วันพ่อ 5 ธันวามหาราช วันเฉลิมพระชนพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 2 ธันวาคม 2007.

  1. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เช้า ๕ ธันวา แสงทองจับฟ้าสวยเหลือเกิน ถ่ายรูปไว้ได้รูปพ่อหลวงด้วย รักพ่อทุกเขตคามค่ะ ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PC050086.JPG
      PC050086.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.7 KB
      เปิดดู:
      102
  2. LuckyFriday

    LuckyFriday เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,153
    ในหลวง...นอกจากจะเป็นยอดพระมหากษตริย์ของโลกแล้ว
    เป็น THE KING OF THE KINGS แล้ว
    ในหลวงของเรา ยังเป็นกษตริย์ยอดกตัญญู
    (เอามาจากหนังสือที่ศิริราช อ่านให้จบนะแล้วจะรักในหลวง)
    ลูกๆทุกคน...ก็ได้รู้กันแล้วว่า ความหวังของแม่ที่มีต่อลูก 3 หวังคือ
    ยามแก่เฒ่า หวังเจ้า เฝ้ารับใช้
    ยามป่วยไข้ หวังเจ้า เฝ้ารักษา
    เมื่อถึงยาม ต้องตาย วายชีวา
    หวังลูกช่วย ปิดตา เมื่อสิ้นใจ
    ทีนี้...มาดูตัวอย่างบ้าง..บุคคลที่เป็นยอดกตัญญู ที่ประทับใจมากที่สุดคือใคร ทราบไหม?
    คือคนในภาพนี้(ในหลวง)... ในหลวงของเรา
    ในหลวงนอกจากจะเป็นยอดพระมหากษตริย์ของโลก...เป็น THE KING OF THE KINGS แล้ว
    ในหลวงของเรา ยังเป็นกษตริย์ยอดกตัญญูด้วย
    ความหวังของแม่...ทั้ง 3 หวัง ในหลวงปฏิบัติได้ครบถ้วน....สมบูรณ์
    เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้แก่พวกเรา ในหลวงทำกับแม่ยังไง?
    หวังที่ 1
    ยามแก่เฒ่า...หวังเจ้า...เฝ้ารับใช้
    ใครเคยเห็นภาพที่สมเด็จย่าเสด็จไปในที่ต่างๆ แล้วมีในหลวง...ประคองเดินไปตลอดทาง
    เคยเห็นไหม....? ใครเคยเห็น...กรุณายกมือให้ดูหน่อย...ขอบคุณ....เอามือลง
    ตอนสมเด็จย่าเสด็จไปไหนเนี่ย....มีคนเยอะแยะ....มีทหาร....มีองครักษ์...มีพยาบาล
    ที่คอยประคองสมเด็จย่าอยู่แล้ว แต่ในหลวงบอกว่า
    " ไม่ต้อง...คนนี้...เป็นแม่เรา...เราประคองเอง "
    ตอนเล็กๆ แม่ประคองเรา...สอนเราเดิน หัดให้เราเดิน... เพราะฉะนั้น...ตอนนี้แม่แก่แล้ว
    เราต้องประคองแม่เดิน เพื่อเทิดพระคุณท่าน....ไม่ต้องอายใคร
    เป็นภาพที่....ประทับใจมาก...เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ท่านกตัญญูต่อแม่....ประคองแม่เดิน
    ประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จ....สองข้างทาง ฝั่งนี้ 5,000 คน ฝั่งนู้น... 8,000 คน
    ยกมือขึ้น....สาธุ แซ่ซ้อง....สรรเสริญ " กษตริย์ยอดกตัญญู "
    ในหลวงเดินประคองแม่....คนเห็นแล้ว..เข้าประทับใจ ถ่ายรูป...เอารูป...เอามาทำปฏิทิน
    เอาไปติดไว้บ้าน เพื่อแสดงความเคารพ....กราบไหว้
    ลองหันมาดูพวกเราส่วนใหญ่ เวลาออกไปไหน แต่งตัวโก้...ลูกชาย...แต่งตัวโก้
    ลูกสาวแต่งตัวสวย....แต่เวลาเดิน...ไม่มีคัยประคองแม่....กลัวไม่โก้....กลัวไม่สวย
    ข้าราชการ...แต่งตัวเครื่องแบบเติมยศ...ติดเหรียญตรา...เหรียญกล้าหาญ...เต็มหน้าอก
    แต่เวลาเดิน...ไม่กล้าประคองแม่...กลัวไม่สง่า...กลัวเสียศักดิ์ศรี
    ประคองแม่...เป็นเรื่องของ...คนใช้....หลายคน...ให้ประคองแม่.....ไม่กล้าทำ....อาย
    เวลาทำดี...ไม่กล้า..อาย , เวลาทำชั่ว...กล้า...ไม่อาย
    หลังงานพระบรมศพสมเด็จย่า...เสร็จสิ้นลงแล้ว
    ราชเลขา...ของสมเด็จย่า...มาแถลงในที่ประชุม...ต่อหน้าสื่อมวลชน...ว่า
    ก่อนสมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ปีเศษ ตอนนั้นอายุ 93
    ในหลวง...เสด็จจากวังสวนจิตร...ไปวังสระปทุมตอนเย็นทุกวัน
    ไปทำไมครับ...? ไปกินข้าวกับแม่... ไปคุยกับแม่... ไปทำให้แม่...ชุ่มชื่นหัวใจ
    โอ้โห!...ขนาดนี้เชียวหรือในหลวงเรา
    เสด็จไปกินข้าวมื้อเย็นกับแม่...สัปดาห์ละกี่วัน..ทราบไหม? พวกเราทราบไหมสัปดาห์ละกี่วัน?
    5 วัน
    มีใครบ้าง...? ที่อยู่คนละบ้านกับแม่ แล้วไปกินข้าวกับแม่...สัปดาห์ละ 5 วัน หายาก
    ในหลวงมีโครงการเป็นร้อย...เป็นพันโครงการ..มีเวลาไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน
    พ่อแม่...พอแก่แล้ว ก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง... ฝนตก..น้ำเซาะ...อีกไม่นานโค่น
    พอถึงวันนั้น...เราก็ไม่มีแม่ให้กราบแล้ว
    ในหลวงจึงตัดสินพระทัย...ไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน เมื่อตอนที่สมเด็จย่าอายุ..93
    สัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน ในหลวงไปกินข้าวกับแม่ 5 วัน อีก 2 วัน ไปไหน...?
    ในหลวง...ถือศีล 8 วันพระ ...ถือศีล 8 นี่ยังไง? ต้องงดข้าวเย็น...เลยไม่ได้ไปหาแม่
    วันนี้เพราะถือศีล อีกวันหนึ่งที่เหลือ...อาจจะกินข้าวกับพระราชินี...กับคนใกล้ชิด
    แต่ 5 วัน...ให้แม่ เห็นภาพชัดแล้วใช่ไหม?
    ตอนนี้เราขยับเข้ามาใกล้ๆหน่อย ไปดูตอนกินข้าว...ทุกครั้ง...ที่ในหลวงไปหาสมเด็จย่า
    ในหลวงต้องเข้าไปกราบ ที่ตัก..แล้วสมเด็จย่า..ก็จะดึงตัวในหลวง...เข้ามากอด..กอดเสร็จก็หอมแก้ม
    ใครเคยเห็นภาพสมเด็จย่า..หอมแก้มในหลวงบ้าง?
    สมเด็จย่า...หอมแก้มในหลวง..คิดว่า แก้มในหลวง...คงไม่หอมเท่าไหร่
    เพราะไม่ได้ใส่น้ำหอม แต่ทำไม...สมเด็จย่าหอมแล้ว..ชื่นใจ
    เพราะท่านได้กลิ่นหอม...จากหัวใจในหลวง หอมกลิ่นกตัญญู
    ไม่นึกเลยว่า...ลูกคนนี้ จะกตัญญูขนาดนี้ จะรักแม่มากขนาดนี้
    ตัวแม่เองคือ สมเด็จย่า...ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นคนธรรมดา...สามัญชน...เป็นเด็กหญิงสังวาลย์
    เกิดหลังวัดอนงค์...เหมือนเด็กหญิงทั่วไป...เหมือนพวกเราทุกคน
    ในที่นี้ในหลวงน่ะ เกิดมา เป็นพระองค์เจ้า เป็นลูกเจ้าฟ้า
    ปัจจุบันเป็นกษัตริย์..เป็นพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือหัว
    แต่ในหลวง...ที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน..ก้มลงกราบ...คนธรรมดา..ที่เป็นแม่
    หัวใจลูก..ที่เคารพแม่..กตัญญูกับแม่อย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว...คนบางคน..พอเป็นใหญ่เป็นโต
    ไม่กล้าไหว้แม่..เพราะมาจากเบื้องต่ำ..เป็นชาวนา..เป็นลูกจ้าง..ไม่เคารพแม่..ดูถูกแม่
    แต่นี่..ในหลวง เทิดแม่ไว้เหนือหัว..นี่แหละความหอม
