วัตถุมงคล!!!!ของดีที่อยากบอก!!!!!!

ให้บูชาพระเครื่อง วัตถุมงคล หลากหลายรายการ พระเครื่องทั้งหมดที่ลงในกระทู้นี้ผมขอการันตรีพระแท้100% ผ่านการเช็คจากผู้เชี่ยวชาญในหลายกลุ่มแล้ว ทั่วประเทศครับรับประกันแท้ยินดีคืนเงินเต็มจำนวน โดยไม่มีเงื่อนไขครับ (พระต้องกลับมาสภาพเดิมครับ)

ท่านที่สนใจจองได้ไม่เกิน3วัน โอนเงินได้ที่รายละเอียดที่อยู่ด้านล่าง หลังจากโอนแล้ว รบกวนโทร.หรืออีเมล์มาบอกชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งด้วยครับ
ติดต่อสอบถามได้ที่
- Pm
- เบอร์โทร 0894447765
-LINE ID lopnung9
ชำระเงินได้ที่
ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาบางใหญ่
เลข บ/ช 440-0960977
ชื่อ นาย ปรารภ จันทร์กลั่น
***(หมายเหตุ ราคาพระรวมไม่ถึง300บาท จัดส่งแบบลงทะเบียนนะครับ)***

 

1.กัณหา ชาลี หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง เนื้อกะไหล่ทอง ปี 2536 ปิดรายการนี้ครับ
เมื่อบูชากัณหา - ชาลีแล้ว หลวงปู่หลิวท่านบอกว่า ให้จุดธูปแล้วบอกให้กัณหา - ชาลี เป็นลูกเรา ถ้าเรามีลูกอยู่แล้ว ก็ให้ลูกเราเป็นน้องของกัณหา - ชาลี ให้อยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน ไม่ต้องจัดที่อยู่ให้ เขาอยู่ง่าย นอนง่าย เมื่อเราทำอะไรก็บอกให้เขาช่วยเรา ให้อยู่กับบ้านดูแลบ้าน อย่าให้ใครมาทำอะไรบ้านเรา เมื่อเราทานอาหารเราก็เรียกเขาทานด้วย ถ้าไปธุระนอกบ้านก็บอกเขาด้วย ถ้าได้ปฏิบัติตามสม่ำเสมอ ทุกๆ วัน ด้วยผลบุญอันนี้จะทำให้มีความสุข ความสมหวัง ความเจริญรุ่งเรือง อย่างแน่นอน กัณหา - ชาลี เมื่อเอ่ยถึงกัณหา - ชาลี ทุกคนก็จะนึกถึงทศชาติชาดก กัณฑ์พระเวชสันดรชาดก ก่อนที่พระองค์จะเสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้า พระเวชสันดรได้บำเพ็ญเพียรบารมี ด้วยการสละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้ตนหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง แม้แต่ลูกทั้งสอง ก็ยกให้ชูชก เพื่อไปคอยรับใช้นางอมิตาดา เมียสาวของชูชก ซึ่งพระกัณหา และพระชาลี ต้องทนทุกข์ทรมาน จากชูชกต่าง ๆ นานา หลวงปู่หลิวได้คิดสร้างกัณหา - ชาลี ขึ้นมาเป็นรูปกุมารคู่อันเป็นวัตถุมงคลอันมีค่ายิ่งอีกอย่างหนึ่งเพื่อให้สิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไปนำไปสักการะบูชา.

 

2.พระพุทธชินราชกรุวัดเสาธงทอง เนื้อดิน ลงรักปิดทองเดิมๆ ปีลึกประมาณ 2430-2440 กรุวัดเสาธงทอง จ.สุพรรณบุรี ประสบการณ์สุดยอด พุทธคุณเด่นทางด้านเมตตา แคล้วคลาด เหนียว คงกระพันชาตรี ปิดรายการนี้ครับ

พระพุทธชินราชวัดเสาธงทองรุ่นนี้ เป็นพระพิมพ์แรกของประเทศไทยที่ได้นำแบบของพระพุทธชินราชมาสร้างเป็นพระเครื่องขนาดเล็ก พระพุทธชินราชรุ่นนี้สร้างประมาณปี 2440 ผ่านพิธีปลุกเสกใหญ่โดยหลวงปู่เพิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดเสาธงทอง หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน (ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์รุ่นเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) โดยจัดสร้างทั้งเนื้อดินเผา และเนื้อดินข้าวว่าน มีทั้งแบบปิดทอง ไม่ปิดทอง เคลือบยางไม้ ไม่เคลือบยาง บางองค์เนื้อสีเทาอมน้ำตาลแดง บางองค์สีเทา บางองค์สีดำ ด้านหลังมักจะมีรูพรุนจากรอยกรุเดิม แสดงให้เห็นถึงความเข้มขลังของพระรุ่นนี้ เซียนพระให้การยอมรับด้านประสบการณ์ พุทธคุณ และเป็นพระมาตรฐานอยู่ในรายการประกวด และนิยมเก็บ

เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วพระบางส่วนได้บรรจุไว้บนเพดานในโบสถ์วัดเสาธงทอง และบางส่วนได้แจกให้ชาวบ้านแถวนั้น ทำให้พระรุ่นนี้บางคนเรียกว่าพระพุทธชินราชกรุวัดเสาธงทอง บางคนก็เรียกพระพุทธชินราชวัดเสาธงทอง แต่ก็มีที่มาและผ่านพิธีปลุกเสกใหญ่โดยหลวงปู่เพิ่ม หลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่งเหมือนกัน พระรุ่นนี้พุทธคุณเยี่ยมสามารถใช้แทนวัตถุมงคลของหลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่ง ได้เลย

 

3.พระพุทธชินราชกรุวัดเสาธงทอง เนื้อดิน ลงรักปิดทองเดิมๆ ปีลึกประมาณ 2430-2440 กรุวัดเสาธงทอง จ.สุพรรณบุรี ประสบการณ์สุดยอด พุทธคุณเด่นทางด้านเมตตา แคล้วคลาด เหนียว คงกระพันชาตรี แบ่งบูชาองค์ละ 650 บาท

พระพุทธชินราชวัดเสาธงทองรุ่นนี้ เป็นพระพิมพ์แรกของประเทศไทยที่ได้นำแบบของพระพุทธชินราชมาสร้างเป็นพระเครื่องขนาดเล็ก พระพุทธชินราชรุ่นนี้สร้างประมาณปี 2440 ผ่านพิธีปลุกเสกใหญ่โดยหลวงปู่เพิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดเสาธงทอง หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน (ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์รุ่นเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) โดยจัดสร้างทั้งเนื้อดินเผา และเนื้อดินข้าวว่าน มีทั้งแบบปิดทอง ไม่ปิดทอง เคลือบยางไม้ ไม่เคลือบยาง บางองค์เนื้อสีเทาอมน้ำตาลแดง บางองค์สีเทา บางองค์สีดำ ด้านหลังมักจะมีรูพรุนจากรอยกรุเดิม แสดงให้เห็นถึงความเข้มขลังของพระรุ่นนี้ เซียนพระให้การยอมรับด้านประสบการณ์ พุทธคุณ และเป็นพระมาตรฐานอยู่ในรายการประกวด และนิยมเก็บ

เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วพระบางส่วนได้บรรจุไว้บนเพดานในโบสถ์วัดเสาธงทอง และบางส่วนได้แจกให้ชาวบ้านแถวนั้น ทำให้พระรุ่นนี้บางคนเรียกว่าพระพุทธชินราชกรุวัดเสาธงทอง บางคนก็เรียกพระพุทธชินราชวัดเสาธงทอง แต่ก็มีที่มาและผ่านพิธีปลุกเสกใหญ่โดยหลวงปู่เพิ่ม หลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่งเหมือนกัน พระรุ่นนี้พุทธคุณเยี่ยมสามารถใช้แทนวัตถุมงคลของหลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่ง ได้เลย

 

4.พระพุทธชินราชกรุวัดเสาธงทอง เนื้อดิน ลงรักปิดทองเดิมๆ ปีลึกประมาณ 2430-2440 กรุวัดเสาธงทอง จ.สุพรรณบุรี ประสบการณ์สุดยอด พุทธคุณเด่นทางด้านเมตตา แคล้วคลาด เหนียว คงกระพันชาตรี แบ่งบูชาองค์ละ 650 บาท

พระพุทธชินราชวัดเสาธงทองรุ่นนี้ เป็นพระพิมพ์แรกของประเทศไทยที่ได้นำแบบของพระพุทธชินราชมาสร้างเป็นพระเครื่องขนาดเล็ก พระพุทธชินราชรุ่นนี้สร้างประมาณปี 2440 ผ่านพิธีปลุกเสกใหญ่โดยหลวงปู่เพิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดเสาธงทอง หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน (ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์รุ่นเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) โดยจัดสร้างทั้งเนื้อดินเผา และเนื้อดินข้าวว่าน มีทั้งแบบปิดทอง ไม่ปิดทอง เคลือบยางไม้ ไม่เคลือบยาง บางองค์เนื้อสีเทาอมน้ำตาลแดง บางองค์สีเทา บางองค์สีดำ ด้านหลังมักจะมีรูพรุนจากรอยกรุเดิม แสดงให้เห็นถึงความเข้มขลังของพระรุ่นนี้ เซียนพระให้การยอมรับด้านประสบการณ์ พุทธคุณ และเป็นพระมาตรฐานอยู่ในรายการประกวด และนิยมเก็บ

เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วพระบางส่วนได้บรรจุไว้บนเพดานในโบสถ์วัดเสาธงทอง และบางส่วนได้แจกให้ชาวบ้านแถวนั้น ทำให้พระรุ่นนี้บางคนเรียกว่าพระพุทธชินราชกรุวัดเสาธงทอง บางคนก็เรียกพระพุทธชินราชวัดเสาธงทอง แต่ก็มีที่มาและผ่านพิธีปลุกเสกใหญ่โดยหลวงปู่เพิ่ม หลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่งเหมือนกัน พระรุ่นนี้พุทธคุณเยี่ยมสามารถใช้แทนวัตถุมงคลของหลวงพ่อเนียม หลวงพ่อโหน่ง ได้เลย

