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ในวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และได้ทรงประกาศพระศาสนาและส่งพระอรหันตสาวกออกไปจาริกเพื่อเผยแพร่พระพุทธ ศาสนายังสถานที่ต่าง ๆ ล่วงแล้วได้ 9 เดือน ในวันที่ใกล้พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) พระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นต่างได้ระลึกว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของศาสนาพราหมณ์ อันเป็นศาสนาของตนอยู่เดิม ก่อนที่จะหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า และในลัทธิศาสนาเดิมนั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือนมาฆะ เหล่าผู้ศรัทธาพราหมณลัทธินิยมนับถือกันว่าวันนี้เป็นวันศิวาราตรี โดยจะทำการบูชาพระศิวะด้วยการลอยบาปหรือล้างบาปด้วยน้ำ แต่มาบัดนี้ตนได้เลิกลัทธิเดิมหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าแล้ว จึงควรเดินทางไปเข้าเฝ้าบูชาฟังพระสัทธรรมจากพระพุทธเจ้า พระอรหันต์เหล่านั้นซึ่งเคยปฏิบัติศิวาราตรีอยู่เดิม จึงพร้อมใจกันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมาย
    มีผู้กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระสาวกทั้ง 1,250 องค์มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย มาจากในวันเพ็ญเดือน 3 ตามคติพราหมณ์ เป็นวันพิธีศิวาราตรี พระสาวกเหล่านั้นซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนจึงได้เปลี่ยนจากการรวมตัว กันทำพิธีชำระบาปตามพิธีพราหมณ์ มารวมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแทน
    โอวาทปาฏิโมกข์
    หลัก คำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา หรือคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธพจน์ ๓ คาถากึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ผู้ไปประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุวนาราม ในวันเพ็ญเดือน ๓ ที่เราเรียกกันว่าวันมาฆบูชา (ถรรถกถากล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์นี้ แก่ที่ประชุมสงฆ์ตลอดมา เป็นเวลา ๒๐ พรรษา ก่อนที่จะโปรดให้สวดปาฏิโมกข์อย่างปัจจุบันนี้แทนต่อมา), คาถาโอวาทปาฏิโมกข์ มีดังนี้ (โอวาทปาติโมกข์ ก็เขียน)
    สพฺพปาปสฺส อกรณํกุสลสฺสูปสมฺปทา
    สจิตฺตปริโยทปนํเอตํ พุทธาน สาสนํฯ
    ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
    นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
    น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
    สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ
    อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
    มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
    อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ
    แปล : การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ๑ การบำเพ็ญแต่ความดี ๑ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขันติ คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง, พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่านิพพาน เป็นบรมธรรม, ผู้ทำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต,ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะการไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมในปาฏิโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร ๑ ที่นั่งนอนอันสงัด ๑ ความเพียรในอธิจิต ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่เข้าใจกันโดยทั่วไป และจำกันได้มาก ก็คือ ความในคาถาแรกที่ว่า ไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส

    สถานที่สำคัญเนื่องด้วยวันมาฆบูชา (พุทธสังเวชนียสถาน)
    พระพุทธรูปยืนกลางมณฑลมหาสังฆสันนิบาต ในโบราณสถานวัดเวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์ รัฐพิหาร อินเดีย (เป็นพระพุทธรูปสร้างใหม่ ปัจจุบันเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญสำคัญของชาวพุทธทั่วโลก)เหตุการณ์สำคัญที่ เกิดในวันมาฆบูชา เกิดภายในบริเวณที่ตั้งของ "กลุ่มพุทธสถานโบราณวัดเวฬุวันมหาวิหาร" ภายในอาณาบริเวณของวัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งลานจาตุรงคสันนิบาตอันเป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชานั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงและหาข้อสรุปทางโบราณคดีไม่ได้มาจนถึงปัจจุบัน
    วัดเวฬุวันมหาวิหาร
    "วัดเวฬุวันมหาวิหาร" เป็นอาราม (วัด) แห่งแรกในพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขาเวภารบรรพต บนริมฝั่งแม่น้ำสรัสวดีซึ่งมีตโปธาราม (บ่อน้ำร้อนโบราณ) คั่นอยู่ระหว่างกลาง นอกเขตกำแพงเมืองเก่าราชคฤห์ (อดีตเมืองหลวงของแคว้นมคธ) รัฐพิหาร ประเทศอินเดียในปัจจุบัน (หรือ แคว้นมคธ ชมพูทวีป ในสมัยพุทธกาล)
    วัดเวฬุวันในสมัยพุทธกาล
    เดิม วัดเวฬุวันเป็นพระราชอุทยานสำหรับเสด็จพระพาสของพระเจ้าพิมพิสาร เป็นสวนป่าไผ่ร่มรื่นมีรั้วรอบและกำแพงเข้าออก เวฬุวันมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏในพระสูตรว่า "พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน"หรือ "เวฬุวันกลันทกนิวาป" (สวนป่าไผ่สถานที่สำหรับให้เหยื่อแก่กระแต) พระเจ้าพิมพิสารได้ถวายพระราชอุทยานแห่งนี้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาหลังจากได้ สดับพระธรรมเทศนาอนุปุพพิกถาและจตุราริยสัจจ์ ณ พระราชอุทยานลัฏฐิวัน (พระราชอุทยานสวนตาลหนุ่ม) โดยในครั้งนั้นพระองค์ได้บรรลุพระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา และหลังจากการถวายกลันทกนิวาปสถานไม่นาน อารามแห่งนี้ก็ได้ใช้เป็นสถานที่สำหรับพระสงฆ์ประชุมจาตุรงคสันนิบาตครั้ง ใหญ่ในพระพุทธศาสนา อันเป็นเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชา
    วัดเวฬุวันหลังการปรินิพพาน
    หลังพระพุทธเจ้าเสด็จ ปรินิพพาน วัดเวฬุวันได้รับการดูแลมาตลอด โดยเฉพาะมูลคันธกุฎีที่มีพระสงฆ์เฝ้าดูแลทำการปัดกวาดเช็ดถูปูลาดอาสนะและ ปฏิบัติต่อสถานที่ ๆ พระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ทุก ๆ แห่ง เหมือนสมัยที่พระพุทธองค์ทรงพระชนมชีพอยู่มิได้ขาด โดยมีการปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันกว่าพันปี
    แต่จากเหตุการณ์ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธหลายครั้งในช่วง พ.ศ. 70 ที่เริ่มจากอำมาตย์และราษฎรพร้อมใจกันถอดกษัตริย์นาคทัสสก์แห่งราชวงศ์ของ พระเจ้าพิมพิสารออกจากพระราชบัลลังก์ และยกสุสูนาคอำมาตย์ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าลิจฉวีในกรุงเวสาลีแห่งแคว้นวัชชี เก่า ให้เป็นกษัตริย์ตั้งราชวงศ์ใหม่แล้ว พระเจ้าสุสูนาคจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธไปยังเมืองเวสาลีอันเป็น เมืองเดิมของตน และกษัตริย์พระองค์ต่อมาคือพระเจ้ากาลาโศกราช ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุสูนาค ได้ย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธอีก จากเมืองเวสาลีไปยังเมืองปาตลีบุตร ทำให้เมืองราชคฤห์ถูกลดความสำคัญลงและถูกทิ้งร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้วัดเวฬุวันขาดผู้อุปถัมภ์และถูกทิ้งร้างอย่าง สิ้นเชิงในช่วงพันปีถัดมา
    โดยปรากฏหลักฐานบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) ที่ได้เข้ามาสืบศาสนาในพุทธภูมิในช่วงปี พ.ศ. 942 - 947 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ ๒ (พระเจ้าวิกรมาทิตย์) แห่งราชวงศ์คุปตะ ซึ่งท่านได้บันทึกไว้ว่า เมืองราชคฤห์อยู่ในสภาพปรักหักพัง แต่ยังทันได้เห็นมูลคันธกุฎีวัดเวฬุวันปรากฏอยู่ และยังคงมีพระภิกษุหลายรูปช่วยกันดูแลรักษาปัดกวาดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ปรากฏว่ามีการบันทึกถึงสถานที่เกิดเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตแต่ประการ ใด
    แต่หลังจากนั้นประมาณ 200 ปี วัดเวฬุวันก็ถูกทิ้งร้างไป ตามบันทึกของพระถังซำจั๋ง (Chinese traveler Hiuen-Tsang) ​ซึ่งได้จาริกมาเมืองราชคฤห์ราวปี พ.ศ. 1300 ซึ่งท่านบันทึกไว้แต่เพียงว่า ท่านได้เห็นแต่เพียงซากมูลคันธกุฎีซึ่งมีกำแพงและอิฐล้อมรอบอยู่เท่านั้น (ในสมัยนั้นเมืองราชคฤห์โรยราถึงที่สุดแล้ว พระถังซำจั๋งได้แต่เพียงจดตำแหน่งที่ตั้งทิศทางระยะทางของสถูปและโบราณสถาน เก่าแก่อื่น ๆ ในเมืองราชคฤห์ไว้มาก ทำให้เป็นประโยชน์แก่นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีในการค้นหาโบราณสถาน ต่าง ๆ ในเมืองราชคฤห์ในปัจจุบัน)