    นี่คือที่สมเด็จย่าหอมแก้มในหลวงทุกครั้ง..ท่านหอมความดี...หอมคุณธรรม
    หอมกตัญญูของในหลวง หอมแก้มเสร็จแล้ว
    ก็ร่วมโต๊ะเสวย...ตอนกินข้าวนี่..ปกติ..แค่เห็นลูกมาเยี่ยม...ก็ชื่นใจแล้ว
    นี่ลูกมากินข้าวด้วย...ยิ่งปลื้มใจ
    แม่ทั้งหลาย...ลองคิดดูซิ...อะไรอร่อยๆในหลวงจะตักใส่ช้อนให้แม่...อันนี้อร่อย
    แม่ลองทาน รู้ว่าแม่ชอบทานผัก...หยิบผักมาม้วนๆใส่ช้อนแม่...เอ้าแม่...แม่ทานซะ
    ของที่แม่ชอบ แทนที่จะกินแค่ 3 คำ 4 คำ ก็เจริญอาหาร..กินได้เยอะ
    เพราะมีความสุข ที่ได้กินข้าวกับลูก มีความสุขที่ลูกดูแล...เอาใจใส่
    กินข้าวเสร็จแล้ว...ก็มานั่งคุยกับแม่
    ในหลวงดำรัสกับแม่ว่าไง...ทราบไหม?
    ตอนในหลวงเล็กๆ แม่เคยสอนอะไรที่สำคัญ " อยากฟังแม่สอนอีก "
    เป็นยังไงบ้าง..? เป็นกษัตริย์ปกครองประเทศอยากฟังแม่สอนอีก
    พวกเรา เป็นยังไง? เราคิดว่าเรารู้มาก...เราเรียนสูง...เรามีปริญญา... แม่จบป.4
    เวลาแม่สอน...ตะคอกแม่ ตวาดแม่ กระทืบเท้าใส่แม่ เบื่อจะตายอยู่แล้ว...รำคาญ
    พูดจาซ้ำซาก..เมื่อไหร่จะหยุดพูดซักที...เราเหยียบย้ำหัวใจแม่
    พอสมเด็จย่าสอน...ในหลวงจะเอากระดาษมาจด..มีอยู่เรื่องหนึ่ง...ที่จำได้แม่น
    สมเด็จย่า...เล่าว่า ตอนเรียนหนังสือที่ Swiss ในหลวงยังเล็กอยู่...เข้ามาบอกว่า
    อยากได้รถจักรยาน เพื่อนเขามีจักยานกัน
    แม่บอกว่า
    " ลูกอยากได้จักรยาน...ลูกก็เก็บสตางค์...ที่แม่ให้ไปกินที่โรงเรียนไว้ซิ "
    เก็บมาหยอดกระปุก...วันละเหรียญ..สองเหรียญ พอได้มากพอ...ก็เอาไปซื้อจักรยาน
    นี่คือสิ่งที่แม่สอน..แม่สอนอะไร..ทราบไหม?
    ถ้าเป็นพ่อแม่บางคน..พอลูกขอ..รีบกดปุ่ม ATM ให้เลย ประเคยให้เลย..ลูกก็ฟุ้งเฟ้อ
    ฟุ่มเฟือย..เหลิง..และหลงตัวเอง..พอโตขึ้น..ขับรถเบนซ์ชนตำรวจ..ก็ได้
    ยิงตำรวจ..ยังได้..เพราะหลงตัวเอง...พ่อตนใหญ่ เห็นไหม..? ตามใจ เทิดทูนจนเสียคน
    แต่สมเด็จย่านี่..เป็นยอดคุณแม่..สร้างคุณธรรมให้แก่ลูก..ลูกอยากได้
    ลูกต้องเก็บสตางค์ที่แม่ให้...ไปหย่อนกระปุก
    แม่สอน 2 เรื่อง คือ...ประหยัด...ให้ยืนอยู่บนขาของตัวเอง
    " ความประหยัด...เป็นคุณสมบัติของเศรษฐี "
    ใครสอนให้ลูกประหยัดได้...คนนั้นกำลังมอบความเป็นเศรษฐีให้แก่ลูก
    พอถึงวันปีใหม่.สมเด็จย่าก็บอกว่า.." ปีใหม่แล้ว...เราไปซื้อจักรยานกัน "
    " เอ้า..แคะกระปุก...ดูซิว่ามีเงินเท่าไหร่? " เสร็จแล้ว..สมเด็จย่าก็แถมให้
    ส่วนที่แถมนะ..มากกว่าเงินที่มีในกระปุกอีก
    มีเมตตา..ให้เงินลูก..ให้..ไม่ได้ให้เปล่า...สอนลูกด้วย...สอนให้ประหยัดว่า
    อยากได้อะไร..ต้องเริ่มจากตัวเรา...คำสอนนั้น...ติดตัวในหลวงมาจนทุกวันนี้
    เขาบอกว่า...ในสวนจิตรเนี่ย...คนประหยัดที่สุด...คือ...ในหลวง
    ประหยัดที่สุด..ทั้งน้ำ..ทั้งไฟ..เรื่องฟุ้งเฟื้อ...ไม่มี...เป็นอันว่า..ภาพนี้...ชัดเจน
    หวังที่ 2
    ยามป่วยไข้...หวังเจ้า..เฝ้ารักษา
    ดูว่าในหลวงทำกับแม่ ยังไง?
    สมเด็จย่า...ประชวรอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช...ในหลวงไปเยี่ยม...ตอนไหน?
    ไปเยี่ยมตอนตี 1 ตี 2 ตี 4 เศษๆ...จึงเสด็จกลับ...ไปเฝ้าแม่วันละหลายชั่วโมง
    แม่..พอเห็นลูกมาเยี่ยม...ก็หายป่วยไปครึ่งหนึ่งแล้ว
    ทีมแพทย์ที่รักษาสมเด็จย่า...เห็นในหลวงมาเยี่ยม มาประทับ ก็ต้องฟิต...ตามไปด้วย
    ต้องปรึกษาหารือกันตลอดว่า...จะให้ยายังไง...จะเปลี่ยนยาไหม?
    จะปรับปรุงการรักษายังไง...ให้ดีขึ้น...ทำให้สมเด็จย่า...ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น
    กลางคืน...ในหลวงไปอยู่กับสมเด็จย่า...คืนละหลายชั่วโมง...ไปให้ความอบอุ่นทุกคืน
    ลองหันมาดูตัวเราเองซิ...ตอนพ่อแม่ป่วย...โผล่หน้าเข้าไปดูหน่อยนึง ถามว่า
    ตอนนี้...อาการเป็นยังไง?
    พ่อแม่..ยังไม่ทันตอบเลย ฉันมีธุระ งานยุ่ง ต้องไปแล้ว...โผล่หน้าไปให้เห็น...พอแค่เป็นมารยาท
    แล้วก็กลับ... เราไม่ได้ไปเพราะความกตัญญู...เราไม่ได้ไปเพื่อทดแทนพระคุณท่าน...น่าอายไหม?
    ในหลวง..เสด็จไปประทับกับแม่...ตอนแม่ป่วย..ไปทุกวัน...ไปให้ความอบอุ่น
    ประทับอยู่วันละหลายชั่วโมง...นี่คือ..สิ่งที่ในหลวงทำ
    คราวหนึ่ง...ในหลวงป่วย...สมเด็จย่า...ก็ป่วย...ไปอยู่ศิริราชด้วยกัน
    อยู่คนละมุมตึก...ตอนเช้า..ในหลวงเปิดประตู...แอ๊ด...ออกมา...พยาบาลกำลังเข็นรถสมเด็จย่า
    ออกมารับลมผ่านหน้าห้องพอดี
    ในหลวง...พอเห็นแม่...รีบออกจากห้อง...มาแย่งพยาบาลเข็นรถ
    มหาดเล็ก...กราบทูลว่า ไม่เป็น...ไม่ต้องเข็น มีพยาบาลเข็นอยู่แล้ว
    ในหลวงยังมีรับสั่งว่า...แม่ของเรา...ทำไมต้องให้คนอื่นเข็น...เราเข็นเองได้
    นี่ขนาดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน...เป็นกษัตริย์...ยังมาเดินเข็นรถให้แม่ ยังมาป้อนข้าว..ป้อนน้ำให้แม่
    ป้อนยาให้แม่ให้ความอบอุ่นกับแม่...เลี้ยงหัวใจแม่ยอดเยี่ยมจิงๆ...เห็นภาพนี้แล้ว...ซาบซึ้ง
    หวังที่3
    เมื่อถึงยาม...ต้องตาย..วายชีวิ หวังลูกช่วย..ปิดตา...เมื่อสิ้นใจ
    วันนั้น..ในหลวง...เฝ้าสมเด็จย่าอยู่จนถึงตี 4 ตี 5 เฝ้าแม่อยู่ทั้งคืน...จับมือแม่..กอดแม่
    ปรนนิบัติแม่...จนกระทั่ง... " แม่หลับ " จึงเสด็จกลับ
    พอไปถึงวัง...เขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า...สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์..ในหลวง...รีบเสด็จกลับไป...ศิริราช
    เห็นสมเด็จย่า...นอนหลับตาอยู่บนเตียง...ในหลวงทำยังไง?
    ในหลวงตรงเข้าไป..คุกเข่า...กราบลงที่หน้าอกแม่..พระพักตร์ในหลวง..ตรงกับหัวใจแม่
    " ขอหอมหัวใจแม่...เป็นครั้งสุดท้าย "
    ซบหน้านิ่ง..อยู่นาน...แล้วค่อยๆ...เลยพระพักตร์ขึ้น...น้ำพระเนตรไหลนอง
    ต่อไปนี้...จะไม่มีแม่ให้หอมอีกแล้ว...เอามือ..กุมมือแม่ไว้ มือนิ่มๆ...ที่ไกวเปลนี้แหละ
    ที่ปั้นลูก...จนได้เป็นกษัตริย์..เป็นที่รักของคนทั้งบ้านทั้งเมือง...ชีวิตลูก...แม่ปั้น
    มองเห็นหวี...ปักอยู่ที่ผมแม่...ในหลวงจับหวี...ค่อยๆหวีผมให้แม่...หวี...หวี...หวี...หวี
    ให้แม่สวยที่สุด...แต่งตัวให้แม่..ให้แม่สวยสุด....ในวันสุดท้ายของแม่
    เป็นภาพที่ประทับใจที่สุด
    เป็นสุดยอดลูกกตัญญู...หาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ธันวาคม 2007
  3. Rattanaporn

    Rattanaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +13,348
    ขออนุญาตคุณ LuckyFriday นำมาทำให้ตัวหนังสือใหญ่ขึ้นอีกหน่อย
    นะคะ...อ่านแล้วสบายตาและก็สบายใจจังค่ะ...ปลื้มใจและรักในหลวง
    เป็นร้อยเท่าทวีคูณเลยค่ะ...


     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลจักรวาล ได้โปรดอภิบาลพระองค์ท่านให้ทรงพระเกษมสำราญมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน แผ่พระบารมีปกเกล้าชาวไทยตลอดไปด้วยเทอญ


    <!-- / message --><!-- attachments --><!-- Start MS Player --><META http-equiv=Content-Language content=th><OBJECT id=music height=236 width=330 classid=CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6>
























    </p>&nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &nbsp
    &ampampnbsp</p>&ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp</p>&ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampampnbsp
    &ampampnbsp
    </OBJECT>


    <TABLE id=AutoNumber1 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#ffffff cellSpacing=1 width=330 border=1><TBODY><TR><TD width=317>กดที่ [​IMG] หน้าชื่อเพลง เพื่อรับฟังเพลง.
    เราไม่ให้บริการ Download เพลง
    สมาชิกเท่านั้น จึงสามารถฟังเพลงได้สมัครสมาชิก ฟรี


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width="10%"><INPUT id=play_126607 onclick=document.all.music.url=document.all.play_126607.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=126607 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ใกล้รุ่ง-sherbet4.wma (1.30 MB, 1894 views)</TD></TR><TR><TD width="10%"><INPUT id=play_126608 onclick=document.all.music.url=document.all.play_126608.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=126608 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ชะตาชีวิต - KeLBeRoS.mp3 (1.32 MB, 893 views)</TD></TR><TR><TD width="10%"><INPUT id=play_126610 onclick=document.all.music.url=document.all.play_126610.value; type=radio CHECKED value=attachment.php?attachmentid=126610 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ลมหนาว-jasminine.wma (1.68 MB, 692 views)</TD></TR><TR><TD width="10%"><INPUT id=play_126671 onclick=document.all.music.url=document.all.play_126671.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=126671 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ยามเย็น - mead.wma (1.87 MB, 514 views)</TD></TR><TR><TD width="10%"><INPUT id=play_126672 onclick=document.all.music.url=document.all.play_126672.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=126672 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>สายฝน-beaverkiwi.wma (1.78 MB, 451 views)</TD></TR><TR><TD width="10%"><INPUT id=play_126673 onclick=document.all.music.url=document.all.play_126673.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=126673 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>แสงเทียน - patz_bkk.mp3 (1.61 MB, 433 views)</TD></TR><TR><TD width="10%"><INPUT id=play_126712 onclick=document.all.music.url=document.all.play_126712.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=126712 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>Oh I Say - skygecht.wma (1.66 </TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>