 

5 พระสมเด็จเงินล้าน พิมพ์พระประธาน วัดพรหมรังษี บางขุนเทียน รุ่นสามเหล่าทัพ ปี2522 แบ่งบูชาองค์ละ 200 บาท

รายละเอียด พลโท อำนาจ ดำริกาญจน์ แม่ทัพภาค1 เป็นประธานกรรมการจัดสร้าง โดยประกอบพิธีพุทธาภิเศก ณ.วัดพรหมรังสี 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2521 ซึ่งตรงกับวันจักรี และ ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2521 ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคล โดยมีเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นร่วมประกอบพีธีด้วยเป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่ดี วัดพระรูป ลพ.หยอด วัดแก้วเจริญ และ ลพ.ยิด วัดหนองจอก เป็นต้น เนื้อพระมีส่วนผสมของผงธนบัตรชำรุดที่จ่ายคืนคลังแล้วจำนวนหลายสิบล้านบาทนำมาเผาบดผสมกับผงว่านต่างๆกว่านับร้อยชนิด ไคลพระเจดีย์ที่สำคัญทั่วทุกภาค ดินจากสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพาน และผงวิเศษจากคณาจารย์ต่างๆที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นทั่วประเทศ นำมากดพิมพ์สร้างเป็นพระรุ่นนี้ขึ้น เนื่องจากเนื้อพระมีส่วนประกอบเป็นเถ้าถ่านของธนบัตรจำนวนมากจึงทำให้มีสีดำสนิทและเป็นที่มาของชื่อพระชุดนี้ที่เรียกว่า “สมเด็จเงินล้าน” ปิดเบอร์2ครับ

 

6 พระพุทธปางประทานพร เนื้อดิน แบ่งบูชาองค์ละ 200บาท
พิธีพระอุปัชฌาย์๑๐๙ วัดดาวดึงษ์ ปี 2511 หลวงปู่โต๊ะ ร่วมปลุกเสก

 

7 พระผงวัดประสาทบุญญาวาส ปี 06 พิมพ์พระพุทธ หลังเจดีย์ ปิดรายการนี้ครับ
พระชุดวัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ ปี ๒๕๐๖ มวลสารผสมผงวัดระฆัง และสมเด็จบางขุนพรหม จัดสร้างโดย " พระครูสมุห์อำพล" อดีตเจ้าอาวาสวัดประสาทฯ ในช่วงปี ๒๕๐๕ - ๒๕๐๙ มวลสารผสมผงวัดระฆังฯ โดยท่านพยายามเสาะหาผงวิเศษจากหลายๆพระอาจารย์รวมทั้งชิ้นส่วนพระเครื่องแตกหักเก่าๆทั้งพระกรุและพระเกจิอาจารย์นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะชิ้นส่วนแตกหักของ "สมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่" ที่ทางวัดเปิดกรุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มีจำนวนหลายลังทีเดียว ว่ากันว่า พระผงวัดประสาทฯ มีชิ้นส่วนแตกหักของพระสมเด็จบางขุนพรหมมีผสมอยู่มากกว่าสมเด็จบางขุนพรหม ๐๙ เสียอีก พระเกจิที่มาร่วมพิธีวัดประสาทฯ นั้นก็มีมากถึง ๒๐๐ กว่ารูป จนนั่งภายในพระอุโบสถไม่หมด ต้องให้นั่งข้างนอกพระอุโบสถแล้วโยงสายสิญจน์ออกมา พิธีในครั้งนั้นจัดว่าเป็นพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนับแต่พิธีปลุกเสกพระเครื่องฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เป็นต้นมา ***เกจิที่ร่วมพิธีปลุกเสก อาทิ เช่น *** อาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ลพ.คล้าย วัดสวนขัน ลพ.ดิษฐ์ วัดปากสระ ลพ.น้อย วัดธรรมศาลา ลพ.ใจ และ ลพ. พล วัดวังยายหุ่น ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ลพ.แดง วัดเขาบันไดอิฐ ลพ.มุ่ย วัดดอนไร่ ลพ.เงิน วัดดอนยายหอม ลพ.กวย วัดโฆสิตาราม ลพ.พรหม วัดช่องแค ลพ.ทบ วัดชนแดน ลป.ทิม วัดละหารไร่ ลป.เขียว วัดหรงมล ลพ.จง วัดหน้าต่างนอก ลป.ดู่ วัดสะแก ลป.สี วัดสะแก ลพ.แพ วัดพิกุลทอง ลป.นาค วัดระฆังฯ ลป.หิน วัดระฆังฯ แบ่งบูชาองค์ละ

 

** จอง 2 รายการนี้ **

 

รับทราบครับ

 

8.พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ไข่ เนื้อผงอัฐิ แบ่งบูชาองค์ละ 300 บาท
ผงสบงจีวร เส้นเกษา ผงอิทธิเจเกสรร้อยแปด พุทธคุณสูงสุดเรื่องแคล้วคลาด มหาอุตต์พระผง (ผสมผงอัฐฐิ) ของ หลวงปู่ไข่ วัดบางเลน สุพรรณบุรี