    จุดแสวงบุญและสภาพของวัดเวฬุวันในปัจจุบัน
    ปัจจุบัน หลังถูกทอดทิ้งเป็นเวลากว่าพันปี และได้รับการบูรณะโดยกองโบราณคดีอินเดียในช่วงที่อินเดียยังเป็นอาณานิคมของ อังกฤษ วัดเวฬุวัน ยังคงมีเนินดินโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขุดค้นอีกมาก สถานที่สำคัญ ๆ ที่พุทธศาสนิกชนในปัจจุบันนิยมไปนมัสการคือ "พระมูลคันธกุฎี" ที่ปัจจุบันยังไม่ได้ทำการขุดค้น เนื่องจากมีกุโบร์ของชาวมุสลิมสร้างทับไว้ข้างบนเนินดิน, "สระกลันทกนิวาป" ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้ทำการบูรณะใหม่อย่างสวยงาม, และ "ลานจาตุรงคสันนิบาต" อันเป็นลานเล็ก ๆ มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่กลางซุ้ม ลานนี้เป็นจุดสำคัญที่ชาวพุทธนิยมมาทำการเวียนเทียนสักการะ (ลานนี้เป็นลานที่กองโบราณคดีอินเดียสันนิษฐานว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาท ปาฏิโมกข์ในจุดนี้)

    จุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชา (ลานจาตุรงคสันนิบาต)
    ถึง แม้ว่าเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตจะเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งที่เกิดในบริเวณวัด เวฬุวันมหาวิหาร แต่ทว่าไม่ปรากฏรายละเอียดในบันทึกของสมณทูตชาวจีนและในพระไตรปิฎกแต่อย่าง ใดว่าเหตุการณ์ใหญ่นี้เกิดขึ้น ณ จุดใดของวัดเวฬุวัน รวมทั้งจากการขุดค้นทางโบราณคดีก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการทำเครื่องหมาย (เสาหิน) หรือสถูประบุสถานที่ประชุมจาตุรงคสันนิบาตไว้แต่อย่างใด (ตามปกติแล้วบริเวณที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา มักจะพบสถูปโบราณหรือเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างหรือปักไว้เพื่อเป็น เครื่องหมายสำคัญสำหรับผู้แสวงบุญ) ทำให้ในปัจจุบันไม่สามารถทราบโดยแน่ชัดว่าเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตเกิดขึ้น ในจุดใดของวัด
    ในปัจจุบันกองโบราณคดีอินเดียได้แต่เพียงสันนิษฐานว่า "เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในบริเวณลานด้านทิศตะวันตกของสระกลันทกนิวาป" (โดยสันนิษฐานเอาจากเอกสารหลักฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีพระสงฆ์ประชุมกัน มากถึงสองพันกว่ารูป และเกิดในช่วงที่พระพุทธองค์พึ่งได้ทรงรับถวายอารามแห่งนี้ การประชุมครั้งนั้นคงยังต้องนั่งประชุมกันตามลานในป่าไผ่ เนื่องจากเสนาสนะหรือโรงธรรมสภาขนาดใหญ่ยังคงไม่ได้สร้างขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันลานด้านทิศตะวันตกของสระกลันทกนิวาป เป็นลานกว้างลานเดียวในบริเวณวัดที่ไม่มีโบราณสถานอื่นตั้งอยู่) โดยได้นำพระพุทธรูปยืนปางประทานพรไปประดิษฐานไว้บริเวณซุ้มเล็ก ๆ กลางลาน และเรียกว่า "ลานจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าลานจาตุรงคสันนิบาตที่แท้จริงอยู่ ในจุดใด และยังคงมีชาวพุทธบางกลุ่มสร้างซุ้มพระพุทธรูปไว้ในบริเวณอื่นของวัดโดย เชื่อว่าจุดที่ตนสร้างนั้นเป็นลานจาตุรงคสันนิบาตที่แท้จริง แต่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ก็เชื่อตามข้อสันนิษฐานของกองโบราณคดีอินเดีย ดังกล่าว โดยนิยมนับถือกันว่าซุ้มพระพุทธรูปกลางลานนี้เป็นจุดสักการะของชาวไทยผู้มา แสวงบุญจุดสำคัญ 1 ใน 2 แห่งของเมืองราชคฤห์ (อีกจุดหนึ่งคือพระมูลคันธกุฎีบนยอดเขาคิชกูฏ)
    กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา
    การปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวคำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี
     
  20. kamontad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +574
    ขอบพระคุณครับ สำหรับสาระดีดีครับ
     

แชร์หน้านี้