    ฟังเพลงของพ่อครับ ในพระอัจฉริยะทางด้านบทเพลงของพระองค์ท่าน
    http://palungjit.org/showthread.php?t=61451
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    สำนักพระราชวังจัดทำหนังสืออัลบั้มภาพ 80 ปี เฉลิมพระเกียรติ (2470 – 2550)

    ครั้งแรกของไทยที่ทำหนังสือในรูปแบบอัลบั้มภาพ ชุดละ 2 เล่ม รวมกว่า 300 ภาพ ตลอด 80 ปีตั้งแต่
    เสด็จพระราชสมภพถึงปัจจุบัน เริ่มจำหน่าย 5 ธ.ค. นี้ พร้อมร่วมเนคเทคและทีโอทีเตรียมนำภาพ
    และรายละเอียดจากหนังสือทั้งเล่ม รวมทั้งภาพการเสด็จออกมหาสมาคมให้ดาวน์โหลดได้ฟรีจาก
    เว็บไซต์ของสำนักพระราชวัง
    สำนักพระราชวังได้จัดทำหนังสือ อัลบั้มภาพ 80 ปี เฉลิมพระเกียรติ (2470 - 2550) เนื่องใน
    โอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มี
    การออกแบบจัดพิมพ์ในรูปแบบอัลบั้มภาพเช่นนี้ ใน 1 ชุดประกอบด้วยอัลบั้ม 2 เล่ม ปกแข็งหุ้มหนัง ปั๊มลาย
    ดุนนูนและปั๊มทอง ขนาด 13 x 11 นิ้ว กระดาษการ์ดขาว 240 แกรม จำนวนหน้า 200 หน้าต่อเล่ม มีมุมสี
    ทองติดอัลบั้มสำหรับใส่ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ขนาด 9 x 12 ซม. ที่จัดพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตการ์ด 210
    แกรม รวมทั้งชุด 318 ภาพ ตั้งแต่ปีที่เสด็จพระราชสมภพจนถึงปัจจุบัน
    นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง ให้รายละเอียดว่า “อัลบั้ม
    ภาพ 80 ปี เฉลิมพระเกียรติ (2470 - 2550) นี้มีจุดเด่นที่แตกต่างจากหนังสืออื่นๆ คือเป็นครั้งแรกในประเทศ
    ไทยที่มีการจัดพิมพ์หนังสือในรูปแบบของอัลบั้มภาพในสมัยก่อน ซึ่งนับว่าแปลกใหม่ที่สุดที่เราเคยจัดทำมา
    เป็นอัลบั้มปกหนังปั๊มลายนูนและปั๊มทองอย่างสวยงาม ออกแบบจัดพิมพ์ด้วยความประณีต โดยมีภาพพระ
    บรมฉายาลักษณ์ในโฟโต้คอร์เนอร์ หรือกรอบมุมกระดาษสีทองอยู่ในหน้าซ้าย หน้าละ 1 - 2 ภาพ ที่มีทั้ง
    ภาพสีซีเปียและภาพสี่สีตามยุคสมัย พร้อมคำบรรยายภาพในหน้าขวา ซึ่งสามารถดึงภาพออกมาได้เหมือน
    อัลบั้มภาพสมัยโบราณ สำหรับเล่มแรกเป็นอัลบั้มพระบรมฉายาลักษณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ที่เสด็จพระราช
    สมภพ จนถึงปี พ.ศ. 2500 ส่วนเล่มที่ 2 เป็นช่วงปี พ.ศ. 2501 ถึงปัจจุบัน มีพระบรมฉายาลักษณ์ช่วงล่าสุดที่
    เสด็จพระราชดำเนินกลับจากโรงพยาบาลศิริราช และในส่วนท้ายของอัลบั้มทั้ง 2 เล่ม มี ‘ภาพประทับใจ’ ซึ่ง
    เราได้รวบรวมจากหลายแหล่งที่มา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางจิตใจสำหรับ
    คนไทย”


    ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้จัดเตรียมหนังสือดังกล่าวจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งจัดทำหนังสือชุดนี้ในรูปแบบ
    ของแผ่นดีวีดีสำหรับพระราชทานแก่ผู้ที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระ ที่
    นั่งจักรีมหาปราสาท และได้จัดเตรียมหนังสือไว้ 4,000 ชุด สำหรับจำหน่ายในราคาชุดละ 3,000 บาท ตั้งแต่
    วันที่ 5 ธันวาคม ศกนี้ เวลา 13.00 น. – 16.30 น. หลังจากนั้นจะเปิดจำหน่ายทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ในเวลา
    ราชการ โดยวางจำหน่ายที่อรรถวิจารณ์ศาลา ในพระบรมมหาราชวัง เพียงแห่งเดียวเท่านั้น สามารถจอดรถได้
    ที่ท่าราชวรดิฐ เดินเข้าทางประตูเทวาภิรมย์ (ชั้นนอก) จากนั้นเข้าประตูศรีสุนทร (ชั้นใน) อรรถวิจารณ์ศาลาอยู่
    ทางด้านซ้ายมือ ใกล้กับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
    “นอกจากนี้ สำนักพระราชวังจะนำภาพและรายละเอียดทั้งหมดจากหนังสืออัลบั้มภาพ 80 ปี เฉลิม
    พระเกียรติ (2470 - 2550) ทั้งชุด 318 ภาพ พร้อมคำบรรยายภาพเหมือนหนังสือเล่มจริงทั้งเล่ม และหนังสือ
    ชุดนี้ที่จัดทำในรูปแบบดีวีดีออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสำนักพระราชวัง www.brh.thaigov.net และ
    www.palaces.thai.net รวมทั้งเตรียมคัดเลือกภาพการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งจักรีมหา
    ปราสาท ในช่วงเช้าวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ทยอยนำไปอัพโหลดอย่างต่อเนื่องสำหรับการเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ และ
    ให้ผู้สนใจเข้าชมและดาวน์โหลดได้เช่นเดียวกับภาพชุดจากงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดย
    ได้รับความร่วมมือจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติหรือเนคเทค และบริษัท ทีโอที
    จำกัด (มหาชน) คาดว่าทั้งในส่วนของหนังสือและภาพการออกมหาสมาคมชุดแรก จะดำเนินการเผยแพร่ทาง
    เว็บไซต์ได้ประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 5 ธันวาคมนี้” นายรัตนาวุธกล่าว
    ด้านศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค กล่าวถึงการนำภาพและ
    ข้อมูลทั้งหมดจากหนังสือดังกล่าว รวมถึงภาพการเสด็จออกมหาสมาคมไปอัพโหลดเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ
    สำนักพระราชวังในครั้งนี้ว่า ได้มีการเตรียมแผนรองรับไว้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ จากการเข้า
    ชมเว็บไซต์และการดาวน์โหลดของประชาชนคนไทยทั่วโลกและผู้สนใจจำนวนมาก
    รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อที่ งานประชาสัมพันธ์
    ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า)
    โทร. 0 2281 8199 ต่อ 1105 - 1114
    (คุณพนิดา พฤกษานานนท์, คุณอมรวรรณ ม่วงพรหม, คุณรสิตา วัชโรทัย)


    รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดพิมพ์หนังสือ
    “อัลบั้มภาพ 80 ปี เฉลิมพระเกียรติ”
    (2470 - 2550)
    จัดพิมพ์โดย สำนักพระราชวัง
    ภาษา ไทย
    ขนาดรูปเล่ม 13 x 11 นิ้ว ขนาดกาง 26 x 11 นิ้ว
    จำนวนหน้า 200 หน้า/ เล่ม (1 ชุดมี 2 เล่ม)
    ปก กระดาษแข็ง เกรด A หุ้มหนังปั๊มลายดุนนูน และปั๊มทอง
    เนื้อใน กระดาษการ์ดขาว 240 แกรม พิมพ์สี่สีตลอดเล่ม
    ติดมุมภาพสีทอง (โฟโต้คอร์เนอร์) สำหรับใส่ภาพพระบรมฉายาลักษณ์
    รายละเอียดรูปภาพ กระดาษอาร์ตการ์ด 210 แกรม ขนาด 9 x 12 ซม.
    ภาพสี Sepia และภาพสี่สี
    เล่ม 1 จำนวน 149 ภาพ, เล่ม 2 จำนวน 169 ภาพ รวม 318 ภาพ
    ระบบการพิมพ์ ออฟเซ็ท
    ระบบการเข้าเล่ม แบบแฟ้มภาพ พร้อมคิ้ว
    จำนวนพิมพ์ 5,000 ชุด
    (ส่วนหนึ่งจะพระราชทานแก่ผู้ที่มาเฝ้าทูละอองธุลีพระบาทในการเสด็จออก
    มหาสมาคม ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในวันที่ 5 ธันวาคม 2550)
    จำนวนจำหน่าย 4,000 ชุด
    ราคาจำหน่าย 3,000 บาท/ ชุด (2 เล่ม) ไม่แยกจำหน่าย
    สถานที่จำหน่าย อรรถวิจารณ์ศาลา ในพระบรมมหาราชวัง
    ด้านข้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
    จอดรถได้ที่ท่าราชวรดิฐ เดินเข้าทางประตูเทวาภิรมย์ (ชั้นนอก)
    จากนั้นเข้าประตูศรีสุนทร (ชั้นใน) อรรถวิจารณ์ศาลาอยู่ทางด้านซ้ายมือ
    เริ่มจำหน่าย วันที่ 5 ธันวาคม 2550 เวลา 13.00 – 16.30 น.
    หลังจากนั้นจะเปิดจำหน่ายทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ในเวลาราชการ
    (08.30 – 16.30 น.)
    .


    ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหนังสือ อัลบั้มภาพ 80 ปี เฉลิมพระเกียรติ (2470 - 2550)
    • อัลบั้มภาพ 80 ปี เฉลิมพระเกียรติ (2470 - 2550) มีจุดเด่นที่แตกต่างจากหนังสืออื่นๆ คือเป็นครั้งแรก
    ในประเทศไทยที่มีการจัดพิมพ์หนังสือในรูปแบบของอัลบั้มภาพ ออกมาได้ซึ่งแปลกใหม่ที่สุด
    • ภาพพระบรมฉายาลักษณ์อยู่ในหน้าซ้าย หน้าละ 1 - 2 ภาพ ขนาด 9 x 12 ซม. สี Sepia หรือภาพสี่สี ตาม
    ยุคสมัย สามารถดึงภาพออกจากอัลบั้มได้ พร้อมคำบรรยายภาพในหน้าขวา มีพระบรมฉายาลักษณ์รวม
    318 ภาพ
    • ออกแบบจัดพิมพ์อย่างประณีต เป็นอัลบั้มปกแข็งหุ้มหนัง ปั๊มลายดุนนูนและปั๊มทองอย่างสวยงาม ขนาด
    13 x 11 นิ้ว
    • ใน 1 ชุด มี 2 เล่ม
    : เล่มแรกเป็นอัลบั้มพระบรมฉายาลักษณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ที่เสด็จพระราชสมภพ จนถึงปี พ.ศ. 2500
    : เล่มที่ 2 เป็นช่วงปี พ.ศ. 2501 ถึงปัจจุบัน มีพระบรมฉายาลักษณ์ช่วงล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้
    ที่เสด็จพระราชดำเนินกลับจากโรงพยาบาลศิริราช
    • ในช่วงทา้ ยของอัลบั้มทั้ง 2 เล่ม มี “ภาพประทับใจ” ซึ่งรวบรวมจากหลายแหล่งที่มา
    • จัดพิมพ์สำหรับการจำหน่าย 4,000 ชุด ราคาชุดละ 3,000 บาท ไม่แยกจำหน่าย
    • มีจำหน่ายเฉพาะที่อรรถวิจารณ์ศาลา ในพระบรมมหาราชวัง เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
    อยู่ด้านข้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จอดรถได้ที่ท่าราชวรดิฐ เดินเข้าทางประตูเทวาภิรมย์ (ชั้นนอก)
    จากนั้นเข้าประตูศรีสุนทร (ชั้นใน) อรรถวิจารณ์ศาลาอยู่ทางด้านซ้ายมือ
    • เริ่มจำหน่ายในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 เวลา 13.00 – 16.30 น. หลังจากนั้นจะเปิดจำหน่ายทุกวัน
    (ไม่เว้นวันหยุด/ เสาร์ - อาทิตย์) ในเวลาราชการ 08.30 – 16.30 น.
    • สำนักพระราชวังจะนำภาพและรายละเอียดทั้งหมดจากหนังสือ อัลบั้มภาพ 80 ปี เฉลิมพระเกียรติ
    (2470 - 2550) ทั้งชุด 318 ภาพ พร้อมคำบรรยายภาพเหมือนหนังสือเล่มจริงทั้งเล่ม รวมทั้งหนังสือชุดนี้
    ในรูปแบบดีวีดีออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสำนักพระราชวัง www.brh.thaigov.net และ
    www.palaces.thai.net ให้ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