สร้างหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ พระรุ่นรี้จะมีการผสมผงอัฐฐิธาตุของท่านลงไปในเนื้อพระ เสมือนว่าหลวงพ่อท่านอยู่ในติดตัวครับ

 

9.หลวงพ่อดำ วัดตุยง ปี 23พระเนื้อว่านพิมพ์ใบจิก รุ่นแรก แบ่งบูชาองค์ละ 300 บาท
ประวัติ หลวงพ่อดำ วัดมุจลินทวาปีวิหาร (วัดตุยง) จังหวัดปัตตานี
หลวงพ่อดำ นนฺทิโย ท่านเกิดที่บ้านนาทับ ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เมื่อวันเสาร์ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันเสาร์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2437 โยมบิดาชื่อ หลวงจรานุรักษ์เขตร (พลับ จันทรักษ์) โยมมารดาชื่อ พ่วงเหนี่ยว มีพี่น้อง 6 คน คือ

นางเนี่ยม จันทรักษ์
พระราชพุทธิรังษี (ดำ นนฺทิโย)
ท่านหมื่นเลี่ยน จันทรักษ์
นายลาภ (ล่วน) จันทรักษ์
นายยก จันทรักษ์
นางนุ่ม อุทัยรัตน์


ท่านเรียนหนังสือไทยและขอมกับบิดาและที่วัดนาทับ พออายุได้ 19 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดนาทับ จากนั้นท่านเกิดป่วยไข้แต่ด้วยไม่ยอมทานยาที่ผสมด้วยสุราจึงลาสิกขาบทออกมารักษาตัวจนกระทั่งหายแล้วอุปสมบทใหม่อีกครั้งเมื่ออายุได้ 22 ปี ณ วัดนาทับ มีพระอธิการเสนเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเพชรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการล่องเป้นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า นนฺทิยมาโน

ปีพุทธศักราช 2462 หลวงพ่อดำได้เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ณ วัดราชบพิธ สมเด็จพระสังฆราชทรงเปลี่ยนฉายานามให้ใหม่ว่า นนฺทิโย แล้วทรงฝากให้อยู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและบาลีแต่เพียงเพื่อหาความรู้ มิได้เข้าสอบ ณ ท้องสนามหลวง ประมาณปีพุทธศักราช 2464 ได้เดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดมุจลินทวาปีวิหาร

หลวงพ่อดำ นนฺทิโย มรณภาพด้วยอาการสงบ ณ โรงพยาบาลจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พุทธศักราช 2526 เวลา 23.00 น. สิริรวมอายุ 89 ปี 67 พรรษา

 

10.พระปิดตา นะมิ หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค นครสวรรค์ ปี 2517 ปิดรายการนี้ครับ

รายละเอียด
เป็นพระปิดตา ที่เรียกว่า จิ๋วแต่แจ๋ว ซึ่งขอนำเสนอรายละเอียดพอสังเขปไว้เพื่อศึกษาแก่ท่านผู้สนใจครับ
หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค นครสวรรค์ ท่านเป็นพระอรหันต์ที่โด่งดังมานานแล้ว อีกทั้งท่านเป็นเพื่อนกับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท และหลวงพ่อกลั่น ว้ัดพระญาตืฯ ดังนั้น หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค จะสุดยอดขนาดไหน คงไม่ต้องพูดถึง ...
หลวงปู่สีท่าน ยังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อฤๅษี(ลิงดำ) วัดท่าซุง เคยกล่าวไว้กับลูกศิษย์ว่า กราบหลวงพ่อฤๅษี(ลิงดำ)สักร้อยครั้งพันครั้งยังไม่เท่าไปกราบหลวงปู่สีเพียงครั้งเดียว...พระปิดตาในภาพเป็นพระปิดตามหาลาภ ขัดสมาธิเพชร (ปิดตา นะมิ) เป็นหนึ่งในหลายๆพิมพ์ของพระผงรุ่นอายุยืน ปี 2517 ซึ่งมีประสบการณ์แก่ผู้ใช้บูชามาแล้วมากมาย มีส่วนผสมของสูตรผงนารายณ์สี่กร หรือผงเรียกธาตุทั้ง 4 ผงสูตรของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
พรหมรังสี ผสมกับว่านและเกสร 108 และน้ำหมากของหลวงปู่สี องค์พระเล็กกะทัดรัด เนื้อผงน้ำมันสีเหลือง ขนาด 1.2 X 1.3 เซนฯ หลังสัญลักษณ์รูปใบโพธิ์และยันต์ นะ มิ และ เป็นพระปิดตาที่เหมาะสมกับ ผู้หญิงและเด็ก

 

11.พระเนื้อดินสามเหลี่ยมฐานบัว หรือเรียกว่า “พระอม” หลวงพ่อหอม วัดบางเตยกลาง ปทุมธานี ปี 2484 แบ่งบูชาองค์ละ 550 บาท

พระเนื้อดินเก่าครับ ซึ่ง ความแปลกของชื่อ พระอม นี้ ได้มาจาก พี่เด็กวิกสังกะสี ต้องขอบคุณในความรู้ครับ ที่เรียกว่า พระอม เพราะพระที่ท่านแจกแก่ศิษย์แล้ว ท่านจะให้อมไว้ในปาก จะได้เป็นที่เมตตารักใคร่ปลอดภัยแคล้วคลาดครับ คนพื้นที่ปทุมธานีจะรู้จักดี

หลวงพ่อหอม วัดบางเตยกลาง จ.ปทุมธานี ศิษย์เอก ลพ.ช่วง วัดเชิงท่า เจ้าตำรับพระอมแห่งเมื่องปทุม ท่านสร้างไว้เมื่อปี 2484 ช่วงประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ โดย เจตนาการสร้าง เนื่องจากศิษย์และชาวบ้านแถบย่านจ.ปทุมธานี ได้มาขอให้วัตถุมงคลไว้คุ้มครองจากภัยสงคราม ท่านจึงตัดสินใจสร้างขึ้นเพื่อแจกญาติโยม

ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อหอม รามธมฺโม
วัดบางเตยกลาง (เปิ้ง)
ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี


ปฏิปทากิตติคุณศีลวัตร "พระครูธีรานุวัตร" หรือ "หลวงพ่อหอม รามธมฺโม" พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง (เปิ้ง) ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หนึ่งในพระปฏิบัติดีรูปหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี

"หลวงพ่อหอม" นามเดิม เปรื่อง นามสกุล ศีลปี แต่ชาวบ้านตำบลบางเตย นิยมเรียกท่านว่า "หอม" เกิดที่ตำบลบางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี บิดาชื่อ แปลก ศีลปี เป็นชาวฝั่งธนบุรี แถวสามแยกไฟฉายตรงข้ามวัดรวก มารดาชื่อ เปลื้อง (ใจทน) เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

หลวงพ่อท่านเป็นบุตรโทน อาชีพทำนาและค้าขาย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2459 ในวัยเด็กหลวงพ่อหอมเรียนหนังสือไทย ที่โรงเรียนวัดจันทร์กะพ้อ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จนจบ ม.1 ปัจจุบันเรียกว่า ชั้น ป.5 แล้วลาออกไม่ได้เรียนต่ออีก พอโตวัยหนุ่มได้ช่วยบิดามารดาค้าขาย

จนมีอายุครบ 21 ปี จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดไผ่ล้อม ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยมี พระอธิการจ่าง เกสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเจริญ ญาติวังโส อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมลำดับต่อมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการช่วง อดีตเจ้าอาวาสวัดเชิงท่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "รามธมฺโม"

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2481 ได้จำพรรษาอยู่วัดไผ่ล้อม เรียนพระปริยัติธรรมกับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ จนสอบได้นักธรรม หลวงพ่อหอมมีความสนใจในด้านทำพระเครื่องมาก จึงเรียนวิชาทำพระเครื่องทำตะกรุดและวัตถุมงคลต่างๆ ทุกชนิด เรียนกับอาจารย์มาตลอด ท่านจำพรรษาอยู่วัดไผ่ล้อม 5 พรรษา พอดีเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลางว่างลง ท่านเจ้าคุณพระปทุมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในขณะนั้น และญาติโยมที่วัดบางเตยกลางได้ไปนิมนต์ท่านให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง เมื่อปี พ.ศ.2486 ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุ 27 พรรษา 6

วัดบางเตยกลาง (วัดเปิ้ง) ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอสามโคก วัดกับที่ทำการอำเภอสามโคกห่างกันประมาณ 200 เมตร ถนนเดียวกันคือ ปทุม-สามโคก-เสนาอยุธยา วัดอยู่ติดถนน ชุมชนส่วนมากจะเป็นคนไทยเชื้อสายมอญ (รามัญ)

วัดบางเตยกลางเดิมชื่อว่า "วัดแค" สร้างเมื่อปี พ.ศ.2330 ในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาชาวมอญอพยพหนีสงครามมาพึ่งโพธิสมภารอยู่กับคนไทยที่เมืองสามโคก วัดนี้จึงมีสภาพเป็นวัดมอญแปลง และชาวบ้านคนไทยเชื่อสายมอญชอบเรียกว่า "วัดเปิ้ง"

ต่อมาพระยาอำภัยมหัยสวรรค์กลับจากรบกับเงี้ยว ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดลิ้มกลีบอำภัยมหัยสวรรค์" (ลิ้มกลีบเป็นภรรยาพระยาอำภัยมหัยสวรรค์) ต่อมามีการเปลี่ยนชื่ออีกเป็น "วัดบางเตยกลาง" จนถึงปัจจุบัน แต่ชาวบ้านยังเรียกติดปากว่า "วัดเปิ้ง" อยู่บ้าง

หลังจากได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง แล้วท่านได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมมากในขณะนั้น โดยสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอระฆัง และสร้างอุโบสถหลังใหม่หมด

หลวงพ่อหอมเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากองค์หนึ่ง ท่านนิยมสร้างพระเครื่องมาก มีทั้งพระสมเด็จ พระอม ตะกรุด เหรียญและพระพิมพ์ต่างๆ มากมาย ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อหอมได้รับความนิยมอย่างมาก โดยท่านปฏิบัติอยู่ในศีลเคร่งครัดมาก จนชาวบ้านนับถือมาก