    • นอกจากนี้ยังเตรียมนำภาพทั้งหมดในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในช่วงเช้า
    ของวันที่ 5 ธันวาคม 2550 ออกเผยแพร่ให้ประชาชนชาวไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกได้ชม
    พระบารมี ทางเว็บไซต์ของสำนักพระราชวัง
    • จะทยอยอัพโหลดภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ และให้ผู้สนใจเข้าชมและดาวน์โหลดได้
    ทางเว็บไซต์ของสำนักพระราชวัง เช่นเดียวกับภาพชุดงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
    • คาดว่าทั้งในส่วนของหนังสือและภาพการเสด็จออกมหาสมาคมชุดแรก จะสามารถเผยแพร่ทางเว็บไซต์
    www.brh.thaigov.net และ www.palaces.thai.net ได้ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ของวันที่ 5
    ธันวาคมนี้
    • การอัพโหลดหนังสือและภาพเพื่อเผยแพร่บนเว็บไซต์ในครั้งนี้ สำนักพระราชวังได้รับความร่วมมือจากศูนย์
    เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
    • ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ได้เตรียมแผนรองรับไว้เป็นอย่างดี ซึ่ง
    คาดว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ จากการเข้าชมเว็บไซต์และการดาวน์โหลดของประชาชนคนไทยทั่วโลกและ
    ผู้สนใจจำนวนมาก
    รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ งานประชาสัมพันธ์
    ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า)
    โทร. 0 2281 8199 ต่อ 1105 - 1114
    (คุณพนิดา พฤกษานานนท์, คุณอมรวรรณ ม่วงพรหม, คุณรสิตา วัชโรทัย)
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">พระวัดป่า สวดถวายพระพร ในหลวง [9 ธ.ค. 50 - 04:19]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>ในขณะที่พสกนิกรชาวไทยต่างปลื้มปีติที่ได้ร่วมแสดงความจงรักภักดี ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และติดตาตรึงใจไปกับหลากหลายกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หน่วยงานต่างๆพร้อมใจจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่งดงาม กระนั้น กิจกรรมเทิดพระเกียรติองค์พระประมุข ผู้เป็นดั่งแสงสว่างนำทางคนไทยทั้งมวล ก็ยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากพระมหานิรุตต์ ฐิตสํวโร วัดพระศรีมหาธาตุ กทม. ในฐานะเลขานุการเจ้าคณะภาค 8 ธรรมยุต ว่า คณะสงฆ์คณะธรรมยุต จะจัดงานรวมใจภักดิ์ รักพ่อ ถวายพระพรพ่อของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ เวลา 18.39 น. ณ พระมหาธาตุเจดีย์เฉลิมพระบารมีนวมินทร์ วัดป่าบ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
    พระมหานิรุตต์กล่าวอีกว่า ในงานดังกล่าวจะมีพิธี เจริญพระพุทธมนต์โพชฌงคปริตร ซึ่งเป็นบทสวดมนต์ ที่มุ่งเน้นพุทธคุณในด้านการระงับทุกขเวทนา เน้นการเยียวยารักษาโรค ถือเป็นหลักธรรมสำคัญหมวดหนึ่งในพระพุทธศาสนาสำหรับสวดสาธยายที่เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพและสังฆานุภาพ และบทสวดมนต์เฉพาะของพระกรรมฐาน เพื่อถวายเป็นพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพระสงฆ์ที่จะมาเจริญพระพุทธมนต์ เป็นพระกรรมฐานหรือพระป่าฝ่ายธรรมยุตทั้ง 17 จังหวัดภาคอีสาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่พระกรรมฐาน จำนวน 2,589 รูป ซึ่งมีความหมายว่า “25” หมายถึง พ.ศ. 2550 “8” หมายถึง ในหลวงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา “9” หมายถึง “รัชกาลที่ 9” ซึ่งพิธีดังกล่าวถือว่าเป็นพิธีใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คณะสงฆ์ที่พระกรรมฐานหรือพระป่า จะมารวมตัวกันจำนวนมากขนาดนี้
    เลขานุการเจ้าคณะภาค 8 กล่าวต่อว่า สำหรับพระกรรมฐานที่ร่วมพิธี อาทิ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดป่าศรีอภัยวัน จ.เลย พระอาจารย์ทูล ขิปฺปญฺโญ วัดป่าบ้านค้อ จ.อุดรธานี หลวงปู่จันทร์ศรี วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี หลวงปู่บุญมี วัดประชานิยม จ.สกลนคร หลวงปู่ธรรมโสภณ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา เป็นต้น โดยมี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสัมพันธวงศ์ เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต และมีพระศาสนโสภณ วัดราชบพิธ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร นำสวดมนต์ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
    นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน นายวิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) (ประสานมิตร) เปิดเผยว่า ทางสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีมติทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สาขาศิลปวัฒนธรรมวิจัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประจำปีการศึกษา 2549 ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ณ อาคารกีฬา 1 มศว อ.องครักษ์ จ.นครนายก
    ส่วนการจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ที่ กทม.จัดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในชื่อ “งานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ทรงเป็นแรงบันดาลใจ” บริเวณสนามหลวง ถนนราชดำเนิน และลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ โดยมีจุดเด่นของงานอยู่ที่การจัดแสดงน้ำพุลีลาประกอบเพลงบริเวณลานรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมถึงการแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ 9 แบบ ใน 9 ซุ้มนิทรรศการ และสมุดภาพที่ระลึกกับผู้มาชมงาน ซึ่งจนถึงเย็นวันที่ 8 ธ.ค. ปรากฏว่ามีประชาชนแห่มาเข้าแถวรอรับภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กันอย่างต่อเนื่องและเนืองแน่น รวมถึงนำกล้องถ่ายรูปมาบันทึกภาพความงดงามของซุ้มต่างๆ ที่มีการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ขณะเดียวกัน กทม.ก็ขยายเวลาแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 9 แบบ ในวันที่ 9 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน เป็น 09.00-24.00 น. พร้อมกับให้สิทธิพิเศษ สำหรับผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ต้องยืนรอต่อแถว ให้เข้ารับภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ได้ทันที ขณะที่จุดลงนามถวายพระพรชัยมงคลยังคงได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากประชาชนที่เดินทางมาบริเวณดังกล่าวด้วยเช่นกัน
    ส่วนการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ที่มีรัฐบาลเป็นผู้จัด ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาชมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่หาชมได้ยาก และเรียนรู้พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ รวมถึงพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ มาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา และมีไปจนถึงวันที่ 10 ธ.ค.นี้เท่านั้น ปรากฏว่า บรรยากาศภายในงานเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ก็ยังมีคลื่นมหาชนหลั่งไหลเข้ามาชมงาน โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองได้พาลูกหลานมาชมงาน รวมถึงร่วมกันลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านทางแผ่นดวงใจ ที่ทางคณะผู้จัดงานจะรวบรวมคำถวายพระพรทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป ทั้งนี้ ผู้มาชมงานต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกประทับใจกับนิทรรศการในทุกส่วน และต้องการให้ลูกๆได้ดำเนินตามรอยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องการใช้ชีวิตพอเพียง
    ขณะที่ในช่วงค่ำ ที่สวนเบญจกิตติ บริเวณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการจัดแสดงพลุและดอกไม้ไฟเฉลิมพระเกียรติเป็นคืนสุดท้าย โดยใช้ชื่อการแสดงว่า “เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบารมี เกริกฟ้า ก้องปฐพี” จำนวน 6 ชุด 2,080 นัด และการแสดงพลุประเภทแฟนตาสติก ซึ่งจะมีความสวยงามแตกต่างจากพลุที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนไปรอชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
    อย่างไรก็ดี ในช่วงค่ำวันเดียวกัน สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์เรื่อง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระ ประชวร ฉบับที่ 23 ความว่า วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รายงานว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงรู้พระองค์ดี มีพระอาการเหนื่อยและแน่นพระนาภีมากขึ้น คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถเคมีบำบัดรักษาร่วมด้วยพระโอสถรักษาอื่น ถวายการรักษาทางกายภาพบำบัด และอาหารเสริมทางหลอดพระโลหิตต่อไป จึงขอประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
    นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โดยเวลา 17.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม มกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายาฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกร รัศมีโชติ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะทูตานุทูต ผู้แทนฝ่ายกงสุลต่างประเทศ และคณะผู้แทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทย เฝ้าฯ ถวายพระพร ชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2550
    จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชดำรัสตอบ ความว่า
    “ขอขอบใจท่านเป็นอย่างมากที่กล่าวถึงการปฏิบัติงานของข้าพเจ้า พร้อมทั้งแสดงความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของเรา ให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้น ประเทศไทยมีนโยบายอันแน่นอน เสมอมา ที่จะจรรโลงรักษาสัมพันธไมตรีอันดี และให้มีความร่วมมือกับประเทศทั้งปวงที่เป็นมิตร โดยถือว่า มิตรคือประเทศเรา การมีแผ่นดิน ประชากร และต้องการความเจริญผาสุก เช่นเดียวกันกับเรา ฉะนั้น เราจึงเชื่อมั่นว่า หากนานาประเทศมีจุดมุ่งหมายร่วมกันดังนี้เป็นสำคัญ ประสานความสัมพันธ์กัน ร่วมมือกัน ด้วยความสุจริตจิตจากจริงใจและด้วยความเคารพยกย่องกัน โดยเสมอหน้า ประชากรทั่วโลกจะมีแต่ความเจริญมั่นคง และอยู่รวมกันด้วยความผาสุก สงบ อันถาวรยิ่งขึ้น”
    ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประธานองคมนตรี และคณะองคมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ในการต้อนรับคณะทูตต่างประเทศและผู้แทนฝ่ายกงสุลในงานพระราชทานเลี้ยงรับรองด้วย
    จากนั้นเวลา 18.02 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำประธานคณะกรรมการโอลิมปิก ของประเทศสมาชิกสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ 11 ประเทศ และคณะมนตรีสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ เฝ้าทูลละอองธุลี พระบาท ทูลเกล้าฯถวายอิสริยาภรณ์ซีเกมส์ เฟดเดอเรชั่น เมอร์ริช อวอร์ด ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักกีฬา เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
    ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้จัดทำอิสริยาภรณ์ซีเกมส์ เฟดเดอเรชั่น เมอร์ริช อวอร์ด ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นเลิศในการทรงกีฬาเรือใบ ซึ่งทรงออกแบบและทรงต่อเรือใบด้วยพระองค์เอง นอกจากนั้นยังทรงเป็นนักกีฬาแข่งเรือใบ ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 และทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายเหรียญทองกีฬาแข่งเรือใบ ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2510 ซึ่งรัฐบาลประกาศให้เป็นวันกีฬาแห่งชาติในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นที่ปลื้มปีติแก่บรรดาประเทศสมาชิกสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ อันเป็นกีฬาที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากกีฬาแหลมทอง นอกจากนั้นยังพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ โดยทรงรับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงอุปถัมภ์กิจการกีฬาอย่างต่อเนื่องตลอดมา