ท่านดูแลวัดวาอารามสั่งสอนลูกศิษย์และญาติโยมให้เป็นคนดีมาตลอดไม่เคยขาดตกบกพร่อง ท่านจะสอนทั้งพระเณรลูกศิษย์ ญาติโยมทุกคนเสมอภาพกันหมด แต่ชาวบ้านกลัวท่านมาก เพราะท่านจะดุ สอนให้เป็นคนดีทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่เคยกลัวใครว่าท่านเลย ท่านเคยพูดว่า "ทำให้เขาไปสวรรค์" สอนสิ่งที่ถูกต้องจนชาวบ้านนับถือท่านมาก เพราะท่านมีเมตตากับทุกคน จึงสอนให้ลูกศิษย์ญาติโยมเป็นคนดีโดยไม่นิ่งเฉย สอนอยู่เสมอมาจนถึงปัจจุบันนี้

ชาวบ้านนิยมนำพระเครื่องและวัตถุมงคลทุกอย่างของหลวงพ่อหอมติดตัวตลอดเวลา ท่านได้ทำพระเครื่องวัตถุมงคลยมีพุทธคุณสูงมาก ท่านจะลงคาถาที่ท่านได้เรียนจากอาจารย์มาโดยใช้พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ส่วนมากแล้วกำกับด้วย คาถา อักขระขอมว่า กัม กะ ระ นัง ทุกอย่าง กัม กะ ระ นัง นี้คือ การกระทำของตัวเราเองทำอย่างไรได้อย่างนั้น

เคยมีคนถามหลวงพ่อหอมว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อใช้ในด้านไหนเมตตาหรือคงกระพัน"

หลวงพ่อหอมบอกว่า "อธิษฐานเอาเองใช้ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเราขาดการนึกถึง คุณบิดา คุณมารดา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็เหมือนเราแขวนดิน" เพราะฉะนั้น หลวงพ่อหอมจะบอกให้นึกถึงและปฏิบัติต่อบิดา มารดา เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ดีชีวิตก็ดีขึ้นเจริญขึ้น

หลวงพ่อหอมมีอายุ 90 ปี 69 พรรษา ลูกศิษย์และญาติโยมจึงพร้อมใจกันจัดงานทำบุญอายุ 90 ปีขึ้น และฉลองวิหารกับหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อหอมด้วยในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2549

หลวงพ่อหอม ได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุรวม 91 พรรษา 70 ก่อนหน้านี้ คณะศิษยานุศิษย์ได้นำหลวงพ่อหอม เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนนทเวช เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

 

12.พระเนื้อดินหลังจารทอง ปลุกเสกโดย(หลวงปู่เจือ)วัดกลางบางแก้ว แบ่งบูชาองค์ละ 350 บาท

พระสมุห์เจือ ปิยสีโล หรือ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ท่านเกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ ฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวณ บ้านท้ายคุ้ง ต.ไทยยาวาส อ. นครชัยศรี จ.นครปฐม บิดา-มารดา ชื่อ นายแพและนางบู่ เนตรประไพ เมื่อครั้นวัยเยาว์ ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดประชานาถ (วัดโคกแขก) แล้วมาช่วย ครอบครัวทำนา หาเลี้ยงชีพ จนกระทั่งเมื่อมีอายุ 26 ปีจึงกราบลาบิดามารดาไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดกลางบางแก้ว โดยมี (พระครูพุทธวิถีนายก (เพิ่ม ปุญญวสโน) เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, พระธรรมธรมูล วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพุทธไชยศิริ (ผูก) วัดใหม่สุประดิษฐาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้วท่านก็มา ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก และได้รับตำแหน่งรองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วเมื่อปี พ.ศ. 2528 หลงจากที่ปฏิเสธตำแหน่งเจ้าอาวาสมาครั้งหนึ่ง หลวงปู่ท่านได้สร้างวัตถุมงคลมากมาย มีทั้งเบี้ยแก้ และทางด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสยต่าง ๆ นอกจากนี้ท่านยังสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ แจกให้กับลูกศิษย์ เช่น หลวงปู่เจือ รุ่น 1 พ.ศ. 2534 เนื้อเงิน เนื้อกะไหล่ทอง รูปหล่อลอยองค์ รูปเหมือนบูชา พระพิฆเนศวรบูชา พระกริ่งนเรศวรตรึงไตรภพ พระพิมพ์ปรกโพธิ์เนื้อผง พระนางพญาสะดุ้งกลับเนื้อผงขมิ้นเสก และเนื้อดินเผา พระพิมพ์เศียรโล้น พระพิมพ์ซุ้มแหลม พระขุนแผนเคลือบ เหรียญหล่อหลวงปู่เจือ พระปิดตา เนื้อผง ผ้ายันต์และยาจินดามณี แต่น่าเสียดายที่ท่านได้ถึงแก่มรณภาพอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ในแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ปัจจุบัน รวมสิริอายุได้ 84 ปี 58 พรรษา

 

** วันที่ 4/1/62 เวลา 19.00 น. โอนเงิน 950฿ ให้แล้ว ที่อยู่จะแจ้งทาง pm **

 

รับทราบครับ

 

13.ไม้งิ้วดำแกะพระพุทธพิมพ์ห้าเหลี่ยม แบ่งบูชาองค์ละ 550 บาท
พิมพ์ทรงสวยงาม ขนาดกว้าง3ซม. สูง4ซม.