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=71081
     
  7. LuckyFriday

    LuckyFriday เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,153
    เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ
    ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
    เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
    และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
    และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"
    แม่ค้าตอบว่า "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
    และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ"
    เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน

    ------- --------------------


    เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
    นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
    ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
    ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
    นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
    แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
    ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
    แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง

    ------------------------------------


    อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
    เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
    ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
    ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
    เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้จึงมีคำกราบทูลว่า
    "ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า.."
    มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
    ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
    พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
    มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
    ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
    และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
    เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

    -------------------------------------

    เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
    เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
    ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า "ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"

    --------------------------------------
    เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
    ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
    ว่า"ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"
    เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
    "
    เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."
    ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
    เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

    -----------------------------------

    มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า "ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"
    ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
    "
    เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"
    ------------------------------------
    เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
    อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
    แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
    "
    ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
    ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว "

    ------------------------------------

    วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
    ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
    พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
    ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
    แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
    "
    ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง"
    แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
    แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
    แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
    แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
    ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
    "
    เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
    ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"

    ---------------------------------------

    ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
    พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
    มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

    คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
    ก็กราบบังคมทูลว่า "เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะอ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"
    พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง"
    แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
    เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
    ------------------------------
    เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
    มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
    อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
    ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
    ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
    "
    เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"
    และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
    ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
    พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
    ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
    ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
    เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
    ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2007
  8. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ไม่ทราบว่าเขียนอะไร เพราะหายไปหมดแล้ว ?!?
     
  9. bnbk

    bnbk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,047
    ค่าพลัง:
    +15,613
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ราชจักรีวงศ์พระองค์น้อย...บนแผ่นฟิล์ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 ธันวาคม 2550 19:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศในโรงภาพยนตร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ในงานเปิดรอบปฐมทัศน์ชมภาพยนตร์สารคดี ชุดพิเศษ “ราชจักรีวงศ์พระองค์น้อย สู่พระมหากษัตริย์ผู้เกริกไกร” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดย บมจ. แอดวานซ์ อินโพร์ เซอร์วิส (เอไอเอส)

    ภาพยนตร์เรื่องประวัติศาสตร์นี้เป็นภาพยนตร์ฝีพระหัตถ์ ผลงานถ่ายทำของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ที่ทรงบันทึกภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พร้อมเรื่องราวพระอัจฉริยภาพเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือน 16 ประเทศ พระราชกรณียกิจที่นำมาสู่การยอมรับของนานาอารยประเทศทั่วโลก จากรายการ “โลก 360 องศา” ร่วมถ่ายทอดภาพความประทับใจในครั้งนี้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพเหตุการณ์รัชกาลที่๗ ทรงเจิม เจ้านายทั้ง 3 พระองค์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สำหรับภาพยนตร์ฝีพระหัตถ์ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ฯ มนัส กิ่งจันทร์ นักจดหมายเหตุ ตัวแทนจากหอภาพยนตร์แห่งชาติ เล่าว่า ทันทีที่ฟิล์มม้วนนี้เดินทางมาถึงหอภาพยนตร์ก็มาพร้อมกับตั้งชื่อไว้ก่อนแล้วว่า “ชีวิตก่อน 2475” ซึ่งเขาเองก็เคยสงสัยว่า เพราะอะไรถึงต้องตั้งชื่อไว้อย่างนี้

    ขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิล์มม้วนประวัติศาสตร์ มนัสเล่าว่า เป็นผลงานฝีพระหัต์การถ่ายทำของพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ฯ จากนั้น ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต จึงนำมาส่งมอบให้หอภาพยนตร์ดูแลในเรื่องการเผยแพร่สู่สาธารณชน โดยทรงให้ชื่อและเขียนไว้บนกล่องบรรจุแผ่นฟิล์มว่า “ชีวิตก่อน 2475” เพื่อทำการส่งมอบให้กับหอภาพยนตร์แห่งชาติในปี 2528 และเมื่อได้รับการส่งมอบมาแล้ว หอภาพยนตร์ก็นำมาเข้าสู่กระบวนการฉายฟิล์ม เพื่อตรวจสอบเนื้อหาและคุณค่าของเรื่องราวที่ถูกบรรจุอยู่ในแผ่นฟิล์ม ก่อนจะจัดเก็บไว้เป็นหมวดหมู่



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(ขวา) ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2481 โดยมี กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงเป็นผู้ฉายพระรูป </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=267 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=267>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มนัส กิ่งจันทร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากนี้ ในแง่ของแหล่งที่มาของฟิล์ม การส่งมอบและผู้สืบเชื้อสายโดยตรงในการดูแลลิขสิทธิ์ของฟิล์มม้วนนี้ เขาบอกว่า เส้นทางความคงอยู่ของม้วนฟิล์มอันทรงคุณค่า ตกทอดมาสู่เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของสายสกุลรังสิตแล้ว เริ่มที่ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ฯ ทรงเป็นผู้ถ่ายทำด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง ส่วนผู้ทรงมอบฟิล์ม คือ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต จนถึงวันนี้ การจะนำแผ่นฟิล์มฝีพระหัตถ์ม้วนนี้ออกฉายภายนอกหอภาพยนตร์แห่งชาติ จะต้องทำหนังสือขออนุญาตไปทาง ม.ร.ว. ปรียนันทนา รังสิต ทายาทผู้มีสิทธิ์อนุมัติการใช้ประโยชน์จากฟิล์มม้วนดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

    “เนื้อหาในภาพยนตร์ชุดนี้ จะเรียงลำดับเหตุการณ์เรื่อยไป แบ่งออกเป็น 4 ตอน เป็นภาพเหตุการณ์งานฉลองบุญในเขตพระราชวัง งานหล่อพระวังสระปทุม 19 ก.ย. 2473 จากนั้นภาพเหตุการณ์ถัดมาจะเป็นเหตุการณ์การบรรจุพระอัฐิเจ้านาย ณ วัดปทุมวัน

    มีภาพเหตุการณ์ฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของ ร.8 ซึ่งตรงกับที่ 20 ก.ย. และสุดท้ายเป็นภาพเหตุการณ์ที่ในหลวง ร.7 ทรงเจิมเจ้านายทั้งสามพระองค์ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยานิวัฒนา พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ จนมาถึงวันสุดท้ายของม้วนฟิล์ม ซึ่งตรงกับวันที่ 31 มี.ค. 2473 พอวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันที่ 1 เม.ย. 2474 ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยในสมัยนั้น”



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=237 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=237>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ดร.จินตนันท์ ศุภมิตร ร่วมถ่ายทอดพระราชจริยวัตรอันงดงาม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>เรื่องราวบนแผ่นฟิล์มเกี่ยวกับพระองค์ที่มีอยู่ในหอภาพยนตร์แห่งชาติ ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย อาทิ ฟิล์มภาพทรงผนวช ฟิล์มภาพทรงออกเยี่ยมราษฎร ฯลฯ ฝากเชิญชวนผู้ที่สนใจชมภาพยนตร์ในอดีตที่หาชมได้ยาก สามารถเดินทางไปชมกันได้ ณ หอภาพยนตร์ พุทธมณฑลสาย 5 ในวันและเวลาราชการ

    สำหรับภาพยนตร์สารคดีชุดดังกล่าว จะฉายด้วยเทคนิคพิเศษพร้อมกัน 8 จอ ดูได้รอบทิศทาง 360 องศา ฉายวันละ 5 รอบ ณ เอไอเอส ฟิวเจอร์เวิลด์ ชั้น 4 สยามพารากอน ไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค.นี้ รายละเอียดเพิ่มเติม 1175</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. LuckyFriday

    LuckyFriday เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,153
    <TABLE width=700 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellPadding=3 width=780 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2> สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทอภ. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สั่งบันทึกภาพกรุงเทพมหานคร จากดาวเทียมไอโคนอส (IKONOS) ซึ่งเป็นดาวเทียมรายละเอียดสูงของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ งานมหกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
    นอกจากนี้ สำนักงานฯ ยังได้ประสานงานกับกรุงเทพมหานคร และโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการจัดทำตัวอักษรบนพื้นดิน เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีอีกด้วย ประกอบด้วย :
    1. การประสานงานกับกรุงเทพมหานคร ในการจัดทำตัวอักษร "80" ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เพื่อสื่อถึง มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
    2. การประสานงานกับโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการจัดทำตัวอักษร "CUD Love the King" ณ สนามหญ้า โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE class=style3 height=14 cellPadding=3 width="95%" align=center><TBODY><TR><TD> ภาพดาวเทียมรายละเอียดสูงบริเวณกรุงเทพมหานคร มีรายละเอียดภาพประมาณ 1 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 100 ตารางกิโลเมตร ทิศตะวันตกครอบคลุมพื้นที่มณฑลพิธีสนามหลวง และแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันออกครอบคลุมถนนวิทยุ และทะเลสาบ โรงงานยาสูบ ทิศเหนือครอบคลุมสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และ ทิศใต้ครอบคลุมถนนสาทร
    ในภาพจะเห็นพื้นที่บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์เต็มไปด้วยสีเหลืองของประชาชน ที่ร่วมสวมเสื้อเหลืองแสดงความจงรักภักดีในการรับ-ส่งเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมุวงศ์ ตั้งแต่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท , ถนนราชดำเนินนอก , ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ , ถนนราชดำเนินใน , มณฑลพิธีสนามหลวง , พระบรมมหาราชวัง จนถึง พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=390>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=390>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=style3 vAlign=top>
    ตัวอักษร "CUD Love the King" ณ สนามหญ้า โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ​
    </TD><TD class=style3 vAlign=top>
    ตัวอักษร "80" ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)​
    </TD></TR><TR class=style3><TD vAlign=top colSpan=2> Links :ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ </TD></TR><TR class=style3><TD vAlign=top colSpan=2> สื่อมวลชนที่สนใจภาพจากดาวเทียมนี้เพื่อลงพิมพ์เผยแพร่ โปรดติดต่อ
    สำนักบริการและพัฒนาธุรกิจ
    สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
    โทรศัพท์ 0-2940-6345, 0-2579-5618 โทรสาร 0-2579-5618
    e-mail: info@userservice.gistda.or.th
    </TD></TR><TR class=style3><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE cellPadding=3 width="80%" align=center><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.gistda.or.th/Gistda/HtmlGistda/Gallery/html/event/king2007/20071205_train.php
    การจัดทำตัวอักษร "80" ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)
    เพื่อสื่อถึง มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
    http://www.gistda.or.th/Gistda/HtmlGistda/Gallery/html/event/king2007/20071205_cud.php
    การจัดทำตัวอักษร "CUD Love the King"
    ณ สนามหญ้า โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    http://www.gistda.or.th/Gistda/HtmlGistda/Gallery/html/event/king2007/20071205_kingday.php
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้
    เมื่อทรงพระเยาว์

    1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
    2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
    3.พระนาม"ภูมิพล"ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
    4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
    5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
    6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"หมายเลขประจำตัว 449
    7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า "แม่"
    8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
    9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
    10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
    11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้"
    12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
    13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
    14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
    15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก "การให้" โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า "กระป๋องคนจน" เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก "เก็บภาษี" หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
    16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า "ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"
    17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
    18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
    พระอัจฉริยภาพ
    19.พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก "การเล่น" สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐาน ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
    20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์
    21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
    22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
    23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
    24.ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ "แสงเทียน" จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
    25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง "เราสู้"
    26.รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
    27. - - - -
    28.นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
    29.ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "นายอินทร์" และ "ติโต" ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ "พระมหาชนก" ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
    30.ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์") ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
    31.ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
    32.ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
    33.ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
    34.องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง
    เรื่องส่วนพระองค์
    35.พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
    36.รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า"น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
    37.ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
    38.หลังอภิเษกสมรส ทรง"ฮันนีมูน"ที่หัวหิน
    39.ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
    40.ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
    41.ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
    42.เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
    43.พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
    44.หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
    45.วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง
    งานของในหลวง
    46.โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
    47.ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
    48.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
    49.เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
    50.ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
    51.โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
    52.เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
    53.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
    54.ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
    ของทรงโปรด
    55.อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
    56.ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย
    57.ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
    58.ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
    59.เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
    60.ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
    61.ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
    62.หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
    63.ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
    64.ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
    65.สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
    รู้หรือไม่ ?
    66.ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
    67.ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
    68.อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า "ทำราชการ"
    69.ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
    70.ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า"อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"
    71.ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
    72.หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
    73.รู ้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
    74.ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
    75.ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
    76.ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
    77.สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
    78.นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระเกษมสำราญ มีพระพลานมัยแข็งแรงสมบูรณ์ มีพระชนม์ยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ตลอดกาลนานเทอญ. ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...


    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=13625&catid=31
     
  12. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2536
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2537
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2538
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2539
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2540
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2541
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2542
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2543
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2544
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2545
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2546
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2547
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2548
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2549
    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2550
     
  13. LuckyFriday

    LuckyFriday เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,153
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.2551 แก่ปวงชนชาวไทย
    http://palungjit.org/showthread.php?t=106947
    หามาฝากครับ
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </FIELDSET>
     

แชร์หน้านี้

Loading...