ไม้พญางิ้วดำ สามารถเรียกได้ 3 ชื่อด้วยกัน ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ แต่ส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า “ไม้พญางิ้วดำ” คือพญาของไม้งิ้ว ต้นงิ้ว พญาของต้นงิ้ว คือเป็นไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบรรดาต้นงิ้ว ไม้นางพญา ที่เรียกกันเป็นนางพญาเพราะว่าลักษณะเนื้อไม้ออกเป็นสีดำ ส่วนการดูไม้พญางิ้วดำ ลักษณะของตัวไม้จะออกเป็นสีดำทั้งหมด

โดยปกติไม้งิ้วจะต้องมีลักษณะเนื้อไม้เป็นสี ขาว ทั้งต้น แต่เมื่อวันหนึ่งไม้งิ้ว เกิดโตมาแล้วมีสีดำทั้งรณีนี้ ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เป็น 1 ใน 1000 ถือว่าเป็นของหายาก ส่วนว่าเป็นสีดำเพราะ ผิดธรรมชาติ กลายพันธุ์ หรือ เทวดาเข้าสิงเลยเปลี่ยนสีได้ ก็เป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครในโลกนี้สามารถตอบได้

ส่วนความเชื่อเรื่อง ไม้พญางิ้วดำ นั้น ตามความเชื่อของเรื่องลึกลับ ไสยศาสตร์ คนเล่นของและผู้เรืองอาคม เล่ากันว่าต้นงิ้วดำเป็นต้นไม้วิเศษที่มีเทพธิดาปกป้องรักษา ต้นไม้พญางิ้วดำ เป็นไม้ยืนต้นอยู่ในป่าลึกโดยเฉพาะป่าที่มีอาถรรพ์ เร้นลับ ยากที่คนจะเข้าถึงได้ง่าย ๆ ลักษณะเนื้อไม้มีสีดำสนิทแข็งแกร่งมาก เล่ากันว่าหลาย 100 ปีทีเดียวจึงจะเกิดมีขึ้นสักต้นหนึ่ง ไม้พญางิ้วดำ จัดว่าเป็นของมหาวิเศษชั้นดีชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาอันควรเทพาอารักษ์ ที่ปกปักรักษาดูแลจะพลีต้นยืนตายพรายทิ้งไว้ให้ เพื่อรอผู้มีบุญญาบารมีนำไปทำประโยชน์ เพื่อพระศาสนา ยิ่งหากกลายสภาพเป็นหิน เมื่อใดก็ยิ่งจะมีพลังอานุภาพแรงกล้าเป็นทวีคูณ อานุภาพดีเด่นทางด้าน มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด โชค ลาภ เมตตามหานิยมป้องกันคุณไสยมนต์ดำได้สารพัด เหมาะสำหรับทำมีดหมอ ดาบ ไว้สำหรับล้างอาถรรพ์ มนต์ดำต่างๆ ดีนัก หรือเอาไว้ปราบภูตผีปีศาจ วิญญาณร้าย เข้าสิงสู่คนได้ชงักนักแล

ส่วนสรรพคุณ ในทางยาไทย ไม้พญางิ้วดำ รสร้อนหอมสุขุม แก้โรคลมทุกชนิด อัมพฤก อัมพาต มือเท้าด้านตายไม่มีกำลัง

ครูบาอาจารย์เจ้าของวิชาบอกว่าท่านใดจะใช้พระคาถาบทนี้จะต้องสวดมนต์บูชา คุณพระศรีรัตนตรัยและบูชาครูตั้งนะโม3จบเสียก่อนแล้วกล่าวพระคาถาบูชาดังนี้

พุทธะสังมิ ปะติอะปะ เมอะมะอุ ยุติกา
สุเนวิอะ วิสุเชตุง นาทสิ นาวาเสติ นะมะพะทะ
โยอิทยา สะระพุง วัตถะเปสิ คะวัมปะติโส อะสิโต
อะเนโชตัง สัพพะสังฆาติดตัง มหามุนี
เทวานะมัดสันติพะวัต สะปาระคุง

ให้ขอพรบอกกล่าวตามแต่ใจปรารถนา แล้วให้ลงท้ายด้วยคำว่า แม่ย่านางไม้พญางิ้วดำช่วยลูกด้วยเถิด

บทที่2

คาถาบูชาไม้งิ้วดำ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ

ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วกล่าวบูชาดังนี้

นิจจังกาลัง ปิโยโหติ
นิมิตตัยยัง มะหาตะมัง
มะหาเตชัง พะเล
เตโช ชะยะตุ ชะยะมังคะลัง

การบูชาไม้พระยางิ้วดำมักบูชาด้วยดอกมะลิ

 

14.ไม้งิ้วดำแกะพระพุทธพิมพ์หยดน้ำ แบ่งบูชาองค์ละ 350 บาท
พิมพ์ทรงสวยงาม ขนาดกว้าง1.5ซม. สูง2.5ซม.

ไม้พญางิ้วดำ สามารถเรียกได้ 3 ชื่อด้วยกัน ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ แต่ส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า “ไม้พญางิ้วดำ” คือพญาของไม้งิ้ว ต้นงิ้ว พญาของต้นงิ้ว คือเป็นไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบรรดาต้นงิ้ว ไม้นางพญา ที่เรียกกันเป็นนางพญาเพราะว่าลักษณะเนื้อไม้ออกเป็นสีดำ ส่วนการดูไม้พญางิ้วดำ ลักษณะของตัวไม้จะออกเป็นสีดำทั้งหมด

โดยปกติไม้งิ้วจะต้องมีลักษณะเนื้อไม้เป็นสี ขาว ทั้งต้น แต่เมื่อวันหนึ่งไม้งิ้ว เกิดโตมาแล้วมีสีดำทั้งรณีนี้ ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เป็น 1 ใน 1000 ถือว่าเป็นของหายาก ส่วนว่าเป็นสีดำเพราะ ผิดธรรมชาติ กลายพันธุ์ หรือ เทวดาเข้าสิงเลยเปลี่ยนสีได้ ก็เป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครในโลกนี้สามารถตอบได้

ส่วนความเชื่อเรื่อง ไม้พญางิ้วดำ นั้น ตามความเชื่อของเรื่องลึกลับ ไสยศาสตร์ คนเล่นของและผู้เรืองอาคม เล่ากันว่าต้นงิ้วดำเป็นต้นไม้วิเศษที่มีเทพธิดาปกป้องรักษา ต้นไม้พญางิ้วดำ เป็นไม้ยืนต้นอยู่ในป่าลึกโดยเฉพาะป่าที่มีอาถรรพ์ เร้นลับ ยากที่คนจะเข้าถึงได้ง่าย ๆ ลักษณะเนื้อไม้มีสีดำสนิทแข็งแกร่งมาก เล่ากันว่าหลาย 100 ปีทีเดียวจึงจะเกิดมีขึ้นสักต้นหนึ่ง ไม้พญางิ้วดำ จัดว่าเป็นของมหาวิเศษชั้นดีชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาอันควรเทพาอารักษ์ ที่ปกปักรักษาดูแลจะพลีต้นยืนตายพรายทิ้งไว้ให้ เพื่อรอผู้มีบุญญาบารมีนำไปทำประโยชน์ เพื่อพระศาสนา ยิ่งหากกลายสภาพเป็นหิน เมื่อใดก็ยิ่งจะมีพลังอานุภาพแรงกล้าเป็นทวีคูณ อานุภาพดีเด่นทางด้าน มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด โชค ลาภ เมตตามหานิยมป้องกันคุณไสยมนต์ดำได้สารพัด เหมาะสำหรับทำมีดหมอ ดาบ ไว้สำหรับล้างอาถรรพ์ มนต์ดำต่างๆ ดีนัก หรือเอาไว้ปราบภูตผีปีศาจ วิญญาณร้าย เข้าสิงสู่คนได้ชงักนักแล

ส่วนสรรพคุณ ในทางยาไทย ไม้พญางิ้วดำ รสร้อนหอมสุขุม แก้โรคลมทุกชนิด อัมพฤก อัมพาต มือเท้าด้านตายไม่มีกำลัง

ครูบาอาจารย์เจ้าของวิชาบอกว่าท่านใดจะใช้พระคาถาบทนี้จะต้องสวดมนต์บูชา คุณพระศรีรัตนตรัยและบูชาครูตั้งนะโม3จบเสียก่อนแล้วกล่าวพระคาถาบูชาดังนี้

พุทธะสังมิ ปะติอะปะ เมอะมะอุ ยุติกา
สุเนวิอะ วิสุเชตุง นาทสิ นาวาเสติ นะมะพะทะ
โยอิทยา สะระพุง วัตถะเปสิ คะวัมปะติโส อะสิโต
อะเนโชตัง สัพพะสังฆาติดตัง มหามุนี
เทวานะมัดสันติพะวัต สะปาระคุง

ให้ขอพรบอกกล่าวตามแต่ใจปรารถนา แล้วให้ลงท้ายด้วยคำว่า แม่ย่านางไม้พญางิ้วดำช่วยลูกด้วยเถิด

บทที่2

คาถาบูชาไม้งิ้วดำ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ

ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วกล่าวบูชาดังนี้

นิจจังกาลัง ปิโยโหติ
นิมิตตัยยัง มะหาตะมัง
มะหาเตชัง พะเล
เตโช ชะยะตุ ชะยะมังคะลัง

การบูชาไม้พระยางิ้วดำมักบูชาด้วยดอกมะลิ

 

ขอจององค์เบอร์สอง 1 องค์ครับ (รายการที่5สมเด็จเงินล้าน)
รับทราบตอบด้วยครับ จะได้โอนเงิน?